กลับมาที่เรือนฝั่งตะวันออก หลินซวงเอ๋อร์ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งจะได้มาเก็บไว้ในหีบอย่างเรียบร้อยครั้งนี้นางไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว พ่อบ้านฉินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนบนอบ และไม่กล้าแอบแต๊ะอั๋งนางอีกเรื่องนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจเยี่ยเป่ยเฉิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวของนางที่มีต่อเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงยังคงอยู่ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์ควรไปที่เรือนอวิ๋นซวนเพื่อช่วยเขาอาบน้ำแต่ในด้านการปรนนิบัติคน หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มือทั้งคู่ของนางเคยถือแค่ไม้กวาด นางกวาดบ้านได้อย่างมั่นใจไร้ที่ติ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะรับใช้เยี่ยเป่ยเฉิงได้เป็นอย่างดีเสวียนอู่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาในห้องแทนนาง และเร่งเร้าให้นางรีบเข้าไปหลินซวงเอ๋อร์ลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินเข้าไปข้างโต๊ะตำรา เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาพอเห็นนางเข้ามา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หลังฉากบังลม และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงไม่ทันไม่ตอบสนองชั่วขณะเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "ยังไม
น้ำในอ่างอาบน้ำร้อนเกินไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกไม่สบายมากเขาลุกขึ้นจากในถัง สวมเสื้อคลุมแบบลวกๆแล้วไปที่ห้องสะอาดเพื่ออาบน้ำเย็นความเร่าร้อนที่อยู่ในร่างกายก็หายไปในที่สุดพอกลับมาที่ห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนบนบานประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอยู่ในสมองไม่หยุดนางถูกเขากดเข้ากับบานประตูอย่างแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบไม่ได้ขณะที่เขย่าเป็นจังหวะ รอยขีดข่วนบนบานประตูคือร่องรอยนางทิ้งเอาไว้ตอนที่นางทนไม่ไหวเดิมที เขามีสติที่เลือนลาง และมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจน ดังนั้นพอคิดย้อนกลับไปมันจึงคลุมเครืออยู่เสมอ จึงรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนๆนั้นคือหลินซวงเอ๋อร์ แพอพานางไปอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลับรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีดเขาไม่ใช่คนที่ใคร่ในอิสตรี และก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรักระหว่างชายหญิงเลยด้วยซ้ำแต่มีประสบการณ์เพียงแค่ครั้งเดียว เหตุใดทำให้เขาลมอยากขนาดนี้...ยาเสน่ห์ จะต้องเป็
เช้าตรู่หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกประตูแต่เช้าเพื่อรอเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกใช้หมอกในตอนเช้าหนามาก ทั้งจวนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทำให้รู้สึกเงียบสงบในลานจวน คนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการกวาดลานจวน เหล่าสาวใช้ก็กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้อยู่ในสวน ถ้าเห็นดอกไม้บานสะพรั่งก็จะเด็ดสองสามดอกแล้วส่งไปที่ห้องนายท่านทั้งหลายนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ร้องเสียงดังจิ๊บจิ๊บ ท่านป้าทั้งหลายต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดแจงงานในจวน“นายท่านกำลังจะตื่นนอนแล้ว สาวใช้ในแต่ละเรือนเตรียมน้ำร้อนให้นายท่านล้างหน้า”“ไปกำชับพวกที่อยู่ในห้องครัว อาหารเช้าวันนี้เตรียมพร้อมหรือยัง?”“วันนี้อากาศดี อย่าลืมเอาผ้าปูที่นอนของแต่เรือนไปตากในลานด้วย”“ทำงานให้คล่องแคล่วกว่านี้หน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันการ...”แต่ก่อนในเวลานี้ หลินซวงเอ๋อร์คงจะถือไม้กวาดไปปัดกวาดลานหลังจวนจนสะอาดสะอ้านแล้วแต่ตอนนี้ งานเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้วหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่คนในจวนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย แต่นางเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความงุนงงท่านอ๋องยังไม่ได้เรียกนาง นางจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ศีรษะเล็กๆก้มต่ำลง ร่างที่ผอมบางพิงบานประตู นิ
เยี่ยเป่ยเฉิงสงบสติอารมณ์ เดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูเสวียนอู่เปิดม่านเกี้ยว เยี่ยเป่ยเฉิงโค้งตัวขึ้นบนรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินตามอยู่ข้างนอกรถม้ารถม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามทันหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร รถม้าก็หยุดอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเปิดม่านเกี้ยว: "ขึ้นมา"หลินซวงเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็ยังตอบสนองไม่ทันเสวียนอู่ที่อยู่ข้างหลังเร่งเร้าหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "ถ้านายท่านขอให้ขึ้นไป เจ้าก็ขึ้นไป"จากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ถึงปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยความลนลานตอนที่นั่งอยู่ในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจนางไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนเลย ข้างในมีกลิ่นหอม และกว้างขวาง แม้แต่เบาะรองนั่งก็ยังนุ่ม ดีกว่าเกวียนวัวที่นางเคยนั่งมาก่อนมากพื้นที่ภายในรถมีขนาดใหญ่มาก เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตรงกลาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้านั่งข้างเขา ร่างกายอันผอมเพรียวของซุกตัวอยู่ที่มุมด้านในสุดนัยน์ตาแอบเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิง เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนในรถม้ามืดสลัว ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและหล่อเหลามากเสียงที่คึกคักบนท้องถนนดังก้องในหูไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกกังวลทั้งอยากรู้อยากเ
พอมาถึงห้องส่วนตัว องค์ชายสามทั่วป๋าอวี้ก็รอนานแล้วพอเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เย็นชา ทั่วป๋าอวี้ก็ฉลาดมาก และรู้ทันทีว่าเขามาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับเขาพอเปิดบานพับ ทั่วป๋าอวี้ก็ลุกขึ้นแล้วเข้าไปต้อนรับ และกล่าวว่า “เหตุใดท่านลุงถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้?”เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: "ฝ่าบาททำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ดี"ทั่วป๋าอวี้ได้แต่ยิ้ม แล้วส่งสัญญาณให้เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลง จากนั้นรินชาให้เขาดื่มด้วยตนเอง และกล่าวว่า "ที่ท่านลุงพูดหมายความว่าอย่างไร"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วองค์ชายสามมักจะชอบแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจทั้งๆที่เข้าใจมาโดยตลอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงกับเขา เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: "เมื่อไม่กี่วันก่อน จวนของข้าจัดการกับสาวใช้คนหนึ่ง ชื่อเสวี่ยหยวน ฝ่าบาททรงรู้จักหรือไม่?”ทั่วป๋าอวี้ที่กำลังรินชาก็ชะงักไปเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวเยาะเย้ยว่า: "ฝ่าบาทไม่ยอมรับก็ช่างเถิด เสวี่ยหยวนได้สารภาพมาหมดแล้ว โดยบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายสาม"เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ทั่วป๋าอวี้ก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไป จึงกล่
เยี่ยเป่ยเฉิงชะงักไปเล็กน้อยเสียใจภายหลัง?ก็แค่คนรับใช้คนหนึ่งก็เท่านั้น!…...หลินซวงเอ๋อร์รออยู่ในห้องเป็นเวลานานนางเชื่อฟังมาก เสวียนอู่ให้นางรออยู่ที่นี่ นางก็รอยู่ที่นี่ ไม่ไปไหนเลยในห้องขนาดใหญ่มีเพียงหลินซวงเอ๋อร์คนเดียว ของตกแต่งในห้องก็หรูหรามากเช่นกันหลินซวงเอ๋อร์เดินไปรอบๆห้องอย่างเบื่อหน่าย ตรงกลางห้องมีเตียงที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทองเตียงหนึ่งอยู่ เหนือเตียงแผ่คลุมไปด้วยม่านเตียงอันโปร่งบางหลายชั้นนิ้วปัดไปที่ชั้นผ้าโปร่งบางนั้นเบาๆ สัมผัสที่เย็นสบายให้ความรู้สึกเหมือนน้ำไหลทันใดนั้นภาพในคืนนั้นก็แวบขึ้นมาในหัว เตียงนอนของเยี่ยเป่ยเฉิงก็มีม่านเตียงแบบนี้เหมือนกัน คืนนั้นแสงไฟสลัวๆ ม่านเตียงที่โปร่งบางกวัดแกว่งไปมาอยู่ต่อหน้านางตลอดทั้งคืนอดไม่ได้ที่จะหวั่นกลัวในใจ หัวใจของหลินซวงเอ๋อร์เต้นเร็วขึ้น จึงรีบดึงมือกลับมาราวกับว่าถูกไฟฟ้าช็อต สีหน้าซีดเซียวอยู่ครู่หนึ่งสุดท้ายนางเบื่อมากจริงๆ จึงนั่งบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้หนานมู่เนื้อทอง เอามือกุมศีรษะแล้วนับเวลาให้ผ่านไปเร็วขึ้นบนโต๊ะไม้จันทน์แปดเหลี่ยมมีของว่างชั้นดีวางอยู่ ตอนที่เสวียนอู่ส่งนางเข้ามาเคยบอกน
หลินซวงเอ๋อร์รีบวิ่งไปที่ประตูคิดไม่ถึงว่า ขันทีที่ดูเหมือนคนป่วย กลับคล่องแคล่วว่องไวมาก ก่อนที่หลินซวงเอ๋อร์จะวิ่งไปที่ประตู ผมของนางก็ถูกเขาคว้าไว้อย่างแรงจากด้านหลังอู๋เต๋อไห่คว้าผมของนางเอาไว้แล้วลากนางไปกับพื้น: "ข้าเจ้าชอบเจ้า เพราะพรของบรรพบุรุษของเจ้า! ในเมื่อเจ้ามองข้ามความหวังดีของผู้อื่น!ถ้าเป็นเช่นนี้ ข้าเจ้าก็จะสอนระเบียบกฎเกณฑ์ให้เจ้าเอง! เผื่อในอนาคตเข้าวังไปแล้วไม่รู้จะปรนนิบัติสามีอย่างไร!”หลินซวงเอ๋อร์พยายามดิ้นรนสุดชีวิต: "ข้าไม่ต้องการ ข้าไม่อยากเข้าวังกับเจ้า ข้าไม่อยากเป็นภรรยาของเจ้า ... "อู๋เต๋อไห่เกรี้ยวโกรธเป็นอย่างมาก: "เจ้าก็ดูถูกที่ข้าเจ้าไม่ใช่ผู้ชายใช่ไหม? ได้ได้ได้! อีกสักพักข้าเจ้ามีวิธีมากมายที่จะปรนนิบัติเจ้า!"อู๋เต๋อไห่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ความซาดิสม์ที่ซ่อนอยู่ในสันดานก็ระเบิดออกมาทันที เขาคว้าผมของหลินซวงเอ๋อร์อย่างแรงแล้วลากนางไปที่เตียงในเมื่อไม่ยินยอม เขาก็จะทุบตีนางจนกว่านางจะยอม!แม้ว่าจะทำนางตายแล้วจะทำไม?ก็แค่สาวรับใช้ต่ำต้อยคนหนึ่งก็เท่านั้น เขาอยากได้เท่าไหร่ก็มีได้มากเท่านั้น!หลินซวงเอ๋อร์ดิ้นรนทุกวิถีทางแต่ก็ไม่สามารถสู้แร
…...ในตลาดที่คึกคักมีชีวิตชีวา มีรถม้าคันหนึ่งวิ่งอยู่กลางถนน เยี่ยเป่ยเฉิงกำลังนั่งหลับตาพักผ่อนอยู่ในรถม้าในพื้นที่ปิด ดูเหมือนจะมีกลิ่นหอมที่ยังคงเหลืออยู่ วนเวียนอยู่รอบตัวเขา!ใบหน้าที่สะอื้นไห้ผุดขึ้นมาในสมองเขาอย่างต่อเนื่อง และยังมีภาพเหตุการณ์ที่ไม่ปะติดปะต่อกันของค่ำคืนนั้นด้วยยิ่งเขาพยายามจะลบใบหน้านี้ออกจากสมองมากเท่าไร ใบหน้านี้ก็ยิ่งชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น“ท่านอ๋อง มีบางอย่างที่ข้าไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือไม่” เสวียนอู่ตามรถม้าอยู่ข้างนอก เหมือนว่าจะนึกบางอย่างออกแล้วเริ่มสนทนากับเขาเยี่ยเป่ยเฉิงลืมตาขึ้นมา พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "พูด"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ดูจากปฏิกิริยาของท่านอ๋องในวันนี้แล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะไม่รู้จักหลินซวงเอ๋อร์จริงๆ"จู่ๆเยี่ยเป่ยเฉิงก็กำมือแน่น แล้วพูดว่า "จะพิสูจน์ได้อย่างไร?"เสวียนอู่กล่าวว่า: "ท่านบอกเขาว่า ท่านจะมอบหลินซวงเอ๋อร์ให้กับอู๋เต๋อไห่ และจัดเตรียมให้พวกเขาอยู่ห้องถัดไป แต่ตอนที่ท่านอ๋องสามจากไป เขาไม่แม้แต่จะชายตามองนางเลย"“ไม่ว่าจะเลือดเย็นแค่ไหน ก็คงจะไม่ทำถึงขนาดนี้? แม้แต่เสวี่ยหยวน ท่านอ๋องสามถึงกับส่งคนมาเก็บศพของนาง แต่
วันที่เจียงหว่านกำลังจะถูกเนรเทศ ในที่สุดเจียงเช่อก็มาหาถึงหน้าประตูเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเยี่ยเป่ยเฉิง เว้าวอนขอเยี่ยเป่ยเฉิงปล่อยเจียงหว่านไปขณะที่เดินทางมา เขารับรู้เรื่องราวทั้งหมดแล้วเจียงหว่านลอบวางยาพระชายาเยี่ย ใช้ประชาชนที่ติดโรคทดลองยา เข่นฆ่าคนบริสุทธิ์ ผลาญชีวิตคนดุจผักดุจปลา นับเป็นอาชญากรรมอันชั่วร้ายที่สุด......แต่ไม่ว่าอย่างไร เจียงหว่านก็เป็นน้องสาวเขา เป็นคุณหนูหนึ่งเดียวของตระกูลเจียง เจียงเช่อมิอาจนั่งนิ่งดูดาย ปล่อยให้นางไปตายได้“ขอร้องท่านอ๋องไว้ชีวิตนางเถิด เป็นเพราะข้าตามใจนางจนเสียคน หากท่านอ๋องจะลงโทษ โปรดลงที่เจียงเช่อเถิดพะยะค่ะ”เมื่อเห็นเจียงเช่อ สายตาสิ้นหวังของเจียงหว่านพลันมีประกายความหวังขึ้น“พี่......ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย ข้าไม่อยากไปแดนเถื่อน ข้าอยากกลับบ้าน ท่านพี่ช่วยข้าด้วย......”เจียงเช่อขมวดคิ้วเขม็งจ้องเจียงหว่าน สายตาแฝงเร้นด้วยแววเกยีดชังเข้าไส้เขารู้ว่าเจียงหว่านต้องโทษตาย ยามนี้แค่เนรเทศ ถือว่าเมตตามากแล้ว แต่เขาเองก็รู้ว่า สถานที่อย่างแดนเถื่อนนั้น มิใช่สถานที่ที่สตรีตัวคนเดียวจะไปได้ การเนรเทศนางไปที่นั่น เท่ากับส่งนางไปขุมนร
“เลือดของนาง...”เจียงหว่านสีหน้าตกตะลึงตอนนั้น ตอนที่ฮุ่ยอี๋มอบยาถอนพิษใส่ในมือนาง นางเคยเอาทิ้งไว้หลายขวด เดิมทีคิดศึกษาส่วนผสมในนั้น ทว่าด้านในกลับมีส่วนผสมยาเพียงหนึ่งเดียว นั่นคือเลือดมนุษย์...แรกเริ่ม นางคิดว่าเป็นเรื่องเหลวไหล! กระทั่งยามนี้นางถึงได้เชื่อความจริง ส่วนประกอบของยานั้น มีเพียงเลือดมนุษย์จริงๆ! ทั้งยังเป็นเลือดของหลินซวงเอ๋อร์! เรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ในที่สุดนางก็เข้าใจ!มิน่า...ตอนนั้น นางใช้ยาปริมาณมาก แต่กลับไม่อาจทำให้หลินซวงเอ๋อร์ถึงตาย! ไม่คิดว่าเลือดของนางจะขจัดพิษในร่างนางโดยมองไม่เห็น...ฮุ่ยอี๋เอ่ย “เจ้ายังมีหน้าพูดว่าไม่ได้ฆ่าคนเป็นผักเป็นปลาอีก! เจียงหว่าน เจ้าลืมแล้วหรือว่าเจ้าวางยาซวงเอ๋อร์อย่างไร? เสด็จอาให้อภัยเจ้าครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ข้าไม่มีวันเกรงใจเจ้า!”คำพูดนี้สองแง่สองง่าม เห็นชัดว่ากำเย้ยหยันเยี่ยเป่ยเฉิงที่ดึงหมาป่าเจ้าเล่ห์เข้าบ้าน!เยี่ยเป่ยเฉิงตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม ไร้ซึ่งแรงโต้กลับยามนี้ เขามิอาจชำระคืนได้ ซวงเอ๋อร์ของเขาไม่มีวันกลับมาอีกต่อไป!สิ่งเดียวที่ทำได้ตอนนี้ คือทำให้เจียงหว่านชดใช้อย่างสาสมที่สุด ส่วนตัวเขา ชีวิตที่
เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม สายตาที่มองเจียงหว่านเยือกเย็นดุจน้ำแข็ง ไม่มีความอ่อนโยนเลยสักนิดเขาอยากฆ่านางตั้งนานแล้ว ที่ปล่อยนางรอดมาจนถึงตอนนี้ ก็แค่อยากให้นางได้รับความทรมานจนตายบัดนี้เห็นนางตกยากเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงกลับรู้สึกว่าบทลงโทษแค่นี้ยังมิพอเจียงหว่านถูกทรมานจนเหมือนตายดีกว่าอยู่มานานแล้ว นางรู้ เยี่ยเป่ยเฉิงไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ หลังจากคิดดูแล้ว หากตายด้วยน้ำมือของเยี่ยเป่ยเฉิงได้ ก็คงจะดีกว่าตอนนี้ ที่ดูดซับยาเข้าสู่ร่างกายทุกวัน ถูกฝันร้ายหลอกหลอนทุกคืนสุดท้ายก็ไม่สามารถหนีจากพิษและเสียชีวิตลงได้!อย่างไรก็ตาย มิสู้ให้เยี่ยเป่ยเฉิงจบชีวิตนางด้วยมือเขาเอง!เมื่อคิดได้เช่นนี้ นางก็ยิ้มเยาะ จงใจกล่าวยั่วยุเขา “เยี่ยเป่ยเฉิง เจ้ามีฝีมือแค่นี้หรือ? แน่จริงก็ฆ่าข้าไปเลยสิ!”“ฆ่าข้าให้มันจบๆ ไปเสีย!”เยี่ยเป่ยเฉิงปรายตามองนาง พลางกล่าวอย่างเย็นชา “ตอนนั้น เจ้าก็ทรมานซวงเอ๋อร์เช่นนี้!”เจียงหว่านกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่แล้วอย่างไร!”“ลูกในท้องนางข้าก็เป็นคนทำร้ายเอง! ร่างกายอ่อนแอแบบนั้นของนางต่อไปจะตั้งครรภ์ไม่ได้อีกแล้ว!”“ที่นางฝันร้ายทุกคืน ก็เป็นข้าที่ทำเอง
หลายสิบปีมานี้ นางทำเรื่องชั่วมานับไม่ถ้วน ทุกเรื่อง นางจิตใจสงบ ไม่เคยรู้สึกผิดเลยมีเพียงเจียงหลิง…มีเพียงการตายของเจียงหลิง ทำให้นางยากจะข่มตานอนได้…ตลอดเวลาที่ผ่านมา ในฐานะคุณหนูรอง เจียงหว่านไม่เป็นที่ชื่นชอบของพ่อแม่มาตลอด พี่ชายก็ยิ่งไม่สนใจนาง ทว่าเจียงหลิงกลับได้รับความรักมากมาย…นางอิจฉาเจียงหลิง และแทบอยากทำให้อีกฝ่ายหายไปจากโลกใบนี้แต่เจียงหลิงกลับรักเอ็นดูนางมาตั้งแต่ต้นจนจบ ปกป้องนาง มอบของที่ดีที่สุดในโลกใบนี้ให้แก่นาง…เจียงหลิงเป็นพี่สาวที่ดีต่อนางที่สุดบนโลกใบนี้…ทว่าที่นางต้องการหาใช่แค่พี่สาวอย่างเดียว นางต้องการความรักของทุกคน นางต้องการให้พ่อแม่ พี่ชายรกนางแค่คนเดียว นางอยากครอบครองของที่ดีที่สุดไว้กับตัวเอง ไม่ใช่รอให้คนอื่นมอบให้!ดังนั้น ในคืนวันหิมะตก นางผลักเจียงหลิงตกน้ำ มองนางจมตายทั้งเป็นอยู่ใต้น้ำ หลังจากนั้นนางก็ติดวันเกิดเวลาเกิดของเจียงหลิงบนตุ๊กตาคุณไสย แทงเธอทุกวัน สวดภาวนาทุกคืน นางต้องการให้เจียงหลิงไม่มีโอกาสได้ผุดได้เกิด ไม่หวนกลับมาตลอดกาล!เพราะมีเพียงแค่ทำแบบนี้ นางถึงจะไม่มีโอกาสแก้แค้นตัวเอง!แต่ทำไม…ทำไมตอนนี้นางถึงยังหาตัวเอง
ยาซึมเข้าสู่ร่างกายติดกันหลายวันทำให้เจียงหว่านค่อยๆ เป็นบ้าในห้องที่ปิดสนิท เจียงหว่านหดตัวอยู่บนพื้นเหมือนดินโคลนตัวนางเหม็นมาก ชุดกระโปรงสีรากบัวเปลี่ยนเป็นสกปรกและเก่าองครักษ์ทำให้เส้นเอ็นมือของนางขาด ตรงบาดแผลถูกทาขี้ผึ้งปิดแผลชั้นแล้วชั้นเล่าแม้ขี้ผึ้งปิดแผลจะเป็นยาสำหรับปกปิด ทว่ากลับมีผลดีต่อการหยุดเลือดบาดแผลแข็งตัวจนกลายเป็นสะเก็ดไปแล้ว เพียงแต่ไม่ได้รับการรักษาที่ดีกว่านี้ แม้จะดีขึ้นก็ยังเหลือรอยแผลเป็นอัปลักษณ์เอาไว้ธูปในห้องไม่เคยลดลงเลยทั้งวัน ประกอบกับกระกระตุ้นของต้นคลีเวีย ความคิดต่ำช้าที่อยู่ในตัวนางแทบจะถูกกระตุ้นออกมาทั้งหมดสองตานางแดงก่ำ ดูฉุนเฉียวไม่น้อย กรีดร้องโวยวายอยู่ในห้อง ประหนึ่งคนบ้าคนหนึ่งองครักษ์ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องไม่สนใจนางสักนิด ได้แต่ทรมานนางไม่ให้นางตายทุกวันความเคียดแค้นฉายออกมาจากในตาเจียงหว่าน เวลานี้ นางได้ปล่อยว่างความหลงใหลต่อเยี่ยเป่ยเฉิงแล้ว ไม่ว่าจะรักมากขนาดไหนก็แปรเปลี่ยนเป็นความชิงชังเข้ากระดูก“เยี่ยเป่ยเฉิง! ปล่อยข้ากลับไป! ปล่อยข้ากลับไปสิ!”“แน่จริงก็ฆ่าข้าเลยสิ!ฆ่าข้าให้มันจบๆ ! ท่านมีสิทธิ์อะไรมาขังข้าไว้เช่นนี
“ได้ยินว่าพ่อแม่ที่เลี้ยงดูเจ้าเสียไปนานแล้ว แล้วเจ้ากับพี่ชายอยู่มาได้อย่างไร?”“แล้วเหตุใดเจ้าจึงขายตัวไปเป็นบ่าวไพร่? หลายปีมานี้ เจ้าคงผ่านความลำบากมิใช่น้อย เคยถูกใครรังแกหรือไม่?”หลินซวงเอ๋อร์พลันเกิดความขมขื่นในจิตใจเดิมที หากไม่เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้ นางยังพออดทนได้บ้าง แต่เมื่ออวี๋หว่านหนิงถามขึ้นมา นางก็อดรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเสียมิได้นางเม้มปากพลางจ้องมองนิ้วมือตนเอง น้ำตาเริ่มเอ่อล้น พร้อมหยดแหมะลงหลังมือทีละหยดนางอยู่สบายหรือไม่?นางเคยถามตนเองอยู่เช่นกันหลายปีมานี้ นางผ่านเรื่องราวมากมาย สูญเสียบิดามารดา สูญเสียพี่ชายไป กลายเป็นเด็กกำพร้าที่ไร้ญาติขาดมิตรโดยแท้แต่หากคิดดีๆ ชีวิตนางก็เคยอยู่สุขสบายมาช่วงหนึ่งนั่นคือตอนอยู่กับเยี่ยเป่ยเฉิง นางมีความสุขจริงๆในตอนนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงเป็นกำลังใจให้นาง ซื้อเสื้อผ้าชุดใหม่ให้ หาของดีมาให้กิน สอนนางเรียนหนังสือ พาไปเดินเล่นท่องทะเลสาบ ให้ความรักต่อนางอย่างชนิดไร้ผู้เทียบเทียม...ในเวลานั้น นางมีความสุขเหลือล้น เป็นความสุขมากที่สุดในชีวิต แม้แต่ฝันก็ยังเป็นฝันหวาน...แต่ต่อมา ทุกอย่างกลับแปรเปลี่ยน ก่อนหน้านี้เคยสุ
เมื่อได้ยินประโยคนี้ หลินซวงเอ๋อร์แทบชะงักงันไปที่บั้นเอวนางมีปานแดงรูปเสี้ยวจันทร์จริงๆ ท่านแม่บอกว่า มันมีติดตัวมาตั้งแต่นางเกิด เนื่องจากเป็นตำแหน่งที่บั้นเอว จึงมีน้อยคนที่จะรู้เรื่องนี้“ท่าน...คือแม่ของข้าจริงหรือ?” หลินซวงเอ๋อร์หัวใจเต้นแรง ขอบตาแดงเรื่อขึ้นอวี๋หว่านหนิงยื่นมือมาจับมือของนางไว้ พลางกล่าวเสียวเศร้า “ซวงเอ๋อร์ ข้าคือแม่เจ้าจริงๆ หลายปีนี้ทำให้เจ้าลำบากนัก...”แม่นมซุนอยู่ด้านข้างพลางกล่าวเสริม “องค์หญิง นางคือเสด็จแม่ของท่านจริงๆ หลายปีมานี้ ฮองเฮาไม่เคยเลิกราในการตามหาท่าน เพียงแต่ภาคกลางกว้างขวางนัก พวกท่านเองก็ข่าวคราวเงียบหาย หลายปีนี้ พวกท่านลำบากก็จริง ฮองเฮาก็ไม่ได้สุขสบายใจ...”หลินซวงเอ๋อร์นิ่งเงียบไปครู่ใหญ่ พลันหันไปมองอวี๋หว่านหนิงแล้วกล่าว “ที่จริง ข้าไม่เคยตำหนิท่านเลย เพียงแต่บางครั้งก็เคยคิด ว่าท่านแม่จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ยังมีชีวิตอยู่ในโลกนี้หรือไม่”“ตอนยังเป็นเด็ก ข้าเคยคาดหวังให้นางมาหาบ้าง แต่พอโตขึ้นก็ไม่เห็นนางมาเสียที ข้าจึงภาวนาให้นางอยู่ดีมีสุขแทน แม้จะไม่ได้พบหน้า แต่ขอให้นางยังมีชีวิตอยู่ เป็นความคิดถึงในใจก็เพียงพอแล้ว...”
อวี๋หว่านหนิงรับเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตา พลันเกิดความตื้นตันจนไม่รู้ตอบอย่างไรดีทันใดนั้น แม่นมซุนเดินขึ้นมาพร้อมกล่าว “องค์หญิง ที่นี่คือวังหลวงแห่งเป่ยหรง ฮองเฮาทรงตามหาท่านมานาน ทุ่มแทแรงกายแรงใจไม่น้อยกว่าจะหาพบ...”“องค์หญิง?” หลินซวงเอ๋อร์นึกว่าตนหูฝาดไป “ท่านเรียกข้าอยู่หรือ?”นางกล่าวตอบ “พวกท่านจำคนผิดหรือเปล่า ข้าไม่ใช่องค์หญิง ข้าคือหลินซวงเอ๋อร์ต่างหาก”นางเป็นเพียงเด็กกำพร้าที่ถูกทอดทิ้ง เติบโตมาจากชนบทแร้นแค้น เป็นเพียงสาวใช้ต่ำต้อยผู้หนึ่งเท่านั้นองค์หญิงอะไรกัน ยังมีวังเป่ยหรงอีก แล้วใครคือฮองเฮา?พวกนางคงจำคนผิดเป็นแน่แม่นมซุนกล่าวตอบ “ไม่ผิดเจ้าค่ะ ไม่มีผิดแน่นอน ท่านก็คือองค์หญิงของเรา องค์หญิงที่พลัดพรากจากฮองเฮาไป...”หลินซวงเอ๋อร์คล้ายกับยังมึนงงอยู่ ความคิดนางเกิดความสับสน ปวดหัวเป็นอย่างมากแม่นมซุนอธิบายต่อ “สมัยที่อดีตฮ่องเต้สวรรคต ฮ่องเต้องค์ใหม่ยังไม่ได้ขึ้นครองราชย์ ราชสำนักเป่ยหรงเกิดความวุ่นวาย ตอนนั้นฮองเฮายังมีฐานะเป็นเพียงพระชายาแห่งรัชทายาท นางเสี่ยงอันตรายให้กำเนิดแฝดชายหญิงคู่หนึ่ง เพื่อปกป้องชีวิตของพวกท่านไว้ จึงให้คนสนิทส่งพวกท่านออก
หลินซวงเอ๋อร์เปลือกตากระตุกเล็กน้อย นางก็อยากตื่น แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจตื่นขึ้นมาหน้าอกคล้ายถูกกรีดจนเป็นแผลเหวอะหวะ เหงื่อเย็นในตัวไหลพราก ลำคอคล้ายถูกงูพิษตัวหนึ่งรัดไว้ ยิ่งรัดก็ยิ่งแน่น จนนางใกล้จะหายใจไม่ออกข้างโสตนั้น ได้ยินเสียงคุ้นหูประเดี๋ยวไกลประเดี๋ยวใกล้ ถัดจากนั้น คล้ายมีมืออ่อนโยนลูบไล้ใบหน้านางเบาๆ“เด็กดี หมดเรื่องแล้ว เจ้าปลอดภัยดีแล้ว รีบตื่นมาเถิด ตื่นมาเร็วเข้า...”หลังจากได้ยินเสียงนั้นชัดเจนมากขึ้น ลำคอที่ถูกรัดแน่นก็ค่อยๆ คลายออก นางลืมตาช้าๆ ภาพเบื้องหน้าจากพร่ามัวจนกลายเป็นชัดเจน สิ่งแรกที่เข้าสู่ม่านตาก็คือม่านคลุมเตียงสีม่วงที่อยู่เหนือศีรษะขึ้นไป คล้ายเป็นภาพฝัน เสมือนเป็นแหยักษ์ที่ถูกเหวี่ยงลงมา เพื่อคลุมตัวนางให้อยู่ตรงกลางเตียงนี้เป็นเตียงที่สวยงาม จนแม้แต่เสาเตียงก็เป็นลวดลายที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน หัวเตียงนอกจากจะแกะสลักลายดอกไม้แล้วยังฝังด้วยหยกเจียระไนงดงามและพลอยล้ำค่าอีกชั่วขณะนั้น นางรู้สึกมึนงงยิ่งนี่มันเป็นที่ไหนกัน?“ซวงเอ๋อร์ เจ้ารู้สึกตัวแล้วรึ?” จนกระทั่งข้างหูได้ยินเสียงนั้นอีกครั้ง นางจำได้ว่าตอนอยู่ในความฝัน ได้ยินเสียงนี้จนคุ