หน้าหลัก / รักโบราณ / นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก / ฮูหยินอย่างข้าก็มีดีเหมือนกัน

แชร์

ฮูหยินอย่างข้าก็มีดีเหมือนกัน

ผู้เขียน: Midzilee01
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-04 19:54:38

หวงตงหยาง..ตอนนี้เขาควรอยู่กับเหรินหลานเฟิงที่โรงน้ำชาสิ เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ได้กัน หวงตงหยางผู้นั้นเนี่ยนะ จะมาช่วยข้า เห็นทีปีนี้หิมะคงไม่ตกแล้วล่ะ เขาเกลียดจ้าวเยี่ยนฟางอย่างกับไส้เดือนกิ้งกือ เป็นไปได้อย่างไรที่เขาจะตามมาเพื่อปกป้องนาง

"ท่าน! ท่านมาทำอะไรที่นี่" แม้นางจะคิดว่าบุรุษผู้นี้มีส่วนคล้ายกับหวงตงหยาง แต่นางก็ไม่คิดว่าจะเป็นเขาจริง ๆ เพราะจากนิยายที่นางเคยอ่านมันไม่มีฉากนี้นี่นา

"นี่คือสิ่งแรกที่เจ้าพูดกับผู้มีพระคุณของเจ้าหรือ" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ 

หลังจากจบงานเลี้ยงที่วัง เขาก็แทบไม่ได้เห็นหน้าจ้าวเยี่ยนฟางอีกเลย ไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอหน้าฮูหยินของตนข้างนอกจวน แถมยังเป็นสถานการณ์เช่นนี้

เพราะปกตินางจะต้องมาตามรังควานเขาเสียทุกที แต่คราวนี้นางกลับทำเหมือนไม่เห็นเขา และเดินออกไปทั้งอย่างนั้น อันที่จริงเขาเห็นนางตั้งแต่เดินเข้ามาที่โรงน้ำชาแล้วล่ะ เพียงแต่แสร้งทำเป็นไม่เห็นนางก็เท่านั้น

และสิ่งที่แปลกขึ้นไปอีกคือ การที่จ้าวเยี่ยนฟางเห็นเขานั่งอยู่กับเหรินหลานเฟิง หากเป็นปกตินางคงเข้ามาโวยวาย ทำร้ายร่างกายเหรินหลานเฟิง ไม่ก็ทำลายขว้างปาข้าวของ แต่นางกลับไม่มีท่าทีอะไรเลย..

"เอ่อ..ขอบคุณที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะท่านแม่ทัพ" จ้าวเยี่ยนฟางค้อมศีรษะขอบคุณเขาที่ช่วยชีวิต นางเพียงแค่ตกใจเกินเหตุจึงได้ลืมขอบคุณผู้ที่มาช่วยชีวิตนาง

หวงตงหยางพยักหน้าตอบรับเล็กน้อย ก่อนจะเดินไปยังรถม้าอย่างทุลักทุเล จ้าวเยี่ยนฟางเห็นเช่นนั้นจึงรีบเข้าไปประคองเขาอย่างไม่ทันรู้ตัว อย่างไรตอนนี้เขาก็เป็นผู้มีพระคุณ อีกอย่างเขาก็เจ็บตัวเพราะช่วยนาง แค่ช่วยพยุงคนเจ็บไปที่รถม้า มันคงไม่เหลือบ่ากว่าแรงนักหรอก..

ดวงตาสีนิลมองอีกฝ่ายอย่างค้นคว้า บนใบหน้าหล่อเหลาคล้ายมีคำถาม แต่เขาก็มิได้พูดอะไรออกมา

ระหว่างทาง ถิงถิงนั่งอยู่ข้างคนขับรถม้า ภายในรถม้าจึงมีเพียงหวงตงหยางและจ้าวเยี่ยนฟางนั่งอยู่สองคน บรรยากาศภายในนั้นเต็มไปด้วยความเงียบและความอึดอัด ทั้งสองนั่งเงียบมาตลอดทางโดยไม่มีบทสนทนาใด

"เอ่อ.. เกี่ยวกับแผลของท่าน.."

"อย่าใส่ใจเลย"

"ข้าจะบอกว่า ช่วงนี้พยายามอย่าให้แผลโดนน้ำ แล้วก็หมั่นทำความสะอาดแผลทุกวันห้ามขาดจนกว่าแผลจะหาย ส่วนยา..เอ่อ..ข้าไม่รู้จะจดกับอะไรให้ท่านดี แต่ท่านความจำดีใช่หรือไม่ กลับจวนไปแล้วบอกให้คนซื้อของพวกนี้มานะ" แล้วนางก็เอื้อนเอ่ยชื่อสมุนไพรที่ช่วยรักษาแผลให้เขาได้อย่างคล่องแคล่ว และถึงแม้นหวงตงหยางจะแปลกใจกับตัวนางเพียงใดเขายังคงนั่งนิ่ง ใบหน้าไม่บ่งบอกหรือสื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกใด ๆ ออกมา

"..." ชายหนุ่มยังคงนิ่งเฉย แต่ภายในใจตอนนี้กู่ก้องร้องตะโกนว่า ฮูหยินของเขารู้เรื่องเหล่านี้ได้เยี่ยงไร นางไปร่ำเรียนมาตั้งแต่ตอนไหน เขาพลาดอะไรไปงั้นหรือ!

"ตอบสิเจ้าคะ!" เมื่อเห็นคู่สนทนาเอาแต่นิ่งเงียบ นางจึงใช้น้ำเสียงที่พูดกับเขาเข้มขึ้น

"ได้! เดี๋ยวข้ากลับจวนไป จะบอกให้คนซื้อของตามที่เจ้าสั่ง มีอะไรบ้างล่ะ ไหนบอกกับข้าอีกครั้งซิ" เขาตอบกลับนางอย่างไม่เต็มใจนัก นางพูดเหมือนนางมีความรู้เรื่องยาอย่างนั้นแหละ สตรีที่วัน ๆ เอาแต่วิ่งตามเขาเนี่ยนะ..

"จำนะเจ้าคะ! เหล่งเอี๊ยง,ต่าเต็ก,แบะตง,เต็งซิม นำสี่สิ่งนี้มาต้มรวมกัน และดื่มเป็นยาก่อนอาหารเช้าและก่อนนอน ระหว่างนี้ท่านต้องงดการกิน ของเปรี้ยว,เผ็ด,ดอง เริ่มกินยานี้ได้ตั้งแต่พรุ่งนี้เช้าเลย เข้าใจใช่ไหมเจ้าคะ"

"เจ้าทำเหมือนรู้เรื่องหมอดีอย่างนั้นแหละ ยาที่เจ้าสั่งมามันกินได้จริง ๆ หรือเปล่าก็ไม่รู้" เขาทำหน้าอย่างไม่เชื่อสิ่งที่ตนเองได้ยิน จ้าวเยี่ยนฟางมีความรู้เรื่องการรักษาด้วยอย่างนั้นหรือ มันจะเป็นอย่างนั้นไปได้ยังไรกัน

"หากท่านไม่เชื่อ ท่านก็ลองไปถามหมอดูแล้วกันเจ้าค่ะ ว่ายาที่ข้าแนะนำไปมันกินได้มั้ย และที่สำคัญมันไม่มีพิษแน่นอน!"

"ฮูหยิน ข้าถามเจ้าจริง ๆ เจ้ากำลังวางแผนจะทำอะไรกันแน่" เขายังคงมีท่าทีไม่ไว้วางใจนางอย่างเห็นได้ชัด

แต่เอาเถอะ นางก็ช่วยเท่าที่จะช่วยได้ไปแล้ว จากนี้ก็คงไม่มีเรื่องให้ข้องเกี่ยวกันอีก หากเขาฟังที่นางแนะนำแผลก็หายไว แต่หากไม่ฟังก็สุดแล้วแต่เขาละกัน เพราะนางก็พยายามเท่าที่จะทำได้ไปแล้ว

"ข้าไม่มีแผนอะไรทั้งนั้น ถึงจวนแล้ว ข้าขอลาตรงนี้เลยแล้วกันนะเจ้าคะ ขอบคุณอีกครั้งที่ช่วยข้า" จ้าวเยี่ยนฟางเอ่ยขึ้น ก่อนจะก้าวลงจากรถม้าทันทีที่ล้อมาหยุดอยู่หน้าจวนสกุลหวง

วันนี้มีเหตุการณ์มากมายเกิดขึ้น เขาตั้งใจสะกดรอยตามจ้าวเยี่ยนฟางมาตั้งแต่นางเดินออกมาจากโรงน้ำชา เพราะกำลังสงสัยว่านางกำลังวางแผนอะไรอยู่ แต่ก็ไม่คาดคิดว่านางจะถูกดักปล้นกลางทาง ทำให้เขาจำเป็นต้องเผยตัวต่อหน้านางอย่างเลี่ยงไม่ได้

ข้ารู้ว่าเจ้าเปลี่ยนไป แต่ก็ไม่คิดว่าจะเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้

หลายวันผ่านไป

แสงจากเชิงเทียนพลิ้วไหวในเรือนจงหยุน วันนี้จ้าวเยี่ยนฟางรีบตื่นตั้งแต่ยามเหม่า เพื่อลุกขึ้นมาทำข้าวต้มทรงเครื่องสูตรเด็ด ทำเอาถิงถิงแทบจะลมจับ เมื่อเห็นว่าคุณหนูของตนตื่นมาเข้าครัวตั้งแต่ไก่ยังไม่โห่

ในตอนแรกนางตั้งใจว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับหวงตงหยางอีกแล้ว แต่จิตสำนึกมันตะโกนบอกว่าให้นางต้องไปเยี่ยมเขาบ้าง

อย่างไรซะ เขาก็เป็นผู้มีพระคุณ อีกทั้งนางก็บอกเขาไปแล้วว่าจะทำตัวเป็นฮูหยินที่ดี

ช่วงนี้หวงตงหยางบาดเจ็บ นางจะทำของอร่อย ๆ ไปเยี่ยม หากเขาเห็นว่านางก็เป็นคนดีอยู่บ้าง ตอนจบเผื่อเขาอาจจะมีความปราณีกับนางบ้าง เปลี่ยนใจไม่ลงมือสังหารนางเหมือนในต้นฉบับ

"คุณหนู..แต่ไหนแต่ไรมาท่านมิเคยเข้าครัวเลยนะเจ้าคะ ให้บ่าวทำดีกว่านะเจ้าคะ.." อย่าว่าแต่ถิงถิงที่มาขอร้องฮูหยินเลย บ่าวไพร่คนอื่น ๆ ต่างก็เข้ามาพากัน กอดขาฮูหยินเพื่อขอร้องให้นางออกไปจากครัว

"ฮูหยิน บ่าวทำสำรับมิถูกปากท่านหรือเจ้าคะ ท่านจึงมาลงครัวเองเช่นนี้"

"ฮูหยินเจ้าขา ออกไปพักผ่อนเถิดนะเจ้าคะ เดี๋ยวมีดบาดมือสวย ๆ ของท่านขึ้นมาจะทำอย่างไรล่ะเจ้าคะ"

สารพัดคำขอร้องอ้อนวอนให้นางยอมวางมือและเดินออกจากครัว แต่มีหรือที่นางจะฟัง วันนี้นางตั้งใจตื่นมาทำข้าวต้มทรงเครื่องไปเยี่ยมคนไข้อย่างหวงตงหยาง

หวงตงหยางหลังจากที่ท่านได้ชิมอาหารที่ข้าทำให้ท่านแล้ว ท่านจะต้องรู้สึกขอบคุณข้าเป็นแน่!  นางหมายหมาดในใจ

"ข้าเพียงแค่อยากทำอาหารไปเยี่ยมไข้สามีของข้าก็เท่านั้น ข้าจะระวังมิให้ไฟไหม้ครัวก็แล้วกัน" นางพูดขึ้นอยากติดตลก แต่ทว่าเหล่าบ่าวไพร่กลับมิได้ตลกกับนางเลยสักนิด เพราะจ้าวเยี่ยนฟางตัวจริง ตั้งแต่เล็กจนโตมิเคยถือมีดเข้าครัว ฉะนั้นเหตุการณ์ไฟไหม้ครัวอาจจะเกิดขึ้นจริงก็เป็นได้

"ข้าล้อเล่น ข้าจะตั้งใจทำอย่างระมัดระวัง มิให้บาดเจ็บและมิให้ไฟไหม้ครัว พวกเจ้าพอใจหรือยัง" หลังจากที่นางพูดอย่างชัดเจนเช่นนั้น บรรดาบ่าวไพร่ต่างก็แยกย้ายกันกลับไปทำงานของตน ในห้องครัวจึงเหลือเพียงบ่าวที่ทำหน้าที่หุงหาอาหาร และถิงถิงที่มาช่วยเป็นลูกมือให้นาง

"พวกเจ้าที่เหลือทำงานของตนเองไป มิต้องห่วงข้า ข้ามีถิงถิงช่วยแล้ว พวกเจ้าวางใจเถิด" เมื่อพูดจบ จ้าวเยี่ยนฟางก็ออกคำสั่งให้ถิงถิงช่วยเตรียมวัตถุดิบที่จำเป็นต่อการทำเมนูข้าวต้มทรงเครื่องสูตรพิเศษของนาง

บรรดาบ่าวไพร่ที่คอยดูแลห้องครัวต่างพากันกระซิบซิบกระซาบด้วยความประหลาดใจ ถึงท่านจะเปลี่ยนไปอย่างไร จู่ ๆ ท่านจะเข้าครัวเนี่ยนะ

อย่างฮูหยินเนี่ยนะ จะเข้าครัวเพื่อทำอาหาร..

จ้าวเยี่ยนฟางใช้เวลาอยู่ในห้องครัว เป็นเวลาประมาณหนึ่งก้านธูป กลิ่นอาหารตลบอบอวลลอยออกจากห้องครัว ทำเอาคนที่ได้กลิ่นถึงกับน้ำลายสอ ในที่สุดข้าวต้มทรงเครื่องสูตรพิเศษของนางก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย จ้าวเยี่ยนฟางวานให้ถิงถิงช่วยจัดอาหารและอื่น ๆ ที่นางเตรียมไว้ใส่สำรับ และมุ่งหน้าไปยังเรือนใหญ่ ซึ่งเป็นที่พำนักของแม่ทัพหวง

ระหว่างทางที่เดินไปเรือนของหวงตงหยาง จ้าวเยี่ยนฟางก็ได้แต่ครุ่นคิดอยู่ในใจว่า นางทำเช่นนี้ดีแล้วหรือไม่ เพราะนางรู้ดีว่าหวงตงหยางเกลียดนางเพียงใดหากนางโผล่หน้าไปให้เขาเห็น เขาอาจจะกินข้าวไม่ลงก็ได้

แต่ว่าเมื่อหลายวันก่อนเขาต้องเจ็บตัวเพราะช่วยเหลือนาง หากนางมิไปเยี่ยมเขาเลยสักครั้ง เขาคงมองนางเป็นพวกข้ามแม่น้ำรื้อสะพานเป็นแน่

เมื่อนางเดินมาถึงบริเวณเรือนของหวงตงหยาง นางก็บังเอิญเจอเข้ากับองครักษ์ของเขา ที่กำลังเดินออกมาจากเรือนด้วยสีหน้าที่ดูเป็นกังวล เมื่อองครักษ์หนุ่มคนนั้นเห็นจ้าวเยี่ยนฟาง เขาก็ค้อมศีรษะลงเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินตรงเข้ามาหานาง

"ฮูหยิน.." เจียวมิ่งโค้งคำนับนายหญิงของจวนอย่างนอบน้อม

"ยินดีที่ได้พบท่าน ท่านองครักษ์" นางเอ่ยทักทายกลับไปอย่างเป็นมิตร ก่อนจะสังเกตเห็นได้ว่าเขามีสีหน้ากังวลอะไรบางอย่าง

"ท่านกำลังกังวลสิ่งใดอยู่หรือ"

"ฮูหยิน..ท่านช่วยไปดูท่านแม่ทัพหน่อยได้หรือไม่ขอรับ" องครักษ์หนุ่มต้องเอ่ยขอความช่วยเหลือสตรีที่เจ้านายของตนเคยบอกว่าเกลียดนักเกลียดหนาอย่างจนใจ

เพราะอย่างไรนางก็มีศักดิ์เป็นฮูหยินของท่านแม่ทัพ อีกทั้งฮูหยินก็แสดงท่าทีชัดเจนมาโดยตลอดว่ารักเจ้านายของเขาเพียงใด เวลานี้จึงมีเพียงฮูหยินที่จะช่วยเขาได้

"ได้สิ ข้าตั้งใจจะมาเยี่ยมเขาอยู่แล้ว"

จ้าวเยี่ยนฟางถือสำรับ เดินเข้าไปในเรือนของหวงตงหยางเพียงลำพัง เมื่อนางเดินมาถึงห้องนอนของเขา ก็เห็นว่า หวงตงหยางกำลังนอนหลับอยู่บนเตียง สีหน้าของเขาดูซีดเซียว อีกทั้งยังดูเหมือนคนหายใจหอบถี่

จ้าวเยี่ยนฟางวางสำรับลงบนโต๊ะข้างเตียง ก่อนจะรีบเข้าไปดูอาการของเขา นางใช้หลังมือแตะหน้าผากเขาเบา ๆ ก็พบว่าเขามีไข้ขึ้นสูง คาดว่าน่าจะมาจากพิษของบาดแผล

ไม่ได้การล่ะ นางต้องรีบตามคนมาช่วยเดี๋ยวนี้ มิเช่นนั้นอาการของแม่ทัพหวงอาจจะแย่ไปกว่านี้ หากเป็นเช่นนั้นมันก็อาจจะอันตรายถึงชีวิต ในขณะที่จ้าวเยี่ยนฟางกำลังจะลุกขึ้นไปตามคนมาช่วย ข้อมือนางก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยฝ่ามือหนาของคนที่คิดว่ากำลังหลับอยู่ นางหันกลับไปดูด้วยความตกใจก็พบว่า หวงตงหยางกำลังจับข้อมือของนางอยู่

"ท่าน..ท่านเป็นอย่างไรบ้าง"

"เจ้ากำลังจะไปไหน" หวงตงหยางเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหบแห้ง เขารู้สึกปวดบาดแผลมากเสียจนแทบทนไม่ไหว

"ข้ากำลังจะไปตามคนมาช่วยท่าน ท่านไข้สูงมาก ไยท่านจึงไม่รีบบอกให้องครักษ์ของท่านไปตามหมอมาดูอาการ" นางเผลอบ่นออกไปด้วยความเป็นห่วง

ในฐานะเพื่อนมนุษย์ด้วยกันแล้ว นางไม่สามารถปล่อยให้เขานอนซมเพราะพิษไข้อย่างนี้ได้

"ช่างเถิด..เมื่อหลายวันก่อนข้าได้สมุนไพรมาทาแผลแล้ว ไม่นานก็คงหาย" เขายังคงพยายามที่จะสื่อสารกับนาง แม้ว่าตัวเขาแทบจะไม่มีแรงเปล่งเสียงออกมาแล้วก็ตาม

"หากได้รับการรักษาแล้วอาการต้องดีขึ้นสิ ท่านมิรู้บ้างเลยหรือว่าตอนนี้อาการท่านย่ำแย่มาก" นางมองเขาด้วยสีหน้าไม่สู้ดี

"เขาเป็นหมอที่เก่งที่สุดที่ข้ารู้จักแล้ว.. หากเขารักษาไม่ได้ ข้าก็จนปัญญา" หวงตงหยางพยายามเค้นเสียงตอบ

นางไม่รู้ว่าการแพทย์สมัยนี้เป็นอย่างไร แต่การเอาใบไม้มาโปะลงบนแผล ใช่ว่าแผลจะหายดีไปเสียทุกราย

"หากหมอที่เก่งที่สุดรักษาได้เพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนรักษาให้ท่านเอง!"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   คุณหมอจำเป็นกับคนไข้แสนหยิ่งทนง

    "หากหมอที่เก่งที่สุดรักษาได้เพียงเท่านี้ เช่นนั้นข้าจะเป็นคนรักษาให้ท่านเอง!" วิชาแพทย์ที่นางเคยร่ำเรียนมาในชาติก่อน กำลังจะได้ใช้จริงในชาตินี้ ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่อาชีพที่นางชอบ แต่นางก็ต้องทำเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน"อย่างเจ้าน่ะหรือจะรักษาข้า แค่กๆ" เสียงพูดกระท่อนกระแท่นและไอโขกตามมาหลังจากบุรุษผู้องอาจพูดจบ หวงตงหยางพยายามสูดเอาอากาศเข้าปอด และค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจเข้าออกเป็นจังหวะอย่างช้า ๆ ตอนนี้เขารู้สึกเหนื่อยล้าเกินกว่าที่จะมาสู้รบตบมือกับนางแล้วหากหมอที่เก่งที่สุดยังรักษาเขาไม่ได้ สตรีที่ชื่อว่าจ้าวเยี่ยนฟางจะรักษาเขาได้อย่างไร แต่ก็ช่างเถิด ตอนนี้เขาไม่มีอะไรจะเสียอยู่แล้ว..จ้าวเยี่ยนฟางถือวิสาสะถอดเสื้อของเขาออกตามอำเภอใจ หวงตงหยางก็ไม่ได้มีท่าทีขัดขืน นางเคยทำแผลให้เขามาแล้วครั้งหนึ่ง มิรู้ว่าครั้งนี้จะสามารถไว้ใจนางได้หรือไม่ เขาได้แต่ทำใจและยอมให้นางรักษาแต่โดยดีนางสำรวจบาดแผลของเขา ก่อนจะหันกลับมาบ่นเขาตามประสาคนที่เคยเรียนหมอมาก่อน ตอนนี้นางเข้าใจแล้วว่าทำไมหมอถึงบ่นนางในตอนที่นางป่วยเพราะนางเองก็เป็นคนประเภทที่ หากไม่ได้เป็นอะไรหนักหนา นางจะไม่มีทางไป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ใครว่าข้าสนใจเจ้า

    "ช่วงนี้ข้าจะมาทำแผลให้ท่านทุกวันจนกว่าจะหายดี ถึงท่านจะไม่อยากเห็นหน้าข้าก็ช่วยอดทนหน่อยนะเจ้าคะ ขอเพียงข้ารักษาท่านเสร็จ ข้าจะไม่มารบกวนท่านอีก""ได้" เขาตอบกลับเสียงเรียบ สีหน้าและแววตาไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใด ๆ จ้าวเยี่ยนฟางได้แต่ฝืนยิ้มให้กับเขา เหตุใดนางถึงรู้สึกเศร้าเช่นนี้ ทั้งที่นางไม่ได้คิดอะไรกับเขาด้วยซ้ำ"วันนี้ข้าทำข้าวต้มทรงเครื่องมาให้ท่านด้วยล่ะ เดี๋ยวข้าจะให้เจียวมิ่งนำไปอุ่นมาให้ท่านนะเจ้าคะ"หวงตงหยางไม่ได้ตอบสิ่งใดกลับไป เขาทำเพียงแค่มองดูนางทำนั่นทำนี่ก็เท่านั้น นางเก็บอุปกรณ์ทำแผลเสร็จเรียบร้อย ก็ลุกขึ้นและยกสำรับที่เย็นชืดแล้วไปให้เจียวมิ่ง ก่อนจะกลับมาพร้อมกลับกะละมังใส่น้ำ และผ้าสะอาดผืนหนึ่ง"เจ้าจะทำอะไร""เช็ดตัวให้ท่านไงเจ้าคะ ดูเหมือนว่าท่านจะมีไข้ด้วย ถึงแม้ว่าข้าจะทำแผลให้ท่านเสร็จแล้ว ก็ใช่ว่าไข้จะลดลงไปด้วย ท่านต้องเช็ดตัวเพื่อลดไข้ด้วยนะเจ้าคะ" นางตอบเขาไปอย่างไม่คิดอะไร แต่ทว่าคนที่นอนอยู่บนเตียงกลับคิดไปไกล เช็ดตัวให้ก็ต้องเปลื้องผ้า หรือที่จริงแล้ว จ้าวเยี่ยนฟางอยากถือโอกาสที่เขาป่วยเพื่อหลอกกินเต้าหู้เขากันเมื่อเห็นว่าเขาทำสีหน้าไม่ไว้วางใจ นางก็ถึ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-04
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ความรู้สึกที่เปลี่ยนไป

    ตอนนี้นางช่างเป็นคนที่รับมือได้ยากเสียจริงหวงตงหยางคิดอยู่ในใจพลางยกยิ้มมุมปากอย่างพึงใจ ถึงจะไม่อยากยอมรับว่าเขาสนใจเรื่องของนาง แต่ก็ต้องยอมรับว่าตอนนี้จ้าวเยี่ยนฟางเป็นสตรีที่น่าสนใจจริง ๆหลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดูเหมือนจะดีขึ้น ทั้งหวงตงหยางและจ้าวเยี่ยนฟางต่างก็มีเรื่องต่าง ๆ มาพูดคุยกัน เพื่อแก้เบื่อ หวงตงหยางเริ่มพูดกับนางมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ทำเอาเจียวมิ่งองครักษ์ส่วนตัวของเขาถึงกับอมยิ้มเวลามองมาที่เขาและนางจ้าวเยี่ยนฟางมักจะถามเขาถึงเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาเคยไปออกรบว่าเป็นอย่างไรบ้าง ครั้งแรกที่เขาจับดาบตอนอายุเท่าไหร่ หรือกระทั่งเรื่องการฝึกยุทธ์ วิชาตัวเบาต่าง ๆ นางล้วนนั่งฟังอย่างตั้งใจหวงตงหยางเหลือบเห็นสายตาของนางที่มองมาที่เขาด้วยความชื่นชมตลอดเวลาที่เขาเล่าเรื่องต่าง ๆ ให้ฟัง"เจ้าถูกใจเรื่องที่ข้าเล่าหรือ" เขาเอ่ยถามออกไปด้วยความแปลกใจ เรื่องของทหาร เรื่องของดาบ น้อยนักที่สตรีใต้หล้านี้จะใคร่รู้และอยากฟังเรื่องราว แต่ว่านางกลับนั่งฟังอย่างตั้งใจ อีกทั้งท่าทีก็ดูตื่นเต้นและสนุกสนานกับเรื่องเล่าของเขาการได้พูดคุยกับสตรีที่ชื่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   นี่น่ะหรือ..นางเอก

    อันที่จริงใช่ว่านางจะหลงใหลหวงตงหยางเหมือนจ้าวเยี่ยนฟางคนเก่า แต่นางเพียงไม่ชอบให้ใครมาพูดจาถากถางใส่เช่นนี้ หากไม่ชอบนาง ก็แค่เดินผ่านไปตั้งแต่แรกเสียก็จบ ไม่รู้ว่าจะมาทำตัวปากยื่นปากยาวใส่นางไปทำไมกัน"ข้าน่ะรู้สึกสงสารฮูหยินจับใจเลยนะเจ้าคะ" แม้ว่าเหรินหลานเฟิงจะทำเป็นตีหน้าเศร้า แต่แววตาของนางหาได้เป็นเช่นนั้นไม่นางคงจะเก่งในการพูดให้ผู้อื่นโมโหมากเลยสิท่า ถึงว่าล่ะจ้าวเยี่ยนฟางคนก่อนถึงได้ถึงขั้นลงไม้ลงมือตบตี เจ็บตัวเล็กน้อยแต่ได้หัวใจของพระเอกมาครอง หึ ช่างน่าขันยิ่งนักเจ้าก็ไม่ธรรมดาเหมือนกันนี่แม่นางเหรินแต่วิธีของเจ้าใช้ไม่ได้กับจ้าวเยี่ยนฟางคนนี้หรอกนะ ถ้าเหงาปากนักละก็ นางจะอยู่คุยเป็นเพื่อนให้ก็ได้"ตัวข้านี้ มีเรื่องอะไรให้คุณหนูจากสกุลเหรินมาสงสารกันล่ะ" เพราะหากเปรียบเทียบกันแล้ว ตัวของจ้าวเยี่ยนฟางเองก็นับว่าเหนือกว่าเหรินหลานเฟิงในทุก ๆ เรื่อง ทั้งฐานะทางสังคม ทรัพย์สินเงินทอง หรือกระทั่งรูปร่างหน้าตา จ้าวเยี่ยนฟางนั้น มิมีสิ่งใดที่ด้อยกว่าคุณหนูจากสกุลเหรินเลยแม้แต่น้อยเหรินหลานเฟิงที่ได้ยินเช่นนั้น ก็ได้แต่ฝืนยิ้มออกมา แววตามีความสะกดกลั้นอารมณ์อยู่ไม่น้อย นิ้ว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   กลับไปเป็นเช่นเดิม

    จ้าวเยี่ยนฟางเดินมาหยุดที่หน้าเรือนของหวงตงหยางเหมือนในทุก ๆ วัน แต่ทว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว ที่นางจะมารักษาให้เขา เพราะบาดแผลของเขานั้นเกือบหายดีแล้ว ตัวนางเองก็คงหมดหน้าที่แล้วเช่นกันอาจเป็นเพราะว่าหวงตงหยางเป็นคนฝึกยุทธ์ บาดแผลจึงสมานได้ไวกว่าคนปกติ นางนึกหัวเราะอยู่ในใจ คนที่มีวิทยายุทธ์อย่างนั้นหรือ.. ความคิดนี้มาจากคนที่เคยเรียนแพทย์อย่างนางได้อย่างไรกัน นางคงจะคุ้นชินกับโลกใบนี้เสียแล้วล่ะ"ข้าคิดว่าแผลของท่านเกือบจะหายดีแล้ว พักดื่มยาอีกสองสามวันคงหาย" นางพูดขึ้นในขณะที่กำลังก้มหน้าเก็บอุปกรณ์ทำแผลเช่นเดิมแต่ขณะที่นางจะลุกขึ้นเพื่อเอาของไปเก็บ เขากลับเรียกนางเอาไว้ หวงตงหยางจมอยู่ในห้วงความคิดของตนอยู่นาน เหตุใดเขาถึงรู้สึกวูบโหวง ใจหายแปลก ๆ เพียงแค่คิดว่านางจะไม่มาหาอีก มันเป็นความรู้สึกที่ตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ทั้งที่เขาเคยเกลียดชังนางถึงขั้นไม่อยากเห็นหน้าไม่อยากเข้าใกล้ แต่กลับเฝ้ารอให้นางมาหา และรู้สึกใจหายทุกครั้งเมื่อนางกลับไป"เจ้าหมายความว่า หากข้าหายดีแล้ว เจ้าก็จะไม่มาที่นี่อีกใช่หรือไม่" น้ำเสียงอ่อนโยนแฝงความนัยลึกซึ้ง สายตาที่ทอดมองนางก็ยิ่งลึกล้ำจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   สับสน

    "ไหน ๆ ฮูหยินที่เจ้าจงเกลียดจงชัง ก็ไม่โผล่หน้ามาให้เห็นแล้ว เจ้าควรมีสีหน้าที่ดีกว่านี้สิ หรือว่า..เจ้าคิดถึงนาง!""แค่กๆๆ นี่เจ้า! จะพูดอะไรก็ช่วยคิดก่อนพูดได้หรือไม่ ข้าเนี่ยนะ จะไปคิดถึงนาง เหอะ! สตรีร้ายกาจเช่นนั้น ข้าไม่..คิดถึงนางหรอก หายไปได้ก็ดีแล้ว" หวงตงหยางถึงกับสำลักเมื่อได้ยินสิ่งที่สหายของตนพูดออกมาเขาคิดถึงนางอย่างนั้นหรือ.. เป็นไปไม่ได้หรอก เขาเพียงแค่เคยชินที่นางคอยมาทำแผลให้ก็เท่านั้น"งั้นหรือ..แต่ข้ารู้สึกคิดถึงนางนะ" หลงโม่โฉวพูดขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ พลางยกจอกสุราขึ้นมาดื่ม ครั้งล่าสุดที่เขาพบกับจ้าวเยี่ยนฟาง ก็ตั้งแต่ในร้านขายภาพวาด อีกทั้งตอนนั้นนางยังวิ่งมาสวมกอดเขา ร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียจนเขาเองยังรู้สึกสงสารต้องยอมรับว่านางงดงามแม้กระทั่งตอนที่ร้องไห้ น้ำตาไหลอาบหน้า เขาไม่เข้าใจเลยจริง ๆ ว่าเหตุใดหวงตงหยางจึงจงเกลียดจงชังนางนัก"เจ้ากำลังคิดถึงภรรยาของข้าอยู่นะโม่โฉว" หวงตงหยางพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ไม่ว่าอย่างไรนางก็ยังมีศักดิ์เป็นฮูหยินของเขา ถึงจะรู้ว่าหลงโม่โฉวเพียงพูดเล่น แต่เขากลับรู้สึกไม่ชอบใจสักเท่าไหร่"เจ้ากินน้ำส้มสายชูอย่างนั้นหรือ..ก่อนหน้านี้เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   คนเมาก็คงพูดไปเรื่อย

    หวงตงหยางมุ่งหน้าไปยังอาชาสีนิลของตน เขาไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี วันนี้จิตใจของเขาสับสนวุ่นวายไปหมด ทั้งที่เคยเกลียดชังจ้าวเยี่ยนฟางปานนั้น ก็ยังคิดถึงใบหน้าของนางอยู่ได้ ในเมื่อนางไม่หายไปจากสมองสักที เขาก็จะไปหานางเองขณะหวงตงหยางกำลังกุมบังเหียนอาชาคู่ใจมุ่งหน้ากลับไปยังจวนสกุลหวงเพื่อที่จะไปพบกับฮูหยินของตน ในใจก็พลันฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า จะไปหานางด้วยเรื่องอะไร มีเหตุผลใดเขาจึงต้องไปหานางกัน เขาคิดเช่นนั้นมาตลอดทาง จนกระทั่งถึงบริเวณหน้าจวนสองเท้ากระโดดลงจากอาชาอย่างมั่นคง ทหารยามที่เข้าเวรอยู่ ณ.ขณะนั้นจึงเป็นคนเอาม้าไปเก็บให้ผู้เป็นนาย หวงตงหยางเดินหน้าแดงก่ำไปยังที่พำนักของฮูหยิน ตอนนี้เขามาหยุดอยู่หน้าเรือนของสตรีที่เขาเคยเกลียดที่สุด ภายในใจสับสนวุ่นวายตีรวนกันไปหมด ทำไมข้าถึงได้ถ่อมาถึงที่นี่กันนะ หากข้าได้เจอหน้านาง ความรู้สึกวุ่นวายในใจนี้จะหายไปหรือไม่"ฮูหยินอยู่ที่ใด" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามบ่าวไพร่คนหนึ่งที่คอยรับใช้อยู่ในเรือนจงหยุน"เรียนท่านแม่ทัพ ฮูหยินกำลังพักผ่อนอยู่ที่ศาลาริมสระบัวเจ้าค่ะ"หวงตงหยางพยักหน้ารับรู้เล็กน้อย ก่อนจะมุ่งหน้าไปยังศาลาริมสระบัว ซึ่งตอนนี้มีร่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06
  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ท่านรูปงามมากจริง ๆ

    "จากนี้ไปเจ้าพูดกันเองกับข้าก็ได้ อย่างไรเราก็เป็นสามีภรรยากัน"หวงตงหยางพูดขึ้นอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว พลางใช้ตะเกียบคีบผักเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ กินอย่างสบายใจเหมือนกันแต่ทว่าคนฟังนั้นกลับรู้สึกสับสนวุ่นวายใจ นางเป็นเพียงแค่ภรรยาในนามของเขามิใช่หรือ ทั้งที่ปกติแล้ว แม้แต่ใบหน้าของนาง เขาก็ยังไม่อยากมอง จู่ ๆ จะมาให้นางพูดจาเป็นกันเองด้วย จะมิให้นางตกใจได้อย่างไร"เจ้าตกใจอะไรขนาดนั้น เราเป็นสามีภรรยากัน พูดคุยกันอย่างกันเองก็ไม่มีอะไรแปลกนี่""มันแปลกเจ้าค่ะ ก่อนหน้านี้แม้แต่หน้าข้า ท่านก็ยังไม่ชายตามอง จู่ ๆ จะให้คุยแบบกันเอง มันจะไม่แปลกได้อย่างไรเจ้าคะ" นางขมวดคิ้ว แย้งคำพูดของเขาเสียงแผ่วตลอดเวลาที่ผ่านมา นางมิเคยคาดหวังให้หวงตงหยางมาทำดีด้วย และมิเคยคาดหวังให้เขามาสนใจ ไม่ว่าเขาคิดจะทำสิ่งใด หรือ อยากไปรักกับผู้ใด นางก็จะมิเข้าไปขัดขวาง ขอเพียงแค่หวงตงหยางไม่สังหารนางเหมือนในต้นฉบับ เท่านั้นก็เพียงพอแล้วสำหรับนาง แต่เพราะเหตุใดจู่ ๆ หวงตงหยางก็เปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เขามิใช่คนที่จะมาชวนนางร่วมโต๊ะอาหาร และมิใช่คนที่จะคีบผักใส่ถ้วยของนางด้วยเช่นกัน หวงตงหยางในตอนนี้ มักพูดและทำในสิ่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-08

บทล่าสุด

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ตอนพิเศษ

    "หยางหยาง เธอคนนั้นสวยเนอะนายว่ามั้ย" ลู่ฉือเฉิงใช้ศอกสะกิดเพื่อนรักของตัวเองด้วยความตื่นเต้น พลางใช้นิ้วชี้ไปยังผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ยืนหันหลังอยู่ เธอสวมมินิเดรสสีครีม พร้อมกับรองเท้าส้นสูงแบรนด์ดัง ผมสีน้ำตาลอ่อนเหยียดตรงยาวจนถึงกลางหลัง ยิ่งมองดูยิ่งรู้สึกหลงใหล"อืม" เขาตอบกลับเพียงสั้น ๆ ทำเอาลูู่ฉือเฉิงถึงกับหน้ายู่ด้วยความผิดหวัง ทำไมเพื่อนของเขาถึงได้ทำตัวเหมือนกับก้อนหินแบบนี้ อายุอานามก็ไม่ใช่น้อย ๆ กันแล้ว แต่เขายังไม่เคยเห็นเพื่อนสนิทคนนี้มีแฟนกับเขาเลยสักคน"นี่หยางหยาง ฉันถามนายจริง ๆ นาย..คงไม่ได้ชอบผู้ชายหรอกใช่มั้ย" ลู่ฉือเฉิงเอ่ยถามเพื่อนรักด้วยน้ำเสียงที่ติดตลก"ฉันชอบผู้หญิงเหมือนกับนายนั่นแหละน่า" หวงตงหยางหรือที่เพื่อนสนิทเรียกว่าหยางหยางตอบกลับด้วยสีหน้าราบเรียบ อันที่จริงเขาไม่ได้สนใจเกี่ยวกับศิลปะเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ว่าที่ยอมมาหอศิลป์เป็นเพื่อนเจ้าลู่ฉือเฉิง เพราะมีเรื่องเกี่ยวกับศิลปินท่านหนึ่งที่เขาจะต้องรู้ให้ได้..ชื่อของศิลปินคนนี้ เหมือนกับนางในฝันของเขา .."หยางหยางนายยังฝันแปลก ๆ อยู่ใช่มั้ย เพราะเธอคนนั้นหรือเปล่านายถึงไม่ยอมมีแฟนสักที" คำถาม

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ความทรงจำในม่านหมอก

    แสงไฟจากโคมระย้าคริสตัลส่องประกายระยิบระยับไปทั่วห้องโถงคอนโดหรู ผนังห้องสีครีมอ่อนประดับด้วยภาพวาดสีน้ำมันฝีมือประณีตที่บ่งบอกถึงรสนิยมอันเลิศหรูของเจ้าของห้อง เรือนร่างระหงยืนอยู่หน้าหน้าต่างบานใหญ่ เธอมองลงไปยังถนนด้านล่างที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนและยานพาหนะ ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ามีจดหมายที่รอให้เธอเปิดอ่านวางรออยู่บนโต๊ะแขนเรียวเอื้อมมือไปหยิบซองจดหมายสีครีมที่วางอยู่บนโต๊ะข้างตัวออกมาเปิดอ่าน เนื้อหาภายในจดหมายแจ้งว่าเธอได้รับเชิญให้ไปจัดแสดงภาพวาดที่หอศิลป์แห่งหนึ่ง ริมฝีปากบางเผยอเป็นรอยยิ้มน้อย ๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นและเดินไปยังมุมหนึ่งของห้องภาพวาดขนาดใหญ่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีขาวผืนหนึ่ง เรียวแขนเล็กค่อย ๆ ดึงผ้าคลุมออกอย่างช้า ๆ เผยให้เห็นภาพวาดสีน้ำมันที่วิจิตรงดงาม สิ่งที่ปรากฏบนผืนผ้าใบก็คือรูปของชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดจีนโบราณสีเปลือกไข่ เธอจ้องมองภาพนั้นด้วยสีหน้าราบเรียบ แต่ทว่ามิอาจซ่อนความโศกเศร้าในดวงตาสีน้ำตาลอ่อนได้ แพขนตางอนหลุบต่ำลงเล็กน้อย นิ้วมือเรียวลูบดวงหน้าคนในภาพอย่างทะนุถนอม ราวกับกำลังสัมผัสใบหน้าของผู้เป็นที่รัก..เสียงริงโทนเรียกเข้าดังขึ้น ทำให้เจ้าของดว

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ตำราหน้าสุดท้าย

    หวงตงหยางนอนกอดหมอนที่ฮูหยินเคยหนุนนอน ด้วยความโศกเศร้าที่ไม่อาจบรรยายได้ น้ำตาแห่งความคิดถึงไหลอาบแก้มของเขา หมอนใบนั้นยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของนาง กลิ่นที่เขาจะไม่มีวันลืมเลือนไปได้ตลอดชีวิตหวงตงหยางโอบกอดหมอนแน่นยิ่งขึ้น ราวกับว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ยังเชื่อมโยงเขากับนางได้ นัยน์ตาเศร้าสร้อยหลับตาลงและปล่อยให้ความทรงจำอันแสนหวานไหลเวียนอยู่ในหัวใจ ภาพของนางที่ยิ้มแย้ม หัวเราะ และร้องไห้ปรากฏขึ้นในความคิดของเขา ภาพเหล่านั้นชัดเจนราวกับว่าเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวานนี้แต่ความจริงแล้ว นางได้จากเขาไปแล้ว..หลังจากที่จ้าวเยี่ยนฟางสิ้นลมหายใจ หวงตงหยางก็รู้สึกราวกับว่าส่วนหนึ่งของตัวเขาได้ตายไปพร้อมกับนาง ความรู้สึกผิดและความเจ็บปวดทรมานหัวใจ ภาพที่นางโผเข้ามารับคมกระบี่แทนเขายังคงตามหลอกหลอนเป็นดั่งเงา ทำให้เขาไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่อแต่กระนั้นเขาก็ยังตายไม่ได้ เพราะนางได้ยอมสละชีวิตเพื่อช่วยเขาเอาไว้ เขาจำต้องมีชีวิตอยู่ต่อไปกับความรู้สึกผิดที่กดทับหัวใจตลอดเวลาคำพูดที่จ้าวเยี่ยนฟางพูดไว้วันนั้นก็เป็นดั่งคำสาป "โปรดมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างมีความสุขนะเจ้าคะ" นางพูดด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มชี

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า

    "หลานเฟิง เจ้าทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร" หวงตงหยางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรนัก"ข้าเคยบอกท่านแล้วว่า ข้าจะมิยอมตกนรกอยู่คนเดียว ในเมื่อข้ามิสามารถครอบครองท่านได้ จะใครหน้าไหนก็มิคู่ควรทั้งนั้น!!" บัดนี้ดวงหน้าที่เคยงดงามอ่อนหวาน ถูกไฟริษยาแผดเผาจนไม่เหลือชิ้นดี ความรักทำให้นางตาบอดงมงาย ชายที่นางหลงรักกลับเห็นนางเป็นเพียงแค่ของเล่น สตรีที่นางชิงชังที่สุดกลับมีความสุขอยู่บนความทุกข์ของนาง!!"ปล่อยเยี่ยนฟางไป นางมิได้เกี่ยวอะไรด้วย หากเจ้าโกรธแค้นนักก็มาลงที่ข้า ข้าขอรับความโกรธแค้นของเจ้าไว้แต่เพียงผู้เดียว""ฮ่าๆๆๆ จนป่านนี้ท่านก็ยังปกป้องมัน ในวันที่ข้าจมน้ำ ข้ารู้ว่าท่านแสร้งทำเป็นลงโทษนาง เพื่อที่จะได้มิต้องส่งตัวนางให้ทางการใช่หรือไม่ ท่านมิเคยคิดเข้าข้างข้าอยู่แล้ว แล้วที่ผ่านมาท่านจะมาให้ความหวังลมๆ แล้งๆ กับข้าทำไม""..." หวงตงหยางนิ่งเงียบมิยอมตอบกลับอะไร จริงอย่างที่เหรินหลานเฟิงพูด เขารู้ดีว่าจ้าวเยี่ยนฟางร้ายกาจเพียงใด แต่อย่างไรนางก็เป็นภรรยาที่รักและซื่อสัตย์ต่อเขาเพียงคนเดียว เหรินหลานเฟิงเองก็มิใช่สามัญชนคนธรรมดา หากบิดานางล่วงรู้ว่า ฮูหยินจงใจผลักลูกสาวของเข

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   เทศกาลฉงหยาง

    แสงแดดสาดส่องผ่านหน้าต่างไม้สลัก มากระทบลงบนใบหน้าเนียนผ่องที่กำลังหลับใหลอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของผู้เป็นสามี เซี่ยซินหยานลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างช้า ๆ ด้วยความงัวเงีย ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังใบหน้าคมคายที่บัดนี้กำลังหลับไหลอยู่ด้วยความรู้สึกรักใคร่ ฝ่ามือเล็กสัมผัสกับใบหน้าของเขาอย่างแผ่วเบา เรียวนิ้วลูบไล้สันจมูกโด่งด้วยความหลงใหล"ฮูหยินเจ้าหลอกกินเต้าหู้ข้าหรือ" เสียงนุ่มทุ้มของเขาเอ่ยขึ้น ก่อนจะจับข้อมือของภรรยาตัวน้อยเอาไว้มิยอมปล่อย อันที่จริงเขาตื่นมาสักพักแล้ว เพียงแต่ว่าแสร้งทำเป็นนอนต่อก็เท่านั้น ผู้ใดจะรู้เล่าว่าฮูหยินจะมีมุมเช่นนี้อยู่ด้วย "ข้ามิได้คิดเช่นนั้นเสียหน่อย" เซี่ยซินหยานขมวดคิ้ว ประท้วงคำพูดของเขาด้วยเสียงแผ่ว นางมิได้มีความคิดเช่นนั้นเสียหน่อย นางเพียงแค่คิดว่าหวงตงหยางเป็นบุรุษที่รูปงามมากก็เท่านั้น มิได้มีอารมณ์ความรู้สึกใดแอบแฝงอย่างที่เขากล่าวหาเลยแม้แต่น้อย"หากมิได้คิดเช่นนั้น..แล้วเจ้าคิดเช่นไรกันล่ะ" สายตาวิบวับเจ้าเล่ห์จับจ้องไปยังริมฝีปากของนางพร้อมซักถาม "ข้าคิดว่าท่านรูปงามมากก็เท่านั้นเอง..พอใจหรือยังเจ้าคะ" เซี่ยซินหยานตัดสินใจตอบกลับไปตามตรง หวงต

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   คนหลอกลวง!

    อาทิตย์อัสดงสาดส่อง ย้อมให้สิ่งต่าง ๆ เปลี่ยนเป็นสีแสด กระทั่งเงาของต้นหลิวที่สะท้อนอยู่ในน้ำก็ยังมองเห็นเป็นสีแสดด้วยเช่นกัน จ้าวเยี่ยนฟางนั่งยังคงชะเง้อมองหาร่างของผู้เป็นสามี ด้วยความกระวนกระวายใจ"อากาศเย็นลงแล้วนะเจ้าคะฮูหยิน เข้าไปพักผ่อนด้านในเรือนเถิดเจ้าค่ะ" สาวใช้คนสนิทเอ่ยขึ้นด้วยความเป็นห่วง วันนี้ฮูหยินของนางนั่งรอท่านแม่ทัพอยู่ที่ศาลาริมน้ำมาทั้งวันแล้ว ไม่ว่านางจะพูดเช่นไรก็ดูเหมือนว่าฮูหยินท่านจะไม่ยอมฟังเลยแม้แต่น้อย"ข้าขอรอเขาอยู่ตรงนี้อีกสักหน่อยนะ.." เสียงผู้เป็นนายตอบกลับมาอย่างอ่อนโยน ถิงถิงจึงทำได้เพียงปล่อยให้ท่านนั่งรออยู่เช่นนี้ต่อไป สิ่งที่นางพอจะทำให้ฮูหยินได้ในเวลานี้ก็คือนำเสื้อคลุมหนา ๆ มาให้ท่านสินะ.."เช่นนั้นบ่าวจะไปนำเสื้อคลุมอุ่น ๆ มาให้นะเจ้าคะ" "อื้อ" จ้าวเยี่ยนฟางพยักหน้าตอบกลับเล็กน้อย ก่อนจะกวาดสายตามองไปยังซุ้มประตูทางเข้าของเรือนจงหยุนไม่นานนักถิงถิงก็เดินกลับมาพร้อมกับเสื้อคลุมสีฟ้า มืออีกข้างหนึ่งของนางถือตะเกียงไม้มาด้วย นางช่วยใส่เสื้อคลุมให้กับฮูหยินและจัดแจงวางตะเกียงไว้ด้านข้าง เพราะนางรู้ดีว่าฮูหยินคงจะนั่งอยู่ต่อไปเช่นนี้ต่อไป หาก

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ไว้พบกันใหม่

    ยามอู่ ของวันที่ห้าในป่าลึกเจียวมิ่งควบอาชาสีนิลมาหยุดอยู่ลานกว้างหน้ากระท่อมหลังเล็ก ร่างกำยำกระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปผลักประตูไม้บานเก่า ๆ ออก จนเกิดเสียงดังเอี๊ยด ภาพที่เห็นนั้นยิ่งทำให้องครักษ์หนุ่มนั้นประหลาดใจก็คือภาพที่ เจ้านายของเขาพูดคุยกับตาเฒ่าเจ้าเลห์อย่างสนิทสนมราวกับว่ารู้จักกันมานานหรือตอนนี้ท่านแม่ทัพกำลังถูกสะกดจิต.. เขาคิดเช่นนั้นอยู่ในใจ แต่กลับต้องหลุดออกจากภวังค์เพราะเสียงของผู้เป็นนาย"อ้าว เจ้ามาแล้วรึ" หวงตงหยางเอ่ยทักทายองครักษ์คนสนิท หลังจากที่มิได้เจอหน้ากันนานถึงสี่วัน"นายท่าน.. ท่านผู้เฒ่า" เจียวมิ่งประสานมือทำความเคารพก่อนจะค้อมศีรษะลงอย่างนอบน้อม แม้ว่าในใจจะมิไว้ใจตาเฒ่าเจ้าเลห์ผู้นั้น แต่ทว่าตอนนั้นตาเฒ่านั่นก็มีศักดิ์เป็นถึงอาจารย์ของท่านแม่ทัพ มิว่าจะชอบหรือไม่ชอบอย่างไร เขาก็ต้องทำความเคารพ"ว่าแต่เจ้าหอบอะไรมาล่ะนั่น พะรุงพะรังเชียว"สายคมกริบจ้องมองห่อผ้าด้วยความสงสัย อันที่จริงเขากำลังรอให้เจียวมิ่งกลับมา เพราะจะได้ถามว่าฮูหยินได้ฝากจดหมายมาบ้างหรือเปล่า"อ่อ..ของพวกนี้ฮูหยินเป็นคนเตรียมมาให้ท่านน่ะขอรับ" เจียวมิ่งตอบกลับ ก่อนจะยื

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   ความหวัง

    บริเวณลานกว้างในป่าลึก หวงตงหยางฝึกฝนวิชาโดยการนั่งสมาธิเพื่อตามหาจุดที่มีแก่นของวิญญาณอยู่ โดยที่มีอาจารย์เฉิงคอยเฝ้าดูอยู่ไม่ห่าง และเมื่อเพ่งสมาธิถึงจุดหนึ่ง เสียงของเหล่าวิหกรวมถึงเสียงของสายลมนั้นได้ดับเงียบลงหวงตงหยางจ่มดิ่งสู่ห้วงแห่งสมาธิ และมุ่งหน้าตามหาแสงแห่งชีวิต จนกระทั่งพบเข้ากับดวงไฟสีขาวที่ลุกโชน เขาได้เอื้อมมือไปแตะกับดวงไฟดวงนั้น และเมื่อมือของเขาสัมผัสเข้ากับดวงไฟ ความรู้สึกมากมายก็ถาโถมเข้ามาอย่างไม่มีท่าทีว่าจะหยุด ราวกับคลื่นทะเลที่คอยซัดเข้าหาชายฝั่งเหงื่อเม็ดเล็ก ๆ ผุดขึ้นทั่วร่างของหวงตงหยาง จนอาภรณ์ของเขานั้นเปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อ เมื่อผู้เป็นอาจารย์เห็นเช่นนั้นจึงรู้ได้ทันทีว่า ลูกศิษย์ของเขาได้พบเจอเข้ากับแก่นของวิญญาณแล้วแก่นของวิญญาณนั้นเต็มไปด้วยอารมณ์อันมากมายของมนุษย์ทั้ง รัก โลภ โกรธ หลง หวงตงหยางจะต้องเห็นภาพที่เขานั้นได้ใช้มาทั้งชีวิต รวมถึงได้เห็นอดีตทั้งดีและร้าย ต่อให้เป็นเรื่องที่เขานั้นลืมเลือนไปแล้ว มันก็จะกลับมาฉายซ้ำให้ได้เห็นหากเขาได้พบเข้ากับภาพแห่งความสุข เขาอาจจะไม่อยากกลับออกมายังโลกความเป็นจริงอีก ถ้าหากได้พบกับสิ่งที่เขาเกลียดหรือห

  • นางร้ายผู้นี้ มิขอหลงรักพระเอก   จดหมายถึงเจ้า

    จ้าวเยี่ยนฟางลืมตาตื่นขึ้นมาในยามเฉิน ก็ไม่พบกับหวงตงหยางเสียแล้ว ในตอนแรกนางคิดว่าเขาคงจะไปที่ค่ายทหาร หรือไม่ก็คงจะเข้าวังตามปกติ นางจึงไม่คิดติดใจหรือสงสัยอะไรและใช้เวลาเกือบทั้งวันไปกับการเขียนตำราและปักเย็บผ้า"เหตุใดฮูหยินจึงปักผ้าเช็ดหน้าหลายผืนนักล่ะเจ้าคะ" ถิงถิงที่เงียบอยู่นานเอ่ยถามขึ้นด้วยความสงสัย เจ้านายของนางจะเปิดร้านขายผ้าเช็ดหน้าหรืออย่างไรกัน นี่ก็ปาไปผืนที่สามแล้ว ท่านก็ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดปัก"ข้าตั้งใจปักไว้ให้ตงหยางน่ะ" ดวงหน้างามเงยหน้าขึ้นมาตอบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน บอกตามตรงว่านางก็มิได้มีฝีมืออันใด เพียงแต่ว่าอยากทำให้เขาก็เท่านั้น ไม่รู้เหมือนกันว่าหวงตงหยางจะชอบผ้าเช็ดหน้าที่นางปักให้หรือไม่ เพราะว่ามันก็มิได้วิจิตรและมิใช่ลวดลายที่ทำยากอะไร"หากท่านแม่ทัพรู้ ท่านจะต้องดีใจมากแน่เจ้าค่ะ" "งั้นหรือ.. หากเขาชอบนั่นก็คงจะดี"ณ กระท่อมกลางป่าหวงตงหยางอยู่ในสภาวะอ่อนแรงหลังจากที่สูญเสียอายุไขให้กับเฒ่าเจ้าเล่ห์ผู้นั้นไปสิบปี เขามองเห็นทุกการกระทำที่ชายคนผู้นั้นทำ แต่กระนั้นก็ยังไม่เข้าใจว่า มนุษย์คนหนึ่งจะดึงเอาอายุไขผู้อื่นไปได้อย่างไร"วันนี้เจ้าพักผ่อนอยู่ท

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status