เมื่อคนเป็นพี่สาวเดินมาที่ลานหน้าบ้าน เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงน้องชายของเธอกำลังนั่งรอทานข้าวอย่างใจจดใจจ่อ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ มีแกงผักป่าร้อน ๆ กับข้าวสวยวางอยู่ เมื่อเธอเดินมาหาน้องชาย หลินเสี่ยวหมิงยิ้มร่าด้วยความดีใจ
"พี่เสี่ยวเหยา แกงที่พี่ทำมันหอมมากเลยครับ จนน้ำลายผมไหลยืด" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น
"มันหอมเพราะพี่สาวใส่เครื่องปรุงตามสูตรที่พี่สาวคิดค้นขึ้น มันทำให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าน้องเล็กชอบพี่สาวจะทำให้ทานทุกวัน" หลินเสี่ยวเหยาตักแกงใส่ถ้วย ส่งให้น้องชาย
หลินเสี่ยวหมิงตักแกงเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย
"อร่อยมากเลยพี่สาว ฝีมือพี่นี่ไม่แพ้แม่เลยนะ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยชมไม่หยุด
‘หึ..ถ้าไม่มีเครื่องปรุงสำเร็จรูปกับข้าว ฉันก็คงทำคงไม่อร่อยเท่านี้หรอก’ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโชคดีที่ในห้างสรรพสินค้าของเธอมีเครื่องปรุงสำเร็จรูปครบครันทำให้การใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิด
หลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็ทำการเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับน้องชาย
"เสี่ยวหมิง วันนี้น้องเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวน้องไปพักผ่อนได้แล้ว"
"ครับพี่สาว เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" เด็กชายพูดขึ้นก่อนจะวิ่งเข้าห้องไป
หลินเสี่ยวเหยามองดูน้องชายที่รีบวิ่งด้วยความเอ็นดู ก่อนที่เธอจะนำถ้วยชามไปล้างก่อนจะเดินเข้ากลับเข้าบ้าน
แต่ทันทีที่ก้าวเข้ามาในห้อง ภาพที่ปรากฏตรงหน้าก็ทำให้เธอต้องหยุดชะงักเธอเห็นชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้า กำลังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ผ้าห่มเลื่อนลงมาจนเกือบถึงเอว เผยให้เห็นแผ่นอกกว้างที่ขาวเนียน ไร้รอยตำหนิ กล้ามเนื้อหน้าท้องที่แข็งแกร่งเป็นลอนสวยงาม และรอยแผลเป็นที่พันด้วยผ้าพันแผลสีขาวสะอาด
หลินเสี่ยวเหยาเผลอกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก หัวใจของเธอเต้นรัวราวกับกลองศึก ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อด้วยความเขินอาย
'นี่คุณตัวร้าย...คุณจะอ่อยฉันหรือไง เดี๋ยวใจก็ได้แตกหรอก' เสียงเล็กๆ ในหัวของเธอแอบบ่น
เมื่อได้สติหลินเสี่ยวเหยาก็ขยุ้มหัวอย่างเขินอาย กับความคิดพิเรนทร์ของเธอ จะว่าไปแล้วคุณตัวร้าย นี่หล่อเหลาเกินกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้ แม้จะบาดเจ็บ แต่เสน่ห์ของชายหนุ่มยังคงไม่แผ่ว ทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นตึกตัก
หลินเสี่ยวเหยาอดหน้าแดงไม่ได้ ‘ทำไม ตัวร้ายเรื่องนี้หล่อยิ่งกว่าพระเอกซะอีก’
เมื่อเธอนึกถึงหลี่เหว่ยเฉียง อารมณ์เขินอายเมื่อครู่ก็พลันเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงแห่งความแค้นทันที
'หวังว่าชาตินี้พวกแกจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับฉันอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ยอมอยู่เฉย ๆ ให้พวกแกทั้งคู่รังแกฉันได้เด็ดขาด!' หลินเสี่ยวเหยารำพึง
ความโกรธแค้นจากชาติก่อนลุกโชนขึ้นในใจของหญิงสาว เธอรู้สึกเหมือนถูกไฟเผาไหม้ ร่างกายสั่นเทาไปด้วยความโกรธ ภาพความทรงจำอันเลวร้ายจากอดีตหลั่งไหลกลับมา
เจิ้งห้าว ชายหนุ่มที่เธอเคยรักหักหลังเธออย่างไม่ไยดี เขาหันไปคบหากับหลินเสี่ยวถง น้องสาวต่างแม่ของเธอ พวกเขาร่วมมือกันหลอกลวงเธอ สุดท้ายพวกเขาก็ช่วยกันผลักเธอจากรถบรรทุกให้ลงไปตาย ทิ้งไว้ให้ถูกฝูงซอมบี้รุมทำร้าย
หลินเสี่ยวเหยาบีบมือแน่น ความแค้นนั้นฝังรากลึกในใจเธอ เธอจะไม่มีวันให้อภัยพวกมัน
ในขณะที่หลินเสี่ยวเหยาจมอยู่กับความคิด จู่ๆ เสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้นข้างหูเธอ
"คุณเป็นอะไรหรือเปล่าครับ?" หยางเฟิงเอ่ยถาม ดวงตาสีดำขลับของเขาจ้องมองเธอด้วยความเป็นห่วง
หลินเสี่ยวเหยาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เธอรีบเก็บอารมณ์และตอบกลับไปว่า "พอดีฉันจะเข้ามานอนค่ะ และฉันกำลังจะคิดอยู่ว่าจะไปนอนที่ไหนดี" หลินเสี่ยวเหยาโกหกคุณตัวร้ายออกไป
"ผมต้องขอโทษด้วยนะครับที่รบกวนคุณ" ชายหนุ่มกล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ
"คุณไม่ต้องขอโทษฉันหรอกค่ะ เดี๋ยวฉันจะนอนพื้นข้างๆ คุณเอง" เธอเอ่ยขึ้น เบาๆ
หยางเฟิง มองดูหญิงสาวที่นอนอยู่บนพื้นดินด้วยความสงสาร "สหายหลิน... คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอกนะ เดี๋ยวผมลงไปนอนพื้นเอง"
"ไม่เป็นไรค่ะ ตอนนี้คุณได้รับบาดเจ็บ คุณก็อย่าขยับเขยื้อนมากเดี๋ยวบาดแผลจะฉีกขาด" เธอตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
"แต่ว่า..."
"สหายหยางเฟิง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้น ตัดบทคนร่างสูง "ฉันรู้ว่าคุณกังวลอะไร แต่ฉันสบายดีจริงๆ ค่ะ คุณก็อย่าคิดมากเลย รีบนอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้ฉันต้องไปหาหญ้าแห้วหมูเพื่อไปเก็บแต้มแต่เช้า"
"ขอบคุณนะครับ" เขาเอ่ยขึ้น "ผมจะไม่ลืมความดีของคุณเลย"
หลินเสี่ยวเหยายิ้มตอบ "ไม่เป็นไรค่ะพวกเราเราเป็นสหายกันนี่คะ" หญิงสาวกล่าว
"งั้นผมขอตัวนอนก่อนนะครับ" หยางเฟิงเอ่ยขึ้น
"ค่ะ ฝันดีนะคะ" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับก่อนจะดับไฟตะเกียงและเข้านอนทันที
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยาตื่นขึ้นมาตั้งแต่ตีห้า ท้องฟ้ายังมืดมิด เธอลุกขึ้นจากเตียง ยืดเส้นยืดสาย ก่อนจะเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปดูวิวทิวทัศน์ของหมู่บ้านที่ตอนนี้ผู้คนยังคงนอนหลับใหลกันอยู่
วันนี้เธอไม่มีเวลาทำกับข้าว เพราะเธอต้องขึ้นเขาไปหาหญ้าแห้วหมูจึงนำของจากในมิติมาอุ่นไว้ให้น้องชายเธอกิน
หลินเสี่ยวเหยาหยิบข้าวต้มร้อนๆ กับไข่ดาวสองฟอง วางไว้บนโต๊ะ ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนของน้องชาย "น้องเล็กพี่ทำกับข้าวไว้ในห้องครัวนะ ถ้าตื่นนอนแล้ว มาทานอาหารเช้านะ"
หลินเสี่ยวหมิง ลืมตาตื่นขึ้นมา ก่อนจะกล่าวกับพี่สาว "ได้ครับ แล้วพี่สาวจะให้ผมไปเป็นเพื่อนไหม"
"เดี๋ยวพี่ไปเองสะดวกกว่าพี่จะรีบไปรีบมา" หลินเสี่ยวเหยากล่าวกับเด็กชาย
หลังจากเธอทานอาหารเช้าที่เรียบง่ายเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็สะพายตะกร้าไม้ไผ่เก่าๆ มุ่งหน้าสู่ป่าทึบ เบื้องหน้าเธอคือทิวเขาสูงใหญ่ปกคลุมไปด้วยหมอกควัน อากาศยามเช้าเย็นสบาย ร่างบางเดินด้วยความคุ้นเคย เท้าของเธอ เหยียบย่ำไปบนพื้นดินที่ชื้นแฉะ
ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมง หญิงสาวก็มาถึงจุดหมายปลายทาง ที่นี่เธอพบหญ้าแห้วหมูอันเขียวชอุ่ม หลินเสี่ยวเหยาเปิดมิติ นำเครื่องตัดหญ้าขนาดเล็กที่ใช้แบตเตอรี่ ออกมาวางบนพื้นดิน เพียงแค่แตะปุ่มเครื่องตัดหญ้าก็เริ่มทำงาน หญ้าแห้วหมูที่ปกคลุมทุ่งหญ้าถูกไถจนหมดเกลี้ยงในเวลาอันรวดเร็ว
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจ หลินเสี่ยวเหยาก็เก็บเครื่องตัดหญ้ากลับเข้าไปในมิติ เธอเอื้อมมือไปกอบหญ้าแห้วหมูที่กองสูงนำเข้ามาในมิติทั้งหมด ร่างบางอมยิ้มอย่างพึงพอใจ ที่จะได้ไม่ต้องมาตัดหญ้าบ่อยๆ ในมิติของเธอ เวลาจะหยุดนิ่ง ทำให้คงสภาพความสดใหม่ของวัตถุดิบทุกอย่างไว้ได้ หลินเสี่ยวเหยาแยกหญ้าแห้วหมูบางส่วนใส่ตะกร้าหวาย ก่อนจะแบกตะกร้าที่หนักอึ้ง เดินกลับหมู่บ้านด้วยท่าทางที่คล่องแคล่ว ระหว่างทางเธอได้เจอต้นไม้ที่น่าสนใจ แต่ด้วยความรีบเร่ง หญิงสาวเลยกะว่าจะมาเก็บทีหลัง
เมื่อมาถึงหมู่บ้าน หลินเสี่ยวเหยาก็ตรงไปยังโรงเลี้ยงหมู ก่อนจะเดินไปหาลุงหวังคนจดแต้ม หญิงสาวได้รับแต้มการทำงานมา 3 แต้ม เธอรู้สึกดีใจ อย่างน้อยก็ไม่มีใครคิดว่าเธอเป็นแม่สาวจอมเกียจคร้าน
แต่ความสุขของเธอก็เป็นอันต้องจบลง เมื่อเธอเดินออกมาจากโรงเลี้ยงหมู เธอก็ต้องเผชิญหน้ากับเฉียวเย่ รั่วฉี และเจียหยิง เด็กสาววัยเดียวกับเธอที่เป็นเพื่อนสาวของยัยนางเอกดอกบัวขาวที่แสนจะตอแหล เรื่องที่พวกหล่อนมาหาเรื่องเธอ คงจะได้รับการกรอกหูมาจากยัยนางเอกที่ชอบแอ๊บทำตัวเป็นคนดีละสิ หลินเสี่ยวเหยาสังเกตเห็นมีชาวบ้านอยู่แถวโรงเลี้ยงหมูประปราย เธอครุ่นคิดถึงแผนเอาคืนพวกเพื่อนนางเอกทันที
ทันใดนั้น เสียงแหลมสูงของเฉียวเย่ ก็ดังขึ้นเมื่อได้เห็นเธอ "หลินเสี่ยวเหยา! แกยังมีหน้ามาโผล่หน้าโผล่ตาอยู่ที่นี้อีกเหรอ! เป็นเพราะแกชื่อเสียงของพวกฉันถึงได้เสียหาย พวกเราจัดการมัน!"เฉียวเย่กล่าวด้วยความแค้นใจ
หลินเสี่ยวเหยามองเฉียวเย่ รั่วฉี และเจียหยิงด้วยสายตาเยือกเย็น แม้ร่างกายของเธอจะผอมบาง แต่แววตาของเธอกลับแฝงไว้ด้วยพลังอำนาจ ในชาติก่อนเธอฝึกฝนการต่อสู้ทั้งมือเปล่าและดาบ ในการต่อสู้กับซอมบี้ฝีมือของเธอไม่ธรรมดา แต่เธอก็ต้องเก็บงำความสามารถไว้ รอจังหวะตอบโต้ที่เหมาะสม
เฉียวเย่และเจียหยิง พุ่งเข้าหาหลินเสี่ยวเหยาด้วยความรวดเร็วหวังจะเข้ามาทำร้ายตบตี แต่หลินเสี่ยวเหยาไม่หวั่นเกรง เธอหลบหลีกการโจมตีของพวกเพื่อนนางเอกอย่างว่องไว และรอจังหวะสวนกลับ
ในชั่วพริบตา หลินเสี่ยวเหยาก็ใช้ทักษะการต่อสู้ที่เฉียบคม โจมตีเฉียวเย่และเจียหยิงอย่างแม่นยำ แต่การโจมตีของเธอแยบยลจนไม่มีใครสังเกตเห็น แต่ละหมัดแต่ละท่าที่เธอส่งออก ล้วนสร้างความเจ็บปวดอย่างสาหัสให้กับทั้งสองคน
"โอ๊ย! หยุดนะ! นังหลินเสี่ยวเหยา แกกล้าทำร้ายพวกเราเหรอ!" เจียหยิงและเฉียวเย่ร้องโหยหวน
หลินเสี่ยวเหยาแกล้งทำตื่นกลัว "ฉันไม่ได้ทำอะไรพวกเธอเลยนะ พวกเธอต่างหากที่รุมทำร้ายฉัน ฉันก็แค่พยายามจะหนีเอาชีวิตรอดเท่านั้น พวกคุณทั้งสองหกล้มกันไปเอง มันไม่ใช่ความผิดของฉันซะหน่อย"
เสียงร้องโหยหวนของเฉียวเย่และเจียหยิง ดึงดูดความสนใจของชาวบ้านในละแวกนั้น ทุกคนต่างรีบวิ่งมาดูด้วยความตกใจ
"นี่มันอะไรกัน? ทำไมพวกแกถึงรังแกเสี่ยวเหยาอีกแล้ว!" คุณอาหลิวที่ยืนดูเหตุการณ์ตั้งแต่แรกตะโกนถาม
"พวกเราไม่ได้รังแกเธอ! เธอเองต่างหากที่เป็นคนเริ่มก่อน!" เจียหยิงโกหกออกไป
"เธอไม่ต้องมาพูดมาก ฉันเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่พวกเธอเข้ามารุมโจมตีนังหนูเสี่ยวเหยาแล้ว"คุณอาหลิวดุพวกหล่อน
ในขณะเดียวกันรั่วฉีที่ยืนอยู่ถึงกับหน้าเสียเมื่อเห็นพวกเพื่อนๆ ลงไปนอนกับพื้น "แก..นังหลินเสี่ยวเหยา แกทำร้ายพวกเพื่อนๆ ฉันจะเอาคืนให้พวกหล่อน"เสียงรั่วฉีดังขึ้นมาจากด้านหลังเธอ
หลินเสี่ยวเหยาไม่รอช้า เมื่อเห็นรั่วฉีวิ่งมาจิกหัวเธอ เธอแกล้งพลิกตัวหนีก่อนจะโจมตีด้วยความรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่มีใครสังเกตเห็น การโจมตีของเธอดูภายนอกจะดูไม่ออกเพราะไม่มีร่องรอยใดๆ เหลืออยู่ แต่จะรู้สึกเจ็บปวดอย่างรุนแรง
"โอ๊ย! ช่วยด้วย แขนจะหักแล้ว ฉันถูกนังหลินเสี่ยวเหยาแกทำร้าย!" รั่วฉีร้องโหยหวน
หลินเสี่ยวเหยาแกล้งหวาดกลัว "นี่พวกหล่อนอย่าใส่ใส่ร้ายฉันนะ ฉันก็อยู่ของฉันดีๆ แต่เป็นหล่อนเองต่างหากที่วิ่งมาจะทำร้าย ฉันก็แค่ทำการหลบหนีการโจมตีของเธอไปอย่างฉิวเฉียดเท่านั้น เธอหกล้มลงไปเอง ใคร ๆ ก็เห็น "หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้น
เหล่าชาวบ้านก็ต่างงุนงง เพราะพวกเขาไม่เห็นว่าหลินเสี่ยวเหยาไปทำร้ายรั่วฉีตั้งแต่เมื่อไหร่ พวกเขาเห็นแต่เพียงเธอหลบการโจมตีของรั่วฉีเท่านั้น
"นี้พวกเธออย่างมากล่าวร้ายหนูเสี่ยวเหยา เป็นพวกเธอต่างหากที่มารุมทำร้ายหล่อน" ป้าสะใภ้สามหลี่ตะโกนออกมา
"ไม่จริง! พวกเราไม่ได้ทำร้ายเธอ แต่เป็นนังหลินเสี่ยวเหยาต่างหากที่ทำร้ายพวกเรา ไม่เชื่อทุกคนดูนี้ ตรงแขนฉันช้ำไปหมดแล้ว" รั่วฉีกล่าวพร้อมกลับเปิดแขนเสื้อขึ้นมาแต่ปรากฏว่าไม่มีร่องรอยการถูกทำร้ายใดๆ ทั้งสิ้น รั่วฉีถึงหน้าเสีย ทั้งที่เธอเจ็บคนแทบจะขาดใจตาย แต่ทำไมถึงไม่มีร่องรอยการถูกทำร้าย
ด้วยความอับอาย พวกแก๊งเพื่อนนางเอกทั้งสามคนจึงรีบวิ่งหนีไปอย่างสะบักสะบอม
หลินเสี่ยวเหยาลุกขึ้นยืน ปัดเศษฝุ่นออกจากเสื้อผ้า
"ขอบคุณ คุณป้า คุณลุง คุณอา ทุกคนนะคะ ที่ช่วยเหลือฉัน" เธอพูดกับชาวบ้านด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน
"ไม่เป็นไรลูก ป้าดีใจที่หนูปลอดภัย" ป้าสะใภ้สามหลี่เอ่ยขึ้น
หลินเสี่ยวเหยาโบกมือลาชาวบ้าน ก่อนที่เธอจะรีบเดินกลับไปบ้าน ตอนนี้ตะวันสายโด่งแล้ว ป่านนี้คุณตัวร้ายน่าจะหิวแล้วละ
ณ เมืองหลวงหลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิดหยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา...""เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหล
หลินเสี่ยวเหยา ก้าวเท้าออกมาจากบ้านดินหลังเล็ก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังแปลงผักที่อยู่หลังบ้านเธอเห็นหลินเสี่ยวหมิง กำลังยืนอยู่หน้าแปลงผัก สายตาของเขาจดจ่อกับต้นผักกาดหอมที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวานนี้ ใบสีเขียวอ่อนเริ่มคลี่ออก เผยให้เห็นยอดอ่อนสีขาว หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาเด็กชาย"น้องเล็กทำอะไรอยู่เหรอ?""พี่สาวดูสิครับ ต้นผักกาดเริ่มแตกใบแล้ว!" หลินเสี่ยวหมิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์จากการทุ่มเทดูแลแปลงผักหลินเสี่ยวเหยาโน้มตัวลง มองดูต้นผักกาดอย่างใกล้ชิด รอยยิ้มของเธอขยายกว้างขึ้น "น้องเล็กเก่งมากเลยนะ เป็นเพราะน้องเล็กช่วยพี่สาวรดน้ำ เมล็ดจึงแตกยอดออกมา" เธอเอื้อมมือลูบศีรษะน้องชายเบาๆ"ต่อไปเราก็จะมีผักสดๆ ไว้กินเองแล้ว"หลินเสี่ยวหมิงดีใจสุดๆ เขาตั้งตารอที่จะได้กินผักกาดที่ดูแลเองกับมือท่ามกลางความร่าเริงของเด็กน้อย หลินเสี่ยวเหยากำลังครุ่นคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องมิติของเธอให้น้องชายได้รับรู้หรือไม่ เธออยากนำเครื่องมือในห้างสรรพสินค้าของมาสร้างเล้าไก่ คนร่างบางรู้สึกลังเลใจว่าจะบอกน้องชายดีหรือไม่หลินเสี่ยวเหยานึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เธอหลุดเข้ามา น
จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจหลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้างทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้นผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวก
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
ณ ฐานทัพเมือง A อันเงียบสงัด ท่ามกลางซากปรักหักพังของอารยธรรมที่ล่มสลาย ทีมของหลินเสี่ยวเหยา เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญ พวกเขาคือความหวังในการอยู่รอดของฐานทัพแห่งนี้หลินเสี่ยวเหยา เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม เธอมีน้องสาวคนสนิท อย่างหลินเสี่ยวถง ที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกสถานการณ์ และเจิ้งห้าว แฟนหนุ่มของหลินเสี่ยวเหยา ที่เป็นนักสู้ผู้เก่งกาจและเป็นที่พึ่งพิงของทุกคนในทีม นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมทีมอีกห้าคนที่ต่างก็มีความสามารถพิเศษกันทุกคน พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมของฐาน A"ทุกคนพร้อมไหม?" เจิ้งห้าวที่เป็นหัวหน้าทีมเอ่ยถามสมาชิกร่วมทีมทุกคน ทุกคนพยักหน้ารับพร้อมเพรียง"ภารกิจในวันนี้สำคัญมาก พวกเราต้องออกไปหาเสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ได้มากที่สุด" เจิ้งห้าวกล่าวต่อ "จำไว้ว่าทุกคนต้องระวังตัวให้มาก โลกภายนอกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป"ทีมของเจิ้งห้าวออกเดินทางจากฐานทัพด้วยรถบรรทุกคันใหญ่ พวกเขาต้องเดินทางไกลในที่สุด พวกเขาก็มาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งร้าง หลินเสี่ยวเหยาและทีมรีบเข้าไปสำรวจภายในห้างสรรพสินค้า พวกเขาพบกับอาหารกระป๋อง น้ำดื่ม ยา และของใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ อี
"โอ๊ยยยยย" หลินเสี่ยวเหยาครางออกมาอย่างทรมาน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ภาพตรงหน้าพร่าเลือนก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นห้องนอนไม้เก่าๆ ทรุดโทรม แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ ส่องกระทบใบหน้าซีดเซียวของเธอ ความเจ็บแปลบแล่นริ้วไปทั่วศีรษะราวกับเพิ่งถูกกระแทกอย่างแรง"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" หลินเสี่ยวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอลุกขึ้นนั่งแล้วสำรวจตัวเอง หญิงสาวไม่พบร่องรอยบาดแผลจากฝูงซอมบี้แม้แต่น้อย"นี้ฉันจะฝันไปหรือเปล่า... ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?" หลินเสี่ยวเหยาครุ่นคิดอย่างสับสนทันใดนั้น ความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวของเธอราวกับเขื่อนแตก หลินเสี่ยวเหยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอจำได้ทันที… ว่าเธอเข้ามาอยู่ในนิยายที่เพิ่งอ่านจบไปก่อนที่จะตายนี่นา! และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น เธอยังมาอยู่ในร่างของนางร้าย ‘หลินเสี่ยวเหยา’ ที่ดันมีชื่อเหมือนกับเธออีกหญิงสาวพยายามตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นทุ่งนาเขียวขจีและภูเขาสูงตระหง่านที่แห่งนี้อยู่ในยุคมืดในปี 1970 ผู
หลินเสี่ยวเหยาเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไป๋เหอ เพื่อหาทางเข้าไปในเมืองจินหลง หมู่บ้านไป๋เหอแห่งนี้มีสมาชิกอยู่เกือบร้อยหลังคาเรือนแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวในหมู่บ้านที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มลงแปลงนากันอยู่ หลินเสี่ยวเหยาเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน สายตาชาวบ้านที่มองมาและนินทาในระยะเผาขนเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น เมื่อหลินเสี่ยวเหยาปรากฏตัวขึ้นในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสะอาดตา ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นมวยหลวม ๆ ตกแต่งด้วยปิ่นหยกเรียบหรู แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ขับให้ใบหน้าหวานนั้นดูโดดเด่นขึ้นเป็นกอง"นั่นหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่เหรอ? วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว" เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอยู่ริมทาง"ก็แน่สิ เงินพ่อแม่หล่อนทั้งนั้นที่ทิ้งไว้ให้" เสียงอีกคนเสริมขึ้นมาอย่างเหยียดหยัน"ผู้หญิงอะไรขี้เกียจ ไม่ยอมทำลงแปลงนาเหมือนคนอื่น""ระวังเถอะ พอเงินพ่อแม่หล่อนหมดจะอดตายไม่มีข้าวจะกิน"หลินเสี่ยวเหยาได้ยินทุกคำพูดเหล่านั้น แต่เธอก็ทำเพียงแค่เมินเฉยและเดินหน้าต่อไป ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำนินทาเหล่านั้นแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียง
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจหลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้างทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้นผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวก
หลินเสี่ยวเหยา ก้าวเท้าออกมาจากบ้านดินหลังเล็ก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังแปลงผักที่อยู่หลังบ้านเธอเห็นหลินเสี่ยวหมิง กำลังยืนอยู่หน้าแปลงผัก สายตาของเขาจดจ่อกับต้นผักกาดหอมที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวานนี้ ใบสีเขียวอ่อนเริ่มคลี่ออก เผยให้เห็นยอดอ่อนสีขาว หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาเด็กชาย"น้องเล็กทำอะไรอยู่เหรอ?""พี่สาวดูสิครับ ต้นผักกาดเริ่มแตกใบแล้ว!" หลินเสี่ยวหมิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์จากการทุ่มเทดูแลแปลงผักหลินเสี่ยวเหยาโน้มตัวลง มองดูต้นผักกาดอย่างใกล้ชิด รอยยิ้มของเธอขยายกว้างขึ้น "น้องเล็กเก่งมากเลยนะ เป็นเพราะน้องเล็กช่วยพี่สาวรดน้ำ เมล็ดจึงแตกยอดออกมา" เธอเอื้อมมือลูบศีรษะน้องชายเบาๆ"ต่อไปเราก็จะมีผักสดๆ ไว้กินเองแล้ว"หลินเสี่ยวหมิงดีใจสุดๆ เขาตั้งตารอที่จะได้กินผักกาดที่ดูแลเองกับมือท่ามกลางความร่าเริงของเด็กน้อย หลินเสี่ยวเหยากำลังครุ่นคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องมิติของเธอให้น้องชายได้รับรู้หรือไม่ เธออยากนำเครื่องมือในห้างสรรพสินค้าของมาสร้างเล้าไก่ คนร่างบางรู้สึกลังเลใจว่าจะบอกน้องชายดีหรือไม่หลินเสี่ยวเหยานึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เธอหลุดเข้ามา น
ณ เมืองหลวงหลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิดหยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา...""เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหล
เมื่อคนเป็นพี่สาวเดินมาที่ลานหน้าบ้าน เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงน้องชายของเธอกำลังนั่งรอทานข้าวอย่างใจจดใจจ่อ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ มีแกงผักป่าร้อน ๆ กับข้าวสวยวางอยู่ เมื่อเธอเดินมาหาน้องชาย หลินเสี่ยวหมิงยิ้มร่าด้วยความดีใจ"พี่เสี่ยวเหยา แกงที่พี่ทำมันหอมมากเลยครับ จนน้ำลายผมไหลยืด" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น"มันหอมเพราะพี่สาวใส่เครื่องปรุงตามสูตรที่พี่สาวคิดค้นขึ้น มันทำให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าน้องเล็กชอบพี่สาวจะทำให้ทานทุกวัน" หลินเสี่ยวเหยาตักแกงใส่ถ้วย ส่งให้น้องชายหลินเสี่ยวหมิงตักแกงเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย"อร่อยมากเลยพี่สาว ฝีมือพี่นี่ไม่แพ้แม่เลยนะ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยชมไม่หยุด‘หึ..ถ้าไม่มีเครื่องปรุงสำเร็จรูปกับข้าว ฉันก็คงทำคงไม่อร่อยเท่านี้หรอก’ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโชคดีที่ในห้างสรรพสินค้าของเธอมีเครื่องปรุงสำเร็จรูปครบครันทำให้การใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดหลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็ทำการเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับน้องชาย"เสี่ยวหมิง วันนี้น้องเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวน้องไปพักผ่อนได้แล้ว""ครับพี่สาว เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" เด็กชายพ
หลินเสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องมา เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ลานหน้าบ้าน บนพื้นมีตะกร้าสานใบโปรดวางอยู่พร้อมกับขวานตัดฟืนและมีดพร้า หลินเสี่ยวเหยาเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าๆ มัดผมเรียบง่าย คว้าตะกร้าสานที่บรรจุเครื่องมือและของทานเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้เป็นน้องชายพวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ป่าไผ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญสองคนพี่น้อง ซึ่งเมื่อก่อนหลินเสี่ยวหมิงมักจะเข้ามาหาของป่าให้พี่สาวอยู่เป็นประจำเมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ หลินเสี่ยวเหยาก็หยุดลง เธอวางตะกร้าสานลงบนพื้น หยิบขวานอันคมออกมาจากตะกร้า ผู้เป็นพี่สาวเริ่มสอนน้องชายถึงวิธีการตัดต้นไผ่"เสี่ยวหมิง น้องจับขวานให้มั่นนะ ตีตรงโคนต้นไผ่ ระวังอย่าให้โดนเท้าตัวเอง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกฟางเก่า ๆ กำขวานแน่นในมือเล็ก ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของผู้เป็นพี่สาว"ผลัวะ!" เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า หลินเสี่ยวหมิงฟาดฟันต้นไผ่อย่างขะมักเขม้น แม้ว่าแรงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็พยายามอย่าง
หลินเสี่ยวเหยา เดินกลับมาถึงบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ คนเป็นพี่สาวเห็นน้องชายกำลัง กำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่คนเดียว เหงื่อของเขาไหลอาบบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยด้วยความสงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอหยิบขวดน้ำหวานเย็นๆ และขนมปังแสนอร่อยจากมิติของเธอหญิงสาวเทน้ำหวานใส่กระบอกไม้ไผ่ และวางขนมปังอบกรอบไว้บนจานกระเบื้องเก่าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลินเสี่ยวหมิงที่ทำงานอยู่สวนหลังบ้าน"เสี่ยวหมิง! พี่กลับมาแล้ว!" หญิงสาวตะโกนเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใสและอบอุ่นหลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากแปลงผัก ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาถึงบ้าน "พี่สาว! กลับมาแล้วเหรอครับ!" เขารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวด้วยความดีใจหญิงสาวยิ้มกว้างพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "อืม... พี่กลับมาแล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เสี่ยวหมิงไปพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถางหญ้าต่อเอง""แต่ว่า..." หลินเสี่ยวหมิงทำท่าจะแย้งผู้เป็นพี่สาวขัดขึ้น "ไม่มีแต่" เธอยิ้มให้น้องชาย "พี่สาวแข็งแรงจะตายไป น้องเล็กไปพักผ่อนเถอะ
หลินเสี่ยวเหยายกกับข้าวมาให้หยางเฟิงที่เตียง ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาหารธรรมดา ๆ จะดูน่ารับประทานได้ขนาดนี้เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแรก รสชาติกลมกล่อมของข้าวต้มทำให้เขาแทบหยุดไม่ได้ เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนข้าวต้มหมดถ้วย"อร่อยมากเลยครับ" ชายหนุ่มกล่าวชมด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจหลินเสี่ยวเหยายิ้มรับคำชม คนในยุคนี้ชาวบ้านทั่วไปชอบทำกับข้าวจืดๆ ไม่ได้เน้นเครื่องปรุงรสอะไร กับข้าวที่เธอใส่ผงปรุงรสไปก็เลยดูอร่อยเป็นพิเศษเธอสามารถทำกับข้าวขายได้เลย ถ้ามีผงปรุงรสอยู่ในมือ รับรองกับข้าวอร่อยทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่ยุคนี้ทำการค้าขายลำบาก"ฉันดีใจที่คุณชอบค่ะ"เธอกล่าวกับชายหนุ่มหลังจากหยางเฟิงทานข้าวเช้าเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็หยิบยาแก้ปวด และยาลดไข้ ออกมา 2 เม็ด"สหายหยางทานยาแก้ปวดและยาลดไข้หน่อยนะคะ อาการของคุณจะได้ดีขึ้น"หยางเฟิงรับยามาดู พบว่าเป็นยาฝรั่งราคาแพง เม็ดสีขาวกลม ๆ"คุณ... เอาเงินมาจากไหนมาซื้อยาพวกนี้?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลินเสี่ยวเหยาอึกอักไปชั่วครู่