ผู้ดูแลเฉินนำทางเสี่ยวหลันจื่อมาที่เรื่อนที่เซียวอี้เหิงพักอยู่หลังจากที่รายงานองครักษ์แล้วนางก็ยืนรอให้เจ้าของห้องอนุญาตให้เข้าพบ
“ลึกลับจริงๆ” เสี่ยวหลันจื่อบ่นคนเดียวเบาๆ แต่ผู้ดูแลเฉินที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ยังได้ยินเขาได้แต่หันมายิ้มแหยๆ ให้นางองครักษ์ที่เข้าไปรายงานออกมาบอกให้เสี่ยวหลันจื่อเข้าไป
“ท่านไม่เข้าไปด้วยหรือ” เสี่ยวหลันจื่อหันมาถามผู้ดูแลเฉิน
“นายท่านให้เชิญแม่นางเข้าไปคนเดียว ผู้ดูแลเฉินให้รอข้างนอก” องครักษ์เฝ้าหน้าประตูตอบ เสี่ยวหลันจื่อมีท่าทางลังเลเล็กน้อย
“แม่นางเจ้าเข้าไปเถอะอย่าให้นายท่านต้องรอนาน ข้าจะรอยู่ข้างนอกนี่แหละ” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าจากนั้นก็เข้าประตูไป
เสี่ยวหลันจื่อเดินเข้าไปในห้องใหญ่ที่ถูกตกแต่งอย่างปรานีตงดงาม คิดในใจว่าคนๆ นี้จะต้องร่ำรวยขนาดไหนนะ ของที่ตกแต่งภายในห้องล้วนดูราคาแพง แค่ห้องนี้ห้องเดียวก็ใหญ่กว่าบ้านที่นางอยู่ถึงสามเท่า
เสียงเคลื่อนไหวด้านในทำให้ เสี่ยวหลันจื่อหลุดจากความสนใจที่จะสำรวจห้องอันวิจิตรนี้ ด้านหน้าของนางมีฉากกั้นขนาดใหญ่วางอยู่ทำให้ไม่สามารถมองเห็นคนที่อยู่ข้างใน
“แค่มาขายโสมเหตุใดต้องทำให้วุ่นวายขนาดนี้” เสี่ยวหลันจื่อพึมพำกับตนเองแต่เซียวอี้เหิงที่ฝึกวรยุทธ และมีพลังลมปราณที่ลึกล้ำย่อมได้ยินเสียงพูดเบาของนาง เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างสนใจ เขาอยากรู้นักถ้านางได้เห็นหน้าเขาอีกครั้งจะทำหน้าอย่างไร
“เขามาใกล้ๆ” เสียงเรื่อยเฉื่อยทุ้มนุ่มดังออกมาจากหลังฉากกั้น ทำเอาเสี่ยวหลันจื่อจินตนาการหน้าตาของคนที่อยู่อีกฝั่งหลังฉากกั้นไปไกล เสี่ยวหลันจื่อขยับไปใกล้ฉากกั้นอีกหน่อย เสียงถอนหายใจอย่างรำคาญดังขึ้นเบาๆ
“ข้าหมายถึงให้เจ้ามาอีกฝั่งของฉากกั้น” “ออ แล้วก็ไม่บอก” เสี่ยวหลันจื่อส่งเสียงงืมงำออกไปเมื่อเสี่ยวหลันจื่อเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปเห็นบุคคลที่มีเสียงทุ้มน่าฟังคนนั้นนั่งชันเข่าพิงหมอนใบใหญ่อยู่บนเบาะพร้อมกับมีเสือดำตัวมโหฬารนอนอยู่ข้างๆ นางถึงกับตกใจจนปากอ้าตาค้าง
ดวงตากลมโตสุกใสจับจ้องมองใบหน้าของเขาอย่างไม่สามารถกระพริบได้สองสายตาประสานกัน ดวงตาลึกลับคู่นั้นเป็นประกายคมกริบ เต็มไปด้วยความเย็นชาและโหดเหี้ยม เสี่ยวหลันจื่อจะลืมดวงตาคู่นี้ได้อย่างไรดวงตาที่เหมือนผุดขึ้นมาจากนรก ดวงตาคู่นี้ทำให้นางนึกถึงความฝันที่อยู่ในคุกใต้ดินนั่น
เสี่ยวหลันจื่อขาอ่อนแรงจนล้มลงและตัวสั่นด้วยความหวาดกลัว ความทรงจำของอวี้ซูเหยาที่นางได้รับมันเหมือนกับว่ามันเป็นความทรงจำของนางเอง
เนิ่นนานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ที่นางจ้องเข้าไปในดวงตาของเขา เสี่ยวหลันจื่อหลุดจากภวังค์ เป็นไงเป็นกันก็แค่ตายอีกรอบมีอะไรต้องให้กลัว
เสี่ยวหลันจื่อลุกขึ้นยืนด้วยขาอันสั่นเทา ดวงตากลมโตเป็นประกายแน่วแน่ไร้ความหวาดกลัว“ท่านต้องการอะไรจากข้า สิ่งที่ข้าได้ทำลงไปข้าล้วนชดใช้ให้กับท่านไปหมดแล้ว ตอนนี้ข้าไม่มีอะไรติดค้างท่านอีก”
เสี่ยวหลันจื่อเชิดหน้าขึ้นพูดด้วยท่างทางเย่อหยิ่งทั้งที่ในใจกลับเต้นรัว แทบจะทะลุออกมาจากอก
“เจ้าบอกว่าจบก็จบหรือ” เซียวอี้เหิงเลิกคิ้วถามนาง “แล้วท่านต้องการให้ข้าทำอะไร บอกไว้ก่อนนะ หากท่านคิดจะจับตัวข้าไปทรมานอีก ข้าขอสู้ตาย” “หึ....สตรีอย่างเจ้านะหรือ” “สตรีอย่างข้ามันทำไม” เสี่ยวหลันจื่อตวาดแหวออกไป “อ่อนแอ เจ้าเลห์ มารยา ตอนนี้รู้จักใช้วิธีต่อต้านแล้วหรือ ดีนี่”เซียวอวี้เหิงตอบกลับนางด้วยใบหน้าเรียบเฉยดวงตาที่ลึกล้ำเหมือนยามรัตติกาลนั้นยากจะอ่านออก เสี่ยวหลันจื่อกำหมัดแน่นด้วยความโมโห แต่ไม่สามารถทำอะไรได้
“ท่านต้องการอะไร” นางถามเขาอีกครั้ง “กลับไปกับข้า” แน่นอนว่าคำตอบของนางคือ ไม่! ใครจะอยากลับไปเจอขุมนรกนั่นอีกถ้าหากเป็นอวี้ซูเหยาคนก่อนอาจจะตอบตกลงยอมกลับไปกับเขา แต่นางไม่ใช่อวี้ซูเหยานี่นา นางคือเสี่ยวหลันจื่อและนางยังไม่พร้อมทำหน้าที่ตัวละครลับนะ เงื่อนไขคือนางต้องไม่ตาย ถ้ายอมกลับไปกับเขารับรองไม่เกินชั่วยามนางได้ตายแน่
“ไม่เอา ข้าไม่มีทางกลับไปกับท่านแน่ หลังจากที่ถูกท่านทรมานจนเกือบตาย ข้าก็สาบานกับตนเองว่าจะไม่มีวันไปเหยียบที่จวนชินอ๋องของท่านอีก” เสี่ยวหลันจื่อปฏิเสธอย่างชัดเจนและเด็ดขาด
“อ้อ อีกอย่างตอนนี้ข้าชื่อเสี่ยวหลันจื่อไม่ใช่อวี้ซูเหยา โปรดรับรู้ด้วย”“อ้อ............ได้ แต่เจ้าก็ยังติดค้างข้าอยู่ดี” เซียวอี้เหิงยกชาขึ้นจิบแล้วเอ่ยเสียงเรียบกับนาง
“ติดค้าง ติดค้างบ้าบออะไรกัน ในตอนนั้นท่านให้คนของท่านทรมานข้าจนตายไปแล้ว ข้ายังจะมีอะไรให้ติดค้างกับท่านอีก ถ้าหากว่าสวรรค์ไม่ใจดีมอบชีวิตใหม่ให้ข้าป่านนี้ตัวข้าคงเป็นปุ๋ยอยู่ใต้ก้นหลุ่มนั่นไปแล้ว”เสี่ยวหลันจื่อตะโกนอย่างเหลืออดให้กับความหน้าด้านของเขา เซียวอี้เหิงไม่สนใจความเกรี้ยวกราดของนาง เพราะตอนนี้ร่างกายของเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
“มานี่” เซียวอวี้เหิงกวักมือเรียกเสี่ยวหลันจื่อให้เข้ามาหาเขา “ท่านจะทำอะไรข้า” เสี่ยวหลันจื่อขยับถอยหลังระวังตัวแจกลัวว่าเขาจะทำร้ายนาง“ข้าบอกให้มาก็มาเถอะ เร็วเข้า” เสี่ยวหลันจื่อยังไม่ยอมขยับตัว เจ้าเสือดำที่นอนอยูด้านข้างของเซียวอี้เหิงเหมือนจะรับรู้ถึงความต้องการของเจ้านายของมัน มันลุกขึ้นเดินเยื้องย่างมาทางที่เสี่ยวหลันจื่อยืนอยู่อย่างช้าๆ และเปล่งเสียงคำรามเบาๆ เป็นเชิงเตือนนาง
เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นเจ้าสัตว์ตัวมหึมาเดินมาหาตนเองนางก็ตัวเกรงขึ้นมาทันที รีบขยับเท้าก้าวไปหาเซี่ยวอี้เหิงที่นอนอยู่ เซียวอี้เหิงที่เห็นเสี่ยวหลันจื่อเดินมาหาตนเองเขาก็ยื่นมือออกไป
ดึงร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขนแล้วกอดนางแนบอก เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นตนเองถูกลวนลามจึงคิดที่จะสู้ตายกับเขาแต่สิ่งที่นางได้ยินคือเสียงกรนเบาๆ ของคนที่นอนทับอยู่บนตัวนาง เสี่ยวหลันจื่อพยายามดันเขาออกไปจากตัวเองนางทั้งตีทั้งข่วนแต่ร่างใหญ่กลับไม่ไหวติงคล้ายกับคนนอนหลับลึก มีเพียงเสียงลมหายใจกับการขยับขึ้นลงของหน้าอกที่ทำให้นางรับรู้ว่างเซียวอี้เหิงยังไม่ตาย
ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงหลับไปนานแค่ไหนจนกระทั่งเขาตื่นขึ้นมาจึงพบว่ามีร่างเล็กนุ่มนิ่มกำลังนอนหลับตาพริ้มอย่างสงบอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เซียวอี้เหิงไม่ได้ขยับตัวหรือส่งเสียงใดๆ แต่กำลังสังเกตใบหน้าเล็กๆ นั่น คิ้วโก่งได้รูปรับกับจมูกเล็กโด่งเชิดรั้น แลดูเอาแต่ใจ ขนตาของนางเรียงตัวเป็นแพหนา ดวงตากลมโตที่เขาได้เห็นแล้ว รู้สึกถึงแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่สามารถอธิบายได้ ริมฝีปากเล็กอวบอิ่มแดงระเรื่อเผยอน้อยๆ ยามหลับ เชิญชวนให้คนอยากลิ้มลอง ใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือผิวที่ขาวจัดเนียนละเอียดไร้จุดด่างดำบนใบหน้า ลำคอเล็กยาวระหง
เซียวอี้เหิงมองลงไปถึงห้าอกที่ใหญ่เกินตัวของเสี่ยวหลันจื่อที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงตามการหายใจของนาง ทำให้พานคิดไปถึงคืนนั้นที่สระน้ำพุร้อน แล้วความร้อนสายหนึ่งก็พุ่งปราดเข้ามาที่ท้องน้อยของเขา ความต้องการที่เขาปฏิเสธมาโดยตลอดเมื่ออยู่ในความฝันตอนนี้เขากลับอยากทำมันจนแทบทนไม่ไหว เชียวอี้เหิงรู้สึกร้อนผ่าวมากขึ้นทุกที
ร่างเล็กในอ้อมแขนของเซียวอี้เหิงขยับเล็กน้อยและค่อยๆ ลืมตาตื่น เขากลัวว่านางจะจับได้ว่าเขาแอบมองนางตอนหลับ จึงหลับตาลงแกล้งหลับต่อไป เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวบิดไปมาด้วยความเมื่อยขบ ตอนแรกนางถูกเขานอนกอดอยู่จึงพยายามแกะเขาออกแต่ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตอนไหน เสี่ยวหลันจื่อเห็นว่าเขาคลายอ้อมกอดแล้วจึงค่อยๆ ลุกขึ้นและย่องออกไปกลัวว่าเขาจะตื่น“ไม่รู้ว่าหลับไปนานแค่ไหนป่านนี้ตากับยายคงเป็นห่วงแย่แล้ว”ทันทีที่เสี่ยวหลันจื่อเปิดประตูออกมาก็พบเข้ากับองครักษ์ที่เฝ้าประตูสองคน แต่ไม่พบผู้ช่วยเฉิน“ผู้ดูแลเฉินล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อมองซ้ายมองขวาเพื่อหาเขา แต่ไม่พบมีเพียงองครักษ์สองคนที่ยืนนิ่งหน้าตายอยู่หน้าประตู“ผู้ดูแลเฉินฝากมาบอกแม่นางว่าไม่ต้องเป็นห่วงตากับยายของท่านเขาจะดูแลให้เอง ถ้าหากว่าท่านออกมาจากห้องแล้วให้ไปพบเขาที่เริ่นโส่วถัง”องครักษ์รูปร่างสูงใหญ่ตอบนางด้วยเสียงเรียบนิ่ง สายตาไม่วอกแวกเหมือนหุ่นยนต์ เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าแล้วเดินจากไปหลังจากเสี่ยวหลันจื่อ เดินออกจากห้องไป เซียวอี้เหิงก็ลืมตาขึ้นดวงตาสีดำนิลเป็นประกายคมกล้ามองไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ “ฉีอู่” เซียวอี้เหิงเอ่ยเรียกเบาๆ ร
เซียวอี้เหิงพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสองฉีเหลยและฉีเยี่ยนยืนเด่นเป็นสง่าท่ามกลางหมู่ชาวบ้าน เสี่ยวหลันจื่อถึงกับกุมขมับด้วยความปวดหัวชาวบ้านในหุบเขาเหล่านี้ไหนเลยจะเคยเห็นชายหนุ่มรูปงามปานเทพเซียนเช่นนี้ สาวน้อยสาวใหญ่ต่างชำเลืองมองพวกเขาด้วยใบหน้าแดงซ่านระคนเขินอายแต่ก็ยังมิวายส่งสายตาเชิญชวนให้ชายหนุ่มหน้าตายสามคนที่เหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึกพวกเขาคงยังไม่รู้ว่ามันคือความงดงามที่มาจากนรก เสี่ยวหลันจื่อเดินไปหาตายายของตนที่ยืนรวมกลุ่มอยู่กับเหล่าชาวบ้าน หาได้สนใจชายหนุ่มสามคนที่ยืนเป็นอนุสาวรีย์ให้เหล่าชาวบ้านรุมล้อมอยู่“ตายาย พวกท่านมายืนทำอะไรที่นี่ ไปกินข้าวเถอะข้าหิวแล้ว" เสี่ยวหลันจื่อดึงแขนสองผู้เฒ่าเข้าบ้านโดยไม่สนใจว่ามีอีกคนที่มองตามนางตลอดด้วยสายตาเย็นเยียบ แต่เป็นแม่เฒ่าสวีที่สังเกตเห็น“จื่อเอ๋อ เหมือนพ่อหนุ่มรูปงาน คนนั้นจะมองเจ้าอยู่นะ” เสี่ยวหลันจื่อไม่หันไปมองเขาสักนิด “อยากมองก็มองไปสิ ไม่เมื่อยสายตาก็มองไปเลย”เสี่ยวหลันจื่อดึงตายายเข้าบ้านแล้วปิดประตูดังปัง ปิดกั้นทุกอย่างไว้ข้างนอก แต่ไหนเลยที่ประตูไม้แค่นั้นจะสามารถกั้นคนทั้งสามได้ เซียวอี้เหิงและองครักษ์ทั้งสอ
หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้วเสี่ยวหลันจื่อจึงเดินเข้าบ้าน ตั้งแต่ตื่นมานางยังไม่ได้กินอะไรเลย หิวจนสามารถกินหมูเข้าไปทั้งตัวได้แล้ว“ท่านยายวันนี้มีอะไรกินบ้าง” แม่เฒ่าสวีที่ก่อนหน้านี้พาสามีไปแอบดูทั้งสองคนคุยกัน เพราะเป็นห่วงกลัวเขาจะทะเลาะกันรีบยิ้มเอาใจเสี่ยวหลันจื่อทันที“จื่อเอ๋อวันนี้ยายทำแต่ของโปรดเจ้าทั้งนั้นเลยนะ มาๆ นั่งลงเดี๋ยวยายตักข้าวให้”เสี่ยวหลันจื่อนั่งลงแต่โดยดี เมื่อลงมือกินข้าวเสี่ยวหลันจื่อเหลือบมองเซียวอี้เหิงที่นั่งหลังตรงท่าทางองอาจดั่งผู้สูงศักดิ์นั่งรับประทานอาหารในโรงเตี๊ยมชั้นสูง นางก็ถอนหายใจเบาๆ คนดูดีแม้แต่ตอนที่นั่งกินข้าวในสถานที่ซอมซ่อเช่นนี้ก็ยังเหมือนอยู่ในสถานที่ชั้นสูง“ต้องขออภัยท่านอ๋อง ที่ต้องให้มานั่งรับประทานอาหารในบ้านหลังเล็กซอมซ่อเช่นนี้ อาหารพื้นๆ ธรรมดาคงจะไม่ถูกปากท่านเท่าใดกระมัง” เสี่ยวหลันจื่อพูดจาเหน็บแนมเขาแต่เซียวอี้เหิงไม่ได้ตอบนาง เขาได้รับการสั่งสอนมาตั้งแต่เด็กเวลากินจะไม่พูด และกิริยาท่าทางของเขานั้นแสดงออกมาโดยธรรมชาติเพราะความสูงศักดิ์ของเขามันฝังลึกอยู่ในสายเลือดฮึ เสี่ยวหลันจื่อหมดอารมณ์ที่จะกิน นางวางตะเกียบทันทีแล้วยกช
เสี่ยวหลันจื่อที่เอาชีวิตรอดมาจากสนามรบของสตรีมาได้ก็รู้สึกหิวเป็นอย่างมาก นางนึกถึงหม้อไฟในชาติก่อนได้ซดน้ำซุปร้อนๆ คงจะรู้สึกดี เสี่ยวหลันจื่อรีบจ้ำอ้าวไปที่แผงขายเนื้อทันที“เถ้าแก่ เอาเนื้อเเดงให้ข้าสี่จิน สามชั้นสี่จิน กระดูกซี่โครงด้วย เอาทั้งหมดเลย มีเครื่องในหรือไม่”เสี่ยวหลันจื่อร่ายยาวเป็นชุดด้วยความคล่องแคล่ว คล้ายกับทำเป็นประจำ“โอ้ ได้เลยแม่นางฟ้า เดี๋ยวข้าลดให้จินละสองอีแปะเพราะเจ้าซื้อเยอะ”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มตาหยีให้เถ้าแก่ที่กำลังชั่งเนื้อให้กับนาง“แล้วเครื่องในเจ้าต้องการเท่าไหร่” เถ้าแก่ถามนาง“ทั้งหมดเลย” เสี่ยวหลันจื่อเหมา“ได้ๆ เจ้าจะเอาเครื่องในพวกนี้ไปทำอะไรตั้งมากมาย คนที่นี่ไม่ค่อยกินเครื่องในหมูกันหรอกนะ กลิ่นมันเหม็น” เถ้าแก่เตือนเสี่ยวหลันจื่อด้วยความหวังดี เพราะเขาเป็นคนซื่อตรงและนางซื้อเนื้อกับเขาไปเยอะทีเดียว“ถ้าข้าทำรับรองไม่เหม็น” เสี่ยวหลันจื่อยิ้มตาหยีอีกครั้ง ยิ่งทำให้ใบหน้าเล็กๆ งดงามน่ามองยิ่งขึ้นกว่าเดิม“ทั้งหมดเท่าไหร่เถ้าแก่” เสี่ยวหลันจื่อถามเขา“เนื้อหมูสี่จิน ราคาเดิมคือสิบแปดอีแปะ หมูสามชั้นยี่สิบอีแปะ ซี่โครงสิบห้าอีแปะ เครื่องในหมูสิบ
ตอนี่14 หนุ่มชาวนาผู้หล่อเหลาเสี่ยวหลันจื่อไม่สนใจบุรุษทั้งสามที่แย่งชิงเนื้อกัน นางเดินเข้าไปในครัวลวกบะหมี่เพิ่มอีกสามชามยกออกมาแล้ววางไว้ตรวหน้าพวกเขา“ไม่อิ่มก็เอาน้ำซุปราดลงบนบะหมี่อร่อยเหมือนกัน" พูดจบนางก็หันมาหาสองผู้เฒ่าที่ตอนนี้อิ่มจนขยับตัวไม่ไหว" ท่านตาท่านยาย กินเนื้อเยอะๆ หลังจากอิ่มแล้วพวกท่านก็เดินย่อยสักหน่อย ข้าจะต้มน้ำเอาไว้ให้ อีกครึ่งชั่วยามค่อยอาบน้ำนะ"เสี่ยวหลันจื่อพูดจบก็เดินเข้าครัวไปเซียวอี้เหิงมองดูเส้นบะหมี่ที่วางอยู่ตรงหน้าของตน แล้ว จึงหันไปมองตามหลังที่เดินหายเข้าครัวไป เขาดันถ้วยบะหมี่ให้ฉีเยี่ยนแล้วลุกขึ้น“นายท่าน อิ่มแล้วหรือขอรับ ทานอีกสักหน่อยสิ"เป็นฉีเหลยที่ดึงเขาเอาไว้อีกครั้ง“กินเสร็จแล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อย” ก่อนเดินตามเสี่ยวหลันจื่อไปเซียวอี้เหิงหันมาสั่งชายหนุ่มทั้งสองเสี่ยวหลันจื่อที่กำลังง่วนอยู่กับการใส่ฟืนลงไปในเตาเพื่อต้มน้ำจึงไม่ได้ยินเสียง เซียวอี้เหิงที่เดินมาข้างหลัง นางลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังไปจึงทำให้ชนเข้ากับแผ่นอกแข็งแรงของเซียวอี้เหิงจนหงายหลัง ก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อจะหงายหลังล้มลงบนเตาที่กำลังต้มน้ำอยู่ แขนแข็งแรงของเซียว
เรื่องที่เสี่ยวหลันจื่อพนันกับหญิงสาวในหมู่บ้าน บุรุษสามคนที่กำลังถอนหญ้าอยู่ในทุ่งนาล้วนได้ยินกันทั้งหมด“นางทำเช่นนี้ได้อย่างไรนายท่านให้ข้าจัดการกับนางดีหรือไม่ขอรับ”ฉีเยี่ยนพูดขึ้นมาอย่างฮึดฮัด“เจ้าคิดว่าข้าจะแพ้หรือ”เซียวอี้เหิง ปรายตามองเขาเรียบๆ“ย่อมต้องไม่เเพ้อยู่แล้วขอรับนายท่านเป็นถึงชินอ๋องจะแพ้ได้อย่างไร ข้าแค่ไม่ชอบที่นางลบหลู่เกียรติของท่าน”ฉีเหลย อยากจะฟาดกบาลเจ้าโง่นี่จริงๆ“ถ้าหากนางอยากจะเล่นพนันนักย่อมได้แต่ว่าข้าก็ต้องได้ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน”เซียวอี้เหิง ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์จากนั้นจึงเดินมาทางที่หญิงสาวในหมู่บ้านยืนชุมนุมกัน เซียวอี้เหิงเดินผ่านเสี่ยวหลันจื่อโดยไม่มองหน้านางเลยสักนิดแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าหลิวหลี บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน“เจ้าก็งดงามไม่น้อย”เซี่ยวอี้เหิงใช้มือที่เปื้อนโคลนสัมผัสใบหน้าของหลิวหลี หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนถึงกับเอียงอายกับท่าทางที่เขากระทำกับหลิวหลี“ขะ….ข้า จะช่วยท่านถอนหญ้าเอง”พูดจบหลิวหลีก็รีบวิ่งไปที่ผู้เฒ่าหลิวกำลังถอนหญ้าอยู่ ด้วยใบหน้าเขินอาย“ท่านตาหลิวข้ามาช่วยท่านแล้ว”หลิวหลีลงมือถอนหญ้าด้วยความขมักเขม้น ตลอดม
เมื่อเกวียนวัวของเสี่ยวหลันจื่อไปถึงอำเภอนางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย"ทำไมเป็นท่านล่ะ เเล้วฉีเหลยไปไหน"เสี่ยวหลันจื่อมองหาฉีเหลย"ทำไมถึงจะเป็นข้าไม่ได้ "เซี่ยวอี้เหิงปรายตามองเสี่ยวหลันจื่อเรียบๆ"ก็ไม่ทำไม ข้าเพียงคิดว่าฉีเหลยจะมาด้วยเพราะ ข้าจะให้เขาช่วยถือของที่ข้าจะซื้อวันนี้""ข้าก็ถือได้" เซียวอี้เหิงพูดจบก็เดินนำหน้านางไปเสี่ยวหลันจื่อเกาหัว ไม่เข้าใจอารมณ์และความคิดของเขาเอาซะเลยหลังจากขายสมุนไพรแล้วเสี่ยวหลันจื่อก็ไปที่ร้านจี้ชิงหรูอีกครั้ง คราวที่แล้วนางไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาทั้งสามคนวันนี้จึงคิดว่าจะซื้อให้พวกเขาซะหน่อย จะปล่อยให้ใส่เเต่ชุดหรูหราเดินลอยไปลอยมาในหมู่บ้านมันรู้สึกทิมแทง สายตานางยังไงไม่รู้"โอ้ ดูซินั่นใครมาเสี่ยวหลันจื่อขอเราไมใช่หรือ สร้างเรื่องเอาไว้ใหญ่โตแล้ว หนีหายไปเลยนะ"เจียงฉงเหนียง ผู้ดูแลจี้ชิงหรูรีบออกมาคล้องเเขนนาง อย่างสนิทสนมที่หน้าร้าน"เจ้าคิดมากไปแล้วข้าสร้างเรื่องที่ได้กันเป็นเขาต่างหาก"เสี่ยวหลันจื่อชี้ไปที่เซียวอี้เหิงที่ยืนใบหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ นาง"เจ้าไม่รู้อะไรหลังจากที่เจ้ากลับไปสตรีทั้งหลายในอำเภอต่างพากันมาที่นี่เพื่อสอบถาม
เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนวัวกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงยกเอาตะกร้าที่ใส่ของลงมาด้วย หน้าบ้านสกุลหลิวมีหญิงสาวหลายคนยืนอยู่หนึ่งในนั้นมีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย"พวกเจ้ากลับมาแล้ว "หลิวหลีส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เซียวอี้เหิง ก่อนที่มันจะเจือนลง เมื่อมีหญิงงามแต่งตัวหรูหรางดงามเหมือนกับคุณหนูที่มาจากในเมือง“นางเป็นใครเหตุใดนางถึงมากับพวกเจ้า”หลิวหลีหันมาถามเสี่ยวหลันจื่อ“ข้าคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีหลู่แห่งอำเภอหยู่ปิง” พูดจบนางก็เดินเดินเชิดหน้ามายืนเซียวอี้เหิง“แล้วคุณหนูหลู่ ผู้สูงส่งมาทำอะไรที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้” หลิวหลีถามเสียงประชดประชัน“ข้ามาทำอะไรที่นี่เกี่ยวอันใดกับเจ้าแล้วนี่เจ้าเป็นใคร” หลู่หลิงเซียนเมินหลิวหลี ไปโดยปริยาย มองประตู เรือนที่ดูผุพังเหมือนถูกสร้างมาแล้วหลายสิบปี“ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ” หลู่หลิงเซียงถามเสี่ยวหลันจื่อ“ใช่แล้วที่นี่คือบ้านของข้า”“เข้าบ้านเถอะ” เซียวอี้เหิง จูงมือเสี่ยวหลันจื่อเดินผ่านหญิงสาวหลายคนที่มายืนรุมล้อมอยู่หน้าบ้านสกุลหลิวหลู่หลิงเซียนที่ถูกเมินก็ถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจนักเมื่อเข้ามาถึงในเรือน หลู่หลิงเซีย
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก
เซียวอี้เหิงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าชำระกายเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างในวันนี้ เเต่ยังเรียกฉีหลิงให้มาดูแลเสี่ยวหลันจื่ออีกด้วยตอนเช้าทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันก่อนเขาจะขี่ม้าออกจากจวนไป เสี่ยวหลันจื่ออยู่ที่จวนไม่มีอะไรให้ทำนางจึงให้ฉีหลิงพานางเดินชมรอบๆ จวนตลอดทางที่ทั้งสองเดินผ่านบรรดาข้ารับใช้ต่างทำความเคารพนาง พวกเขาได้ข่าววแล้วว่าเมื่อคืนสตรีที่ถูกส่งมาจากในวังนอนห้องเดียวกับท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่บังคับพานางไปยังมีข่าวลืออีกอย่างว่านางร้องไห้อยากกลับไปที่วังหลวงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอมจึงบังคับพานางขึ้นเตียง ข้ารับใช้บางคนมองเสี่ยวหลันจื่อด้วยสายตาสงสาร ที่หญิงสาวผู้อ่อนแอต้องมาเจอความป่าเถื่อนของนายเหนือหัวของพวกเขา เรื่องข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยข้ารับใช้ในจวนต่างคิดว่าเสี่ยวหลันจื่อจะต้องเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเป็นอย่างมาก เพราะท่านอ๋องที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีถึงขั้นต้องบังคับนางขึ้นเตียงเลยทีเดียวทั้งสองเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปที่เรือนหลักในทุกวันเสี่ยวหลันจื่อก็นึกถึงลี่ปี้ที่
เซียวอี้เหิงส่ายหัวให้กับความสำออยของนางแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่โมโหนางอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นตามปกติข้ารับใช้ที่แสดงกิริยาเช่นนี้กับเขาจะต้องถูกโบยจนหลังแตกหมดแล้ว แต่กับนางเขากลับรู้สึกว่าอยากตามใจหรือไม่ก็อยากเอาใจนางไม่อยากให้นางหงุดหงิดหรือโมโหนี่มันเป็นความรู้สึกที่บ้ามากสำหรับคนที่พึ่งเคยพบกันเพียงสองครั้ง เซียวอี้เหิงก้มตัวลงมาที่เสี่ยวหลันจื่อใช้แขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กของนางขึ้น จากนั้นออกเดินไปอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าเขาเคยทำเช่นนี้ให้กับนางมานับครั้งไม่ถ้วนเสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตก ที่นางตกใจกว่าคือชินอ๋องผู้สง่างามกำลังอุ้มนางกำนัลตัวเล็กๆ เช่นนาง“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะคนอื่นมองกันหมดแล้วนี่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของท่านนะ”ไม่ใช่ว่าคาแรคเตอร์ของท่านต้องเย็นชาโหดเหี้ยมอะไรทำนองนั้นหรือ แล้วนี่มาอุ้มกันแบบนี้ต่อไปจะอยู่ที่จวนชินอ๋องได้ยังไงนางอายจริงๆ นะ เสี่ยวหลันจื่อหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเหมือนกันที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิงเช่นนี้ไม่นับรวมคุณตาที่โลกก่อนอุ้มนางต
เสี่ยวหลันจื่อ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวห้องเดิม“ระบบฉันกลับมาแล้วฉันพร้อมแล้วคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าบทลงโทษของการรีเซ็ตเรื่องราวทั้งหมด คืออะไร”เสี่ยวหลันจื่อยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบ“ไม่ต้องร้อนใจไปเมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เองทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะแล้วพบกันใหม่”สิ้นเสียงของระบบร่างของเสี่ยวหลันจื่อ ก็ถูกดูดออกจากห้องนั้นไปทันที ในสระบัวของอุทยานภายในวังหลวงมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปที่ก้นสระ เสี่ยวหลันจื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำและกำลังจะจมลงไปเธอจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไอ้ระบบเฮงซวยไร้หัวใจเสี่ยวหลันจื่อสาปแช่งระบบในใจ นี่ให้ฉันมาเกิดใหม่เพื่อจะฆ่าให้ตายอีกรอบใช่ไหม นางพึ่งจะถูกแทงมานะครั้งที่สองคิดจะให้จมน้ำตายหรือไง เสี่ยวหลันจื่อรีบว่ายเข้าหาฝั่งทันที เธอนั่งหอบหายใจอย่างหมดเเรงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้มันดูรุ่มร่ามไปหมดเสี่ยวหลันจื่อหยิบหนังสือนิยายออกมาจากระบบเพื่ออ่านเนื้อเรื่อง ยังไงก็ต้องหาข้อมูลของนิยายเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอไม่อย่ากต้องมาโผล่ในนิยายปุ๊บแล้วตายทันทีหรอกนะ ทันทีที่มือเสี่ย