“ข้าอยากได้น้ำ น้ำ……”พอตั้งใจฟังแล้ว เสียงนั้นดังมาจากเรือนอวิ๋นซวนและผู้ที่อาศัยอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนก็คือท่านอ๋องของจวนนี้ - เยี่ยเป่ยเฉิงหลินซวงเอ๋อร์นึกถึงคำพูดของท่านป้าจ้าวทันทีหากท่านอ๋องเรียกเจ้า เจ้าก็เข้าไปปรนนิบัติรับใช้ ถ้าไม่เรียก เจ้าก็ไม่ต้องไปสนใจหลินซวงเอ๋อร์ลังเล เธอไม่อยากไปปรนนิบัติรับใช้ ตอนกลางวันได้ยินมาว่าท่านอ๋องโมโหร้าย ถ้านางปรนนิบัติไม่ดี ก็จะลงเอยเหมือนเสวี่ยหยวน“น้ำ… ข้าอยากได้น้ำ…”เสียงของชายหนุ่มเริ่มแหบแห้งมากขึ้นเรื่อยๆ ตามด้วยเสียงหอบเบาๆหลายครั้ง ราวกับว่ากำลังพยายามสุดขีดเพื่ออดทนต่อความเจ็บปวดบางที ท่านอาจจะแค่อยากดื่มน้ำ?พอคิดอย่างนี้ สุดท้ายหลินซวงเอ๋อร์ก็ไม่สนใจอะไรมากนัก หยิบปิ่นปักผมจากใต้หมอนแล้วมัดผมอันดำขลับไว้ด้านหลังศีรษะ นางกำลังจะไปหยิบผ้าพันหน้าอก แต่กลับพบว่าผ้าพันอกยังเปียกและมีน้ำหยดอยู่..ด้วยความจนใจ หลินซวงเอ๋อร์จึงเอาเสื้อคลุมหลวมๆตัวหนึ่งจากตู้เสื้อผ้ามาสวมแบบลวกๆพอมาถึงเรือนอวิ๋นซวน เสียงของชายหนุ่มก็ดังมาจากข้างในเป็นระยะๆหลินซวงเอ๋อร์เปิดประตูอย่างตัวสั่นงันงกสองปีที่นางอยู่ที่จวนแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแร
เมื่อเยี่ยเป่ยเฉิงตื่นขึ้นมา ภายในมุ้งเตียงก็เละเทะไปหมด หญิงสาวที่ร่วมหลับนอนกับเขาเมื่อคืนได้จากไปนานแล้วเขาลุกขึ้นพร้อมกุมหน้าผาก คิ้วขมวดเล็กน้อย เปลวไฟอันเร่าร้อนนั้นได้มอดไหม้ไปตั้งนานแล้ว เหลือเพียงแต่ความเย็นชาและความเกรี้ยวโกรธภาพเหตุการณ์ของเมื่อคืนปรากฏขึ้นแวบๆราวกับว่าเป็นเศษชิ้นส่วนที่กระจัดกระจาย แต่จะปะติดปะต่ออย่างไรก็ไม่อาจทำให้ภาพสมบูรณ์ได้สิ่งเดียวที่จำได้ก็คือ นัยน์ตาที่ใสบริสุทธิ์เป็นพิเศษคู่นั้น มองมาที่เขาด้วยน้ำตาสายตาแบบนั้น ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกมีอารมณ์แปลกๆอยู่ในใจ และก็รู้สึกหงุดหงิดใจเป็นอย่างยิ่ง"เสวียนอู่! "เสวียนอู่ที่รออยู่นอกประตู พอได้ยินเสียงเรียก ก็รีบเปิดประตูเข้าไปทันทีกวาดสายตามองเตียงที่เละเทะ เสวียนอู่ก็ไม่โง่ มองแวบเดียวก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น“เพราะข้าน้อยละเลยหน้าที่ ท่านอ๋องได้โปรดลงโทษด้วย”เสวียนอู่สับสนเล็กน้อย ทั้งๆที่เขาขับไล่หญิงรับใช้เรือนฝั่งตะวันออกไปหมดแล้ว เหตุใด...เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งย้อนแสง สีหน้าที่อยู่บนใบหน้าซ่อนอยู่ในเงามืด ในมือกำลังเล่นกับปิ่นปักผมไม้อันหนึ่งอยู่และปิ่นปักผมไม้อันนี้ เป็นปิ่นที่ผู้หญิงคนน
หลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวันเต็มสองวันที่ผ่านมานี้ ท่านป้าจ้าวมาหาเธอหนึ่งครั้ง นอกจากจะเป็นห่วงเรื่องอาการป่วยของเธอแล้ว ยังถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนฝั่งตะวันออกในวันนั้นด้วยการคัดเลือกในวันนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบสาวใช้คนใดเลย แถมยังอารมณ์เสียอย่างไร้สาเหตุท่านป้าจ้าวไปหาเสวียนอู่เพื่อสอบถามเป็นการส่วนตัว ว่าเป็นสาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนไหนกันแน่ที่ไม่เชื่อฟังคำแนะนำ และแอบไปขึ้นเตียงท่านอ๋องในตอนกลางคืน!สถานะอันสูงส่งของเยี่ยเป่ยเฉิง ไม่สิ่งที่คนรับใช้จะคิดอาจเอื้อมได้!แม้ว่าท่านอ๋องจะไว้ชีวิตนาง แต่นายหญิงของจวนอ๋องก็คงจะไม่ปล่อยนางไว้ท่านป้าจ้าวไม่อยากให้จุดจบของเสวี่ยหยวนเกิดขึ้นกับสาวใช้คนอื่นอีก จึงมาหา หลินซวงเอ๋อร์เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นเพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่รักษาการณ์อยู่ที่เรือนฝั่งตะวันออกก็คือนาง“หลินซวง บอกข้ามาตามตรง วันนั้นนอกจากเจ้าแล้วยังมีใครแอบเข้าไปในเรือนฝั่งตะวันออกอีกไหม?”สีหน้าท่าทางของท่านป้าจ้าวจริงจังมากนิ้วมือของหลินซวงเอ๋อร์กำเสื้อของนางเอาไว้แน่น: "นอกจากข้า ก็ไม่มีคนอื่นเลย"เ
ขนตาที่เปียกชื้นของนางสั่นไหวทันที หลินซวงเอ๋อร์ก้มศีรษะต่ำลงยิ่งกว่าเดิม"เงยหน้าขึ้น!" น้ำเสียงของชายหนุ่มค่อยๆหมดความอดทนเล็บเลาะลึกเข้าไปในฝ่ามือ หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอย่างขี้ขลาดตาขาว แต่ก็ไม่กล้าสบตาเขาเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องไปที่คนที่อยู่ตรงหน้า คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดกันทันทีสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ น่าจะเป็นบ่าวรับใช้ระดับล่างสุดในจวน แต่บ่าวรับใช้คนนี้หน้าตาผุดผ่อง ใบหน้าที่เรียวเล็กเท่าฝ่ามือขาวราวกับไข่ปอก ขนตาที่ทั้งยาวทั้งหนาสั่นไหวเล็กน้อย ริมฝีปากที่เหมือนกลีบดอกไม้นั้นงดงามมีเสน่ห์มากบนโลกใบนี้ จะมีผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ได้อย่างไร?เยี่ยเป่ยเฉิงผู้ที่เห็นสาวงามจนชินตา ในขณะนี้จิตใจเหม่อลอยเล็กน้อยจากนั้นไม่นาน น้ำเสียงของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วถามว่า "เจ้าชื่ออะไร?"หลินซวงเอ๋อร์เปิดๆปิดปาก น้ำเสียงเบามาก: "ข้าน้อย... ชื่อหลินซวง"แต่เยี่ยเป่ยเฉิงได้ยินอย่างชัดเจน“หลินซวง?” เขาพึมพำชื่อนี้ออกมา รู้สึกว่าคุ้นหูเล็กน้อย ราวกับว่าเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง“เงยหน้าขึ้น แล้วสบตาข้า!” น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง และความรู้สึกกดดันสุดขีดก็ถาโถมเข้ามาหลิน
"ท่านป้า ข้าเป็นคนที่หยาบกระด้าง จะคู่ควรที่จะไปปรนนิบัติท่านอ๋องได้อย่างไร ท่านป้าได้โปรดเมตตาหลินซวง ให้ข้าย้ายไปที่เรือนฝั่งตะวันตกเถิด?"สวนหลังเรือน หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้น มือทั้งสองจับแขนเสื้อของท่านป้าจ้าวเอาไว้ ขอร้องอย่างขมขื่นนางคิดว่านางรอดพ้นหายนะในวันนั้นได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าภัยพิบัติที่ใหญ่กว่ากำลังจะมาถึงท่านป้าจ้าวมาหานางในตอนเช้า และบอกว่านางจะถูกโยกย้ายไปรับใช้ท่านอ๋องนางตกตะลึงสุดขีดหลินซวงเอ๋อร์กลัวเยี่ยเป่ยเฉิง และอยากจะอยู่ห่างจากเขาให้ไกลที่สุด แต่ตอนนี้ ท่านป้าจ้าวกำลังจะโยกย้ายนางไปอยู่ข้างกายเยี่ยเป่ยเฉิง แบบนี้จะไม่เท่ากับว่าส่งเนื้อเข้าปากเสือหรือ?แม้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะจำนางไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางเข้าสักวัน...นางจับแขนเสื้อของท่านป้าจ้าวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย หลินซวงเอ๋อร์กังวลใจมากจนเกือบจะร้องไห้"ท่านป้าหลินสงสารหลินซวงเถิด หลินซวงโง่เขลา ไม่สามารถทำงานได้จริงๆ"ท่านป้าจ้าวก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน ในจวนมีสาวใช้ที่ฉลาดเฉียบแหลมตั้งมากมาย แต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบใครเลย กลับมาชอบคนรับใช้ที
หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกกลัวเล็กน้อยในขณะนี้ นางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเรือนอวิ๋นซวน พื้นเรียบสะอาดราวกับกระจก จนนางสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนได้อย่างชัดเจนกางเกงนั้นสั้นเล็กน้อย จึงเผยให้เห็นน่องอันเรียวเล็กของนาง พื้นแข็งมาก จนทำให้หัวเข่านางเจ็บนางคุกเข่านานมาก ชายหนุ่มที่อยู่หลังฉากบังลมก็ไม่ยอมให้นางลุกขึ้น ดังนั้นนางจึงคุกเข่าต่อไปประตูถูกผลักเปิดออก เสวียนอู่ก็เข้ามาจากด้านนอก และเดินผ่านหลินซวงเอ๋อร์ไป แล้วเหลือบมองนางเบาๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่แปลกมากเขาเดินตรงไปด้านหลังฉากบังลม และไม่รู้ว่าพูดอะไรข้างหูเยี่ยเป่ยเฉิงจากนั้นไม่นาน เสวียนอู่ก็ออกไปอีกครั้ง ในที่สุดชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังฉากบังลมก็ลุกขึ้นยืนเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ ฝีเท้ามั่นคงและเป็นจังหวะ หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จนกระทั่งรองเท้าบูทชายที่ปักด้วยเมฆมงคลคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้านาง"ป้าจ้าวได้สอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าหรือเปล่า?"เมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์ก็สะดุ้งกลัว นางพยักหน้า และตอบว่า "สอนแล้ว"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ดูเหมือนว่าท่านป้าจ้าวจะละเลยต่อหน้าที่ นาง
พ่อบ้านฉินเป็นคนดูแลจัดการโกดังของจวนอ๋องค่าใช้จ่ายทั้งหมดในจวนอ๋องไม่ว่าจะมากหรือน้อยจะต้องได้รับการอนุมัติจากพ่อบ้านฉินสาวใช้สามารถรับเสื้อผ้าตามฤดูกาลได้ปีละสองชุด หากอยากได้มากกว่านี้จะต้องจ่ายเพิ่มอีกห้าสิบเหรียญทองแดงเสื้อผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์ใส่นั้นเก่ามาก เป็นเสื้อผ้าที่พ่อบ้านฉินมอบให้ตอนที่พี่ชายของนางเข้าจวน หลังจากนั้นอีกสองปีหลินซวงเอ๋อร์ก็ไปรับมาหนึ่งครั้ง พ่อบ้าน ฉินเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไร้ญาติขาดมิตร ก็เบียดเบียนรีดไถ ให้นางจ่ายเงินเพิ่มอีกห้าสิบเหรียญทองแดงก่อนจึงจะรับเสื้อผ้าได้ไม่เพียงเท่านั้น พ่อบ้านฉินมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนจับมือของนาง และหยิกเอวของนาง และชอบเรียกนางอย่างสนิทสนมว่าซวงซวงต่อหน้าคนอื่น พ่อบ้านฉินจะเป็นคนน่ารัก แต่ลับหลังแล้วเขาเป็นเดรัจฉานในคราบมนุษย์หลินซวงเอ๋อร์เกลียดพ่อบ้านฉินมาก ทุกครั้งที่นางเห็นเขาจะหลบให้ไกลๆ อีกอย่างนางก็ไม่อยากใช้เงินตนเอง หลังจากนั้นก็ไม่ไปรับเสื้อผ้าอีกเลยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะออกจากจวนไปกับเยี่ยเป่ยเฉิงในวันพรุ่งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ลำบากใจนางจะไม่แต่งตัวโทรมเกินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้จวนอ๋องเสียหน้าสุด
เยี่ยเป่ยเฉิงกอดบุคคลนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว และเอามือโอบรอบเอวของนางเอาไว้ร่างที่ผอมบางขดอยู่ในอ้อมแขนของเขา นุ่มนวล มีกลิ่นหอม ราวกับว่าไม่มีกระดูกเขาแปลกใจ ที่แท้ร่างกายของผู้หญิงอ่อนโยน นุ่มนวล และหอมอย่างนี้นี่เอง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ฝ่ามือที่โอบเอวของนางเอาไว้ค่อยๆกระชับขึ้นคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับดึงตัวออกไปทันที เหลือเพียงแค่กลิ่นหอม ที่เหมือนมีก็เหมือนไม่มีเอาไว้เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก“ท่าอ๋องได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าน้อยไม่มีตา ทำให้เดินชนท่านอ๋อง”หลินซวงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าเจอเรื่องอะไรที่น่าหวาดกลัวมีฝีเท้าอันรวดเร็วเข้ามาทางนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นพ่อบ้านฉินไล่ตามมาก่นด่าสาปแช่งคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำสกปรกหยาบคาย และไล่ตามด่าหลินซวงเอ๋อร์ไปตลอดทางทีนี้เยี่ยเป่ยเฉิงจึงเข้าใจว่า เหตุใดนางถึงกลัวมากขนาดนี้“ไอ้เด็กเหลือขอ!ไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”พอได้ยินเสียงฝีเท้
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ