“เฮ้อ แล้วจะให้ข้านำมันไปให้ใครกันล่ะ” เจย์เดนถอนหายใจอย่างยาวเหยียด พร้อมกับจ้องมองดอกกุหลาบที่อยูในฝาแก้วครอบ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเอ่ยว่า คู่ครองหาเมื่อไหร่ก็เหมือนกันหมด แต่เขาก็หวังอยากจะหาให้ได้ในเร็ววันนั่นแหละ...บอกตามตรง แวมไพร์เช่นเขาก็เหงาเป็นเหมือนกันนะ
ผู้ติดตามคนสนิทที่ยืนฟังอยู่จึงเสนอความคิดขึ้นว่า “เช่นนั้น ท่านชายลองนำไปให้คนที่ท่านหมายปองดูก่อนดีหรือไม่ขอรับ”
“ไม่มีผู้ใดที่ข้าหมายปองเป็นพิเศษหรอก”
“คุณหนูเฟย์อย่างไรขอรับ” ผู้ติดตามอย่างเขาเห็นว่าท่านชายสนิทสนมกับเธอเป็นพิเศษ จึงคิดว่าบางทีพวกเขาอาจมีบางสิ่งที่เข้ากันได้
“นี่เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่เลย นางเป็นเพียงสหายของข้า”
คุณหนูเฟย์ คือลูกสาวตระกูลแวมไพร์ที่ตระกูลแบรดฟอร์ดของเขาร่วมค้าธุรกิจด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่เขาและเธอสนิทกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่หากมองลึกลงไปในความสัมพันธ์นั้น ไม่มีความพิสวาทเลยแม้แต่น้อย
“หรือจะเป็นคุณหนูอลิเซียเล่าขอรับ” ชาร์ลยังคงเสนอรายชื่อหญิงสาวที่ดูเหมาะสมกับเจ้านายของตนอย่างไม่หยุดยั้ง
“เจ้าอย่าพูดชื่อคนที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมาเชียว”
สาเหตุที่เจย์เดนกล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะคุณหนูอลิเซียที่เขาพูดถึงกันอยู่นั้นคลั่งไคล้เขามากจนเข้ากระดูกดำเลยก็ว่าได้
ยอมรับว่าในตอนแรกเขาแอบสนใจเพราะเธอช่างงดงามเกินบรรยาย แต่เมื่อได้รู้จักนิสัยแล้ว เขากลับค้นพบว่าเธอค่อนข้างจิตไปหน่อย ซ้ำยังเป็นคุณหนูจอมเอาแต่ใจอีกต่างหาก จนบางทีเขาเองก็แอบหวาดหวั่นอยู่ไม่น้อย
‘หากเจ้าเป็นของข้าแล้ว ข้าจะตอกฝาโลงไม่ให้เจ้าได้พบหน้าหญิงสาวคนไหนอีก...’ ประโยคนั้นดังก้องอยู่ในหัวของเจย์เดนราวกับฝันร้าย นับแต่นั้นเป็นต้นมา เขาก็พยายามตีตัวออกห่างจากเธอโดยเด็ดขาด! ถึงแม้เธอจะยังโผล่มาหาเขาเป็นบางช่วงบางตอนก็ตาม
“ข้าจะลองไปปรึกษาเฟย์ดูแล้วกัน ว่านางมีสหายพอจะแนะนำให้ข้าได้หรือไม่” นั่งสุมหัวคิดกันอยู่ไม่นาน เจย์เดนก็ตัดสินใจเช่นนั้นขึ้น
และหากเป็นสหายของคุณหนูเฟย์ คงหนีไม่พ้นพวกสาว ๆ จากตระกูลชนชั้นสูงอย่างแน่นอน หากได้แต่งกับคนประเภทนั้น ธุรกิจของตระกูลคงก้าวหน้าขึ้นอีกหลายเท่าตัวเป็นแน่ ถึงแม้จะไม่มีอะไรให้ขยายมากไปกว่านี้แล้วก็ตาม
เจย์เดนคิดเช่นนั้น เพราะในเมื่อโหยหาความรักบริสุทธิ์จากใจจริงกับใครไม่ได้สักคน อีกทั้งบนโลกใบนี้ก็มีแต่พวกหวังผลประโยชน์อยู่แล้ว หากเขาจะมีคู่ครองที่ได้ผลประโยชน์ไปด้วยก็ไม่เสียหายนี่นา
“ถ้าอย่างนั้น...ข้าจะนัดหมายคุณหนูเฟย์ให้นะขอรับ”
จากนั้นแวมไพร์หนุ่มก็เริ่มออกทำภารกิจตามหารักของตน แต่จนแล้วจนรอด หญิงสาวที่ คุณหนูเฟย์ สหายของตนเสนอชื่อขึ้นมาให้นั้นกลับไม่ถูกใจเขาเลยสักนิด
“ที่ข้ารู้จักก็มีเท่านี้แหละเจย์เดน เจ้าต้องเลือกสักคน ไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่มีตัวเลือกให้เจ้าแล้ว...” สาวสวยนั่งกอดอกมองคนตรงหน้า ก่อนจะเริ่มส่ายศีรษะไปมาอย่างเหนื่อยหน่าย
“ถ้าเช่นนั้น ข้าก็คงต้องรอไปอีกสักพักแล้วค่อยหา...หรือเจ้าจะรับมันไว้เองเล่า” เจย์เดนเพียงเย้าแหย่เท่านั้น รู้ดีว่าอย่างไรเธอก็ไม่ยอมรับกุหลาบจากเขาอยู่แล้ว
เฟย์ได้ยินแบบนั้นก็แค่นหัวเราะออกมา รู้ว่าคนตรงหน้าพูดเล่น แต่ก็อดจะย้ำถึงความสัมพันธืของตัวเองกับแวมไพร์หนุ่มซึ่งเป็นสหายคนสนิทของเขาอีกคนไม่ได้
“เจ้าอยากมีปัญหากับไนเจลหรือไง”
ไนเจลและเฟย์เป็นสหายสนิทของเจย์เดนมาตั้งแต่ครั้งเยาว์วัย เรียกได้ว่าทั้งสามคนเป็นเพื่อนวิ่งเล่นด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก บอกตามตรง เมื่อเจย์เดนทราบว่าทั้งสองมีใจให้กันในตอนแรกเขาก็แอบเหลือเชื่อนิดหน่อย
“ก็ต้องรอ...” เจย์เดนยักไหล่ แต่ถึงอย่างนั้นมือหนก็ยังพยายามควานหากุหลาบดอกนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย มันควรจะอยู่ในกระเป๋าที่เขานำติดตัวมาด้วยสิ!
เมื่อควานหาเท่าไหร่ก็ไม่เจอ เจย์เดนจึงรีบลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยความแตกตื่น
“อะไร?” เฟย์รีบยืนขึ้นตามด้วยท่าทางตกใจไม่แพ้กัน
“มันหายไป...กุหลาบดอกนั้น...”
“ของสำคัญเจ้ายังกล้าทำหายอีกเหรอเจย์เดน”
“มันใช่เวลามาบ่นข้าหรือ เจ้าช่วยข้าหาก่อนเถอะ”
กล่าวจบ แวมไพร์ทั้งสามตน เจย์เดน เฟย์ รวมถึงผู้ติดตามคนสนิทอย่าง ชาร์ล ก็ช่วยกันออกตามหากุหลาบดอกนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย
แต่ด้วยความที่มันเป็นกุหลาบซึ่งบรรจุพลังของเขา จึงไม่ได้ยากต่อการตามหามากนัก เจย์เดนพินิจถึงกุหลาบดอกนั้นก่อนจะตามรอยพลังของมันไป และอีกเพียงไม่กี่ก้าวเขาก็จะคว้ามันกลับมาได้แล้วแท้ ๆ แต่ก็ต้องหยุดชะงัก เมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งเข้าถึงกุหลาบดอกนั้นก่อนตัวเอง
เมื่อเห็นดังนั้น เจย์เดนจึงรีบหลบไปยืนมองการกระทำของเธออยู่ ณ มุมหนึ่งของตรอกซอกซอยนั้นโดยปราศจากการรู้ตัวจากหญิงสาวผู้นั้น
“ท่านชาย คุณหนูเฟย์บอกว่าหาไม่เจอขอรับ”
“บอกนางว่าข้าเจอแล้ว...และดูเหมือนจะเจอว่าที่ชายาของข้าแล้วด้วย...”
.
.
.
"ใครเอาแกมาทิ้งกันนะ..." ลินินพึมพำเสียงแผ่ว ขณะที่หยิบจับกุหลาบดอกนั้นขึ้นมาพิจารณา และไม่ลังเลที่จะนำมันเก็บใส่กระเป๋าเพื่อนำกลับไปที่บ้าน
“กุหลาบนั่นเลือกนางอย่างนั้นหรือ? เหตุใดนางจึงนำมันไปได้ง่ายเช่นนั้น” เจย์เดนขมวดคิ้วก่อนจะแอบตามเธอต่อไปพร้อมกับผู้ติดตามของตน "ข้าไม่ได้เลือกนางสักหน่อย" คำพูดดูเหมือนจะไม่ค่อยชอบใจนัก แต่สายตาก็จับจ้องเธออย่างไม่วางตา
"นางถือครองเป็นที่เรียบร้อย ท่านชายอาจต้องรอดูปฏิกิริยาของกุหลาบขอรับ ว่าส่งพลังงานถึงนางหรือเปล่า" ชาร์ลแนะนำ
ภายในห้องนอน ลินินวางกุหลาบลงบนโต๊ะก่อนจะเดินไปหยิบแจกันที่ว่างเปล่าในห้องนั่งเล่นมารินน้ำพร้อมนำกุหลาบดอกนั้นใส่ลงไปอย่างปราณีต เพื่อให้มันได้มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง สายตาของเธอฉายแววความสงสัยขณะที่จ้องมองมันก่อนจะเผยรอยยิ้มสุขใจออกมานิดหน่อย “แกคงเป็นของหายากสินะ ฉันได้เจอแกคืนนี้คงนำโชคมาให้ใช่หรือเปล่า?”
"นางชื่ออะไร?" เจย์เดนเอ่ยถามผู้ติดตามที่ยืนอยู่เคียงข้าง ขณะที่สายตายังคงจับจ้องไปยังหญิงสาวผู้นั้น ท่ามกลางความมืด เธอหยุดมองดอกกุหลาบสีดำบนพื้นอย่างชั่วครู่ ใบหน้าแสดงความสงสัยปนความสนใจ ราวกับว่าเธอมองเห็นความพิเศษบางอย่างในกุหลาบนั้น
"ลินินขอรับ..." ผู้ติดตามของเขาตอบด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย เขามองตามสายตาของเจย์เดนที่กำลังจับจ้องไปยังลินินอย่างไม่วางตา
โดยปกติแล้วผู้หญิงจะชอบกุหลาบสีแดง เพิ่งเคยเห็นคนที่ประทับใจดอกกุหลาบสีดำเช่นนี้เป็นครั้งแรก บอกตามตรงว่าสิ่งนี้ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงดูด อาจเป็นเพราะความไม่เหมือนใครในตัวของเธอ
“ใช่นางจริง ๆใช่ไหม?” เป็นคำถามที่เจย์เดนไม่ต้องการคำตอบในตอนนี้ เพียงแค่ต้องรอให้ถึงเวลาเท่านั้น...
“ต้องรอดูต่อไปขอรับ..."
“น่าเสียดายนัก...ข้าคิดว่าจะเป็นผู้หญิงที่เร้าใจข้าได้มากกว่านี้ เหตุใดนางจึงดูจืดชืดยิ่งนัก”
“...ข้าว่างดงามมากนะขอรับ” ผู้ติดตามคนสนิทเอ่ยขึ้นหลังจากเหลือบมองหญิงสาวผู้เก็บดอกกุหลาบสำคัญของผู้เป็นนายอย่างพินิจ แล้วตอบกลับออกมาด้วยความซื่อตรง และหากท่านชายของเขาไม่ต้องการให้เธอผู้นี้เก็บกุหลาบดอกนั้นจริง ก็สามารถเข้าไปขวางก่อนที่เธอจะทันเก็บได้อยู่แล้ว แต่ท่านชายกลับยืนนิ่งและเลือกที่จะเดินหลบไปเอง
จากการพินิจของ ชาร์ล แล้ว เขาปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหญิงสาวตรงหน้าช่างงดงามยิ่งนัก ถึงแม้การแต่งกายจะเรียบง่ายและแสนจืดชืดดั่งที่ท่านชายของเขาว่า...แต่ทั้งดวงหน้าที่ขาวผุดผ่องให้ความรู้สึกสวยหวานเป็นยิ่งนัก ทั้งริมฝีปากบางอมชมพูของนางยิ่งมองกลับยิ่งชวนเคลิ้ม
ยิ่งไปกว่านั้น เขาซึ่งเป็นถึงผู้ติดตามคนสนิทของท่านชาย มีหรือจะดูไม่ออกว่าแท้จริงแล้วท่านชายเพียงแค่ปากหนักไปเช่นนั้นแหละ อันที่จริงแล้วก็พอจะมองออกว่าเขาคงถูกใจเธออยู่ไม่น้อย มิเช่นนั้น คงไม่มานั่งเฝ้าหญิงสาวผู้นี้ทุกวันสามเวลาหรอก
ใช่แล้ว...เขาเฝ้ามองดูเธอตั้งแต่วันแรกที่เก็บกุหลาบดอกนั้นไป จนกระทั่งตอนนี้ เวลาล่วงเลยมานับสัปดาห์ เขาก็ยังทำเช่นนั้นอย่างสม่ำเสมอ
หลายวันผ่านไป กุหลาบสีดำนั้นยังคงสวยงามเหมือนเดิม ไม่มีทีท่าว่าจะเหี่ยวเฉาลงเลยสักนิด ลินินรู้สึกประหลาดใจ ทว่าในใจลึก ๆ กลับหวังว่ากุหลาบดอกนี้อาจนำโชคมาให้เธอ
“ชีวิตฉันจะมีโชคหล่นทับกับเขาบ้างหรือเปล่านะ” ลินินพูดกับดอกกุหลาบที่ยังอยู่ในแจกัน ก่อนจะนึกย้อนไปถึงชีวิตอันแสนรันทดของตัวเอง
เดิมทีครอบครัวของเธอมีฐานะปานกลาง แต่ด้วยความที่พ่อของเธอติดหนี้สินมหาศาล ความเป็นอยู่ของครอบครัวจึงเริ่มถดถอยลง ต้องเผชิญกับปัญหาครอบครัวที่นับวันเริ่มจะร้าวฉานมากยิ่งขึ้น
หลังจากพ่อของเธอเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางท้องถนน เธอและแม่ต้องแบกรับภาระหนี้สินทั้งหมด ลินินจึงต้องเริ่มทำงานและส่งตัวเองเรียนหนังสือไปด้วย ถึงอย่างไรเธอก็อยากมีการศึกษาที่ดี เพื่อหวังจะได้งานดี ๆ ทำเช่นกัน
จนกระทั่งแม่ของเธอเริ่มป่วยหนักจากโรคที่ต้องการเงินรักษาอย่างมหาศาล ลินินจึงพยายามอย่างสุดกำลังเพื่อจะหาเงินมารักษาแม่ให้ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถรวบรวมเงินได้ทันเวลา ทำให้แม่ของเธอต้องจากไป
นับตั้งแต่นั้น เธอจึงกลายเป็นเด็กกำพร้า ไร้ที่พึ่งพิงและไม่มีญาติพี่น้องคอยช่วยเหลือ มีเพียงคุณยายเพื่อนบ้านที่คอยมาดูแลเธอเป็นระยะ นอกจากนี้ยังต้องคอยหลบหนีเจ้าหนี้ที่มาตามทวงเงินของพ่อไม่เว้นแต่ละวันอีกด้วย
ในช่วงแรกเธอก็หาเงินและจ่ายชำระคืนให้ครบรวมทั้งดอกและเงินต้น แต่แทนที่หนี้สินจะค่อย ๆ หมดลง กลับมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างน่าฉงน ตอนนี้ลินินจึงทำได้เพียงเลี่ยงการจ่ายไป
เพราะถึงแม้จะพยายามหาเงินมาจ่ายมากแค่ไหน ก็ดูเหมือนว่าชาตินี้จะไม่มีวันใช้หนี้ได้หมด
และวันนี้ก็เหมือนเช่นทุกวันที่เธอต้องมาทำงานหาเงินประทังชีพของตัวเอง อีกทั้ง ช่วงนี้ยังถือเป็นช่วงสำคัญของเธออีกต่างหาก เพราะเธอตั้งใจจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้
ขณะเดียวกันบนหลังคาตึกสูงไม่ไกลนัก เจย์เดนยังคงยืนอยู่พร้อมกับผู้ติดตามของเขา ในตอนนี้ดูเหมือนว่าเจย์เดนจะไม่ได้สนใจกุหลาบที่หญิงสาวเก็บไปแล้วล่ะ หากแต่สายตาของเขาทุกวันนี้กลับคอยจับจ้องเธอผู้นี้เพียงคนเดียว
แต่เมื่อเห็นสายตาของผู้ติดตามของตนกำลังจ้องมองอย่างจับผิด เขาก็รีบหาเรื่องบ่ายเบี่ยงทันที
"นี่ เจ้าดูสิ ข้าอยากได้คนนั้น...ที่เดินผ่านไปเมื่อครู่" เจย์เดนเอ่ยขึ้น ขณะชี้ไปที่หญิงสาวอีกคนที่แต่งกายด้วยเสื้อผ้าน้อยชิ้น ซึ่งเดินข้ามถนนผ่านไปเมื่อครู่
ผู้ติดตามคนสนิทของเขาก็ได้แต่ปรายตามองด้วยความฉงนในความคิดของท่านชายตน ก่อนจะกล่าวขึ้นอย่างสุภาพ "ข้าว่าไม่เหมาะนำมาเป็นชายานะขอรับท่านชาย"
เมื่อได้ยินดังนั้น เจย์เดนจึงหัวเราะขึ้นก่อนจะเอ่ยปากแซวเล่นอย่างที่เคยเป็น "เจ้านี่... ถ้าหากเคร่งเช่นนั้น ทำไมไม่ไปคัดเลือกชายาข้าที่โรงแม่ชีกันเลยเล่า หากอยากได้คนแต่งตัวมิดชิดและเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ขนาดนั้น" พูดไปเช่นนั้น อย่างไรเขาก็ทราบดีว่าไม่มีสิทธิ์เลือกอยู่แล้ว
ผู้ติดตามได้ยินดังนั้นก็ยกยิ้มขึ้นบาง ๆ ก่อนจะกล่าวด้วยความใสซื่อ "พวกเราเข้าไม่ได้หนิขอรับท่านชาย"
“เฮ้อ...เอาเถอะ ข้าไม่ตำหนิที่เจ้าไม่เท่าทันมุกของข้าหรอก” ว่าพลางส่ายศีรษะหน่าย ๆ ก็ไม่แปลกที่ชาร์ลจะรับมุกไม่ค่อยทันนัก ก็ท่าทางใส่แว่นเนิร์ด ๆ ของเขามันก็บ่งบอกได้อย่างชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาเป็นแวมไพร์ผู้คลั่งหลักการประหนึ่งหุ่นยนต์เดินได้ไม่มีผิด แต่หลังจากได้มาตามติดเจย์เดนก็ดูจะมีความรู้สึกขึ้นมาบ้างเล็กน้อย…
“วันนี้นางขายดอกไม้ได้เยอะนัก” เจย์เดนนั่งมองเธอที่กำลังทำงานพาร์ทไทม์อยู่อย่างขะมักขะเม้น “แต่ลูกค้าส่วนใหญ่เป็นผู้ชายทั้งนั้น” ว่าพลางขมวดคิ้วไปด้วย“เพราะส่วนใหญ่ผู้ชายซื้อดอกไม้ให้ผู้หญิงอย่างไรขอรับ” ผู้ติดตามให้เหตุผล ก่อนที่ท่านชายของเขาจะขุ่นเคืองใจไปมากกว่านี้ เพราะมันคงไม่เป็นผลดีต่อพวกมนุษย์เพศชายพวกนั้นแน่“แต่ผู้ชายพวกนี้เขาซื้อดอกไม้ให้แฟนสาวหรือภรรยากันทุกวันเลยอย่างนั้นเหรอ?” เขาจับสังเกตและจำใบหน้าของลูกค้าประจำทุกคนได้ บางคนก็เข้ามาอุดหนุนทุกวัน บ้างก็วันเว้นวันจนน่าประหลาด“เอ่อ...ก็คงรักภรรยามากน่ะขอรับ” ชาร์ลรีบแก้ต่าง แต่ในอีกมุมหนึ่งมันถือเป็นการสอพลอเพื่อมิให้ท่านชายของเขาฉุนเฉียวจนเกินงาม“เหอะ รักคนจัดช่อดอกไม้สิไม่ว่า...” เจย์เดนแค่นหัวเราะอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก ก่อนจะหันไปเอ่ยสั่งชาร์ลเสียงเด็ดขาด “ข้าอยากให้เจ้าไปเหมาดอกไม้ร้านนั้นมา ก่อนที่มนุษย์พวกนั้นจะเข้ามาอีก”ว่าที่ชายาของเขา มิควรได้มีชายใดมาเชยชมอย่างออกนอกหน้าเช่นนี้สิ มันทำให้เขาหงุดหงิดอย่างไรไม่รู้“เอ่อ...แต่...ดอกไม้เยอะมากเลยนะขอรับ ท่านชายจะเอาไปทำอะไรกัน”“ข้าบอกให้ไปซื้อก็ไปซื้อมาเถอะ” เจย
“โอ๊ย เจ็บนะ!” ลินินโวยวายเมื่อถูกโยนเข้ามาในห้องโถงกลางเรือนบ้าน“สักล้านนึงพอจะได้ไหม” ชายวัยกลางคนที่พาตัวเธอขึ้นรถมาด้วยเอ่ยขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ลินินที่นั่งอยู่กลางห้องโถงเริ่มหน้าซีด แววตาเริ่มหม่นหมอง เมื่อทราบว่าครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่การข่มขู่ ที่พวกเขาแค่เรียกตัวเธอมาเพื่อตักเตือน แล้วจากนั้นจะยอมปล่อยให้กลับไปหาเงินมาชดใช้ดั่งครั้งก่อนหลังจากวางสายลง มือหนาของเจ้าหนี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดชัตเตอร์จับภาพของเธอเพื่อส่งไปให้ปลายทาง“ตาแก่นี่ดูชอบเธอนะ” เขาว่าพลางยื่นรูปชายสูงอายุคนหนึ่งที่ตอบกลับว่าจะขอซื้อตัวเธอมาให้ลินินได้พิจารณาตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสงบนิ่งลงได้เลย แล้วเป็นใครจะกล้าทำใจให้สงบได้กันเล่า ในเมื่อทราบว่าตัวเองจะถูกขายให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้“ขอร้องล่ะ หนูจ่ายให้คุณไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้วนะ” ลินินทิ้งตัวคุกเข่าก่อนจะทำท่าเว้าวอนขอความเห็นใจ เธอยังอยากมีอนาคตอีกยาวไกล หากโดนขายให้ชายแก่รุ่นราวคราวพ่อคงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก“นี่ยัยหนู ฉันเห็นใจเธออยู่หรอกนะที่ต
เจย์เดนพาลินินกลับไปเก็บข้าวของที่บ้านหลังเก่า เธอก็ได้แต่จำใจยอมจากลา พลางคิดหาทางเอาตัวรอดว่าจะพูดอย่างไรให้เขายอมปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ‘เขาจ่ายค่าตัวเราไปเท่าไหร่กันนะ’ ลินินครุ่นคิดในใจ“สามล้านถ้วน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ สร้างความตื่นตกใจให้กับลินินเป็นอย่างยิ่งว่าเขาล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจเธอได้อย่างไรกัน แต่สุดท้ายก็คิดเพียงว่าเจย์เดนแค่บังเอิญพูดถึงมันขึ้นมาพอดี หารู้ไม่ว่าเขาแอบพินิจใจเธออยู่ เหมือนเป็นการทำความรู้จักในช่วงแรกเริ่ม “ข้าตัวเจ้าสามล้าน จะไปหาเงินมาไถ่ตัวเองจากข้างั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ...” และแล้วก็ต้องยอมพ่ายแพ้ เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะควักเงินจ่ายไปด้วยจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้ เป็นจำนวนเงินที่เธอคิดว่าชาตินี้ก็คงหามาชดใช้ไม่ได้หมด“รีบเก็บของซะ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”คำว่า ‘เหนื่อย’ เจย์เดนเพียงพูดไปเช่นนั้นเพื่อเป็นการเร่งเร้าเธอไปในตัว เพราะแวมไพร์เหนื่อยเป็นที่ไหนกันเล่าชาร์ลส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเจ้านายของตัวเองอย่างรู้ทัน ก่อนจะแอบส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่าปากจะหนักไปถึงไหน จึงเรียนรู้ที่จะเอ่ยคำพูดที่สื่อความหมายโดยตรงไม่ได้สักทีลินินรีบไปเก็บของออก
แต่ในขณะที่เธอกำลังก้าวเดินตามแผ่นหลังของเจย์เดน ชายชราคนหนึ่งก็รีบเดินตรงเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายเธออย่างนอบน้อม ราวกับมองว่าเธอนั้นมีฐานะสูงส่งอย่างไรอย่างนั้น“มาแล้วหรือครับท่านหญิง”ท่านหญิงอย่างนั้นเหรอ? ลินินครุ่นคิดในใจพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองไปยังเจย์เดนด้วยความฉงน คิดไม่ตกว่าเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่แต่ถึงอย่างนั้นเจย์เดนก็ยังคงปิดปากเงียบก่อนจะส่งสายตาให้ชายชราผู้ที่เดินเข้ามาทักทายเธอรีบออกไป“ตามมา...” ขายาวก้าวนำเธอต่อไป ลินินก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เอาเถอะ จะให้มาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนแหละนะลินิน...ขณะที่เดินตามเขาไป สายตาของเธอก็มองสำรวจภายในคฤหาสน์ระหว่างทางที่เดินไปด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะถึงแม้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะดูหรูหราอลังการ แต่กลับดูมืดมนและอึมครึมชวนให้รู้สึกน่าอึดอัด นอกจากนี้ยังมีเสียงกระซิบแผ่วเบาหรือเสียงหวีดร้องดังตามสายลมมาเป็นครั้งคราวอีกต่างหาก สร้างความหวาดหวั่นภายในใจให้กับลินินไม่น้อยเลยทีเดียว เธอจึงรีบสาวเท้าเดินให้ว่องไวมากยิ่งขึ้นเพื่อตามหลังเจย์เดนให้ทันร่างสูงเดินพาลินินไปที่ห้องนอนของ
วันรุ่งขึ้น ลินินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยกลัวว่าจะไปโรงเรียนไม่ทันเวลา เพราะคฤหาสน์ตระกูลแบดฟอร์ดตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง มิหนำซ้ำบริเวณโดยรอบยังล้อมไปด้วยผืนป่าพนาไพรอีกด้วยเธออดคิดไม่ได้ว่าอาจต้องเดินลงภูเขาสูงชันนี้ด้วยตัวเอง และหารถประจำทางเพื่อต่อเข้าไปในเมืองให้ได้วางแผนการเดินทางเรียบร้อยแล้ว สองขาก็รีบวิ่งลงบันไดมาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะพบกับเจย์เดนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทานอาหาร นอกจากนี้บนโต๊ะยังเตรียมสำรับอาหารเอาไว้อีกที่หนึ่งด้วย“นั่งลงทานมื้อเช้าซะ” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ“นั่ง...บนโต๊ะ...กับคุณเหรอ?” รู้สึกแปลกใจที่คนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ได้ร่วมโต๊ะกับผู้ทรงอำนาจเช่นเขา ตอนแรกลินินคิดว่าจะต้องไปนั่งรวมกับพวกสาวใช้ซะอีก แต่ก่อนที่เธอจะทันปฏิเสธด้วยความเกรงใจก็ถูกสายตาเฉียบคมของเขามองมาเสียก่อน ประหนึ่งออกคำสั่งกลาย ๆ“นั่ง-ลง” เขาพูดเน้นทีละพยางค์ ลินินที่ได้ยินแบบนั้น อยู่ ๆ ก็ทิ้งตัวนั่งลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับมีบางอย่างมาผลักเธอเข้า“ฉันต้องรีบไปโรงเรียนนะคะ (. .)”“กินมื้อเช้าก่อน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเข้ม “เดี๋ยวให้ชาร์ลไปส่ง” ขณะพูดก็ปรายตามองไปหาผู้ติดตามคนสนิทของตัวเอง ช
เมื่อเห็นว่าลินินนั่งอ่านหนังสือบนเตียงด้วยความลำบากอย่างที่ผู้ติดตามคนสนิทของตนรายงาน เจย์เดนก็มานั่งคิดอีกครั้ง ก่อนจะเกิดอุบายว่า “ข้าอยากไปเที่ยวเดินเล่นในห้องสักหน่อย” จากนั้นเขาก็บอกให้ลินินติดสอยห้อยตามไปด้วย“ห้างเหรอ?” เธอยืนแง้มประตูห้องนอนเพื่อพูดคุยกับเขา “แต่ฉํนต้องอ่านหนังสือนะ” ลินินกล่าวถึงความจำเป็นของตัวเอง เธอเพิ่งเลิกเรียนจากที่โรงเรียนมา ก็หวังจะรีบทบทวนบทเรียนและอ่าหนังสือต่อเลย“กฎอีกข้อ ข้าสั่งอะไรเจ้าต้องว่าตามนั้น” พูดจบ เจย์เดนก็ไม่มัวรีรอฟังคำโต้แย้งจากเธออีก เขาหมุนตัวหันหลังแล้วเดินลงไปรอเธอที่ลานจอดรถคฤหาสน์ลินินเห็นแบบนั้นก็แอบอดถอนหายใจในความเอาแต่ใจของเจย์เดนแต่เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เจย์เดนกลับไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจที่จะเดินไปไหนเลย เอาแต่ยกมือขึ้นป้องแสงจากหลอดไฟนีออน ที่ดูเหมือนจะแยงตาของเขามากจนเกินควรลินินเห็นแบบนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ไม่ชอบที่สว่าง ๆ แล้วทำไมถึงพามาเดินห้างกัน หรือว่าเป็นแวมไพร์ขี้เหงา นาน ๆ ทีจึงอยากออกมาเดินเล่นกับคนอื่นเขาบ้าง?’ หลังจากคิดเช่นนั้น เธอก็ส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหยิบหมวกแก๊ปที่ตัวเองพกติดกระเป๋าเป็นประจำ
ลินินพยายามจะไม่คิดเรื่องของเขา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงลุกขึ้นไปถามชาร์ล ที่มีฐานะเป็นถึงคนสนิทของเขาชาร์ลได้ยินเธอเอ่ยถามก็อดดีใจแทนท่านชายของตนเสียไม่ได้ "ท่านชายอยู่บนห้องขอรับ แต่ช่วงนี้งานหนัก ท่านจึงอ่อนแรงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงไม่ได้ลงมาหาคุณหนูขอรับ""เอ่อ...ฉันไม่ได้หวังให้เขามาหาสักหน่อย" เอาเป็นว่าหญิงสาวก็ปากแข็งพอตัว แต่สิ่งที่ชาร์ลบอกกบ่าวก็ทำให้เธออดเป็นกังวลเสียไม่ได้ในกลางดึกคืนนั้น ลินินจึงแอบย่องไปหน้าห้องของเจย์เดน ฝีเท้าเบาเฉียบดุจแมวย่องเบา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เธอซุกซ่อนตัวจากเจ้าของคฤหาสน์ได้เลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อยกยิ้มขณะที่นั่งหลับตาอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเธอสักเท่าไหร่ ด้วยแวมไพร์อ่อนแรงนั้นกระหายเลือดมนุษย์มากนัก เขาจึงอยากเลี่ยงที่จะพบเธอให้ถึงสุดแต่แล้วความตั้งใจนั้นก็พังลง เมื่ออยู่ ๆ ลินินก็เปิดประตูแง้มออกเห็นแบบนั้นมือหนาก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาบดบังร่างของตัวเองทันที บอกตามตรง สภาพของเขาตอนนี้หากเธอได้เห็นคงต้องหวั่นใจเป็นแน่ดวงหน้าหล่อเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาช้ำเลือดข้างหนึ่ง พร้อมมีเขี้ยวงอกออกมา เรียกได้ว่าด
ลินินกระโดดโลดเต้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรไปกล่าวขอบคุณเจย์เดนอย่างเป็นทางการ เมื่อนั้นเธอจึงวิ่งออกจากห้องและตรงสู่ห้องนอนของเจย์เดนโดยเร็วไวเจย์เดนซึ่งตอนแรกยืนอยู่ตรงระเบียงห้องของเธอ เมื่อเห็นว่าลินินวิ่งออกไปข้างนอก เขาก็รีบวิ่งกลับห้องตัวเองอย่างรู้ทัน‘อยู่ในห้องหรือเปล่านะ’ ลินินยังลังเลที่จะเคาะประตู ด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายหรือเปล่า เธอจึงกอดเจ้าเจย์เดนตัวน้อยและเดินวนเวียนไปมาอยู่ตรงหน้าห้องของเขาแทน ผ่านไปสักพัก ลินินก็เริ่มใช้หูแนบไปกับบานประตู เพื่อจับเสียงที่อยู่ภายในห้องนั้น และเมื่อภายในห้องเงียบงัน เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่กล้าเคาะประตูมากขึ้นเท่านั้น‘เข้ามาสิ เข้ามาหาข้าสิ’ เจย์เดนคิดในใจ ขณะที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องของตัวเองนัก แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ก็ไร้วี่แววว่าคนข้างนอกจะเปิดเข้ามา ทั้งที่กลิ่นของเธอยังคงเด่นชัดว่าอยู่ตรงหน้าห้องของตน ‘เหตุใดนางจึงไม่เข้ามาหาข้า!’ ด้วยความฉุนเฉียวชั่วขณะ มือหนาจึงดึงเปิดบานประตูออกทันใด ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ลินินที่กำลังแนบหูไปกับบานประตูอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถลาเข้าไปในเขตห้องของเจย์เด
หลายวันผ่านไป หลังจากเลิกเรียนในวันศุกร์และกลับมาถึงคฤหาสน์เป้นที่เรียบร้อย ลินินก็รีบวิ่งตามเจย์เดนที่กำลังเดินฉับ ๆ ไปยังห้องทำงานของเขาแล้วขออนุญาตเรื่องสำคัญกับเขา “พรุ่งนี้ขอออกไปทำรายงานกับเพื่อนได้หรือเปล่าคะ”เจย์เดนได้ยินแบบนั้นก็หยุดเดินลงกะทันหัน ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมส่งสายตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าทันที “เพื่อนเจ้าผู้หญิงหรือผู้ชาย” สายตาคมกริบจ้องมองเธออย่างคาดโทษ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ลืมเรื่องคำอธิษฐานที่โบสถ์ และชาตินี้ก็จะไม่มีวันลืมด้วย!“ผู้…หญิง…” ลินินตอบกลับไปด้วยความลังเล เธอไม่กล้าบอกตามตรงว่าอาจารย์จับคู่กับเพื่อนผู้ชายให้ ด้วยสายตาของเขานั้นราวกับจะเชือดเฉือนเธอให้ตายคาที่แบบนั้น ใครจะไปกล้าตอบอะไรที่เข้าข่ายว่าจะขัดใจเขากันเล่า“ถ้าเจ้ากล้าหลอกข้า แล้วข้าจับได้ ซึ่งได้แน่นอนเพราะเจ้าจะอยู่ในสายตาของข้าตลอด ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะไปหักคอเพื่อนเจ้าซะ!”“ผู้ชาย…” รีบเปลี่ยนคำตอบทันควันด้วยความจำนน“แล้วไปทำที่ไหน ห้ามไปที่บ้านมันเด็ดขาด” ประกาศกร้าวเหมือนตัวเองจะไปทำเองอย่างนั้นแหละ “หรือเจ้าจะพามันมาที่นี่ก็ได้นะ”“ได้เหรอ (‘ ‘)?” ถามด้วยความใสซื่อ“ได
เช้าวันต่อมา ถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่ลินินก็ยังตื่นแต่เช้าตามความเคยชิน หลังจากลุกทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินลงมาข้างล่าง แต่แล้วก็พบว่าโต๊ะทานอาหารตรงตำแหน่งของเจย์เดนไร้ซึ่งเงาเจ้าของของมันอีกแล้วทำไมกัน...นี่มันสองวันติดแล้วนะ หรือว่าเขาจะไม่อยากร่วมโต๊ะทานอาหารกับเธอกันแน่ ลินินแอบคิดด้วยความน้อยเนื้อตำใจ เช่นนั้นแล้วเรื่องที่เธอแอบดีใจเมื่อคืนนี้ เธอเพียงคิดไปเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่าถึงจะคิดแบบนั้นแต่สายตาก็ยังกวาดหาเจ้าตัวจนทั่ว เหตุใดเธอจึงต้องรู้สึกว้าวุ่นใจกัน เฮ้อ ไม่เอาสิลินิน วันหยุดพักผ่อนแท้ ๆ หากมัวมานั่งเรียกร้องหาเขาเช่นนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดีเมื่อคิดได้เช่นั้นเธอก็ส่ายศีรษะสลัดความคิดภายในใจออกไป และถึงแม้เจย์เดนจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ชาร์ลผู้ติดตามคนสนิทของเขาก็ยังคอยตามติดเธอไม่ห่างไปไหน เพราะเขาได้รับคำสั่งให้คอยดูแลเธออย่างไรล่ะและมีหรือ...ที่ท่าทางว้าวุ่นของลินินจะรอดพ้นสายตาอันฉียบแหลมของเขาไปได้ ชาร์ลยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาราวกับรู้ใจเธอ“ท่านชายไปเข้าประชุมกับคู่ค้าของบริษัทขอรับ”ลินินพยักหน้ารับทราบด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย แต่แล้วก็
ลินินกระโดดโลดเต้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรไปกล่าวขอบคุณเจย์เดนอย่างเป็นทางการ เมื่อนั้นเธอจึงวิ่งออกจากห้องและตรงสู่ห้องนอนของเจย์เดนโดยเร็วไวเจย์เดนซึ่งตอนแรกยืนอยู่ตรงระเบียงห้องของเธอ เมื่อเห็นว่าลินินวิ่งออกไปข้างนอก เขาก็รีบวิ่งกลับห้องตัวเองอย่างรู้ทัน‘อยู่ในห้องหรือเปล่านะ’ ลินินยังลังเลที่จะเคาะประตู ด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายหรือเปล่า เธอจึงกอดเจ้าเจย์เดนตัวน้อยและเดินวนเวียนไปมาอยู่ตรงหน้าห้องของเขาแทน ผ่านไปสักพัก ลินินก็เริ่มใช้หูแนบไปกับบานประตู เพื่อจับเสียงที่อยู่ภายในห้องนั้น และเมื่อภายในห้องเงียบงัน เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่กล้าเคาะประตูมากขึ้นเท่านั้น‘เข้ามาสิ เข้ามาหาข้าสิ’ เจย์เดนคิดในใจ ขณะที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องของตัวเองนัก แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ก็ไร้วี่แววว่าคนข้างนอกจะเปิดเข้ามา ทั้งที่กลิ่นของเธอยังคงเด่นชัดว่าอยู่ตรงหน้าห้องของตน ‘เหตุใดนางจึงไม่เข้ามาหาข้า!’ ด้วยความฉุนเฉียวชั่วขณะ มือหนาจึงดึงเปิดบานประตูออกทันใด ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ลินินที่กำลังแนบหูไปกับบานประตูอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถลาเข้าไปในเขตห้องของเจย์เด
ลินินพยายามจะไม่คิดเรื่องของเขา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงลุกขึ้นไปถามชาร์ล ที่มีฐานะเป็นถึงคนสนิทของเขาชาร์ลได้ยินเธอเอ่ยถามก็อดดีใจแทนท่านชายของตนเสียไม่ได้ "ท่านชายอยู่บนห้องขอรับ แต่ช่วงนี้งานหนัก ท่านจึงอ่อนแรงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงไม่ได้ลงมาหาคุณหนูขอรับ""เอ่อ...ฉันไม่ได้หวังให้เขามาหาสักหน่อย" เอาเป็นว่าหญิงสาวก็ปากแข็งพอตัว แต่สิ่งที่ชาร์ลบอกกบ่าวก็ทำให้เธออดเป็นกังวลเสียไม่ได้ในกลางดึกคืนนั้น ลินินจึงแอบย่องไปหน้าห้องของเจย์เดน ฝีเท้าเบาเฉียบดุจแมวย่องเบา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เธอซุกซ่อนตัวจากเจ้าของคฤหาสน์ได้เลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อยกยิ้มขณะที่นั่งหลับตาอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเธอสักเท่าไหร่ ด้วยแวมไพร์อ่อนแรงนั้นกระหายเลือดมนุษย์มากนัก เขาจึงอยากเลี่ยงที่จะพบเธอให้ถึงสุดแต่แล้วความตั้งใจนั้นก็พังลง เมื่ออยู่ ๆ ลินินก็เปิดประตูแง้มออกเห็นแบบนั้นมือหนาก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาบดบังร่างของตัวเองทันที บอกตามตรง สภาพของเขาตอนนี้หากเธอได้เห็นคงต้องหวั่นใจเป็นแน่ดวงหน้าหล่อเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาช้ำเลือดข้างหนึ่ง พร้อมมีเขี้ยวงอกออกมา เรียกได้ว่าด
เมื่อเห็นว่าลินินนั่งอ่านหนังสือบนเตียงด้วยความลำบากอย่างที่ผู้ติดตามคนสนิทของตนรายงาน เจย์เดนก็มานั่งคิดอีกครั้ง ก่อนจะเกิดอุบายว่า “ข้าอยากไปเที่ยวเดินเล่นในห้องสักหน่อย” จากนั้นเขาก็บอกให้ลินินติดสอยห้อยตามไปด้วย“ห้างเหรอ?” เธอยืนแง้มประตูห้องนอนเพื่อพูดคุยกับเขา “แต่ฉํนต้องอ่านหนังสือนะ” ลินินกล่าวถึงความจำเป็นของตัวเอง เธอเพิ่งเลิกเรียนจากที่โรงเรียนมา ก็หวังจะรีบทบทวนบทเรียนและอ่าหนังสือต่อเลย“กฎอีกข้อ ข้าสั่งอะไรเจ้าต้องว่าตามนั้น” พูดจบ เจย์เดนก็ไม่มัวรีรอฟังคำโต้แย้งจากเธออีก เขาหมุนตัวหันหลังแล้วเดินลงไปรอเธอที่ลานจอดรถคฤหาสน์ลินินเห็นแบบนั้นก็แอบอดถอนหายใจในความเอาแต่ใจของเจย์เดนแต่เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เจย์เดนกลับไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจที่จะเดินไปไหนเลย เอาแต่ยกมือขึ้นป้องแสงจากหลอดไฟนีออน ที่ดูเหมือนจะแยงตาของเขามากจนเกินควรลินินเห็นแบบนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ไม่ชอบที่สว่าง ๆ แล้วทำไมถึงพามาเดินห้างกัน หรือว่าเป็นแวมไพร์ขี้เหงา นาน ๆ ทีจึงอยากออกมาเดินเล่นกับคนอื่นเขาบ้าง?’ หลังจากคิดเช่นนั้น เธอก็ส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหยิบหมวกแก๊ปที่ตัวเองพกติดกระเป๋าเป็นประจำ
วันรุ่งขึ้น ลินินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยกลัวว่าจะไปโรงเรียนไม่ทันเวลา เพราะคฤหาสน์ตระกูลแบดฟอร์ดตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง มิหนำซ้ำบริเวณโดยรอบยังล้อมไปด้วยผืนป่าพนาไพรอีกด้วยเธออดคิดไม่ได้ว่าอาจต้องเดินลงภูเขาสูงชันนี้ด้วยตัวเอง และหารถประจำทางเพื่อต่อเข้าไปในเมืองให้ได้วางแผนการเดินทางเรียบร้อยแล้ว สองขาก็รีบวิ่งลงบันไดมาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะพบกับเจย์เดนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทานอาหาร นอกจากนี้บนโต๊ะยังเตรียมสำรับอาหารเอาไว้อีกที่หนึ่งด้วย“นั่งลงทานมื้อเช้าซะ” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ“นั่ง...บนโต๊ะ...กับคุณเหรอ?” รู้สึกแปลกใจที่คนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ได้ร่วมโต๊ะกับผู้ทรงอำนาจเช่นเขา ตอนแรกลินินคิดว่าจะต้องไปนั่งรวมกับพวกสาวใช้ซะอีก แต่ก่อนที่เธอจะทันปฏิเสธด้วยความเกรงใจก็ถูกสายตาเฉียบคมของเขามองมาเสียก่อน ประหนึ่งออกคำสั่งกลาย ๆ“นั่ง-ลง” เขาพูดเน้นทีละพยางค์ ลินินที่ได้ยินแบบนั้น อยู่ ๆ ก็ทิ้งตัวนั่งลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับมีบางอย่างมาผลักเธอเข้า“ฉันต้องรีบไปโรงเรียนนะคะ (. .)”“กินมื้อเช้าก่อน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเข้ม “เดี๋ยวให้ชาร์ลไปส่ง” ขณะพูดก็ปรายตามองไปหาผู้ติดตามคนสนิทของตัวเอง ช
แต่ในขณะที่เธอกำลังก้าวเดินตามแผ่นหลังของเจย์เดน ชายชราคนหนึ่งก็รีบเดินตรงเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายเธออย่างนอบน้อม ราวกับมองว่าเธอนั้นมีฐานะสูงส่งอย่างไรอย่างนั้น“มาแล้วหรือครับท่านหญิง”ท่านหญิงอย่างนั้นเหรอ? ลินินครุ่นคิดในใจพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองไปยังเจย์เดนด้วยความฉงน คิดไม่ตกว่าเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่แต่ถึงอย่างนั้นเจย์เดนก็ยังคงปิดปากเงียบก่อนจะส่งสายตาให้ชายชราผู้ที่เดินเข้ามาทักทายเธอรีบออกไป“ตามมา...” ขายาวก้าวนำเธอต่อไป ลินินก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เอาเถอะ จะให้มาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนแหละนะลินิน...ขณะที่เดินตามเขาไป สายตาของเธอก็มองสำรวจภายในคฤหาสน์ระหว่างทางที่เดินไปด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะถึงแม้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะดูหรูหราอลังการ แต่กลับดูมืดมนและอึมครึมชวนให้รู้สึกน่าอึดอัด นอกจากนี้ยังมีเสียงกระซิบแผ่วเบาหรือเสียงหวีดร้องดังตามสายลมมาเป็นครั้งคราวอีกต่างหาก สร้างความหวาดหวั่นภายในใจให้กับลินินไม่น้อยเลยทีเดียว เธอจึงรีบสาวเท้าเดินให้ว่องไวมากยิ่งขึ้นเพื่อตามหลังเจย์เดนให้ทันร่างสูงเดินพาลินินไปที่ห้องนอนของ
เจย์เดนพาลินินกลับไปเก็บข้าวของที่บ้านหลังเก่า เธอก็ได้แต่จำใจยอมจากลา พลางคิดหาทางเอาตัวรอดว่าจะพูดอย่างไรให้เขายอมปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ‘เขาจ่ายค่าตัวเราไปเท่าไหร่กันนะ’ ลินินครุ่นคิดในใจ“สามล้านถ้วน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ สร้างความตื่นตกใจให้กับลินินเป็นอย่างยิ่งว่าเขาล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจเธอได้อย่างไรกัน แต่สุดท้ายก็คิดเพียงว่าเจย์เดนแค่บังเอิญพูดถึงมันขึ้นมาพอดี หารู้ไม่ว่าเขาแอบพินิจใจเธออยู่ เหมือนเป็นการทำความรู้จักในช่วงแรกเริ่ม “ข้าตัวเจ้าสามล้าน จะไปหาเงินมาไถ่ตัวเองจากข้างั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ...” และแล้วก็ต้องยอมพ่ายแพ้ เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะควักเงินจ่ายไปด้วยจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้ เป็นจำนวนเงินที่เธอคิดว่าชาตินี้ก็คงหามาชดใช้ไม่ได้หมด“รีบเก็บของซะ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”คำว่า ‘เหนื่อย’ เจย์เดนเพียงพูดไปเช่นนั้นเพื่อเป็นการเร่งเร้าเธอไปในตัว เพราะแวมไพร์เหนื่อยเป็นที่ไหนกันเล่าชาร์ลส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเจ้านายของตัวเองอย่างรู้ทัน ก่อนจะแอบส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่าปากจะหนักไปถึงไหน จึงเรียนรู้ที่จะเอ่ยคำพูดที่สื่อความหมายโดยตรงไม่ได้สักทีลินินรีบไปเก็บของออก
“โอ๊ย เจ็บนะ!” ลินินโวยวายเมื่อถูกโยนเข้ามาในห้องโถงกลางเรือนบ้าน“สักล้านนึงพอจะได้ไหม” ชายวัยกลางคนที่พาตัวเธอขึ้นรถมาด้วยเอ่ยขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ลินินที่นั่งอยู่กลางห้องโถงเริ่มหน้าซีด แววตาเริ่มหม่นหมอง เมื่อทราบว่าครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่การข่มขู่ ที่พวกเขาแค่เรียกตัวเธอมาเพื่อตักเตือน แล้วจากนั้นจะยอมปล่อยให้กลับไปหาเงินมาชดใช้ดั่งครั้งก่อนหลังจากวางสายลง มือหนาของเจ้าหนี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดชัตเตอร์จับภาพของเธอเพื่อส่งไปให้ปลายทาง“ตาแก่นี่ดูชอบเธอนะ” เขาว่าพลางยื่นรูปชายสูงอายุคนหนึ่งที่ตอบกลับว่าจะขอซื้อตัวเธอมาให้ลินินได้พิจารณาตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสงบนิ่งลงได้เลย แล้วเป็นใครจะกล้าทำใจให้สงบได้กันเล่า ในเมื่อทราบว่าตัวเองจะถูกขายให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้“ขอร้องล่ะ หนูจ่ายให้คุณไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้วนะ” ลินินทิ้งตัวคุกเข่าก่อนจะทำท่าเว้าวอนขอความเห็นใจ เธอยังอยากมีอนาคตอีกยาวไกล หากโดนขายให้ชายแก่รุ่นราวคราวพ่อคงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก“นี่ยัยหนู ฉันเห็นใจเธออยู่หรอกนะที่ต