Share

บทที่ 15

Author: พิณเคล้าสายฝน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อย

เสียใจภายหลัง?

ก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น!

…...

หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานาน

นางเชื่อฟังมาก เสวียนอู่ให้นางรออยู่ที่นี่ นางก็รอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเลย

ในห้องขนาดใหญ่มีเพียงหลินซวงเอ๋อร์คนเดียว ของตกแต่งในห้องก็หรูหรามากเช่นกัน

หลินซวงเอ๋อร์เดินไปรอบๆห้องอย่างเบื่อหน่าย ตรงกลางห้องมีเตียงที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองเตียงหนึ่งอยู่ เหนือเตียงแผ่คลุมไปด้วยม่านเตียงอันโปร่งบางหลายชั้น

นิ้วปัดไปที่ชั้นผ้าโปร่งบางนั้นเบาๆ สัมผัสที่เย็นสบายให้ความรู้สึกเหมือนน้ำไหล

ทันใดนั้นภาพในคืนนั้นก็แวบขึ้นมาในหัว เตียงนอนของเยี่ยเป่ยเฉิงก็มีม่านเตียงแบบนี้เหมือนกัน คืนนั้นแสงไฟสลัวๆ ม่านเตียงที่โปร่งบางกวัดแกว่งไปมาอยู่ต่อหน้านางตลอดทั้งคืน

อดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัวในใจ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น จึงรีบดึงมือกลับมาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าซีดเซียวอยู่ครู่หนึ่ง

สุดท้ายนางเบื่อมากจริงๆ จึงนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง เอามือกุมศีรษะแล้วนับเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้น

บนโต๊ะไม้จันทน์แปดเหลี่ยมมีของว่างชั้นดีวางอยู่ ตอนที่เสวียนอู่ส่งนางเข้ามาเคยบอกนางว่า อาหารที่อยู่บนโต๊ะสามารถกินได้ตามใจชอบ

หลินซวงเอ๋อร์เม้มริมฝีปาก ในที่สุดก็ควบคุมตนเองไม่ได้ จึงหยิบขนมชิ้นหนึ่งขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วค่อยๆเอาเข้าไปในปาก และลิ้มรสมันอย่างตั้งใจ

ได้ยินมาว่าขนมอบของปู้ซือสู่อร่อยกว่าในวังเสียอีก นางไม่เคยกินของในวัง แต่ก็รู้สึกว่าขนมอบที่นี่อร่อยที่สุดในโลกแล้ว อร่อยยิ่งกว่าขนมอบชบาที่ตงเหมยยัดให้นางตอนเช้าเสียอีก

ขนมอบที่อร่อยขนาดนี้ ตงเหมยจะต้องชอบอย่างแน่นอน

หยิบผ้าเช็ดหน้าหน้าผืนหนึ่งออกมาจากอก หลินซวงเอ๋อร์หยิบขนมสองชิ้นขึ้นมาจากในจาน ห่อไว้ในผ้าเช็ดหน้าอย่างระวัดระวัง สุดท้ายก็เอาผ้าเช็ดหน้าเก็บไว้ในหน้าอก หลังจากกลับจวนแล้ว นางก็จะเอาไปให้ตงเหมย ให้นางลองชิมขนมอบปู้ซือสู่ด้วย

หลินซวงเอ๋อร์กัดกินคำเล็กๆจนหมดหนึ่งชิ้น และกำลังจะหยิบชิ้นที่สอง แต่จู่ๆประตูก็ถูกคนผลักเปิดออกจากด้านนอก

ลมแรงพัดเข้ามาอยู่ครู่หนึ่ง หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกว่าแผ่นหลังเย็นซู่

มือที่ยื่นออกไปในอากาศถอนกลับมาอย่างรวดเร็ว หลินซวงเอ๋อร์ยืนขึ้น มองไปข้างหลังด้วยความหวาดกลัว เห็นแต่ชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง

สีหน้าของชายคนนั้นขาวซีด ราวกับว่าผลัดแป้งหนาๆ หลังค่อม นัยน์ตาเก่าๆ นัยน์ตาขุ่นมัวคู่นั้นจ้องมองไปที่นาง ซึ่งแปลกและน่ากลัวเป็นอย่างมาก

เขาเดินย้อนแสงเข้าไปหานาง เงาสีดำเรียวยาวก็ค่อยๆใหญ่ขึ้น สุดท้ายเงาก็แผ่ปกคลุมไปทั่วร่างเล็กๆของนาง

ประตูถูกปิดทีละน้อย ในที่สุดสลักประตูก็ถูกล็อกอย่างแน่นหนา

แสงสว่างในห้องเริ่มมืดลงทีละเล็กทีละน้อย

หลินซวงเอ๋อร์มองเขาอย่างระมัดระวัง และถอยหลังไปทีละก้าว

ชายคนนั้นมองนางด้วยรอยยิ้มที่น่ากลัว และพูดว่า "ช่างงดงามจริงๆ ไม่เสียแรงที่ข้าเจ้าตั้งใจเดินทางมา" ลำคอดูเหมือนจะเต็มไปด้วยกรวดทราย และเสียงของเขาแหบแห้งและแหลมคมมาก

น้ำเสียงนี้ทำให้หลินซวงเอ๋อร์ขนลุกชูชัน

ใบหน้าเผยความหวาดกลัวออกมา น้ำเสียงสั่นเล็กน้อย: "เจ้าเป็นใคร?"

นางไม่เคยเห็นใครแปลกขนาดนี้มาก่อน เป็นผู้ชายแต่กลับผลัดแป้งบนใบหน้าเหมือนผู้หญิง ริมฝีปากสีแดงสดอันนั้นราวกับว่าเป็นผีร้าย ดูไปแล้วแปลกประหลาดมาก

อู๋เต๋อไห่เดินตรงไปที่ข้างหน้าเตียงไม้หนานมู่เนื้อทอง นิ้วมืออันขาวซีดค่อยๆปัดม่านเตียงขึ้น เขานั่งอยู่บนเตียง ใช้มือทดสอบความนุ่มความแข็งของผ้าปูที่นอน ดูเหมือนจะพอใจมาก

จากนั้น เขาเงยหน้าขึ้นไปมองหลินซวงเอ๋อร์ ยิ้มเบาๆแล้วกล่าวว่า "มีคนมอบเจ้าให้กับข้าเจ้า ต่อจากนี้ไปเจ้าก็จะเป็นคนของข้าเจ้าแล้ว"

“ถ้าเจ้าว่านอนสอนง่าย ข้าเจ้าก็จะปฏิบัติต่อเจ้าเป็นอย่างดี”

“ถ้ามีความปรารถนาอะไรเจ้าก็บอกมาได้เลย ไม่ต้องห่วงเรื่องสถานะของเจ้า ข้าเจ้าจะยกเลิกสถานะทาสของเจ้าเสีย นับจากนี้ไป เจ้าจะเป็นภรรยาของข้าเจ้า…”

หลินซวงเอ๋อร์ฟังอย่างงุนงงสับสน

ภรรยาอะไร? หลินซวงเอ๋อร์ฟังไม่เข้าใจเลยสักคำ

นางกล่าวว่า: "เจ้าพูดเหลวไหล ท่านอ๋องของข้าให้ข้ารอเขาอยู่ที่นี่ เจ้าเป็นใครถึงกล้าบุกเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต"

อู๋เต๋อไห่หยิบผ้าเช็ดหน้าออกจากอ้อมอกของเขา เอามือปิดปากแล้วพูดพร้อมหัวเราะเบาๆว่า: "หญิงรับใช้ผู้ต้อยต่ำคนหนึ่งจะต้องไม่รู้จักสถานะของข้าเจ้าอย่างแน่นอน ข้าเจ้าสามารถชอบเจ้าได้ ถือว่าเป็นบุญวาสนาของเจ้าแล้ว เจ้าอย่ามามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น”

ทันใดนั้นหลินซวงเอ๋อร์ก็ตระหนักได้ว่า แต่ก่อนเคยได้ยินตงเหมยพูดว่า ขันทีในวังจะเรียกตนเองว่าข้าเจ้า และได้ยินมาว่าขันทีเป็นคนที่ไม่มีกระจู๋ และมีบุคลิกที่ผิดเพี้ยนแปลกประหลาด...

จู่ๆหลินซวงเอ๋อร์ก็รู้สึกหวาดกลัว นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดขันทีเฒ่าถึงได้จ้องมองตนเองจึ และข่มขู่ว่าจะพานางเข้าไปในวัง

นางส่ายหัว ต่อต้านสุดฤทธิ์: "ข้าเป็นคนของจวนอ๋อง ข้าไม่สนใจว่าสถานะของเจ้าจะเป็นเช่นไร พูดง่ายๆ ข้าจะไม่ไปกับเจ้า"

ความอดทนของอู๋เต๋อไห่ค่อยๆหมดลง หากไม่เห็นแก่หน้าเยี่ยเป่ยเฉิง ด้วยนิสัยใจคอของเขา คงจะไม่เสียเวลาพูดมากกับสาวรับใช้ที่ต่ำต้อยคนหนึ่ง

น้ำเสียงของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชาทันที: "สิ่งดีๆข้าเจ้าก็ได้พูดไปหมดแล้ว อย่าให้ข้าเจ้าต้องใช้กำลังบีบบังคับ"

สายตาของเขาน่ากลัวมาก ราวกับกำลังจ้องมองเหยื่อ

และหลินซวงเอ๋อร์ก็คือเหยื่อ

หลินซวงเอ๋อร์ถอยหลังไปทีละก้าว "ไม่ ข้าไม่ยอม ข้าจะไปหาท่านอ๋อง..."

สิ่งเดียวที่นางนึกถึงคือไปหาเยี่ยเป่ยเฉิง นางจำได้ว่า เขาอยู่ข้างๆ...

ในขณะนี้ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าอยู่นอกประตู

ใบหน้าของหลินซวงเอ๋อร์เผยความดีใจออกมา

“ท่านอ๋อง……”

คนที่อยู่นอกประตูหยุดเดินชั่วคราว

ดูเหมือนอู๋เต๋อไห่จะไม่ตื่นตระหนกเลย เขานั่งเงียบๆอยู่บนเตียง และมองนางอย่างเย้าแหย่

หลินซวงเอ๋อร์ตะโกนสุดชีวิต แต่คนที่อยู่นอกประตูดูเหมือนจะไม่ได้ยินนางเลย แค่หยุดชั่วคราวแล้วจากไปโดยไม่หันกลับมามอง

หลินซวงเอ๋อร์ตื่นตระหนกเป็นอย่างยิ่ง

เห็นได้ชัดว่าเป็นเยี่ยเป่ยเฉิง เห็นได้ชัดว่าเขาได้ยิน...

“ท่านอ๋อง ท่านอย่าเพิ่งจากไป อย่าไป…” หลินซวงเอ๋อร์ไล่ตามร่างที่กำลังจะจากไป แต่เส้นผมของนางกลับถูกคนคว้าเอาไว้แน่นจากด้านหลัง

“สาวงามน้อย เขาจะไม่มาช่วยเจ้าหรอก…”

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 16

    หลินซวงเอ๋อร์รีบวิ่งไปที่ประตูคิดไม่ถึงว่า ขันทีที่ดูเหมือนคนป่วย กลับคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะวิ่งไปที่ประตู ผมของนางก็ถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจากด้านหลังอู๋เต๋อไห่คว้าผมของนางเอาไว้แล้วลากนางไปกับพื้น: "ข้าเจ้าชอบเจ้า เพราะพรของบรรพบุรุษของเจ้า! ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าก็จะสอนระเบียบกฎเกณฑ์ให้เจ้าเอง! เผื่อในอนาคตเข้าวังไปแล้วไม่รู้จะปรนนิบัติสามีอย่างไร!”หลินซวงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต: "ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากเข้าวังกับเจ้า ข้าไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้า ... "อู๋เต๋อไห่เกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก: "เจ้าก็ดูถูกที่ข้าเจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ได้ได้ได้! อีกสักพักข้าเจ้ามีวิธีมากมายที่จะปรนนิบัติเจ้า!"อู๋เต๋อไห่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในสันดานก็ระเบิดออกมาทันที เขาคว้าผมของหลินซวงเอ๋อร์อย่างแรงแล้วลากนางไปที่เตียงในเมื่อไม่ยินยอม เขาก็จะทุบตีนางจนกว่านางจะยอม!แม้ว่าจะทำนางตายแล้วจะทำไม?ก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งก็เท่านั้น เขาอยากได้เท่าไหร่ก็มีได้มากเท่านั้น!หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถสู้แร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 17

    …...ในตลาดที่คึกคักมีชีวิตชีวา มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งอยู่กลางถนน เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถม้าในพื้นที่ปิด ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมที่ยังคงเหลืออยู่ วนเวียนอยู่รอบตัวเขา!ใบหน้าที่สะอื้นไห้ผุดขึ้นมาในสมองเขาอย่างต่อเนื่อง และยังมีภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกันของค่ำคืนนั้นด้วยยิ่งเขาพยายามจะลบใบหน้านี้ออกจากสมองมากเท่าไร ใบหน้านี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น“ท่านอ๋อง มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่” เสวียนอู่ตามรถม้าอยู่ข้างนอก เหมือนว่าจะนึกบางอย่างออกแล้วเริ่มสนทนากับเขาเยี่ยเป่ยเฉิงลืมตาขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "พูด"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ดูจากปฏิกิริยาของท่านอ๋องในวันนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักหลินซวงเอ๋อร์จริงๆ"จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำมือแน่น แล้วพูดว่า "จะพิสูจน์ได้อย่างไร?"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ท่านบอกเขาว่า ท่านจะมอบหลินซวงเอ๋อร์ให้กับอู๋เต๋อไห่ และจัดเตรียมให้พวกเขาอยู่ห้องถัดไป แต่ตอนที่ท่านอ๋องสามจากไป เขาไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลย"“ไม่ว่าจะเลือดเย็นแค่ไหน ก็คงจะไม่ทำถึงขนาดนี้? แม้แต่เสวี่ยหยวน ท่านอ๋องสามถึงกับส่งคนมาเก็บศพของนาง แต่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 18

    การข่มเหงรังแกยังคงดำเนินต่อไปเลือดที่อยู่ทั่วร่างกายดูเหมือนจะแข็งตัวเดิมทีเป็นฤดูกาลแห่งความอบอุ่น แต่หลินซวงเอ๋อร์กลับรู้สึกหนาวขึ้นเรื่อยๆในนัยน์ตาของนางใบหน้าของอู๋เต๋อไห่ดูดุร้ายมากขึ้น“ไม่ยินยอมใช่ไหม? นังชั้นต่ำ ไปตายซะ ตายเสียให้หมด! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”มือที่เย็นยะเยือกกุมคอของนางเอาไว้ แล้วบีบแน่นขึ้นเรื่อยๆนางหลับตาลงด้วยความสิ้นหวัง และไม่ร้องไห้ใครให้ช่วยนางอีกต่อไป ตอนนี้นางแค่หวังว่าตนเองจะหลุดพ้นได้เร็วขึ้นขณะที่จิตสำนึกที่พร่ามัว ดูเหมือนว่านางจะมองเห็นพ่อแม่และพี่ชายของนางรูปร่างหน้าตาของพวกเขาไม่เปลี่ยนแปลงเลย ตอนนี้กำลังยืนอยู่ตรงหน้านาง มองดูนางด้วยความรักและเจ็บปวดหลินซวงเอ๋อร์ที่อยู่ในความทุกข์ทรมาน ตอนนี้กลับยิ้มด้วยความโล่งใจ“ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านพี่...ในที่สุดพวกท่านก็ยอมมารับข้าแล้ว”“ซวงเอ๋อร์คิดถึงพวกท่านมาก ข้าคิดถึงพวกท่านจริงๆ”"พวกท่านพาข้าไปด้วยเถิด..."หลินซวงเอ๋อร์หลับตาลงอย่างช้าๆ และรู้สึกว่าชีวิตกำลังถูกดูดออกไปทีละเล็กทีละน้อย ความหนาวเย็นจากในกระดูกทำให้นางไม่มีเรี่ยวแรงที่จะดิ้นรนได้อีกต่อไป"ปัง!"ทันใดนั้น ประตูห้องก็มีคน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 19

    เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืด จึงทำให้แยกแยะไม่ออกว่าเขาโมโหหรือดีใจจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างสงบ: "ก็จริง ข้ารับปากว่าจะมอบนางให้กับเจ้า"อู๋เต๋อไห่เหมือนกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอกเขาคิดว่าการที่เยี่ยเป่ยเฉิงมาที่นี่ เพื่อดูความสำเร็จของเขา และดูจุดจบอันน่าสังเวชของผู้หญิงคนนี้เพราะว่า การที่นำผู้หญิงคนหนึ่งส่งให้ขันทีปู้ยี่ปู้ยำ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องทำความผิดอันใหญ่หลวงบางอย่างแน่!อู๋เต๋อไห่เป็นคนฉลาดมาโดยตลอด เขากล่าวราวกับว่าจะขอความดีความชอบ: "ก็แค่นางทาสแค่คนเดียว ถ้ายินยอมที่จะติดตามข้าน้อย แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนไม่มีนกเขา แต่ก็สามารถให้เกียรติยศเงินทองนางได้”“แต่นางกลับไม่รู้จักอะไรดีอะไรชั่ว เห็นได้ชัดว่านางดูถูกเหยียดหยามข้าน้อย!”“นังชั้นต่ำนั่นมีนิสัยที่ดื้อรั้นมาก จะพูดอย่างไรก็ไม่ยินยอม เอาแต่อ้างว่านางเป็นคนของท่าน”เขากล่าวเยาะเย้ยว่า: "ท่านเป็นคนสูงส่งขนาดนั้น จะมาชอบนางทาสชั้นต่ำอย่างนางได้อย่างไร ช่างคิดเพ้อเจ้อเสียจริง!"“ข้าน้อยเลยสั่งสอนบทเรียนให้แก่นางแทนท่าน ให้นางได้สำนึก แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนไม่มีนกเขา แต่การรับมือกับผ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 20

    เสวียนอู่เป็นคนฉลาดเฉลียวสำหรับเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว หลินซวงเอ๋อร์อาจจะพิเศษเล็กน้อย แต่ช่องว่างระหว่างสถานะของพวกเขานั้นมากเกินไปอีกอย่าง ไท่โฮ่วได้เลือกพระชายาให้เยี่ยเป่ยเฉิงเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือจ้าวชิงชิงบุตรีจากจวนกั๋วกง ซึ่งเป็นพระนัดดาของไท่โฮว่ และฮ่องเต้ก็แต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงด้วยพระองค์เอง แม้ว่านางจะมีสถานะที่สูงส่ง เท่าเทียมกับเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับมีชื่อเสียงในเรื่องความอิจฉาหากเยี่ยเป่ยเฉิงรับหลินซวงเอ๋อร์เป็นอนุภรรยาจริงๆ ต่อไปถ้าจ้าวชิงชิงอภิเษกสมรสเข้าจวนในฐานะพระชายาแล้ว ด้วยนิสัยใจคอของนาง นางไม่มีทางยอมรับหลินซวงเอ๋อร์อย่างแน่นอนหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เสวียนอู่ก็กล่าวว่า: "หากท่านอ๋องตัดใจจัดการกับนางไม่ได้ เหตุใดไม่ส่งนางออกจากจวนไป แล้วปล่อยนางไปตามยถากรรม "หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิง รู้สึกเมตตาสงสารแต่จวนอ๋องไม่สามารถรองรับนางได้อีกต่อไปแล้ว บางทีการส่งนางออกไปอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดจะว่าไปแล้ว เสวียนอู่ก็ถือได้ให้ความเมตตาและความชอบธรรมจนถึงที่สุดแล้ว“ให้ออกจากจวนไปหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเขาลดสายตาลงมองดูคนที่เต็มไปด้วย

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 21

    หลินซวงเอ๋อร์ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ตงเหมยฟังอย่างละเอียดในช่วงสองปีที่ที่อยู่ในจวนอ๋อง นอกจากท่านป้าจ้าวแล้ว ตงเหมยดีกับนางที่สุดนางคิดว่าตงเหมยจะตำหนินาง แต่คิดไม่ถึงว่า ตงเหมยไม่เพียงไม่ตำหนินางเท่านั้น ในทางกลับกันนางกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่นางประสบพบเจอ และทำให้นางดูแลเอาใจใส่นางมากยิ่งขึ้นตงเหมยกล่าวว่า: "ก่อนหน้านี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นน้องชายแท้ๆของข้า แต่ตอนนี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆของข้าแล้ว"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจมากจนนางเกือบจะร้องไห้นางพูดกับตงเหมยว่า: "ข้าทำงานที่จวนอ๋องมาสองปี สะสมเงินได้สิบตำลึง และได้ซ่อนไว้ในกล่องไม้ใต้เตียงของข้า"ตงเหมยกล่าวพร้อมหัวเราะด้วยความโกรธว่า: "เจ้าเด็กโง่นี่ เจ้าพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไม? เงินของเจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ดีๆ พอออกจากจวนไปก็ไปแต่งงานกับคนที่ดีๆสักคน เงินเหล่านี้ถือว่าเป็นสินสอดของเจ้า แล้วอย่าโง่เขลาไปบอกคนอื่นล่ะ ต้องรู้จักระวังผู้อื่นปองร้าย รู้หรือไม่”หลินซวงเอ๋อร์กอดตงเหมย หน้าเรียวเล็กถูไถไปที่บนแขนของนาง เกาะติดราวกับว่าเป็นแมว: "เจ้าไม่ใช่คนอื่น เจ้าเป็นคนกันเอง"ตงเหมยแหย่หน้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 22

    ยาทาแผลที่เสวียนอู่มอบให้มาสองสามขวดนั้นมีประสิทธิภาพดีมาก หลินซวงเอ๋อร์ใช้มันเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น รอยแผลเป็นบนร่างกายของนางก็แทบจะมองไม่เห็นแล้วตงเหมยยังคงมาดูแลนางทุกวัน บางครั้งก็แอบเอาลูกชิ้นเปรี้ยวหวานที่พ่อครัวเว่ยทำมาให้นาง บางครั้งก็เอาขนมโดรายากิที่ขายตามท้องถนนมาให้นางแต่นางก็ยังนอนหลับไม่สนิททุกคืนนางไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ใบหน้าที่ดุร้ายของอู๋เต๋อไห่มักจะปรากฏขึ้นในความฝันของนางโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้านางติดอยู่ในฝันร้าย เหงื่อเปียกโชก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกครั้งที่รู้สึกสิ้นหวังสุดขีด นางก็มักจะรู้สึกได้ถึงมือขนาดใหญ่อุ่นๆคู่หนึ่งที่ลูบแก้มนางเบาๆอย่างอ่อนโยน หรือตบไหล่นางเบาๆ เพื่อกล่อมให้นางนอนหลับได้อย่างสงบระหว่างที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้น ดูเหมือนนางจะมองเห็นชายหนุ่มรูปงามที่มีจิตใจฮึกเหิม สวมหมวกทางการ ขี่ม้าฝีเท้าดี และเดินมาหานางทีละก้าวชายหนุ่มรูปงามที่กำลังขี่ม้า โน้มตัวลงมา แล้วยื่นมือให้นาง พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า“ซวงเอ๋อร์ ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน”“ซวงเอ๋อร์ หลายปีมานี้ ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”หางตามีน้ำตาไหลลงม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 23

    หลินซวงเอ๋อร์มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่เห็นใครเลยนางคิดว่า อาจจะเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมานางพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้รู้สึกเครียดเกินไปเล็กน้อยนางไม่ได้คิดอะไรมาก และยังคงตากเสื้อผ้าในกะละมังต่อไปเสาไม้ไผ่แขวนไว้สูงเล็กน้อย นางจึงเขย่งเท้าขณะที่ลมยามค่ำคืนพัดผ่านลานจวน ชายกระโปรงอันเบาบางก็ปลิวไปตามสายลม และขาอันเรียวยาวขาวใสคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น...เยี่ยเป่ยเฉิงหายใจถี่ขึ้น ลูกกระเดือกก็กลิ้งเล็กน้อยกระโปรงที่พลิ้วไหวราวกับขนนก ยั่วยวนใจของเขาอยู่ตลอดเวลาหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ตัวเลย นางเขย่งเท้า เงยหน้าขึ้น เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะเอื้อมถึงเสาไม้ไผ่ที่อยู่เหนือศีรษะแล้วนึกไม่ถึงเลยว่า การเคลื่อนไหวของนางนี้ ทำให้รูปร่างที่อ่อนช้อยงดงามของนางก็มีเสน่ห์มากขึ้น แสงจันทร์อันเจิดจ้าเหมือนกับผ้าโปร่งใสพันอยู่รอบตัวนางสายลมยามเย็นพัดแรงมาก ปอยผมบนหน้าผากของหญิงสาวแห้งไปนานแล้ว จึงปลิวไปตามสายลมเล็กน้อย ในความกระเซอะกระเซิงทำให้เกิดความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่กลับมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมเยี่ยเป่ยเฉิงไม่เคยมีนิสัยแอบมองผู้คน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ในเวลานี้ถึงไม่สามารถละสายตาไ

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status