แชร์

บทที่ 19

ผู้เขียน: พิณเคล้าสายฝน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-06-12 15:20:46
เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ได้พูดอะไร สีหน้าของเขาถูกปกคลุมไปด้วยความมืด จึงทำให้แยกแยะไม่ออกว่าเขาโมโหหรือดีใจ

จากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างสงบ: "ก็จริง ข้ารับปากว่าจะมอบนางให้กับเจ้า"

อู๋เต๋อไห่เหมือนกับว่าได้ยกภูเขาออกจากอก

เขาคิดว่าการที่เยี่ยเป่ยเฉิงมาที่นี่ เพื่อดูความสำเร็จของเขา และดูจุดจบอันน่าสังเวชของผู้หญิงคนนี้

เพราะว่า การที่นำผู้หญิงคนหนึ่งส่งให้ขันทีปู้ยี่ปู้ยำ ผู้หญิงคนนั้นจะต้องทำความผิดอันใหญ่หลวงบางอย่างแน่!

อู๋เต๋อไห่เป็นคนฉลาดมาโดยตลอด เขากล่าวราวกับว่าจะขอความดีความชอบ: "ก็แค่นางทาสแค่คนเดียว ถ้ายินยอมที่จะติดตามข้าน้อย แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนไม่มีนกเขา แต่ก็สามารถให้เกียรติยศเงินทองนางได้”

“แต่นางกลับไม่รู้จักอะไรดีอะไรชั่ว เห็นได้ชัดว่านางดูถูกเหยียดหยามข้าน้อย!”

“นังชั้นต่ำนั่นมีนิสัยที่ดื้อรั้นมาก จะพูดอย่างไรก็ไม่ยินยอม เอาแต่อ้างว่านางเป็นคนของท่าน”

เขากล่าวเยาะเย้ยว่า: "ท่านเป็นคนสูงส่งขนาดนั้น จะมาชอบนางทาสชั้นต่ำอย่างนางได้อย่างไร ช่างคิดเพ้อเจ้อเสียจริง!"

“ข้าน้อยเลยสั่งสอนบทเรียนให้แก่นางแทนท่าน ให้นางได้สำนึก แม้ว่าข้าน้อยจะเป็นคนไม่มีนกเขา แต่การรับมือกับผ
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อเรื่องนี้บน Application
ความคิดเห็น (3)
goodnovel comment avatar
วิไลลักษณ์ ภักดีนวล
สนุกแต่มันเปิดไม่ต่อเนื่อง
goodnovel comment avatar
Ooy Aoi Phuangphayom
สนุกดีค่ะชอบๆ
goodnovel comment avatar
Aoi Noppharat
สนุกตั้งแต่ต้นเรื่องเลย จะโดนเทอีกไหมน้อเรื่องนี้
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 20

    เสวียนอู่เป็นคนฉลาดเฉลียวสำหรับเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว หลินซวงเอ๋อร์อาจจะพิเศษเล็กน้อย แต่ช่องว่างระหว่างสถานะของพวกเขานั้นมากเกินไปอีกอย่าง ไท่โฮ่วได้เลือกพระชายาให้เยี่ยเป่ยเฉิงเรียบร้อยแล้วนั่นก็คือจ้าวชิงชิงบุตรีจากจวนกั๋วกง ซึ่งเป็นพระนัดดาของไท่โฮว่ และฮ่องเต้ก็แต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงด้วยพระองค์เอง แม้ว่านางจะมีสถานะที่สูงส่ง เท่าเทียมกับเยี่ยเป่ยเฉิง แต่กลับมีชื่อเสียงในเรื่องความอิจฉาหากเยี่ยเป่ยเฉิงรับหลินซวงเอ๋อร์เป็นอนุภรรยาจริงๆ ต่อไปถ้าจ้าวชิงชิงอภิเษกสมรสเข้าจวนในฐานะพระชายาแล้ว ด้วยนิสัยใจคอของนาง นางไม่มีทางยอมรับหลินซวงเอ๋อร์อย่างแน่นอนหลังจากคิดเรื่องนี้แล้ว เสวียนอู่ก็กล่าวว่า: "หากท่านอ๋องตัดใจจัดการกับนางไม่ได้ เหตุใดไม่ส่งนางออกจากจวนไป แล้วปล่อยนางไปตามยถากรรม "หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนแรกที่ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิง รู้สึกเมตตาสงสารแต่จวนอ๋องไม่สามารถรองรับนางได้อีกต่อไปแล้ว บางทีการส่งนางออกไปอาจจะเป็นวิธีที่ดีที่สุดจะว่าไปแล้ว เสวียนอู่ก็ถือได้ให้ความเมตตาและความชอบธรรมจนถึงที่สุดแล้ว“ให้ออกจากจวนไปหรือ?”เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเขาลดสายตาลงมองดูคนที่เต็มไปด้วย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 21

    หลินซวงเอ๋อร์ได้เล่าเรื่องทุกอย่างให้ตงเหมยฟังอย่างละเอียดในช่วงสองปีที่ที่อยู่ในจวนอ๋อง นอกจากท่านป้าจ้าวแล้ว ตงเหมยดีกับนางที่สุดนางคิดว่าตงเหมยจะตำหนินาง แต่คิดไม่ถึงว่า ตงเหมยไม่เพียงไม่ตำหนินางเท่านั้น ในทางกลับกันนางกลับรู้สึกเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งกับสิ่งที่นางประสบพบเจอ และทำให้นางดูแลเอาใจใส่นางมากยิ่งขึ้นตงเหมยกล่าวว่า: "ก่อนหน้านี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นน้องชายแท้ๆของข้า แต่ตอนนี้ ข้าถือว่าเจ้าเป็นน้องสาวแท้ๆของข้าแล้ว"หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจมากจนนางเกือบจะร้องไห้นางพูดกับตงเหมยว่า: "ข้าทำงานที่จวนอ๋องมาสองปี สะสมเงินได้สิบตำลึง และได้ซ่อนไว้ในกล่องไม้ใต้เตียงของข้า"ตงเหมยกล่าวพร้อมหัวเราะด้วยความโกรธว่า: "เจ้าเด็กโง่นี่ เจ้าพูดเรื่องเหล่านี้กับข้าทำไม? เงินของเจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ดีๆ พอออกจากจวนไปก็ไปแต่งงานกับคนที่ดีๆสักคน เงินเหล่านี้ถือว่าเป็นสินสอดของเจ้า แล้วอย่าโง่เขลาไปบอกคนอื่นล่ะ ต้องรู้จักระวังผู้อื่นปองร้าย รู้หรือไม่”หลินซวงเอ๋อร์กอดตงเหมย หน้าเรียวเล็กถูไถไปที่บนแขนของนาง เกาะติดราวกับว่าเป็นแมว: "เจ้าไม่ใช่คนอื่น เจ้าเป็นคนกันเอง"ตงเหมยแหย่หน้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 22

    ยาทาแผลที่เสวียนอู่มอบให้มาสองสามขวดนั้นมีประสิทธิภาพดีมาก หลินซวงเอ๋อร์ใช้มันเพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น รอยแผลเป็นบนร่างกายของนางก็แทบจะมองไม่เห็นแล้วตงเหมยยังคงมาดูแลนางทุกวัน บางครั้งก็แอบเอาลูกชิ้นเปรี้ยวหวานที่พ่อครัวเว่ยทำมาให้นาง บางครั้งก็เอาขนมโดรายากิที่ขายตามท้องถนนมาให้นางแต่นางก็ยังนอนหลับไม่สนิททุกคืนนางไม่เคยลืมสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น ใบหน้าที่ดุร้ายของอู๋เต๋อไห่มักจะปรากฏขึ้นในความฝันของนางโดยไม่มีการเตือนล่วงหน้านางติดอยู่ในฝันร้าย เหงื่อเปียกโชก ทำอย่างไรก็ไม่สามารถตื่นขึ้นมาได้ทุกครั้งที่รู้สึกสิ้นหวังสุดขีด นางก็มักจะรู้สึกได้ถึงมือขนาดใหญ่อุ่นๆคู่หนึ่งที่ลูบแก้มนางเบาๆอย่างอ่อนโยน หรือตบไหล่นางเบาๆ เพื่อกล่อมให้นางนอนหลับได้อย่างสงบระหว่างที่เคลิบเคลิ้มอยู่นั้น ดูเหมือนนางจะมองเห็นชายหนุ่มรูปงามที่มีจิตใจฮึกเหิม สวมหมวกทางการ ขี่ม้าฝีเท้าดี และเดินมาหานางทีละก้าวชายหนุ่มรูปงามที่กำลังขี่ม้า โน้มตัวลงมา แล้วยื่นมือให้นาง พร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้า“ซวงเอ๋อร์ ข้ามารับเจ้ากลับบ้าน”“ซวงเอ๋อร์ หลายปีมานี้ ทำให้เจ้าต้องลำบากแล้ว”หางตามีน้ำตาไหลลงม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 23

    หลินซวงเอ๋อร์มองไปรอบๆอย่างระมัดระวัง แต่ก็ไม่เห็นใครเลยนางคิดว่า อาจจะเป็นเพราะสองวันที่ผ่านมานางพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงทำให้รู้สึกเครียดเกินไปเล็กน้อยนางไม่ได้คิดอะไรมาก และยังคงตากเสื้อผ้าในกะละมังต่อไปเสาไม้ไผ่แขวนไว้สูงเล็กน้อย นางจึงเขย่งเท้าขณะที่ลมยามค่ำคืนพัดผ่านลานจวน ชายกระโปรงอันเบาบางก็ปลิวไปตามสายลม และขาอันเรียวยาวขาวใสคู่หนึ่งก็ปรากฏขึ้น...เยี่ยเป่ยเฉิงหายใจถี่ขึ้น ลูกกระเดือกก็กลิ้งเล็กน้อยกระโปรงที่พลิ้วไหวราวกับขนนก ยั่วยวนใจของเขาอยู่ตลอดเวลาหลินซวงเอ๋อร์ไม่รู้ตัวเลย นางเขย่งเท้า เงยหน้าขึ้น เหลือเพียงอีกนิดเดียวก็จะเอื้อมถึงเสาไม้ไผ่ที่อยู่เหนือศีรษะแล้วนึกไม่ถึงเลยว่า การเคลื่อนไหวของนางนี้ ทำให้รูปร่างที่อ่อนช้อยงดงามของนางก็มีเสน่ห์มากขึ้น แสงจันทร์อันเจิดจ้าเหมือนกับผ้าโปร่งใสพันอยู่รอบตัวนางสายลมยามเย็นพัดแรงมาก ปอยผมบนหน้าผากของหญิงสาวแห้งไปนานแล้ว จึงปลิวไปตามสายลมเล็กน้อย ในความกระเซอะกระเซิงทำให้เกิดความงามที่ไม่สมบูรณ์แบบแต่กลับมีเสน่ห์มากขึ้นกว่าเดิมเยี่ยเป่ยเฉิงไม่เคยมีนิสัยแอบมองผู้คน แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด ในเวลานี้ถึงไม่สามารถละสายตาไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 24

    จู่ๆเสิ่นป๋อเหลียงก็หัวเราะ“ข้าน้อยได้ยินไม่ผิดไปใช่หรือไม่?”ทั้งต้าซ่งแห่งนี้มีคึรบ้างที่ไม่รู้ว่า ท่านอ๋องเทพแห่งสงครามแห่งจวนหย่งอัน เป็นคนที่ไม่ใคร่ในอิสตรี และไม่สนใจเรื่องระหว่างชายหญิงมาโดยตลอด แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น?แค่กินยาเสน่ห์ลงไปครั้งเดียว เป็นไปได้ไหมว่าเลยลิ้มลองแล้วเลยอยากจะลิ้มลองอีก?“เจ้าคิดว่าข้ากำลังล้อเล่นหรือ?” เยี่ยเป่ยเฉิงมองเขาอย่างงุนงงสับสนเมื่อถูกจ้องมองด้วยนัยน์ตาที่เย็นชาคู่นี้ เสิ่นป๋อเหลียงทำได้เพียงกลั้นหัวเราะ ด้วยหัวใจของแพทย์ เสิ่นป๋อเหลียงจึงถามอย่างอดทนว่า: "ท่านฝันเช่นนี้บ่อยไหม?"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย และกล่าวอย่างจนใจว่า: "เป็นเช่นนี้ทุกคืน"นับตั้งแต่ดื่มยาเสน่ห์เข้าไป เขาก็ฝันถึงภาพเหล่านั้นทุกคืน บางครั้งก็เป็นภาพเศษเสี้ยวของเหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นจริง และบางครั้งภาพเหล่านั้นก็เป็นภาพลวงตาที่สร้างขึ้นในสมองของเขาเสิ่นป๋อเหลียงรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: "เป็นเช่นนี้ทุกคืนเลยหรือ?"ตามนิสัยใจคอที่ไม่ใคร่ในอิสตรีของเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่น่าจะมีความปรารถนาอันแรงกล้าในเรื่องนั้นไม่ว่าปริมาณของยาจะมากแค่ไหน ถ้าแก้ไขได้ทันเวลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 25

    เช้าตรู่เสียงเคาะประตูดังขึ้นอย่างรีบร้อนจากด้านนอกหลินซวงเอ๋อร์ลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือ ก็ได้ยินเสียงตงเหมยเรียกนางจากข้างนอกนางเปิดผ้าห่มขึ้นแล้วลุกขึ้น รู้มึนหัว และวิงเวียนศีรษะเล็กน้อยพอเปิดประตู ตงเหมยก็ยืนอยู่นอกห้อง มองนางด้วยความประหลาดใจ แล้วพูดว่า "ซวงเอ๋อร์ เหตุใดเจ้าถึงยังไม่ตื่น? ผ้าที่ท่านป้าจ้าวให้เจ้าไปเอาที่ร้านขายผ้าเมื่อวานอยู่ที่ไหน?"จู่ๆหลินซวงเอ๋อร์ก็สะดุ้งตกใจ และก็ตื่นขึ้นมาทันที“แย่แล้ว ข้าลืม”หลินซวงเอ๋อร์แทบอยากจะตบหน้าผากของตนเอง วันนี้เหตุใดนางถึงได้ง่วงขนาดนี้ จนลืมเรื่องสำคัญเรื่องนี้ไปเลยได้ยินมาว่านายหญิงได้เชิญช่างตัดเสื้อจากเจียงหนันมาตัดเย็บเสื้อผ้าใหม่ให้กับท่านอ๋องเป็นพิเศษ เมื่อวานนี้ท่านป้าจ้าวกำชับนางเป็นพิเศษ ให้นางไปเอาผ้าที่ร้านขายผ้าตอนเช้าตรู่ เพื่อจะได้เอาไปให้ท่านอ๋องเลือก!แต่นางกลับตื่นสาย และลืมเรื่องนี้ไปเลย!นางรีบวิ่งไปที่ลานจวน เอากระบวยตักน้ำตักน้ำขึ้นมา แล้วตบไปที่บนหน้าแบบมั่วๆสองสามครั้งน้ำเย็นมาก ทันใดนั้นสมองก็ปลอดโปร่งขึ้นมาทันทีตงเหมยพูดว่า: "เจ้าไปที่ร้านผ้าแล้วเอาผ้ากลับมาก่อน ข้าจะไปหานายหญิงแล้วจะอธ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 26

    ในโรงเตี๊ยมอวิ๋นเซียวบนถนนฉางอัน คนสองคนกำลังเล่นหมากรุกอยู่ในห้องส่วนตัวบนชั้นสองเมื่อเห็นว่าหมากดำที่อยู่ในมือของเยี่ยเป่ยเฉิงไม่วางลงเสียที ไป๋อวี้ถังก็อดไม่ได้ที่จะเร่งเร้าเขา“หน้ากระดานหมากรุกที่ดีเช่นนี้ สหายเยี่ยกลับไม่รู้ว่าจะวางอย่างไร?”ทันใดนั้นเยี่ยเป่ยเฉิงก็รู้สึกตัวขึ้นมา แล้วเอาหมากดำลงบนกระดานหมากรุกอย่างมั่นคงไป๋อวี้ถังเม้มริมฝีปาก แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม: "ดูเหมือนว่าใจของสหายเยี่ยจะไม่ได้อยู่ที่กระดานหมากรุกนี้ มีอะไรในใจหรือเปล่า? เหตุใดเจ้าไม่คุยกับสหายเจ้าคนนี้"ทุกครั้งที่เยี่ยเป่ยเฉิงมีเรื่องกลัดกลุ้มใจอะไร เขามักจะมาหาไป๋อวี้ถังเพื่อประลองทักษะการเล่นหมากรุกไป๋อวี้ถังกับเขาเติบโตมาด้วยกัน ตอนนั้นพวกเขาสอบขุนนางด้วยกัน และทั้งคู่ก็อยู่ในอันดับต้นๆเพียงแต่ว่าทั้งสองมีปณิธานที่แตกต่างกัน ไป๋อวี้ถังอาศัยความรู้ความสามารถของตน ขึ้นไปเป็นเป็นหัวหน้าขุนนางฝ่ายปกครอง และถูกฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแต่งตั้งเป็นหัวหน้าสภาขุนนางเยี่ยเป่ยเฉิงมีปณิธานที่จะเป็นท่านอ๋อง ต่อสู้ในสนามรบ ปกป้องแว่นแคว้น เป็นไปตามที่คาดหวัง เขาได้กลายเป็นเทพแห่งสงครามแห่งต้าซ่งคนหนึ่งเป็นห

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12
  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 27

    หลินซวงเอ๋อร์วิ่งเหยาะๆกลับไปที่จวนตลอดทาง ยังไม่ทันจะได้เข้าจวนก็เห็นรถม้าของเยี่ยเป่ยเฉิงจอดอยู่นอกจวนตงเหมยรีบออกมาจากจวน พอเห็นนางก็ดึงนางไปที่ห้องโถงใหญ่ทันที“เหตุใดเจ้าเพิ่งกลับมา?ท่านอ๋องแลนายหญิงต่างก็รออยู่ที่ห้องโถงใหญ่แล้ว”หลินซวงเอ๋อร์เหนื่อยหอบ และวิ่งไปที่ห้องโถงใหญ่อีกครั้งโดยที่ไม่ได้หยุดพักเลยเป็นจริงอย่างที่คาดไว้ ทุกคนต่างมาถึงกันอย่างพร้อมเพรียงแล้ว เหลือนางคนเดียวที่มาสายเยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตระหง่านอยู่ในห้องโถง ไม่แม้แต่จะมองนางเลย และดื่มชาด้วยสีหน้าที่เมินเฉยตลอดเวลาในทางกลับกันสีหน้าของชิงกงเยวี่ยแย่มาก ทันทีที่เห็นหลินซวงเอ๋อร์ก็ตบไปที่โต๊ะอย่างแรง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคืองว่า: ท่านป้าจ้าวไม่เคยสอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าเลยหรือ? “ถึงได้ให้นายท่านทั้งหลายรอเจ้าอยู่ที่นี่"เมื่อเห็นดังนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็รีบคุกเข่าลงบนพื้น เนื่องจากนางวิ่งเร็วเกินไป หน้าอกยังคงกระเพื่อมอย่างรุนแรง เมื่อเผชิญหน้ากับการตำหนิของกงชิงเยวี่ย นางก็ไม่กล้าพูดอะไรเรื่อยเปื่อย จึงทำได้แค่ก้มศีรษะลงเท่านั้นเมื่อท่านป้าจ้าวเห็นดังนี้ ก็รีบก้าวไปข้างหน้าเพื่อพูดแทนหลินซวงเอ๋อร์: "นาย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-06-12

บทล่าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 655

    วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 654

    “เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 653

    เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 652

    หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 651

    ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 650

    “ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 649

    เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 648

    อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 647

    หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ

DMCA.com Protection Status