Share

บทที่ 2

ภาพที่อยู่ในรถม้า ปรากฏต่อหน้าทุกคน

ชายหนุ่มในชุดผ้าแพรสีม่วงก้มหน้า ผมสีหมึกห้อยลงมาเล็กน้อย เด็กสาวที่สวมกระโปรงสีแดงเกาะอยู่ในอ้อมแขน และใช้มือข้างหนึ่งกดบนหน้าอกของเขา

เสื้อของผู้ชายหลุดลุ่ยและยุ่งเล็กน้อย

เหมือนกับว่าก่อนที่จะเปิดม่านรถ บรรยากาศกำลังดุเดือด ทำให้เห็นแล้วหน้าแดงใจเต้น

ชาวบ้านที่ตาดีมองเห็นภาพนี้อย่างชัดเจน ต่างก็พากันสูดลมเย็นเข้าปอด

เดี๋ยวก่อน แม่นางที่มุดเข้าไปในรถม้าสนิทสนมกับจิ้นอ๋อง?

แม่นางคนนี้เป็นใครกันแน่?

‘พรึบ’ ม่านรถถูกดึงลงอีกครั้ง องครักษ์ของจิ้นอ๋องถีบจูหมิงเฮ่ากระเด็นออกไปแล้ว

“ขออภัยท่านอ๋อง!” องครักษ์ก็ตกใจที่เห็นภาพนี้เช่นกัน จะปล่อยให้คนอื่นเข้าใกล้ท่านอ๋องของพวกเขาได้อย่างไร?

จูหมิงเฮ่าลุกขึ้นจากพื้น ทั้งเจ็บ ทั้งร้อนใจ ทั้งเกลียด เขากระทืบเท้าตะโกนเสียงดัง “จิ้นอ๋อง ท่านทำเกินไปแล้ว! ท่าน ท่านแตะต้องเมียน้อยของข้า! นางแพศยา หน้าไม่อาย ไร้ยางอาย!”

ภายในรถม้า สีหน้าจิ้นอ๋องเฉยเมย สายตามองเด็กสาวที่ผลักออกไปแล้วอย่างลึกล้ำ “เมียน้อย?”

เวลานี้ลู่เจาหลิงรับความทรงจำอันวุ่นวายในสมองเข้ามาหมดแล้ว

“อย่างเขาก็คู่ควร?”

“ครึ่งปี ข้าต้องถวายตัวด้วย?” สายตาเขากวาดมองเรือนร่างของนาง

สีหน้าลูเจาหลิงมืดลงทันที “เหอะ ท่านฝันไปเถอะ! ภายในครึ่งปีนี้ท่านรักษาความบริสุทธิ์ไว้ให้ดีเถอะ ด้วยสภาพของท่านในตอนนี้ ยุ่งเกี่ยวกับเรื่องบนเตียง มีแต่จะตายเร็วขึ้น!”

“...”

เป็นเด็กผู้หญิงแท้ๆ เรื่องอะไรก็กล้าพูดออกมา!

นิ้วมือจิ้นอ๋องลูบจี้หยกบนเอวเบาๆ สายตามองที่มือของนางอีกครั้ง

เมื่อครู่มือของนางกดไปที่หน้าอก เงาสีดำแปลกๆ นั่นหดลง อีกทั้งความเย็นที่ทรมานเขามาโดยตลอดก็บรรเทาลงหลายส่วน

ลู่เจาอี้ปล่อยให้เขามองอย่างสงบ สายตาไม่หลบไม่ถอย

ทั้งสองหยั่งเชิงกันเงียบๆ ไม่คาดเสมอกัน

จิ้นอ๋องหัวเราะเบาๆ ฉับพลัน

“เห็นแก่ความกล้าของเจ้า ครึ่งปีต่อจากนี้ เจ้าอยู่ในความคุ้มของของข้าแล้ว”

เสียงที่ร้องโวยวายของจูหมิงเฮ่าดังมาจากข้างนอกอีกครั้ง

เขาถูกองครักษ์ขวางไว้จนไม่สามารถเข้ามา ได้แต่แหกปากด่าทอ

“นางแพศยา เจ้ายังไม่รีบลงมาขอความเมตตากับข้าอีกหรือ? เจ้าเปื้อนมลทินแล้ว นอกจากข้าแล้ว ดูซิว่าต่อไปยังจะมีใครเอาเจ้าอีก! ไม่อยากแต่งไม่ออกก็รีบลงมาเลียรองเท้าข้า กลับไปเป็นเมียน้อยข้าแต่โดยดี!”

“เหอะ” ลู่เจาหลิงได้ยินเสียงกระซิบกระซาบของชาวบ้านที่อยู่ข้างนอกแล้ว

หากเรื่องนี้บานปลาย นางก็มีโอกาสชื่อเสียงป่นปี้และพบกับจุดจบที่อนาถจริงๆ

นี่ก็คือความคิดของจูหมิงเฮ่า จะบีบให้นางตามเขากลับไป

ปัญหาคือนางเพิ่งเข้าเมืองก็ตกเป็นเป้าของจูหมิงเฮ่า และยังเตรียมเกี้ยวไว้รอลักพาตัวอย่างแม่นยำ บอกว่าสกุลลู่ไม่มีหนอนบ่อนไส้ นางไม่เชื่อ

กลับบ้านสกุลลู่ทั้งเช่นนี้ สิ่งที่รอนางอยู่ไม่ใช่จุดจบที่ดีอะไรแน่นอน

จิ้นอ๋องมองนาง “ยังมีแรงหรือไม่? จะออกไปตีสุนัขด้วยตัวเองหรือไม่?”

“จวนชิงฝูโหว ท่านคุ้มไหวหรือไม่?” ลู่เจาหลิงถามกลับ

จิ้นอ๋องยิ้มอย่างเย้ยหยัน

“ให้เจ้ากระทืบอย่างเดียว ต่อให้กระทืบจนตาย ข้าก็เอาอยู่”

ลู่เจาอี้เปิดม่านรถฉับพลัน นางเดินออกมา ให้ทุกคนเห็นสภาพนางอย่างชัดเจน

ผมเผ้ายุ่งเหยิง หน้าผากบวม และมีเลือดออกที่ท้ายทอย แลดูสะบักสะบอมมาก

“จูหมิงเฮ่า เจ้าลักพาตัวข้าก่อน ยังกล้าพูดเหลวไหลทำลายชื่อเสียงของข้าอีกหรือ? เจ้าไม่ดูสภาพของตัวเองเลย สีหน้าซีดเซียว ผิวหน้าบวมน้ำ ดวงตาขุ่นมัว แค่ดูก็รู้ว่าอายุสั้น ข้าเนี่ยนะจะชอบคนอย่างเจ้า?”

จูหมิงเฮ่ามองลู่เจาหลิง เหม่อลอยไปชั่วขณะ

แม้บนหน้าผากของนางมีบาดแผล และยังดูสะบักสะบอม แต่ไม่ได้ส่งผลต่อความงามของนาง ใบหน้ารูปไข่ ดวงตาสุกใสเหมือนตาลูกกวาง ริมฝีปากแดงราวกับย้อมสี คางเรียว ผิวพรรณขาวเนียน หน้าตาโดดเด่นมาก

บุตรสาวสายตรงสกุลลู่ที่ถูกเลี้ยงในชนบทสิบกว่าปี ไม่คาดคิดว่าจะงดงามเพียงนี้ เหมือนสาวบ้านนอกเสียที่ไหนกัน?

ไฟแห่งความโกรธของจูหมิงเฮ่ามอดดับลงครึ่งหนึ่งเพราะความงามของนาง ลักษณะที่มีบาดแผลของนางยิ่งเผยให้เห็นความงามอันเปราะบางหลายส่วน เห็นแล้วเลือดในกายเดือดพล่าน

“แค่ข้าชอบเจ้าก็พอแล้ว!”

เขานึกถึงบทพูดที่มีคนช่วยเขาคิดเอาไว้ก่อน ถ้าหากการลักพาตัวล้มเหลวก็พูดเช่นนี้ รับรองว่าชื่อเสียงของนางหนูนี่ป่นปี้ จะติดตรึงอยู่กับตัวเขาตลอดไป หนีไม่พ้นแน่นอน…

“ทั้งๆ ที่คนชั่วลักพาตัวเจ้า ข้าเป็นคนช่วยเอาไว้! หากไม่ใช่เพราะข้า เจ้าถูกคนชั่วย่ำยีนานแล้ว! ตอนนั้นเจ้าบอกว่าบุญคุณช่วยชีวิต จะตอบแทนด้วยร่างกายและยังร้องไห้จะแต่งงานกับข้า!”

ทุกคนยิ่งเบิกตากว้างแล้ว

“แต่ข้าสถานะสูงศักดิ์ และมีคู่หมั้นแล้ว จะแต่งงานกับเจ้าได้อย่างไร? เจ้าบอกเองว่าเป็นเมียน้อยก็ได้ ขอแค่ได้อยู่ข้างกายข้าก็พอ เจ้ายังบอกว่าจะมีลูกให้ข้าสามคน เจ้าอย่าคิดบ่ายเบี่ยง!”

เสียงหัวเราะต่ำดังออกมาจากภายในรถม้า

ลู่เจาหลิงหันกลับไป เห็นนิ้วชี้ที่งอเล็กน้อยของจิ้นอ๋องจ่ออยู่ตรงมุมปาก

มีความสุขกับการดูเรื่องของชาวบ้าน?

จูหมิงเฮ่ากระแอมในลำคอสองสามที เขาตะโกนเสียงดัง “จิ้นอ๋องนะจิ้นอ๋อง ท่านได้ยินหรือยัง? ข้าใจกว้าง เรื่องเมื่อครู่ข้าไม่ถือสา แต่ท่านห้ามช่วยนาง รีบไล่นางลงจากรถม้า!”

เห็นแก่ที่นางหนูนี่หน้าตางดงามเช่นนี้ เขาจะไม่ถือสาที่เมื่อครู่นางถูกจิ้นอ๋องกอด

“ทำไม ไม่มีแรงตีสุนัขหรือ?” จิ้นอ๋องมองลู่เจาหลิง เลิกคิ้วเบาๆ

ลู่เจอหลิงมองเห็นความขี้เล่นจากสีหน้าของเขา

บางทีเขาอาจจะอยากรู้ว่า ตกลงนางมีความกล้าจริงพอที่จะลงมือทุบตีชิงฝูโหวซื่อจื่อจริงหรือไม่

และอยากรู้ว่านางมีความสามารถพอที่จะล้มจูหมิงเฮ่าหรือไม่

หากนางถูกไล่ลงจากรถม้าตอนนี้ ก็จะเป็นลมทันที

พลันลู่เจาหลิงเอื้อมมือ แส้ที่อยู่ในมือของคนขับรถม้าก็มาอยู่ในมือนางแล้ว

นางยืนอยู่บนพ่วงรถ ยกแส้ขึ้นก็ฟาดไปทางจูหมิงเฮ่าอย่างแรง

ฟิ้ว!

เสียงแส้แหวกอากาศทำให้รู้สึกหวาดหวั่น

พลันม่านตาจูหมิงเฮ่าหด ตะโกนด้วยความตกใจ “เจ้ากล้าฟาดข้าหรือ! อยากตายใช่หรือไม่…อ๊าก!”

แส้ฟาดโดนไหล่ของเขาเต็มๆ และแรงมาก ทำให้ไหล่เขาเอียงจนล้มลงพื้นโดยตรง

“เป็นคนดีๆ ไม่ชอบ ดันทุรังจะเป็นคนต่ำช้าที่สู้ไม่ได้กระทั่งสุนัข! ข้าฟาดเจ้าแล้วจะทำไม!”

แส้ในมือลู่เจาหลิงถูกฟาดออกไปอีกครั้ง เกิดเสียงเพี๊ยะๆ ดังในอากาศ

โดนจูหมิงเฮ่าทุกครั้งที่ฟาดออกไป เจ็บจนเขาร้องคร่ำครวญ

“เจ้ามันรนหาที่ตาย…โอ๊ย!!! พวกเจ้าตายกันหมดแล้วหรือ?” จูหมิงเฮ่ากอดศีรษะ พลางตะคอกใส่คนรับใช้

“ชิงเฟิง” เสียงจิ้นอ๋องดังขึ้น “ใครกล้าเข้ามา ฆ่าเสีย”

องครักษ์ชิงเฟิงขานรับ “ขอรับ!”

คนรับใช้ของจวนโหวกลัวทันที ไม่มีใครกล้าเข้าไป

เพี๊ยะๆ ๆ!

ลู่เจาหลิงฟาดครั้งแล้วครั้งเล่า ฟาดจนจูหมิงเฮ่าร้องไห้จริงๆ แล้ว

เขาหมอบอยู่บนพื้น เจ็บจนลุกไม่ขึ้น ถูกฟาดจนเกือบตายแล้ว

“เจ้ารอก่อนเถอะ ข้าไม่ปล่อยเจ้าแน่!”

เมื่อลู่เจาหลิงได้ยินคำพูดของเขา แววตามืดมนทันที รอจวนโหวมาตามล้างแค้นหรือ? จิ้นอ๋องบอกแล้วว่าจะคุ้มครองนาง

“เมื่อครู่เจ้าก็เห็น ข้ากับท่านอ๋องคบหากันนานแล้ว และหมั้นหมายกันแล้วด้วย จิ้นอ๋องเป็นคู่หมั้นของข้า เจ้าจะหาเรื่องข้าต้องชั่งใจดูก่อนนะ”

ว้าว!

ลูกตาของชาวบ้านที่อยู่โดยรอบแทบถลนออกมาแล้ว มีคนอดไม่ได้ที่จะอุทาน

องครักษ์จวนอ๋อง หา? อะไรนะ? คู่หมั้น?

“อั่ก!” พลันจูหมิงเฮ่ากระอักเลือด หมดสติไปโดยตรง

แววตาจิ้นอ๋องเยือกเย็น ขณะที่กำลังจะพูด ลู่เจาหลิงโยนแส้คืนชิงเฟิง หมุนกายก็ลมลงในอ้อมแขนของเขาแล้ว

สลบไปแล้ว

จิ้นอ๋อง “...”

“ไป” เขาออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม

รถม้าจากไปอย่างรวดเร็ว

คนรับใช้ของจวนชิงฝูโหวจึงจะกล้าเข้าไปหามจูหมิงเฮ่าทั้งน้ำตา

“ซื่อจื่อ ท่านฟื้นสิ…” จบเห่แล้ว ซื่อจื่อคงจะไม่ได้ถูกฟาดจนตายแล้วกระมัง?

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status