เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนวัวกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงยกเอาตะกร้าที่ใส่ของลงมาด้วย หน้าบ้านสกุลหลิวมีหญิงสาวหลายคนยืนอยู่หนึ่งในนั้นมีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย
"พวกเจ้ากลับมาแล้ว "
หลิวหลีส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เซียวอี้เหิง ก่อนที่มันจะเจือนลง เมื่อมีหญิงงามแต่งตัวหรูหรางดงามเหมือนกับคุณหนูที่มาจากในเมือง
“นางเป็นใครเหตุใดนางถึงมากับพวกเจ้า”
หลิวหลีหันมาถามเสี่ยวหลันจื่อ
“ข้าคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีหลู่แห่งอำเภอหยู่ปิง” พูดจบนางก็เดินเดินเชิดหน้ามายืนเซียวอี้เหิง
“แล้วคุณหนูหลู่ ผู้สูงส่งมาทำอะไรที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้” หลิวหลีถามเสียงประชดประชัน
“ข้ามาทำอะไรที่นี่เกี่ยวอันใดกับเจ้าแล้วนี่เจ้าเป็นใคร”
หลู่หลิงเซียนเมินหลิวหลี ไปโดยปริยาย มองประตู เรือนที่ดูผุพังเหมือนถูกสร้างมาแล้วหลายสิบปี
“ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ” หลู่หลิงเซียงถามเสี่ยวหลันจื่อ
“ใช่แล้วที่นี่คือบ้านของข้า”
“เข้าบ้านเถอะ” เซียวอี้เหิง จูงมือเสี่ยวหลันจื่อเดินผ่านหญิงสาวหลายคนที่มายืนรุมล้อมอยู่หน้าบ้านสกุลหลิว
หลู่หลิงเซียนที่ถูกเมินก็ถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจนัก
เมื่อเข้ามาถึงในเรือน หลู่หลิงเซียนก็ใช้สายตามองดู เรือนหลังเล็กที่ดูซอมซ่อด้วยความดูถูก
“ท่านพักที่นี่จริงหรือ ความจริงแล้วตระกูลข้ามีเรือนเช่าหลายแห่งในอำเภอถ้าหากว่าท่านต้องการข้าสามารถให้ท่านไปอยู่ได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่า อยู่ได้นานเท่าที่ท่านต้องการ”
หลู่หลิงเซียน ยื่นข้อเสนอให้เซียวอี้เหิง หลังจากที่เห็นเรือนสกุลหลิว
“ไม่จำเป็น” เขาพูดแค่นั้นก็ผละจากไป ผู้เฒ่าทั้งสองที่เห็นว่ามีแม่นางหน้าตางดงามตามมาด้วยเขาก็ คิดว่าเป็นสหายของเสี่ยวหลันจื่อ จึงนำน้ำชามาต้อนรับอย่างยินดี
“แม่หนูเชิญดื่มน้ำชาก่อนเป็นสหายของจื่อเอ๋อของเราหรือ”
หลู่หลิงเซียน มองชายหญิงชราชาวบ้านแต่งตัวด้วยผ้าฝ้ายเนื้อหยาบก็รู้สึกดูแคลน นางไม่แม้แต่จะหยิบถ้วยชาขึ้น นั่งหลังตรงเชิดคอไม่พูดสิ่งใดออกมา
ผู้เฒ่าทั้งสองไหนเลยจะมองไม่ออกว่านางรังเกียจและดูแคลนตนเอง พวกเขาจึงทิ้งนางเอาไว้แล้วเดินออกมาจากห้องโถงเเละเจอกับเสี่ยวหลันจื่อ ที่เพิ่งเก็บของเสร็จพอดี
” จื่อเอ๋อ แม่นางคนนั้นเป็นใครกันนางดูไม่เหมือนกับชาวบ้านทั่วไปเหมือนพวกเรา” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้า
"ใช่แล้วท่านตาท่านยายนางเป็นแขกของเซียวอี้เหิง ข้าว่าไม่ต้องไปยุ่งกับนางหรอกปล่อยนางไว้อย่างนั้นแหละให้เซียวอี้เหิงจัดการเองเถอะ"
เสี่ยวหลันจื่อดันหลังสองผู้เฒ่าเดินออกไปลานบ้าน ความหล่อเหลาของเขาเป็นเหตุก็ให้เขาแก้ไขเองเถอะ
เซียวอี้เหิงไหนเลยจะสนใจ เมื่อเวลาผ่านไปนานแต่กลับไม่เห็นคนที่อยู่ในเรือนออกมาต้อนรับนาง นางก็รู้สึกหงุดหงิดหลู่หลิงเซียน จึงลุกขึ้นเดินออกจากเรือนไปนอกเรือนสกุลหลิว เผื่อว่าจะสืบได้อะไรจากชาวบ้าน เมื่อนางเดินออกมาก็เจอกับหญิงสาวหลายคนที่ยังไม่ได้ผละไปจากที่นี่
นางจึงเรียกหนึ่งในพวกนั้นมาสอบถาม สาวใช้ของหลู่หลิงเซียน ยื่นเงินเล็กน้อยให้หญิงสาวนางนั้นหลังจากถามไปหลายคำถาม
“ดูเหมือนว่า จะไม่ได้ข้อมูลอะไรมากนักทุกอย่างเหมือนที่ข้าให้คนมาสืบก่อนหน้านี้ พวกเขาไม่มีใครรู้ที่มาที่ไปของสองคนนั้น ข้าอาจจะต้องอยู่ที่นี่หลายวันเจ้ากลับไปแล้วแจ้งท่านพ่อของข้าว่าข้ามาพักที่บ้านสหายสักหลายวัน” หลู่หลิงเซียน สั่งสาวใช้ของนาง
จากนั้นถิงถิงสาวใช้ของหลู่หลิงเซียนจ้างเกวียนวัวในหมู่บ้านให้ไปส่งนางเดินทางเข้าอำเภอ
หลู่หลิงเซียน กลับมาที่บ้านสกุลหลิวอีกครั้งแล้วบอกกับเสี่ยวหลันจื่อว่า นางจะพักที่นี่
“คุณหนูหลู่ เช่นนี้คงไม่เหมาะสมกระมังเจ้าก็เห็นอยู่ว่าบ้านของข้ามีแค่สามห้องนอนถ้าหากว่าเจ้าต้องการพักที่นี่ดูเหมือนว่าจะไม่มีห้องว่างแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อปฏิเสธ
“ข้าพักห้องเดียวกับเจ้าก็ได้”
“ไม่ได้”เป็นเซียวอี้เหิง ที่ตอบปฏิเสธทันควัน
เสี่ยวหลันจื่อยักไหล่ บนใบหน้าเขียนว่าข้าบอกเจ้าแล้วเห็นหรือยัง
“ข้าว่าเจ้ากลับไปเถอะ หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ไม่เหมาะกับคุณหนูที่ร่ำรวยอย่างเจ้าหรอก ถ้าหากว่าเกิดอันตรายกับเจ้าพวกเรารับผิดชอบไม่ไหว” เสี่ยวหลันจื่อให้เหตุผล
“ข้าจะให้ฉีเหลย ไปส่งเจ้าเข้าอำเภอก็แล้วกัน นี่ก็ใกล้ค่ำแล้วท่านพ่อของเจ้าจะเป็นห่วงเอา”
เสี่ยวหลันจื่อแสดงความหวังดี
“ไม่จำเป็นถ้าข้าต้องการจะพักที่นี่ข้าก็จะไม่เปลี่ยนใจ” หลู่หลิงเซียนยืนกราน จากนั้นจึงเดินออกจากบ้านสกุลหลิวไป
หลังจากหลู่หลิงเซียน เดินออกไปแล้วคนทั้งหกในบ้านสกุลหลิวต่าง ไม่มีใครสนใจเรื่องของนาง ทุกคนใช้ชีวิตปกติ จนกระทั่งตอนเช้า หลู่หลิงเซียนก็มาปรากฏตัวที่บ้านสกุลหลิวอีกครั้ง เสียวหลันจื่อมองนางด้วยความสงสัย
"คุณหนูหลู่เมื่อวานเจ้าพักอยู่ที่ไหนหรือ"
หลู่หลิงเซียนถลึงตามองนาง แต่ไม่ตอบคำถามนาง เสี่ยวหลันจื่อเองก็ไม่สนใจจึงพาเสี่ยวหงออกไปเดินเล่น นางกำลังคิดว่าจะทำอะไรเพื่อให้ได้เงินมากๆ นางเดินเรื่อยเปื่อยมาจนถึงต้นไม้ใหญ่ตรงเชิงเขาจึงนั่งลงใช้ความคิด เมื่อวานใช้เงินซื้อของไปไม่น้อยแต่เงินเก็บรวมกันหลายวันมานี้มีแค่สี่ร้อยสามสิบตำลึง
นางนั่งเหม่อลอย ปล่อยความคิดให้โลดแล่นไปไกล แต่เสียงพูดคุยก็ดังมาจากทางด้านหลัง เสี่ยวหลันจื่อชะโงกหน้าออกไปมองจึงเห็นว่าเป็นหลู่หลิงเซียนกับเซียวอี้เหิงที่เดินมาด้วยกัน นางจึงแอบอยู่หลังต้นไม้ไม่ให้พวกเขาทั้งสองคนเห็น
เสียงพูดดังขึ้นเรื่อยๆ นางคิดว่าพวกเขาอยู่อีกฟากของต้นไม้
“คุณชาย ท่านรับข้อเสนอของข้าเถอะข้าจะให้ทุกอย่างที่ท่านต้องการท่านจะได้ไม่ต้องมาลำบากอยู่ที่หมู่บ้านทุรกันดารแห่งนี้” หลู่หลิงเซียนโน้มนาวและพูดต่อไปเมื่อเห็นว่าเขา ยังคงนิ่งเงียบ
"ท่านบอกข้าได้หรือไม่ว่าท่านต้องการอะไรข้าจะได้หามาให้ถูกใจท่าน"
เซียวอี้เหิงปรายตามองนางอย่างเจ้าเล่ห์เเล้วขยับเข้าหานาง
“เจ้าพูดจริงหรือ” หลู่หลิงเซียนพยักหน้าใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อหัวใจเต้นแรง เหมือนว่านางจะมีความหวังขึ้นมาบ้างแล้ว คนเราทุกคนมีใครบ้างทนต่ออำนาจเงินได้ต่อให้เป็นพระภิกษุก็ต้องมีความต้องการไม่สิ่งใดก็สิ่งหนึ่ง ดูเหมือนว่านางจะมาถูกทาง
เสี่ยวหลันจื่อที่เเอบดูพวกเขาอยู่ก็หัวใจเต้นแรงเหมือนกัน นางใจจดใจจ่ออยู่กับคำตอบเซียวอี้เหิง นางอยากรู้ว่าเขาจะพูดอะไร
เซียวงอี้เหิง ดึงร่างของหลู่หลิงเซียนเข้ามาในอ้อมแขนตนจากนั้นใช้วิชาตัวเบาทะยานหายไปในภูเขา เสี่ยวหลันจื่อที่เเอบมองอยู่ก็รู้สึกหัวใจวูบโหวงไปทันที หัวใจของนางบีบรัดจนรู้สึกหายใจไม่ออก ในหัวของนางมันขาวโพลนไปหมด ไม่รู้ว่านางนั่งอยู่ตรงนั้นนานแค่ไหน จนกระทั่งเสียงเรียกของฉีเหลยดังขึ้น
"เเม่นางอวี้ ข้าตามหาเจ้าตั้งนานเห็นว่าใกล้จะมืดแล้วแต่เจ้าไม่กลับมาซะทีผู้เฒ่าทั้งสองต่างเป็นห่วงจึงให้ข้ามาตามเจ้า"
เสี่ยวหลันจื่อตอบ ออ ไปหนึ่งทีแล้วไม่ได้พูดอะไรอีก เพราะนั่งอยู่ที่เดิมมานานทำให้ขาของเสี่ยวหลันจื่อชาจนไม่มีความรู้สึก นางลุกขึ้นยื่นได้ครู่หนึ่งจึงล้มลงฉีเหลยรีบถลาเข้ามาประคองนาง
"ขาของเจ้าเป็นอะไร" ฉีเหลยรีบตรวจดูแต่เสี่ยวหลันจื่อห้ามเอาไว้
ข้าแค่นั่งท่าเดิมนานไปหน่อยมันจึงช้าจนไร้ความรู้สึกอีกสักครู่ก็คงจะหายดี"
ฉีเหลยพยักหน้ารับรู้
"ถ้าอย่างนั้นให้ข้าอุ้มเจ้าเถอะจะได้รีบกลับเรือนตายายของเจ้าเป็นห่วงแล้ว"
ตอนนี้เสี่ยวหลันจื่อไม่อยาก คิดอะไรนางเพียงแค่อยากจะนอนหลับไปและอยากจะลืมภาพที่นางเห็นเมื่อตอนบ่าย อยากลบมันทิ้งไปให้หมด
เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้า จากนั้นฉีเหลยจึงก้มลงอุ้มนางเดินกลับเรื่อนสกุลหลิวไป
ทันทีที่เข้ามาในเรือนสองผู้เฒ่าเห็นว่าเสี่ยวหลันจื่อ ถูกอุ้มกลับมาก็คิดว่านางบาดเจ็บ
“เกิดอะไรจื่อเออขาของเจ้าเป็นอะไร” สองผู้เฒ่ารีบเข้ามาดู
“ไม่ได้เป็นอะไร เพียงแต่ข้านั่งท่าเดิมนานเกินไป จึงทำให้เกิดเหน็บชาชั่วคราวเท่านั้นอีกสักพักก็หาย”
เสี่ยวหลันจื่อบอกทั้งสองให้คลายกังวล เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปในห้องโถงก็เห็นว่ามีเซียวอี้เหิงกับหลู่หลิงเซียน นั่งอยู่ข้างกัน เสี่ยวหลันจื่อจึงก้มหน้าลงไม่สบตาพวกเขา
“ท่านยายข้ารู้สึกไม่สบายนิดหน่อยขอตัวไปพักผ่อนก่อน” พูดเสร็จเสี่ยวหลันจื่อก็ให้ฉีเหลยอุ้มนางเข้าห้องไป
เมื่อเข้ามาในห้องของตัวเองเเล้ว เสี่ยวหลันจื่อเอาผ้าห่มคลุมโปงตัวเองเอาไว้อย่างมิดชิด จากนั้นภาพที่นางเห็นเซียวอี้เหิงกอดหลู่หลิงเซียนก็ฉายซ้ำในหัวนาง
เจ้าคงจะพานางไปดูป่าท้อมาสินะ เหมือนที่เจ้าพาข้าไป เสี่ยวหลันจื่อเสียใจมาก คิดว่าตนเองเป็นเจ้าของภาพนั้นแต่เพียงผู้เดียว ในตอนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ยิ่งคิดน้ำตาที่กลั้นเอาไว้ทั้งวันก็พลันไหลบ่าออกมาราวทำนบแตก นางไม่รู้ว่าตนเองเป็นอะไร ความรู้สึกที่เหมือนหายใจไม่ออก มันเหมือนนางกำลังจะขาดใจตาย นางรู้สึกเจ็บที่ตรงหน้าอกด้านซ้าย ตรงหัวใจ
เสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ในผ้าห่มจนหลับไป
ผ่านไปสักพักเสียงเปิดของประตูดังขึ้นเบาๆ ร่างสูงโปร่งเดินเข้ามาช้าๆในความมืด เพราะห้องไม่ได้จุดเทียนจึงมีเพียงแสงสลัว ของพระจันทร์ส่องลอดเข้ามาทางหน้าต่าง ทำให้เขามองเห็นร่างเล็ก ที่ถูกห่อด้วยผ้าห่มนอนขดอยู่ตรงมุมด้านในของเตียง
เซียวอี้เหิงค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกอย่างเบามือ จนกระทั่งมองเห็นร่างเล็กของเสี่ยวหลันจื่อ ที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา ผมเผ้ายุ่งเหยิง ขอบตาบวมแดงที่เกิดจาการร้องไห้อย่างหนัก เซี่ยวอี้เหิงถอนหายใจ
“เจ้าเป็นคนบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เอง หาเจ้าไม่เอาเเต่ดื้อดึงผลักไสข้า.....” เซียวอี้เหิงพูดเพียงเท่านั้น
จากนั้นเขาก็ออกไปเอากะละมังใส่น้ำอุ่นเข้ามา ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามใบหน้าของนางอย่างแผ่วเบาและทะนุถนอมดังเช่นสิ่งล้ำค่าที่สำคัญที่สุดในชีวิต
เสี่ยวหลันจื่อตื่นมาด้วยอาการงัวเงียนางรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก เมื่อวานตอนเที่ยงกับตอนเย็นไม่ได้ทานข้าวทำให้นางรู้สึกไร้กำลัง เสี่ยวหงที่นอนอยู่ข้างๆ นางเอาหัวเล็กๆ มาคลอเคลียข้างแก้มออดอ้อน เมื่อวานมันเห็นนางร้องไห้มันก็รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วยวันนี้จึงอยากทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง“ยังเป็นเจ้าที่ดีกับข้าที่สุดนะเสี่ยวหง” เสี่ยวหลันจื่อกอดมันจากนั้นก็ลุกออกไปล้างหน้าล้างตา ท่านยายที่เห็นหลานสาวตื่นแล้วก็รีบเข้ามาดูทันที“เป็นอย่างไรบ้างจื่อเอ๋อดีขึ้นบ้างหรือยัง”แม่เฒ่าสวียกมือขึ้นอังหน้าผากของนาง“ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านยาย ไม่ต้องห่วงข้าไม่เป็นอะไร”เสี่ยวหลันจื่อ ยิ้มให้นางจากนั้นจึงเดินเข้าไปตักโจ๊กมากินเล็กน้อย“เหตุใดถึงเงียบขนาดนี้ ไปไหนกันหมดเจ้าคะ”เสี่ยวหลันจื่อถามออกไปรวมๆ ไม่ได้เจาะจงว่าถามหาใครแม่เฒ่าสวีจึงไขความกระจ่างว่า“เมื่อวานตอนเย็น คุณหนูหลู่ทะเลาะกับหลิวหลีบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาขอให้พ่อหนุ่มช่วย พ่อหนุ่มเลยส่งนางกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”เสี่ยวหลันจื่อที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ภาพที่นางเห็นตรงเชิงเขาเมื่อวาน ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำข
เสี่ยวหลันจื่อและเซียวอี้เหิงหันขวับไปในทันที เสี่ยงที่ตะโกนมาจากทางด้านหลังของพวกเขาคือเสียงของ หลิวหลีบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน“พวกเจ้ากำลังเรื่องบัดสีอะไรกัน” เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นนางพูดจาใส่ร้ายตนก็ขมวดคิ้วทันที“เจ้าต่างหากพูดจาน่าเกลียดอะไรกัน ข้ากับเขาเป็นสามีภรรยาที่นอนร่วมห้องกัน จะทำสิ่งใดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นเจ้าต่างหากที่แส่ไม่เข้าเรื่องเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนก็เที่ยววิ่งตามบุรุษที่มีภรรยาแล้ว หากว่าพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าคิดหวังแย่งชิงสามีคนอื่น พ่อเจ้าจะทำหน้ายังไงแล้วในอนาคตหากข่าวลือแพร่ออกไปเจ้ายังจะแต่งให้ใครได้อีก “เสี่ยวหลันจื่อพูดรวดเดียวจบ นางรำคาญเรื่องวุ่นวายพวกนี้แล้วยิ่งนางหลบเลี่ยงก็ดูเหมือนเรื่องวุ่นวายจะยิ่งวิ่งเข้ามาหานาง“จ้า เจ้า “ หลิวหลีพูดไม่ออกสักคำ นางได้แต่ติดอ่างอยู่อย่างนั้น เรื่องข่าวลือเสียหายเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิงโบราณ และเสี่ยวหลันจื่อก็จี้ได้ตรงจุดยิ่งนัก หลิวหลีที่หวาดกลัวว่าหากมีข่างลือแพร่ออกไปว่านางคิดแย่งสามีคนอื่น นางจะต้องถูกท่านพ่อที่รักหน้าตายิ่งกว่าชีวิตฆ่าตายแน่ไหนจะตาเฒ่าหลิวนั่นอีก เมื่อก่อนใครๆ ต่างเล่าว่าเขาโหด
เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวเล็กน้อยเพราะนางนั่งเกร็งเป็นเวลานาน เซียวอี้เหิงผละออกจากซอกคอของนางใช้มือเรียวยาวเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากับเขา"ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่" เสี่ยวหลันจื่อหลบตาเขา“มองตาข้า มองเข้าไปในดวงตาของข้า เท่าที่เจ้ารู้มาข้าเคยทำเช่นนี้กับสตรีใดหรือไม่”เสี่ยวหลันจื่อหน้าแดงก่ำด้วยความอาย นางมุดหลบเข้าไปในอกเขาอีกรอบเหมือนที่เสี่ยวหงชอบทำตอนที่อยู่กับนาง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างหูของนาง ยิ่งทำให้นางอับอายยิ่งกว่าเดิม“จื่อเอ๋อ หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไปข้าจะไม่ทนอีกแล้วนะ”เสี่ยวหลันจื่อสะดุ้งทันทีเขาหัวเราะท่าทางขี้ขลาดของนางจนอกกระเพื่อมขึ้นลง“ท่านแกล้งข้า” นางตีที่หน้าอกเขาอย่างไม่แรงนักหนึ่งที“เอาล่ะข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว” เซียวอี้เหิงยกตัวนางขึ้นเหมือนท่าอุ้มเด็ก เสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบคว้าคอของเขาเอาไว้“เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วนะ เจ้าก็ห้ามทดสอบข้าเหมือนกันหากมีคราหน้าข้าจะทำให้เจ้าท้องป่องจนไม่กล้าออกไปก่อเรื่องข้างนอกอีก” เสี่ยวหลันจื่ออายจนต้องก้มหน้าซุกที่ซอกคอเขาเสี่ยวหลันจื่อเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหง เก็บสมุนไพรจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงพากันกลับไปที่เ
“ท่านอ๋อง หยุดก่อน” เสี่ยวหลันจื่อใช้มือสองข้างดันคางของเขาที่กำลังซุกซบอยู่ตรงซอกคอของนาง“จื่อเอ๋อข้าทนไม่ไหวแล้ว อย่าห้ามข้าเลย”เซียวอี้เหิงยังคงพยายามก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอของนาง มือสองข้างก็ไม่อยู่นิ่งทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม คอยเคล้นคลึงอกอวบ ส่วนมืออีกข้างบีบบั้นท้ายกลมกลึงของนางอย่างเมามัน เสี่ยวหลันจื่อเริ่มโมโหจึงกัดใบหูของเขาอย่างแรงคราวนี้ได้ผลทันที เซียวอี้เหิงร้องเสียงหลงออกมาเพราะความเจ็บ ฉีเหลยกับฉีเยี่ยนที่นอนอยู่ห้องข้างๆ รีบพังประตูเข้ามาทันที เพราะคิดว่ามีนักฆ่ามาลอบทำร้ายท่านอ๋อง โชคดีที่มีมุ้งโปร่งบางบังร่างทั้งสองคนเอาไว้และเสี่ยวหลันจื่อที่ตัวเล็กจึงถูกร่างของเขาบังจนมิด“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น มีนักฆ่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”เป็นฉีเยี่ยนที่บุกเข้ามาในห้องก่อนแต่ฉีเหลยที่หลบอยู่นอกห้องเพราะเขารู้สึกสะกิดใจว่าหากมีนักฆ่ากลางดึกท่านอ๋องคงไม่ร้องเสียงดังเพียงนี้คงจะฆ่าพวกมันเงียบๆ แล้วทำลายศพไม่เหลือซากไปแล้ว เซียวอี้เหิงที่โมโหคนที่มาขัดจังหวะเขาจึงใช้ลมปราณซัดฉีเยี่ยนออกไปนอกห้องทันที“ฉีเยี่ยนคืนนี้เจ้าคงจะยังไม่ง่วงนอน ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นเขาไปฝึกจนถึงเช้า”ฉีเยี่
เสี่ยวหลันจื่อนั่งนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายระหว่างที่นั่งรถม้าไปเมืองหลวงนางเอกแต่งกับพระเอก องค์ชายสามสมคบแคว้นฉู่ก่อกบฏแต่ล้มเหลวจึงถูกปลดเป็นสามัญชนแล้วเนรเทศไปชายแดนทางภาคเหนือ ที่รกร้างและมีหิมะตกถึงแปดเดือนในหนึ่งปีขุนนางที่เข้าร่วมการกบฏในครั้งนี้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรลำเอียงเห็นๆ ฮ่องเต้ไม่กล้าฆ่าลูกตัวเองแต่ครอบครัวคนอื่นกลับฆ่าได้อยางง่ายดายจะประหารองค์ชายสามเก้าชั่วโคตรได้ยังไงล่ะ มิใช่ต้องประหารตัวเองไปด้วยหรือ แบบนั้นสกุลเซียวได้สิ้นเผ่าพันธุ์แน่ๆออกมาจากอำเภอหยู่เปิงมาได้สักพัก เสี่ยวหลันจื่อสังเกตเห็นว่าเริ่มมีผู้คนเดินเท้ามากขึ้น มีรถม้าบนถนนมากขึ้น นางจึงถามสารถีเพราะเขาประจำอยู่ในอำเภอหยู่เปิงเขาอาจจะรู้อะไรมาบ้าง“สารถีเหตุใดมีผู้คนมากมายเพียงนี้” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนถามออกไป“แม่นางตอนนี้ทางใต้กำลังมีสงครามผู้คนเหล่านี้น่าจะอพยพมาจากทางใต้เพื่อหนีสงครามแน่นอน ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องของแคว้นเราเป็นผู้นำทัพออกต่อสู้พวกแคว้นฉู่ด้วยตัวเองทั้งยังมีแม่ทัพกู้ร่วมออกเดินทางไปรบครั้งนี้ด้วย”กู้ห้าวเหวินงั้นหรือ แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินพ่อขอกู้รั่วอวิ๋น นางเอกของเรื่อง“พวกเข
เช้าวันถัดมาทุกคนต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางเสี่ยวหลันจื่อรู้สึกอ่อนเพลียจากเมื่อวานที่ต้องเดินทั้งวันแล้วยังต้องแบกเจ้าชุดเกราะหนักหลายชั่งอีก นางแทบไม่มีแรงเหลือแล้วแต่ก็ต้องฝืนเดินต่อไป เสี่ยวหลันจื่อไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดแต่ก็ต้องฝืนกิน กองทัพออกเดินอีกครั้งเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่าตันเองเดินมานานแค่ไหน ตอนนี้นางแทบไม่รู้สึกถึงขาของตนเองแล้ว นางอยากจะนั่งลงเอาเท้ายันพื้นแล้วร้องไห้งอแงเหมือนที่เด็กๆ ทำ อยากตะโกนว่าเหนื่อยโว้ย อยากด่าเซียวอี้เหิงที่ไม่ยอมพาพวกเขาพักสักทีแต่นางทำไม่ได้เสี่ยวหลันจื่อที่อัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้แต่อดทน อดทนจนกว่าจะทนไม่ไหวและก่อนที่ความอดทนของนางจะหมดลง กองทัพก็ถูกสั่งให้หยุดพัก นางเกือบจะร้องไชโยออกมาดังๆวันที่สามเสี่ยวหลันจื่อรู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ นางรู้ว่าตัวเองกำลังท้องแต่นางจะป่วยตอนนี้ไม่ได้ดังนั้นจึงกินยาแก้ไข้กันเอาไว้ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยช่วงที่กองทัพพักเที่ยงเสี่ยวหลันจื่อกินอาหารไปเล็กน้อยจึงนั่งพิงเกวียนที่ใช้ขนอาวุธหลับไป นางฝันอีกครั้งนางฝันว่ากองทัพได้เดินผ่านช่องเขาแคบๆ ระหว่างที่พวกเขาเดินผ
วันต่อมาข่าวลือเรื่องที่มีกลุ่มคนต้องการลอบสังหารและสกัดกั้นกองทัพถูกท่านอ๋องจัดการก็แพร่ไปทั่วกองทัพ ชื่อเสียงของเซียวอี้เหิงยิ่งทำให้ทหารในกองทัพศรัทธาเขามากกว่าเดิมหลังจาเรื่องราวทุกอย่างผ่านไปเซียวอี้เหิงจึงเรียกฉีเหลยมาสอบถามว่าใครคือผู้ให้ข้อมูลนี้ เพราะตอนที่ฉีเหลยมารายงานเขาเรื่องนี้นั้น มีข้อแม้ว่าต้องรอให้ผ่านไปสองวันก่อนฉีเหลยยื่นหยกม่วงมังกรจันทร์เสี้ยวคืนให้เขา เซียวอี้เหิงชะงักไปทันที“ใครให้หยกนี่กับเจ้า”เซี่ยวอี้เหิงรุ้สึกสังหรณ์ใจว่าตนเองกำลังพลาดอะไรบางอย่าง“แม่นางอวี้พ่ะย่ะค่ะ” ฉีเหลยตอบเสียงเบา“นางมาที่หรือ เหตุใดนางไม่มาพบข้า”เซียวอี้เหิงคาดคั้นเอากับฉีเหลย“นางมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านอ๋องไม่ต้องการคุยกับนาง”แล้วเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนก็ฉายแวบขึ้นมาในหัว“ทหารใหม่สามารถคุยกับข้าผู้เป็นอ๋องได้ตั้งแต่เมื่อใด กลับไปซะบังอาจขวางเวลาส่วนตัวที่ข้าต้องอยู่กับคุณหนูกู้ช่างหน้าตายนัก ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน หากมีครั้งหน้า....”ทหารตัวดำนั่น เซียวอี้เหิงหันขวับไปมองฉีเหลยในทันที ฉีเหลยหดคอเหมือนนกกระทาด้วยความกลัว“ท่านอ๋องเป็นคนไล่นางเองนะพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้เหิงถล
เสี่ยวหลันจื่อหลับไปราวสองชั่วยาม เมื่อตื่นขึ้นมานางมองเห็นใบหน้าหล่อเหลาของคนที่ทำให้นางทั้งรักทั้งชัง นางสะบัดหน้าหนีเขาทันที“เหตุใดยังโกรธอยู่เล่า อย่าโกรธเลยนะคนดี มันไม่ดีต่อลูกชายของเรานะ”“ท่านรู้ได้อย่างไรว่าเขาเป็นลูกชาย อาจเป็นลูกสาวก็ได้นะ” เสี่ยวหลันจื่อเถียงเขาเสียงเขียว“เอ๊ะ ท่านรู้ได้อย่างไร” เสี่ยวหลันจื่อจ้องหน้าเขา“สำคัญด้วยหรือว่าข้ารู้ได้อย่างไร ที่สำคัญคือเจ้าทำอะไรบุ่มบ่ามไม่คิดหน้าคิดหลัง หนทางไกลเพียงนั้น แถมยังต้องใส่ชุดเกราะที่หนักหลายชั่ง จื่อเอ๋อเจ้าอย่าทำให้ข้าเป็นห่วงได้หรือไม่” เซียวอี้เหิงดุนางเสียงอ่อน“ถ้าหากว่าเจ้ากับลูกเป็นอะไรไปข้าคงต้องตายตามพวกเจ้าไปเป็นแน่ข้าจะอยู่ได้อย่างไรถ้าไม่มีเจ้า” เซียวอี้เหิงดึงร่างเล็กของนางเข้ามาในอ้อมกอด“ไม่ใช่ว่าท่านมีคุณหนูกู้คนนั้นอยู่หรอกหรือ”เสี่ยวหลันจื่อพูดเสียงอู้อี้เพราะใบหน้าของนางถูกดันให้แนบชิดอกเขา“ยังจะพูดเรื่องนี้อีก ชาตินี้ของข้าถ้าหากไม่ใช่เจ้าข้ายอมอยู่ผู้เดียวไปตลอดกาล”เซียวอี้เหิงพูดด้วยเสียงจริงจัง“แล้วทำไมท่านต้องอยู่กับนางสองต่อสอง”เสี่ยวหลันจื่อพูดด้วยเสียงแง่งอน เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก
เซียวอี้เหิงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าชำระกายเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างในวันนี้ เเต่ยังเรียกฉีหลิงให้มาดูแลเสี่ยวหลันจื่ออีกด้วยตอนเช้าทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันก่อนเขาจะขี่ม้าออกจากจวนไป เสี่ยวหลันจื่ออยู่ที่จวนไม่มีอะไรให้ทำนางจึงให้ฉีหลิงพานางเดินชมรอบๆ จวนตลอดทางที่ทั้งสองเดินผ่านบรรดาข้ารับใช้ต่างทำความเคารพนาง พวกเขาได้ข่าววแล้วว่าเมื่อคืนสตรีที่ถูกส่งมาจากในวังนอนห้องเดียวกับท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่บังคับพานางไปยังมีข่าวลืออีกอย่างว่านางร้องไห้อยากกลับไปที่วังหลวงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอมจึงบังคับพานางขึ้นเตียง ข้ารับใช้บางคนมองเสี่ยวหลันจื่อด้วยสายตาสงสาร ที่หญิงสาวผู้อ่อนแอต้องมาเจอความป่าเถื่อนของนายเหนือหัวของพวกเขา เรื่องข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยข้ารับใช้ในจวนต่างคิดว่าเสี่ยวหลันจื่อจะต้องเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเป็นอย่างมาก เพราะท่านอ๋องที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีถึงขั้นต้องบังคับนางขึ้นเตียงเลยทีเดียวทั้งสองเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปที่เรือนหลักในทุกวันเสี่ยวหลันจื่อก็นึกถึงลี่ปี้ที่
เซียวอี้เหิงส่ายหัวให้กับความสำออยของนางแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่โมโหนางอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นตามปกติข้ารับใช้ที่แสดงกิริยาเช่นนี้กับเขาจะต้องถูกโบยจนหลังแตกหมดแล้ว แต่กับนางเขากลับรู้สึกว่าอยากตามใจหรือไม่ก็อยากเอาใจนางไม่อยากให้นางหงุดหงิดหรือโมโหนี่มันเป็นความรู้สึกที่บ้ามากสำหรับคนที่พึ่งเคยพบกันเพียงสองครั้ง เซียวอี้เหิงก้มตัวลงมาที่เสี่ยวหลันจื่อใช้แขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กของนางขึ้น จากนั้นออกเดินไปอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าเขาเคยทำเช่นนี้ให้กับนางมานับครั้งไม่ถ้วนเสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตก ที่นางตกใจกว่าคือชินอ๋องผู้สง่างามกำลังอุ้มนางกำนัลตัวเล็กๆ เช่นนาง“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะคนอื่นมองกันหมดแล้วนี่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของท่านนะ”ไม่ใช่ว่าคาแรคเตอร์ของท่านต้องเย็นชาโหดเหี้ยมอะไรทำนองนั้นหรือ แล้วนี่มาอุ้มกันแบบนี้ต่อไปจะอยู่ที่จวนชินอ๋องได้ยังไงนางอายจริงๆ นะ เสี่ยวหลันจื่อหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเหมือนกันที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิงเช่นนี้ไม่นับรวมคุณตาที่โลกก่อนอุ้มนางต
เสี่ยวหลันจื่อ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวห้องเดิม“ระบบฉันกลับมาแล้วฉันพร้อมแล้วคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าบทลงโทษของการรีเซ็ตเรื่องราวทั้งหมด คืออะไร”เสี่ยวหลันจื่อยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบ“ไม่ต้องร้อนใจไปเมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เองทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะแล้วพบกันใหม่”สิ้นเสียงของระบบร่างของเสี่ยวหลันจื่อ ก็ถูกดูดออกจากห้องนั้นไปทันที ในสระบัวของอุทยานภายในวังหลวงมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปที่ก้นสระ เสี่ยวหลันจื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำและกำลังจะจมลงไปเธอจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไอ้ระบบเฮงซวยไร้หัวใจเสี่ยวหลันจื่อสาปแช่งระบบในใจ นี่ให้ฉันมาเกิดใหม่เพื่อจะฆ่าให้ตายอีกรอบใช่ไหม นางพึ่งจะถูกแทงมานะครั้งที่สองคิดจะให้จมน้ำตายหรือไง เสี่ยวหลันจื่อรีบว่ายเข้าหาฝั่งทันที เธอนั่งหอบหายใจอย่างหมดเเรงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้มันดูรุ่มร่ามไปหมดเสี่ยวหลันจื่อหยิบหนังสือนิยายออกมาจากระบบเพื่ออ่านเนื้อเรื่อง ยังไงก็ต้องหาข้อมูลของนิยายเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอไม่อย่ากต้องมาโผล่ในนิยายปุ๊บแล้วตายทันทีหรอกนะ ทันทีที่มือเสี่ย