Share

ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท
ท่านอ๋องผู้ทรงบุญญากับพระชายาจอมเวท
ผู้แต่ง: อันชิงซิน

บทที่ 1

ยามพลบค่ำ ณ ตรอกแห่งหนึ่งในเมืองหลวง

เด็กสาวคนหนึ่งวิ่งโซซัดโซเซไปด้านหน้า ด้านหลังมีคนที่ลักษณะเหมือนบ่าวรับใช้หลายคนวิ่งตามอย่างไม่ลดละ

“นางหนู หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”

ร่างกายเด็กสาวอ่อนแอ บนหน้าผากยังมีรอยบวมแดงขนาดใหญ่ ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว

“ใครก็ได้! ช่วยด้วย!”

เมื่อบ่าวรับใช้คนหนึ่งที่อยู่ด้านหลังได้ยินนางตะโกน ก็สบถคำหยาบออกมาหนึ่งประโยค พลันหยิบก้อนหินที่อยู่ข้างทางขึ้นขว้างใส่นาง

เสียงก้อนหินดังแหวกอากาศ กระแทกใส่ท้ายทอยของนางอย่างแรง

ปึก!

หยดเลือดกระเซ็น

นางรู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ภาพตรงหน้าของเด็กสาวดับวูบลง ร่างกายล้มไปข้างหน้า นางอาศัยสติสัมปชัญญะเสี้ยวสุดท้ายล้มลุกคลุกคลานกระโจนออกจากตรอก

ในเวลานี้เอง รถม้าคันหนึ่งกำลังแล่นผ่านตรอกนี้พอดี

เมื่อเด็กสาวกระโจนออกมาเช่นนี้ ก็กลิ้งไปอยู่ตรงหน้ารถม้าโดยตรง

“เฮ้ย!”

คนขับรถม้าสะดุ้งตกใจจนอุทานออกมา

เหตุการณ์เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้ชาวบ้านโดยรอบตกใจจนอุทานเช่นกัน

เมื่อบ่าวรับใช้กลุ่มนั้นวิ่งตามออกมา เห็นเด็กสาวฟุบอยู่ตรงหน้ารถม้า ก็จะเข้าไปจับคนโดยไม่สนใจสถานการณ์ตรงหน้า

อาศัยตอนที่ยังไม่มีใครเห็นหน้าตาของแม่นางคนนี้ รีบพานางกลับไป!

เด็กสาวถูกบ่าวรับใช้คนหนึ่งคว้าไหล่ พริบตาที่ตกอยู่ในห้วงความเป็นความตาย นางระเบิดพละกำลังเฮือกสุดท้ายออกมา สะบัดหลุดจากชายผู้นั้น หมุนกายปีนขึ้นรถม้า พลันมุดเข้าไปด้านใน ก็ชนเข้ากับแผงอกของใครบางคน

คนขับรถม้าใช้แส้ฟาดบ่าวรับใช้จนถอยไป ม่านตาหดฉับพลัน จบเห่แล้ว เผลอครู่เดียวก็ปล่อยให้แม่นางผู้นั้นมุดเข้าไปในตัวรถม้าเสียแล้ว?

ภายในรถม้า มือยาวข้างหนึ่งที่เห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจนบีบคอของเด็กสาว และผลักนางออกจากหน้าอกของตัวเอง

เด็กสาวคนนั้นหลับตาสนิท เห็นได้ชัดว่าไร้ลมหายใจแล้ว

หือ ตายแล้ว?

เช่นนั้นโยนออกไปก็สิ้นเรื่อง

ขณะที่กำลังจะโยนศพออกจากรถม้า เด็กสาวที่ถูกบีบคอก็ลืมตาขึ้นฉับพลัน

พริบตานั้น สายตาที่เย็นชา มีเจตนาฆ่าอันเยือกเย็นแฝงอยู่

เมื่อลู่เจาหลิงที่ฟื้นคืนจากความตายลืมตาขึ้นมา ก็มองเห็นใบหน้าอันน่าหลงไหลที่กระชากวิญญาณ

ผมสีหมึกเกล้าด้วยกวาน[1]หยกสีม่วง ผิวขาวดั่งหิมะ คิ้วเรียวยาวราวกับถูกย้อมด้วยหมึกอ่อนจางๆ จมูกโด่งประดุจยอดเขา ริมฝีปากเหมือนกลีบดอกไม้ที่งดงามที่สุด แต่ตรงมุมปากมีเจตนาที่เยือกเย็นแฝงเล็กน้อย ทำให้รู้สึกอันตรายขึ้นหลายส่วน

ครู่ต่อมา ลู่เจาหลิงลงมือฉับพลัน โจมตีไปที่คอหอยของเขา

นิ้วที่แหลมดั่งกระบี่ ดุดันราวกับจะแทงเข้าไปในลูกกระเดือกของเขาโดยตรง บรรยากาศอันน่าทึ่งถูกจิตสังหารปกคลุมในพริบตา

พลันมือที่บีบคอนางกระชับแน่นฉับพลัน ขณะเดียวกัน มืออีกข้างของอีกฝ่ายก็คว้าข้อมือของลู่เจาหลิงเอาไว้

“คนตายยังสามารถแยกเขี้ยวยิงฟันเช่นนี้ได้อีกหรือ?”

ลู่เจาหลิงปวดศีรษะอย่างรุนแรง รู้สึกได้ว่ามีเลือดไหลที่ท้ายทอย ได้ยินเสียงทุ้มต่ำก็เงยหน้ามองเขาที่มีไอสีม่วงปกคลุมทั่วร่าง รวมถึงหมอกสีดำที่กำลังกลืนกินไอสีม่วงทีละนิด

ดวงชะตาราศีจักรพรรดิ

ที่แท้เป็นไอสีม่วงจากราศีจักรพรรดิของเขาที่ช่วยนางฟื้นคืนจากความตาย มาคืนชีพในร่างของเด็กสาวคนนี้

รู้สึกได้ว่าถูกบีบคอแรงขึ้นเรื่อยๆ ลู่เจาอี๋ชี้หน้าอกของเขา เค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก

“ข้าสามารถช่วยท่าน…”

มือที่เห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจนชะงักเล็กน้อย พลันดึงนางเข้ามาตรงหน้า ทั้งสองอยู่ใกล้กันมาก ลู่เจาหลิงได้กลิ่นเย็นๆ เสี้ยวหนึ่งจากร่างกายของเขา

ทั้งสองประสานสายตาในระยะใกล้ ราวกับมีประกายไฟระเบิด

“เจ้าจะช่วยข้าอย่างไร?”

ลูเจาหลิงหายใจลำบาก “ให้ข้าอยู่ข้างกายท่านครึ่งปี ข้าจะทำให้ท่านรู้ว่าข้าช่วยอย่างไร!”

นางต้องการเวลาฟื้นฟู ต้องการไอสีม่วงของเขา

“นายท่าน ท่านไม่เป็นอะไรนะขอรับ?” องครักษ์ที่อยู่ข้างนอกลงมาจากม้าแล้ว พวกเขาล้อมอยู่ตรงหน้ารถม้าอย่างแน่นหนา และจ้องรถม้าด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

ม่านรถปิดอยู่ พวกเขามองไม่เห็นสถานการณ์ด้านใน แต่ฟังแล้วไม่มีการเคลื่อนไหวอะไร

แม้เป็นเช่นนี้ แต่พวกเขาก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปเปิดม่าน

“ไม่เป็นไร” เสียงทุ้มต่ำสายหนึ่งดังออกมาจากในรถม้า

ในเวลานี้เอง มีคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาขวางรถม้าอย่างเหี้ยมเกรียม

ผู้มาสวมชุดผ้าแพรอันหรูหราที่ปักลายสัตว์ด้วยด้ายทอง ห้อยจี้หยกบนสายคาดเอว นิ้วมือสวมแหวนหยกเขียว ทั่วร่างพรรณนาคำว่า ‘ชนชั้นสูง’ ได้อย่างดีเยี่ยม

เพียงแต่ใบหน้าค่อนข้างซีด ใต้ตาบวม ริมฝีปากหนา ดวงตาขุ่นมัว มองปราดเดียวก็รู้ว่าเป็นพวกขี้เมาหยำเป

“นั่นชิงฝูโหวซื่อจื่อ[2]นี่!” ชาวบ้านที่อยู่ริมถนนจำผู้มาได้

จูหมิงเฮ่า ซื่อจื่อแห่งจวนชิงฝูโหว เป็นที่โปรดปรานอย่างยิ่งของฮองเฮา ใช้อำนาจบารตใหญ่ในเมืองหลวงมาโดยตลอด ไม่มีใครกล้าล่วงเกิน

พวกบ่าวรับใช้ที่ไล่ตามเด็กสาวเมื่อครู่ รีบวิ่งเข้าไปฟ้องที่ข้างกายจูซื่อจื่อ

“ซื่อจื่อ นางหนูนั่นอยู่บนรถม้าขอรับ!”

“ซื่อจื่อ รถม้าคันนี้ดูคุ้นๆ ข้าน้อยกลัวมีปัญหา จึงไม่ได้เข้าไปแย่งคนขอรับ”

ที่จริงเมื่อเห็นองครักษ์ที่น่ายำเกรงก็กลัวแล้ว

จูซื่อจื่อมองรถม้าคันนี้อย่างคาดคะเน แล้วกวาดหางตาไปทางองครักษ์สี่คนนั้น เขาพ่นลมหายใจฮึดฮัด

“คุ้นก็ช่างมัน! ไปลากคนออกมา!”

ทุกคนกำลังจะเข้าไป

“บังอาจ!” องครักษ์คนหนึ่งตวาดด้วยความโกรธ “จิ้นอ๋องกลับเมืองหลวง ผู้ใดกล้าบังอาจ?”

เมื่อคำพูดนี้ออกมา ราวกับเป็นเสียงฟ้าผ่า ทำเอาคนที่อยู่โดยรอบตะลึงงัน

“จิ้น...จิ้นอ๋อง?!”

จิ้นอ๋องออกจากเมืองหลวงเมื่อห้าปีก่อนเพื่อไปพักฟื้น ไร้ข่าวคราวนานแล้ว ตอนนี้ถึงกับกลับเมืองหลวงอย่างเงียบๆ แล้ว?

ภายในรถม้า ลู่เจาหลิงนั่งอยู่ตรงมุม มองดูบุรุษตรงตรงหน้าใช้ผ้าเช็ดหน้าผืนหนึ่ง กำลังเช็ดมืออย่างละเอียดด้วยท่วงท่าสง่างาม

เมื่อครู่เขาใช้มือบีบคอนาง นี่คือกำลังรังเกียจว่าสกปรก

สีหน้าลู่เจาหลิงบูดบึ้งทันที ยังปรับตัวไม่ได้โดยสมบูรณ์ นางรู้ว่าตัวเองต้องยืมแรงเขาผ่านวิกฤตตรงหน้าไปก่อน

นางอดกลั้นอาการสะอิดสะเอียน “การแลกเปลี่ยนนี้ท่านไม่ขาดทุน อย่างไรชีวิตของท่านก็ล้ำค่ามาก ไม่มีข้าช่วยท่าน ท่านก็อยู่ได้อีกไม่กี่ปี”

นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่นางบอกว่าสามารถช่วยเขาได้

จิ้นอ๋องโจวสือเยว่ชำเลืองมองนางอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง “เจ้าลองพูดมาดู มีตรงไหนที่ข้าต้องให้เจ้าช่วย?”

เมื่อสิ้นเสียง จู่ๆ ลู่เจาหลิงก็กระโจนเข้าไปหาเขาด้วยความเร็ว พร้อมกับเอื้อมมือออกไปคว้าปกเสื้อของเขาแล้วกระตุก

แควก!

ปกเสื้อของโจวสือเยว่ถูกดึงจนเปิดออก เผยให้เห็นกระดูกไหปลาร้าและหน้าอก!

พลันม่านตาเขาหด คว้าคอที่เรียวเล็กของนางอีกครั้ง “อยากตายหรือ?”

บนหน้าอกอันขาวเนียน มีสัญลักษณ์สีดำที่แปลกประหลาดปรากฏ เหมือนกับเป็นสัตว์ประหลาดที่ซ่อนอยู่ใต้ผิวหนัง

นิ้วมือของลู่เจาหลิงจิ้มลงไป สัญลักษณ์สีดำนั่นราวกับมีชีวิต มันหดตัว และสีก็จางลงหลายส่วน

“แค่กๆ แน่ใจหรือว่าไม่ต้องให้ข้าช่วย?” ลู่เจาหลิงโดนบีบคอ แต่สายตาที่มองเขากลับสงบและมั่นใจ

เสียงของจูหมิงเฮ่าดังมาจากข้างนอก “จิ้นอ๋อง! ข้าคือจูหมิงเฮ่าจากจวนชิงฝูโหว! นางหนูนั่นเป็นเมียน้อยของข้า ท่านรีบส่งคนออกมาเถิด!”

ตอนแรกจูหมิงเฮ่าได้ยินว่าเป็นจิ้นอ๋องก็สะดุ้งเช่นกัน แต่ไม่นานก็หวนคืนสติ ต่อให้เป็นจิ้นอ๋องก็ไม่สมควรแย่งผู้หญิงกับเขากลางถนน!

เรื่องไปถึงหูไทเฮา ไทเฮาต้องปกป้องเขาแน่นอน ใครไม่รู้บ้างว่าไทเฮาไม่ชอบจิ้นอ๋อง?

“ท่านเป็นถึงท่านอ๋อง จะเก็บเมียน้อยของข้าไปใช้ต่อหรือ?”

จูหมิงเฮ่าตะโกนเสียงดัง พลางส่งสัญญาณให้บ่าวรับใช้ทางสายตา บ่าวรับใช้กลุ่มนั้นพุ่งเข้าไปขวางองครักษ์ทั้งสี่ทันที

ส่วนจูหมิงเฮ่ามุดไปถึงข้างหน้าอย่างไว พลันเปิดผ้าม่านรถ

--------------------------------------------------

[1] กวาน เครื่องประดับครอบมวยผมของผู้ชายจีนโบราณ

[2] ซื่อจื่อ เป็นคำที่ใช้เรียกผู้สืบทอดตำแหน่งจากบิดา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status