Share

บทที่ 6

Author: พิณเคล้าสายฝน
last update Last Updated: 2024-10-29 19:42:56
"ท่านป้า ข้าเป็นคนที่หยาบกระด้าง จะคู่ควรที่จะไปปรนนิบัติท่านอ๋องได้อย่างไร ท่านป้าได้โปรดเมตตาหลินซวง ให้ข้าย้ายไปที่เรือนฝั่งตะวันตกเถิด?"

สวนหลังเรือน หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้น มือทั้งสองจับแขนเสื้อของท่านป้าจ้าวเอาไว้ ขอร้องอย่างขมขื่น

นางคิดว่านางรอดพ้นหายนะในวันนั้นได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าภัยพิบัติที่ใหญ่กว่ากำลังจะมาถึง

ท่านป้าจ้าวมาหานางในตอนเช้า และบอกว่านางจะถูกโยกย้ายไปรับใช้ท่านอ๋อง

นางตกตะลึงสุดขีด

หลินซวงเอ๋อร์กลัวเยี่ยเป่ยเฉิง และอยากจะอยู่ห่างจากเขาให้ไกลที่สุด แต่ตอนนี้ ท่านป้าจ้าวกำลังจะโยกย้ายนางไปอยู่ข้างกายเยี่ยเป่ยเฉิง แบบนี้จะไม่เท่ากับว่าส่งเนื้อเข้าปากเสือหรือ?

แม้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะจำนางไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางเข้าสักวัน...

นางจับแขนเสื้อของท่านป้าจ้าวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย หลินซวงเอ๋อร์กังวลใจมากจนเกือบจะร้องไห้

"ท่านป้าหลินสงสารหลินซวงเถิด หลินซวงโง่เขลา ไม่สามารถทำงานได้จริงๆ"

ท่านป้าจ้าวก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน ในจวนมีสาวใช้ที่ฉลาดเฉียบแหลมตั้งมากมาย แต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบใครเลย กลับมาชอบคนรับใช้ที่ปัดกวาดลานจวนคนหนึ่ง

เอาล่ะ ท่านป้าจ้าวยอมรับว่า หลินซวงหน้าตาดีเกินไปเล็กน้อย แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็เป็นผู้ชาย จะไปละเอียดรอบคอบเท่าผู้หญิงได้อย่างไร

แม้ว่าหลินซวงจะขยันขันแข็ง รู้จักอดทนต่อความยากลำบาก แต่เขาเป็นคนเนิบๆ ไม่ค่อยพูดไม่ค่อยจา ไม่รู้จักประจบสอพลอ หรือเอาอกเอาใจเจ้านายเลย

นอกจากนี้เยี่ยเป่ยเฉิงยังมีนิสัยเย็นชา มีวิธีการที่โหดร้าย เสวี่ยหยวนเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด

เขาไม่ยอมให้คนข้างกายทำผิดพลาด!

“หลินซวงเอ๋ย ป้าก็ไม่มีวิธีเช่นกัน ป้าได้พูดชมเจ้าไปแล้ว ถ้าเจ้าไม่ออกนอกลู่นอกทาง ท่านอ๋องก็จะไม่ทำให้เจ้าลำบากใจ”

บอกตามตรง ท่านป้าจ้าวก็ตัดใจส่งหลินซวงเอ๋อร์เข้าปากเสือไม่ได้เช่นกัน นางพยายามเกลี้ยกล่อมอย่างเต็มที่แล้ว ให้เยี่ยเป่ยเฉิงเลือกใหม่อีกครั้ง ถ้าไม่พึงพอใจจริงๆ จวนอ๋องก็สามารถไปซื้อสาวใช้มาจากข้างนอกได้ ไม่ขึ้นขั้นต้องให้คนรับใช้ที่กวาดลานจวนไปปรนนิบัติรับใช้ข้างกายนายท่านเลย

แต่ถ้าเยี่ยเป่ยเฉิงตัดสินใจเรื่องอะไรแล้ว ใครก็ไม่สามารถทำให้สั่นคลอนได้

“ข้าต้องการแค่หลินซวงเท่านั้น!”

“ไม่รู้ระเบียบกฎเกณฑ์ ก็ให้นางไปเรียน!”

"ข้าสามารถให้เวลานางได้ ถ้าเรียนแล้วยังไม่ได้ เช่นนั้นจวนอ๋องก็คงจะเก็บคนโง่ขนาดนี้เอาไว้ไม่ได้! ถึงเวลานั้น เจ้าก็ให้นางไปเสีย ให้นางออกจากจวนอ๋องไป"

คำพูดของเยี่ยเป่ยเฉิงดูเหมือนจะยังก้องอยู่ในหู

พ่อแม่ของหลินซวงเสียชีวิตตั้งแต่เขายังเด็ก หากเขาออกจากจวนอ๋องไป เขาจะปักหลักอยู่ที่ไหน?

นี่ไม่ได้เป็นการบีบบังคับคนให้อับจนหนทางหรอกหรือ?

ท่านป้าจ้าวถอนหายใจ และพูดอย่างจนใจ: "สามารถไปรับใช้ข้างกายท่านอ๋องได้ ถือว่าเป็นบุญวาสนาที่เจ้าสั่งสมมาหลายชาติ หากเจ้าทำได้ดี ท่านอ๋องก็จะดีต่อเจ้า เจ้าก็จะไม่ต้องมากวาดลานจวนอยู่อย่างนี้ เป็นคนปัดกวาดลานจวนไปตลอดชีวิต เจ้าว่าใช่หรือไม่?"

หลินซวงเอ๋อร์ส่ายหัว: "ท่านป้า หลินซวงไม่ต้องการบุญวาสนาอะไร หลินซวงแค่อยากเป็นคนรับใช้ บุญวาสนาอย่านั้น หลินซวงสามารถมอบให้ผู้อื่นได้"

ท่านป้าจ้าวใช้นิ้วจิ้มไปหน้าผากนางเบาๆ: "คนเดินขึ้นสู่ที่สูง น้ำไหลลงที่ต่ำ เหตุใดถึงไม่รู้จักสืบเสาะแสวงหา ยินดีปัดกวาดพื้นไปตลอดชีวิต?"

หลินซวงเอ๋อร์พยักหน้าอย่างแน่วแน่

นางยินดีที่จะปัดกวาดพื้นไปตลอดชีวิต นางไม่ต้องการที่จะไล่ตามอุดมคติที่จับต้องไม่ได้เหล่านั้น เพราะมันเปลืองพลังงานมากเกินไป

เธอรู้สึกว่าการจ่ายเงินครึ่งตำลึงต่อเดือนนั้นดีมากอยู่แล้ว แล้วเธอจะกล้าโลภเพิ่มอีกได้อย่างไร?

ท่านป้าจ้าวหวังว่านางจะได้ดิบได้ดีดีขึ้น สุดท้ายก็ต้องถ่ายทอดคำพูดของเยี่ยเป่ยเฉิงให้นางฟัง

“ใช่ว่าป้าจะไม่ได้พูดแทนเจ้า ท่านอ๋องบอกว่า เขาต้องการแค่เจ้าเท่านั้น หากเจ้ายืนกรานที่จะไม่ยอมไป จวนอ๋องก็จะไม่สามารถรองรับเจ้าได้”

“ป้าจะเตือนเจ้าเอาไว้ก่อนว่า คนที่ถูกไล่ออกจากจวนไปก่อนหมดสัญญา จะถือว่าเป็นทาสไปตลอดชีวิต และจะไม่มีวันหนีพ้นความเป็นทาสได้ ผลที่ตามมา เจ้าจงไตร่ตรองให้ชัดเจน?”

"ท่านป้า ข้า..."

“เจ้าไปอย่างสบายใจเถิด ท่านอ๋องไม่กินเจ้าหรอก”
Comments (1)
goodnovel comment avatar
นิภาภรณ์ คูณสวัสดิ์
continue to develop
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 7

    หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกกลัวเล็กน้อยในขณะนี้ นางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเรือนอวิ๋นซวน พื้นเรียบสะอาดราวกับกระจก จนนางสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนได้อย่างชัดเจนกางเกงนั้นสั้นเล็กน้อย จึงเผยให้เห็นน่องอันเรียวเล็กของนาง พื้นแข็งมาก จนทำให้หัวเข่านางเจ็บนางคุกเข่านานมาก ชายหนุ่มที่อยู่หลังฉากบังลมก็ไม่ยอมให้นางลุกขึ้น ดังนั้นนางจึงคุกเข่าต่อไปประตูถูกผลักเปิดออก เสวียนอู่ก็เข้ามาจากด้านนอก และเดินผ่านหลินซวงเอ๋อร์ไป แล้วเหลือบมองนางเบาๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่แปลกมากเขาเดินตรงไปด้านหลังฉากบังลม และไม่รู้ว่าพูดอะไรข้างหูเยี่ยเป่ยเฉิงจากนั้นไม่นาน เสวียนอู่ก็ออกไปอีกครั้ง ในที่สุดชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังฉากบังลมก็ลุกขึ้นยืนเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ ฝีเท้ามั่นคงและเป็นจังหวะ หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จนกระทั่งรองเท้าบูทชายที่ปักด้วยเมฆมงคลคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้านาง"ป้าจ้าวได้สอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าหรือเปล่า?"เมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์ก็สะดุ้งกลัว นางพยักหน้า และตอบว่า "สอนแล้ว"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ดูเหมือนว่าท่านป้าจ้าวจะละเลยต่อหน้าที่ นาง

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 8

    พ่อบ้านฉินเป็นคนดูแลจัดการโกดังของจวนอ๋องค่าใช้จ่ายทั้งหมดในจวนอ๋องไม่ว่าจะมากหรือน้อยจะต้องได้รับการอนุมัติจากพ่อบ้านฉินสาวใช้สามารถรับเสื้อผ้าตามฤดูกาลได้ปีละสองชุด หากอยากได้มากกว่านี้จะต้องจ่ายเพิ่มอีกห้าสิบเหรียญทองแดงเสื้อผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์ใส่นั้นเก่ามาก เป็นเสื้อผ้าที่พ่อบ้านฉินมอบให้ตอนที่พี่ชายของนางเข้าจวน หลังจากนั้นอีกสองปีหลินซวงเอ๋อร์ก็ไปรับมาหนึ่งครั้ง พ่อบ้าน ฉินเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไร้ญาติขาดมิตร ก็เบียดเบียนรีดไถ ให้นางจ่ายเงินเพิ่มอีกห้าสิบเหรียญทองแดงก่อนจึงจะรับเสื้อผ้าได้ไม่เพียงเท่านั้น พ่อบ้านฉินมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนจับมือของนาง และหยิกเอวของนาง และชอบเรียกนางอย่างสนิทสนมว่าซวงซวงต่อหน้าคนอื่น พ่อบ้านฉินจะเป็นคนน่ารัก แต่ลับหลังแล้วเขาเป็นเดรัจฉานในคราบมนุษย์หลินซวงเอ๋อร์เกลียดพ่อบ้านฉินมาก ทุกครั้งที่นางเห็นเขาจะหลบให้ไกลๆ อีกอย่างนางก็ไม่อยากใช้เงินตนเอง หลังจากนั้นก็ไม่ไปรับเสื้อผ้าอีกเลยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะออกจากจวนไปกับเยี่ยเป่ยเฉิงในวันพรุ่งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ลำบากใจนางจะไม่แต่งตัวโทรมเกินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้จวนอ๋องเสียหน้าสุด

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 9

    เยี่ยเป่ยเฉิงกอดบุคคลนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว และเอามือโอบรอบเอวของนางเอาไว้ร่างที่ผอมบางขดอยู่ในอ้อมแขนของเขา นุ่มนวล มีกลิ่นหอม ราวกับว่าไม่มีกระดูกเขาแปลกใจ ที่แท้ร่างกายของผู้หญิงอ่อนโยน นุ่มนวล และหอมอย่างนี้นี่เอง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ฝ่ามือที่โอบเอวของนางเอาไว้ค่อยๆกระชับขึ้นคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับดึงตัวออกไปทันที เหลือเพียงแค่กลิ่นหอม ที่เหมือนมีก็เหมือนไม่มีเอาไว้เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก“ท่าอ๋องได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าน้อยไม่มีตา ทำให้เดินชนท่านอ๋อง”หลินซวงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าเจอเรื่องอะไรที่น่าหวาดกลัวมีฝีเท้าอันรวดเร็วเข้ามาทางนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นพ่อบ้านฉินไล่ตามมาก่นด่าสาปแช่งคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำสกปรกหยาบคาย และไล่ตามด่าหลินซวงเอ๋อร์ไปตลอดทางทีนี้เยี่ยเป่ยเฉิงจึงเข้าใจว่า เหตุใดนางถึงกลัวมากขนาดนี้“ไอ้เด็กเหลือขอ!ไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”พอได้ยินเสียงฝีเท้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 10

    กลับมาที่เรือนฝั่งตะวันออก หลินซวงเอ๋อร์ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งจะได้มาเก็บไว้ในหีบอย่างเรียบร้อยครั้งนี้นางไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว พ่อบ้านฉินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนบนอบ และไม่กล้าแอบแต๊ะอั๋งนางอีกเรื่องนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจเยี่ยเป่ยเฉิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวของนางที่มีต่อเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงยังคงอยู่ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์ควรไปที่เรือนอวิ๋นซวนเพื่อช่วยเขาอาบน้ำแต่ในด้านการปรนนิบัติคน หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มือทั้งคู่ของนางเคยถือแค่ไม้กวาด นางกวาดบ้านได้อย่างมั่นใจไร้ที่ติ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะรับใช้เยี่ยเป่ยเฉิงได้เป็นอย่างดีเสวียนอู่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาในห้องแทนนาง และเร่งเร้าให้นางรีบเข้าไปหลินซวงเอ๋อร์ลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินเข้าไปข้างโต๊ะตำรา เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาพอเห็นนางเข้ามา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หลังฉากบังลม และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงไม่ทันไม่ตอบสนองชั่วขณะเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "ยังไม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 11

    น้ำในอ่างอาบน้ำร้อนเกินไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกไม่สบายมากเขาลุกขึ้นจากในถัง สวมเสื้อคลุมแบบลวกๆแล้วไปที่ห้องสะอาดเพื่ออาบน้ำเย็นความเร่าร้อนที่อยู่ในร่างกายก็หายไปในที่สุดพอกลับมาที่ห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนบนบานประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอยู่ในสมองไม่หยุดนางถูกเขากดเข้ากับบานประตูอย่างแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบไม่ได้ขณะที่เขย่าเป็นจังหวะ รอยขีดข่วนบนบานประตูคือร่องรอยนางทิ้งเอาไว้ตอนที่นางทนไม่ไหวเดิมที เขามีสติที่เลือนลาง และมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจน ดังนั้นพอคิดย้อนกลับไปมันจึงคลุมเครืออยู่เสมอ จึงรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนๆนั้นคือหลินซวงเอ๋อร์ แพอพานางไปอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลับรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีดเขาไม่ใช่คนที่ใคร่ในอิสตรี และก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรักระหว่างชายหญิงเลยด้วยซ้ำแต่มีประสบการณ์เพียงแค่ครั้งเดียว เหตุใดทำให้เขาลมอยากขนาดนี้...ยาเสน่ห์ จะต้องเป็

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 12

    เช้าตรู่หลินซวงเอ๋อร์ยืนอยู่นอกประตูแต่เช้าเพื่อรอเยี่ยเป่ยเฉิงเรียกใช้หมอกในตอนเช้าหนามาก ทั้งจวนถูกปกคลุมไปด้วยหมอกหนา ทำให้รู้สึกเงียบสงบในลานจวน คนรับใช้กำลังยุ่งอยู่กับการกวาดลานจวน เหล่าสาวใช้ก็กำลังตัดแต่งกิ่งดอกไม้อยู่ในสวน ถ้าเห็นดอกไม้บานสะพรั่งก็จะเด็ดสองสามดอกแล้วส่งไปที่ห้องนายท่านทั้งหลายนกเกาะอยู่บนกิ่งไม้ร้องเสียงดังจิ๊บจิ๊บ ท่านป้าทั้งหลายต่างก็พากันยุ่งวุ่นวายอยู่กับการจัดแจงงานในจวน“นายท่านกำลังจะตื่นนอนแล้ว สาวใช้ในแต่ละเรือนเตรียมน้ำร้อนให้นายท่านล้างหน้า”“ไปกำชับพวกที่อยู่ในห้องครัว อาหารเช้าวันนี้เตรียมพร้อมหรือยัง?”“วันนี้อากาศดี อย่าลืมเอาผ้าปูที่นอนของแต่เรือนไปตากในลานด้วย”“ทำงานให้คล่องแคล่วกว่านี้หน่อย เดี๋ยวจะไม่ทันการ...”แต่ก่อนในเวลานี้ หลินซวงเอ๋อร์คงจะถือไม้กวาดไปปัดกวาดลานหลังจวนจนสะอาดสะอ้านแล้วแต่ตอนนี้ งานเหล่านี้ไม่เกี่ยวข้องกับนางแล้วหลินซวงเอ๋อร์มองไปที่คนในจวนที่กำลังยุ่งวุ่นวาย แต่นางเป็นคนเดียวที่ยืนอยู่ตรงนี้ด้วยความงุนงงท่านอ๋องยังไม่ได้เรียกนาง นางจึงรู้สึกเบื่อเล็กน้อย ศีรษะเล็กๆก้มต่ำลง ร่างที่ผอมบางพิงบานประตู นิ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 13

    เยี่ยเป่ยเฉิงสงบสติอารมณ์ เดินจ้ำอ้าวไปที่ประตูเสวียนอู่เปิดม่านเกี้ยว เยี่ยเป่ยเฉิงโค้งตัวขึ้นบนรถม้า หลินซวงเอ๋อร์ก็เดินตามอยู่ข้างนอกรถม้ารถม้าวิ่งเร็วมาก หลินซวงเอ๋อร์จึงต้องวิ่งเหยาะๆ ถึงจะตามทันหลังจากเดินไปได้ไม่ถึงครึ่งกิโลเมตร รถม้าก็หยุดอีกครั้งเยี่ยเป่ยเฉิงเปิดม่านเกี้ยว: "ขึ้นมา"หลินซวงเอ๋อร์ฟังแล้ว ก็ยังตอบสนองไม่ทันเสวียนอู่ที่อยู่ข้างหลังเร่งเร้าหลินซวงเอ๋อร์ว่า: "ถ้านายท่านขอให้ขึ้นไป เจ้าก็ขึ้นไป"จากนั้นหลินซวงเอ๋อร์ถึงปีนขึ้นไปบนรถม้าด้วยความลนลานตอนที่นั่งอยู่ในรถม้า หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายใจนางไม่เคยนั่งรถม้ามาก่อนเลย ข้างในมีกลิ่นหอม และกว้างขวาง แม้แต่เบาะรองนั่งก็ยังนุ่ม ดีกว่าเกวียนวัวที่นางเคยนั่งมาก่อนมากพื้นที่ภายในรถมีขนาดใหญ่มาก เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งตรงกลาง หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้านั่งข้างเขา ร่างกายอันผอมเพรียวของซุกตัวอยู่ที่มุมด้านในสุดนัยน์ตาแอบเหลือบมองเยี่ยเป่ยเฉิง เขาหลับตาลงเล็กน้อยเพื่อพักผ่อนในรถม้ามืดสลัว ใบหน้าของเขาดูเย็นชาและหล่อเหลามากเสียงที่คึกคักบนท้องถนนดังก้องในหูไม่ขาดสาย หลินซวงเอ๋อร์ทั้งรู้สึกกังวลทั้งอยากรู้อยากเ

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 14

    พอมาถึงห้องส่วนตัว องค์ชายสามทั่วป๋าอวี้ก็รอนานแล้วพอเห็นเยี่ยเป่ยเฉิงมีใบหน้าที่เย็นชา ทั่วป๋าอวี้ก็ฉลาดมาก และรู้ทันทีว่าเขามาที่นี่เพื่อคิดบัญชีกับเขาพอเปิดบานพับ ทั่วป๋าอวี้ก็ลุกขึ้นแล้วเข้าไปต้อนรับ และกล่าวว่า “เหตุใดท่านลุงถึงได้มีสีหน้าเช่นนี้?”เยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาว่า: "ฝ่าบาททำอะไรลงไปก็น่าจะรู้ดี"ทั่วป๋าอวี้ได้แต่ยิ้ม แล้วส่งสัญญาณให้เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งลง จากนั้นรินชาให้เขาดื่มด้วยตนเอง และกล่าวว่า "ที่ท่านลุงพูดหมายความว่าอย่างไร"เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วองค์ชายสามมักจะชอบแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจทั้งๆที่เข้าใจมาโดยตลอด ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงก็ไม่อยากพูดพร่ำทำเพลงกับเขา เลิกคิ้วแล้วกล่าวว่า: "เมื่อไม่กี่วันก่อน จวนของข้าจัดการกับสาวใช้คนหนึ่ง ชื่อเสวี่ยหยวน ฝ่าบาททรงรู้จักหรือไม่?”ทั่วป๋าอวี้ที่กำลังรินชาก็ชะงักไปเล็กน้อยเยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวเยาะเย้ยว่า: "ฝ่าบาทไม่ยอมรับก็ช่างเถิด เสวี่ยหยวนได้สารภาพมาหมดแล้ว โดยบอกว่าได้รับคำสั่งมาจากองค์ชายสาม"เมื่อพูดขนาดนี้แล้ว ทั่วป๋าอวี้ก็ไม่สามารถแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ได้อีกต่อไป จึงกล่

Latest chapter

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 625

    เยี่ยเป่ยเฉิงมือสั่นขณะรับขวดกระเบื้องจากตงเหมยมาเนื้อสีขาวของขวดปรากฏเงาสีแดงรำไรอยู่ด้านในตงเหมยกล่าว “ท่านอ๋องบอกว่าจะเชื่อใจนางใช่หรือไม่เจ้าคะ? ถ้าเช่นนั้นบ่าวจะไม่นำไปให้องค์หญิงอีก ท่านอ๋องลองเอาเลือดซวงเอ๋อร์ไปทดสอบดูก็ได้ ว่าเป็นจริงดั่งที่นางว่าหรือไม่ ใช้รักษาโรคระบาดได้จริง!”“ถึงตอนนั้น ท่านอ๋องย่อมจะรู้เอง ว่าซวงเอ๋อร์ไม่ได้พูดโกหก...”เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกจุกในอก ในยามนี้ เขาเกิดความกลัวที่จะนำไปพิสูจน์เพราะหากว่า ทุกอย่างเป็นจริงดั่งที่ตงเหมยพูด นั่นแสดงว่าเขาทรยศต่อความไว้วางใจของหลินซวงเอ๋อร์อีกครั้งในตอนนั้น นางเคยร่ำไห้พูดกับตนว่า เลือดของนางสามารถช่วยชีวิตคนได้แล้วเขาตอบว่าอย่างไร?อ้อ นึกออกแล้วเขาเย้ยหยันไปว่านางไม่ใช่เทวดา พร้อมกล่าวตำหนิว่านางชอบทำร้ายตนเองบ่อยครั้งสวรรค์ นี่เขาเป็นอะไรไป เขาได้กระทำสิ่งใดต่อนางไปบ้าง...เสวี่ยนอู่เห็นดังนี้ จึงรีบเดินมารับขวดไปจากมือเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมกล่าวต่อเขา “ในค่ายทหารยังมีผู้ป่วยอีกหลายคน ข้าน้อยจะนำไปทดสอบเดี๋ยวนี้...”เมื่อกล่าวเช่นนี้แล้ว ตงเหมยจึงไม่อยากพูดมากความอีก นางหันหลังเตรียมจะจากไป กลับถูก

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 624

    ตงเหมยกล่าวเสียงสะอื้น “เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใดเจ้าคะ? ในยามที่นางโดดเดี่ยวสิ้นหวัง ท่านไม่อยู่เคียงข้าง นางสูญเสียลูกไป ท่านก็ไม่อยู่เคียงข้าง และบัดนี้นางล้มป่วย ท่านก็เอาร่างนางไปอยู่บ้านนอกแทน”“เชื่อตอนนี้จะมีประโยชน์อันใด ทุกอย่างล้วนสายเกินแก้!”ตงเหมยยิ่งพูดก็ยิ่งโมโห จนแทบอยากระบายความอัดอั้นที่หลินซวงเอ๋อร์ได้รับออกมาแทนนางให้หมดสิ้น“น่าเห็นใจซวงเอ๋อร์นัก...นางทำเพื่อท่าน ต้องทนกล้ำกลืนความเจ็บช้ำมากมาย ไม่เคยที่จะระบายให้ท่านฟังสักครั้ง”“คืนวันนั้น ท่านอ๋องจู่ๆ ทิ้งนางไป นางเพิ่งสูญเสียลูก ยังมีเลือดออกเต็มตัว ตอนบ่าวเปิดประตูเข้าไปเห็น รู้แต่ว่าแทบเป็นลมหมดสติ!”“บ่าวคิดจะบอกท่านให้รู้ แต่ซวงเอ๋อร์ไม่ต้องการให้ท่านเป็นห่วง นางบอกว่าท่านอ๋องเป็นคนทำงานใหญ่ ไม่ควรให้อยู่แต่ในเรือนหลัง ยิ่งกลัวว่าหากพูดไปแล้ว ท่านจะรังเกียจร่างกายที่ไม่สมบูรณ์ของนาง วันหน้าไม่อาจมีทายาทให้ท่านได้อีก”“แต่ว่า ท่านอ๋องรู้หรือไม่ ตอนสูญเสียลูกไปนั้น นางเจ็บปวดเพียงไหน ในใจรู้สึกสิ้นหวังเพียงใด?”“ท่านอ๋องเคยคิดปลอบประโลมจิตใจนางบ้างหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงยืนตะลึงตัวแข็งทื่อ เลือดใน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 623

    “ซวงเอ๋อร์ ซวงเอ๋อร์ ข้ากลับมาแล้ว”เยี่ยเป่ยเฉิงผลักประตูเรือนอวิ๋นซวน พร้อมเดินก้าวเข้าไปด้านใน แต่กลับพบว่าภายในว่างเปล่าผ้าห่มบนเตียงถูกพับไว้เรียบร้อย ข้าวของเครื่องใช้ก็จัดวางเป็นระเบียบ ราวกับมีคนมาจัดเก็บแล้วหนึ่งรอบเมื่อเห็นหลินซวงเอ๋อร์ไม่อยู่ในห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็คิดว่านางคงไปห้องหนังสือเพราะที่ผ่านมา นางมักชอบเก็บตัวในห้องนั้นเพื่อเขียนหนังสือเงียบๆ เมื่อนึกถึงตรงนี้ เขาจึงรีบออกจากเรือนอวิ๋นซวน ตรงไปยังห้องหนังสือทันทีที่ไหนได้ ห้องหนังสือก็ไม่มีร่องรอยของนาง อุปกรณ์เครื่องเขียนบนโต๊ะจัดวางเป็นระเบียบ พู่กันที่นางเคยใช้บ่อยๆ คล้ายมีการล้างน้ำจนสะอาดสะอ้าน เยี่ยเป่ยเฉิงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางก้าวเดินออกจากห้องหนังสือ เดินตามหาไปยังทุกห้อง ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนางจนกระทั่งตงเหมยกลับมาจากเรือนด้านหน้าทันทีที่เห็นตงเหมย เยี่ยเป่ยเฉิงก็รีบปรี่ไปหา “ซวงเอ๋อร์เล่า นางอยู่ที่ใด?”ในมือตงเหมยถือกล่องอยู่ใบหนึ่ง เมื่อเผชิญกับคำถามของเยี่ยเป่ยเฉิง นางมิได้ตอบกลับ นอกจากยื่นกล่องในมือให้แก่เยี่ยเป่ยเฉิง“นี่คือเครื่องประดับที่ท่านอ๋องซื้อให้ซวงเอ๋อร์ ก่อนจากไป นางได้ม

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 622

    เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ท่านอ๋องกล่าวถูกต้อง ยาชนิดนี้ไม่อาจพกติดตัวได้ โดยเฉพาะยามเข้านอน ร่างกายมนุษย์จะอยู่ในช่วงอ่อนแอที่สุด พิษจะซึมเข้าสู่ร่ายกายได้ง่าย...”กล่าวได้ครึ่งหนึ่ง จู่ๆ เสิ่นป๋อเหลียงคล้ายกับนึกอะไรขึ้นมา หันไปมองเยี่ยเป่ยเฉิง พร้อมถามด้วยความตกใจ “พระชายา...นางเคยบาดเจ็บหรือไม่?”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวตอบ “เคย”เดิมทีนางทำเพื่อหวังจะช่วยเขา ขึ้นเขาไปหางูดำหางไหม้เพียงลำพัง กลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่าง...เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ถ้าเช่นนั้นก็ถูกแล้ว ข้าน้อยเดาว่า อาการของพระชายา น่าจะเกี่ยวข้องกับถุงผ้านี้...”เยี่ยเป่ยเฉิงสูดลมหายใจเข้าลึกในยามนี้ เขาได้กระจ่างแจ้งต่อเรื่องราวทุกอย่างมิน่าเล่า นางมักจะบอกว่าไม่อยากอยู่ในเรือนอวิ๋นซวนมิน่าเล่า นางมักบอกว่ากลางคืนชอบฝันร้าย แม้เขาจะอยู่เป็นเพื่อน นางก็นอนหลับไม่สนิท...มิน่าเล่า นางเริ่มมีอารมณ์แปรปรวน เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายเอาแน่ไม่ได้มิน่าเล่า นางคิดจะฆ่าเจียงหว่านให้จงได้...ทั้งที่เมื่อก่อนนางเป็นคนอ่อนน้อม ว่านอนสอนง่ายราวกับกระต่ายน้อยตัวหนึ่ง...แต่เขากลับไม่เชื่อนาง คิดว่านั่นเพราะนางเป็นโรคเครียด เพราะป่วยหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 621

    เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “นางมิได้ตั้งใจ เพียงได้รับความกระทบกระเทือนหนัก จึงทำให้ขาดสติไป ข้าไม่เคยคิดตำหนิ”เมื่อได้ยินดังนี้ เสิ่นป๋อเหลียงก็พอคาดเดาได้บ้าง จึงหยิบผ้าพันแผลออกมา พร้อมทำแผลให้เขาใหม่ และกล่าว “เป็นฝีมือพระชายาใช่หรือไม่?”เห็นเยี่ยเป่ยเฉิงไม่กล่าวตอบ เสิ่นป๋อเหลียงยิ่งรู้ดีแก่ใจ จึงไม่ถามมากความอีกแผ่นดินนี้ คงมีเพียงสตรีผู้นี้เท่านั้นที่กล้าทำร้ายเขาโดยไม่หวาดกลัว ซ้ำยังได้รับการอภัยโดยปราศจากเงื่อนไขใดๆ อีกพันแผลเสร็จเรียบร้อย เสิ่นป๋อเหลียงจึงกล่าวกำชับ “บาดแผลยังไม่แห้งสนิทดี อย่าให้โดนน้ำเป็นอันขาด...”ขาดคำไม่ทันไร จมูกก็ได้กลิ่นหอมประหลาดบางอย่างโชยมาเสิ่นป๋อเหลียงขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางสูดกลิ่นหอมประหลาดนั่น แล้วสายตาก็ไปหยุดที่ถุงผ้าใบหนึ่งที่เหน็บอยู่ช่วงเอวของเยี่ยเป่ยเฉิง“ท่านอ๋อง ถุงผ้าใบนั้นให้ข้าดูหน่อยได้หรือไม่?”นั่นเป็นถุงผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์เป็นคนปักให้เขา เยี่ยป่ยเฉิงย่อมไม่ยินดีจะมอบให้ผู้อื่นแต่เห็นเสิ่นป๋อเหลียงมีสีหน้าเคร่งเครียด จึงได้ถาม “ทำไมรึ? ถุงผ้าข้ามีสิ่งใดผิดปกติหรืออย่างไร?”เสิ่นป๋อเหลียงกล่าว “ข้อนี้คงต้องถามท่านอ๋อง ว่าภา

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 620

    เมื่อได้ยินว่าเสิ่นป๋อเหลียงกลับมา เยี่ยเป่ยเฉิงก็พลันหยุดชะงัก พร้อมถามเสวียนอู่ “เขาอยู่ที่ใด?”เสวียนอู่กล่าว “เขารู้ว่าหลายวันนี้ท่านอ๋องตามหาอยู่ ดังนั้น เมื่อกลับถึงเมืองหลวง ข้าน้อยจึงรีบพาตัวมาทันที ตอนนี้อยู่ค่ายทหารขอรับ”เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าว “เหมาะเลย ข้ากำลังจะกลับจวน ให้เขาตามข้ากลับไปด้วยกัน!”“ขอรับ”เสวียนอู่รีบไปเตรียมรถม้ามาคันหนึ่ง ให้เยี่ยเป่ยเฉิงและเสิ่นป๋อเหลียงโดยสารพร้อมกันภายในรถม้า เยี่ยเป่ยเฉิงมีสีหน้าเคร่งขรึม เสิ่นป๋อเหลียงนั่งอยู่ด้านข้างจึงไม่กล้าพูดจาช่วงเวลาที่ผ่านมา เขาออกจากวังไปท่องเที่ยว เยี่ยเป่ยเฉิงได้มีจดหมายส่งถึงเขาหลายครั้ง เดิมทีควรรีบกลับมาเมืองหลวงนานแล้ว แต่ระหว่างทางกลับมีอุปสรรคมาขวางกั้น จนทำให้เสียเวลาไปมากและบัดนี้ เขาได้กลับถึงเมืองหลวงแล้ว รู้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงต้องการพบเขาคงมีเรื่องเร่งด่วน ทันทีที่มาถึงจึงมาขอพบเยี่ยเป่ยเฉิงก่อนแต่เยี่ยเป่ยเฉิงกลับไม่พูดไม่จา สีหน้าเคร่งเครียดหมองคล้ำ ดูแล้วน่าประหลาดใจยิ่งชั่วขณะนั้น ทั้งคู่ต่างไม่มีการพูดคุย บรรยากาศภายในรถม้าค่อนข้างตึงเครียดเสิ่นป๋อเหลียงเป็นฝ่ายอธิบายก่อน “ใช่ว่าข้

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 619

    ไม่เหลือซากให้เห็น และไม่ได้ออกมาอีกลมเย็นพัดกรูมา เขารู้สึกคล้ายร่างกายถูกหินก้อนใหญ่มากดทับไว้ จนเลือดท่วมทะลัก เจ็บปวดอย่างเหลือแสน...“ไม่...ไม่นะ...”ไป๋อวี้ถังรีบก้าวเท้าพุ่งตัวไป พร้อมเอามือตะกุยดินอย่างบ้าคลั่ง ราวกับสูญเสียสติสัมปชัญญะไปเสียสิ้น“ซวงเอ๋อร์ ข้าไม่ยอมให้เจ้าตาย ข้าจะช่วยเจ้าออกมา ข้าจะช่วยเจ้าออกมาให้ได้...”“เราตกลงว่าจะไปเมืองหยางโจวด้วยกัน เจ้าอย่าทิ้งข้าไปนะ ซวงเอ๋อร์ อย่าทิ้งข้าไป...”เมื่อรอบข้างสงบลง ชาวบ้านก็ต่างแห่กันมา เมื่อเห็นไป๋อวี้ถังเอามือตะกุยดินราวกับไม่คิดชีวิต จนนิ้วมือมีเลือดออก ก็ต่างส่ายหน้าและกล่าวเตือน “คุณชาย ช่างเถิดนะ อย่าขุดอีกเลย ถ้าใครถูกฝังอยู่ใต้ล่าง อย่างไรก็ไม่รอดอยู่แล้ว”ไป๋อวี้ถังไม่ยอมรับฟัง พลางวิ่งเข้าหมู่บ้านถือพลั่วมาหนึ่งอัน ขุดดินไปอย่างบ้าคลั่งอีกเมื่อเห็นเขาเตือนแล้วไม่ฟัง ชาวบ้านบางรายก็ไปช่วยขุดบ้างมีคนหนึ่งกล่าวเตือนเขา “คุณชายก็อย่าเสียใจมากนัก บางที สหายท่านอาจจะรอดตายหวุดหวิด หรือไม่ก็ ไม่ได้รออยู่ที่เชิงเขานี้”ไป๋อวี้ถังหยุดชะงักโดยพลัน นัยน์ตาแดงก่ำ มองชาวบ้านผู้นั้นด้วยความหวัง พลางกล่าว “จริงร

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 618

    ไป๋อวี้ถังขี่ม้ามาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เขามองหาบ่อน้ำ แล้วจึงเอากระเป๋าใส่น้ำที่พกติดตัวมาบรรจุน้ำในบ่อจนเต็มหมู่บ้านนี้มีผู้คนอยู่ห่างๆ เพียงไม่กี่ครัวเรือน เดิมไป๋อวี้ถังไม่คิดจะอยู่นาน แต่พอรอนแรมมาไกลมาก อีกทั้งละแวกนี้ก็ไม่มีโรงเตี๊ยมพอให้พักอาศัยหากคิดจะหาโรงเตี๊ยมจริงๆ ก็ต้องเดินทางต่อไปอีกประมาณสิบกว่าลี้เพื่อไม่ให้หลินซวงเอ๋อร์ต้องหิวข้าว ไป๋อวี้ถังจึงไปหาครอบครัวหนึ่ง พร้อมใช้เงินซื้อหมั่นโถวหลายลูกที่พวกเขาเพิ่งนึ่งเสร็จใหม่ๆ เนื่องจากเขาเป็นคนใจป้ำ ครอบครัวชาวบ้านธรรมดาทำงานหนึ่งปียังไม่ได้เงินมากมายเท่านี้ จึงได้แถมนมแพะที่รีดเองให้แก่ไป๋อวี้ถังไปด้วยเป็นนมที่เพิ่งผ่านการต้มมา ดื่มแล้วช่วยให้ร่างกายอบอุ่นขึ้นมากไป๋อวี้ถึงจึงไม่ปฏิเสธ ยอมรับมาแต่โดยดีแต่เขาไม่กล้าให้หลินซวงเอ๋อร์คอยนาน ขณะหันหลังคิดจะกลับนั้น จู่ๆ มีหญิงชราร้องเรียกจากด้านหลัง“คุณชาย หากไม่รีบร้อนเดินทาง เชิญค้างที่นี่สักคืนค่อยไปก็ได้”ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้างหน้ายังมีคนรออยู่”หญิงชรามองดูท้องฟ้า พลางกล่าว “พรุ่งนี้ค่อยไปก็ยังไม่สาย คุณชายไปพาเพื่อนมาด้วยก็ได้ หลายวันนี้มีฝนตกหน

  • ทาสสาวพราวพิลาส   บทที่ 617

    ไป๋อวี้ถังกล่าวตอบ “ข้าก็คิดเช่นนั้น”หลินซวงเอ๋อร์มองหน้าเขาพร้อมยิ้มเล็กน้อย นางกล่าวต่อ “ถ้าเช่นนั้นข้าขอไปก่อน ขอให้พี่ไป๋มีความสุขในเร็ววัน ลาก่อน”กล่าวจบ นางไม่รอช้าที่จะปล่อยผ้าม่านลงไป๋อวี้ถังสีหน้าเปลี่ยนโดยพลัน รีบร้อนกล่าวต่อ “แม่นางซวงเอ๋อร์รอประเดี๋ยว...”ได้ยินเสียงร้องเรียกของไป๋อวี้ถัง หลินซวงเอ๋อร์จึงแหวกผ้าม่านด้วยความสงสัยอีกครั้งในยามนี้ ดวงอาทิตย์ลอยขึ้นสูง แดดภายนอกจึงแสบตายิ่ง หลินซวงเอ๋อร์ยกมือขึ้นบังตา เพื่อลดความแรงกล้าของแสง พลางกล่าวเสียงอ่อนโยน “พี่ไป๋ ท่านยังมีเรื่องอันใดอีก?”นางยังต้องรีบเดินทางต่อ ไม่อยากพูดคุยกับเขานานไป๋อวี้ถังกล่าว “แม่นางซวงเอ๋อร์คิดดีแล้วหรือไม่ว่าจะไปที่ใด หรือเราสองคนจะเดินทางด้วยกัน?”น้ำเสียงเขาฟังดูราบเรียบ คล้ายกับไม่ตั้งใจกดดัน เพียงแต่ถามไปเรื่อยเปื่อยแต่หลินซวงเอ๋อร์แทบไม่ต้องคิด นางรีบกล่าวตอบ “อย่าเลย ข้ายังไม่ได้คิดว่าจะไปที่ใด แผ่นดินกว้างใหญ่ ไปถึงแห่งใดก็อยู่ตรงนั้นก่อน”ไป๋อวี้ถังกล่าวยิ้มๆ “เช่นนั้นก็ประจวบเหมาะนัก ข้าก็ไม่คิดจะไปที่ใด หรือเราจะเดินทางด้วยกัน เพราะหนทางยังอีกยาวไกล หากมีเพื่อนพูดคุยก

DMCA.com Protection Status