เรื่องที่เสี่ยวหลันจื่อพนันกับหญิงสาวในหมู่บ้าน บุรุษสามคนที่กำลังถอนหญ้าอยู่ในทุ่งนาล้วนได้ยินกันทั้งหมด
“นางทำเช่นนี้ได้อย่างไรนายท่านให้ข้าจัดการกับนางดีหรือไม่ขอรับ”
ฉีเยี่ยนพูดขึ้นมาอย่างฮึดฮัด
“เจ้าคิดว่าข้าจะแพ้หรือ”
เซียวอี้เหิง ปรายตามองเขาเรียบๆ
“ย่อมต้องไม่เเพ้อยู่แล้วขอรับนายท่านเป็นถึงชินอ๋องจะแพ้ได้อย่างไร ข้าแค่ไม่ชอบที่นางลบหลู่เกียรติของท่าน”
ฉีเหลย อยากจะฟาดกบาลเจ้าโง่นี่จริงๆ
“ถ้าหากนางอยากจะเล่นพนันนักย่อมได้แต่ว่าข้าก็ต้องได้ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน”
เซียวอี้เหิง ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์
จากนั้นจึงเดินมาทางที่หญิงสาวในหมู่บ้านยืนชุมนุมกัน เซียวอี้เหิงเดินผ่านเสี่ยวหลันจื่อโดยไม่มองหน้านางเลยสักนิดแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าหลิวหลี บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน
“เจ้าก็งดงามไม่น้อย”
เซี่ยวอี้เหิงใช้มือที่เปื้อนโคลนสัมผัสใบหน้าของหลิวหลี หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนถึงกับเอียงอายกับท่าทางที่เขากระทำกับหลิวหลี
“ขะ….ข้า จะช่วยท่านถอนหญ้าเอง”
พูดจบหลิวหลีก็รีบวิ่งไปที่ผู้เฒ่าหลิวกำลังถอนหญ้าอยู่ ด้วยใบหน้าเขินอาย
“ท่านตาหลิวข้ามาช่วยท่านแล้ว”
หลิวหลีลงมือถอนหญ้าด้วยความขมักเขม้น ตลอดมาไหนเลยนางจะเคยทำงานหนักในนา ถอนหญ้าเพียงไม่นานมือของนางก็แตกจนเลือดซิบ หญิงสาวในหมู่บ้านเมื่อเห็นหลิวหลีลงไปถอนหญ้าพวกนางก็ทำตามรีบถอดรองเท้าลงไปในนาของผู้เฒ่าหลิว ช่วยกันถอนหญ้าอย่างขมักเขม้น
“ข้าไม่เคยรู้เลยว่าท่านจะเจ้าเล่ห์เพียงนี้” เสี่ยวหลันจื่แแซวเขาเบาๆ
เซียวอี้เหิงไม่สนใจนาง เดินกลับไปที่บ้านสกุลหลิวทิ้งหญิงสาวมากมายในหมู่บ้าน ที่กำลังถอนหญ้าในนาไว้ข้างหลัง
“เชอะ ทำเป็นหยิ่ง"
เสี่ยวหลันจื่อ แลบลิ้นตามหลังเขาไป
เพียงไม่นานที่นาสิบหมู่ก็ถูกถอนหญ้าออกจนหมด หญิงสาวชาวบ้านที่คิดว่าจะมาช่วยถอนหญ้าเอาใจเซียวอี้เหิง ก็กลับมา พวกนางต่างมองหาว่าเซียวอี้เหิงหายไปไหน
“สามีของเจ้าเล่าหายไปไหนแล้ว”
เสี่ยวหลันจื่อ ยังไหล่ส่ายหัว
“ไม่รู้สิคงจะกลับบ้านไปแล้วมั้ง” นางยกมือขึ้นบีบจมูก ทำท่าทางรังเกียจหญิงสาวเหล่านั้น
"พวกเจ้าอยากไปหาเขาก็กลับบ้านไปอาบน้ำซะก่อนเถอะกลิ่นโคลนที่ตัวพวกเจ้าแรงมากเลย"
เสี่ยวหลันจื่อ ทำท่าทางรังเกียจแล้วขยับออกห่างจากพวกนาง สาวชาวบ้านเหล่านั้นต่างรีบกลับบ้านอาบน้ำเพื่อจะไปหาเซียวอี้เหิงเสี่ยวหลันจื่อหัวเราะไล่หลังพวกนางไป
"ท่าทางของเจ้ากำลังสนุกเชียว เหตุใดต้องแกล้งพวกนางด้วย"
จางเสวี่ยมองเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เข้าใจ
"ข้าแกล้งพวกนางที่ไหนกันเป็นพวกนางต่างหากที่ต้องการเช่นนี้ ข้าแค่หยิบยื่นโอกาสให้พวกนาง จะสำเร็จหรือล้มเหลวก็ขึ้นอยู่กับพวกนางทั้งนั้นเกี่ยวอันใดกับข้า ไปเถอะวันนี้ว่าง ไม่มีอะไรทำเราไปเดินเล่นบนเขากัน"
เสี่ยวหลันจื่อคล้องเเขนจางเสวี่ยอย่างสนิทสนม เสี่ยวหงที่เกาะอยู่บนไหล่โยกตัวไปมาท่าทางคึกคักเพราะมันจะได้ขึ้นเขาอีกแล้ว
"กระรอกดินของเจ้าท่าทางแปลกนักข้าไม่เคยเห็นกระรอกดินสีแดงเช่นนี้มาก่อนแถมมันยังมีเท้าปุกปุยไม่เหมือนของกระรอกดินเลย"
จางเสวี่ยจ้องมองเสี่ยวหงด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นตัวอะไรเห็นอยู่ในป่ามันน่ารักดีก็เลยพามันกลับมาด้วย"
เสี่ยวหลันจื่อกับจางเสวี่ยและเสี่ยวหงกลับมาในตอนบ่ายเพราะพวกเขาขึ้นเขาโดยที่ไม่ได้เอาอะไรไปด้วยจึงเก็บเห็ดกับผักป่ามาด้วยนิดหน่อย เสี่ยวหลันจื่อคิดว่าเย็นนี้จะเอาเห็ดมาทำอะไรกินดี เมื่อวานนางตุ๋นเครื่องในหมูกับหมูสามชั้นเอาไว้ ต้องอาหารแก้เลี่ยนสักหน่อย
กลับมาถึงเรือนสกลุหลิวเสี่ยวหลันจื่อถึงกับตกใจกับข้าวของมากมายทั้งผัก ไข่ ไก่ มันเทศ ยังมีเนื้อหมูอีก นางเดินไปถามเเม่เฒ่าสวีทันที
"ท่านยายของเยอะแยะมากมายเหล่านี้มาจากที่ไหน"
"จะที่ไหนซะอีกล่ะ ก็หญิงสาวในหมู่บ้านน่ะสิ หอบของพวกนี้มาบอกว่าให้เอาไว้บำรุง พวกเขาสามคน เจ้าตัวดีเจ้าไปทำอะไรไว้"
เเม่เฒ่าสวีส่งสายตาคาดโทษไปที่เสี่ยวหลันจื่อ ถ้าหากไม่ใช่หลานสาวคนงามของนางจะเป็นใครได้อีกเพราะเจ้าหนุ่มสามคนนี้ไม่มีทางสุงสิงกับชาวบ้านอย่างแน่นอน
"ข้าเปล่านะท่านยายข้าไม่ได้ทำอะไรเลยพวกนางเต็มใจเองต่างหาก"
เสี่ยวหลันจื่อ ปฏิเสธหน้าตาย
"คอยดูเถอะถ้าหากว่าพ่อแม่หญิงสาวเหล่านั้นมาหาเรื่องที่นี่ยายจะไม่ช่วยเจ้า"
เเม่เฒ่าสวีหันหลังให้นางแสร้งโกรธเคือง
"โธ่ท่านยาย ข้าไม่ได้ทำอะไรจริงๆ นะหลิวหลีเป็นคนบอกว่าอยากได้เซียวอี้เหิง ข้าก็เเค่ไม่ได้ขัดขวาง เเต่ถ้าหากเซียวอี้เหิงชอบนางข้าก็ยินดียกให้"
เสี่ยวหลันจื่อลอยหน้าลอยตาพูด
"เจ้าเด็กคนนี้ทำอะไรแผลงๆ เล่นอะไรไม่รู้ขอบเขต คนทั้งคนจะยกให้คนโน้นคนนี้ได้อย่างไร"
เสี่ยวหลันจื่อยักไหล่เดินเข้าบ้านไป เพราะไม่อยากทะเลาะกับแม่เฒ่าสวี ตอนเย็นหลังจากรับประทานอาหารเสร็จ เสี่ยวหลันจื่อที่กำลังอาบน้ำมองหน้าประตูอย่างครุ่นคิด จะทำยังไงไม่ให้เจ้าอ๋องหน้าหนานั่นเข้ามาในห้องของนางได้
ประตูผุเช่นนี้คงไม่สามารถป้องกันอะไรได้ ทำไมเขาต้องอยากมานอนห้องเดียวกับนางทั้งๆ ที่ไม่ได้รู้สึกชอบพอหรือรักใคร่ในตัวนางจะต้องมีอะไรแน่ๆ
หลังจากอาบน้ำเสร็จเสี่ยวหลันจื่อเดินมาหาเซียวอี้เหิง ที่นั่งอยู่ในศาลาใต้ต้นอู๋ถงหน้าบ้าน
"เรามีเรื่องต้องคุยกัน" เสี่ยวหลันจื่อมองสององครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างกายเขา
เซียวอี้เหิงพยักหน้าฉีเหลยกับฉีเยี่ยน เดินเลี่ยงออกไปอีกด้าน เสี่ยวหลันจื่อเดินมานั่งลงตรงข้ามเขากลิ่นหอมของครีมอาบน้ำที่เสี่ยวหลันจื่อใช้ กลิ่นหอมอ่อนๆ โชยออกมาเพราะนางเพิ่งจะอาบน้ำเสร็จ เซียวอี้เหิงอดที่จะสูดดมเข้าไปไม่ได้ แม้แต่กลิ่นหอมของนางก็แตกต่างจากผู้อื่น หลิ่นหอมของนางไม่มีกลิ่นฉุน เหมือนกลิ่นแป้งชาดที่สตรีในเมืองหลวงเหล่านั้นใช้
"ท่านมีอะไรอยากจะบอกกับข้าหรือไม่"
เซียวอี้เหิงเลิกคิ้วขึ้นมองนาง
"ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการอยากจะคุยกับข้าหรือ"
เซียวอี้เหิงยกชาขึ้นดื่ม เสี่ยวหลันจื่อกลืนน้ำลายลงคอเล็กน้อยแล้วใช้ความกล้าถามเค้าออกไป
"มีเหตุผลอะไรที่ ท่านจะต้องนอนห้องเดียวกันกับข้าให้ได้ ข้ารู้ว่าท่านไม่ได้มีความรักใคร่หรือรู้สึกเสน่หาต่อข้าแม้แต่น้อยแต่ท่านกลับลงทุนมาอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆ ในหุบเขาเช่นนี้เพื่อที่จะนอนห้องเดียวกับข้าท่านจะต้องมีเหตุผลอะไรบางอย่างแน่"
เสี่ยวหลันจื่อ พูดในสิ่งที่ตนเองสงสัยมาตลอดสองวันรวมถึงวันแรกที่พวกเขาเจอกัน
เซียวอี้เหิงยกยิ้มมุมปาก
"ดูเหมือนว่าเจ้าจะฉลาดกว่าที่ข้าคิด"เซียวอี้เหิงเงียบไปเล็กน้อย
"ถูกต้อง ข้าย่อมมีเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นจะต้องนอนห้องเดียวกันกับเจ้า"
"เหตุผลคืออะไร" เสี่ยวหลันจื่อ ถามสวนออกไปทันที
"เหตุผลนั้นข้าไม่อาจบอกเจ้าได้ เจ้ารู้เพียงว่าเจ้าต้องนอนกับข้า แค่นั้น"
"แล้วข้าจะต้องนอนกับท่านอีกนานแค่ไหน"
เสี่ยวหลันจื่อโมโหเล็กน้อย นางถามหาเหตุผลถึงขนาดนี้เขายังจะปิดบังมันอีก
"จนกว่าข้าจะบอก"
เสี่ยวอี้เหิง ไม่สนใจใบหน้าที่กำลังโมโหจนแดงก่ำของนาง
"ถ้าหากท่านไม่บอกให้หยุด ข้ามิต้องนอนกับท่านตลอดไปหรือแล้วอย่างนี้ข้าจะแต่งงานได้ยังไง"
เซียวอี้เหิงหันขวับไปหานางทันที
"เจ้ายังคิดว่าตนเองจะแต่งงานได้อีกหรือ ไม่ใช่ว่าเจ้า…." เซียวอี้เหิงหยุดคำพูดสุดท้ายเอาไว้
นั่นสิอวี้ซูเหยานอนกับเขาไปเเล้วนี่ เสี่ยวหลันจื่อคิด
"ต่อให้ข้าไม่ได้แต่งงานข้าก็ไม่อยากอยู่กับท่าน"
เสี่ยวหลันจื่อพูดจบก็เดินเข้าเรือนไป เซียวอี้เหิงมองตามร่างบางที่เดินหายลับไปในเรื่อนด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ออก
ผ่าน ไปหลายวันหญิงสาวในหมู่บ้าน ที่มาเฝ้า เซียวอี้เหิงก็เริ่มลดลง พวกนางเริ่มถอดใจเพราะคุณชายคนนี้ช่าง เย็นชายิ่งนัก อย่าว่าแต่คุยด้วยเลยแค่เข้าใกล้ยังไม่ได้
เเต่หลิวหลี บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้านนั้นยังไม่ถอดและใจวันนี้เสี่ยวหลันจื่อจะไปขาย สมุนไพรเพราะเมื่อวานนางเก็บมาได้ไม่น้อย
"เสี่ยวหงวันนี้เราไปหาอะไรอร่อยๆ กินในอำเภอกัน" เสี่ยวหงคึกคักเป็พิเศษเมื่อได้ยินคำว่าของอร่อย อาหารทุกอย่างที่เสี่ยวหลันจื่อทำ ล้วนอร่อยทั้งนั้นตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าสาวหงจะดูอ้วนกว่าเดิมแม้ว่าตัวจะยังสั้นเท่าเดิมก็ตาม
เสี่ยวหลันจื่อให้ฉีเหลย เอาเกวียนวัวออกมา นางไม่อยากใช้ฉีเยี่ยน เพราะนางรู้ว่าฉีเยี่ยนไม่ชอบนาง และนางก็ไม่ใช้ให้เซียวอี้เหิง ขับเกวียนให้นาง
วันนี้เจ้าเข้าไปในอำเภอกับข้า มีหลายอย่างที่ต้องซื้อเจ้าจะได้ช่วยข้าแบกของ
ฉีเหลย พยักหน้ารับ ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเริ่มรับคำสั่งของนางด้วยความเคยชิน
ตอนที่ฉีเหลย จะเข้าประจำที่คนขับเซียวอี้เหิง ก็ใช้ความเร็วที่เร็วกว่าแทรกเข้าไปนั่งที่คนขับแทน
"เจ้าไม่ต้องไปรออยู่ที่นี่แหละ"
ฉีเหลย ชะงักไปเล็กน้อยจากนั้นก็พยักหน้ารับ
เสี่ยวหลันจื่อ ปีนขึ้นท้ายเกวียน
"ไปได้เลยฉีเหลย"
เสี่ยวหลันจื่อสั่ง โดยที่ไม่รู้ว่าสารถีได้ถูกเปลี่ยนตัวเรียบร้อยแล้ว
เมื่อเกวียนวัวของเสี่ยวหลันจื่อไปถึงอำเภอนางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย"ทำไมเป็นท่านล่ะ เเล้วฉีเหลยไปไหน"เสี่ยวหลันจื่อมองหาฉีเหลย"ทำไมถึงจะเป็นข้าไม่ได้ "เซี่ยวอี้เหิงปรายตามองเสี่ยวหลันจื่อเรียบๆ"ก็ไม่ทำไม ข้าเพียงคิดว่าฉีเหลยจะมาด้วยเพราะ ข้าจะให้เขาช่วยถือของที่ข้าจะซื้อวันนี้""ข้าก็ถือได้" เซียวอี้เหิงพูดจบก็เดินนำหน้านางไปเสี่ยวหลันจื่อเกาหัว ไม่เข้าใจอารมณ์และความคิดของเขาเอาซะเลยหลังจากขายสมุนไพรแล้วเสี่ยวหลันจื่อก็ไปที่ร้านจี้ชิงหรูอีกครั้ง คราวที่แล้วนางไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาทั้งสามคนวันนี้จึงคิดว่าจะซื้อให้พวกเขาซะหน่อย จะปล่อยให้ใส่เเต่ชุดหรูหราเดินลอยไปลอยมาในหมู่บ้านมันรู้สึกทิมแทง สายตานางยังไงไม่รู้"โอ้ ดูซินั่นใครมาเสี่ยวหลันจื่อขอเราไมใช่หรือ สร้างเรื่องเอาไว้ใหญ่โตแล้ว หนีหายไปเลยนะ"เจียงฉงเหนียง ผู้ดูแลจี้ชิงหรูรีบออกมาคล้องเเขนนาง อย่างสนิทสนมที่หน้าร้าน"เจ้าคิดมากไปแล้วข้าสร้างเรื่องที่ได้กันเป็นเขาต่างหาก"เสี่ยวหลันจื่อชี้ไปที่เซียวอี้เหิงที่ยืนใบหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ นาง"เจ้าไม่รู้อะไรหลังจากที่เจ้ากลับไปสตรีทั้งหลายในอำเภอต่างพากันมาที่นี่เพื่อสอบถาม
เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนวัวกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงยกเอาตะกร้าที่ใส่ของลงมาด้วย หน้าบ้านสกุลหลิวมีหญิงสาวหลายคนยืนอยู่หนึ่งในนั้นมีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย"พวกเจ้ากลับมาแล้ว "หลิวหลีส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เซียวอี้เหิง ก่อนที่มันจะเจือนลง เมื่อมีหญิงงามแต่งตัวหรูหรางดงามเหมือนกับคุณหนูที่มาจากในเมือง“นางเป็นใครเหตุใดนางถึงมากับพวกเจ้า”หลิวหลีหันมาถามเสี่ยวหลันจื่อ“ข้าคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีหลู่แห่งอำเภอหยู่ปิง” พูดจบนางก็เดินเดินเชิดหน้ามายืนเซียวอี้เหิง“แล้วคุณหนูหลู่ ผู้สูงส่งมาทำอะไรที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้” หลิวหลีถามเสียงประชดประชัน“ข้ามาทำอะไรที่นี่เกี่ยวอันใดกับเจ้าแล้วนี่เจ้าเป็นใคร” หลู่หลิงเซียนเมินหลิวหลี ไปโดยปริยาย มองประตู เรือนที่ดูผุพังเหมือนถูกสร้างมาแล้วหลายสิบปี“ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ” หลู่หลิงเซียงถามเสี่ยวหลันจื่อ“ใช่แล้วที่นี่คือบ้านของข้า”“เข้าบ้านเถอะ” เซียวอี้เหิง จูงมือเสี่ยวหลันจื่อเดินผ่านหญิงสาวหลายคนที่มายืนรุมล้อมอยู่หน้าบ้านสกุลหลิวหลู่หลิงเซียนที่ถูกเมินก็ถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจนักเมื่อเข้ามาถึงในเรือน หลู่หลิงเซีย
เสี่ยวหลันจื่อตื่นมาด้วยอาการงัวเงียนางรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก เมื่อวานตอนเที่ยงกับตอนเย็นไม่ได้ทานข้าวทำให้นางรู้สึกไร้กำลัง เสี่ยวหงที่นอนอยู่ข้างๆ นางเอาหัวเล็กๆ มาคลอเคลียข้างแก้มออดอ้อน เมื่อวานมันเห็นนางร้องไห้มันก็รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วยวันนี้จึงอยากทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง“ยังเป็นเจ้าที่ดีกับข้าที่สุดนะเสี่ยวหง” เสี่ยวหลันจื่อกอดมันจากนั้นก็ลุกออกไปล้างหน้าล้างตา ท่านยายที่เห็นหลานสาวตื่นแล้วก็รีบเข้ามาดูทันที“เป็นอย่างไรบ้างจื่อเอ๋อดีขึ้นบ้างหรือยัง”แม่เฒ่าสวียกมือขึ้นอังหน้าผากของนาง“ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านยาย ไม่ต้องห่วงข้าไม่เป็นอะไร”เสี่ยวหลันจื่อ ยิ้มให้นางจากนั้นจึงเดินเข้าไปตักโจ๊กมากินเล็กน้อย“เหตุใดถึงเงียบขนาดนี้ ไปไหนกันหมดเจ้าคะ”เสี่ยวหลันจื่อถามออกไปรวมๆ ไม่ได้เจาะจงว่าถามหาใครแม่เฒ่าสวีจึงไขความกระจ่างว่า“เมื่อวานตอนเย็น คุณหนูหลู่ทะเลาะกับหลิวหลีบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาขอให้พ่อหนุ่มช่วย พ่อหนุ่มเลยส่งนางกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”เสี่ยวหลันจื่อที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ภาพที่นางเห็นตรงเชิงเขาเมื่อวาน ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำข
เสี่ยวหลันจื่อและเซียวอี้เหิงหันขวับไปในทันที เสี่ยงที่ตะโกนมาจากทางด้านหลังของพวกเขาคือเสียงของ หลิวหลีบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน“พวกเจ้ากำลังเรื่องบัดสีอะไรกัน” เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นนางพูดจาใส่ร้ายตนก็ขมวดคิ้วทันที“เจ้าต่างหากพูดจาน่าเกลียดอะไรกัน ข้ากับเขาเป็นสามีภรรยาที่นอนร่วมห้องกัน จะทำสิ่งใดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นเจ้าต่างหากที่แส่ไม่เข้าเรื่องเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนก็เที่ยววิ่งตามบุรุษที่มีภรรยาแล้ว หากว่าพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าคิดหวังแย่งชิงสามีคนอื่น พ่อเจ้าจะทำหน้ายังไงแล้วในอนาคตหากข่าวลือแพร่ออกไปเจ้ายังจะแต่งให้ใครได้อีก “เสี่ยวหลันจื่อพูดรวดเดียวจบ นางรำคาญเรื่องวุ่นวายพวกนี้แล้วยิ่งนางหลบเลี่ยงก็ดูเหมือนเรื่องวุ่นวายจะยิ่งวิ่งเข้ามาหานาง“จ้า เจ้า “ หลิวหลีพูดไม่ออกสักคำ นางได้แต่ติดอ่างอยู่อย่างนั้น เรื่องข่าวลือเสียหายเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิงโบราณ และเสี่ยวหลันจื่อก็จี้ได้ตรงจุดยิ่งนัก หลิวหลีที่หวาดกลัวว่าหากมีข่างลือแพร่ออกไปว่านางคิดแย่งสามีคนอื่น นางจะต้องถูกท่านพ่อที่รักหน้าตายิ่งกว่าชีวิตฆ่าตายแน่ไหนจะตาเฒ่าหลิวนั่นอีก เมื่อก่อนใครๆ ต่างเล่าว่าเขาโหด
เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวเล็กน้อยเพราะนางนั่งเกร็งเป็นเวลานาน เซียวอี้เหิงผละออกจากซอกคอของนางใช้มือเรียวยาวเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากับเขา"ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่" เสี่ยวหลันจื่อหลบตาเขา“มองตาข้า มองเข้าไปในดวงตาของข้า เท่าที่เจ้ารู้มาข้าเคยทำเช่นนี้กับสตรีใดหรือไม่”เสี่ยวหลันจื่อหน้าแดงก่ำด้วยความอาย นางมุดหลบเข้าไปในอกเขาอีกรอบเหมือนที่เสี่ยวหงชอบทำตอนที่อยู่กับนาง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างหูของนาง ยิ่งทำให้นางอับอายยิ่งกว่าเดิม“จื่อเอ๋อ หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไปข้าจะไม่ทนอีกแล้วนะ”เสี่ยวหลันจื่อสะดุ้งทันทีเขาหัวเราะท่าทางขี้ขลาดของนางจนอกกระเพื่อมขึ้นลง“ท่านแกล้งข้า” นางตีที่หน้าอกเขาอย่างไม่แรงนักหนึ่งที“เอาล่ะข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว” เซียวอี้เหิงยกตัวนางขึ้นเหมือนท่าอุ้มเด็ก เสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบคว้าคอของเขาเอาไว้“เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วนะ เจ้าก็ห้ามทดสอบข้าเหมือนกันหากมีคราหน้าข้าจะทำให้เจ้าท้องป่องจนไม่กล้าออกไปก่อเรื่องข้างนอกอีก” เสี่ยวหลันจื่ออายจนต้องก้มหน้าซุกที่ซอกคอเขาเสี่ยวหลันจื่อเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหง เก็บสมุนไพรจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงพากันกลับไปที่เ
“ท่านอ๋อง หยุดก่อน” เสี่ยวหลันจื่อใช้มือสองข้างดันคางของเขาที่กำลังซุกซบอยู่ตรงซอกคอของนาง“จื่อเอ๋อข้าทนไม่ไหวแล้ว อย่าห้ามข้าเลย”เซียวอี้เหิงยังคงพยายามก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอของนาง มือสองข้างก็ไม่อยู่นิ่งทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม คอยเคล้นคลึงอกอวบ ส่วนมืออีกข้างบีบบั้นท้ายกลมกลึงของนางอย่างเมามัน เสี่ยวหลันจื่อเริ่มโมโหจึงกัดใบหูของเขาอย่างแรงคราวนี้ได้ผลทันที เซียวอี้เหิงร้องเสียงหลงออกมาเพราะความเจ็บ ฉีเหลยกับฉีเยี่ยนที่นอนอยู่ห้องข้างๆ รีบพังประตูเข้ามาทันที เพราะคิดว่ามีนักฆ่ามาลอบทำร้ายท่านอ๋อง โชคดีที่มีมุ้งโปร่งบางบังร่างทั้งสองคนเอาไว้และเสี่ยวหลันจื่อที่ตัวเล็กจึงถูกร่างของเขาบังจนมิด“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น มีนักฆ่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”เป็นฉีเยี่ยนที่บุกเข้ามาในห้องก่อนแต่ฉีเหลยที่หลบอยู่นอกห้องเพราะเขารู้สึกสะกิดใจว่าหากมีนักฆ่ากลางดึกท่านอ๋องคงไม่ร้องเสียงดังเพียงนี้คงจะฆ่าพวกมันเงียบๆ แล้วทำลายศพไม่เหลือซากไปแล้ว เซียวอี้เหิงที่โมโหคนที่มาขัดจังหวะเขาจึงใช้ลมปราณซัดฉีเยี่ยนออกไปนอกห้องทันที“ฉีเยี่ยนคืนนี้เจ้าคงจะยังไม่ง่วงนอน ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นเขาไปฝึกจนถึงเช้า”ฉีเยี่
เสี่ยวหลันจื่อนั่งนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายระหว่างที่นั่งรถม้าไปเมืองหลวงนางเอกแต่งกับพระเอก องค์ชายสามสมคบแคว้นฉู่ก่อกบฏแต่ล้มเหลวจึงถูกปลดเป็นสามัญชนแล้วเนรเทศไปชายแดนทางภาคเหนือ ที่รกร้างและมีหิมะตกถึงแปดเดือนในหนึ่งปีขุนนางที่เข้าร่วมการกบฏในครั้งนี้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรลำเอียงเห็นๆ ฮ่องเต้ไม่กล้าฆ่าลูกตัวเองแต่ครอบครัวคนอื่นกลับฆ่าได้อยางง่ายดายจะประหารองค์ชายสามเก้าชั่วโคตรได้ยังไงล่ะ มิใช่ต้องประหารตัวเองไปด้วยหรือ แบบนั้นสกุลเซียวได้สิ้นเผ่าพันธุ์แน่ๆออกมาจากอำเภอหยู่เปิงมาได้สักพัก เสี่ยวหลันจื่อสังเกตเห็นว่าเริ่มมีผู้คนเดินเท้ามากขึ้น มีรถม้าบนถนนมากขึ้น นางจึงถามสารถีเพราะเขาประจำอยู่ในอำเภอหยู่เปิงเขาอาจจะรู้อะไรมาบ้าง“สารถีเหตุใดมีผู้คนมากมายเพียงนี้” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนถามออกไป“แม่นางตอนนี้ทางใต้กำลังมีสงครามผู้คนเหล่านี้น่าจะอพยพมาจากทางใต้เพื่อหนีสงครามแน่นอน ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องของแคว้นเราเป็นผู้นำทัพออกต่อสู้พวกแคว้นฉู่ด้วยตัวเองทั้งยังมีแม่ทัพกู้ร่วมออกเดินทางไปรบครั้งนี้ด้วย”กู้ห้าวเหวินงั้นหรือ แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินพ่อขอกู้รั่วอวิ๋น นางเอกของเรื่อง“พวกเข
เช้าวันถัดมาทุกคนต้องตื่นแต่เช้าเพื่อออกเดินทางเสี่ยวหลันจื่อรู้สึกอ่อนเพลียจากเมื่อวานที่ต้องเดินทั้งวันแล้วยังต้องแบกเจ้าชุดเกราะหนักหลายชั่งอีก นางแทบไม่มีแรงเหลือแล้วแต่ก็ต้องฝืนเดินต่อไป เสี่ยวหลันจื่อไม่มีความอยากอาหารเลยสักนิดแต่ก็ต้องฝืนกิน กองทัพออกเดินอีกครั้งเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่าตันเองเดินมานานแค่ไหน ตอนนี้นางแทบไม่รู้สึกถึงขาของตนเองแล้ว นางอยากจะนั่งลงเอาเท้ายันพื้นแล้วร้องไห้งอแงเหมือนที่เด็กๆ ทำ อยากตะโกนว่าเหนื่อยโว้ย อยากด่าเซียวอี้เหิงที่ไม่ยอมพาพวกเขาพักสักทีแต่นางทำไม่ได้เสี่ยวหลันจื่อที่อัดอั้นตันใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้จึงได้แต่อดทน อดทนจนกว่าจะทนไม่ไหวและก่อนที่ความอดทนของนางจะหมดลง กองทัพก็ถูกสั่งให้หยุดพัก นางเกือบจะร้องไชโยออกมาดังๆวันที่สามเสี่ยวหลันจื่อรู้สึกตัวรุมๆ เหมือนจะเป็นไข้ นางรู้ว่าตัวเองกำลังท้องแต่นางจะป่วยตอนนี้ไม่ได้ดังนั้นจึงกินยาแก้ไข้กันเอาไว้ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ช่วยอะไรเลยช่วงที่กองทัพพักเที่ยงเสี่ยวหลันจื่อกินอาหารไปเล็กน้อยจึงนั่งพิงเกวียนที่ใช้ขนอาวุธหลับไป นางฝันอีกครั้งนางฝันว่ากองทัพได้เดินผ่านช่องเขาแคบๆ ระหว่างที่พวกเขาเดินผ
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก
เซียวอี้เหิงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าชำระกายเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างในวันนี้ เเต่ยังเรียกฉีหลิงให้มาดูแลเสี่ยวหลันจื่ออีกด้วยตอนเช้าทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันก่อนเขาจะขี่ม้าออกจากจวนไป เสี่ยวหลันจื่ออยู่ที่จวนไม่มีอะไรให้ทำนางจึงให้ฉีหลิงพานางเดินชมรอบๆ จวนตลอดทางที่ทั้งสองเดินผ่านบรรดาข้ารับใช้ต่างทำความเคารพนาง พวกเขาได้ข่าววแล้วว่าเมื่อคืนสตรีที่ถูกส่งมาจากในวังนอนห้องเดียวกับท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่บังคับพานางไปยังมีข่าวลืออีกอย่างว่านางร้องไห้อยากกลับไปที่วังหลวงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอมจึงบังคับพานางขึ้นเตียง ข้ารับใช้บางคนมองเสี่ยวหลันจื่อด้วยสายตาสงสาร ที่หญิงสาวผู้อ่อนแอต้องมาเจอความป่าเถื่อนของนายเหนือหัวของพวกเขา เรื่องข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยข้ารับใช้ในจวนต่างคิดว่าเสี่ยวหลันจื่อจะต้องเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเป็นอย่างมาก เพราะท่านอ๋องที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีถึงขั้นต้องบังคับนางขึ้นเตียงเลยทีเดียวทั้งสองเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปที่เรือนหลักในทุกวันเสี่ยวหลันจื่อก็นึกถึงลี่ปี้ที่
เซียวอี้เหิงส่ายหัวให้กับความสำออยของนางแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่โมโหนางอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นตามปกติข้ารับใช้ที่แสดงกิริยาเช่นนี้กับเขาจะต้องถูกโบยจนหลังแตกหมดแล้ว แต่กับนางเขากลับรู้สึกว่าอยากตามใจหรือไม่ก็อยากเอาใจนางไม่อยากให้นางหงุดหงิดหรือโมโหนี่มันเป็นความรู้สึกที่บ้ามากสำหรับคนที่พึ่งเคยพบกันเพียงสองครั้ง เซียวอี้เหิงก้มตัวลงมาที่เสี่ยวหลันจื่อใช้แขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กของนางขึ้น จากนั้นออกเดินไปอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าเขาเคยทำเช่นนี้ให้กับนางมานับครั้งไม่ถ้วนเสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตก ที่นางตกใจกว่าคือชินอ๋องผู้สง่างามกำลังอุ้มนางกำนัลตัวเล็กๆ เช่นนาง“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะคนอื่นมองกันหมดแล้วนี่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของท่านนะ”ไม่ใช่ว่าคาแรคเตอร์ของท่านต้องเย็นชาโหดเหี้ยมอะไรทำนองนั้นหรือ แล้วนี่มาอุ้มกันแบบนี้ต่อไปจะอยู่ที่จวนชินอ๋องได้ยังไงนางอายจริงๆ นะ เสี่ยวหลันจื่อหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเหมือนกันที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิงเช่นนี้ไม่นับรวมคุณตาที่โลกก่อนอุ้มนางต
เสี่ยวหลันจื่อ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวห้องเดิม“ระบบฉันกลับมาแล้วฉันพร้อมแล้วคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าบทลงโทษของการรีเซ็ตเรื่องราวทั้งหมด คืออะไร”เสี่ยวหลันจื่อยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบ“ไม่ต้องร้อนใจไปเมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เองทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะแล้วพบกันใหม่”สิ้นเสียงของระบบร่างของเสี่ยวหลันจื่อ ก็ถูกดูดออกจากห้องนั้นไปทันที ในสระบัวของอุทยานภายในวังหลวงมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปที่ก้นสระ เสี่ยวหลันจื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำและกำลังจะจมลงไปเธอจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไอ้ระบบเฮงซวยไร้หัวใจเสี่ยวหลันจื่อสาปแช่งระบบในใจ นี่ให้ฉันมาเกิดใหม่เพื่อจะฆ่าให้ตายอีกรอบใช่ไหม นางพึ่งจะถูกแทงมานะครั้งที่สองคิดจะให้จมน้ำตายหรือไง เสี่ยวหลันจื่อรีบว่ายเข้าหาฝั่งทันที เธอนั่งหอบหายใจอย่างหมดเเรงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้มันดูรุ่มร่ามไปหมดเสี่ยวหลันจื่อหยิบหนังสือนิยายออกมาจากระบบเพื่ออ่านเนื้อเรื่อง ยังไงก็ต้องหาข้อมูลของนิยายเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอไม่อย่ากต้องมาโผล่ในนิยายปุ๊บแล้วตายทันทีหรอกนะ ทันทีที่มือเสี่ย