หลินซวงเอ๋อร์นอนอยู่บนเตียงเป็นเวลาสองวันเต็มสองวันที่ผ่านมานี้ ท่านป้าจ้าวมาหาเธอหนึ่งครั้ง นอกจากจะเป็นห่วงเรื่องอาการป่วยของเธอแล้ว ยังถามรายละเอียดเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่เรือนฝั่งตะวันออกในวันนั้นด้วยการคัดเลือกในวันนั้น เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบสาวใช้คนใดเลย แถมยังอารมณ์เสียอย่างไร้สาเหตุท่านป้าจ้าวไปหาเสวียนอู่เพื่อสอบถามเป็นการส่วนตัว ว่าเป็นสาวใช้ที่ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงคนไหนกันแน่ที่ไม่เชื่อฟังคำแนะนำ และแอบไปขึ้นเตียงท่านอ๋องในตอนกลางคืน!สถานะอันสูงส่งของเยี่ยเป่ยเฉิง ไม่สิ่งที่คนรับใช้จะคิดอาจเอื้อมได้!แม้ว่าท่านอ๋องจะไว้ชีวิตนาง แต่นายหญิงของจวนอ๋องก็คงจะไม่ปล่อยนางไว้ท่านป้าจ้าวไม่อยากให้จุดจบของเสวี่ยหยวนเกิดขึ้นกับสาวใช้คนอื่นอีก จึงมาหา หลินซวงเอ๋อร์เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้นเพราะท้ายที่สุดแล้วคนที่รักษาการณ์อยู่ที่เรือนฝั่งตะวันออกก็คือนาง“หลินซวง บอกข้ามาตามตรง วันนั้นนอกจากเจ้าแล้วยังมีใครแอบเข้าไปในเรือนฝั่งตะวันออกอีกไหม?”สีหน้าท่าทางของท่านป้าจ้าวจริงจังมากนิ้วมือของหลินซวงเอ๋อร์กำเสื้อของนางเอาไว้แน่น: "นอกจากข้า ก็ไม่มีคนอื่นเลย"เ
ขนตาที่เปียกชื้นของนางสั่นไหวทันที หลินซวงเอ๋อร์ก้มศีรษะต่ำลงยิ่งกว่าเดิม"เงยหน้าขึ้น!" น้ำเสียงของชายหนุ่มค่อยๆหมดความอดทนเล็บเลาะลึกเข้าไปในฝ่ามือ หลินซวงเอ๋อร์เงยหน้าขึ้นอย่างขี้ขลาดตาขาว แต่ก็ไม่กล้าสบตาเขาเยี่ยเป่ยเฉิงจ้องไปที่คนที่อยู่ตรงหน้า คิ้วทั้งสองข้างก็ขมวดกันทันทีสวมเสื้อผ้าเนื้อหยาบ น่าจะเป็นบ่าวรับใช้ระดับล่างสุดในจวน แต่บ่าวรับใช้คนนี้หน้าตาผุดผ่อง ใบหน้าที่เรียวเล็กเท่าฝ่ามือขาวราวกับไข่ปอก ขนตาที่ทั้งยาวทั้งหนาสั่นไหวเล็กน้อย ริมฝีปากที่เหมือนกลีบดอกไม้นั้นงดงามมีเสน่ห์มากบนโลกใบนี้ จะมีผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ได้อย่างไร?เยี่ยเป่ยเฉิงผู้ที่เห็นสาวงามจนชินตา ในขณะนี้จิตใจเหม่อลอยเล็กน้อยจากนั้นไม่นาน น้ำเสียงของเขาก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แล้วถามว่า "เจ้าชื่ออะไร?"หลินซวงเอ๋อร์เปิดๆปิดปาก น้ำเสียงเบามาก: "ข้าน้อย... ชื่อหลินซวง"แต่เยี่ยเป่ยเฉิงได้ยินอย่างชัดเจน“หลินซวง?” เขาพึมพำชื่อนี้ออกมา รู้สึกว่าคุ้นหูเล็กน้อย ราวกับว่าเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง“เงยหน้าขึ้น แล้วสบตาข้า!” น้ำเสียงที่เย็นชาดังขึ้นอีกครั้ง และความรู้สึกกดดันสุดขีดก็ถาโถมเข้ามาหลิน
"ท่านป้า ข้าเป็นคนที่หยาบกระด้าง จะคู่ควรที่จะไปปรนนิบัติท่านอ๋องได้อย่างไร ท่านป้าได้โปรดเมตตาหลินซวง ให้ข้าย้ายไปที่เรือนฝั่งตะวันตกเถิด?"สวนหลังเรือน หลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้น มือทั้งสองจับแขนเสื้อของท่านป้าจ้าวเอาไว้ ขอร้องอย่างขมขื่นนางคิดว่านางรอดพ้นหายนะในวันนั้นได้แล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าภัยพิบัติที่ใหญ่กว่ากำลังจะมาถึงท่านป้าจ้าวมาหานางในตอนเช้า และบอกว่านางจะถูกโยกย้ายไปรับใช้ท่านอ๋องนางตกตะลึงสุดขีดหลินซวงเอ๋อร์กลัวเยี่ยเป่ยเฉิง และอยากจะอยู่ห่างจากเขาให้ไกลที่สุด แต่ตอนนี้ ท่านป้าจ้าวกำลังจะโยกย้ายนางไปอยู่ข้างกายเยี่ยเป่ยเฉิง แบบนี้จะไม่เท่ากับว่าส่งเนื้อเข้าปากเสือหรือ?แม้ว่าเยี่ยเป่ยเฉิงจะจำนางไม่ได้ แต่ถ้าอยู่ด้วยกันตลอดเวลา หลินซวงเอ๋อร์กลัวว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของนางเข้าสักวัน...นางจับแขนเสื้อของท่านป้าจ้าวเอาไว้ไม่ยอมปล่อย หลินซวงเอ๋อร์กังวลใจมากจนเกือบจะร้องไห้"ท่านป้าหลินสงสารหลินซวงเถิด หลินซวงโง่เขลา ไม่สามารถทำงานได้จริงๆ"ท่านป้าจ้าวก็รู้สึกงุนงงเช่นกัน ในจวนมีสาวใช้ที่ฉลาดเฉียบแหลมตั้งมากมาย แต่เยี่ยเป่ยเฉิงไม่ชอบใครเลย กลับมาชอบคนรับใช้ที
หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกกลัวเล็กน้อยในขณะนี้ นางกำลังคุกเข่าอยู่บนพื้นเรือนอวิ๋นซวน พื้นเรียบสะอาดราวกับกระจก จนนางสามารถมองเห็นเงาสะท้อนของตนได้อย่างชัดเจนกางเกงนั้นสั้นเล็กน้อย จึงเผยให้เห็นน่องอันเรียวเล็กของนาง พื้นแข็งมาก จนทำให้หัวเข่านางเจ็บนางคุกเข่านานมาก ชายหนุ่มที่อยู่หลังฉากบังลมก็ไม่ยอมให้นางลุกขึ้น ดังนั้นนางจึงคุกเข่าต่อไปประตูถูกผลักเปิดออก เสวียนอู่ก็เข้ามาจากด้านนอก และเดินผ่านหลินซวงเอ๋อร์ไป แล้วเหลือบมองนางเบาๆ ด้วยสีหน้าท่าทางที่แปลกมากเขาเดินตรงไปด้านหลังฉากบังลม และไม่รู้ว่าพูดอะไรข้างหูเยี่ยเป่ยเฉิงจากนั้นไม่นาน เสวียนอู่ก็ออกไปอีกครั้ง ในที่สุดชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังฉากบังลมก็ลุกขึ้นยืนเสียงฝีเท้าเข้ามาใกล้นางมากขึ้นเรื่อยๆ ฝีเท้ามั่นคงและเป็นจังหวะ หลินซวงเอ๋อร์ไม่กล้าเงยหน้าขึ้น จนกระทั่งรองเท้าบูทชายที่ปักด้วยเมฆมงคลคู่หนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้านาง"ป้าจ้าวได้สอนกฎเกณฑ์ให้เจ้าหรือเปล่า?"เมื่อได้ยินเสียงของเยี่ยเป่ยเฉิงอีกครั้ง หลินซวงเอ๋อร์ก็สะดุ้งกลัว นางพยักหน้า และตอบว่า "สอนแล้ว"เยี่ยเป่ยเฉิงกล่าวว่า: "ดูเหมือนว่าท่านป้าจ้าวจะละเลยต่อหน้าที่ นาง
พ่อบ้านฉินเป็นคนดูแลจัดการโกดังของจวนอ๋องค่าใช้จ่ายทั้งหมดในจวนอ๋องไม่ว่าจะมากหรือน้อยจะต้องได้รับการอนุมัติจากพ่อบ้านฉินสาวใช้สามารถรับเสื้อผ้าตามฤดูกาลได้ปีละสองชุด หากอยากได้มากกว่านี้จะต้องจ่ายเพิ่มอีกห้าสิบเหรียญทองแดงเสื้อผ้าที่หลินซวงเอ๋อร์ใส่นั้นเก่ามาก เป็นเสื้อผ้าที่พ่อบ้านฉินมอบให้ตอนที่พี่ชายของนางเข้าจวน หลังจากนั้นอีกสองปีหลินซวงเอ๋อร์ก็ไปรับมาหนึ่งครั้ง พ่อบ้าน ฉินเห็นว่าหลินซวงเอ๋อร์ไร้ญาติขาดมิตร ก็เบียดเบียนรีดไถ ให้นางจ่ายเงินเพิ่มอีกห้าสิบเหรียญทองแดงก่อนจึงจะรับเสื้อผ้าได้ไม่เพียงเท่านั้น พ่อบ้านฉินมักจะฉวยโอกาสตอนที่ไม่มีคนจับมือของนาง และหยิกเอวของนาง และชอบเรียกนางอย่างสนิทสนมว่าซวงซวงต่อหน้าคนอื่น พ่อบ้านฉินจะเป็นคนน่ารัก แต่ลับหลังแล้วเขาเป็นเดรัจฉานในคราบมนุษย์หลินซวงเอ๋อร์เกลียดพ่อบ้านฉินมาก ทุกครั้งที่นางเห็นเขาจะหลบให้ไกลๆ อีกอย่างนางก็ไม่อยากใช้เงินตนเอง หลังจากนั้นก็ไม่ไปรับเสื้อผ้าอีกเลยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าจะออกจากจวนไปกับเยี่ยเป่ยเฉิงในวันพรุ่งนี้ หลินซวงเอ๋อร์ก็ลำบากใจนางจะไม่แต่งตัวโทรมเกินไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะทำให้จวนอ๋องเสียหน้าสุด
เยี่ยเป่ยเฉิงกอดบุคคลนั้นเอาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่รู้ตัว และเอามือโอบรอบเอวของนางเอาไว้ร่างที่ผอมบางขดอยู่ในอ้อมแขนของเขา นุ่มนวล มีกลิ่นหอม ราวกับว่าไม่มีกระดูกเขาแปลกใจ ที่แท้ร่างกายของผู้หญิงอ่อนโยน นุ่มนวล และหอมอย่างนี้นี่เอง...เยี่ยเป่ยเฉิงไม่สามารถควบคุมตนเองได้ ฝ่ามือที่โอบเอวของนางเอาไว้ค่อยๆกระชับขึ้นคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับดึงตัวออกไปทันที เหลือเพียงแค่กลิ่นหอม ที่เหมือนมีก็เหมือนไม่มีเอาไว้เขาไม่สามารถบอกได้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร แต่เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยหลินซวงเอ๋อร์คุกเข่าลงบนพื้นด้วยความตื่นตระหนก“ท่าอ๋องได้โปรดยกโทษให้ข้าด้วย ข้าน้อยไม่มีตา ทำให้เดินชนท่านอ๋อง”หลินซวงเอ๋อร์สั่นไปทั้งตัว ราวกับว่าเจอเรื่องอะไรที่น่าหวาดกลัวมีฝีเท้าอันรวดเร็วเข้ามาทางนี้ เยี่ยเป่ยเฉิงมองตามเสียงนั้นไป ก็เห็นพ่อบ้านฉินไล่ตามมาก่นด่าสาปแช่งคำพูดของเขาเต็มไปด้วยคำสกปรกหยาบคาย และไล่ตามด่าหลินซวงเอ๋อร์ไปตลอดทางทีนี้เยี่ยเป่ยเฉิงจึงเข้าใจว่า เหตุใดนางถึงกลัวมากขนาดนี้“ไอ้เด็กเหลือขอ!ไม้อ่อนไม่ชอบชอบไม้แข็ง มาดูกันว่าข้าจะจัดการกับเจ้าอย่างไร!”พอได้ยินเสียงฝีเท้
กลับมาที่เรือนฝั่งตะวันออก หลินซวงเอ๋อร์ก็เอาเสื้อผ้าที่เพิ่งจะได้มาเก็บไว้ในหีบอย่างเรียบร้อยครั้งนี้นางไม่ได้ใช้เงินแม้แต่บาทเดียว พ่อบ้านฉินปฏิบัติต่อนางด้วยความเคารพนบนอบ และไม่กล้าแอบแต๊ะอั๋งนางอีกเรื่องนี้ หลินซวงเอ๋อร์รู้สึกซาบซึ้งใจเยี่ยเป่ยเฉิง แต่ถึงอย่างนั้น ความกลัวของนางที่มีต่อเยี่ยเป่ยเฉิงก็ยังคงยังคงอยู่ตอนกลางคืนหลินซวงเอ๋อร์ควรไปที่เรือนอวิ๋นซวนเพื่อช่วยเขาอาบน้ำแต่ในด้านการปรนนิบัติคน หลินซวงเอ๋อร์ไม่เคยเรียนมาก่อนเลย มือทั้งคู่ของนางเคยถือแค่ไม้กวาด นางกวาดบ้านได้อย่างมั่นใจไร้ที่ติ แต่นางไม่มั่นใจว่าจะรับใช้เยี่ยเป่ยเฉิงได้เป็นอย่างดีเสวียนอู่หิ้วน้ำร้อนเข้ามาในห้องแทนนาง และเร่งเร้าให้นางรีบเข้าไปหลินซวงเอ๋อร์ลังเลอยู่ที่ประตูครู่หนึ่ง สุดท้ายก็กัดฟันเดินเข้าไปข้างโต๊ะตำรา เยี่ยเป่ยเฉิงนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่เย็นชาพอเห็นนางเข้ามา เยี่ยเป่ยเฉิงก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาที่หลังฉากบังลม และยกแขนทั้งสองข้างขึ้นหลินซวงเอ๋อร์ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จึงไม่ทันไม่ตอบสนองชั่วขณะเยี่ยเป่ยเฉิงเหลือบมองไปด้านข้างเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งว่า "ยังไม
น้ำในอ่างอาบน้ำร้อนเกินไป ทำให้เยี่ยเป่ยเฉิงรู้สึกไม่สบายมากเขาลุกขึ้นจากในถัง สวมเสื้อคลุมแบบลวกๆแล้วไปที่ห้องสะอาดเพื่ออาบน้ำเย็นความเร่าร้อนที่อยู่ในร่างกายก็หายไปในที่สุดพอกลับมาที่ห้อง เยี่ยเป่ยเฉิงก็นอนพลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะนอนไม่หลับสายตาก็เหลือบไปเห็นรอยขีดข่วนบนบานประตู โดยที่ไม่ได้ตั้งใจภาพเหตุการณ์วันนั้นผุดขึ้นมาอยู่ในสมองไม่หยุดนางถูกเขากดเข้ากับบานประตูอย่างแรง ร่างกายสั่นสะท้านอย่างควบไม่ได้ขณะที่เขย่าเป็นจังหวะ รอยขีดข่วนบนบานประตูคือร่องรอยนางทิ้งเอาไว้ตอนที่นางทนไม่ไหวเดิมที เขามีสติที่เลือนลาง และมองเห็นรูปร่างหน้าตาของผู้หญิงคนนั้นไม่ชัดเจน ดังนั้นพอคิดย้อนกลับไปมันจึงคลุมเครืออยู่เสมอ จึงรู้สึกว่ามันไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นตอนนี้ เขารู้แล้วว่าคนๆนั้นคือหลินซวงเอ๋อร์ แพอพานางไปอยู่ในภาพเหตุการณ์นั้นอีกครั้ง ความรู้สึกกลับรุนแรงมากขึ้น จนทำให้เขาควบคุมตนเองไม่ได้เขารู้สึกหงุดหงิดสุดขีดเขาไม่ใช่คนที่ใคร่ในอิสตรี และก็ไม่เคยได้ลิ้มรสความรักระหว่างชายหญิงเลยด้วยซ้ำแต่มีประสบการณ์เพียงแค่ครั้งเดียว เหตุใดทำให้เขาลมอยากขนาดนี้...ยาเสน่ห์ จะต้องเป็