ตอนี่14 หนุ่มชาวนาผู้หล่อเหลา
เสี่ยวหลันจื่อไม่สนใจบุรุษทั้งสามที่แย่งชิงเนื้อกัน นางเดินเข้าไปในครัวลวกบะหมี่เพิ่มอีกสามชามยกออกมาแล้ววางไว้ตรวหน้าพวกเขา
“ไม่อิ่มก็เอาน้ำซุปราดลงบนบะหมี่อร่อยเหมือนกัน" พูดจบนางก็หันมาหาสองผู้เฒ่าที่ตอนนี้อิ่มจนขยับตัวไม่ไหว
" ท่านตาท่านยาย กินเนื้อเยอะๆ หลังจากอิ่มแล้วพวกท่านก็เดินย่อยสักหน่อย ข้าจะต้มน้ำเอาไว้ให้ อีกครึ่งชั่วยามค่อยอาบน้ำนะ"
เสี่ยวหลันจื่อพูดจบก็เดินเข้าครัวไป
เซียวอี้เหิงมองดูเส้นบะหมี่ที่วางอยู่ตรงหน้าของตน แล้ว จึงหันไปมองตามหลังที่เดินหายเข้าครัวไป เขาดันถ้วยบะหมี่ให้ฉีเยี่ยนแล้วลุกขึ้น
“นายท่าน อิ่มแล้วหรือขอรับ ทานอีกสักหน่อยสิ"
เป็นฉีเหลยที่ดึงเขาเอาไว้อีกครั้ง
“กินเสร็จแล้วเก็บกวาดให้เรียบร้อย” ก่อนเดินตามเสี่ยวหลันจื่อไปเซียวอี้เหิงหันมาสั่งชายหนุ่มทั้งสอง
เสี่ยวหลันจื่อที่กำลังง่วนอยู่กับการใส่ฟืนลงไปในเตาเพื่อต้มน้ำจึงไม่ได้ยินเสียง เซียวอี้เหิงที่เดินมาข้างหลัง นางลุกขึ้นยืนแล้วหันหลังไปจึงทำให้ชนเข้ากับแผ่นอกแข็งแรงของเซียวอี้เหิงจนหงายหลัง ก่อนที่เสี่ยวหลันจื่อจะหงายหลังล้มลงบนเตาที่กำลังต้มน้ำอยู่ แขนแข็งแรงของเซียวอี้เหิง ก็คว้าร่างของนางเข้ามาในอ้อมแขนของตนได้อย่างทันท่วงที
“เหตุใดท่านมายืนอยู่ข้างหลังข้าเงียบๆ เช่นนี้ทำเอาข้าตกใจจนเกือบหงายหลังลงบนน้ำร้อนแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อที่ตกใจเป็นอย่างมาก ต่อว่าเขาเสียงดัง
“ข้าก็เดินมาของข้าปกติ เจ้าต่างหากที่มัวเเต่เหม่อ ลอยอันใดอยู่จนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุแล้ว”
“ข้าเปล่านะ เป็นท่านต่างหากที่ผิด”
เสี่ยวหลันจื่อเถียงออกไปข้างๆคูๆ ทั้งสองคนมัวแต่เถียงกันโดยลืมไปว่ากำลังกอดกันอยู่ ฉีเหลยที่ถือชามเดินเข้ามา ตกใจจนตาค้างทำชามกับตะเกียบหลุดมือทำให้ทั้งสองคนได้สติแล้วผละออกจากกัน
“ขะ ขออภัย พวกท่านต่อเถอะข้าไม่รบกวนแล้ว”
ฉีเหลย รีบวิ่งออกจากห้องครัวไป
“ลนลานอะไรของเขากัน” เสี่ยวหลันจื่อเก็บชามกับตะเกียบที่อยู่บนพื้นขึ้นมาวางลงในอ่างที่เตรียมเอาไว้ล้างชาม
“เจ้าไม่ต้องทำหรอกปล่อยให้พวกเขาทำเถอะ ตามข้ามานี่”
เซียวอี้เหิงดึง มือของเสี่ยวหลันจือตามตนเองออกไป
“นี่ท่านจะพาข้าไปไหนจะมืดแล้วนะ” เสี่ยวหลันจื่อ กึ่งเดินกึ่งวิ่งตามเขาไปด้วยขาที่สั้นกว่า
หลังจาก ที่ทั้งสองเดิน ออกมาได้สักพักเซียวอี้เหิง ก็ใช้แขนอีกข้างรวบเอวของนางเข้ามาแนบอก จากนั้นใช้วิชาตัวเบาทะยานออกจากที่แห่งนั้นไป
“ว้าว” เสียงเล็กๆ ดังขึ้นที่ข้างหูของเซียวอี้เหิง ด้วยความตื่นเต้น
“ข้าไม่นึกเลยว่าถ้าจะเก่งกาจปานนี้”
เสี่ยวหลันจื่อยกนิ้วให้เขา
“จับดีๆ หากเจ้าร่วงลงไปข้าไม่รับผิดชอบ”
เซียวอี้เหิงขู่นาง เสี่ยวหลันจื่อรีบคว้าเอวเขาเอาไว้อย่างรวดเร็วเพราะกลัวว่าตัวเองจะตกลงไปคอหักตาย เซียวอี้เหิงยกยิ้มมุมปากบางๆ เขาใช้วิชาตัวเบาทยาน ขึ้นภูเขามาได้สักพักจึงหยุดลงบนต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งที่มีอายุน่าจะมากกว่า หนึ่งร้อยปี จากนั้นจึงหากิ่งที่แข็งแรงและเหมาะนั่งลง เขาดึงเสี่ยวหลันจื่อมานั่งลงบนตักตัวเอง นางดิ้นต่อต้านเล็กน้อย
“นั่งลงดีๆ อยากจะตกลงไปคอหักตาย ข้างล่างหรือ” เสี่ยวหลันจื่อจึงนั่งนิ่งเลิกดิ้นทันที
“ท่านพาข้ามาที่นี่ทำไม” เสี่ยวหลันจื่อมองหน้าเขา
“ดูนั่นสิ” เซียวอี้เหิงชี้ให้เสี่ยวหลันจื่อมองไปที่ภูเขาอีกลูกด้านหน้า แสงพระอาทิตย์ยามเย็นที่กำลังจะหายลับไปหลังยอดภูเขาลูก นั้นเปล่งประกายย้อมท้องฟ้าให้กลายเป็นสีทอง เหมาะกับเสียงนกกาที่กำลังบินกลับรังนอน เสียงลมพัดใบไม้โยกไหวทำให้ให้บรรยากาศดูโรแมนติกยิ่งนัก เสี่ยวหลันจื่อ อึ้งกับภาพที่เห็น นางหลับตาสัมผัสสิ่งต่างๆรอบข้าง
มันเหมือนกับภาพวาดราคาแพงที่นางไม่มีวันจะได้จับต้อง นางรู้สึกเหมือนว่า ภาพนี้จะกลายเป็นของนางคนเดียว
ทั้งสองคนนั่งนิ่งต่างคนต่างความคิดแต่สายตากลับมองไปที่จุดเดียวกัน เสียงของเซียวอี้เหิงดังขึ้นข้างใบหูของนางทำให้ขนอ่อนบนตัวของเสี่ยวหลันจื่อลุกซู่อย่างไม่ทราบสาเหตุ แก้มของนางแดงขึ้นโดยอัตโนมัติลามไปถึงใบหู
“เจ้ามองไปที่ภูเขาลูกนั้นเมื่อถึงยามเหมันต์ ดอกท้อจะบานสะพรั่งทั่วทั้งภูเขา”
เสี่ยวหลันจื่อ แหงนหน้ามอง คนที่พูดกับนางอยู่ตอนนี้นางมองเห็นเพียงคางแหลมได้รูปที่เกลี้ยงเกลาและลูกกระเดือกที่กำลังขยับขึ้นลงตามเสียงพูด
เสี่ยวหลันจื่อ รู้สึกลำคอแห้งผากอย่างไม่ทราบสาเหตุนาไม่เคยเป็นเช่นนี้มาก่อน ริมฝีปากบางได้รูปของเขาช่างเย้ายวน นางไม่เคยเห็นใครที่ ริมฝีปากน่ากินขนาดนี้
เสี่ยวหลันจื่น สะบัดหน้าตัวเองไปมาไล่ความคิดไร้สาระของตัวเอง ใบหน้าเล็กที่ประเดี๋ยวซีดประเดี๋ยวแดง ประเดี๋ยวครุ่นคิด ประเดี๋ยวโมโห ทำให้ดูตลกยิ่งนัก
เซียวอี้เหิงไม่เคยคิดว่าคนหนึ่งคนจะแสดงสีหน้าได้มากมายถึงเพียงนี้ เมื่อพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเซียวอี้เหิง ก็พาเสี่ยวหลันจื่อ กลับมาที่บ้านตระกูลหลิว
“กลับมาแล้วหรือ จื่อเอ่อเจ้าหนุ่มพวกเจ้าไปไหนกันมา” เเม่เฒ่าสวี ซักถามอย่างอยากรู้อยากเห็น
เสี่ยวหลันจื่อหน้าเเดง รีบเดินเข้าห้องไป ทิ้งให้เซียวอี้เหิง ยืนรับหน้าแม่เฒ่าสวี อยู่ตรงนั้น
“ออกไปเดินย่อยอาหารมาขอรับ”
เซียวอี้เหิง ตอบเพียงเท่านั้นก็เดินเลี่ยงออกไป เเม่เฒ่าสวี ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ เหมือนว่าตนเองกำลังจะได้อุ้มเหลนในเร็วๆ นี้
“ตาเฒ่าข้าว่าเราน่าจะได้อุ้มเหลนในเร็วๆ นี้เเล้วเจ้าดูสิบรรยากาศระหว่างนางหนูของเรากับเจ้าหนุ่มนั่น”
เเม่เฒ่าสวีทำหน้าเพ่อฝัน ราวกับว่าในแขนของตนเองมีเด็กตัวเล็กๆ นอนอยู่
“พูดเรื่องอันใดของเจ้าข้าก็เห็นว่าพวกเขาทำตัวปกติดีไม่เห็นมีอะไรแปลกตรงไหน”
ผู้เฒ่าหลิว มองฮูหยินคู่ยากด้วยสายตาแปลกประหลาด
“นี่เเน่ะ เจ้ามันพวกไร้จินตนาการข้าไม่อยากคุยกับเจ้าแล้ว”
เเม่เฒ่าสวีตีแขนสามีของตน แล้วเดินกระฟัดกระเฟียดเข้าห้องไป ผู้เฒ่าสวียกมือเกาหัวด้วยความงุนงงไม่เข้าใจว่ายายเฒ่าของตนเป็นอะไร ถ้าหากจะบอกว่าเป็นช่วงประจำเดือนมาก็ไม่น่าจะใช่ยายเฒ่าของเขาอายุห้าสิบกว่าแล้วจะมีประจำเดือนได้อย่างไร
เสี่ยวหลันจื่อหลังจากกลับมา นางก็รีบอาบน้ำแต่งตัวล็อคประตูกลัวว่าเซียวอวี้เหิง จะเข้ามานอนในห้องของนางอีก แต่มีหรือประตูไม้เล็กๆ ดูอ่อนแอแบบนี้จะสามารถกันเขาเอาไว้ได้ เซียวอี้เหิงใช้มือเปิดประตูแล้วจึงรู้ว่ามันถูกล็อคจากด้านในเขาจึงใช้พลังลมปราณดันประตูเบาเบา กลอนไม้ที่ล๊อคไว้หักลงทันที
“เหตุใดจึงท่านต้องพังประตูห้องข้า ทำไมท่านทำตัวเป็นคนป่าเถื่อนไร้อารยะเช่นนี้”
เสี่ยวหลันจื่อตวาดเเหวออกไป
“ถ้าเจ้าไม่ล็อคประตูข้าก็ไม่ต้องพังประตู”
เขาพูดด้วยใบหน้าเรียบเฉยจากนั้นจึงเดินไปที่เตียง เเล้วนั่งลง
“มานอนเถอะ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทำอะไรเจ้าแค่นอนเท่านั้น”
เสี่ยวหลันจื่อลังเลเล็กน้อย แต่ก็ยอมเดินไปที่เตียงแต่โดยดี นางรีบมุดเข้าไปด้านในของเตียง จากนั้นจึงใช้ผ้าห่มคลุมร่างตนเอง
ผ่านไปสักพักเสียงลมหายใจของ นางเริ่มสม่ำเสมอเป็นสัญญาณว่านางหลับไปแล้ว
เซียวอี้เหิง จึงลืมตาขึ้นจ้องมองใบหน้าเล็กๆ ในความมืด เขาจะทำอย่างไรดีหากเป็นเช่นนี้ต่อไปมันจะยากต่อการควบคุม อีกอย่างเขาคงอยู่ที่นี่ตลอดไปไม่ได้ มีทางเดียวคือทำให้นางยินยอมกลับไปกับเขา แม้จะต้องแสดงละครว่ารักนางก็ตามที เซียวอี้เหิงคิดในความมืดสายตาที่เหมือนกับรัตติกาล กลมกลืนไปกับความมืดกลับเปล่งประกายอย่างน่าแปลกประหลาดราวกับห้วงลึกไร้ที่สิ้นสุด
สี่ยวหลันจื่อ งัวเงียตื่นขึ้นมาไม่เจอร่างของอีกคนที่นอนกับนางเมื่อคืนก็ถอนใจอย่างโล่งอก นางล้างหน้าล้างตาเพื่อออกไปช่วยท่านยายทำอาหารเช้าแต่ทุกอย่างเตรียมไว้เสร็จเรียบร้อยนางไม่เห็นบุรุษสามคนรวมถึงทั้งตาของนางจึงถามหาพวกเขากับแม่เฒ่าสวี
“ท่านยายทุกคนหายไปไหนกันหมดเหตุใดบ้านถึงเงียบเชียบเช่นนี้”
เเม่เฒ่าสวี เห็นหลานสาวคนงามตื่นขึ้นมาแล้ว ก็กุลีกุจอ รีบตักข้าวต้มมาให้นางเสี่ยวหลันจื่อกล่าวขอบคุณเบาๆ
“พวกเขาตามท่านตาของเจ้าไปที่นาของบ้านเราเพื่อถอนหญ้าตอนนี้ต้นข้าวกำลังขึ้นงามเชียว”
เสี่ยวหลันจื่อ ที่กำลังตักโจ๊กเข้าปาก ถึงกับสำลัก
“ท่านว่าอย่างไรนะ ไปที่นาถอนหญ้าพวกเขาน่ะหรือไปถอนหญ้า”
เสี่ยวหลันจื่อ รีบตักโจ๊กเข้าปากจนหมด เมื่อเก็บชามในครัว เรียบร้อยแล้วนางรีบออกจากบ้านตรงไปที่นาของบ้านสกุลหลิวทันที
นางจะพลาดเรื่องสนุก ที่หาได้ยากเช่นนี้ได้อย่างไร จะมีสักกี่คนบ้างที่จะได้เห็นผู้สูงศักดิ์ถอนต้นหญ้าในแปลงนามันไม่ต่างอะไรกับการไปดูของโบราณหายากในพิพิธภัณฑ์เลยนะ ต่อให้ต้องจ่ายเงินเข้าไปดูนางเชื่อว่ามีหลายคนที่ยอมเสียเงินมาดู
เสี่ยวหลันจื่อ เดินมาสักพักก็มองเห็นแปลงนาของบ้านสกุลหลิวอยู่ไกลๆ แต่ที่น่าแปลกคือมีคนมากมายมามุงดู
เป็นอย่างที่นางคาดเดาไว้
ชายหนุ่มที่หล่อเหลาสามคน กำลังถอนหญ้าอย่างขมักเขม้นในแปลงนา ด้านข้างก็มีสาวๆ ยืนคอยให้กำลังใจ
น่าสนใจดีนี่ เจ้าพวกนี้ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ดึงดูดสตรีได้อย่างง่ายดาย
“โอ พวกเจ้าทั้งหลายมาทำอะไรที่แปลงนาของบ้านข้า” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนมาแต่ไกล
สตรีเหล่านั้นที่เห็นนางเดินมาก็พากันทำหน้าเจื่อนเล็กน้อย
“เสี่ยวหลันจื่อเจ้ามาเเล้วหรือ” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้นาง เด็กสาวอายุราวสิบห้าสิบหก เป็นบุตรสาวท่านป้าจางที่อยู่ข้างบ้านสกุลหลิว
“จางเสวี่ย เจ้าก็มาดูของหายากเหมือนกันหรือ”
เสี่ยวหลันจื่อหยอกนาง จางเสวี่ยหน้าเเดง เสี่ยวหลันจื่อไม่ถือสาทั้งยังพูดหยอกเย้านางไปหลายคำ
“เจ้าชอบคนไหน ชี้ได้เลยเดี๋ยวข้าช่วยเป็นแม่สื่อให้”
เสี่ยวหลันจื่อพูดพลางหัวเราะ จางเสวี่ยหน้าแดงยิ่งกว่าเดิม เด็กสาวคนนี้นิสัยดีชอบมาพูดคุยกับนางหลายครั้งโดยไม่สนใจว่านางเป็นคนที่มาจากที่อื่น
“เจ้าล้อข้าเล่นแล้ว”
“ล้อเล่นอะไรกันข้าพูดจริงๆ นะ” พูดจบเสี่ยวหลันจื่อ ก็หัวเราะฮ่า ฮ่าขึ้นมา หญิงสาวหลายคนที่เสี่ยวหลันจื่อ คุ้นหน้าคุ้นตาก็เข้ามาร่วมวงด้วย
“จ้าพูดจริงหรือ” เด็กสาวอีกคนที่เเต่งตัวดีกว่าคนอื่นๆ เดินเข้ามา
“จริงสิข้าจะโกหกเจ้าทำไม”
“ถ้าเป็นสามีเจ้าล่ะ” เสี่ยวหลันจื่อมองนางอย่างสนใจ อายุราวสิบห้าสิบหกหน้าตาพอใช้ได้ แต่ก็แค่พอใช้ได้แหละ ถ้าออกจากหมู่บ้านก็ถือว่าหน้าตาธรรมดา
“จ้าคือ” เสี่ยวหลันจื่อถามนาง
เด็กสาวเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง
“ข้าคือบุตรสาวเพียงคนเดียวของหัวหน้าหมู่บ้านชื่อว่า หลิวหลี” เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้า
“อ้อ หลิวหลี เจ้าอยากได้เขาหรือ ย่อมได้ถ้าเจ้าสามารถทำให้เขาชอบเจ้าได้ข้าก็จะยอมยกเขาให้เจ้า ด้วยความ เต็มใจ” เสี่ยวหลันจื่อพูทีละคำอย่างสบายๆ
“เจ้าพูดแล้วนะอย่ามาเสียใจทีหลัง”
“แน่นอนข้าพูดแล้วย่อมไม่คืนคำ”
“คำไหนคำนั้น” หลิวหลี รีบรับปากด้วยความดีใจ
“เสี่ยวหลันจื่น เจ้าทำแบบนี้จะทำให้สามีเจ้าเสียใจได้นะ” จางเสวี่ย หันมาพูดกับนาง
“เจ้าคิดว่านางจะทำสำเร็จหรือ นางไม่มีทางทำสำเร็จหรอก”
เสี่ยวหลันจื่อพูดเบาๆ กับจางเสวี่ย ด้วยความมั่นใจ หญิงสาวหลายคนเมื่อเห็นว่าหลิวหลีกล้าท้าชิงแย่งสามีกับเสี่ยวหลันจื่อ ตนก็อยากจะทำบ้างแต่ไม่มีความกล้าเสี่ยวหลันจื่อมีหรือ จะมองพวกนางไม่ออก
“พวกเจ้าก็เหมือนกันสู้กันอย่างแฟร์แฟร์ ….. ข้าหมายถึงด้วยความยุติธรรม ถ้าหากว่าพวกเจ้าคนใดสามารถทำให้เขา ชอบพวกเจ้าได้ข้าก็ยอมยกเขาให้พวกเจ้า”
เสี่ยวหลันจื่อพูดพลางชี้ ไปที่เซียวอี้เหิง
เรื่องที่เสี่ยวหลันจื่อพนันกับหญิงสาวในหมู่บ้าน บุรุษสามคนที่กำลังถอนหญ้าอยู่ในทุ่งนาล้วนได้ยินกันทั้งหมด“นางทำเช่นนี้ได้อย่างไรนายท่านให้ข้าจัดการกับนางดีหรือไม่ขอรับ”ฉีเยี่ยนพูดขึ้นมาอย่างฮึดฮัด“เจ้าคิดว่าข้าจะแพ้หรือ”เซียวอี้เหิง ปรายตามองเขาเรียบๆ“ย่อมต้องไม่เเพ้อยู่แล้วขอรับนายท่านเป็นถึงชินอ๋องจะแพ้ได้อย่างไร ข้าแค่ไม่ชอบที่นางลบหลู่เกียรติของท่าน”ฉีเหลย อยากจะฟาดกบาลเจ้าโง่นี่จริงๆ“ถ้าหากนางอยากจะเล่นพนันนักย่อมได้แต่ว่าข้าก็ต้องได้ได้รับผลประโยชน์เช่นกัน”เซียวอี้เหิง ยกยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์จากนั้นจึงเดินมาทางที่หญิงสาวในหมู่บ้านยืนชุมนุมกัน เซียวอี้เหิงเดินผ่านเสี่ยวหลันจื่อโดยไม่มองหน้านางเลยสักนิดแล้วไปหยุดยืนตรงหน้าหลิวหลี บุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน“เจ้าก็งดงามไม่น้อย”เซี่ยวอี้เหิงใช้มือที่เปื้อนโคลนสัมผัสใบหน้าของหลิวหลี หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนถึงกับเอียงอายกับท่าทางที่เขากระทำกับหลิวหลี“ขะ….ข้า จะช่วยท่านถอนหญ้าเอง”พูดจบหลิวหลีก็รีบวิ่งไปที่ผู้เฒ่าหลิวกำลังถอนหญ้าอยู่ ด้วยใบหน้าเขินอาย“ท่านตาหลิวข้ามาช่วยท่านแล้ว”หลิวหลีลงมือถอนหญ้าด้วยความขมักเขม้น ตลอดม
เมื่อเกวียนวัวของเสี่ยวหลันจื่อไปถึงอำเภอนางรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย"ทำไมเป็นท่านล่ะ เเล้วฉีเหลยไปไหน"เสี่ยวหลันจื่อมองหาฉีเหลย"ทำไมถึงจะเป็นข้าไม่ได้ "เซี่ยวอี้เหิงปรายตามองเสี่ยวหลันจื่อเรียบๆ"ก็ไม่ทำไม ข้าเพียงคิดว่าฉีเหลยจะมาด้วยเพราะ ข้าจะให้เขาช่วยถือของที่ข้าจะซื้อวันนี้""ข้าก็ถือได้" เซียวอี้เหิงพูดจบก็เดินนำหน้านางไปเสี่ยวหลันจื่อเกาหัว ไม่เข้าใจอารมณ์และความคิดของเขาเอาซะเลยหลังจากขายสมุนไพรแล้วเสี่ยวหลันจื่อก็ไปที่ร้านจี้ชิงหรูอีกครั้ง คราวที่แล้วนางไม่ได้ซื้อเสื้อผ้าให้พวกเขาทั้งสามคนวันนี้จึงคิดว่าจะซื้อให้พวกเขาซะหน่อย จะปล่อยให้ใส่เเต่ชุดหรูหราเดินลอยไปลอยมาในหมู่บ้านมันรู้สึกทิมแทง สายตานางยังไงไม่รู้"โอ้ ดูซินั่นใครมาเสี่ยวหลันจื่อขอเราไมใช่หรือ สร้างเรื่องเอาไว้ใหญ่โตแล้ว หนีหายไปเลยนะ"เจียงฉงเหนียง ผู้ดูแลจี้ชิงหรูรีบออกมาคล้องเเขนนาง อย่างสนิทสนมที่หน้าร้าน"เจ้าคิดมากไปแล้วข้าสร้างเรื่องที่ได้กันเป็นเขาต่างหาก"เสี่ยวหลันจื่อชี้ไปที่เซียวอี้เหิงที่ยืนใบหน้าเรียบเฉยอยู่ข้างๆ นาง"เจ้าไม่รู้อะไรหลังจากที่เจ้ากลับไปสตรีทั้งหลายในอำเภอต่างพากันมาที่นี่เพื่อสอบถาม
เสี่ยวหลันจื่อที่นั่งอยู่ท้ายเกวียนวัวกระโดดลงมายืนบนพื้นอย่างมั่นคงแล้วจึงยกเอาตะกร้าที่ใส่ของลงมาด้วย หน้าบ้านสกุลหลิวมีหญิงสาวหลายคนยืนอยู่หนึ่งในนั้นมีหลิวหลีรวมอยู่ด้วย"พวกเจ้ากลับมาแล้ว "หลิวหลีส่งยิ้มอ่อนหวานไปให้เซียวอี้เหิง ก่อนที่มันจะเจือนลง เมื่อมีหญิงงามแต่งตัวหรูหรางดงามเหมือนกับคุณหนูที่มาจากในเมือง“นางเป็นใครเหตุใดนางถึงมากับพวกเจ้า”หลิวหลีหันมาถามเสี่ยวหลันจื่อ“ข้าคือหลู่หลิงเซียน บุตรสาวคหบดีหลู่แห่งอำเภอหยู่ปิง” พูดจบนางก็เดินเดินเชิดหน้ามายืนเซียวอี้เหิง“แล้วคุณหนูหลู่ ผู้สูงส่งมาทำอะไรที่หมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้” หลิวหลีถามเสียงประชดประชัน“ข้ามาทำอะไรที่นี่เกี่ยวอันใดกับเจ้าแล้วนี่เจ้าเป็นใคร” หลู่หลิงเซียนเมินหลิวหลี ไปโดยปริยาย มองประตู เรือนที่ดูผุพังเหมือนถูกสร้างมาแล้วหลายสิบปี“ที่นี่คือบ้านของเจ้าหรือ” หลู่หลิงเซียงถามเสี่ยวหลันจื่อ“ใช่แล้วที่นี่คือบ้านของข้า”“เข้าบ้านเถอะ” เซียวอี้เหิง จูงมือเสี่ยวหลันจื่อเดินผ่านหญิงสาวหลายคนที่มายืนรุมล้อมอยู่หน้าบ้านสกุลหลิวหลู่หลิงเซียนที่ถูกเมินก็ถอนหายใจหนักๆ อย่างไม่พอใจนักเมื่อเข้ามาถึงในเรือน หลู่หลิงเซีย
เสี่ยวหลันจื่อตื่นมาด้วยอาการงัวเงียนางรู้สึกอ่อนเพลียเป็นอย่างมาก เมื่อวานตอนเที่ยงกับตอนเย็นไม่ได้ทานข้าวทำให้นางรู้สึกไร้กำลัง เสี่ยวหงที่นอนอยู่ข้างๆ นางเอาหัวเล็กๆ มาคลอเคลียข้างแก้มออดอ้อน เมื่อวานมันเห็นนางร้องไห้มันก็รู้สึกเศร้าไปกับนางด้วยวันนี้จึงอยากทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นมาบ้าง“ยังเป็นเจ้าที่ดีกับข้าที่สุดนะเสี่ยวหง” เสี่ยวหลันจื่อกอดมันจากนั้นก็ลุกออกไปล้างหน้าล้างตา ท่านยายที่เห็นหลานสาวตื่นแล้วก็รีบเข้ามาดูทันที“เป็นอย่างไรบ้างจื่อเอ๋อดีขึ้นบ้างหรือยัง”แม่เฒ่าสวียกมือขึ้นอังหน้าผากของนาง“ข้าสบายดีเจ้าค่ะท่านยาย ไม่ต้องห่วงข้าไม่เป็นอะไร”เสี่ยวหลันจื่อ ยิ้มให้นางจากนั้นจึงเดินเข้าไปตักโจ๊กมากินเล็กน้อย“เหตุใดถึงเงียบขนาดนี้ ไปไหนกันหมดเจ้าคะ”เสี่ยวหลันจื่อถามออกไปรวมๆ ไม่ได้เจาะจงว่าถามหาใครแม่เฒ่าสวีจึงไขความกระจ่างว่า“เมื่อวานตอนเย็น คุณหนูหลู่ทะเลาะกับหลิวหลีบุตรสาวหัวหน้าหมู่บ้านจึงมาขอให้พ่อหนุ่มช่วย พ่อหนุ่มเลยส่งนางกลับไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วตอนนี้ยังไม่กลับมาเลย”เสี่ยวหลันจื่อที่ได้ยินดังนั้นก็ชะงักไป ภาพที่นางเห็นตรงเชิงเขาเมื่อวาน ยังคงประทับอยู่ในความทรงจำข
เสี่ยวหลันจื่อและเซียวอี้เหิงหันขวับไปในทันที เสี่ยงที่ตะโกนมาจากทางด้านหลังของพวกเขาคือเสียงของ หลิวหลีบุตรสาวของหัวหน้าหมู่บ้าน“พวกเจ้ากำลังเรื่องบัดสีอะไรกัน” เสี่ยวหลันจื่อที่เห็นนางพูดจาใส่ร้ายตนก็ขมวดคิ้วทันที“เจ้าต่างหากพูดจาน่าเกลียดอะไรกัน ข้ากับเขาเป็นสามีภรรยาที่นอนร่วมห้องกัน จะทำสิ่งใดแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วย เป็นเจ้าต่างหากที่แส่ไม่เข้าเรื่องเป็นสตรีที่ยังไม่ออกเรือนก็เที่ยววิ่งตามบุรุษที่มีภรรยาแล้ว หากว่าพ่อของเจ้ารู้ว่าเจ้าคิดหวังแย่งชิงสามีคนอื่น พ่อเจ้าจะทำหน้ายังไงแล้วในอนาคตหากข่าวลือแพร่ออกไปเจ้ายังจะแต่งให้ใครได้อีก “เสี่ยวหลันจื่อพูดรวดเดียวจบ นางรำคาญเรื่องวุ่นวายพวกนี้แล้วยิ่งนางหลบเลี่ยงก็ดูเหมือนเรื่องวุ่นวายจะยิ่งวิ่งเข้ามาหานาง“จ้า เจ้า “ หลิวหลีพูดไม่ออกสักคำ นางได้แต่ติดอ่างอยู่อย่างนั้น เรื่องข่าวลือเสียหายเป็นเรื่องใหญ่ของผู้หญิงโบราณ และเสี่ยวหลันจื่อก็จี้ได้ตรงจุดยิ่งนัก หลิวหลีที่หวาดกลัวว่าหากมีข่างลือแพร่ออกไปว่านางคิดแย่งสามีคนอื่น นางจะต้องถูกท่านพ่อที่รักหน้าตายิ่งกว่าชีวิตฆ่าตายแน่ไหนจะตาเฒ่าหลิวนั่นอีก เมื่อก่อนใครๆ ต่างเล่าว่าเขาโหด
เสี่ยวหลันจื่อขยับตัวเล็กน้อยเพราะนางนั่งเกร็งเป็นเวลานาน เซียวอี้เหิงผละออกจากซอกคอของนางใช้มือเรียวยาวเชยคางมนขึ้นมาให้สบตากับเขา"ทีนี้เจ้าเข้าใจแล้วหรือไม่" เสี่ยวหลันจื่อหลบตาเขา“มองตาข้า มองเข้าไปในดวงตาของข้า เท่าที่เจ้ารู้มาข้าเคยทำเช่นนี้กับสตรีใดหรือไม่”เสี่ยวหลันจื่อหน้าแดงก่ำด้วยความอาย นางมุดหลบเข้าไปในอกเขาอีกรอบเหมือนที่เสี่ยวหงชอบทำตอนที่อยู่กับนาง เสียงหัวเราะทุ้มต่ำที่ดังขึ้นข้างหูของนาง ยิ่งทำให้นางอับอายยิ่งกว่าเดิม“จื่อเอ๋อ หากเจ้ายังทำเช่นนี้ต่อไปข้าจะไม่ทนอีกแล้วนะ”เสี่ยวหลันจื่อสะดุ้งทันทีเขาหัวเราะท่าทางขี้ขลาดของนางจนอกกระเพื่อมขึ้นลง“ท่านแกล้งข้า” นางตีที่หน้าอกเขาอย่างไม่แรงนักหนึ่งที“เอาล่ะข้าไม่แกล้งเจ้าแล้ว” เซียวอี้เหิงยกตัวนางขึ้นเหมือนท่าอุ้มเด็ก เสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบคว้าคอของเขาเอาไว้“เราจะไม่ทะเลาะกันอีกแล้วนะ เจ้าก็ห้ามทดสอบข้าเหมือนกันหากมีคราหน้าข้าจะทำให้เจ้าท้องป่องจนไม่กล้าออกไปก่อเรื่องข้างนอกอีก” เสี่ยวหลันจื่ออายจนต้องก้มหน้าซุกที่ซอกคอเขาเสี่ยวหลันจื่อเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหง เก็บสมุนไพรจนกระทั่งบ่ายคล้อยจึงพากันกลับไปที่เ
“ท่านอ๋อง หยุดก่อน” เสี่ยวหลันจื่อใช้มือสองข้างดันคางของเขาที่กำลังซุกซบอยู่ตรงซอกคอของนาง“จื่อเอ๋อข้าทนไม่ไหวแล้ว อย่าห้ามข้าเลย”เซียวอี้เหิงยังคงพยายามก้มหน้าซุกไซร้ซอกคอของนาง มือสองข้างก็ไม่อยู่นิ่งทำหน้าที่ของมันได้อย่างดีเยี่ยม คอยเคล้นคลึงอกอวบ ส่วนมืออีกข้างบีบบั้นท้ายกลมกลึงของนางอย่างเมามัน เสี่ยวหลันจื่อเริ่มโมโหจึงกัดใบหูของเขาอย่างแรงคราวนี้ได้ผลทันที เซียวอี้เหิงร้องเสียงหลงออกมาเพราะความเจ็บ ฉีเหลยกับฉีเยี่ยนที่นอนอยู่ห้องข้างๆ รีบพังประตูเข้ามาทันที เพราะคิดว่ามีนักฆ่ามาลอบทำร้ายท่านอ๋อง โชคดีที่มีมุ้งโปร่งบางบังร่างทั้งสองคนเอาไว้และเสี่ยวหลันจื่อที่ตัวเล็กจึงถูกร่างของเขาบังจนมิด“ท่านอ๋องเกิดอะไรขึ้น มีนักฆ่าหรือพ่ะย่ะค่ะ”เป็นฉีเยี่ยนที่บุกเข้ามาในห้องก่อนแต่ฉีเหลยที่หลบอยู่นอกห้องเพราะเขารู้สึกสะกิดใจว่าหากมีนักฆ่ากลางดึกท่านอ๋องคงไม่ร้องเสียงดังเพียงนี้คงจะฆ่าพวกมันเงียบๆ แล้วทำลายศพไม่เหลือซากไปแล้ว เซียวอี้เหิงที่โมโหคนที่มาขัดจังหวะเขาจึงใช้ลมปราณซัดฉีเยี่ยนออกไปนอกห้องทันที“ฉีเยี่ยนคืนนี้เจ้าคงจะยังไม่ง่วงนอน ถ้าอย่างนั้นก็ขึ้นเขาไปฝึกจนถึงเช้า”ฉีเยี่
เสี่ยวหลันจื่อนั่งนึกถึงเนื้อเรื่องในนิยายระหว่างที่นั่งรถม้าไปเมืองหลวงนางเอกแต่งกับพระเอก องค์ชายสามสมคบแคว้นฉู่ก่อกบฏแต่ล้มเหลวจึงถูกปลดเป็นสามัญชนแล้วเนรเทศไปชายแดนทางภาคเหนือ ที่รกร้างและมีหิมะตกถึงแปดเดือนในหนึ่งปีขุนนางที่เข้าร่วมการกบฏในครั้งนี้ถูกประหารเก้าชั่วโคตรลำเอียงเห็นๆ ฮ่องเต้ไม่กล้าฆ่าลูกตัวเองแต่ครอบครัวคนอื่นกลับฆ่าได้อยางง่ายดายจะประหารองค์ชายสามเก้าชั่วโคตรได้ยังไงล่ะ มิใช่ต้องประหารตัวเองไปด้วยหรือ แบบนั้นสกุลเซียวได้สิ้นเผ่าพันธุ์แน่ๆออกมาจากอำเภอหยู่เปิงมาได้สักพัก เสี่ยวหลันจื่อสังเกตเห็นว่าเริ่มมีผู้คนเดินเท้ามากขึ้น มีรถม้าบนถนนมากขึ้น นางจึงถามสารถีเพราะเขาประจำอยู่ในอำเภอหยู่เปิงเขาอาจจะรู้อะไรมาบ้าง“สารถีเหตุใดมีผู้คนมากมายเพียงนี้” เสี่ยวหลันจื่อตะโกนถามออกไป“แม่นางตอนนี้ทางใต้กำลังมีสงครามผู้คนเหล่านี้น่าจะอพยพมาจากทางใต้เพื่อหนีสงครามแน่นอน ข้าได้ยินมาว่า ท่านอ๋องของแคว้นเราเป็นผู้นำทัพออกต่อสู้พวกแคว้นฉู่ด้วยตัวเองทั้งยังมีแม่ทัพกู้ร่วมออกเดินทางไปรบครั้งนี้ด้วย”กู้ห้าวเหวินงั้นหรือ แม่ทัพพิทักษ์แผ่นดินพ่อขอกู้รั่วอวิ๋น นางเอกของเรื่อง“พวกเข
ตอนพิเศษ2“คิดจะพาลูกของข้าหนีไปที่ใด เจ้าตัวแสบ”เมื่อได้ยินเสียงที่ดังมาจากทางหน้าเรือนเสี่ยวหลันจื่อก็หันขวับไปทันที นางเห็นร่างสูงโปร่งที่ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเรือน บุรุษที่ เหล่อเหลาที่สุดของนางบุรุษที่นางคิดถึงอยู่ทุกวันแม้ในยามหลับฝัน บุรุษของนางกลับมาแล้ว เสี่ยวหลันจื่อวิ่งเข้าสู่อ้อมแขนที่กำลังยกขึ้นเพื่อรอรับนาง“ยินดีต้อนรับท่านอ๋องของข้า”เสี่ยวหลันจื่อยิ้มทั้งน้ำตา ในที่สุดเขาก็กลับมาอย่างปลอดภัย“ข้าคิดถึงท่านยิ่งนัก ทำไมท่านไม่ส่งจดหมายกลับมาหาข้าบ้างเลย”เซียวอี้เหิงลูบผมยาวนุ่มสลวยของนางอย่างแสนคิดถึง“ข้าได้อ่านจดหมายของเจ้าทุกฉบับ แต่ที่ข้าไม่ได้ตอบกลับมาก็เพราะข้าอยากมาตอบเจ้าด้วยตนเอง” เซียวอี้เหิงก้มลงจูบปากอวบอิ่มของสตรีที่เขารักประหนึ่งดวงใจ เนิ่นนานกว่าเขาจะปล่อยนางเป็นอิสระ“ข้ากลับมาแล้วชายารัก ข้าก็คิดถึงเจ้าเช่นกัน”เสี่ยวหลันจื่อโผเข้ากอดร่างสูงอีกครั้งอย่างมีความสุข หลังจากที่ทุกคนกลับมาก็ได้รับข่าวดีว่าเสี่ยวหลันจื่อตั้งครรภ์ แม้แต่ผู้ปกครองทั้งวังหน้าและวังหลังก็ยังส่งของมาร่วมยินดีกับว่าที่บิดามารดามือใหม่ที่จวนอ๋อง แต่เจ้าของจวนทั้งสองกลับไม่มีใครอ
ตอนพิเศษ.......เซียวอี้เหิงได้รับสามรลับมาจากชายแดนว่าแคว้นฉู่ได้ยกทัพมาประชิดชายแดนเมืองชิงโจวแล้ว สี่ยวหลันจื่อที่รู้เข้าก็ตกใจอดีต รัชทายาทถูกจับกุมแล้วตระกูลกู้ก็ถูกประหารแล้วเหตุใดสงครามยังมีอยู่อีก แสดงว่านางไม่สามารถเปลี่ยนเนื้อเรื่องทั้งหมดได้ เสี่ยวหลัน จื่อเดินวนไปวนมานางกำลังกังวลเรื่องสงคราม แต่เซียวอี้เหิงกลับมีท่าทีสบายๆ“ท่านไม่กังวลใจเลยหรือ สงครามกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วนะเหตุใดท่านจึงยังสบายอกสบายใจได้อยู่อีก”เสี่ยวหลันจื่อเอ็ดเซียวอี้เหิงเสียงเขียว นางกังวลใจจะตายอยู่แล้วเจ้าตัวที่ต้องนำทหารออกรบกลับยังทำหน้าระรื่นอยู่อีก“จื่อเอ๋อเจ้าจะกังวลไปใย การลงสนามรบของข้าก็เป็นเพียงการคืนสู่เหย้าเท่านั้น ฉู่หมิงเทียนจะทำอันใดได้ ดูท่าจะยังไม่รู้เรื่องที่พันธมิตรของเขาล่มไปแล้ว ข่าวสารแคว้นฉู่ช่างล่าช้าเสียจริง”ความจริงเซียวอี้เหิงให้คนของเขาสกัดสายลับของแคว้นฉู่เอาไว้ไม่ให้ส่งข่าวไปที่รัชทายาทฉู่หมิงเซียว เขาอยากจะใช้สงครามครั้งนี้กำหราบเจ้าโง่ที่ชอบอวดตัวว่าตนเองแข็งแกร่งทั้งที่รู้เรื่องการรบแค่งูๆ ปลาๆ เท่านั้น ทั้งยังเอาแต่ยั่วยุทหารของเขาที่ชิงโจวแต่กลับไม่กล้าสู้กันซึ่ง
บทส่งท้ายเซียวอี้เหิงพาเสี่ยวหลันจื่อกลับไปที่จวน เขาขังนางเอาไว้ในห้องกับตนเองถึงห้าวันเพื่อเป็นการลงโทษเสี่ยวหลันจื่อขอร้องเขาอย่างไรเซียวอี้เหิงก็ไม่ใจอ่อน แม้นางจะบีบน้ำตาก็ตาม จะไม่ให้เสี่ยวหลันจื่ออ้อนวอนเขาได้อย่างไรการลงโทษของเซียวอี้เหิงนั้นช่างวาบหวิวน่าอายนัก เจ้าคนเย็นชานี่ไม่นึกเลยว่าเมื่อได้ลองเรื่องนี้แล้วจะติดใจจนแทบไม่ปล่อยนางลงจากเตียง ไม่รู้ว่าเขาไปเอาเรียวแรงมากที่ใดเคี่ยวกรำเสี่ยวหลันจื่อทั้งวันทั้งคืนนจนนางระบบไปหมดแล้วเขาคิดว่าตนเองแค่เล็กๆ อย่างนั้นหรือ“ท่านอ๋องข้าขอร้อง ข้ารับไม่ไหวแล้วส่วนล่างของข้าระบมไปหมดแล้ว” เสี่ยวหลันจื่อโอดครวญเสียงหวาน“ข้าเคยได้ยินท่านหมอบอกว่าเมื่อเราเป็นแผลที่ใดให้ใช้น้ำลายแตะก็จะหายเร็ว มาเถอะชายารักข้าจะใช้น้ำลายช่วยรักษาให้เจ้าเอง”เซียวอี้เหิงจับขาทั้งสองข้างของเสี่ยวหลันจื่อชันขึ้นแล้วเขาก็ก้มตัวลงไปละเลงลิ้นบนความชุ่มฉ่ำของนางรียกเสียงครางหวานออกมาจากริมฝีปากแดงช้ำเพราะถูกจูบเซียวอี้เหิงจูบจนนางแทบสำลักลมหายใจเสี่ยวหลันจื่อตอนนี้ในหัวของนางขาวโพลน ไม่รู้ว่าเซียวอี้เหิงวางยาอะไรนางแต่ตอนนี้นางต้องการเขาให้เติมเต็มส่วนล่า
เสี่ยวหลันจื่อร้อนใจเป็นอย่างมากรีบพาเซียวอี้เหิงกับองครักษ์หลายนายตรงไปที่เรือนหลังหนึ่งทางทิศใต้ของเมืองหลวง เรือนหลังนี้ไม่โดดเด่นนักเหมือนกับเรือนหลังอื่นในระแวกนี้ แต่ครั้งก่อนที่นั่นมีทางลับที่องค์ชายสามทำเอาไว้ เขาไม่มีโอกาสได้ใช้แต่เป็นกู้รั่วอวิ๋นต่างหากเมื่อพวกเขาไปถึงที่นั่น ทุกอย่างยังอยู่ในสภาพเดิมเหมือนยังไม่มีผู้ใดเข้ามาที่นี่ เพราะเมื่อคืนมีฝนตกลงมาอย่างหนัก ถ้ามีคนมาที่นี่จะต้องมีรอยเท้าอย่างแน่นอน“นางยังมาไม่ถึงที่นี่ อาจเพราะมีทหารออกค้นหาทั่วเมืองจึงทำให้นางไม่สะดวกประกฏตัว” เซียวอี้เหิงวิเคราะห์“จื่อเอ๋อ เจ้ากลับไปรอฟังข่าวที่จวนดีหรือไม่ที่นี่อันตรายนัก หากกู้รั่วอวิ๋นกับพวกของนางมาที่นี่จะต้องมีการต่อสู้เกิดขึ้นแน่”เสี่ยวหลันจื่อทำท่าไม่ยินยอม นางอยากเห็นกับตาว่ากู้รั่วอวิ๋นถูกจับไม่อย่างนั้นนางไม่สบายใจ“ท่านอ๋องคนของเรามากเพียงนี้ยังต้องกลัวนางอีกหรือ ท่านให้ข้าอยู่ที่นี่เถอะ ข้ารับรองจะอยู่ด้านหลังตลอดไม่ทำตัวเป็นฮีโร่แน่”เซียวอี้เหิงถอนหายใจอย่างจนใจกับความดื้อดึงของเสี่ยวหลันจื่อแม้เขาจะไม่รู้ว่าฮีโร่คือสิ่งใดเเต่เขาก็ยอมตามใจนาง “เช่นนั้นเจ้าอย่าออก
“ท่านยาย”ประโยคแรกที่เสี่ยวหลันจื่อเอ่ยขึ้นหลังจากที่นางได้สติ เสี่ยวหลันจื่อโผเข้าหาแม่เฒ่าสวีทันทีกอดนางร้องไห้ออกมาเสียงดังจนทุกคนในเรือนตกใจ พวกเขาสงสัยว่านางเป็นอะไรหลังจากที่ตื่นเหตุใดจึงได้ร้องไห้คร่ำครวญเพียงนั้น แม่เฒ่าสวีทำอะไรไม่ถูก็ได้แต่กอดปลอบนาง เซียวอี้เหิงสังเกตทุกอิริยาบทของเสี่ยวหลันจื่อ ตอนแรกเขาคิดว่านางกำลังละเมอแต่ว่าไม่ใช่“แม่นางเจ้า.....รู้จักข้าหรือ” เม่เฒ่าสวีถามเสี่ยวหลันจื่ออย่างไม่เเน่ใจหลังจากที่นางตั้งสติได้แล้ว เสี่ยวหลันจื่อพยักหน้าให้แม่เฒ่าสวีอย่างจริงจัง“ไม่เพียงแต่ท่านที่ข้ารู้จัก ข้ารู้ยังจักทุกคนเกินครึ่งหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ที่นี่ ถ้าท่านไม่เชื่อข้าสามารถบอกชื่อพวกเขาให้ท่านฟังได้นะ”เเล้วเสี่ยวหลันจื่อก็เอ่ยชื่อของชาวบ้านที่นางรู้จักบางคนแม้กระทั่งว่าบ้านของพวกเขาตั้งอยู่ตรงไหนของหมู่บ้านนางก็สามารถบอกได้ถูก แม่เฒ่าสวีรู้สึกอัศจรรย์ยิ่งนัก แม้แต่เซียวอี้เหิงที่ไม่ค่อยเชื่อเรื่องพวกนี้ก็ยังคล้อยตาม“ข้าดีใจจริงๆ ที่พวกท่านทั้งหมดยังอยู่ ข้าสัญญาว่าจะต้องปกป้องท่านเอาไว้ให้ได้” แม้แม่เฒ่าสวีจะยังงงกับเรื่องที่เกิดขึ้นแต่ก็ยิ้มให้กับท่าทางที่น่
เมื่อเสี่ยวหลันจื่อหลับไป ภายในความฝันร่างของนางค่อยๆ ล่องลอยไปไกล จนถึงสถานที่แห่งหนึ่งเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขาตอนนี้นางกำลังยืนอยู่หน้าบ้านหลังหนึ่งที่นางรู้สึกคุ้นเคยเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้ว่านั่นเป็นบ้านของใครแต่นางกลับรู้สึกคิดถึงที่นี่มาก คล้ายกับว่าตนเองเคยอยู่เมื่อนานมาแล้ว นางผลักบานประตูที่ทำจากไม้เนื้อแข็งดูเก่าเหมือนจะถูกสร้างมานานหลายปีแล้วแต่ยังดูเเข็งเเรงเมื่อเดินเข้าไปในบ้านเสี่ยวหลันจื่อเห็นต้นอู๋ถงที่ล้านหน้าบ้านออกดออกบานสะพรั่งสวยงาม นางเดินไปเก็บดอกที่หล่นบนพื้นขึ้นมาดม เสียงพูดคุยภายในเรื่อนหลังน้อยแต่ดูอบอุ่นเรียกความสนใจของเสี่ยวหลันจื่อให้หันไป นางเดินตามเสียงนั้นผ่านห้องโถงเลยไปจนถึงห้องครัวนางพบสองผู้เฒ่าวัยชราที่กำลังถกเถียงกันอยู่เหมือนสองผู้เฒ่าจะรู้การมาของนางทั้งสองหันมายิ้มให้เสี่ยวหลันจื่อและพูดกับนางบางอย่าง แต่เสี่ยวหลันจื่อไม่ได้ยิน นางพยายามที่จะฟังแต่เหมือนเสียงนั้นจะค่อยๆ ห่างไกลออกไปนางรู้สึกเหมือนจะขาดใจเสี่ยวหลันจื่อร้องไห้ออกมาพร้อมทั้งตะโกนเรียกทั้งสองคนเสียงดัง“จื่อเอ๋อ! จื่อเอ๋อ! ตื่นร็วเกิดอะไรขึ้น” เป็นเซียวอี้เหิงที่เขย่าตัวปลุก
เซียวอี้เหิงลุกจากเตียงเพื่อล้างหน้าชำระกายเขายังมีเรื่องที่ต้องทำหลายอย่างในวันนี้ เเต่ยังเรียกฉีหลิงให้มาดูแลเสี่ยวหลันจื่ออีกด้วยตอนเช้าทั้งสองรับประทานอาหารร่วมกันก่อนเขาจะขี่ม้าออกจากจวนไป เสี่ยวหลันจื่ออยู่ที่จวนไม่มีอะไรให้ทำนางจึงให้ฉีหลิงพานางเดินชมรอบๆ จวนตลอดทางที่ทั้งสองเดินผ่านบรรดาข้ารับใช้ต่างทำความเคารพนาง พวกเขาได้ข่าววแล้วว่าเมื่อคืนสตรีที่ถูกส่งมาจากในวังนอนห้องเดียวกับท่านอ๋อง อีกทั้งยังเป็นท่านอ๋องที่บังคับพานางไปยังมีข่าวลืออีกอย่างว่านางร้องไห้อยากกลับไปที่วังหลวงแต่ท่านอ๋องไม่ยินยอมจึงบังคับพานางขึ้นเตียง ข้ารับใช้บางคนมองเสี่ยวหลันจื่อด้วยสายตาสงสาร ที่หญิงสาวผู้อ่อนแอต้องมาเจอความป่าเถื่อนของนายเหนือหัวของพวกเขา เรื่องข่าวลือทั้งหมดที่เกิดขึ้นในจวนเซียวอี้เหิงและเสี่ยวหลันจื่อไม่รู้เรื่องเลยแม้แต่น้อยข้ารับใช้ในจวนต่างคิดว่าเสี่ยวหลันจื่อจะต้องเป็นที่โปรดปรานของท่านอ๋องเป็นอย่างมาก เพราะท่านอ๋องที่ไม่เคยเข้าใกล้สตรีถึงขั้นต้องบังคับนางขึ้นเตียงเลยทีเดียวทั้งสองเดินมาถึงห้องครัวใหญ่ที่ทำหน้าที่ส่งอาหารไปที่เรือนหลักในทุกวันเสี่ยวหลันจื่อก็นึกถึงลี่ปี้ที่
เซียวอี้เหิงส่ายหัวให้กับความสำออยของนางแต่ไม่รู้ทำไมเขากลับไม่โมโหนางอย่างที่ควรจะเป็น ถ้าเป็นตามปกติข้ารับใช้ที่แสดงกิริยาเช่นนี้กับเขาจะต้องถูกโบยจนหลังแตกหมดแล้ว แต่กับนางเขากลับรู้สึกว่าอยากตามใจหรือไม่ก็อยากเอาใจนางไม่อยากให้นางหงุดหงิดหรือโมโหนี่มันเป็นความรู้สึกที่บ้ามากสำหรับคนที่พึ่งเคยพบกันเพียงสองครั้ง เซียวอี้เหิงก้มตัวลงมาที่เสี่ยวหลันจื่อใช้แขนแข็งแรงช้อนร่างเล็กของนางขึ้น จากนั้นออกเดินไปอย่างเป็นธรรมชาติคล้ายกับว่าเขาเคยทำเช่นนี้ให้กับนางมานับครั้งไม่ถ้วนเสี่ยวหลันจื่อตกใจจนต้องรีบใช้แขนคล้องคอของเขาเอาไว้เพราะกลัวว่าตนเองจะตก ที่นางตกใจกว่าคือชินอ๋องผู้สง่างามกำลังอุ้มนางกำนัลตัวเล็กๆ เช่นนาง“ท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉันเดินเองได้ปล่อยหม่อมฉันลงเถอะคนอื่นมองกันหมดแล้วนี่มันไม่ดีต่อภาพลักษณ์ของท่านนะ”ไม่ใช่ว่าคาแรคเตอร์ของท่านต้องเย็นชาโหดเหี้ยมอะไรทำนองนั้นหรือ แล้วนี่มาอุ้มกันแบบนี้ต่อไปจะอยู่ที่จวนชินอ๋องได้ยังไงนางอายจริงๆ นะ เสี่ยวหลันจื่อหัวใจเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่ นี่ก็เป็นครั้งแรกของนางเหมือนกันที่ถูกผู้ชายอุ้มในท่าเจ้าหญิงเช่นนี้ไม่นับรวมคุณตาที่โลกก่อนอุ้มนางต
เสี่ยวหลันจื่อ ลืมตาขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนเองยืนอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมสีขาวห้องเดิม“ระบบฉันกลับมาแล้วฉันพร้อมแล้วคุณจะบอกฉันได้หรือยังว่าบทลงโทษของการรีเซ็ตเรื่องราวทั้งหมด คืออะไร”เสี่ยวหลันจื่อยืนนิ่งเพื่อรอคำตอบ“ไม่ต้องร้อนใจไปเมื่อถึงเวลาคุณก็จะรู้เองทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดเถอะแล้วพบกันใหม่”สิ้นเสียงของระบบร่างของเสี่ยวหลันจื่อ ก็ถูกดูดออกจากห้องนั้นไปทันที ในสระบัวของอุทยานภายในวังหลวงมีร่างเล็กๆ ร่างหนึ่งค่อยๆ จมลงไปที่ก้นสระ เสี่ยวหลันจื่อลืมตาขึ้นพบว่าตนเองอยู่ในน้ำและกำลังจะจมลงไปเธอจึงรีบตะเกียกตะกายขึ้นสู่ผิวน้ำเพื่อให้ตัวเองมีชีวิตรอดไอ้ระบบเฮงซวยไร้หัวใจเสี่ยวหลันจื่อสาปแช่งระบบในใจ นี่ให้ฉันมาเกิดใหม่เพื่อจะฆ่าให้ตายอีกรอบใช่ไหม นางพึ่งจะถูกแทงมานะครั้งที่สองคิดจะให้จมน้ำตายหรือไง เสี่ยวหลันจื่อรีบว่ายเข้าหาฝั่งทันที เธอนั่งหอบหายใจอย่างหมดเเรงเพราะเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ตอนนี้มันดูรุ่มร่ามไปหมดเสี่ยวหลันจื่อหยิบหนังสือนิยายออกมาจากระบบเพื่ออ่านเนื้อเรื่อง ยังไงก็ต้องหาข้อมูลของนิยายเรื่องนี้เอาไว้ก่อน เธอไม่อย่ากต้องมาโผล่ในนิยายปุ๊บแล้วตายทันทีหรอกนะ ทันทีที่มือเสี่ย