หน้าหลัก / โรแมนติก / ท่านชายแวมไพร์ / บทที่ 7 ชีวิตช่วงแรกในคฤหาสน์

แชร์

บทที่ 7 ชีวิตช่วงแรกในคฤหาสน์

ผู้เขียน: มินซอลทัง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-26 00:01:31

วันรุ่งขึ้น ลินินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยกลัวว่าจะไปโรงเรียนไม่ทันเวลา เพราะคฤหาสน์ตระกูลแบดฟอร์ดตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง มิหนำซ้ำบริเวณโดยรอบยังล้อมไปด้วยผืนป่าพนาไพรอีกด้วย

เธออดคิดไม่ได้ว่าอาจต้องเดินลงภูเขาสูงชันนี้ด้วยตัวเอง และหารถประจำทางเพื่อต่อเข้าไปในเมืองให้ได้

วางแผนการเดินทางเรียบร้อยแล้ว สองขาก็รีบวิ่งลงบันไดมาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะพบกับเจย์เดนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทานอาหาร นอกจากนี้บนโต๊ะยังเตรียมสำรับอาหารเอาไว้อีกที่หนึ่งด้วย

“นั่งลงทานมื้อเช้าซะ” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ

“นั่ง...บนโต๊ะ...กับคุณเหรอ?” รู้สึกแปลกใจที่คนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ได้ร่วมโต๊ะกับผู้ทรงอำนาจเช่นเขา ตอนแรกลินินคิดว่าจะต้องไปนั่งรวมกับพวกสาวใช้ซะอีก แต่ก่อนที่เธอจะทันปฏิเสธด้วยความเกรงใจก็ถูกสายตาเฉียบคมของเขามองมาเสียก่อน ประหนึ่งออกคำสั่งกลาย ๆ

“นั่ง-ลง” เขาพูดเน้นทีละพยางค์ ลินินที่ได้ยินแบบนั้น อยู่ ๆ ก็ทิ้งตัวนั่งลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับมีบางอย่างมาผลักเธอเข้า

“ฉันต้องรีบไปโรงเรียนนะคะ (. .)”

“กินมื้อเช้าก่อน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเข้ม “เดี๋ยวให้ชาร์ลไปส่ง” ขณะพูดก็ปรายตามองไปหาผู้ติดตามคนสนิทของตัวเอง ชาร์ลก็ก้มหน้าโค้งคำนับเหมือนว่ารับคำสั่งจากเจ้านายของตนเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้น มือหนาของเจย์เดนก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาพลางจิบไปด้วย ซึ่งสิ่งนี้เป็นกิจวัตรของเขาโดยทุกวัน แต่มันกลับทำให้ลินินที่เห็นภาพนี้เกิดคำถามขึ้นในใจทันที

‘แวมไพร์ต้องดื่มกาแฟด้วยอย่างนั้นเหรอ’ แต่ยังไม่ทันได้ครุ่นคิดอย่างถี่ถ้วนนัก เจย์เดนก็เอ่ยออกมาราวกับรู้ทัน

“ข้าไม่ได้ดื่มเพราะอยากได้ฤทธิ์คาเฟอีนสักหน่อย แต่ข้าหลงใหลกลิ่นของมันต่างหาก”

ลินินได้ยินเช่นนั้นก็คิ้วขมวด เป็นอีกครั้งที่เขาล่วงรู้ความคิดในใจของเธอ หรือว่าเขาจะอ่านใจได้กันนะ แต่ยังไม่ทันจะได้หาคำตอบ เจย์เดนก็ตอบคำถามนั้นเสียก่อนแล้ว

“อ๋อ ใช่ เจ้าเข้าใจถูกแล้ว เจ้ามนุษย์” เจย์เดนเอ่ยเน้นย้ำคำว่า ‘มนุษย์’ เพื่อให้ลินินเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างพวกเขา

“ละ...แล้ว...คุณอ่านใจได้ตลอดเลยหรือเปล่า?”

“ข้าอยากอ่านเมื่อใดก็ย่อมอ่านได้ตลอดนั่นแหละ” เจย์เดนอธิบาย พลางยักไหล่เหมือนกับความสามารถนี้เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับตน “แต่เจ้าไม่ต้องกังวลไป ข้าจะอ่านเฉพาะตอนที่อยากเท่านั้น ไม่ต้องกลัวว่าข้าจะรู้ความลับของเจ้าไปเสียหมดหรอก”

“อะ...อ๋อ...” ลินินพยักหน้ารับเพื่อให้ทราบว่าเธอเข้าใจในคำพูดของเขา

เจย์เดนที่กำลังจะเอ่ยพูดต่อก็ชะงักลงกะทันหัน เมื่อสังเกตได้ว่าดูเหมือนตัวเองจะพูดพล่ามกับเจ้ามนุษย์สาวนี่เยอะเกินไปแล้ว และมันทำให้เขารู้สึกเสียคาแรคเตอร์อย่างไรชอบกล เขาจึงเงียบปากลงและหันไปดื่มด่ำกับกาแฟของตัวเองต่อ

ส่วนลินินที่เห็นเขาไม่พูดอะไรต่อก็ได้แต่นั่งเงียบรอจานอาหารมาเสิร์ฟ แต่ในระหว่างนั้น อยู่ ๆ เธอก็อุทานขึ้นมากะทันหัน

“อย่าบอกนะ!?”

ลินินแอบนึกไปถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ที่เธอแอบคิดว่าเจย์เดนหล่อเหลาเพียงใด เมื่อนั้นใบหน้าของเธอก็แดงขึ้นอย่างฉับพลัน

เจย์เดนที่เห็นดังนั้นก็เอ่ยถามด้วยความฉงน แววตาดูตกใจแต่ก็ดูอยากรู้อยากเห็นไปตามกัน “อะไร?”

แต่ลินินพยายามรักษาท่าทางให้สงบ เพราะจากที่เธอลองพิจารณาลักษณะนิสัยของเจย์เดนแล้ว หากเขารู้เรื่องนั้นคงอดไม่ได้ที่จะนำมาพูดทับถมเพื่อให้เธอเขินอายเป็นแน่

นั่นจึงเห็นได้ชัดว่าเขายังไม่ทราบเรื่องนั้น ลินินจึงรู้สึกโล่งใจไปเปราะหนึ่ง

“อะไรกัน เจ้าแอบคิดอะไรลับหลังข้าอย่างนั้นเหรอ” เจย์เดนที่รับรู้ได้ว่าลินินกำลังพยายามสะกัดกั้นความคิดของตัวเองก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะเดินตรงเข้ามาหาเธออย่างค่อย ๆ

“ปะ...เปล่าหนิ...” ว่าพลางหลบหลีกสายตาไปอีกข้าง

สายตาคมกริบจ้องมองเธอก่อนจะพยายามพินิจใจเธออีกครั้ง และเมื่อพบกับความว่างเปล่าเขาก็ต้องยอมแพ้และเอ่ยขึ้นว่า “อย่าให้ข้าจับได้แล้วกัน...” จากนั้นก็แสยะยิ้มแล้วเดินหันหลังกลับไปนั่งบนโต๊ะอาหารตรงตำแหน่งเดิม

“....” พยายามนิ่งเงียบจนถึงที่สุด

หลังจากดื่มกาแฟเสร็จ เจย์เดนก็สั่งให้ผู้รับใช้นำนำจานอาหารมาเสิร์ฟ ในจานนั้นประกอบไปด้วยสเต๊กที่ทำมาจากเนื้อชั้นดี และมันฝรั่งบด เจย์เดนลงมือทานอาหารพวกนั้นด้วยท่าทางธรรมชาติ ในขณะที่ลินินจ้องมองเขาด้วยแววตาฉงนไม่ต่างจากตอนที่เห็นเขาดื่มกาแฟเมื่อครู่

“จะรอให้อาหารเย็นชืดหรือไง กินได้แล้ว” เจย์เดนบอก จากนั้นก็ทานอาหารของตัวเองต่อไป

ลินินพยักหน้าพลางหยิบส้อมกับมีดขึ้นมาอย่างว่าง่าย แต่แล้วเธอก็พึมพำกับตัวเองอีกครั้ง “...นึกว่าดื่มเลือดได้อย่างเดียวซะอีก”

“เข้าใจผิดแล้วเจ้ามนุษย์ หากพวกข้าดื่มแต่เลือด คงแฝงตัวอยู่ในโลกมนุษย์ได้ยากแล้วล่ะ จะบอกอะไรให้ พวกชนชั้นสูงอย่างเราจะดื่มเลือดเมื่ออยู่ในสภาวะที่อ่อนกำลังเท่านั้น แต่...” เจย์เดนเว้นช่วงประโยคก่อนจะชี้ไปทางผู้รับใช้คนหนึ่งที่แอบยืนจ้องลินินอยู่ตรงมุมห้องอาหาร “ถ้าเป็นเจ้านั่นอยากดื่มเลือดเจ้าก็ไม่แน่...”

“!!!” และด้วยท่าทางของมันเหมือนกำลังจ้องจะตะครุบเหยื่อ เมื่อลินินหันไปและเห็นแบบนั้นเข้าก็ตื่นตระหนก สองขารีบลุกขึ้นยืนแล้วออกตัววิ่งไปหลบอยู่ข้างหลังชาร์ลแทนที่จะเป็นเจย์เดน

ร่างสูงเห็นเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะหันมองผู้ติดตามของตัวเองที่ถูกลินินจับแขนเอาไว้แน่นพร้อมสีหน้าบึ้งตึง ‘เจ้าควรจะมาหาข้าสิ ไม่ใช่ไปหาผู้ติดตามของข้า’

ช่วยไม่ได้...ใครให้ชาร์ลดูอบอุ่นมากกว่าเขากันเล่า ลินินที่เห็นแบบนั้นก็ต้องเลือกเข้าหาคนที่มีท่าทางจะช่วยเธอมากกว่ากลั่นแกล้งสิ

ชาร์ลเห็นท่านชายของตนคิ้วขมวดงุ่นด้วยความหึงหวงก็อดหัวเราะไม่ได้ ก่อนจะหันไปบอกลินินด้วยความสัตย์จริง “คุณหนูลินินไม่ต้องห่วงครับ เจ้านั่นไม่กล้าเข้าใกล้คุณหนูหรอก เพราะท่านชายกำชับเอาไว้อย่างชัดเจนแล้ว”

ลินินได้ยินแบบนั้นก็ปล่อยมือที่กอบกำแขนเสื้อของชาร์ลเอาไว้ออก จากนั้นจึงหันไปมองค้อนใส่เจย์เดนแล้วกล่าวตำหนิเขาอย่างเสียอดไม่ได้ “นี่นายแกล้งฉันเหรอ!?”

“ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะหวาดกลัวขนาดนั้นหนิ”

“ถ้านายแกล้งฉันอีกรอบ ฉันจะเอากระเทียมมายัดปากนายซะ!” ลินินประกาศกร้าวก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่และทานอาหารตามปกติ

เจย์เดนกับชาร์ลที่ได้ยินแบบนั้นก็หันมองหน้ากัน ก่อนจะแอบยิ้มที่ได้เห็นอีกมุมหนึ่งของลินินว่าแท้จริงแล้วเธอก็สู้คนอยู่ไม่น้อย

“เอาเป็นว่า ข้าจะพยายามแกล้งเจ้าให้น้อยลงแล้วกันนะ” เจย์เดนพูดขึ้น “แต่ข้าจะบอกอะไรที่เจ้าควรรู้อยู่อย่างให้นะ...พวกข้าไม่ได้กลัวกระเทียมกันหรอก”

“?” ลินินงุนงง จากที่เคยอ่านหรือดูในหนังมา ส่วนใหญ่บทมักจะเขียนให้แวมไพร์กลัวกระเทียมกันนี่นา

“การรับรู้ของพวกข้าจะไวกว่าพวกเจ้า จึงไม่ค่อยชอบสิ่งที่มีกลิ่นฉุนก็เท่านั้น แต่ไม่ได้กลัว...” เจย์เดนเปิดมุมมองให้ลินินได้รับรู้เรื่องเกี่ยวกับพวกเขามากขึ้น

“แต่อย่างน้อย นายก็ไม่ชอบ...” ลินินเห็นว่าคำขู่ก่อนหน้าดูเหมือนจะใช้ไม่ได้ผล แต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ ไม่ชอบก็เท่ากับเกลียดหรือกลัวนั่นแหละ! เธอคิดเป็นการปลอบใจตัวเอง

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จ ลินินก็ลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วบอกลาเจย์เดนเพื่อจะออกเดินทางไปพร้อมชาร์ล แต่แล้วก็โดนเจย์เดนคว้าข้อมือเอาไว้เสียก่อน

“เปลี่ยนใจแล้ว ข้าจะไปส่งเจ้าด้วย” หลังจากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่แล้ว เขาไม่ยอมละสายตาให้ลินินอยู่กับชาร์ลเพียงสองต่อสองหรอก

ชาร์ลที่รู้ความคิดในใจของเจ้านายตัวเองก็แอบยิ้มอย่างขบขัน แต่เมื่อเห็นสายตาของเจย์เดนที่มองมาอย่างเชือดเฉือนเขาก็ต้องรีบก้มหน้าหลบซ่อนรอยยิ้มนั้นทันที

หลายวันผ่านไป ลินินใช้ชีวิตในคฤหาสน์ตามกฎที่เจย์เดนกำชับไว้อย่างเคร่งครัด ช่วงนี้เธอจึงไม่ได้ไปทำงานพาร์ทไทม์เหมือนเคยแล้ว เนื่องจากเธอต้องไปโรงเรียนในช่วงเช้า และหากไปเข้างานก็จะต้องเลิกดึก และเกินเวลาเคอร์ฟิวที่ท่านชายจอมขี้แกล้งกำหนด

แต่เงินที่สะสมมาก็เริ่มร่อยหรอลงทุกที นอกจากนี้ยังต้องไปซื้อหนังสือเตรียมสอบมาอ่านเพิ่มเติมอีกต่างหาก ใช่แล้ว เธอวางแผนจะสอบเข้ามหาลัย และตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าจะต้องสอบให้ได้ด้วย!

โชคยังดีที่ทุกวันนี้เจย์เดนยังให้เงินรายวันกับเธอไปโรงเรียนด้วย แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็ยังไม่เข้าใจความตั้งใจของเขาที่อยู่ ๆ ก็นำตัวเธอมาเลี้ยงดูอย่างดีเช่นนี้

แต่ครั้นจะเอ่ยถามอยู่ทุกครั้ง เจย์เดนก็เพิ่มกฎขึ้นมาเสียอย่างนั้น นั่นคือกฎที่ว่า “อย่าถามอะไรมาก เพราะนั่นจะทำให้ข้าอารมณ์ไม่ดี และหากข้าอารมณ์ไม่ดี เจ้าจะได้กลายเป็นอาหารของข้าแน่” เขาแกล้งขู่เพื่อกำชับความสำคัญของกฎข้อนี้

ทำให้ลินินที่หวาดหวั่นว่าเขาจะจับเธอกินเมื่อใดก็ได้นั้น ยอมทำตามคำพูดของเขาเสียโดยง่าย นับแต่นั้นมาเธอจึงไม่กล้าสงสัยอะไรในตัวเจย์เดนมากนัก

“ท่านชายยังไม่บอกท่านหญิงอีกหรือขอรับ” ชาร์ล ยืนพูดคุยกับเจย์เดน ขณะที่สายตาคมกริบของเขากำลังมองลินินที่เดินสำรวจชั้นหนังสือภายในห้องสมุดของคฤหาสน์ด้วยความตื่นตาตื่นใจ

“เอาไว้ก่อน...ข้ายังสนุกกับการได้แกล้งนางอยู่เลย”

“ระวังท่านหญิงจะกลัวจนช็อคนะขอรับ มนุษย์อ่อนแอจะตายไป” คำกล่าวเตือนจากโหรหลวงทำให้เจย์เดนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง แต่แล้วเขาก็แสยะยิ้มขึ้นต่ออย่างไม่หวั่นเกรง

“ไม่เป็นไรหรอก ถึงยังไงนางก็ต้องเปลี่ยนเป็นแวมไพร์ในสักวัน ข้าอยากจะเล่นกับนางให้พอใจก่อน” เจย์เดนว่า สายตายังคงจับจ้องลินินที่ตอนนี้นั่งอยู่ในห้องสมึดคฤหาสน์ และกำลังหยิบหนังสือเล่มหนาออกมาอ่านอย่างเพลิดเพลิน

ในขณะที่มนุษย์อย่างเธอกำลังอ่านหนังสือ แวมไพร์ก็เพลิดเพลินไปกับการได้แอบมองเธออยู่อย่างนี้ ยิ่งนานวันเข้า สิ่งนี้ก็กลายเป็นงานอดิเรกของเขาไปเสียแล้ว

ช่วงวันหยุด จากที่ลินินเคยออกมาเดินเล่นชมสวนในคฤหาสน์ แต่ช่วงนี้กลับอยู่แต่ในห้องนอน เป็นเพราะเธอใกล้จบมัธยมปลายแล้ว จึงต้องใช้เวลาอ่านหนังสือเตรียทสอบเป็นส่วนใหญ่

แต่ภายในห้องที่กว้างใหญ่นั้นกลับไม่มีโต๊ะเขียนหนังสือเลย นอกจากเตียง โต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้าแล้ว ภายในห้องกลับเป็นพื้นที่ว่างเปล่า ไร้ซึ่งเฟอร์นิเจอร์อื่นใดตั้งวาง อันที่จริงแล้ว มันก็ทำให้ลินินรู้สึกวังเวงอย่างบอกไม่ถูกเช่นกัน นอกจากนี้เธอยังต้องนั่งอ่านหนังสือบนพื้นหรือบนเตียงแทน

ครั้นจะไปอ่านในห้องสมุดคฤหาสน์เธอก็ไม่สามารถนั่งอ่านจนดึกดื่นได้อยู่ดี...ด้วยกลัวว่าจะถูกพวกแวมไพร์ที่กลายร่างเป็นปีศาจมาจับกินเข้า เธอจึงเลือกที่จะอยู่อ่านในห้องนอนเสียมากกว่า

“ช่วงนี้คุณหนูลินินอ่านหนังสือเตรียมสอบทั้งวันทั้งคืนเลยขอรับ แต่ว่า...” ชาร์ลเดินเข้ามารายงานเรื่องของลินินให้เจย์เดนฟังดั่งปกติเช่นเคยทำทุกวัน

เนื่องจากเป็นคำสั่งของเจย์เดนที่คอยให้เขาจับตาและรายงานเรื่องของลินินให้ฟังทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นกิจวัตรของเธอตั้งแต่ตื่นนอนจนกระทั่งเข้านอน เขาให้รายงานทั้งหมด

“แต่อะไร?” เมื่อเห็นผู้ติดตามเว้นช่วงประโยคนาน เขาก็เอ่ยถามขึ้นด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด หารู้ไม่ว่าเป็นเพียงการกลั่นแกล้งเพื่อให้เขาร้อนรนใจเพียงเท่านั้น

ชาร์ลยกยิ้มขึ้นอย่างมีชัย ก่อนจะกระแอมแล้วรีบบอกกล่าวต่อ หากยังลีลาอยู่เช่นนี้ มีหวังเขาได้โดนบาทาของท่านชายก่อนรายงานจบเป็นแน่แท้

“ในห้องไม่มีโต๊ะอ่านหนังสือขอรับ คุณหนูลินินต้องนั่งอ่านหนังสือบนพื้น ไม่ก็ต้องนอนอ่านบนเตียงแทน...คงปวดคอปวดหลังน่าดูเลย” ว่าพลางทำท่ามนุษย์ปวดคอปวดหลังเป็นภาพประกอบไปด้วย

ว่าจบ ชาร์ลก็แอบเหลือบมองอาการของท่านชายตัวเองว่าเขาจะใส่ใจเรื่องนี้มากน้อยเพียงใด แต่เจย์เดนก็เพียงทำท่านิ่งเฉย ก่อนจะกลับไปสนใจกองงานที่อยู่บนโต๊ะต่อแล้วเอ่ยขึ้นเสียงแข็งว่า

“แล้วยังไง? เจ้าตัวยังไม่มาบ่นให้ข้าฟังเลย เหตุใดข้าจะต้องใส่ใจเรื่องการปวดคอปวดหลังของนางด้วย”

น้ำเสียงในคำพูดดูเหมือนจะน้อยใจอย่างไรไม่รู้ เหตุใดเธอจึงไม่มาชี้แจงเองว่าขาดเหลือสิ่งใดกับเขาเลย ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ ลินินไม่เคยเรียกร้องอะไรจากเขาเลยสักครั้ง ดูเหมือนจะเป็นเรื่องดี แต่สำหรับเจย์เดนเขากลับรู้สึกถูกเมินเฉยเสียมากกว่า

ชาร์ลได้แต่ส่ายศีรษะอย่างหน่าย ๆ ก็ท่านชายไม่ยอมบอกคุณหนูลินินตามตรงว่าพาเธอมาอยู่ในฐานะใด แบบนี้ใครจะกล้าเข้าหากันเล่า แค่เขาไปไถ่ตัวและพาเธอมาเลี้ยงดูอย่างดี เธอก็คงเกรงใจจะแย่อยู่แล้วล่ะ

ชาร์ลคิดในใจ ก่อนจะก้มทำความเคารพเจย์เดนแล้วเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ยังไงก็...ลองพิจารณาดูนะขอรับท่านชาย ว่าที่ชายาของท่าจะปวดคอปวดหลังเอานะขอรับ” จากนั้นก็ถอยหลังแล้วหมุนตัวเดินออกจากห้องไป

แต่ใครจะไปรู้ว่าเมื่อพ้นสายตาของชาร์ลแล้ว เจย์เดนก็เริ่มครุ่นคิดถึงเรื่องที่ได้ยินมาขึ้นอีกครั้ง ในคืนวันนั้น เขาจึงแอบมาสังเกตการณ์ที่ห้องของเธอด้วยตัวเอง

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 8 ท่านชายจอมปากแข็ง

    เมื่อเห็นว่าลินินนั่งอ่านหนังสือบนเตียงด้วยความลำบากอย่างที่ผู้ติดตามคนสนิทของตนรายงาน เจย์เดนก็มานั่งคิดอีกครั้ง ก่อนจะเกิดอุบายว่า “ข้าอยากไปเที่ยวเดินเล่นในห้องสักหน่อย” จากนั้นเขาก็บอกให้ลินินติดสอยห้อยตามไปด้วย“ห้างเหรอ?” เธอยืนแง้มประตูห้องนอนเพื่อพูดคุยกับเขา “แต่ฉํนต้องอ่านหนังสือนะ” ลินินกล่าวถึงความจำเป็นของตัวเอง เธอเพิ่งเลิกเรียนจากที่โรงเรียนมา ก็หวังจะรีบทบทวนบทเรียนและอ่าหนังสือต่อเลย“กฎอีกข้อ ข้าสั่งอะไรเจ้าต้องว่าตามนั้น” พูดจบ เจย์เดนก็ไม่มัวรีรอฟังคำโต้แย้งจากเธออีก เขาหมุนตัวหันหลังแล้วเดินลงไปรอเธอที่ลานจอดรถคฤหาสน์ลินินเห็นแบบนั้นก็แอบอดถอนหายใจในความเอาแต่ใจของเจย์เดนแต่เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เจย์เดนกลับไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจที่จะเดินไปไหนเลย เอาแต่ยกมือขึ้นป้องแสงจากหลอดไฟนีออน ที่ดูเหมือนจะแยงตาของเขามากจนเกินควรลินินเห็นแบบนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ไม่ชอบที่สว่าง ๆ แล้วทำไมถึงพามาเดินห้างกัน หรือว่าเป็นแวมไพร์ขี้เหงา นาน ๆ ทีจึงอยากออกมาเดินเล่นกับคนอื่นเขาบ้าง?’ หลังจากคิดเช่นนั้น เธอก็ส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหยิบหมวกแก๊ปที่ตัวเองพกติดกระเป๋าเป็นประจำ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-26
  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 10 ประหนึ่งเป็นเรื่องของตัวเอง

    ลินินพยายามจะไม่คิดเรื่องของเขา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงลุกขึ้นไปถามชาร์ล ที่มีฐานะเป็นถึงคนสนิทของเขาชาร์ลได้ยินเธอเอ่ยถามก็อดดีใจแทนท่านชายของตนเสียไม่ได้ "ท่านชายอยู่บนห้องขอรับ แต่ช่วงนี้งานหนัก ท่านจึงอ่อนแรงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงไม่ได้ลงมาหาคุณหนูขอรับ""เอ่อ...ฉันไม่ได้หวังให้เขามาหาสักหน่อย" เอาเป็นว่าหญิงสาวก็ปากแข็งพอตัว แต่สิ่งที่ชาร์ลบอกกบ่าวก็ทำให้เธออดเป็นกังวลเสียไม่ได้ในกลางดึกคืนนั้น ลินินจึงแอบย่องไปหน้าห้องของเจย์เดน ฝีเท้าเบาเฉียบดุจแมวย่องเบา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เธอซุกซ่อนตัวจากเจ้าของคฤหาสน์ได้เลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อยกยิ้มขณะที่นั่งหลับตาอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเธอสักเท่าไหร่ ด้วยแวมไพร์อ่อนแรงนั้นกระหายเลือดมนุษย์มากนัก เขาจึงอยากเลี่ยงที่จะพบเธอให้ถึงสุดแต่แล้วความตั้งใจนั้นก็พังลง เมื่ออยู่ ๆ ลินินก็เปิดประตูแง้มออกเห็นแบบนั้นมือหนาก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาบดบังร่างของตัวเองทันที บอกตามตรง สภาพของเขาตอนนี้หากเธอได้เห็นคงต้องหวั่นใจเป็นแน่ดวงหน้าหล่อเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาช้ำเลือดข้างหนึ่ง พร้อมมีเขี้ยวงอกออกมา เรียกได้ว่าด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 9 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

    ลินินกระโดดโลดเต้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรไปกล่าวขอบคุณเจย์เดนอย่างเป็นทางการ เมื่อนั้นเธอจึงวิ่งออกจากห้องและตรงสู่ห้องนอนของเจย์เดนโดยเร็วไวเจย์เดนซึ่งตอนแรกยืนอยู่ตรงระเบียงห้องของเธอ เมื่อเห็นว่าลินินวิ่งออกไปข้างนอก เขาก็รีบวิ่งกลับห้องตัวเองอย่างรู้ทัน‘อยู่ในห้องหรือเปล่านะ’ ลินินยังลังเลที่จะเคาะประตู ด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายหรือเปล่า เธอจึงกอดเจ้าเจย์เดนตัวน้อยและเดินวนเวียนไปมาอยู่ตรงหน้าห้องของเขาแทน ผ่านไปสักพัก ลินินก็เริ่มใช้หูแนบไปกับบานประตู เพื่อจับเสียงที่อยู่ภายในห้องนั้น และเมื่อภายในห้องเงียบงัน เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่กล้าเคาะประตูมากขึ้นเท่านั้น‘เข้ามาสิ เข้ามาหาข้าสิ’ เจย์เดนคิดในใจ ขณะที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องของตัวเองนัก แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ก็ไร้วี่แววว่าคนข้างนอกจะเปิดเข้ามา ทั้งที่กลิ่นของเธอยังคงเด่นชัดว่าอยู่ตรงหน้าห้องของตน ‘เหตุใดนางจึงไม่เข้ามาหาข้า!’ ด้วยความฉุนเฉียวชั่วขณะ มือหนาจึงดึงเปิดบานประตูออกทันใด ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ลินินที่กำลังแนบหูไปกับบานประตูอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถลาเข้าไปในเขตห้องของเจย์เด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-27
  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 11 ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัว

    เช้าวันต่อมา ถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่ลินินก็ยังตื่นแต่เช้าตามความเคยชิน หลังจากลุกทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินลงมาข้างล่าง แต่แล้วก็พบว่าโต๊ะทานอาหารตรงตำแหน่งของเจย์เดนไร้ซึ่งเงาเจ้าของของมันอีกแล้วทำไมกัน...นี่มันสองวันติดแล้วนะ หรือว่าเขาจะไม่อยากร่วมโต๊ะทานอาหารกับเธอกันแน่ ลินินแอบคิดด้วยความน้อยเนื้อตำใจ เช่นนั้นแล้วเรื่องที่เธอแอบดีใจเมื่อคืนนี้ เธอเพียงคิดไปเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่าถึงจะคิดแบบนั้นแต่สายตาก็ยังกวาดหาเจ้าตัวจนทั่ว เหตุใดเธอจึงต้องรู้สึกว้าวุ่นใจกัน เฮ้อ ไม่เอาสิลินิน วันหยุดพักผ่อนแท้ ๆ หากมัวมานั่งเรียกร้องหาเขาเช่นนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดีเมื่อคิดได้เช่นั้นเธอก็ส่ายศีรษะสลัดความคิดภายในใจออกไป และถึงแม้เจย์เดนจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ชาร์ลผู้ติดตามคนสนิทของเขาก็ยังคอยตามติดเธอไม่ห่างไปไหน เพราะเขาได้รับคำสั่งให้คอยดูแลเธออย่างไรล่ะและมีหรือ...ที่ท่าทางว้าวุ่นของลินินจะรอดพ้นสายตาอันฉียบแหลมของเขาไปได้ ชาร์ลยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาราวกับรู้ใจเธอ“ท่านชายไปเข้าประชุมกับคู่ค้าของบริษัทขอรับ”ลินินพยักหน้ารับทราบด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย แต่แล้วก็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 12 เจ้าแวมไพร์หวงของ

    หลายวันผ่านไป หลังจากเลิกเรียนในวันศุกร์และกลับมาถึงคฤหาสน์เป้นที่เรียบร้อย ลินินก็รีบวิ่งตามเจย์เดนที่กำลังเดินฉับ ๆ ไปยังห้องทำงานของเขาแล้วขออนุญาตเรื่องสำคัญกับเขา “พรุ่งนี้ขอออกไปทำรายงานกับเพื่อนได้หรือเปล่าคะ”เจย์เดนได้ยินแบบนั้นก็หยุดเดินลงกะทันหัน ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมส่งสายตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าทันที “เพื่อนเจ้าผู้หญิงหรือผู้ชาย” สายตาคมกริบจ้องมองเธออย่างคาดโทษ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ลืมเรื่องคำอธิษฐานที่โบสถ์ และชาตินี้ก็จะไม่มีวันลืมด้วย!“ผู้…หญิง…” ลินินตอบกลับไปด้วยความลังเล เธอไม่กล้าบอกตามตรงว่าอาจารย์จับคู่กับเพื่อนผู้ชายให้ ด้วยสายตาของเขานั้นราวกับจะเชือดเฉือนเธอให้ตายคาที่แบบนั้น ใครจะไปกล้าตอบอะไรที่เข้าข่ายว่าจะขัดใจเขากันเล่า“ถ้าเจ้ากล้าหลอกข้า แล้วข้าจับได้ ซึ่งได้แน่นอนเพราะเจ้าจะอยู่ในสายตาของข้าตลอด ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะไปหักคอเพื่อนเจ้าซะ!”“ผู้ชาย…” รีบเปลี่ยนคำตอบทันควันด้วยความจำนน“แล้วไปทำที่ไหน ห้ามไปที่บ้านมันเด็ดขาด” ประกาศกร้าวเหมือนตัวเองจะไปทำเองอย่างนั้นแหละ “หรือเจ้าจะพามันมาที่นี่ก็ได้นะ”“ได้เหรอ (‘ ‘)?” ถามด้วยความใสซื่อ“ได

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-02-02
  • ท่านชายแวมไพร์   บทนำ

    ยามค่ำคืนช่วงเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง อากาศโดยรอบจึงเย็นจัด เมฆหมอกบางเบาโอบล้อมรอบตึกสูงระฟ้าราวกับกำลังปกปิดความลึกลับอีกด้านหนึ่งของโลกเอาไว้ ท้องฟ้าในยามนี้มืดสนิทมีเพียงแสงเบาบางจากดวงจันทร์ที่คล้ายกับรอยยิ้มเหยียดเยาะเยือกเย็นชวนน่าหวาดหวั่นณ ทางเดินทอดยาวสู่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ปรากฎภาพหญิงสาวที่กำลังเดินผ่านสวนสาธารณะ วันนี้เป็นดั่งเช่นทุกวันที่เธอต้องออกไปทำงานพาร์ทไทม์ที่ร้านขายดอกไม้ สองขาก้าวไปตามเส้นทางที่คุ้นเคย เพียงแต่ในวันนี้กลับมีสิ่งแปลกประหลาดที่เข้ามาสะดุดสายตาของเธอเข้าโดยบังเอิญเสียอย่างนั้น ดวงตาคู่สวยเพ่งมองเจ้าสิ่งนั้นก่อนจะพบว่ามันคือกุหลาบดอกหนึ่งซึ่งถูกวางทิ้งเอาไว้บนกลางทางเดินนอกจากนี้ มันช่างต่างจากดอกกุหลาบที่เธอเห็นทุกวันในร้านยิ่งนัก เจ้าพวกนั้นทั้งสดใสและบานสะพรั่ง แต่กุหลาบที่เธอพบในค่ำคืนนี้กลับแตกต่างออกไป ชวนน่าอัศจรรย์ระคนสงสัย เพราะสีของมันนั้นดำขลับสนิทราวกับถูกวาดขึ้นมาจากฝันร้ายของใครบางคน“ใครเอาแกมาทิ้งกันนะ” ด้วยความที่เธอเป็นพนักงานพาร์ทไทม์ในร้านจัดดอกไม้มานับแรมปี จึงมีความผูกพันให้กับดอกไม้นานาชนิด แม้ว่าสีของเจ้าดอกไม้นี้จะไม่ค่อยน่าเชยชม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 1 กุหลาบต้องมนต์

    “ท่านชายต้องเร่งหาคู่ครองได้แล้วนะขอรับ!” อยู่ ๆ ชายชราคนหนึ่งก็โผล่พรวดเข้ามาภายในห้องทำงานอันแสนองค์อาจ เขาคือโหรหลวงประจำตระกูลแบรดฟอร์ด ตระกูลซึ่งเก่าแก่และทรงอำนาจมากที่สุดในแวมไพร์ชนชั้นสูงสิ้นเสียงของชายชรา ร่างสูงที่นั่งจมอยู่กับกองงานด้วยสีหน้าเคร่งเครียดก็เงยหน้าขึ้นแล้วกอดอกใส่ด้วยท่าทางกวน ๆ“หมายความว่าอย่างไร ทำไมอยู่ ๆ ท่านจึงมาพูดเรื่องนี้ได้”“ข้าได้รับคำนายว่าช่วงนี้ท่านชายจะหาคู่ครองที่เหมาะสมได้ขอรับ เพราะฉะนั้นท่านชายต้องรีบเร่งหาได้แล้ว ก่อนจะสายเกินไปเสียก่อน”“หาเมื่อไหร่ก็ได้ตลอดนั่นแหละ สาว ๆ พวกนั้นแค่กระดิกนิ้วก็เข้ามาแล้ว” เจย์เดนตอบโต้กลับไป“หากเพียงเพื่อรักสนุกจะทำเช่นนั้นก็ย่อมได้ แต่หากนำมาเป็นชายาข้างกาย ข้าน้อยว่ามิสมควร” ถึงแม้กาลเวลาจผ่านมาจนถึงยุคที่มีอินเทอร์เน็ตแล้ว แต่พวกเขาก็ยังติดพูดสรรพนามเช่นนี้อยู่เสมอ“แล้วท่านจะให้ข้าทำอย่างไร? ยุคนี้สมัยนี้ก็หาได้แต่แบบนี้แหละ” เจย์เดนกอดอก คราวนี้สายตาของเขาเริ่มฉายแววจริงจังมากขึ้นเรื่อย ๆ ด้วยความที่งานตรงหน้ากองจนแทบจะท่วมหัวอยู่แล้ว แต่กลับต้องมาเสวนาเรื่องผู้หญิงที่คอยแต่จะหวังเข้าหาเขาเพื่อผลปร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24
  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 2 พรหมลิขิตก่อตัว

    “เฮ้อ แล้วจะให้ข้านำมันไปให้ใครกันล่ะ” เจย์เดนถอนหายใจอย่างยาวเหยียด พร้อมกับจ้องมองดอกกุหลาบที่อยูในฝาแก้วครอบ ถึงแม้ก่อนหน้านี้เขาจะเอ่ยว่า คู่ครองหาเมื่อไหร่ก็เหมือนกันหมด แต่เขาก็หวังอยากจะหาให้ได้ในเร็ววันนั่นแหละ...บอกตามตรง แวมไพร์เช่นเขาก็เหงาเป็นเหมือนกันนะผู้ติดตามคนสนิทที่ยืนฟังอยู่จึงเสนอความคิดขึ้นว่า “เช่นนั้น ท่านชายลองนำไปให้คนที่ท่านหมายปองดูก่อนดีหรือไม่ขอรับ”“ไม่มีผู้ใดที่ข้าหมายปองเป็นพิเศษหรอก”“คุณหนูเฟย์อย่างไรขอรับ” ผู้ติดตามอย่างเขาเห็นว่าท่านชายสนิทสนมกับเธอเป็นพิเศษ จึงคิดว่าบางทีพวกเขาอาจมีบางสิ่งที่เข้ากันได้“นี่เจ้าต้องล้อข้าเล่นแน่เลย นางเป็นเพียงสหายของข้า”คุณหนูเฟย์ คือลูกสาวตระกูลแวมไพร์ที่ตระกูลแบรดฟอร์ดของเขาร่วมค้าธุรกิจด้วย นั่นเป็นสาเหตุที่เขาและเธอสนิทกันมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย แต่หากมองลึกลงไปในความสัมพันธ์นั้น ไม่มีความพิสวาทเลยแม้แต่น้อย“หรือจะเป็นคุณหนูอลิเซียเล่าขอรับ” ชาร์ลยังคงเสนอรายชื่อหญิงสาวที่ดูเหมาะสมกับเจ้านายของตนอย่างไม่หยุดยั้ง“เจ้าอย่าพูดชื่อคนที่น่ากลัวเช่นนั้นออกมาเชียว”สาเหตุที่เจย์เดนกล่าวเช่นนั้น เป็นเพราะคุณหนูอลิเซีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-24

บทล่าสุด

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 12 เจ้าแวมไพร์หวงของ

    หลายวันผ่านไป หลังจากเลิกเรียนในวันศุกร์และกลับมาถึงคฤหาสน์เป้นที่เรียบร้อย ลินินก็รีบวิ่งตามเจย์เดนที่กำลังเดินฉับ ๆ ไปยังห้องทำงานของเขาแล้วขออนุญาตเรื่องสำคัญกับเขา “พรุ่งนี้ขอออกไปทำรายงานกับเพื่อนได้หรือเปล่าคะ”เจย์เดนได้ยินแบบนั้นก็หยุดเดินลงกะทันหัน ยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมส่งสายตาคมกริบจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าทันที “เพื่อนเจ้าผู้หญิงหรือผู้ชาย” สายตาคมกริบจ้องมองเธออย่างคาดโทษ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่ลืมเรื่องคำอธิษฐานที่โบสถ์ และชาตินี้ก็จะไม่มีวันลืมด้วย!“ผู้…หญิง…” ลินินตอบกลับไปด้วยความลังเล เธอไม่กล้าบอกตามตรงว่าอาจารย์จับคู่กับเพื่อนผู้ชายให้ ด้วยสายตาของเขานั้นราวกับจะเชือดเฉือนเธอให้ตายคาที่แบบนั้น ใครจะไปกล้าตอบอะไรที่เข้าข่ายว่าจะขัดใจเขากันเล่า“ถ้าเจ้ากล้าหลอกข้า แล้วข้าจับได้ ซึ่งได้แน่นอนเพราะเจ้าจะอยู่ในสายตาของข้าตลอด ถ้าเป็นแบบนั้นข้าจะไปหักคอเพื่อนเจ้าซะ!”“ผู้ชาย…” รีบเปลี่ยนคำตอบทันควันด้วยความจำนน“แล้วไปทำที่ไหน ห้ามไปที่บ้านมันเด็ดขาด” ประกาศกร้าวเหมือนตัวเองจะไปทำเองอย่างนั้นแหละ “หรือเจ้าจะพามันมาที่นี่ก็ได้นะ”“ได้เหรอ (‘ ‘)?” ถามด้วยความใสซื่อ“ได

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 11 ความรู้สึกที่เริ่มก่อตัว

    เช้าวันต่อมา ถึงแม้ว่าจะเป็นวันหยุดแต่ลินินก็ยังตื่นแต่เช้าตามความเคยชิน หลังจากลุกทำธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยเธอก็เดินลงมาข้างล่าง แต่แล้วก็พบว่าโต๊ะทานอาหารตรงตำแหน่งของเจย์เดนไร้ซึ่งเงาเจ้าของของมันอีกแล้วทำไมกัน...นี่มันสองวันติดแล้วนะ หรือว่าเขาจะไม่อยากร่วมโต๊ะทานอาหารกับเธอกันแน่ ลินินแอบคิดด้วยความน้อยเนื้อตำใจ เช่นนั้นแล้วเรื่องที่เธอแอบดีใจเมื่อคืนนี้ เธอเพียงคิดไปเข้าข้างตัวเองไปหรือเปล่าถึงจะคิดแบบนั้นแต่สายตาก็ยังกวาดหาเจ้าตัวจนทั่ว เหตุใดเธอจึงต้องรู้สึกว้าวุ่นใจกัน เฮ้อ ไม่เอาสิลินิน วันหยุดพักผ่อนแท้ ๆ หากมัวมานั่งเรียกร้องหาเขาเช่นนี้คงไม่ต้องทำอะไรกันพอดีเมื่อคิดได้เช่นั้นเธอก็ส่ายศีรษะสลัดความคิดภายในใจออกไป และถึงแม้เจย์เดนจะไม่ได้อยู่ที่นี่ แต่ชาร์ลผู้ติดตามคนสนิทของเขาก็ยังคอยตามติดเธอไม่ห่างไปไหน เพราะเขาได้รับคำสั่งให้คอยดูแลเธออย่างไรล่ะและมีหรือ...ที่ท่าทางว้าวุ่นของลินินจะรอดพ้นสายตาอันฉียบแหลมของเขาไปได้ ชาร์ลยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพูดออกมาราวกับรู้ใจเธอ“ท่านชายไปเข้าประชุมกับคู่ค้าของบริษัทขอรับ”ลินินพยักหน้ารับทราบด้วยความเก้อเขินเล็กน้อย แต่แล้วก็

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 9 ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ

    ลินินกระโดดโลดเต้นอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าควรไปกล่าวขอบคุณเจย์เดนอย่างเป็นทางการ เมื่อนั้นเธอจึงวิ่งออกจากห้องและตรงสู่ห้องนอนของเจย์เดนโดยเร็วไวเจย์เดนซึ่งตอนแรกยืนอยู่ตรงระเบียงห้องของเธอ เมื่อเห็นว่าลินินวิ่งออกไปข้างนอก เขาก็รีบวิ่งกลับห้องตัวเองอย่างรู้ทัน‘อยู่ในห้องหรือเปล่านะ’ ลินินยังลังเลที่จะเคาะประตู ด้วยไม่รู้ว่าจะเป็นการรบกวนอีกฝ่ายหรือเปล่า เธอจึงกอดเจ้าเจย์เดนตัวน้อยและเดินวนเวียนไปมาอยู่ตรงหน้าห้องของเขาแทน ผ่านไปสักพัก ลินินก็เริ่มใช้หูแนบไปกับบานประตู เพื่อจับเสียงที่อยู่ภายในห้องนั้น และเมื่อภายในห้องเงียบงัน เธอก็ยิ่งรู้สึกไม่กล้าเคาะประตูมากขึ้นเท่านั้น‘เข้ามาสิ เข้ามาหาข้าสิ’ เจย์เดนคิดในใจ ขณะที่กำลังยืนอยู่ไม่ไกลจากประตูห้องของตัวเองนัก แต่เมื่อผ่านไปสักพัก ก็ไร้วี่แววว่าคนข้างนอกจะเปิดเข้ามา ทั้งที่กลิ่นของเธอยังคงเด่นชัดว่าอยู่ตรงหน้าห้องของตน ‘เหตุใดนางจึงไม่เข้ามาหาข้า!’ ด้วยความฉุนเฉียวชั่วขณะ มือหนาจึงดึงเปิดบานประตูออกทันใด ซึ่งการกระทำนี้ทำให้ลินินที่กำลังแนบหูไปกับบานประตูอย่างพินิจพิเคราะห์ ไม่ทันได้ตั้งตัวจึงเซถลาเข้าไปในเขตห้องของเจย์เด

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 10 ประหนึ่งเป็นเรื่องของตัวเอง

    ลินินพยายามจะไม่คิดเรื่องของเขา แต่ก็อดสงสัยไม่ได้ จึงลุกขึ้นไปถามชาร์ล ที่มีฐานะเป็นถึงคนสนิทของเขาชาร์ลได้ยินเธอเอ่ยถามก็อดดีใจแทนท่านชายของตนเสียไม่ได้ "ท่านชายอยู่บนห้องขอรับ แต่ช่วงนี้งานหนัก ท่านจึงอ่อนแรงไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ จึงไม่ได้ลงมาหาคุณหนูขอรับ""เอ่อ...ฉันไม่ได้หวังให้เขามาหาสักหน่อย" เอาเป็นว่าหญิงสาวก็ปากแข็งพอตัว แต่สิ่งที่ชาร์ลบอกกบ่าวก็ทำให้เธออดเป็นกังวลเสียไม่ได้ในกลางดึกคืนนั้น ลินินจึงแอบย่องไปหน้าห้องของเจย์เดน ฝีเท้าเบาเฉียบดุจแมวย่องเบา แต่สิ่งนี้ไม่ได้ทำให้เธอซุกซ่อนตัวจากเจ้าของคฤหาสน์ได้เลยแม้แต่น้อยใบหน้าหล่อยกยิ้มขณะที่นั่งหลับตาอยู่บนเตียง แต่ตอนนี้เขาไม่อยากจะเผชิญหน้ากับเธอสักเท่าไหร่ ด้วยแวมไพร์อ่อนแรงนั้นกระหายเลือดมนุษย์มากนัก เขาจึงอยากเลี่ยงที่จะพบเธอให้ถึงสุดแต่แล้วความตั้งใจนั้นก็พังลง เมื่ออยู่ ๆ ลินินก็เปิดประตูแง้มออกเห็นแบบนั้นมือหนาก็รีบคว้าผ้าห่มขึ้นมาบดบังร่างของตัวเองทันที บอกตามตรง สภาพของเขาตอนนี้หากเธอได้เห็นคงต้องหวั่นใจเป็นแน่ดวงหน้าหล่อเส้นเลือดปูดโปนอย่างเห็นได้ชัด นัยน์ตาช้ำเลือดข้างหนึ่ง พร้อมมีเขี้ยวงอกออกมา เรียกได้ว่าด

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 8 ท่านชายจอมปากแข็ง

    เมื่อเห็นว่าลินินนั่งอ่านหนังสือบนเตียงด้วยความลำบากอย่างที่ผู้ติดตามคนสนิทของตนรายงาน เจย์เดนก็มานั่งคิดอีกครั้ง ก่อนจะเกิดอุบายว่า “ข้าอยากไปเที่ยวเดินเล่นในห้องสักหน่อย” จากนั้นเขาก็บอกให้ลินินติดสอยห้อยตามไปด้วย“ห้างเหรอ?” เธอยืนแง้มประตูห้องนอนเพื่อพูดคุยกับเขา “แต่ฉํนต้องอ่านหนังสือนะ” ลินินกล่าวถึงความจำเป็นของตัวเอง เธอเพิ่งเลิกเรียนจากที่โรงเรียนมา ก็หวังจะรีบทบทวนบทเรียนและอ่าหนังสือต่อเลย“กฎอีกข้อ ข้าสั่งอะไรเจ้าต้องว่าตามนั้น” พูดจบ เจย์เดนก็ไม่มัวรีรอฟังคำโต้แย้งจากเธออีก เขาหมุนตัวหันหลังแล้วเดินลงไปรอเธอที่ลานจอดรถคฤหาสน์ลินินเห็นแบบนั้นก็แอบอดถอนหายใจในความเอาแต่ใจของเจย์เดนแต่เมื่อมาถึงห้างสรรพสินค้า เจย์เดนกลับไม่ค่อยตื่นตาตื่นใจที่จะเดินไปไหนเลย เอาแต่ยกมือขึ้นป้องแสงจากหลอดไฟนีออน ที่ดูเหมือนจะแยงตาของเขามากจนเกินควรลินินเห็นแบบนี้ก็อดสงสัยไม่ได้ว่า ‘ไม่ชอบที่สว่าง ๆ แล้วทำไมถึงพามาเดินห้างกัน หรือว่าเป็นแวมไพร์ขี้เหงา นาน ๆ ทีจึงอยากออกมาเดินเล่นกับคนอื่นเขาบ้าง?’ หลังจากคิดเช่นนั้น เธอก็ส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู ก่อนจะหยิบหมวกแก๊ปที่ตัวเองพกติดกระเป๋าเป็นประจำ

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 7 ชีวิตช่วงแรกในคฤหาสน์

    วันรุ่งขึ้น ลินินตื่นนอนตั้งแต่เช้าตรู่ ด้วยกลัวว่าจะไปโรงเรียนไม่ทันเวลา เพราะคฤหาสน์ตระกูลแบดฟอร์ดตั้งอยู่ห่างไกลจากตัวเมือง มิหนำซ้ำบริเวณโดยรอบยังล้อมไปด้วยผืนป่าพนาไพรอีกด้วยเธออดคิดไม่ได้ว่าอาจต้องเดินลงภูเขาสูงชันนี้ด้วยตัวเอง และหารถประจำทางเพื่อต่อเข้าไปในเมืองให้ได้วางแผนการเดินทางเรียบร้อยแล้ว สองขาก็รีบวิ่งลงบันไดมาอย่างเร่งรีบ ก่อนจะพบกับเจย์เดนที่กำลังนั่งอยู่ในห้องทานอาหาร นอกจากนี้บนโต๊ะยังเตรียมสำรับอาหารเอาไว้อีกที่หนึ่งด้วย“นั่งลงทานมื้อเช้าซะ” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ“นั่ง...บนโต๊ะ...กับคุณเหรอ?” รู้สึกแปลกใจที่คนอย่างเธอจะมีสิทธิ์ได้ร่วมโต๊ะกับผู้ทรงอำนาจเช่นเขา ตอนแรกลินินคิดว่าจะต้องไปนั่งรวมกับพวกสาวใช้ซะอีก แต่ก่อนที่เธอจะทันปฏิเสธด้วยความเกรงใจก็ถูกสายตาเฉียบคมของเขามองมาเสียก่อน ประหนึ่งออกคำสั่งกลาย ๆ“นั่ง-ลง” เขาพูดเน้นทีละพยางค์ ลินินที่ได้ยินแบบนั้น อยู่ ๆ ก็ทิ้งตัวนั่งลงโดยไม่รู้ตัว ราวกับมีบางอย่างมาผลักเธอเข้า“ฉันต้องรีบไปโรงเรียนนะคะ (. .)”“กินมื้อเช้าก่อน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเข้ม “เดี๋ยวให้ชาร์ลไปส่ง” ขณะพูดก็ปรายตามองไปหาผู้ติดตามคนสนิทของตัวเอง ช

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 6 หน้าที่ของเจ้า

    แต่ในขณะที่เธอกำลังก้าวเดินตามแผ่นหลังของเจย์เดน ชายชราคนหนึ่งก็รีบเดินตรงเข้ามาพร้อมเอ่ยทักทายเธออย่างนอบน้อม ราวกับมองว่าเธอนั้นมีฐานะสูงส่งอย่างไรอย่างนั้น“มาแล้วหรือครับท่านหญิง”ท่านหญิงอย่างนั้นเหรอ? ลินินครุ่นคิดในใจพลางขมวดคิ้วแล้วหันมองไปยังเจย์เดนด้วยความฉงน คิดไม่ตกว่าเขาพาเธอมาอยู่ที่นี่ด้วยเหตุผลใดกันแน่แต่ถึงอย่างนั้นเจย์เดนก็ยังคงปิดปากเงียบก่อนจะส่งสายตาให้ชายชราผู้ที่เดินเข้ามาทักทายเธอรีบออกไป“ตามมา...” ขายาวก้าวนำเธอต่อไป ลินินก็เดินตามเขาไปอย่างว่าง่าย เอาเถอะ จะให้มาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไรก็ย่อมได้ทั้งนั้น ยังดีกว่าไม่มีที่ซุกหัวนอนแหละนะลินิน...ขณะที่เดินตามเขาไป สายตาของเธอก็มองสำรวจภายในคฤหาสน์ระหว่างทางที่เดินไปด้วยท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ เพราะถึงแม้ว่าบรรยากาศโดยรอบจะดูหรูหราอลังการ แต่กลับดูมืดมนและอึมครึมชวนให้รู้สึกน่าอึดอัด นอกจากนี้ยังมีเสียงกระซิบแผ่วเบาหรือเสียงหวีดร้องดังตามสายลมมาเป็นครั้งคราวอีกต่างหาก สร้างความหวาดหวั่นภายในใจให้กับลินินไม่น้อยเลยทีเดียว เธอจึงรีบสาวเท้าเดินให้ว่องไวมากยิ่งขึ้นเพื่อตามหลังเจย์เดนให้ทันร่างสูงเดินพาลินินไปที่ห้องนอนของ

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 5 ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์แบรดฟอร์ด

    เจย์เดนพาลินินกลับไปเก็บข้าวของที่บ้านหลังเก่า เธอก็ได้แต่จำใจยอมจากลา พลางคิดหาทางเอาตัวรอดว่าจะพูดอย่างไรให้เขายอมปล่อยตัวเธอให้เป็นอิสระ‘เขาจ่ายค่าตัวเราไปเท่าไหร่กันนะ’ ลินินครุ่นคิดในใจ“สามล้านถ้วน” เจย์เดนเอ่ยเสียงเรียบ สร้างความตื่นตกใจให้กับลินินเป็นอย่างยิ่งว่าเขาล่วงรู้สิ่งที่อยู่ในใจเธอได้อย่างไรกัน แต่สุดท้ายก็คิดเพียงว่าเจย์เดนแค่บังเอิญพูดถึงมันขึ้นมาพอดี หารู้ไม่ว่าเขาแอบพินิจใจเธออยู่ เหมือนเป็นการทำความรู้จักในช่วงแรกเริ่ม “ข้าตัวเจ้าสามล้าน จะไปหาเงินมาไถ่ตัวเองจากข้างั้นเหรอ?”“เปล่าค่ะ...” และแล้วก็ต้องยอมพ่ายแพ้ เธอนึกไม่ถึงว่าเขาจะควักเงินจ่ายไปด้วยจำนวนเงินมหาศาลเช่นนี้ เป็นจำนวนเงินที่เธอคิดว่าชาตินี้ก็คงหามาชดใช้ไม่ได้หมด“รีบเก็บของซะ ฉันเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว”คำว่า ‘เหนื่อย’ เจย์เดนเพียงพูดไปเช่นนั้นเพื่อเป็นการเร่งเร้าเธอไปในตัว เพราะแวมไพร์เหนื่อยเป็นที่ไหนกันเล่าชาร์ลส่งสายตาเจ้าเล่ห์มองเจ้านายของตัวเองอย่างรู้ทัน ก่อนจะแอบส่ายศีรษะอย่างเหนื่อยหน่าย ไม่รู้ว่าปากจะหนักไปถึงไหน จึงเรียนรู้ที่จะเอ่ยคำพูดที่สื่อความหมายโดยตรงไม่ได้สักทีลินินรีบไปเก็บของออก

  • ท่านชายแวมไพร์   บทที่ 4 เหตุเพราะกุหลาบดอกนั้น

    “โอ๊ย เจ็บนะ!” ลินินโวยวายเมื่อถูกโยนเข้ามาในห้องโถงกลางเรือนบ้าน“สักล้านนึงพอจะได้ไหม” ชายวัยกลางคนที่พาตัวเธอขึ้นรถมาด้วยเอ่ยขึ้น ดูเหมือนว่าเขากำลังจะคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ลินินที่นั่งอยู่กลางห้องโถงเริ่มหน้าซีด แววตาเริ่มหม่นหมอง เมื่อทราบว่าครั้งนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่การข่มขู่ ที่พวกเขาแค่เรียกตัวเธอมาเพื่อตักเตือน แล้วจากนั้นจะยอมปล่อยให้กลับไปหาเงินมาชดใช้ดั่งครั้งก่อนหลังจากวางสายลง มือหนาของเจ้าหนี้ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดชัตเตอร์จับภาพของเธอเพื่อส่งไปให้ปลายทาง“ตาแก่นี่ดูชอบเธอนะ” เขาว่าพลางยื่นรูปชายสูงอายุคนหนึ่งที่ตอบกลับว่าจะขอซื้อตัวเธอมาให้ลินินได้พิจารณาตัวของเธอสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ยิ่งเวลาผ่านไปเนิ่นนานมากเท่าไหร่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสงบนิ่งลงได้เลย แล้วเป็นใครจะกล้าทำใจให้สงบได้กันเล่า ในเมื่อทราบว่าตัวเองจะถูกขายให้กับใครที่ไหนก็ไม่รู้“ขอร้องล่ะ หนูจ่ายให้คุณไปไม่รู้ตั้งเท่าไหร่แล้วนะ” ลินินทิ้งตัวคุกเข่าก่อนจะทำท่าเว้าวอนขอความเห็นใจ เธอยังอยากมีอนาคตอีกยาวไกล หากโดนขายให้ชายแก่รุ่นราวคราวพ่อคงเป็นเรื่องที่ทำใจได้ยาก“นี่ยัยหนู ฉันเห็นใจเธออยู่หรอกนะที่ต

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status