ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติของตนเองกลับคืนมา นอนคว่ำตัวลงพร้อมทั้งห่มผ้าคลุมตัว แสร้งว่าตนเองกำลังหลับอยู่ ตั้งสติกลับคืนมา พร้อมด้วยประตูห้อง ที่ถูกคนผู้หนึ่งเตะออกพลันพัดพาลมหนาวให้เข้ามาในทันที ทำให้ห้องที่เย็นอยู่แล้วนั้น ทำเอาอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา“นางช่างโชคดีเสี
สีหน้าของเฟ่ยชุ่ยมีความซับซ้อน “พระนาง ท่านอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ หู่พั่วนางมิได้มีเจตนา นางก็แค่ปากเสียเท่านั้นเพคะ...”“ไม่ต้องพูดแล้ว จะดีหรือเลวข้าสามารถแยกแยะได้ คนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง “นำยามาให้ข้าเถิด”“บ่าวช่วยทาให้เพคะ” เฟ่ยชุ่ยถอนหายใจ รู้สึกเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง “เด
หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่
พวกองครักษ์สีหน้าค่อนข้างแย่เรื่องราวถูกพระชายาทรงกล่าวออกมาเช่นนี้ หากเรื่องใหญ่ขึ้นมา พวกเขาทั้งหลายคงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก ยังจะพลอยเดือดร้อนไปถึงท่านอ๋องเจ็ดอีกด้วยพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง เอ่ยแสดงความขอโทษ “พระชายา ได้โปรดอย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมยอมทำตามคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”พวกเขาหยิบไม้โบย
“เหตุใดจึงโบยหงเย้า?” เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“นางโบยสาวใช้ของหม่อมฉัน เหตุใดหม่อมฉันจึงโบยเขามิได้เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งลง รินชาร้อนถ้วยหนึ่ง ใช้เล็บค่อย ๆ หยิบก้านชาออกมา “เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง ท่านผู้เป็นท่านอ๋องถึงกับมาทวงความยุติธรรมด้วยองค์เองหรือเพคะ? ช่างน่าซาบซึ้งพระทัยยิ่งนัก”ตงฟางหลีได้ย
“ฉินเหยี่ยนเย่ว์ มีเพียงเจ้า ที่ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อนั้น” น้ำเสียงของตงฟางหลีเย็นชาเขาบีบคอแน่นขึ้น สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากหายใจไม่ออกฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจไม่ออก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนสามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน เธอมองความโศกเศร้าจากนัยน์ตาค
ภายในเรือนโยวหลานเฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมที
“เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่
จีอู๋เยียนยังคงมีกลิ่นอายสังหารลอยวนเวียนอยู่ร่างกายกลิ่นอายสังหารนั้นแตกต่างจากกลิ่นอายสังหารทั่วไป คล้ายกับว่ามีกระบี่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนออกมาจากร่างของเขา บริเวณโดยรอบเงียบสงัดราวกับจักจั่นในหน้าหนาวสีหน้าฉินเหยี่ยนเย่ว์แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อยถึงอย่างไรนี่ก็กำลังอยู่ในวังหลวงจีอู๋เยียนถึงกับปล
“ใช่ แหวนขอแต่งงาน” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ท่าทีจริงจัง “ในที่พวกเราอยู่นั้น หลังจากที่ชายหญิงสองฝ่ายมั่นใจในความรู้สึกแล้ว ฝ่ายชายก็จะมอบแหวนแต่งงานให้กับฝ่ายหญิง”“หากฝ่ายหญิงรับแหวนไว้ ก็เท่ากับยอมรับการขอแต่งงาน นี่เป็นโอกาสที่หาได้ยากเชียวนะ ท่านก็สู้ ๆ ล่ะ”ใบหน้าจีอู๋เยียนแดงก่ำเขาสังหารคนเหมือนเป็น
ไอเย็นสายนั้นแผ่มาจากในห้อง ทะลุผ่านผ้าห่ม ปกคลุมความร้อนในเตาไฟ เสียดแทงผิวหนังของนางจนรู้สึกเจ็บปวดไม่สบายตัวมากเลยทีเดียวฉินเหยี่ยนเย่ว์มุ่นหัวคิ้วดิ้นรนอยู่สักพัก ถูกความรู้สึกถูกเข็มทิ่มนี้รบกวนจนมิอาจนอนหลับได้อีก ได้แต่ลืมตาขึ้นในผ้าม่าน มีเงาร่างคนผู้หนึ่งยืนอยู่ที่ข้างเตียง กำลังจับจ้องน
“หม่อมฉันต้องการภาพเหมือนวัยเยาว์ของสนมเหยา ท่านให้สิ่งนี้กับหม่อมฉันทำไมหรือ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์มองภาพนั้นขึ้นลงคนในภาพไม่คล้ายกับเด็กหนุ่มแม้แต่น้อยถือภาพที่น่าเกลียดขนาดนี้ไปตามหาคน ลำบากพวกฉยงฮวาแล้ว“ให้เจ้าได้เห็นความยากลำบากในการตามหาคนของพวกฉยงฮวาต่างหากเล่า” ตงฟางหลีกล่าวกลั้วหัวเราะ “ข้าเค
“เจ็บหรือไม่?”“ยังพอไหว”นางคว้าข้อมือของเขาขึ้นมาก่อนจะกัดลงไปอย่างแรงครานี้ได้ใช้แรงมหาศาล“ยัยหนู เจ้าเกิดปีสุนัขหรือ” รอยฟันฝังลึกบนข้อมือ นัยน์ตาตงฟางหลีเริ่มฉายแววดำคล้ำ“เจ็บหรือไม่?” ฉินเหยี่เย่ว์กล่าว พลางล้วงเข็มเล่มใหญ่ออกมา หมายจะลอบทิ่มบนร่างกายของเขาเงียบ ๆตงฟางหลีใบหน้าดำทะมึนเป็นแ
“อ้อ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์เลิกคิ้วคราก่อนนางได้ช่วยเหลือเด็กหนุ่มคนนั้นที่จวนสกุลฉินไว้ หลังจากที่ถูกนางช่วยชีวิต ก็รักษาตัวอยู่ในจวนสกุลฉินมาตลอดเรื่องที่เด็กหนุ่มตามหาพี่สาวนั้น นางได้มอบให้ตงฟางหลีไปจัดการในยุคสมัยที่ข้อมูลเข้าถึงได้ยากนี้ การตามหาคนเดิมก็เป็นงานที่เพ้อฝันอยู่แล้ว บางครั้งตามหาทั้
“เสด็จพ่อชื่นชอบนิสัยเรียบง่ายของเสด็จแม่ ยามที่อยู่กับนางก็ไร้ซึ่งความกดดัน ดังนั้นพระองค์จึงปล่อยให้เสด็จแม่ทำตามอำเภอใจ เสด็จพ่อชอบตัวตนที่แท้จริงของสนมเหยา เมื่ออยู่กับสนมเหยา จะสามารถรับรู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้ บางครั้งเสด็จพ่ออาจรักเสด็จแม่มากกว่าหลายส่วน ทว่า หากเจ้าพูดว่าเสด็จพ่อชื่น
กระถางธูปจินหนีเย็นตัวลง หลงเหลือไว้เพียงกลิ่นหอมของเจี้ยงเจินเซียงที่ฝังลึกอยู่ในผ้าม่านแสงอาทิตย์สาดส่องทะลุผ่านผ้าม่านโปร่งสีเขียว ติดเลือนรางอยู่ในผ้าม่านที่ปลิวไหวฉินเหยี่ยนเย่ว์คร้านลืมตา นิ้วมือขยุ้มลวดลายดอกไม้ที่ปักบนผ้าห่ม ตำหนิด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ท่านใจแคบเสียจริง”แค่เรียกเขาว่าเจ้าหน
“พระชายางดงามเหมือนกับภาพวาดเลย” ตงฟางหลีพูดยิ้ม ๆ“เอ๋ ท่านกินยาผิดหรือเพคะ? จู่ ๆ ถึงได้พูดถ้อยคำแปลกประหลาดเช่นนี้” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ไร้คำใดจะเอ่ย “พี่เจ็ดหม่อมฉันพบว่าท่านมักจะพ่นถ้อยคำหวานซึ้งออกมาโดยที่มิมีสัญญาณบอกกล่าวล่วงหน้า”ตงฟางหลียิ้มกว้าง“เจ้าไม่ชอบหรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดชั่วอึด