แชร์

บทที่ 10

ผู้แต่ง: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
กลับมาที่เรือนฝั่งตะวันออก หลินซวงเอ๋อร์ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งจะได้มาเก็บไว้ในหีบอย่างเรียบร้อย

ครั้งนี้นางไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว พ่อบ้านฉินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนบนอบ และไม่กล้าแอบแต๊ะอั๋งนางอีก

เรื่องนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจเยี่ยเป่ยเฉิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวของนางที่มีต่อเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงยังคงอยู่

ตอนกลางคืน

หลินซวงเอ๋อร์ควรไปที่เรือนอวิ๋นซวนเพื่อช่วยเขาอาบน้ำ

แต่ในด้านการปรนนิบัติคน หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มือทั้งคู่ของนางเคยถือแค่ไม้กวาด นางกวาดบ้านได้อย่างมั่นใจไร้ที่ติ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะรับใช้เยี่ยเป่ยเฉิงได้เป็นอย่างดี

เสวียนอู่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาในห้องแทนนาง และเร่งเร้าให้นางรีบเข้าไป

หลินซวงเอ๋อร์ลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินเข้าไป

ข้างโต๊ะตำรา เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชา

พอเห็นนางเข้ามา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หลังฉากบังลม และยกแขนทั้งสองข้างขึ้น

หลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงไม่ทันไม่ตอบสนองชั่วขณะ

เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "ยังไม่มาอีก?"

หลินซวงเอ๋อร์จึงรีบมาหาเยี่ยเป่ยเฉิงอย่างรวดเร็ว

เยี่ยเป่ยเฉิงสูงกว่านางมาก ศีรษะของหลินซวงเอ๋อร์ถึงแค่หน้าอกของเขาเท่านั้น

เขายกคางขึ้นเล็กน้อย นัยน์ตาจ้องมองไปที่หลินซวงเอ๋อร์

เสื้อผ้าที่เอามาใหม่อาจจะใหญ่เกินไปเล็กน้อย ปกเสื้อที่หน้าอกก็หลวม พอเยี่ยเปี่ยเฉิงลดสายตาลงแล้วมองผ่านปกเสื้อ เขาก็เห็นผ้าพันหน้าอกที่อยู่บนตัวนาง พันรอบหน้าอกหลายรอบ แม้ว่าจะพันไว้อย่างมิดชิด แต่เยี่ยเป่ยเฉิงเฉิงก็ยังคงเห็นร่องหน้าอก

เยี่ยเป่ยเฉิงมองมันอย่างจริงจัง มุมปากก็ยกขึ้นเล็กน้อยโดยที่ไม่รู้ตัวตัว ตรงจุดนี้ เขาเองก็ไม่ทันได้สังเกต

หลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ว่าตนเองกำลังถูกใครบางคนจ้องมองตาเป็นมัน นางยื่นมือออกไป ปลดกระดุมเสื้อผ้าของเขาทีละเม็ด...

นางเคลื่อนไหวอย่างระมัดระวัง แม้จะงุ่มง่ามไปเล็กน้อยก็ตาม เนื่องจากกระดุมบนเสื้อผ้าค่อนข้างยุ่งยากเล็กน้อย นางกลับหัวกลับหางไปมาสักพักกว่าจะปลดมันได้

เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้เร่งเร้านาง เพียงแต่รักษาท่าเดิมเอาไว้ และปล่อยให้นางค่อยๆปลดกระดุมให้เขา

เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นคนใจร้อนมาโดยตลอด และทำเรื่องต่างๆอย่างรวดเร็ว แม่นยำและโหดเหี้ยม

เมื่อก่อนสาวใช้ที่รับใช้เขาต้องเรียนรู้กฎเกณฑ์ก่อนจึงจะเข้าใกล้เขาได้ ถ้าเงอะงะเหมือนหลินซวงเอ๋อร์ เขาคงจะบอกให้นางไสหัวออกไปนานแล้ว

แต่ไม่รู้ว่าทำไม พอเป็นหลินซวงเอ๋อร์ เขากลับไม่โกรธ และยังรู้สึกว่า การถูกนางสัมผัส เป็นเรื่องที่น่าเพลิดเพลินมาก

ในที่สุดก็ถอดเสื้อคลุมบนตัวเขาออกได้ หลินซวงเอ๋อร์เอื้อมมือไปปลดเข็มขัดที่อยู่รอบเอว

เยี่ยเป่ยเฉิงลดแขนลงอย่างให้ความร่วมมือกัน พอที่จะโอบสาวน้อยอย่างนางเอาไว้ในอ้อมแขนได้พอดี

ทั้งสองอยู่ใกล้กันมากเกินไป จนเยี่ยเป่ยเฉิงสามารถได้กลิ่นหอมจางๆบนตัวของนาง

ตลอดเวลาที่ผ่านมา เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบกลิ่นแป้งที่อยู่บนตัวผู้หญิงเลย เมื่อก่อนสาวใช้ที่รับใช้เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้แป้งหอมใดๆ แต่ตอนนี้พอได้กลิ่นตัวของหลินซวงเอ๋อร์ เขากลับไม่เคยรู้สึกรังเกียจเลย แต่กลับรู้สึกว่าหอมมาก..

“บนตัวเจ้าใช้แป้งอะไร?” เขาอดไม่ได้ที่จะก้มศีรษะลง และแนบปลายจมูกไปที่คอของนาง กลิ่นหอมนั้นรุนแรงมากยิ่งขึ้น

พอสัมผัสถึงความเย็นที่ระหว่างคอ หลินซวงเอ๋อร์ก็ถอยออกไปอย่างรวดเร็วราวกับถูกไฟฟ้าช็อต

ติ่งหูที่เล็กประณีตก็มีสีแดงเล็กน้อย นางมองไปที่เยี่ยเป่ยเฉิงด้วยดวงตาที่หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านอ๋อง ข้าน้อยเป็นผู้ชาย จะใช้ของของผู้หญิงเหล่านั้นได้อย่างไร”

เยี่ยเป่ยเฉิงยิ้มเบาๆ

ล้อเล่นแค่ประโยคเดียว ทำให้นางกลัวขนาดนี้เลยหรือ? แววตานั้น ทำราวกับว่าเขาอยากกินคน

แต่ว่า พอเห็นแก้มที่แดงเล็กน้อยเพราะความร้อนของนาง เยี่ยเป่ยเฉิงก็อยากจะกระโจนเข้าไปแล้วกัดสักสองสามคำจริงๆ

อาจเป็นเพราะอากาศร้อนในห้อง ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกร้อนไปทั้งตัว เขาจึงถอดเข็มขัดรอบเอวออกด้วยตนเอง

หลินซวงเอ๋อร์จึงรีบก้าวไปข้างหน้า เอื้อมมือไปหยิบเสื้อผ้าที่หลุดออกจากบนตัวของเขา

สายตาของหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่เขาอย่างไม่ได้ตั้งใจ จึงเห็นหน้าอกสีขาวอันแข็งแกร่งของเขา

หลินซวงเอ๋อร์รีบเดินไปข้างหลังเขา นัยน์ตาของนางถูกรอยขีดข่วนลึกๆตื้นๆบนหลังของเขาดึงดูด

ความทรงจำในคืนนั้นก็ทะลักออกมาราวกับกระแสน้ำ แก้มของหลินซวงเอ๋อร์ร้อนผ่าว และร่างกายสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้

เยี่ยเป่ยเฉิงที่หันหลัง ก็ยื่นผ้าเช็ดหน้าให้นาง

หลินซวงเอ๋อร์หยิบมันด้วยมือที่สั่นเทา นางจุ่มผ้าเช็ดหน้าลงในถังที่เต็มไปด้วยน้ำร้อน แล้วเช็ดบนหลังของเขาอย่างระมัดระวัง

การเคลื่อนไหวของนางอ่อนโยนมาก ราวกับว่ากำลังเล่นจั๊กจี้

การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกคัน

เขาหันกลับมา จับมือนางไว้อย่างรวดเร็ว แล้วดึงนางไปข้างหน้า: "ใช้แรงกว่านี้นิดนึง"

แก้มของหลินซวงเอ๋อร์แดงเป็นลูกตำลึงสุก นางก้มศีรษะลง แต่ไม่กล้ามองเขา ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือก็เซ็ดไปที่ตัวเขาอย่างมั่วๆ

“ซี๊ด~”

ไม่รู้ว่าไปโดนตรงไหนของเขา จึงทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงอุทานออกมาทางปาก

ผ้าเช็ดหน้าที่อยู่ในมือตกลงไปในน้ำ หลินซวงเอ๋อร์ก็ตกใจมากจนเงยหน้าขึ้น จึงพุ่งเข้าไปในนัยน์ตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว

จิตใจของหลินซวงเอ๋อร์ล่องลอยกลับไปในคืนฝันร้ายนั้นอีกครั้ง

คืนนั้น เขามองนางด้วยสีหน้าท่าทางแบบนั้น จากนั้น แล้วเขาก็ทรมานนางทั้งคืน...

เยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ แค่สัมผัสธรรมดา นึกไม่ถึงว่าจะทำให้เขาตอบสนองอย่างรวดเร็ว

เป็นไปได้ไหมที่ยาเสน่ห์นั่นจะออกฤทธิ์ในร่างกายอีกครั้ง?

แต่เขาถามหมอแล้ว พิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายได้หายไปหมดแล้ว

เขาเกลียดความรู้สึกสูญเสียการควบคุม มันไม่เหมือนกับพฤติกรรมที่ไม่ใคร่ในอิสตรีของเขาเลย

เขาหลับตาลง แต่ก็ไม่สามารถควบคุมร่างกายของตนเองได้

“ไสหัวออกไป!”

หลินซวงเอ๋อร์ล้มลุกคลุกคลานออกจากห้อง ราวกับว่านางได้รับการนิรโทษกรรม

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 11

    น้ำในอ่างอาบน้ำร้อนเกินไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกไม่สบายมากเขาลุกขึ้นจากในถัง สวมเสื้อคลุมแบบลวกๆแล้วไปที่ห้องสะอาดเพื่ออาบน้ำเย็นความเร่าร้อนที่อยู่ในร่างกายก็หายไปในที่สุดพอกลับมาที่ห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนบนบานประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอยู่ในสมองไม่หยุดนางถูกเขากดเข้ากับบานประตูอย่างแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบไม่ได้ขณะที่เขย่าเป็นจังหวะ รอยขีดข่วนบนบานประตูคือร่องรอยนางทิ้งเอาไว้ตอนที่นางทนไม่ไหวเดิมที เขามีสติที่เลือนลาง และมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจน ดังนั้นพอคิดย้อนกลับไปมันจึงคลุมเครืออยู่เสมอ จึงรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนๆนั้นคือหลินซวงเอ๋อร์ แพอพานางไปอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลับรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีดเขาไม่ใช่คนที่ใคร่ในอิสตรี และก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรักระหว่างชายหญิงเลยด้วยซ้ำแต่มีประสบการณ์เพียงแค่ครั้งเดียว เหตุใดทำให้เขาลมอยากขนาดนี้...ยาเสน่ห์ จะต้องเป็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 12

    เช้าตรู่หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกประตูแต่เช้าเพื่อรอเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกใช้หมอกในตอนเช้าหนามาก ทั้งจวนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทำให้รู้สึกเงียบสงบในลานจวน คนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการกวาดลานจวน เหล่าสาวใช้ก็กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้อยู่ในสวน ถ้าเห็นดอกไม้บานสะพรั่งก็จะเด็ดสองสามดอกแล้วส่งไปที่ห้องนายท่านทั้งหลายนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ร้องเสียงดังจิ๊บจิ๊บ ท่านป้าทั้งหลายต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดแจงงานในจวน“นายท่านกำลังจะตื่นนอนแล้ว สาวใช้ในแต่ละเรือนเตรียมน้ำร้อนให้นายท่านล้างหน้า”“ไปกำชับพวกที่อยู่ในห้องครัว อาหารเช้าวันนี้เตรียมพร้อมหรือยัง?”“วันนี้อากาศดี อย่าลืมเอาผ้าปูที่นอนของแต่เรือนไปตากในลานด้วย”“ทำงานให้คล่องแคล่วกว่านี้หน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันการ...”แต่ก่อนในเวลานี้ หลินซวงเอ๋อร์คงจะถือไม้กวาดไปปัดกวาดลานหลังจวนจนสะอาดสะอ้านแล้วแต่ตอนนี้ งานเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้วหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่คนในจวนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย แต่นางเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความงุนงงท่านอ๋องยังไม่ได้เรียกนาง นางจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ศีรษะเล็กๆก้มต่ำลง ร่างที่ผอมบางพิงบานประตู นิ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 13

    เยี่ยเป่ยเฉิงสงบสติอารมณ์ เดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูเสวียนอู่เปิดม่านเกี้ยว เยี่ยเป่ยเฉิงโค้งตัวขึ้นบนรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินตามอยู่ข้างนอกรถม้ารถม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามทันหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร รถม้าก็หยุดอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเปิดม่านเกี้ยว: "ขึ้นมา"หลินซวงเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็ยังตอบสนองไม่ทันเสวียนอู่ที่อยู่ข้างหลังเร่งเร้าหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "ถ้านายท่านขอให้ขึ้นไป เจ้าก็ขึ้นไป"จากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ถึงปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยความลนลานตอนที่นั่งอยู่ในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจนางไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนเลย ข้างในมีกลิ่นหอม และกว้างขวาง แม้แต่เบาะรองนั่งก็ยังนุ่ม ดีกว่าเกวียนวัวที่นางเคยนั่งมาก่อนมากพื้นที่ภายในรถมีขนาดใหญ่มาก เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตรงกลาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้านั่งข้างเขา ร่างกายอันผอมเพรียวของซุกตัวอยู่ที่มุมด้านในสุดนัยน์ตาแอบเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิง เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนในรถม้ามืดสลัว ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและหล่อเหลามากเสียงที่คึกคักบนท้องถนนดังก้องในหูไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกกังวลทั้งอยากรู้อยากเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 14

    พอมาถึงห้องส่วนตัว องค์ชายสามทั่วป๋าอวี้ก็รอนานแล้วพอเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เย็นชา ทั่วป๋าอวี้ก็ฉลาดมาก และรู้ทันทีว่าเขามาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับเขาพอเปิดบานพับ ทั่วป๋าอวี้ก็ลุกขึ้นแล้วเข้าไปต้อนรับ และกล่าวว่า “เหตุใดท่านลุงถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้?”เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: "ฝ่าบาททำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ดี"ทั่วป๋าอวี้ได้แต่ยิ้ม แล้วส่งสัญญาณให้เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลง จากนั้นรินชาให้เขาดื่มด้วยตนเอง และกล่าวว่า "ที่ท่านลุงพูดหมายความว่าอย่างไร"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วองค์ชายสามมักจะชอบแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจทั้งๆที่เข้าใจมาโดยตลอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงกับเขา เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: "เมื่อไม่กี่วันก่อน จวนของข้าจัดการกับสาวใช้คนหนึ่ง ชื่อเสวี่ยหยวน ฝ่าบาททรงรู้จักหรือไม่?”ทั่วป๋าอวี้ที่กำลังรินชาก็ชะงักไปเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวเยาะเย้ยว่า: "ฝ่าบาทไม่ยอมรับก็ช่างเถิด เสวี่ยหยวนได้สารภาพมาหมดแล้ว โดยบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายสาม"เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ทั่วป๋าอวี้ก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไป จึงกล่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 15

    เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อยเสียใจภายหลัง?ก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น!…...หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานานนางเชื่อฟังมาก เสวียนอู่ให้นางรออยู่ที่นี่ นางก็รอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเลยในห้องขนาดใหญ่มีเพียงหลินซวงเอ๋อร์คนเดียว ของตกแต่งในห้องก็หรูหรามากเช่นกันหลินซวงเอ๋อร์เดินไปรอบๆห้องอย่างเบื่อหน่าย ตรงกลางห้องมีเตียงที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองเตียงหนึ่งอยู่ เหนือเตียงแผ่คลุมไปด้วยม่านเตียงอันโปร่งบางหลายชั้นนิ้วปัดไปที่ชั้นผ้าโปร่งบางนั้นเบาๆ สัมผัสที่เย็นสบายให้ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลทันใดนั้นภาพในคืนนั้นก็แวบขึ้นมาในหัว เตียงนอนของเยี่ยเป่ยเฉิงก็มีม่านเตียงแบบนี้เหมือนกัน คืนนั้นแสงไฟสลัวๆ ม่านเตียงที่โปร่งบางกวัดแกว่งไปมาอยู่ต่อหน้านางตลอดทั้งคืนอดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัวในใจ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น จึงรีบดึงมือกลับมาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าซีดเซียวอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายนางเบื่อมากจริงๆ จึงนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง เอามือกุมศีรษะแล้วนับเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้นบนโต๊ะไม้จันทน์แปดเหลี่ยมมีของว่างชั้นดีวางอยู่ ตอนที่เสวียนอู่ส่งนางเข้ามาเคยบอกน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 16

    หลินซวงเอ๋อร์รีบวิ่งไปที่ประตูคิดไม่ถึงว่า ขันทีที่ดูเหมือนคนป่วย กลับคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะวิ่งไปที่ประตู ผมของนางก็ถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจากด้านหลังอู๋เต๋อไห่คว้าผมของนางเอาไว้แล้วลากนางไปกับพื้น: "ข้าเจ้าชอบเจ้า เพราะพรของบรรพบุรุษของเจ้า! ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าก็จะสอนระเบียบกฎเกณฑ์ให้เจ้าเอง! เผื่อในอนาคตเข้าวังไปแล้วไม่รู้จะปรนนิบัติสามีอย่างไร!”หลินซวงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต: "ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากเข้าวังกับเจ้า ข้าไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้า ... "อู๋เต๋อไห่เกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก: "เจ้าก็ดูถูกที่ข้าเจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ได้ได้ได้! อีกสักพักข้าเจ้ามีวิธีมากมายที่จะปรนนิบัติเจ้า!"อู๋เต๋อไห่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในสันดานก็ระเบิดออกมาทันที เขาคว้าผมของหลินซวงเอ๋อร์อย่างแรงแล้วลากนางไปที่เตียงในเมื่อไม่ยินยอม เขาก็จะทุบตีนางจนกว่านางจะยอม!แม้ว่าจะทำนางตายแล้วจะทำไม?ก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งก็เท่านั้น เขาอยากได้เท่าไหร่ก็มีได้มากเท่านั้น!หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถสู้แร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 17

    …...ในตลาดที่คึกคักมีชีวิตชีวา มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งอยู่กลางถนน เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถม้าในพื้นที่ปิด ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมที่ยังคงเหลืออยู่ วนเวียนอยู่รอบตัวเขา!ใบหน้าที่สะอื้นไห้ผุดขึ้นมาในสมองเขาอย่างต่อเนื่อง และยังมีภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกันของค่ำคืนนั้นด้วยยิ่งเขาพยายามจะลบใบหน้านี้ออกจากสมองมากเท่าไร ใบหน้านี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น“ท่านอ๋อง มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่” เสวียนอู่ตามรถม้าอยู่ข้างนอก เหมือนว่าจะนึกบางอย่างออกแล้วเริ่มสนทนากับเขาเยี่ยเป่ยเฉิงลืมตาขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "พูด"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ดูจากปฏิกิริยาของท่านอ๋องในวันนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักหลินซวงเอ๋อร์จริงๆ"จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำมือแน่น แล้วพูดว่า "จะพิสูจน์ได้อย่างไร?"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ท่านบอกเขาว่า ท่านจะมอบหลินซวงเอ๋อร์ให้กับอู๋เต๋อไห่ และจัดเตรียมให้พวกเขาอยู่ห้องถัดไป แต่ตอนที่ท่านอ๋องสามจากไป เขาไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลย"“ไม่ว่าจะเลือดเย็นแค่ไหน ก็คงจะไม่ทำถึงขนาดนี้? แม้แต่เสวี่ยหยวน ท่านอ๋องสามถึงกับส่งคนมาเก็บศพของนาง แต่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 18

    การข่มเหงรังแกยังคงดำเนินต่อไปเลือดที่อยู่ทั่วร่างกายดูเหมือนจะแข็งตัวเดิมทีเป็นฤดูกาลแห่งความอบอุ่น แต่หลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆในนัยน์ตาของนางใบหน้าของอู๋เต๋อไห่ดูดุร้ายมากขึ้น“ไม่ยินยอมใช่ไหม? นังชั้นต่ำ ไปตายซะ ตายเสียให้หมด! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”มือที่เย็นยะเยือกกุมคอของนางเอาไว้ แล้วบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆนางหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง และไม่ร้องไห้ใครให้ช่วยนางอีกต่อไป ตอนนี้นางแค่หวังว่าตนเองจะหลุดพ้นได้เร็วขึ้นขณะที่จิตสำนึกที่พร่ามัว ดูเหมือนว่านางจะมองเห็นพ่อแม่และพี่ชายของนางรูปร่างหน้าตาของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้านาง มองดูนางด้วยความรักและเจ็บปวดหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ในความทุกข์ทรมาน ตอนนี้กลับยิ้มด้วยความโล่งใจ“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่...ในที่สุดพวกท่านก็ยอมมารับข้าแล้ว”“ซวงเอ๋อร์คิดถึงพวกท่านมาก ข้าคิดถึงพวกท่านจริงๆ”"พวกท่านพาข้าไปด้วยเถิด..."หลินซวงเอ๋อร์หลับตาลงอย่างช้าๆ และรู้สึกว่าชีวิตกำลังถูกดูดออกไปทีละเล็กทีละน้อย ความหนาวเย็นจากในกระดูกทำให้นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนได้อีกต่อไป"ปัง!"ทันใดนั้น ประตูห้องก็มีคน

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status