Home / รักโบราณ / ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70 / บทที่ 2 ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

Share

บทที่ 2 ทะลุมิติเข้ามาในนิยาย

Author: BBNanz
last update Last Updated: 2024-12-18 16:15:51

"โอ๊ยยยยย" หลินเสี่ยวเหยาครางออกมาอย่างทรมาน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ภาพตรงหน้าพร่าเลือนก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นห้องนอนไม้เก่าๆ ทรุดโทรม แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ ส่องกระทบใบหน้าซีดเซียวของเธอ ความเจ็บแปลบแล่นริ้วไปทั่วศีรษะราวกับเพิ่งถูกกระแทกอย่างแรง

"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" หลินเสี่ยวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอลุกขึ้นนั่งแล้วสำรวจตัวเอง หญิงสาวไม่พบร่องรอยบาดแผลจากฝูงซอมบี้แม้แต่น้อย

"นี้ฉันจะฝันไปหรือเปล่า... ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?" หลินเสี่ยวเหยาครุ่นคิดอย่างสับสน

ทันใดนั้น ความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวของเธอราวกับเขื่อนแตก หลินเสี่ยวเหยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอจำได้ทันที… ว่าเธอเข้ามาอยู่ในนิยายที่เพิ่งอ่านจบไปก่อนที่จะตายนี่นา! และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น เธอยังมาอยู่ในร่างของนางร้าย ‘หลินเสี่ยวเหยา’ ที่ดันมีชื่อเหมือนกับเธออีก

หญิงสาวพยายามตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นทุ่งนาเขียวขจีและภูเขาสูงตระหง่าน

ที่แห่งนี้อยู่ในยุคมืดในปี 1970 ผู้คนต้องตรากตรำแลกหยาดเหงื่อเพื่อหาอาหารและปัจจัยสี่ หลินเสี่ยวเหยาในชาตินี้กำเนิดในครอบครัวที่ไม่ลำบากนัก แต่โชคชะตาเล่นตลก กลับพรากทุกสิ่งไปจากเธอในพริบตาเดียว บิดามารดาของเจ้าหล่อนจากไปอย่างไม่มีวันกลับ หล่อนโดนคุณลุงใหญ่กับป้าใหญ่ที่มาขออาศัยกับพ่อแม่ของเธอยึดบ้านของเธอไป ไล่พวกเธอสองพี่น้องไปอยู่บ้านท้ายหมู่บ้าน แต่โชคดีที่เจ้าตัวยังฉลาด พอเอาทรัพย์สินของบิดามารดาของหล่อนติดตัวมาด้วย ไม่อย่างนั้นความเป็นอยู่ของสองพี่น้องคงจะแย่กว่านี้

ความสูญเสียครั้งใหญ่นี้ ตีตราอยู่ในใจดวงน้อยของหญิงสาว จนกลายเป็นแผลในใจ ความแข็งกร้าว ความเห็นแก่ตัว และความเย็นชาเข้ามาแทนที่ความไร้เดียงสา หลินเสี่ยวเหยาสร้างเกราะป้องกันตัวเองจากโลกอันโหดร้าย แต่กลับกลายเป็นชนวนแห่งความเกลียดชังจากคนรอบข้าง

ข่าวลือใส่ร้ายป้ายสีถูกเล่าขานต่อกันไปปากต่อปาก จนหลินเสี่ยวเหยากลายเป็นสตรีที่น่ารังเกียจในสายตาคนทั้งหมู่บ้าน ถูกตราหน้าว่าเป็นหญิงสาวจอมเกียจคร้านไม่เอาการเอางาน วันๆ มัวแต่ตามผู้ชาย

และเจ้าของร่างนี้ยังมีน้องชายวัย 10 ขวบ ซึ่งเธอจะปล่อยให้เด็กน้อยต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับในนิยายไม่ได้ เธอจะต้องเปลี่ยนแปลงทุกสิ่งทุกอย่างเธอจะไม่ยอมให้ตัวเธอเองและน้องชายต้องพบกับจุดจบที่น่าอนาถเหมือนกับในนิยายเป็นอันขาด หลินเสี่ยวเหยาสูดลมหายใจเข้าลึก

“เฮ้อ...ทำไมฉันไม่ไปเกิดในร่างตัวเอกเทพทรู ที่มีขาทองคำกับเขาบ้างนะ” หลินเสี่ยวเหยาถอนหายใจด้วยความท้อแท้ แต่โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง ที่เจ้าของร่างนี้ยังไม่สร้างความเกลียดชังให้ชาวบ้านทั่วไปเท่าไหร่ ชาวบ้านยังแค่นินทาว่าหล่อนเป็นแค่หญิงสาวขี้เกียจสันหลังยาวเท่านั้น หลินเสี่ยวเหยาเชื่อว่าเธอยังพอมีเวลาแก้ไขเรื่องราวต่างๆ ให้ดีขึ้น

"แต่ไม่เป็นไร" เธอพูดกับตัวเองเบาๆ  "ถึงแม้ว่าฉันตอนนี้จะอยู่ในร่างของนางร้าย แต่ฉันก็จะเปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตัวเองและน้องชายให้จงได้ ฉันจะไม่ยอมปล่อยให้น้องชายฉันหิวโซและทำงานหนักจนตายหรอกนะ"

หลินเสี่ยวเหยาลุกขึ้นจากเตียง เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เธอเห็นผู้คนกำลังเดินไปหาของป่า ทุกอย่างดูสงบสุข ไม่มีวี่แววของซอมบี้หรือหายนะใดๆ

"โชคดีเหลือเกิน ที่โลกโลกนี้ยังปกติดีอยู่" หญิงสาวถอนหายใจ ก่อนจะหันกลับมาสำรวจห้องนอนอีกครั้ง

หญิงสาวเดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอจ้องมองดูใบหน้าของตัวเองในกระจกอย่างละเอียด หญิงสาวในกระจก มีผิวขาวเนียน ดวงตากลมโต จมูกโด่งเป็นสัน ริมฝีปากอิ่มเอิบ นี่คือใบหน้าของนางร้ายในนิยายที่เธออ่านจบไป แต่ตอนนี้มันกลับกลายเป็นใบหน้าของเธอแล้ว

"สวยไม่หยอกเลยแฮะ" หลินเสี่ยวเหยาพึมพำกับตัวเอง เธออดไม่ได้ที่จะชื่นชมใบหน้างดงามที่ตอนนี้เป็นของเธอแล้ว

"แต่เสียอย่างเดียว นางร้ายคนนี้ช่างน่าสมเพช" เสี่ยวเหยาคิดในใจ

"แต่ไม่ต้องเป็นห่วงนะ คนสวย" คนร่างบางพูดกับภาพสะท้อนในกระจก "ฉันจะไม่ยอมให้ชีวิตของเธอต้องเจอจุดจบเช่นนั้นหรอก"

มือบางลูบไล้รอยสักรูปดอกบัวสีเงินบนหลังมืออย่างแผ่วเบา รอยสักนี้เป็นสิ่งเดียวที่ติดตัวเธอมาจากโลกเดิม มันเป็นจุดศูนย์รวมเชื้อไวรัส ทำให้เธอสามารถใช้พลังพิเศษธาตุมิติของเธอได้

"เสียดายจัง ถ้ามิติธาตุของฉันติดตามมาด้วยก็คงจะดีไม่น้อย" เธอพึมพำอย่างเสียดาย มิติธาตุของเธอเป็นสมบัติล้ำค่าที่ช่วยให้เก็บของได้ไม่จำกัด

ทันใดนั้น แสงสว่างจ้าก็พวยพุ่งออกมาจากรอยสักนั้น จนหลินเสี่ยวเหยาต้องยกมือขึ้นป้องแสง แม้จะหลับตาแน่น แต่แสงนั้นก็ยังคงส่องทะลุเปลือกตาบางเข้ามา

ผ่านไปเพียงเสี้ยววินาที ลำแสงนั้นก็ดับวูบลง หลินเสี่ยวเหยาลืมตาขึ้นอย่างระมัดระวัง ก่อนจะขยี้ตาเบาๆ เมื่อเธอมองไปที่หลังมือ ก็พบว่ารอยสักยังคงอยู่ แต่กลับเรืองแสงสีเงินจางๆ ก่อนจะค่อยๆ จางหายไป

"หรือว่า... มิติธาตุของเธอจะ..." หลินเสี่ยวเหยาพึมพำกับตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ ก่อนที่หญิงสาวจะหลับตาลงอีกครั้ง มือบางเอื้อมไปแตะรอยสักบนหลังมือเธอหายตัวเข้าไปในมิติทันที

สิ่งที่เธอเห็นเบื้องหน้าทำให้เธอเบิกตากว้าง คือมิติส่วนตัวขนาดใหญ่ ที่มีห้างสรรพสินค้าอยู่ในนั้น  มันเป็นห้างที่เธอเคยเข้าไปเก็บของก่อนที่เธอจะเสียชีวิตในชาติก่อน ในห้างสรรพสินค้ามีทุกอย่างครบครัน ทั้งอาหาร เสื้อผ้า ยารักษาโรค และอื่นๆ อีกมากมาย ในชาติที่แล้วเธอใช้มิติเพียงที่เก็บของเท่านั้นเธอไม่สามารถเข้าไปหลบซอมบี้ในมิติได้

"ขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่างตื้นตัน เธอยกมือยกขึ้นพนมไหว้ไปรอบทิศอย่างสำนึกบุญคุณ

"ในที่สุด ฉันก็ไม่ต้องอดตายแล้ว "เธอบ่นพึมพำกับตัวเองเบาๆ ก่อนจะออกจากมิติหันมาสำรวจบ้านดินหลังเล็กที่เธอไม่คุ้นเคย

"สภาพบ้านแบบนี้ มิน่าล่ะน้องชายของนางร้ายหลินเสี่ยวเหยา ถึงได้ทำงานหนักจนหิวตาย" หล่อนบ่นพึมพำกับตัวเอง

สายตาของเธอมองไปรอบๆ บ้าน เห็นเพียงความทรุดโทรม บ้านดินที่ผนังแตกร้าว หลังคามุงจาก ที่เต็มไปด้วยรูรั่ว ต้นไม้ใหญ่ขึ้นรกครึ้มบดบังแสงแดดจนภายในบ้านมืดสลัว ถนนหนทางก็เป็นเพียงทางดินขรุขระ

เมื่อเธอเดินออกมาตรงลานบ้าน หญิงสาวเห็นร่างเล็กๆ ของเด็กน้อยกำลังง่วนอยู่กับการผ่าฟืน เสียงขวานกระทบกับท่อนไม้ดังขึ้นเป็นจังหวะ สลับกับเสียงหอบหายใจของเด็กชายที่ดูเหนื่อยล้า เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นทั่วใบหน้าเล็กๆ นั้น ร่างกายที่ผอมบางดูแทบจะรับน้ำหนักของขวานไม่ไหว

"เสี่ยวหมิง! หยุดทำงานก่อนเร็ว!" เสียงของหลินเสี่ยวเหยาดังขึ้นมาจากด้านหลัง เด็กชายชะงักมือที่กำลังง้างขวานขึ้น เขาหันกลับไปมองต้นเสียงด้วยความประหลาดใจ พี่สาวไม่เคยเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้มาก่อน

"มาทานข้าวได้แล้ว พี่เตรียมกับข้าวไว้เสร็จเรียบร้อยแล้ว" หลินเสี่ยวเหยายิ้มให้เสี่ยวหมิงอย่างอบอุ่น ทำให้เด็กชายรู้สึกแปลกใจ

เมื่อหลินเสี่ยวเหยาไม่เห็นน้องชายเดินตามมาเสียที คนเป็นพี่สาวจึงเดินไปหาเด็กน้อยก่อนจูงมือเขาพาไปที่โต๊ะไม้เก่าๆ ที่ตั้งอยู่ลานหน้าบ้าน เธอได้นำอาหารจากห้างสรรพสินค้าที่อุ่นไว้นำออกมาวางไว้บนโต๊ะ กลิ่นหอมของอาหารโชยไปทั่วบริเวณ

"เสี่ยวหมิง กินข้าวเยอะ ๆ น่ะ พี่มีกับข้าวเหลืออีกเยอะ" หลินเสี่ยวเหยาคีบผัดผักใส่จานของน้องชายด้วยความรักใคร่

ดวงตากลมโตของเสี่ยวหมิงเบิกกว้างด้วยความตื่นเต้น เขาไม่เคยเห็นอาหารมากมายขนาดนี้มาก่อน ปกติแล้วครอบครัวของเขามีเพียงข้าวเปล่ากับผักดองเท่านั้น แต่ในวันนี้กลับมีทั้งผัดผัก เนื้อหมูผัดพริกหยวก ไข่เจียว และซุปใส

"ขอบคุณครับพี่สาว" หลินเสี่ยวหมิงตอบรับเสียงเบา ก่อนจะก้มลงกินข้าวอย่างหิวโหย

หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จ เธอก็เริ่มสำรวจบ้านที่เธออาศัยต่อทันที บ้านของเธอในตอนนี้ทรุดโทรมจนน่าใจหาย รั้วไม้เก่าผุพัง หลังคารั่ว ทั่วทุกมุมเต็มไปด้วยคราบสกปรก หลินเสี่ยวเหยาสำรวจบ้านด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอรู้ว่าต้องซ่อมแซมบ้านโดยด่วน แต่เงินที่มีติดตัวก็แทบไม่เหลือแล้วเนื่องจากเจ้าของร่างเดิมได้ใช้เงินไปซื้อของนำไปฝากให้กับหลี่เหว่ยเฉียงพระเอกของเรื่อง

"เสี่ยวหมิง" เธอเรียกน้องชายที่กำลังนั่งเหม่อลอยอยู่ที่โต๊ะไม้เก่า "พี่สาวจะออกไปข้างนอกสักหน่อย เดี๋ยวพี่สาวจะรีบกลับมานะ"

หลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นมองพี่สาวด้วยแววตาใสซื่อ "พี่สาวจะไปไหนเหรอครับ"

"เดี๋ยวพี่จะไปหาเงินมาซ่อมบ้านเราไงจ๊ะ" หลินเสี่ยวเหยายิ้มให้น้องชายอย่างอ่อนโยน

แม้ว่าเด็กชายจะไม่เข้าใจทั้งหมด แต่หลินเสี่ยวหมิงก็พยักหน้ารับอย่างว่าง่าย หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปในห้อง เธอหยิบชุดกระโปรงลายดอกไม้สีฟ้าอ่อนออกมาสวมใส่ มันเป็นชุดที่เธอตั้งใจเลือกมาจากห้างสรรพสินค้า มันเป็นเสื้อย้อนยุค เธอคิดว่าน่าจะเหมาะกับยุคนี้มากที่สุด 

หญิงสาวใช้เวลาแต่งตัวนานกว่าปกติหลังจากอาบน้ำในตุ่มไม้ที่เสี่ยวหมิงตักน้ำมาจากลำธารหลังบ้าน

"คราวหลังฉันจะต้องทำห้องน้ำเพิ่มแล้ว" เธอคิดในใจในขณะที่บรรจงแต่งแต้มใบหน้าอยู่หน้ากระจกเก่าบานเล็ก

หลินเสี่ยวเหยาเป็นสาวน้อย วัย 17 ที่งดงามตามธรรมชาติ ผิวขาวผ่อง ดวงตากลมโตเป็นประกาย ริมฝีปากอิ่มเอิบสีชมพูระเรื่อ แต่ในวันนี้เธอแต่งหน้าแบบบางเบาที่ดูเหมือนไม่แต่ง ปัดแก้มด้วยสีชมพูอ่อนๆ เพิ่มความอวบอิ่มของริมฝีปากด้วยลิปมันสีชมพูอ่อน

แต่สิ่งที่ทำให้หลินเสี่ยวเหยาแตกต่างจากเดิมในวันนี้เธอฉีดน้ำหอมที่เธอหิ้วออกมาจากห้างสรรพสินค้าที่อยู่ในมิติของเธอ กลิ่นหอมของดอกไม้นานาพันธุ์ผสมผสานกับกลิ่นผลไม้รสเปรี้ยวอมหวาน สร้างความสดชื่นและน่าหลงใหล

"สวยฉ่ำ มากแม่!" เธอมองตัวเองในกระจกก็พบกับใบหน้าที่พราวเสน่ห์ แต่เมื่อแต่งเติมนิดหน่อยก็ยิ่งสวยสง่าราวกับคุณหนูในเมืองหลวง เธออมยิ้มอย่างพอใจกับผลงานของตัวเอง 

หลินเสี่ยวเหยานำตะกร้าสานมาถือไว้ข้างในบรรจุพวกของผักผลไม้ที่เธอจะนำไปขายที่ตลาดมืด ปิดทับด้วยผ้าขาวสะอาดตา ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป

Related chapters

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 3 ตลาดมืด

    หลินเสี่ยวเหยาเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไป๋เหอ เพื่อหาทางเข้าไปในเมืองจินหลง หมู่บ้านไป๋เหอแห่งนี้มีสมาชิกอยู่เกือบร้อยหลังคาเรือนแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวในหมู่บ้านที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มลงแปลงนากันอยู่ หลินเสี่ยวเหยาเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน สายตาชาวบ้านที่มองมาและนินทาในระยะเผาขนเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น เมื่อหลินเสี่ยวเหยาปรากฏตัวขึ้นในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสะอาดตา ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นมวยหลวม ๆ ตกแต่งด้วยปิ่นหยกเรียบหรู แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ขับให้ใบหน้าหวานนั้นดูโดดเด่นขึ้นเป็นกอง"นั่นหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่เหรอ? วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว" เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอยู่ริมทาง"ก็แน่สิ เงินพ่อแม่หล่อนทั้งนั้นที่ทิ้งไว้ให้" เสียงอีกคนเสริมขึ้นมาอย่างเหยียดหยัน"ผู้หญิงอะไรขี้เกียจ ไม่ยอมทำลงแปลงนาเหมือนคนอื่น""ระวังเถอะ พอเงินพ่อแม่หล่อนหมดจะอดตายไม่มีข้าวจะกิน"หลินเสี่ยวเหยาได้ยินทุกคำพูดเหล่านั้น แต่เธอก็ทำเพียงแค่เมินเฉยและเดินหน้าต่อไป ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำนินทาเหล่านั้นแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียง

    Last Updated : 2024-12-18
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 4 ไฟแค้นโหมกระหน่ำ

    หลี่เหว่ยเฉียงยังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น แม้ภายในใจจะร้อนรุ่มเพียงใด เขารู้ดีว่าการขัดขืนมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทว่าในชั่วพริบตา ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เธอคือหลินฮวา สหายหญิงที่หลี่เหว่ยเฉียงแอบมีใจให้"ใจเย็นก่อนเถิด สหาย" หลินฮวากล่าวเสียงหวานแต่หนักแน่น "ตอนนี้สหายหลี่กำลังจะหมั้นหมายกับฉัน หากพวกคุณจับเขาไป งานมงคลก็คงต้องล่ม"เหล่าทหารชะงัก หันไปมองหน้าหญิงสาวที่กล้าขวางทางพวกเขาด้วยความประหลาดใจ"สหายหญิง ท่านอย่าได้เข้ามาขวางทางการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา" หัวหน้าทหารกล่าวเตือน"ฉันรู้ดี สหาย" หลินฮวาตอบ "แต่คุณลองคิดดู หากสหายหลี่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิวัติจริง เขาจะกล้าประกาศหมั้นหมายกับฉันอย่างเปิดเผยเช่นนี้หรือ"หัวหน้าทหารครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้อง "พวกเราไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากสหายทั้งสองโกหก ฉันจะกลับมาเอาหัวสหายทั้งสองคน จำไว้"หลี่เหว่ยเฉียงมองหลินฮวาด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่ใช่เพราะเธอ เขาคงถูกจับไปแล้ว และอาจต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้าย"ขอบคุณมากสหายหลิน" หลี่เหว่ยเฉียงกล่าวอย่างจริงใจ "หากไม่ใช

    Last Updated : 2024-12-18
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 5 ขออภัยที่ต้องรบกวนยามวิกาล

    ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด เสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้า เม็ดฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย บนเส้นทางสายเปลี่ยวที่ทอดยาวผ่านหมู่บ้านชนบทอันห่างไกล หยางเฟิง หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับหน่วยที่ 13 ผู้มากฝีมือ กำลังก้าวเดินอย่างยากลำบาก เนื้อตัวของชายหนุ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนและเลือดใบหน้าคมคาย เผยดวงตาสีดำคมกริบดุจเหยี่ยว และร่างกายกำยำล่ำสันของเขาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกซุ่มโจมตีของกลุ่มกบฏที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้เมืองจินหลง พวกลูกน้องของเขาถูกศัตรูล้อมกรอบจนต้องแตกหนีเอาตัวรอด ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม หยางเฟิงจึงต้องสละตัวเองเพื่อเปิดทางให้พวกเขาหนีไปได้ เขาได้ต่อสู้กับพวกกบฏอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่อาจต้านทานกองกำลังที่มากกว่าของพวกมันได้ เขาถูกยิงเข้าที่สีข้างจนเลือดไหลอาบ หยางเฟิงกัดฟันข่มความเจ็บปวด พยายามตะเกียกตะกายหนีออกจากวงล้อมของศัตรู เขาต้องหนีออกไปให้ได้และต้องกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ทางการได้รับทราบ เขาต้องไม่ยอมให้พวกกบฏลอยนวลหลังจากฝ่าวงล้อมออกมาหยางเฟิงก็เดินโซซัดโซเซไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และจะไปทางไหนต่อ เขาได้แต่

    Last Updated : 2024-12-18
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 6 ดูแลคุณตัวร้าย

    แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าๆ เข้ามาในห้องนอนเล็กๆ หลินเสี่ยวเหยาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวจ้องมองไปยังร่างของคุณตัวร้าย ที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิง เขายังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนเก่าๆ เธอจึงจัดการเก็บเสื่อ หมอน และผ้าห่มไว้ในตู้ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ เธอเดินออกไปยังห้องครัวเล็กๆ ที่อยู่ติดกับลานบ้าน"เสี่ยวหมิงคงหิวแล้ว" หลินเสี่ยวเหยาคิดในใจ เธอมองไปยังเตาถ่านที่ตั้งอยู่มุมห้อง หลินเสี่ยวหมิง น้องชายของเธอ ตอนนี้เป็นเด็กที่กำลังจะโต เด็กน้อยสมควรที่จะทานอาหารเยอะๆ หลินเสี่ยวเหยาจึงตั้งใจว่าจะทำอาหารเช้าให้น้องชายและคุณตัวร้ายให้อิ่มท้องก่อนออกไปข้างนอกแต่แล้วเธอก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่ เธอไม่รู้วิธีจุดเตาถ่าน! ในยุค 70 นี้ การทำอาหารด้วยเตาถ่านเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับหลินเสี่ยวเหยาที่เพิ่งย้อนเวลามา เธอไม่เคยมีประสบการณ์จุดเตาถ่านมาก่อนเลย"จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย" เธอพึมพำกับตัวเอง พลางจ้องมองไปรอบๆ ห้องครัว หวังว่าจะพบอุปกรณ์บางอย่างที่พอจะช่วยเธอได้ แต่เธอก็ไม่พบอะไรเลยทันใดนั้น เธอก็นึกถึงห้างสรรพสินค้าในมิติของเธอขึ้นมาหลินเสี่ยวเหยาเอามือบางลูบไล

    Last Updated : 2024-12-19
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 7 ปะทะพวกเพื่อนนางเอก

    หลินเสี่ยวเหยายกกับข้าวมาให้หยางเฟิงที่เตียง ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาหารธรรมดา ๆ จะดูน่ารับประทานได้ขนาดนี้เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแรก รสชาติกลมกล่อมของข้าวต้มทำให้เขาแทบหยุดไม่ได้ เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนข้าวต้มหมดถ้วย"อร่อยมากเลยครับ" ชายหนุ่มกล่าวชมด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจหลินเสี่ยวเหยายิ้มรับคำชม คนในยุคนี้ชาวบ้านทั่วไปชอบทำกับข้าวจืดๆ ไม่ได้เน้นเครื่องปรุงรสอะไร กับข้าวที่เธอใส่ผงปรุงรสไปก็เลยดูอร่อยเป็นพิเศษเธอสามารถทำกับข้าวขายได้เลย ถ้ามีผงปรุงรสอยู่ในมือ รับรองกับข้าวอร่อยทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่ยุคนี้ทำการค้าขายลำบาก"ฉันดีใจที่คุณชอบค่ะ"เธอกล่าวกับชายหนุ่มหลังจากหยางเฟิงทานข้าวเช้าเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็หยิบยาแก้ปวด และยาลดไข้ ออกมา 2 เม็ด"สหายหยางทานยาแก้ปวดและยาลดไข้หน่อยนะคะ อาการของคุณจะได้ดีขึ้น"หยางเฟิงรับยามาดู พบว่าเป็นยาฝรั่งราคาแพง เม็ดสีขาวกลม ๆ"คุณ... เอาเงินมาจากไหนมาซื้อยาพวกนี้?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลินเสี่ยวเหยาอึกอักไปชั่วครู่

    Last Updated : 2024-12-20
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 8 ผมสัญญาว่าจะอยู่เงียบๆ

    หลินเสี่ยวเหยา เดินกลับมาถึงบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ คนเป็นพี่สาวเห็นน้องชายกำลัง กำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่คนเดียว เหงื่อของเขาไหลอาบบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยด้วยความสงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอหยิบขวดน้ำหวานเย็นๆ และขนมปังแสนอร่อยจากมิติของเธอหญิงสาวเทน้ำหวานใส่กระบอกไม้ไผ่ และวางขนมปังอบกรอบไว้บนจานกระเบื้องเก่าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลินเสี่ยวหมิงที่ทำงานอยู่สวนหลังบ้าน"เสี่ยวหมิง! พี่กลับมาแล้ว!" หญิงสาวตะโกนเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใสและอบอุ่นหลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากแปลงผัก ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาถึงบ้าน "พี่สาว! กลับมาแล้วเหรอครับ!" เขารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวด้วยความดีใจหญิงสาวยิ้มกว้างพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "อืม... พี่กลับมาแล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เสี่ยวหมิงไปพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถางหญ้าต่อเอง""แต่ว่า..." หลินเสี่ยวหมิงทำท่าจะแย้งผู้เป็นพี่สาวขัดขึ้น "ไม่มีแต่" เธอยิ้มให้น้องชาย "พี่สาวแข็งแรงจะตายไป น้องเล็กไปพักผ่อนเถอะ

    Last Updated : 2024-12-20
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 9 หาของป่า

    หลินเสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องมา เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ลานหน้าบ้าน บนพื้นมีตะกร้าสานใบโปรดวางอยู่พร้อมกับขวานตัดฟืนและมีดพร้า หลินเสี่ยวเหยาเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าๆ มัดผมเรียบง่าย คว้าตะกร้าสานที่บรรจุเครื่องมือและของทานเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้เป็นน้องชายพวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ป่าไผ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญสองคนพี่น้อง ซึ่งเมื่อก่อนหลินเสี่ยวหมิงมักจะเข้ามาหาของป่าให้พี่สาวอยู่เป็นประจำเมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ หลินเสี่ยวเหยาก็หยุดลง เธอวางตะกร้าสานลงบนพื้น หยิบขวานอันคมออกมาจากตะกร้า ผู้เป็นพี่สาวเริ่มสอนน้องชายถึงวิธีการตัดต้นไผ่"เสี่ยวหมิง น้องจับขวานให้มั่นนะ ตีตรงโคนต้นไผ่ ระวังอย่าให้โดนเท้าตัวเอง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกฟางเก่า ๆ กำขวานแน่นในมือเล็ก ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของผู้เป็นพี่สาว"ผลัวะ!" เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า หลินเสี่ยวหมิงฟาดฟันต้นไผ่อย่างขะมักเขม้น แม้ว่าแรงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็พยายามอย่าง

    Last Updated : 2024-12-20
  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 10 ตบตีพวกเพื่อนนางเอก

    เมื่อคนเป็นพี่สาวเดินมาที่ลานหน้าบ้าน เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงน้องชายของเธอกำลังนั่งรอทานข้าวอย่างใจจดใจจ่อ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ มีแกงผักป่าร้อน ๆ กับข้าวสวยวางอยู่ เมื่อเธอเดินมาหาน้องชาย หลินเสี่ยวหมิงยิ้มร่าด้วยความดีใจ"พี่เสี่ยวเหยา แกงที่พี่ทำมันหอมมากเลยครับ จนน้ำลายผมไหลยืด" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น"มันหอมเพราะพี่สาวใส่เครื่องปรุงตามสูตรที่พี่สาวคิดค้นขึ้น มันทำให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าน้องเล็กชอบพี่สาวจะทำให้ทานทุกวัน" หลินเสี่ยวเหยาตักแกงใส่ถ้วย ส่งให้น้องชายหลินเสี่ยวหมิงตักแกงเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย"อร่อยมากเลยพี่สาว ฝีมือพี่นี่ไม่แพ้แม่เลยนะ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยชมไม่หยุด‘หึ..ถ้าไม่มีเครื่องปรุงสำเร็จรูปกับข้าว ฉันก็คงทำคงไม่อร่อยเท่านี้หรอก’ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโชคดีที่ในห้างสรรพสินค้าของเธอมีเครื่องปรุงสำเร็จรูปครบครันทำให้การใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดหลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็ทำการเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับน้องชาย"เสี่ยวหมิง วันนี้น้องเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวน้องไปพักผ่อนได้แล้ว""ครับพี่สาว เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" เด็กชายพ

    Last Updated : 2024-12-20

Latest chapter

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 71 บทส่งท้าย ค่ำคืนของสองเรา

    หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 70 ขอแต่งงาน

    เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 69 จับกุมตัวสองผัวเมีย

    หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 68 ใบหน้าเสียโฉม

    แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 67 หายนะที่กำลังจะมาเยือน

    ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 66 เปิดปากหลี่เหว่ย

    ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 65 จดหมายแจ้งข่าว

    คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 64 แผนการเอาคืนหลินฮวา

    พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ

  • ทะลุมิติมาเป็นนางร้ายในนิยายยุค 70   บทที่ 63 สติแตก

    ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status