เยี่ยเป่ยเฉิงกอดบุคคลนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว และเอามือโอบรอบเอวของนางเอาไว้ร่างที่ผอมบางขดอยู่ในอ้อมแขนของเขา นุ่มนวล มีกลิ่นหอม ราวกับว่าไม่มีกระดูกเขาแปลกใจ ที่แท้ร่างกายของผู้หญิงอ่อนโยน นุ่มนวล และหอมอย่างนี้นี่เอง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ฝ่ามือที่โอบเอวของนางเอาไว้ค่อยๆกระชับขึ้นคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับดึงตัวออกไปทันที เหลือเพียงแค่กลิ่นหอม ที่เหมือนมีก็เหมือนไม่มีเอาไว้เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก“ท่าอ๋องได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าน้อยไม่มีตา ทำให้เดินชนท่านอ๋อง”หลินซวงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าเจอเรื่องอะไรที่น่าหวาดกลัวมีฝีเท้าอันรวดเร็วเข้ามาทางนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นพ่อบ้านฉินไล่ตามมาก่นด่าสาปแช่งคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำสกปรกหยาบคาย และไล่ตามด่าหลินซวงเอ๋อร์ไปตลอดทางทีนี้เยี่ยเป่ยเฉิงจึงเข้าใจว่า เหตุใดนางถึงกลัวมากขนาดนี้“ไอ้เด็กเหลือขอ!ไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”พอได้ยินเสียงฝีเท้
กลับมาที่เรือนฝั่งตะวันออก หลินซวงเอ๋อร์ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งจะได้มาเก็บไว้ในหีบอย่างเรียบร้อยครั้งนี้นางไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว พ่อบ้านฉินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนบนอบ และไม่กล้าแอบแต๊ะอั๋งนางอีกเรื่องนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจเยี่ยเป่ยเฉิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวของนางที่มีต่อเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงยังคงอยู่ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์ควรไปที่เรือนอวิ๋นซวนเพื่อช่วยเขาอาบน้ำแต่ในด้านการปรนนิบัติคน หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มือทั้งคู่ของนางเคยถือแค่ไม้กวาด นางกวาดบ้านได้อย่างมั่นใจไร้ที่ติ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะรับใช้เยี่ยเป่ยเฉิงได้เป็นอย่างดีเสวียนอู่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาในห้องแทนนาง และเร่งเร้าให้นางรีบเข้าไปหลินซวงเอ๋อร์ลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินเข้าไปข้างโต๊ะตำรา เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาพอเห็นนางเข้ามา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หลังฉากบังลม และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงไม่ทันไม่ตอบสนองชั่วขณะเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "ยังไม
น้ำในอ่างอาบน้ำร้อนเกินไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกไม่สบายมากเขาลุกขึ้นจากในถัง สวมเสื้อคลุมแบบลวกๆแล้วไปที่ห้องสะอาดเพื่ออาบน้ำเย็นความเร่าร้อนที่อยู่ในร่างกายก็หายไปในที่สุดพอกลับมาที่ห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนบนบานประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอยู่ในสมองไม่หยุดนางถูกเขากดเข้ากับบานประตูอย่างแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบไม่ได้ขณะที่เขย่าเป็นจังหวะ รอยขีดข่วนบนบานประตูคือร่องรอยนางทิ้งเอาไว้ตอนที่นางทนไม่ไหวเดิมที เขามีสติที่เลือนลาง และมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจน ดังนั้นพอคิดย้อนกลับไปมันจึงคลุมเครืออยู่เสมอ จึงรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนๆนั้นคือหลินซวงเอ๋อร์ แพอพานางไปอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลับรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีดเขาไม่ใช่คนที่ใคร่ในอิสตรี และก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรักระหว่างชายหญิงเลยด้วยซ้ำแต่มีประสบการณ์เพียงแค่ครั้งเดียว เหตุใดทำให้เขาลมอยากขนาดนี้...ยาเสน่ห์ จะต้องเป็
เช้าตรู่หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกประตูแต่เช้าเพื่อรอเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกใช้หมอกในตอนเช้าหนามาก ทั้งจวนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทำให้รู้สึกเงียบสงบในลานจวน คนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการกวาดลานจวน เหล่าสาวใช้ก็กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้อยู่ในสวน ถ้าเห็นดอกไม้บานสะพรั่งก็จะเด็ดสองสามดอกแล้วส่งไปที่ห้องนายท่านทั้งหลายนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ร้องเสียงดังจิ๊บจิ๊บ ท่านป้าทั้งหลายต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดแจงงานในจวน“นายท่านกำลังจะตื่นนอนแล้ว สาวใช้ในแต่ละเรือนเตรียมน้ำร้อนให้นายท่านล้างหน้า”“ไปกำชับพวกที่อยู่ในห้องครัว อาหารเช้าวันนี้เตรียมพร้อมหรือยัง?”“วันนี้อากาศดี อย่าลืมเอาผ้าปูที่นอนของแต่เรือนไปตากในลานด้วย”“ทำงานให้คล่องแคล่วกว่านี้หน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันการ...”แต่ก่อนในเวลานี้ หลินซวงเอ๋อร์คงจะถือไม้กวาดไปปัดกวาดลานหลังจวนจนสะอาดสะอ้านแล้วแต่ตอนนี้ งานเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้วหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่คนในจวนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย แต่นางเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความงุนงงท่านอ๋องยังไม่ได้เรียกนาง นางจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ศีรษะเล็กๆก้มต่ำลง ร่างที่ผอมบางพิงบานประตู นิ
เยี่ยเป่ยเฉิงสงบสติอารมณ์ เดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูเสวียนอู่เปิดม่านเกี้ยว เยี่ยเป่ยเฉิงโค้งตัวขึ้นบนรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินตามอยู่ข้างนอกรถม้ารถม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามทันหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร รถม้าก็หยุดอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเปิดม่านเกี้ยว: "ขึ้นมา"หลินซวงเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็ยังตอบสนองไม่ทันเสวียนอู่ที่อยู่ข้างหลังเร่งเร้าหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "ถ้านายท่านขอให้ขึ้นไป เจ้าก็ขึ้นไป"จากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ถึงปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยความลนลานตอนที่นั่งอยู่ในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจนางไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนเลย ข้างในมีกลิ่นหอม และกว้างขวาง แม้แต่เบาะรองนั่งก็ยังนุ่ม ดีกว่าเกวียนวัวที่นางเคยนั่งมาก่อนมากพื้นที่ภายในรถมีขนาดใหญ่มาก เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตรงกลาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้านั่งข้างเขา ร่างกายอันผอมเพรียวของซุกตัวอยู่ที่มุมด้านในสุดนัยน์ตาแอบเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิง เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนในรถม้ามืดสลัว ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและหล่อเหลามากเสียงที่คึกคักบนท้องถนนดังก้องในหูไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกกังวลทั้งอยากรู้อยากเ
พอมาถึงห้องส่วนตัว องค์ชายสามทั่วป๋าอวี้ก็รอนานแล้วพอเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เย็นชา ทั่วป๋าอวี้ก็ฉลาดมาก และรู้ทันทีว่าเขามาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับเขาพอเปิดบานพับ ทั่วป๋าอวี้ก็ลุกขึ้นแล้วเข้าไปต้อนรับ และกล่าวว่า “เหตุใดท่านลุงถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้?”เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: "ฝ่าบาททำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ดี"ทั่วป๋าอวี้ได้แต่ยิ้ม แล้วส่งสัญญาณให้เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลง จากนั้นรินชาให้เขาดื่มด้วยตนเอง และกล่าวว่า "ที่ท่านลุงพูดหมายความว่าอย่างไร"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วองค์ชายสามมักจะชอบแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจทั้งๆที่เข้าใจมาโดยตลอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงกับเขา เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: "เมื่อไม่กี่วันก่อน จวนของข้าจัดการกับสาวใช้คนหนึ่ง ชื่อเสวี่ยหยวน ฝ่าบาททรงรู้จักหรือไม่?”ทั่วป๋าอวี้ที่กำลังรินชาก็ชะงักไปเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวเยาะเย้ยว่า: "ฝ่าบาทไม่ยอมรับก็ช่างเถิด เสวี่ยหยวนได้สารภาพมาหมดแล้ว โดยบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายสาม"เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ทั่วป๋าอวี้ก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไป จึงกล่
เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อยเสียใจภายหลัง?ก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น!…...หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานานนางเชื่อฟังมาก เสวียนอู่ให้นางรออยู่ที่นี่ นางก็รอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเลยในห้องขนาดใหญ่มีเพียงหลินซวงเอ๋อร์คนเดียว ของตกแต่งในห้องก็หรูหรามากเช่นกันหลินซวงเอ๋อร์เดินไปรอบๆห้องอย่างเบื่อหน่าย ตรงกลางห้องมีเตียงที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองเตียงหนึ่งอยู่ เหนือเตียงแผ่คลุมไปด้วยม่านเตียงอันโปร่งบางหลายชั้นนิ้วปัดไปที่ชั้นผ้าโปร่งบางนั้นเบาๆ สัมผัสที่เย็นสบายให้ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลทันใดนั้นภาพในคืนนั้นก็แวบขึ้นมาในหัว เตียงนอนของเยี่ยเป่ยเฉิงก็มีม่านเตียงแบบนี้เหมือนกัน คืนนั้นแสงไฟสลัวๆ ม่านเตียงที่โปร่งบางกวัดแกว่งไปมาอยู่ต่อหน้านางตลอดทั้งคืนอดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัวในใจ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น จึงรีบดึงมือกลับมาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าซีดเซียวอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายนางเบื่อมากจริงๆ จึงนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง เอามือกุมศีรษะแล้วนับเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้นบนโต๊ะไม้จันทน์แปดเหลี่ยมมีของว่างชั้นดีวางอยู่ ตอนที่เสวียนอู่ส่งนางเข้ามาเคยบอกน
หลินซวงเอ๋อร์รีบวิ่งไปที่ประตูคิดไม่ถึงว่า ขันทีที่ดูเหมือนคนป่วย กลับคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะวิ่งไปที่ประตู ผมของนางก็ถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจากด้านหลังอู๋เต๋อไห่คว้าผมของนางเอาไว้แล้วลากนางไปกับพื้น: "ข้าเจ้าชอบเจ้า เพราะพรของบรรพบุรุษของเจ้า! ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าก็จะสอนระเบียบกฎเกณฑ์ให้เจ้าเอง! เผื่อในอนาคตเข้าวังไปแล้วไม่รู้จะปรนนิบัติสามีอย่างไร!”หลินซวงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต: "ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากเข้าวังกับเจ้า ข้าไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้า ... "อู๋เต๋อไห่เกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก: "เจ้าก็ดูถูกที่ข้าเจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ได้ได้ได้! อีกสักพักข้าเจ้ามีวิธีมากมายที่จะปรนนิบัติเจ้า!"อู๋เต๋อไห่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในสันดานก็ระเบิดออกมาทันที เขาคว้าผมของหลินซวงเอ๋อร์อย่างแรงแล้วลากนางไปที่เตียงในเมื่อไม่ยินยอม เขาก็จะทุบตีนางจนกว่านางจะยอม!แม้ว่าจะทำนางตายแล้วจะทำไม?ก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งก็เท่านั้น เขาอยากได้เท่าไหร่ก็มีได้มากเท่านั้น!หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถสู้แร
หลินซวงเอ๋อร์คล้ายตกอยู่ในห้วงฝันอันยาวนานสิ่งที่นางผ่านมาครึ่งชีวิตล้วนเกิดขึ้นในมโนภาพอีกครั้งท่ามกลางหิมะตกโปรยปราย กระท่อมเล็กใกล้ผุพัง ครอบครัวพ่อแม่ลูกสี่คนที่อยู่อย่างอบอุ่น หลินซวงเอ๋อร์อิงแอบอยู่ในอ้อมแขนมารดา สองตาของเด็กน้อยเต็มไปด้วยความไร้เดียงสาบิดาอยู่ด้านข้างกำลังทำกระบี่ไม้ให้นางกับพี่ชายอยู่ มารดาอุ้มนางพร้อมร้องเพลงขับกล่อมให้นอนหลับ ช่างเป็นภาพที่สวยงามยิ่งมารดากล่าวว่า “ซวงเอ๋อร์ต้องรีบโตเร็วๆ อีกหน่อยโตเป็นสาวแล้ว คงไม่อ้อนแม่เช่นนี้อีก”หลินซวงเอ๋อร์เบิกตาโตขึ้น ใบหน้าอ่อนเยาว์แนบที่อกมารดา “ซวงเอ๋อร์จะอ้อนท่านแม่เสียอย่าง ท่านแม่ต้องอยู่กับซวงเอ๋อร์ตลอดไป”พี่ชายกล่าว “ข้าก็จะรีบเติบใหญ่ไวๆ เมื่อโตขึ้นแล้ว จะซื้อของอร่อยมาให้น้องกิน พาน้องไปอยู่บ้านหลังใหญ่ กินขนมชิ้นใหญ่ที่สุดเลย”บิดาหัวเราะ พร้อมกล่าว “ถ้าเช่นนั้นเจ้าต้องรีบเติบใหญ่ จึงจะปกป้องน้องสาวได้”ในความฝันของนาง หวังจะหยุดอยู่ช่วงนั้นให้นานที่สุด มีความรักจากบิดามารดา มีพี่ชายคอยปกป้อง แม้จะกินไม่ค่อยอิ่ม เสื้อผ้าก็ไม่พอให้กันหนาว แต่กระท่อมน้อยหลังนี้ คือที่ๆ นางอาลัยอาวรณ์ที่สุดทันใดน
เขาย้อนถามเยี่ยเป่ยเฉิง “เหตุใดนางต้องจากไป? เป็นเพราะข้ากระนั้นรึ?”เยี่ยเป่ยเฉิงไม่รู้จะเอ่ยปากโต้เถียงอย่างไรใช่ เหตุใดนางต้องจากไป มิใช่เพราะความโง่เขลาของเขา ที่ทำให้นางเสียใจอย่างที่สุด จนต้องจากไปเพียงลำพังหรอกหรือ...ไป๋อวี้ถังกล่าว “เพราะเจ้าทำให้นางเสียใจ เพราะเจ้าไม่ได้ถนอนน้ำใจนางไว้!”“แต่รู้หรือไม่ว่า นางรักเจ้าเพียงไหน...”ไป๋อวี้ถังกล่าวเน้นยำทีละคำ “ในคืนวันไหว้พระจันทร์ เจ้าผิดนัดไม่ไปตามสัญญา นางรออยู่ริมน้ำทั้งคืน แต่ไม่ได้โกรธเคืองใดๆ ต่อเจ้า เพียงห่วงว่าเจ้าได้พักผ่อนหรือไม่ ทำงานหนักไปหรือเปล่า จึงได้ลืมวันสำคัญเช่นนี้ไป กระทั่งห่วงว่าเจ้าได้กินข้าวอิ่มท้องบ้างหรือไม่...”ได้ยินถึงตรงนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกคล้ายดวงตาพร่ามัวในคืนไหว้พระจันทร์นั้น เขายอมรับว่าลืมไปจริงๆ ลืมเสียสนิทด้วย! เขารีบกลับไปขอโทษนาง แต่นางก็มิได้โกรธเคือง แต่พอเขาเห็นภาพวาดในห้องลับของไป๋อวี้ถัง กลับคิดว่าเพราะนางอยู่กับไป๋อวี้ถังนั่นเอง จึงไม่นึกโกรธเคืองตนแม้แต่น้อย...นางมีแต่เขาผู้เป็นสามีอยู่ในใจเพียงผู้เดียว แต่เขากลับจิตใจคับแคบ หึงหวงส่งเดช แม้กระทั่งอารมณ์เสียใส่นาง...ห
“นางไม่เคยชอบพอข้ามาก่อน มีแต่ข้าที่คิดไปฝ่ายเดียว” ไป๋อวี้ถังจู่ ๆ ยื่นของในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง “ข้ารู้ว่าเจ้าเคยไปห้องลับของข้า และเห็นของเหล่านี้เข้า...”เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักเล็กน้อย ก่อนค่อยๆ รับของจากไป๋อวี้ถังมาเขาคลี่ออกดูทีละภาพ ข้างในล้วนเป็นภาพเขียนที่เห็นในห้องลับวันนั้น เป็นภาพที่นางได้ผ่านเรื่องราวต่างๆ ร่วมกับไป๋อวี้ถังมา แต่ละภาพล้วนมีความสมจริง และเป็นที่บาดตาของเขายิ่งไป๋อวี้ถังมองดูหญิงสาวในภาพด้วยความหลงใหล พลางกล่าวเสียงทุ้มเบา “ข้ายอมรับ ว่าเกิดความคิดที่ไม่เหมาะสมต่อนาง นับแต่ครั้งแรกที่พบเห็น ข้าก็เกิดความคิดแล้ว...”“แต่เรื่องไม่ใช่เป็นเหมือนที่เจ้าคิด”“เหตุการณ์ต่างๆ ในรูป ล้วนเป็นสิ่งที่ข้าจินตนาการเอง...”เขาคลี่ภาพออกทีละภาพต่อ ชี้ไปที่ภาพนั้นๆ พลางอธิบายต่อเขา “เช่นภาพนี้ เป็นครั้งแรกที่ได้พบนาง นางยืนอยู่ริมถนน บริสุทธิ์ผ่องแผ้วเหมือนดั่งเทพธิดา เห็นครั้งแรกก็ตราตรึง ครั้งสองยิ่งซึ้งใจ...”เยี่ยเป่ยเฉิงมองตามภาพที่เขาชี้ เขาเพิ่งนึกได้ นั่นเป็นครั้งแรกที่พานางไปซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ นางเลือกชุดยาวเป็นสีฟ้าคราม และเมื่อสวมใส่ก็งดงามราวเทพธิดาจำแลงจ
พ่อบ้านไม่รู้ว่าเขาถืออะไรออกมา แต่ดูเป็นม้วนๆ น่าจะเป็นภาพเขียนเรื่องบางอย่าง จำเป็นต้องอธิบายให้ชัดเจน......เยี่ยเป่ยเฉิงไม่คาดคิดว่าไป๋อวี้ถังจะมาหาเขาเพราะคิดว่า ระหว่างพวกเขาคงไม่มีเรื่องใดต้องคุยกันอีกนับแต่รู้ว่าไป๋อวี้ถังคิดเลยเถิดต่อซวงเอ๋อร์ของเขา ก็ไม่คิดว่าไป๋อวี้ถังเป็นเพื่อนอีก กระทั่งยังนึกอิจฉาในใจเสียด้วยซ้ำ!เพราะเทียบกับที่เขาทำร้ายจิตใจหลินซวงเอ๋อร์ ไป๋อวี้ถังคล้ายกับทำให้นางพอใจและมีความสุขมากกว่าเพียงแต่ซวงเอ๋อร์จะคิดอย่างไรต่อไป๋อวี้ถังกันนะ?หากเขาไม่ใช้วิธีบังคับให้นางมาอยู่ด้วย นางจะชื่นชมไป๋อวี้ถังมากกว่าหรือเปล่า?และหากวันที่จากลา ไม่มีเหตุการณ์ภูเขาถล่ม นางจะไปกับไป๋อวี้ถังจริงๆ ชาตินี้ไม่กลับมาพบเขาอีกหรือไม่?เมื่อนึกถึงเรื่องเหล่านี้ เขาก็รู้สึกปวดใจยิ่งเรื่องนี้เหมือนดั่งเสี้ยนหนามที่คาอยู่ในลำคอ ทำให้เขาไม่กล้าคิดต่อ ไม่กล้าไปซักถาม ได้แต่หลบเลี่ยงไปวันๆ...สำหรับไป๋อวี้ถังนั้น เขาควรจะโกรธแค้นคนผู้นี้ให้มาก!เพราะวันนั้น ที่หลินซวงเอ๋อร์จากไป ไป๋อวี้ถังก็ตั้งใจจะพาซวงเอ๋อร์ของเขาหนีไปให้ไกล แต่สุดท้ายเขาไม่ได้ดูแลนางดีๆ จึงทำให้เส
ไป๋อวี้ถังกลับมาถึงจวน ก็เป็นยามค่ำคืนที่ดึกสงัดมากแล้วทันทีที่พ่อบ้านเปิดประตูให้เขา ก็ได้กลิ่นสุราฉุนโชยมาแต่ก่อนไป๋อวี้ถังไม่เคยดื่มเหล้า แต่หลายวันนี้ เขามักกลับมาพร้อมกลิ่นเหล้าติดตัวเสมอพ่อบ้านเป็นคนเก่าแก่ในจวน เห็นไป๋อวี้ถังมาตั้งแต่เล็กจนโต รู้นิสัยดีว่าเป็นคนอย่างไร เขาไม่เคยเห็นไป๋อวี้ถังปล่อยปละตนเองเช่นนี้มาก่อน แม้เจ้าตัวจะไม่ยอมพูดอันใด แต่พ่อบ้านก็รู้ดี ว่าไป๋อวี้ถังมีเรื่องกลัดกลุ้มในใจ จนทำให้เขาคล้ายหมดอาลัยตายอยากจนสิ้น“ใต้เท้า สุราทำลายสุขภาพ ท่านต้องดูแลตัวเองบ้างนะขอรับ” พ่อบ้านเดินตามไป๋อวี้ถังเข้าไปในจวน พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงหดหู่ไป๋อวี้ถังดื่มสุราไปมาก เขานึกว่าการดื่มจะทำให้ลืมเลือนความทุกข์ไปได้บ้าง แต่แท้จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่ ไม่ว่าเขาจะดื่มมากเท่าใด ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์ก็ยิ่งปรากฏเด่นชัดในห้วงคำนึงของเขา อย่างไรก็ไม่อาจลบล้าง...ที่แท้ การใช้สุราดับทุกข์ ทุกข์จะยิ่มเพิ่มพูนต่างหากเขารู้สึกก้าวเท้าเลื่อนลอย แต่สมองยังมีสติอยู่มาก“ข้าไม่เป็นไร ท่านออกไปก่อน อย่าให้ใครมารบกวนข้า” ไป๋อวี้ถังผลักประตูห้องหนังสือ ตรงดิ่งเข้าไปด้านในเดิมพ่อบ้า
ไหนๆ คนก็เสียชีวิตไปแล้ว ไม่มีพยานหลักฐาน ใครจะยืนยันได้ว่านางเป็นคนทำ!แต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้ถามนางซ้ำอีก ไม่แม้แต่จะมองนางอีกสักนิด แต่กลับยืนขึ้น หันไปกล่าวต่อเสวียนอู่ซึ่งยืนอยู่เรือนด้านนอก “เตรียมยามาให้เจียงหว่าน!”เมื่อได้ยินประโยคนี้ เจียงหว่านก็ค่อยเบาใจลงที่แท้ เขายังเชื่อใจนางอยู่เขาตัดใจฆ่านางไม่ได้หรอกเขายังนึกถึงบุญคุณที่ตระกูลเจียงมีต่อเขา...“ท่านอ๋อง ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด เจียงหว่านก็ไม่โทษท่าน หากท่านเข้าใจผิดเรื่องใด เจียงหว่านจะอธิบายให้รู้เอง”เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้กล่าวเรื่องใดต่ออีก เขายืนที่ขั้นบันใด พร้อมเอามือไพล่หลัง ทั่วกายปรากฏลักษณะอันเย็นชา จนทำให้คนรู้สึกอึดอัดเสวียนอู่รับคำสั่งเดินเข้ามา พร้อมติดตามมาด้วยทหารอีกสองคน พอมาถึงก็คุมตัวเจียงหว่านไว้ ลากตัวนางเข้าไปห้องด้านข้างอย่างไม่ปรานีปราศรัยเจียงหว่านยังบาดเจ็บหนักอยู่ เมื่อถูกกระทำการป่าเถื่อนเช่นนี้ นางย่อมตกใจเป็นอย่างมากนางเอื้อมมือไปจับชายเสื้อเยี่ยเป่ยเฉิงไว้ “ท่านอ๋อง เจียงหว่านรู้สึกกลัวนัก เจียงหว่านเจ็บเจ้าค่ะ...”เยี่ยเป่ยเฉิงแทบไม่มองหน้านางเสียด้วยซ้ำ ปล่อยให้ทหารสองคนเดินขึ
ดวงตาเยี่ยเป่ยเฉิงเต็มไปด้วยจิตสังหาร กริชในมือแทงเข้าไปในอกเจียงหว่านทีละน้อย ทว่ากลับจงใจไม่ให้นางตายใบมีดหมุนวนอยู่ในบาดแผลลึกของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงมีท่าทางเยือกเย็น ไม่สงสารเลยแม้แต่น้อยฟ้ารู้ว่าเขาอยากฆ่านางมาก กระทั่งอยากสับนางเป็นหมื่นชิ้น!ทว่านี่หาได้คลายความเคียดแค้นที่อยู่ในใจเขาไปได้!ซวงเอ๋อร์ของเขาประสบกับความทรมานมากมาย เขาจะให้เจียงหว่านตายอย่างมีความสุขได้อย่างไร!สีหน้าเจียงหว่านซีดดั่งผีสาง เลือดแดงสดไหลออกมาจากทรวงอกนาง นางมองเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยความตกใจ ราวกับไม่กล้าเชื่อว่าเขาจะมีใจคิดฆ่าและอยากฆ่านางจริง…“ท่านอ๋อง…ข้าทำอะไรผิดหรือ…ไยจึงทำเช่นนี้กับข้า…”นางฝืนกลั้นความเจ็บปวด ดวงตาตกใจเผยความหวาดกลัวสุดขีดในใจออดมาเยี่ยเป่ยเฉิงชักกริชออกอย่างแรง พลันเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วราวกับเจียงหว่านถูกสูบแรงจนหมดไปทั่วร่าง จึงค่อยๆ ทรุดตัวไถลตามเสาตกลงพื้นเลือดไหลออกมาจากปากนาง มือกุมบาดแผลที่เลือดไหลไม่หยุดไว้แน่น พลางมองเยี่ยเป่ยเฉิงด้วยสีหน้าเจ็บปวด พร้อมถามเขาด้วยความไม่เข้าใจอย่างมาก “ท่านจะฆ่าข้าจริงหรือ? พ่อข้ามีบุญคุณต่อท่านอย่างใหญ่หลวงดั่งภูเขา แม้แต่บุญคุณ
หากเป็นเช่นนี้จริงก็ดีเลย นางรอเวลานี้มานานโขแล้ว…นางถึงกับไม่เสียดายที่จะเป็นแทนของหลินซวงเอ๋อร์ สรุปแล้ว หาวิธีอยู่ข้างกายเข้าให้ได้ก่อนค่อยว่ากัน รอมาเนิ่นนาน รอเขาลืมหลินซวงเอ๋อร์นังผู้หญิงคนนั้นจนสิ้น ไม่แน่เขาอาจจะหันมาชอบตัวเองก็ได้ด้วยความตื่นเต้นเต็มเปี่ยม ในที่สุดรถม้าก็มาถึงเจียงหว่านถือกระโปรงลงจากรถม้า ไม่รอให้เสวียนอู่นำทาง ก็วิ่งเบาๆ ไปยังเรือนตะวันออกนางถึงขั้นที่คิดได้แล้วว่าควรจะคำปลอบเขาอย่างไร สรุปแล้ว ต้องให้เขาเกิดความรู้สึกดีต่อตัวเองถึงจะได้…ไม่นานก็มาถึงเรือนตะวันออก เสวียนอีไม่ได้ตามเข้าไปอีก แค่ยืนอยู่นอกประตูเรือน ไม่ให้ผู้ใดเข้าใกล้เจียงหว่านไม่คิดสิ่งใด ยกเท้าก้าวเข้าไปในเรือนทันทีในเรือนว่างเปล่าไร้คน ดูแล้วเงียบเป็นพิเศษต้าหู่ถูกขังไว้ในรั้ว ตอนนี้กำลังหลับอยู่เมื่อเห็นต้าหู่ เจียงหว่านลดฝีเท้าเบาลงไปมากโดยไม่รู้ตัว ด้วยกลัวว่าจะไปทำให้มันตื่นแต่ต่อให้ฝีเท้านางจะเบาแค่ไหน ก็ยังดังจนทำให้ต้าหู่ตื่นอยู่ดีต้าหู่ลืมตาขึ้น ครั้นเห็นเจียงหว่านก้อ้าปากกว้าง คำรามใส่นาง ให้ความรู้สึกว่าอยากจะฉีกนางเป็นชิ้นๆ เจียงหว่านสั่นเทาไปทั่วร่าง และ
ไม่กี่วันมานี้ เจียงหว่านพักอยู่ในจวนตระกูลเจียงอย่างสบายอกสบายใจคนที่นางส่งไปสอดแหนมหลินซวงเอ๋อร์กลับมารายงานว่า หลินซวงเอ๋อร์เสียชีวิตในเหตุการณ์น้ำป่าไหลหลาก ร่างหายสาบสูญเมื่อได้ยินข่าวนี้ อย่าว่าเลยว่านางจะรู้สึกดีใจปานฉะไหนนางยังกังวลอยู่เลยว่าจะมีใครรู้เรื่องที่ตัวเองทำเข้า แต่ไม่คิดเลยว่าหลินซวงเอ๋อร์จะโชคไม่ดี ประสบภัยน้ำป่า! ดูท่า แม้แต่พระเจ้าก็ยังละเว้นโทษให้นาง!ตอนนี้ ตัวนางไม่อยู่แล้ว แม้แต่ศพก็หาไม่เจอ ก็จะไม่มีใครสืบสาวราวเรื่องมาถึงนางได้แล้วแต่ไม่รู้ทำไม ไม่กี่วันมานี้หนังตานางกระตุกแรงมาก และมักจะรู้สึกไม่สบายใจ ราวกับว่าจะมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นนับตั้งแต่ถูกเยี่ยเป่ยเฉิงไล่กลับมาจวนตระกูลเจียง เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่เรียกหานางอีก ได้ยินว่า เสิ่นป๋อเหลียงกลับเมืองหลวงมาแล้ว จากนี้ไป เขาไม่มีทางใช้นางอีกแล้ว…ไม่กี่วันนี้นาวพักอยู่ในจวนอย่างสงบเสงี่ยม รอจังหวะ นางคิดว่ารอเรื่องนี้จบลงแล้ว นางก็จัคิดหาวิธีเข้าใกล้เยี่ยเป่ยเฉิงนางเชื่อว่า คนๆ หนึ่งที่อยู่ในความสิ้นหวังโดดเดี่ยวสุดๆ จะต้องการผู้หญิงสักคนมาเป็นห่วงปลอบใจที่สุด…ไม่คิดเลยว่า เพิ่งผ่านไปได้ไม่กี่วัน