"ทำไมเป็นท่านล่ะ เเล้วฉีเหลยไปไหน"
เสี่ยวหลันจื่อมองหาฉีเหลย
"ทำไมถึงจะเป็นข้าไม่ได้ "เซี่ยวอี้เหิงปรายตามองเสี่ยวหลันจื่อเรียบๆ
"ก็ไม่ทำไม ข้าเพียงคิดว่าฉีเหลยจะมาด้วยเพราะ ข้าจะให้เขาช่วยถือของที่ข้าจะซื้อวันนี้"
"ข้าก็ถือได้" เซียวอี้เหิงพูดจบก็เดินนำหน้านางไป
เสี่ยวหลันจื่อเกาหัว ไม่เข้าใจอารมณ์และความคิดของเขาเอาซะเลย
หลังจากขายสมุนไพรแล้วเสี่ยวหลันจื่อก็ไปที่ร้านจี้ชิงหรูอีกครั้ง คราวที่แล้วนางไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาทั้งสามคนวันนี้จึงคิดว่าจะซื้อให้พวกเขาซะหน่อย จะปล่อยให้ใส่เเต่ชุดหรูหราเดินลอยไปลอยมาในหมู่บ้านมันรู้สึกทิมแทง สายตานางยังไงไม่รู้
"โอ้ ดูซินั่นใครมาเสี่ยวหลันจื่อขอเราไมใช่หรือ สร้างเรื่องเอาไว้ใหญ่โตแล้ว หนีหายไปเลยนะ"
เจียงฉงเหนียง ผู้ดูแลจี้ชิงหรูรีบออกมาคล้องเเขนนาง อย่างสนิทสนมที่หน้าร้าน
"เจ้าคิดมากไปแล้วข้าสร้างเรื่องที่ได้กันเป็นเขาต่างหาก"
เสี่ยวหลันจื่อชี้ไปที่เซียวอี้เหิงที่ยืนใบหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ นาง
"เจ้าไม่รู้อะไรหลังจากที่เจ้ากลับไปสตรีทั้งหลายในอำเภอต่างพากันมาที่นี่เพื่อสอบถามที่อยู่ของเจ้าและถามชื่อสามีของเจ้า
"สามีของข้าที่ใดกันข้าก็บอกไปแล้วแต่วันนั้นว่าเขาเป็น……"
"ช่างเถอะๆ จะเป็นอะไรก็ช่างแต่ตอนนี้พวกเจ้าสองคนเป็นหัวข้อหลักของการสนทนาของชาวอำเภอหยู่เปิง มาสักพักแล้วนะ แต่กลับไม่มีใครรู้ว่าพวกเจ้าเป็นใคร สุดท้ายเลยต้องลำบากข้าที่ต้องปกปิดให้พวกเจ้าสองคน"
เจียงฉงเหนียง แสร้งทำหย้าตาโมโหถึงความยากลำบากของตนเองที่ต้องเผชิญในหลายวันมานี้ ทุกวันจะมีผู้หญิงมากมายมาที่ร้านจี้ชิงหรู แต่ไม่ได้มาซื้อของพวกนางมารอที่จะพบชายหนุ่มรูปงามในวันนั้น
"อย่าพูดถึงเรื่องนั้นเลยข้ามาวันนี้อยากจะมาซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาสักหน่อยที่บ้านของข้ายังมีบุรุษตัวโตอีกสองคนข้าอยากซื้อให้พวกเขาสักคนละสามชุดท่านช่วยเลือกให้ข้าหน่อยไม่ต้องเอาหรูหรามาก" เสี่ยวหลันจื่อเดินลูบเนื้อผ้าที่วางอยู่บนแผง
เจียงฉงเหนียง ยิ้มตาหยีเพราะการค้ามาถึงมือตน ชุดของเซียวอี้เหิงเป็นสีดำ ทั้งชุดเขาเป็นคนเลือกเอง ฉีเยี่ยนสีฟ้าน้ำทะเล ของฉีเหลยสีเขียวใบไผ่ตอนจ่ายเงินเสี่ยวหลันจื่อ ถึงกับทำหน้ามุ่ยเพราะราคาชุดของทั้งสามคนรวมกันแล้วเกือบ 20 ตำลึง
"แพงจริงๆ" เสี่ยวหลันจื่อบ่นอุบ
"ถึงแพงก็ต้องซื้อเพราะเขาเป็นบุรุษของเจ้า"
"เจ้ายังจะพูดเรื่องนี้อีก ข้าไม่อยากพูดกับเจ้าแล้ว" เสี่ยวหลันจื่ออยากจะไปดูปิ่นปักผมให้ท่านยายของนางสักหน่อยจึงลาเจียงฉงเหนียงแล้วออกจากจากร้านจี้ชิงหรูไป
ถัดจากร้านจี้ชิงหรูไปไม่ไกลเป็นร้านขายเครื่องประดับ ซื่อผิน เป็นร้านที่ใหญ่ที่สุดในอำเภอเช่นกัน เสี่ยวหลันจื่อ สะพายตะกร้าก้าวเท้าเข้าไปในร้าน นางกลายเป็นจุดสนใจทันที เพราะก่อนหน้านี้ใครๆก็ตามหาหญิงสาวที่มีใบหน้างดงามสะพายตะกร้าไม้ไผ่ไว้ด้านหลังและมักจะมีชายหนุ่มรูปงามเดินตามหลังของนางอยู่ไม่ห่าง
"แม่นางวันนี้ท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหน ท่านบอกข้ามาได้เลย ร้านของเรามีเครื่องประดับสวยงามเยอะแยะมากมาย"
ผู้ดูแลที่ยืนอยู่หน้าร้านกระตือรือร้นเป็นอย่างมาก เขาอยากทำความรู้จักหญิงสาวที่เป็นประเด็นพูดคุยในอำเภอหยู่เปิงตอนนี้
ข้าต้องการดูปิ่นปักผมสักหน่อยเอาแบบทองกับเงินออกมาให้ข้าดูได้หรือไม่"
ผู้ดูแลรีบสั่งให้เด็กที่เฝ้าหน้าร้านไปหยิบกล่องเครื่องประดับที่เป็นปิ่นทองและเงินมาให้เสี่ยวหลันจื่อดู
"โอ้ มันงดงามมากเลย ข้าขอเลือกก่อนนะ"
"แม่นางตามสบาย"
ปิ่นเงินและปิ่นทองแยกมาอย่างละกล่อง งดงามละลานตาแม้จะทำจากทองและเงินแต่ก็ปราณีตสวยงาม ถ้าหากเอาไปขายในโลกปัจจุบันจะราคาแพงแค่ไหนนะ นี่นับว่าเป็นของเก่าแท้ๆ เลยนะเสี่ยวหลันจื่อคิดในใจ
หลังจากเลือกปิ่นปักผมเงินและทองอย่างละอันแล้วเสี่ยวหลันจื่อก็จ่ายไป สิบห้าตำลึงเพื่อปิ่นปักผมสองอัน ตอนที่นางจะออกจากร้านก็มีคนมายืนขวางนางเอาไว้
"เจ้าเป็นใครเหตุใดต้องขวางทางข้า"
เสี่ยวหลันจื่อมอง แม่นางที่อายุประมาณสิบห้าสิบหกมีหน้าตาธรรมดา
"คุณหนูของข้าต้องการเชิญให้เจ้าไปพบ"หญิงสาวบอกนาง
"คุณหนูของเจ้าเป็นใคร" เสี่ยวหลันจื่อถามพร้อมเอียงหัวคิด นี่นางไปเคยรู้จักคุณหนูลูกเศรษฐีบ้านไหนกัน
"เมื่อเจ้าไปพบคุณหนูของข้าเจ้าก็จะรู้เอง"
"ก็ได้" เสี่ยวหลันจื่อตามนางไป
หน้าโรงเตี๊ยม ฟู่ม่านโหรว เสี่ยวหลันจื่อเดินตามหญิงสาวคนนั้นขึ้นไปที่ห้องชั้นสอง ที่เป็นห้องส่วนตัวด้านซ้ายมือจากนั้นนางจึงเปิดประตูเข้าไปในห้อง
"คุณหนูนางมาแล้วเจ้าค่ะ"
เสี่ยวหลันจื่อจำได้ทันทีนางคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีที่ร่ำรวยที่สุดของอำเภอหยู่เปิง
"นึกว่าใครที่แท้ก็คุณหนูหลู่นี่เองไม่ทราบว่าท่านมีธุระอันใดกับข้า" เสี่ยวหลันจื่อถามออกไป
"ข้าไม่มีธุระกับเจ้าแต่ข้ามีธุระกับเขา" หลู่หลิงเซียนชี้ไปที่เซียวอี้เหิง
เสี่ยวหลันจื่อร้อง อ้อ ออกมาหนึ่งทีจากนั้นจึงเบี่ยงตัวหันไปพูดกับเซียวอี้เหิง
"นางบอกว่ามีธุระกับท่าน เช่นนั้นพวกเจ้าก็คุยกันไปนะข้าขอตัวก่อน"
เสี่ยวหลันจื่อไม่อยากยุ่งกับเรื่องของพวกเขาอีกแล้ว
ก่อนที่นางจะทันได้เดินออกจากห้อง นางก็ถูกดึงแขนจากด้านหลังอย่างแรงเสี่ยวหลันจื่อเสียหลัก ล้มเข้าไปในอ้อมเเขนของเซียวอี้เหิง เขาก้มตัวลงกระซิบข้างหูนาง
"ถ้าหากจะออกจากห้องนี้ไปข้าจะจูบเจ้าต่อหน้าพวกนาง"
เสี่ยวหลันจื่อชะงักไปทั้นที จากนั้นจึงดิ้นออกจากอ้อมแขนเขา
"คืออย่างนี้นะคุณหนูหลู่ พอดีว่าลูกพี่ลูกน้องของข้าเป็นคนขี้อายท่านอยากจะคุยกับเขาก็ย่อมได้แต่ว่าข้าก็ต้องอยู่ด้วย แต่ว่าข้าจะไม่ขัดขวางพวกท่านหรอกนะเชิญคุยกันได้ตามสบาย"
เสี่ยวหลันจื่อหันไปถลึงตาใส่เซียวอี้เหิง จากนั้นจึงนั่งลง บริการรินชาให้ตนเองเสร็จสรรพ หลู่หลิงเซียนไม่สนใจนาง
"เชิญคุณชายนั่งลงเถอะ" หลู่หลิงเซียนพูดกับเขาเซียวอี้เหิงนั่งลงอย่างสง่างา ข้างเสี่ยวหลันจื่อ
หลู่หลิงเซียนไม่ถือสาเขา
"ข้าเคยให้คนไปสืบดูที่หมู่บ้านเถาฮวามาแล้ว ทุกคนในหมู่บ้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวว่าท่านกับนางเป็นสามีภรรยากัน เจ้ามีเรื่องจะแก้ตัวหรือไม่"
คำสุดท้ายนางหันมาพูดกับเสี่ยวหลันจื่อ เสี่ยวหลันจื่อ ถึงกับสำลักน้ำชาเลยทีเดียว
เจ้าเข้าใจผิดแล้วนั่นเป็นเรื่องที่ชาวบ้านเข้าใจกันไปเอง ข้าไม่เคยเข้าพิธีแต่งงานกับเขาจะเป็นสามีภรรยาได้อย่างไร"
เสี่ยวหลันจื่อปฏิเสธ
"แต่เจ้ากับข้านอนด้วยกันทุกคืน"
เสียงทุ้งดังแทรกขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยทำเอาคนทั้งห้องถึงกับ เงียบ
เสี่ยวหลันจื่ออึกอัก ไม่รู้จะปฏิเสธยังไงเพราะนางกับเขานอนด้วยกันจริงๆ
"คุณหนูหลู่เจ้าก็รู้ว่าบ้านของข้าหลังเล็กห้องนอนไม่พอ ข้าจึงต้องนอนกับเขา อีกอย่างเขาไม่มีทางทำอะไรข้าเพราะเขาเป็นพวก….แบบนั้นน่ะ ท่านก็รู้ใช่หรือไม่"
หลู่หลิงเซียนมองทั้งสองคนอย่างครุ่นคิด นางไม่รู้ว่าสิ่งที่เสี่ยวหลันจื่อพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่
แต่ถ้าหากสองคนเป็นสามีภรรยากันแต่ทำไมนางถึงเอาแต่ปฏิเสธ การได้แต่งงานกับหนุ่มรูปงามเช่นนี้ เป็นความใฝ่ฝันของสตรีทั้งโลก เหตุใดนางถึงยังเอาแต่ปฏิเสธอยู่
"คุณหนูหลู่ ถ้าหากว่าเจ้าไม่มีอะไรแล้วข้าต้องขอตัวก่อนข้ายังมีธุระที่ต้องทำหลายอย่าง"
เสี่ยวหลันจื่อเห็นว่านางไม่มีคำถามจะถามอีกจึงคิดที่จะหนีออกจากบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้
"ข้าจะไปด้วย" หลู่หลิงเซียนเอ่ยขึ้น
"หะ!! เจ้าจะไปด้วย เจ้าจะไปไหน"
"ไปบ้านของเจ้า หมูบ้านเถาฮวา"
เสี่ยวหลันจื่อไร้คำจะพูด ช่างเถอะให้นางไปด้วยก็ไม่เสียหายอะไรดีกว่า ปล่อยให้นางมาหาเรื่อง
แล้วคนทั้งสี่รวมถึงสาวใช้ของหลู่หลิงเซียนที่ชื่อว่าถิงถิง ก็ไปหมู่บ้านเถาฮวา โดยการขี่เกวียนของเสี่ยวหลันจื่อ ครึ่งชั่วยามต่อมาทั้งสี่คนก็มาถึงหมู่บ้านเถาฮวา
เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนวัวกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงยกเอาตะกร้าที่ใส่ของลงมาด้วย หน้าบ้านสกุลหลิวมีหญิงสาวหลายคนยืนอยู่หนึ่งในนั้นมีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย"พวกเจ้ากลับมาแล้ว "หลิวหลีส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เซียวอี้เหิง ก่อนที่มันจะเจือนลง เมื่อมีหญิงงามแต่งตัวหรูหรางดงามเหมือนกับคุณหนูที่มาจากในเมือง“นางเป็นใครเหตุใดนางถึงมากับพวกเจ้า”หลิวหลีหันมาถามเสี่ยวหลันจื่อ“ข้าคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีหลู่แห่งอำเภอหยู่ปิง” พูดจบนางก็เดินเดินเชิดหน้ามายืนเซียวอี้เหิง“แล้วคุณหนูหลู่ ผู้สูงส่งมาทำอะไรที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้” หลิวหลีถามเสียงประชดประชัน“ข้ามาทำอะไรที่นี่เกี่ยวอันใดกับเจ้าแล้วนี่เจ้าเป็นใคร” หลู่หลิงเซียนเมินหลิวหลี ไปโดยปริยาย มองประตู เรือนที่ดูผุพังเหมือนถูกสร้างมาแล้วหลายสิบปี“ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ” หลู่หลิงเซียงถามเสี่ยวหลันจื่อ“ใช่แล้วที่นี่คือบ้านของข้า”“เข้าบ้านเถอะ” เซียวอี้เหิง จูงมือเสี่ยวหลันจื่อเดินผ่านหญิงสาวหลายคนที่มายืนรุมล้อมอยู่หน้าบ้านสกุลหลิวหลู่หลิงเซียนที่ถูกเมินก็ถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจนักเมื่อเข้ามาถึงในเรือน หลู่หลิงเซีย
เสี่ยวหลันจื่อตื่นมาด้วยอาการงัวเงียนางรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก เมื่อวานตอนเที่ยงกับตอนเย็นไม่ได้ทานข้าวทำให้นางรู้สึกไร้กำลัง เสี่ยวหงที่นอนอยู่ข้างๆ นางเอาหัวเล็กๆ มาคลอเคลียข้างแก้มออดอ้อน เมื่อวานมันเห็นนางร้องไห้มันก็รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วยวันนี้จึงอยากทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง“ยังเป็นเจ้าที่ดีกับข้าที่สุดนะเสี่ยวหง” เสี่ยวหลันจื่อกอดมันจากนั้นก็ลุกออกไปล้างหน้าล้างตา ท่านยายที่เห็นหลานสาวตื่นแล้วก็รีบเข้ามาดูทันที“เป็นอย่างไรบ้างจื่อเอ๋อดีขึ้นบ้างหรือยัง”แม่เฒ่าสวียกมือขึ้นอังหน้าผากของนาง“ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านยาย ไม่ต้องห่วงข้าไม่เป็นอะไร”เสี่ยวหลันจื่อ ยิ้มให้นางจากนั้นจึงเดินเข้าไปตักโจ๊กมากินเล็กน้อย“เหตุใดถึงเงียบขนาดนี้ ไปไหนกันหมดเจ้าคะ”เสี่ยวหลันจื่อถามออกไปรวมๆ ไม่ได้เจาะจงว่าถามหาใครแม่เฒ่าสวีจึงไขความกระจ่างว่า“เมื่อวานตอนเย็น คุณหนูหลู่ทะเลาะกับหลิวหลีบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาขอให้พ่อหนุ่มช่วย พ่อหนุ่มเลยส่งนางกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”เสี่ยวหลันจื่อที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ภาพที่นางเห็นตรงเชิงเขาเมื่อวาน ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำข
เสี่ยวหลันจื่อและเซียวอี้เหิงหันขวับไปในทันที เสี่ยงที่ตะโกนมาจากทางด้านหลังของพวกเขาคือเสียงของ หลิวหลีบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน“พวกเจ้ากำลังเรื่องบัดสีอะไรกัน” เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นนางพูดจาใส่ร้ายตนก็ขมวดคิ้วทันที“เจ้าต่างหากพูดจาน่าเกลียดอะไรกัน ข้ากับเขาเป็นสามีภรรยาที่นอนร่วมห้องกัน จะทำสิ่งใดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นเจ้าต่างหากที่แส่ไม่เข้าเรื่องเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนก็เที่ยววิ่งตามบุรุษที่มีภรรยาแล้ว หากว่าพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าคิดหวังแย่งชิงสามีคนอื่น พ่อเจ้าจะทำหน้ายังไงแล้วในอนาคตหากข่าวลือแพร่ออกไปเจ้ายังจะแต่งให้ใครได้อีก “เสี่ยวหลันจื่อพูดรวดเดียวจบ นางรำคาญเรื่องวุ่นวายพวกนี้แล้วยิ่งนางหลบเลี่ยงก็ดูเหมือนเรื่องวุ่นวายจะยิ่งวิ่งเข้ามาหานาง“จ้า เจ้า “ หลิวหลีพูดไม่ออกสักคำ นางได้แต่ติดอ่างอยู่อย่างนั้น เรื่องข่าวลือเสียหายเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิงโบราณ และเสี่ยวหลันจื่อก็จี้ได้ตรงจุดยิ่งนัก หลิวหลีที่หวาดกลัวว่าหากมีข่างลือแพร่ออกไปว่านางคิดแย่งสามีคนอื่น นางจะต้องถูกท่านพ่อที่รักหน้าตายิ่งกว่าชีวิตฆ่าตายแน่ไหนจะตาเฒ่าหลิวนั่นอีก เมื่อก่อนใครๆ ต่างเล่าว่าเขาโหด
เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวเล็กน้อยเพราะนางนั่งเกร็งเป็นเวลานาน เซียวอี้เหิงผละออกจากซอกคอของนางใช้มือเรียวยาวเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากับเขา"ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่" เสี่ยวหลันจื่อหลบตาเขา“มองตาข้า มองเข้าไปในดวงตาของข้า เท่าที่เจ้ารู้มาข้าเคยทำเช่นนี้กับสตรีใดหรือไม่”เสี่ยวหลันจื่อหน้าแดงก่ำด้วยความอาย นางมุดหลบเข้าไปในอกเขาอีกรอบเหมือนที่เสี่ยวหงชอบทำตอนที่อยู่กับนาง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างหูของนาง ยิ่งทำให้นางอับอายยิ่งกว่าเดิม“จื่อเอ๋อ หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไปข้าจะไม่ทนอีกแล้วนะ”เสี่ยวหลันจื่อสะดุ้งทันทีเขาหัวเราะท่าทางขี้ขลาดของนางจนอกกระเพื่อมขึ้นลง“ท่านแกล้งข้า” นางตีที่หน้าอกเขาอย่างไม่แรงนักหนึ่งที“เอาล่ะข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว” เซียวอี้เหิงยกตัวนางขึ้นเหมือนท่าอุ้มเด็ก เสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบคว้าคอของเขาเอาไว้“เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วนะ เจ้าก็ห้ามทดสอบข้าเหมือนกันหากมีคราหน้าข้าจะทำให้เจ้าท้องป่องจนไม่กล้าออกไปก่อเรื่องข้างนอกอีก” เสี่ยวหลันจื่ออายจนต้องก้มหน้าซุกที่ซอกคอเขาเสี่ยวหลันจื่อเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหง เก็บสมุนไพรจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงพากันกลับไปที่เ
“ท่านอ๋อง หยุดก่อน” เสี่ยวหลันจื่อใช้มือสองข้างดันคางของเขาที่กำลังซุกซบอยู่ตรงซอกคอของนาง“จื่อเอ๋อข้าทนไม่ไหวแล้ว อย่าห้ามข้าเลย”เซียวอี้เหิงยังคงพยายามก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอของนาง มือสองข้างก็ไม่อยู่นิ่งทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม คอยเคล้นคลึงอกอวบ ส่วนมืออีกข้างบีบบั้นท้ายกลมกลึงของนางอย่างเมามัน เสี่ยวหลันจื่อเริ่มโมโหจึงกัดใบหูของเขาอย่างแรงคราวนี้ได้ผลทันที เซียวอี้เหิงร้องเสียงหลงออกมาเพราะความเจ็บ ฉีเหลยกับฉีเยี่ยนที่นอนอยู่ห้องข้างๆ รีบพังประตูเข้ามาทันที เพราะคิดว่ามีนักฆ่ามาลอบทำร้ายท่านอ๋อง โชคดีที่มีมุ้งโปร่งบางบังร่างทั้งสองคนเอาไว้และเสี่ยวหลันจื่อที่ตัวเล็กจึงถูกร่างของเขาบังจนมิด“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น มีนักฆ่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”เป็นฉีเยี่ยนที่บุกเข้ามาในห้องก่อนแต่ฉีเหลยที่หลบอยู่นอกห้องเพราะเขารู้สึกสะกิดใจว่าหากมีนักฆ่ากลางดึกท่านอ๋องคงไม่ร้องเสียงดังเพียงนี้คงจะฆ่าพวกมันเงียบๆ แล้วทำลายศพไม่เหลือซากไปแล้ว เซียวอี้เหิงที่โมโหคนที่มาขัดจังหวะเขาจึงใช้ลมปราณซัดฉีเยี่ยนออกไปนอกห้องทันที“ฉีเยี่ยนคืนนี้เจ้าคงจะยังไม่ง่วงนอน ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นเขาไปฝึกจนถึงเช้า”ฉีเยี่
เสี่ยวหลันจื่อนั่งนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายระหว่างที่นั่งรถม้าไปเมืองหลวงนางเอกแต่งกับพระเอก องค์ชายสามสมคบแคว้นฉู่ก่อกบฏแต่ล้มเหลวจึงถูกปลดเป็นสามัญชนแล้วเนรเทศไปชายแดนทางภาคเหนือ ที่รกร้างและมีหิมะตกถึงแปดเดือนในหนึ่งปีขุนนางที่เข้าร่วมการกบฏในครั้งนี้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรลำเอียงเห็นๆ ฮ่องเต้ไม่กล้าฆ่าลูกตัวเองแต่ครอบครัวคนอื่นกลับฆ่าได้อยางง่ายดายจะประหารองค์ชายสามเก้าชั่วโคตรได้ยังไงล่ะ มิใช่ต้องประหารตัวเองไปด้วยหรือ แบบนั้นสกุลเซียวได้สิ้นเผ่าพันธุ์แน่ๆออกมาจากอำเภอหยู่เปิงมาได้สักพัก เสี่ยวหลันจื่อสังเกตเห็นว่าเริ่มมีผู้คนเดินเท้ามากขึ้น มีรถม้าบนถนนมากขึ้น นางจึงถามสารถีเพราะเขาประจำอยู่ในอำเภอหยู่เปิงเขาอาจจะรู้อะไรมาบ้าง“สารถีเหตุใดมีผู้คนมากมายเพียงนี้” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนถามออกไป“แม่นางตอนนี้ทางใต้กำลังมีสงครามผู้คนเหล่านี้น่าจะอพยพมาจากทางใต้เพื่อหนีสงครามแน่นอน ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องของแคว้นเราเป็นผู้นำทัพออกต่อสู้พวกแคว้นฉู่ด้วยตัวเองทั้งยังมีแม่ทัพกู้ร่วมออกเดินทางไปรบครั้งนี้ด้วย”กู้ห้าวเหวินงั้นหรือ แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินพ่อขอกู้รั่วอวิ๋น นางเอกของเรื่อง“พวกเข
เช้าวันถัดมาทุกคนต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางเสี่ยวหลันจื่อรู้สึกอ่อนเพลียจากเมื่อวานที่ต้องเดินทั้งวันแล้วยังต้องแบกเจ้าชุดเกราะหนักหลายชั่งอีก นางแทบไม่มีแรงเหลือแล้วแต่ก็ต้องฝืนเดินต่อไป เสี่ยวหลันจื่อไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดแต่ก็ต้องฝืนกิน กองทัพออกเดินอีกครั้งเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่าตันเองเดินมานานแค่ไหน ตอนนี้นางแทบไม่รู้สึกถึงขาของตนเองแล้ว นางอยากจะนั่งลงเอาเท้ายันพื้นแล้วร้องไห้งอแงเหมือนที่เด็กๆ ทำ อยากตะโกนว่าเหนื่อยโว้ย อยากด่าเซียวอี้เหิงที่ไม่ยอมพาพวกเขาพักสักทีแต่นางทำไม่ได้เสี่ยวหลันจื่อที่อัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้แต่อดทน อดทนจนกว่าจะทนไม่ไหวและก่อนที่ความอดทนของนางจะหมดลง กองทัพก็ถูกสั่งให้หยุดพัก นางเกือบจะร้องไชโยออกมาดังๆวันที่สามเสี่ยวหลันจื่อรู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ นางรู้ว่าตัวเองกำลังท้องแต่นางจะป่วยตอนนี้ไม่ได้ดังนั้นจึงกินยาแก้ไข้กันเอาไว้ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยช่วงที่กองทัพพักเที่ยงเสี่ยวหลันจื่อกินอาหารไปเล็กน้อยจึงนั่งพิงเกวียนที่ใช้ขนอาวุธหลับไป นางฝันอีกครั้งนางฝันว่ากองทัพได้เดินผ่านช่องเขาแคบๆ ระหว่างที่พวกเขาเดินผ
วันต่อมาข่าวลือเรื่องที่มีกลุ่มคนต้องการลอบสังหารและสกัดกั้นกองทัพถูกท่านอ๋องจัดการก็แพร่ไปทั่วกองทัพ ชื่อเสียงของเซียวอี้เหิงยิ่งทำให้ทหารในกองทัพศรัทธาเขามากกว่าเดิมหลังจาเรื่องราวทุกอย่างผ่านไปเซียวอี้เหิงจึงเรียกฉีเหลยมาสอบถามว่าใครคือผู้ให้ข้อมูลนี้ เพราะตอนที่ฉีเหลยมารายงานเขาเรื่องนี้นั้น มีข้อแม้ว่าต้องรอให้ผ่านไปสองวันก่อนฉีเหลยยื่นหยกม่วงมังกรจันทร์เสี้ยวคืนให้เขา เซียวอี้เหิงชะงักไปทันที“ใครให้หยกนี่กับเจ้า”เซี่ยวอี้เหิงรุ้สึกสังหรณ์ใจว่าตนเองกำลังพลาดอะไรบางอย่าง“แม่นางอวี้พ่ะย่ะค่ะ” ฉีเหลยตอบเสียงเบา“นางมาที่หรือ เหตุใดนางไม่มาพบข้า”เซียวอี้เหิงคาดคั้นเอากับฉีเหลย“นางมาแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ท่านอ๋องไม่ต้องการคุยกับนาง”แล้วเหตุการณ์เมื่อสองวันก่อนก็ฉายแวบขึ้นมาในหัว“ทหารใหม่สามารถคุยกับข้าผู้เป็นอ๋องได้ตั้งแต่เมื่อใด กลับไปซะบังอาจขวางเวลาส่วนตัวที่ข้าต้องอยู่กับคุณหนูกู้ช่างหน้าตายนัก ครั้งนี้ข้าจะปล่อยไปก่อน หากมีครั้งหน้า....”ทหารตัวดำนั่น เซียวอี้เหิงหันขวับไปมองฉีเหลยในทันที ฉีเหลยหดคอเหมือนนกกระทาด้วยความกลัว“ท่านอ๋องเป็นคนไล่นางเองนะพ่ะย่ะค่ะ”เซียวอวี้เหิงถล
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก
เซียวอี้เหิงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าชำระกายเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างในวันนี้ เเต่ยังเรียกฉีหลิงให้มาดูแลเสี่ยวหลันจื่ออีกด้วยตอนเช้าทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันก่อนเขาจะขี่ม้าออกจากจวนไป เสี่ยวหลันจื่ออยู่ที่จวนไม่มีอะไรให้ทำนางจึงให้ฉีหลิงพานางเดินชมรอบๆ จวนตลอดทางที่ทั้งสองเดินผ่านบรรดาข้ารับใช้ต่างทำความเคารพนาง พวกเขาได้ข่าววแล้วว่าเมื่อคืนสตรีที่ถูกส่งมาจากในวังนอนห้องเดียวกับท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่บังคับพานางไปยังมีข่าวลืออีกอย่างว่านางร้องไห้อยากกลับไปที่วังหลวงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอมจึงบังคับพานางขึ้นเตียง ข้ารับใช้บางคนมองเสี่ยวหลันจื่อด้วยสายตาสงสาร ที่หญิงสาวผู้อ่อนแอต้องมาเจอความป่าเถื่อนของนายเหนือหัวของพวกเขา เรื่องข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยข้ารับใช้ในจวนต่างคิดว่าเสี่ยวหลันจื่อจะต้องเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเป็นอย่างมาก เพราะท่านอ๋องที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีถึงขั้นต้องบังคับนางขึ้นเตียงเลยทีเดียวทั้งสองเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปที่เรือนหลักในทุกวันเสี่ยวหลันจื่อก็นึกถึงลี่ปี้ที่
เซียวอี้เหิงส่ายหัวให้กับความสำออยของนางแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่โมโหนางอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นตามปกติข้ารับใช้ที่แสดงกิริยาเช่นนี้กับเขาจะต้องถูกโบยจนหลังแตกหมดแล้ว แต่กับนางเขากลับรู้สึกว่าอยากตามใจหรือไม่ก็อยากเอาใจนางไม่อยากให้นางหงุดหงิดหรือโมโหนี่มันเป็นความรู้สึกที่บ้ามากสำหรับคนที่พึ่งเคยพบกันเพียงสองครั้ง เซียวอี้เหิงก้มตัวลงมาที่เสี่ยวหลันจื่อใช้แขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กของนางขึ้น จากนั้นออกเดินไปอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าเขาเคยทำเช่นนี้ให้กับนางมานับครั้งไม่ถ้วนเสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตก ที่นางตกใจกว่าคือชินอ๋องผู้สง่างามกำลังอุ้มนางกำนัลตัวเล็กๆ เช่นนาง“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะคนอื่นมองกันหมดแล้วนี่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของท่านนะ”ไม่ใช่ว่าคาแรคเตอร์ของท่านต้องเย็นชาโหดเหี้ยมอะไรทำนองนั้นหรือ แล้วนี่มาอุ้มกันแบบนี้ต่อไปจะอยู่ที่จวนชินอ๋องได้ยังไงนางอายจริงๆ นะ เสี่ยวหลันจื่อหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเหมือนกันที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิงเช่นนี้ไม่นับรวมคุณตาที่โลกก่อนอุ้มนางต
เสี่ยวหลันจื่อ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวห้องเดิม“ระบบฉันกลับมาแล้วฉันพร้อมแล้วคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าบทลงโทษของการรีเซ็ตเรื่องราวทั้งหมด คืออะไร”เสี่ยวหลันจื่อยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบ“ไม่ต้องร้อนใจไปเมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เองทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะแล้วพบกันใหม่”สิ้นเสียงของระบบร่างของเสี่ยวหลันจื่อ ก็ถูกดูดออกจากห้องนั้นไปทันที ในสระบัวของอุทยานภายในวังหลวงมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปที่ก้นสระ เสี่ยวหลันจื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำและกำลังจะจมลงไปเธอจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไอ้ระบบเฮงซวยไร้หัวใจเสี่ยวหลันจื่อสาปแช่งระบบในใจ นี่ให้ฉันมาเกิดใหม่เพื่อจะฆ่าให้ตายอีกรอบใช่ไหม นางพึ่งจะถูกแทงมานะครั้งที่สองคิดจะให้จมน้ำตายหรือไง เสี่ยวหลันจื่อรีบว่ายเข้าหาฝั่งทันที เธอนั่งหอบหายใจอย่างหมดเเรงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้มันดูรุ่มร่ามไปหมดเสี่ยวหลันจื่อหยิบหนังสือนิยายออกมาจากระบบเพื่ออ่านเนื้อเรื่อง ยังไงก็ต้องหาข้อมูลของนิยายเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอไม่อย่ากต้องมาโผล่ในนิยายปุ๊บแล้วตายทันทีหรอกนะ ทันทีที่มือเสี่ย