Share

บทที่ 0004

Author: สายธารสะท้อนเงา
last update Last Updated: 2024-04-23 13:47:37
สีหน้าของท่านอ๋องสามพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาเองก็คร้านที่จะอยู่ที่นี่ต่อไป จึงได้ก้าวเดินออกไปด้วยท่าทีฉุนเฉียวในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่หลับตาลง ก่อนจะแหงนหน้ามองขึ้นไปบนฟ้าพร้อมทั้งถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

ลมหายใจที่ถูกปล่อยออกมานั้น พลันกลายเป็นไอหมอกสีขาวขุ่นในทันที พลางจางหายไปในอากาศอย่างรวดเร็ว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่หันไปเห็นองครักษ์ที่ยืนถือไม้กระดานรออยู่นั้น ก็ได้แต่ครุ่นคิดกับตนเองภายในใจว่า โทษโบยสามสิบไม้นี้นางคงมิอาจหนีไปไหนได้แล้ว

ในเมื่อหนีมิได้ มิสู้เผชิญหน้ากับมันเสีย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่กำมือของตนเองเอาไว้แน่น ก่อนจะก้มตัวโน้มลงไปในทันที

พละกำลังของเหล่าองครักษ์นั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก เมื่อไม้โบยถูกเหวี่ยงตกลงมาบนร่างกายของนางนั้น ก็ทำเอาเนื้อบนผิวหนังฉีกขาดออกมา

นิ้วของนางจิกเข้าไปในเนื้อหลังของตนเองในทันใด พลางกัดฟันของตนเองไว้แน่น แม้แต่ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่เองยังมิอาจอดทนได้กับโทษโบยสามสิบไม้ ทว่า ฉินเหยี่ยนเย่ว์กลับนิ่งเงียบมิส่งเสียงร้องออกมาสักนิด

หลังจากที่โทษโบยสามสิบไม้เสร็จสิ้นลงนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์ก็หมดสติไปในทันที พร้อมด้วยลมหายใจโรยริน

เหล่าองครักษ์พลันได้แต่มองหน้ากัน

“เอาอย่างไรดี? นางดูเหมือนจะหมดหายใจอยู่รอมร่อแล้ว พวกเราไปเชิญท่านหมอมาตรวจดูอาการของนางหน่อยดีหรือไม่?” องครักษ์คนหนึ่งพลันเอ่ยขึ้นมา

“เมื่อครู่ท่านอ๋องกล่าวว่าห้ามเชิญท่านหมอหลวงมารักษา?” องครักษ์อีกคนหนึ่งจึงเอ่ยขึ้นมาว่า “สตรีนางนี้ใช้วิธีกผิดจารีตประเพณีในการขึ้นมาเป็นพระชายาของท่านอ๋อง ท่านอ๋องเกลียดรังเกียจนางยิ่งนัก เกรงว่าพวกเราใช้โอกาสนี้ตีนางให้ตายเสียจักดีกว่า นางหาได้มีอันใดมาคู่ควรกับท่านอ๋องของพวกเราไม่? อย่าได้เข้าไปยุ่งวุ่นวายอันใดให้มากความเลย รีบกลับไปรายงานแก่ท่านอ๋องเจ็ดดีกว่า”

คำพูดขององครักษ์ทั้งสองคนนั้นพลันดังแว่วเข้ามาในหูของฉินเหยี่ยนเย่ว์เป็นระยะ ๆ เสมือนกับเป็นเสียงที่ดังมาจากที่ไกล ๆ

ฉากเบื้องหน้าที่ดำมืด พร้อมทั้งกลิ่นอายของความตายที่ค่อย ๆ ย่างกรายเข้ามา แม้แต่จะขยับนิ้วมือฉินเหยี่ยนเย่ว์ยังมิอาจที่จะขยับได้

จิตสำนึกที่ค่อย ๆ เรือนรางเต็มที พร้อมทั้งร่างกายที่ค่อย ๆ เบาตัว เสมือนกับจิตวิญญาณของตนเองที่กำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ มิรับรู้ถึงความรู้สึกในโลกแห่งความจริงใด ๆ ทั้งนั้น

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้” เสียงร่ำไห้ที่ดังขึ้นมาในหัว “ท่านอ๋องคิดว่าข้าน่ารังเกียจ เป็นไปไม่ได้ คำพูดที่ท่านอ๋องเคยพร่ำบอกต่อข้านั้น ล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวงหรือ? ทั้งหมดเป็นเพราะต้องการหลอกลวงข้า?”

“เจ้าช่างโง่จริง ๆ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ครุ่นคิดในยามที่กำลังจ้องมองไปยังตัวตนของนางอีกคนหนึ่ง พลันเอามือวางไว้บนหัวของนาง “เรื่องระหว่างเจ้ากับฉินเสวี่ยเย่ว์นั้น ท่านอ๋องสามเองก็ทรงทราบดี ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นท่านอ๋องเองที่วางแผนนี้ขึ้นมาเสียด้วยซ้ำ ผู้ที่ตกอยู่ในโคลนตมล้วนมีเพียงแค่เจ้า”

“ข้าไม่เชื่อ ข้าไม่เชื่อ ทุกอย่างจักเป็นเรื่องหลอกลวงไปได้อย่างไรกัน?”

“เจ้าเองก็ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของชายเจ้าเล่ห์และหญิงอสรพิษเช่นนั้นแล้ว เจ้ายังคิดหลงเชื่องมงานอยู่อีกหรืออย่างไร?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ถอนหายใจออกมา “โลกมนุษย์มิคู่ควร เหตุใดเจ้าต้องทรมานตนเองเพียงเพื่ออ้อยเน่า ๆ ก้านเดียวด้วย ข้าทนมิไหวแล้ว ร่างนี้ข้าขอคืนมันให้กับเจ้าเสีย เจ้าใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างมีความสุขเถิด อย่าได้จมปลักอยู่กับความโง่อีกเลย”

“ไม่ ข้ามิอาจทนไหวแล้ว ที่ข้ายังอดทนมิยอมจากไปนั้น นั่นเป็นเพราะข้ายังมิวางใจ ในเมื่อวันนี้ข้าได้คำตอบ ได้รับความจริงที่ตนเองควรรู้แล้ว ข้าก็มิมีสิ่งใดให้ต้องห่วงอีก ข้ายินยอมที่จะจากไปแต่โดยดี แต่เจ้ายังมีหนทางรอด ฉะนั้นแล้ว เจ้าจักต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ช่วยข้าล้างแค้นพวกมันเสีย ข้าฝากด้วยเล่า”

น้ำเสียงที่ค่อยแผ่วเบาลงเรื่อย ๆ หลังจากพูดจนจบนั้น ร่างวิญญาณสุดท้ายพลันถูกดูดเข้าไปในร่างของฉินเหยี่ยนเย่ว์ในทันที

หลังจากที่วิญญาณกลับเข้ามาในร่างแล้วนั้น ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงได้ฟื้นขึ้นมา

พร้อมทั้งอาการเจ็บปวดที่ถาโถม รวมไปถึงเหงื่อเย็น ๆ ที่ไหลไปทั่วร่าง นับว่าเป็นความจริงที่เสมือนมิเคยเกิดขึ้นมาก่อนเลย

เมื่อครู่ นางคล้ายกับกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝันก็ไม่ปาน

ในความฝันนั้น วิญญาณของเจ้าของร่างเดิมได้นำดวงวิญญาณสุดท้ายของนางกลับเข้ามายังในร่างนี้ ทั้งยังยินยอมให้นางได้เข้าครอบครองร่างนี้แล้วมีชีวิตอยู่ต่อไป

เสียงพร่ำบ่นมากมายที่เคยดังขึ้นมาในหัวก็ได้สลายหายไป

คงไว้แต่เพียงจิตใจที่สงบนิ่ง พร้อมด้วยกลิ่นอายของพลังวิญญาณที่ทำให้นางรู้ซึ้งถึงการฟื้นคืนจากความตายขึ้นมาในทันที

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ใช้นิ้วมือของตนจิกลงไปในปลอกหมอน พลางหลับตาลงกล่าวออกมาว่า "เจ้าวางใจเถอะ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เจ้าเคยได้รับ ข้าจักช่วยเอาคืนให้กับเจ้าเป็นร้อยเป็นพันเท่าเอง"

ถึงแม้ตนเองจักเอ่ยออกมาเช่นนั้น แต่สถานการณ์ของนางในยามนี้หาได้ดีไม่

หลังจากที่นางตกอยู่ในทะเลสาบเป็นเวลานานนั้น ทั้งยังต้องมาถูกโทษโบยสามสิบไม้เช่นนี้อีก นางรู้สึกเวียนหัว พร้อมทั้งหน้าผากที่เกิดอาการร้อนผาวขึ้นมา อาการไข้ขึ้นสูงเช่นนี้อาจทำให้นางหมดสติไปเลยก็ได้

ทักษะทางการแพทย์ที่นางได้รับการสืบทอดมาจากปู่ของนางจักไปมีประโยชน์อันใดเล่า?

ที่นี่มิแม้แต่ยาลดไข้ ยาแก้ปวดหรือยาแก้อักเสบเลยสักนิด เกรงว่านางคงจักได้ตกตายไปอีกรอบหนึ่งแล้วกระมัง

เมื่อมีความคิดเช่นนี้โผล่เข้ามาในหัวนั้น ทำเอาฉินเหยี่ยวเย่ว์นึกโศกเศร้าในโชคชะตาของตนเองยิ่งนัก ในยามที่ปู่ของนางเสียนางยังมิทันได้มีโอกาสกลับไปหาเลยเสียด้วยซ้ำ ยังมิทันที่นางจะได้กลับไปถึงบ้านกลับต้องมาถูกชายชุดดำจับตัวไปเสียก่อน หลังจากที่นางจับพลัดจับผลูมาโผล่ในร่างนี้นั้น ยังมิทันจะได้สติดีกลับต้องมาตายอีกรอบแล้วหรือ

เหตุใดนางถึงโชคร้ายเช่นนี้

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนคว่ำอยู่บนเตียงนั้น ความเจ็บปวดพลันเข้ามาเป็นระลอก ๆไม่ห่างหาย ทำเอานางมิอาจอดทนไหว

จู่ ๆ นางก็อดคิดถึงปู่และพ่อแม่ของนางที่จากไปอย่างมิมีวันหวนกลับได้ ใต้หล้านี้เหลือนางเพียงตัวคนเดียวแล้ว ความรู้สึกคิดถึงที่ถาโถมเข้ามา ทำให้ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่ขดงอตัวเอง พร้อมทั้งเอาหน้าผากซุกไปที่ข้อมือของตน

มิทันไรหยาดน้ำตาพลันค่อย ๆไหล่ลงมากระทบกับฝ่ามือของนางในทันที พร้อมทั้งแหวนที่อยู่บนนิ้วของนางจู่ ๆ กลับเปล่งประกายแสงออกมา

ท่ามกลางแสงสว่างนั้น เสมือนกับว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะเห็นโรงพยาบาลอยู่รำไร

อาคารแห่งนี้เป็นตึกที่ปู่ของนางได้ช่วยชีวิตเศรษฐีผู้มั่งคั่งรายหนึ่งเอาไว้จนสามารถมาสร้างเป็นโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ โดยที่ปู่ของนางเป็นผู้อำนวยการ ด้านในโรงพยาบาลมีหยูกยาครบครัน จนไปถึงอุปกรณ์เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย นางวิ่งเล่นอยู่ภายในโรงพยาบาลนี้ตั้งแต่เด็ก ๆ นับได้ว่านางคุ้นเคยกับสถานที่ภายในที่แห่งนี้เป็นอย่างยิ่ง

"ฉันกลับไปอีกแล้วเหรอ?" ฉินเหยี่ยนเย่ว์ตกตะลึงไปอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนนางจะสัมผัสได้ว่ามีบางอย่างที่ผิดแปลกไป

โรงพยาบาลแห่งนี้เป็นตึกใหม่เอี่ยม ทว่า ในยามนี้หาได้มีผู้มดอยู่สักคนไม่ ทั้งกลิ่นอายแห่งความตายที่กระจายคละคลุ้งไปทั่ว เสมือนกับโลกที่ว่างเปล่าก็ไม่ปาน

เมื่อฉินเหยี่ยนเย่ว์ต้องการจะเดินสำรวจดูนั้น แสงสว่างที่อยู่ตรงหน้าพลันค่อย ๆ หายไป พร้อมกับโรงพยาบาลตรงหน้าที่ค่อย ๆ จางหายไปเช่นกัน

“ที่แท้มันก็เป็นเพียงแค่ภาพลวงตาเท่านั้น” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ได้แต่แย้มยิ้มออกมาอย่างขมขื่น ก่อนจะเอียงหน้าไปอีกข้างหนึ่ง ทำเอานางแทบจะกรีดร้องออกมาในทันทีเมื่อเห็นว่าบนหัวเตียงมีของบางอย่างปรากฎขึ้น

ไอบูโพรเฟน ยาผงขาวอวิ๋นหนาน ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์!

หยูกยาพวกนี้หาใช่สิ่งของของผู้คนในยุคนี้ไม่ แต่มันกลับมาปรากฏอยู่ในมือของนาง

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงรีบถอดแหวนออกมาในทันที ก่อนจะกวาดสายตามองไปรอบ ๆ นางหาได้พบสิ่งผิดปกติอันใดไม่

ทว่า ไอบูโพรเฟนและยาผงขาวอวิ๋นหนานนั้น ปรากฏตัวขึ้นมาพร้อม ๆ กับภาพหลอนของโรงพยาบาลเลย

นี่มันแปลกประหลาดเกินไปแล้ว!

เนื่องจากไอบูโพรเฟนเป็นยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ ฤทธิ์ของยาจึงถูกปล่อยออกมาช้า ๆ นั่นจึงทำให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด ทั้งยังมีฤทธิ์ระงับอาการปวดได้ดีและยาวนานอีกด้วย รวมไปถึงช่วยเรื่องการลดไข้จากการอักแสบจากแผล

ส่วนผงยาขาวอวิ๋นหนานใช้สำหรับยากรักษาภายนอก นับว่ามีประสิทธิภาพในการรักษาอาการบาดเจ็บเป็นอย่างมาก

ยาทั้งสองชนิดในยามนี้ ถือเป็นยาที่ช่วยชีวิตของนางในยามนี้เลยทีเดียว

ฉินเหยี่ยนเย่ว์มิคิดอันใดให้มากความ นางรีบคว้าไอบูโพรเฟนมากิน ก่อนจะพยายามฆ่าเชื้อบริเวณบาดแผลของตนเองด้วยความยากลำบาก จากนั้นนางจึงใช้ผงยาขาวอวิ๋นหนานโรยเข้าไปบนปากแผล อาการบาดเจ็บที่เคยมีจึงค่อย ๆ ทุเลาลงบ้าง จนทำให้นางผล็อยหลับไปในทันที

ตัวยาเพียงเท่านี้ นับว่าเพียงพอที่นางจะใช้มันไปถึงห้าวันแล้ว

ในช่วงเวลาห้าวันที่ผ่านมานั้น ฉิเนเหยี่ยนเย่ว์ลองดูทุกวิธีการต่าง ๆ เพื่อที่ตนเองจะสามารถเห็นถึงโรงพยาบาลของปู่นางได้อีกครั้ง ทว่า นางกลับต้องพบเจอกับความล้มเหลวทุกครา

แหวนก็มิมีปฏิกิริยาตอบโต้ใด ๆ เลย

หรือว่าทั้งหมดที่เกิดขึ้น เป็นเพียงภาพหลอนของนางเท่านั้น

จนกระทั่งห้าวันให้หลัง

แหวนที่มิได้มีปฏิกิริยาตอบสนองอันใดนั้น จู่ ๆ กลับแผ่ความร้อนออกมา พร้อมด้วยภาพโรงพยาบาลที่ปรากฏขึ้นมาตรงหน้านางอีกครา

พร้อมด้วยกล่องยาแอสไพรินที่ปรากฏตัวขึ้นในมือของนาง

ทั้งตัวยาแอสไพรินและไอบูโพรเฟนนั้น ล้วนแต่เป็นยาแก้อักเสบที่มิใช่สเตียรอยด์ หากแต่สิ่งที่แตกต่างกันนั้น ก็คือยาแอสไพรินสามารถป้องกันการเกิดลิ่มเลือดอุดตันขึ้นมาได้ จากการนอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน ๆ ทั้งยังช่วยให้บาดแผลตกสะเก็ดและฟื้นฟูกลับมาเป็นเช่นเดิม ทว่า การนอนอยู่บนเตียงนาน ๆ นั้น อาจจะทำให้การหมุนเวียนของเลือดเกิดการติดขัดได้ ดังนั้นยาแอสไพรินนี้จึงมาช่วยนางได้ทันเวลาพอดี

ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันใช้นิ้วมือถูแหวนไปมา ด้วยอารมณ์ที่ซาบซึ้งใจยิ่งนัก

แหวนวงนี้ถือเป็นของขวัญวันเกิดที่นางได้รับมาจากปู่ของนาง ปู่ของนางกล่าวว่าเขาทำมันขึ้นมาด้วยตนเอง อีกทั้งแหวนวงนี้ยังอัดแน่นไปด้วยความรักควาคิดถึงและสืบทอดความคิดของพ่อแม่ของนางใส่เอาไว้ด้านในอีกด้วย เพื่อให้แหวนวงนี้ถือเป็นเครื่องรางปกป้องคุ้มกันภัยสำหรับนาง

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จึงสวมใส่มันราวกับว่ามันเป็นสมบัติล้ำค่ามาโดยตลอด หลังจากที่นางถูกชายชุดดำจับตัวไปนั้น เมื่อชายชุดดำลองสำรวจแหวนวงนี้แล้ว เขากลับรู้สึกว่ามันหาได้มีค่าอันใดไม่ พวกเขาจึงปล่อยเลยตามเลย

ฉินเหยี่ยนเย่ว์จำได้อย่างชัดเจนเลยว่า เจ้าของร่างเดิมหาได้สวมใส่แหวนไม่ เสมือนกับว่าแหวนวงนี้มาปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เจ้าของร่างเดิมจากไป พร้อมกับวิญญาณของนางที่เข้ามาสิงอยู่ในร่างนี้แทน

ไม่เพียงแต่มีแหวนปรากฏตัวขึ้นเท่านั้น แต่ยังมีบางสิ่งบางอย่างที่มหัศจรรย์เกิดขึ้นอีกด้วย

เมื่อแหวนเกิดอาการร้อนขึ้น โรงพยาบาลก็จะปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง แม้แต่หยูกยาเหล่านั้นก็เป็นยาที่มาจากโรงพยาบาลด้วยเช่นกัน แหวนวงนี้จึงเปรียบเสมือนสื่อตัวกลางในการเชื่อมโยงนางกับโรงพยาบาลของปู่นางเข้าไว้ด้วยกัน

ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อนัก แต่นางก็อดไม่ได้ที่จะเชื่อมัน

ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่กำลังตกอยู่ภวังค์แห่งความคิดของตนเอง จู่ ๆ พลันได้ยินเสียงฝีเท้าหนักและคนที่กำลังระงับอาการไอของตัวเองดังออกมาจากด้านนอกประตู
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Chatree Sedakum
ขอบพระคุณมากนะครับ
goodnovel comment avatar
Benja Thongpetch
นางเอกโง่ น่าจะโดนโบย 500 ครั้งให้ตาบอกแขนขาพิการไปเลย. นางเอกโง่ๆๆ
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0005

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์พลันขมวดคิ้วลงเล็กน้อย ก่อนจะดึงสติของตนเองกลับคืนมา นอนคว่ำตัวลงพร้อมทั้งห่มผ้าคลุมตัว แสร้งว่าตนเองกำลังหลับอยู่ ตั้งสติกลับคืนมา พร้อมด้วยประตูห้อง ที่ถูกคนผู้หนึ่งเตะออกพลันพัดพาลมหนาวให้เข้ามาในทันที ทำให้ห้องที่เย็นอยู่แล้วนั้น ทำเอาอุณหภูมิลดลงไปอีกสองสามองศา“นางช่างโชคดีเสี

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0006

    สีหน้าของเฟ่ยชุ่ยมีความซับซ้อน “พระนาง ท่านอย่าทรงกริ้วเลยเพคะ หู่พั่วนางมิได้มีเจตนา นางก็แค่ปากเสียเท่านั้นเพคะ...”“ไม่ต้องพูดแล้ว จะดีหรือเลวข้าสามารถแยกแยะได้ คนเช่นนั้น ข้าไม่ต้องการ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์หลุบตาลง “นำยามาให้ข้าเถิด”“บ่าวช่วยทาให้เพคะ” เฟ่ยชุ่ยถอนหายใจ รู้สึกเคืองใจเป็นอย่างยิ่ง “เด

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0007

    หงเย้าคิดไม่ถึงว่าฉินเหยี่ยนเย่ว์จะปรากฏตัวขึ้น จึงเก็บแส้ เอ่ยอย่างฝืนยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นพระชายา อากาศหนาวเช่นนี้ เหตุใดจึงต้องรบกวนให้ท่านเสด็จออกมาด้วยพระองค์เอง? พระนางโปรดวางใจเพคะ สาวใช้ของท่านไม่เชื่อฟัง บ่าวได้ช่วยท่านสั่งสอนนางไปแล้วเรียบร้อยแล้วเพคะ”“ขอบใจในความหวังดีของเจ้า” ฉินเหยี่ยนเย่

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0008

    พวกองครักษ์สีหน้าค่อนข้างแย่เรื่องราวถูกพระชายาทรงกล่าวออกมาเช่นนี้ หากเรื่องใหญ่ขึ้นมา พวกเขาทั้งหลายคงมีจุดจบที่ไม่ดีนัก ยังจะพลอยเดือดร้อนไปถึงท่านอ๋องเจ็ดอีกด้วยพวกเขาสบตากันแวบหนึ่ง เอ่ยแสดงความขอโทษ “พระชายา ได้โปรดอย่าทรงกริ้วเลยพ่ะย่ะค่ะ พวกกระหม่อมยอมทำตามคำสั่งพ่ะย่ะค่ะ”พวกเขาหยิบไม้โบย

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0009

    “เหตุใดจึงโบยหงเย้า?” เขาเอ่ยน้ำเสียงจริงจัง“นางโบยสาวใช้ของหม่อมฉัน เหตุใดหม่อมฉันจึงโบยเขามิได้เพคะ?” ฉินเหยี่ยนเย่ว์นั่งลง รินชาร้อนถ้วยหนึ่ง ใช้เล็บค่อย ๆ หยิบก้านชาออกมา “เพื่อสาวใช้คนหนึ่ง ท่านผู้เป็นท่านอ๋องถึงกับมาทวงความยุติธรรมด้วยองค์เองหรือเพคะ? ช่างน่าซาบซึ้งพระทัยยิ่งนัก”ตงฟางหลีได้ย

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0010

    “ฉินเหยี่ยนเย่ว์ มีเพียงเจ้า ที่ไม่คู่ควรที่จะเอ่ยถึงชื่อนั้น” น้ำเสียงของตงฟางหลีเย็นชาเขาบีบคอแน่นขึ้น สีหน้าของฉินเหยี่ยนเย่ว์เปลี่ยนเป็นสีม่วงเนื่องจากหายใจไม่ออกฉินเหยี่ยนเย่ว์หายใจไม่ออก พวกเขาอยู่ใกล้กันมาก จนสามารถมองเห็นใบหน้าของเขา ดวงตาของเขาได้อย่างชัดเจน เธอมองความโศกเศร้าจากนัยน์ตาค

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0011

    ภายในเรือนโยวหลานเฟ่ยชุ่ยที่กำลังเก็บเศษซากแจกันที่แตกหักอยู่ด้วยหยาดน้ำตาคลอเบ้า พร้อมทั้งไหล่ทั้งสองข้างที่กำลังสั่นเทาเบา ๆ ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่นอนบนเตียงนั้น ได้แต่มองท่าทีผิดหวังของเฟ่ยชุ่ย ก่อนจะถอนหายใจออกมา “เฟ่ยชุ่ย ข้ามิเป็นอันใด เจ้าหยุดร้องไห้ได้แล้ว”เฟ่ยชุ่ยพลันซืดน้ำมูกเข้าไป “เดิมที

    Last Updated : 2024-04-23
  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0012

    “เจ้าลืมวันมงคลของทุกเดือนไปแล้วหรือ?” ตงฟางหลีกล่าว “วันรุ่งพรุ่งนี้ เจ้าจักต้องเข้าวังพร้อมกับข้า ทั้งเสื้อผ้าอาภรณ์และเครื่องประดับต่างก็จัดเตรียมเอาไว้ให้เจ้าครบหมดแล้ว”ฉินเหยี่ยนเย่ว์ที่ฉุกคิดขึ้นมาได้ในทันทีว่า วันพระบรมราชสมภพขององค์จักรพรรดินั้นเป็นวันยี่สิบสามของเดือนหนึ่ง ฉะนั้นแล้ววันที่

    Last Updated : 2024-04-23

Latest chapter

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0923

    หากมิใช่เพราะนางยังสามารถสัมผัสได้ถึงชีพจรที่เต้นอย่างอ่อนแรง ก็แทบจะคิดว่าพระสนมอวิ๋นตายไปแล้วต้องเกิดปัญหาขึ้นที่ไหนสักที่!ฉินเหยี่ยนเย่ว์กำมือแน่น สมองหมุนวนอย่างรวดเร็วก่อนที่จะกำจัดกู่นั้น นางได้ตรวจร่างกายของพระสนมอวิ๋นแล้ว นอกเสียจากถูกพิษกู่กัดกร่อนจนทำให้รู้สึกเจ็บปวดร่างกาย แล้ว ก็มีเพี

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0922

    ฉินเหยี่ยนเย่ว์ถึงกับสะดุ้งตกใจจะเป็นไปได้อย่างไร?พระสนมอวิ๋นจะไม่หายใจได้อย่างไร!หลังจากขับแมลงพิษกู่ออกมา แม้ชีพจรของพระสนมอวิ๋นจะอ่อนแรง หากแต่ไม่มีอันตรายถึงชีวิตอันตรายถึงแก่ชีวิตที่แท้จริงคือขั้นตอนต่อไปต่างหากนางสาวเท้าเข้าไปหยุดที่ข้างกายพระสนมอวิ๋นอย่างรวดเร็ว นิ้วก็สัมผัสชีพจรของพระสน

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0921

    “จับได้แล้วหรือเพคะ?” ป้าฉาไม่อยากจะเชื่อ“อืม” ฉินเหยี่ยนเย่ว์สูดลมหยใจเข้าลึกจับได้แล้ว!ในลัทธิเต๋า มีคำพูดที่ว่าโคจรรอบเสี่ยวโจวเทียนและโคจรรอบต้าโจวเทียนสิ่งที่เรียกว่าโคจรรอบต้าโจวเทียนก็คือการโคจรพลังชี่ไหลไปรอบ ๆ ร่างกายหนึ่งรอบใหญ่โคจรรอบเสี่ยวโจวเทียน คือพลังชี่ออกจากจุดตันเถียนล่าง ผ่า

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0920

    อุณหภูมิของยากำลังพอดีพระสนมอวิ๋นถอดอาภรณ์ออกอย่างช้า ๆ การถอดอาภรณ์ต่อหน้าลูกสะใภ้ ทำเอานางรู้สึกเขินอายเอามาก ๆ จึงใช้มือบังเอาไว้ ก่อนจะเดินเข้าไปด้วยความขัดเขิน“เสด็จแม่ นี่เป็นชามสุดท้ายแล้วเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์ยกยาที่ทั้งดำทั้งขมชามหนึ่งเข้ามา พลางพูดกล่อม “สามวันนี้ แมลงกู่พิษมีร่องรอยกา

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0919

    บางที ใช้ปรสิตมาอธิบายจะดูสมเหตุสมผลกว่าเมื่อเวลาผ่านไปนานวันเข้า แมลงพิษกู่ก็จะเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้การเต้นของหัวใจได้รับผลกระทบ และส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนโลหิต และอวัยวะภายในส่วนท้องจะได้รับผลกระทบเป็นที่แรก และจะค่อย ๆ กระจายไปทั่วร่างกาย ภายใต้ผลกระทบของการอักเสบและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0918

    พระสนมอวิ๋นได้ฟังคำพูดของนาง พลันชะงักไปชั่วขณะ “แมลงพิษกู่นั้น เจ้าสามารถบรรเทาได้หรือ?”ฉินเหยี่ยนเย่ว์พยักหน้าแมลงพิษกู่ชนิดนี้มีชื่อว่ากู่ลวงใจตอนที่นางพลิกอ่านหนังสือในตอนนั้นเคยเห็นมาก่อนในตอนนั้นนางไม่เชื่อการมีอยู่ของแมลงพิษกู่ และรู้สึกว่าขั้นตอนที่แมลงพิษกู่สร้างอาการบาดเจ็บให้คนนั้นไม่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0917

    “มีเบาะแส ทว่าไม่ค่อยแม่นยำเพคะ” ฉินเหยี่ยนเย่ว์พูด “ชีพจรของเสด็จแม่พิกลนัก ต่อให้เป็นชีพจรช้าก็มิได้ช้าปานนี้ ชีพจรเกี่ยวพันธ์กับการเต้นของหัวใจ หรืออาจพูดได้ว่า หัวใจของเสด็จแม่ได้รับบาดเจ็บ”“นี่ เป็นไปไม่ได้กระมัง” ป้าฉาพูดขึ้น “พระสนมไม่เคยบอกว่ามีอาการเจ็บที่หัวใจมาก่อน”“ข้าก็คิดว่าเป็นไปไม่

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0916

    “พอแล้ว ไม่ต้องอธิบายหรอกเพคะ” ป้าฉาเดินเข้ามา นำนมแกะที่เพิ่งรีดเมื่อครู่ออกมาตั้งไฟให้เดือดไฟจากเตาเผาแรงมาก ไม่นานนมแกะก็เดือดแล้วนางใช้ช้อนตักผิวชั้นบนนมออก แล้วตักนมแกะต้มสุกลงในถ้วย “พวกพระองค์หนุ่มสาวกะหนุงกะหนิงกันเป็นเรื่องปกติมาก ห่างกันเกินไปก็ไม่ดี พระองค์ไปพักผ่อนเถิด บ่าวจะเอาไปส่งให

  • ท่านอ๋องเย็นชาผู้คลั่งรักกับพระชายาหมอหญิงผู้อ่อนหวาน   บทที่ 0915

    ตงฟางหลีเป็นพระโอรส หากไม่ได้กระทำผิดใหญ่หลวง แม้ว่าเขาจะถูกจับได้ มากที่สุดก็แค่ถูกตำหนิทว่าหลี่เวยหลิงมิใช่เช่นนั้น“เจ้าทำขนาดนี้ ไม่กลัวถูกบั่นคอหรือ? จะปีนข้ามกำแพงก็ช่างเถอะ ยังคิดจะปกปิดความจริงอีก ช่างกล้าหาญชาญชัยนัก” นางพูดว่า “พรุ่งนี้เจ้าอย่าพาตงฟางหลีมาอีก คำขู่ของเขา เจ้าก็อย่าไปฟังเช

DMCA.com Protection Status