จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้
"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น
"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา
"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจ
หลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้าง
ทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก
"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที
"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้น
ผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวกโวยวายเริ่มดังขึ้น
"ฉันไม่ได้ทำอะไรคุณ คุณเป็นคนจับตะกร้าฉันไว้ฉันก็แค่หมุนตัวไปดูเท่านั้นเอง" หลินเสี่ยวเหยาแกล้งพูดเสียงสั้น พยายามทำตัวน่าสงสาร
"แกโกหก! แกคิดว่าฉันจะไม่รู้เหรอว่าแกแกล้งทำร้ายฉัน!" จ้าวหยวนตงตะโกนเสียงดัง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
หลินเสี่ยวเหยาแกล้งทำตัวสั่นเทา ใบหน้าซีดเซียว
"ฉันไม่ได้โกหก ถ้าสหายไม่จับตะกร้าฉันไว้ก็คงไม่โดนข้อศอกของฉันตอนที่ฉันหมุนตัวมา" หลินเสี่ยวเหยากล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
จ้าวหยวนตงจ้องมองหลินเสี่ยวเหยาด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว เขาไม่เชื่อคำพูดของเธอทำท่าจะเข้ามาทำร้ายหญิงสาว
หลินฟูหยง ชายหนุ่มผู้เป็นเพื่อนของพระเอก พยายามห้ามปรามสหายอย่างหยวนตงที่กำลังโมโหจัด
"สหายหยวนตงใจเย็นๆ ก่อน สหายหลินคงไม่ได้ตั้งใจ" หลินฟูหยงเอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็เริ่มทยอยออกแปลงนากันมาเยอะแล้ว
"แต่...แต่..." หยวนตงพยายามกลืนความโกรธเพราะเขาก็ไม่อยากให้พวกชาวบ้านมองเขาไม่ดีเหมือนกัน เขาเอาชายเสื้อมากดปิดบาดแผลไว้ ก่อนจะเดินมาหากัวเฉิงหลง เขาพยักหน้าให้กัวเฉิงหลง ให้ทำตามแผนขั้นต่อไปทันที
"สหายเหว่ยเฉียง ฉันอิจฉานายซะจริงๆ สหายหลินคงจะหิ้วของมาฝากนายเยอะแยะเลย" เสียงของกัวเฉิงหลงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงล้อเลียนหลี่เหว่ยเฉียงที่กำลังยืนมองหลินเสี่ยวเหยาอยู่นิ่งๆ
หลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น อารมณ์ของเธอเริ่มขุ่นมัว "ของฝากพวกนี้ฉันเอามาฝากลุงเหวินค่ะ ฉันไม่ได้เอามาให้พวกคุณซะหน่อย พวกคุณถอยออกไป ฉันจะรีบไป" เธอพยายามสะกดอารมณ์โกรธพยายามสร้างภาพหญิงสาวที่อ่อนแอ
กัวเฉิงหลงหัวเราะเยาะ "ของฝากอะไรกัน น่าสนใจดีนะ ให้ฉันดูหน่อยซิ" เขาเอื้อมมือไปคว้าตะกร้าของหลินเสี่ยวเหยา แต่เธอดึงตะกร้ากลับอย่างรวดเร็ว
"อย่ามายุ่งกับของของฉัน!" คนร่างบางตวาดใส่พวกกลุ่มพวกเพื่อนพระเอก
‘คนพวกนี้ยังไม่รู้จักเข็ดหลาบใช่ไหม เดี๋ยวรอดูคืนนี้ก็แล้วกัน ฉันจะเอาคืนพวกแกอย่างสาสม’ หลินเสี่ยวเหยาคิดแผนร้ายอยู่ในใจ
ในขณะที่บรรยากาศเริ่มแย่ลง หลี่เหว่ยเฉียง เริ่มสร้างบรรยากาศให้ดีขึ้น
"สหายหลิน เธออย่าโกรธพวกเพื่อนๆ ของฉันเลย พวกเขาก็แค่อยากแซวเธอเล่นเท่านั้น" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พยายามลดความตึงเครียดลง
หลินเสี่ยวเหยาหันขวับไปมองคุณพระเอก "เฮอะ...แซวเล่นแบบไหนกัน! ถึงทำท่าเอาของของฉันไป!"
หลี่เหว่ยเฉียงกระอักกระอ่วน ชายหนุ่มไม่รู้จะพูดอะไรเขาเลยตัดสินใจเปลี่ยนเรื่องคุย
"สหายหลิน! เธอหายไปไหนมาครับ เธอไม่สบายหรือเปล่า" หลี่เหว่ยเฉียงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น พยายามกลั้นความรังเกียจที่ผุดขึ้นมาในใจ ถ้าเป็นเจ้าของร่างเดิม เธอคงจะใจอ่อนระทวยให้กับหนุ่มหล่อคนนี้แล้ว แต่เธอที่ผ่านวันโลกาวินาศมา ได้เจอคนเห็นแก่ตัวมาทุกรูปแบบ แค่นี้ทำไมเธอก็ดูออกว่า คุณพระเอกพูดด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจ แต่เธอไม่อยากพูดจาร้ายกาจออกไปเพราะตอนนี้มีพวกชาวบ้างมายืนมุงรอดูเรื่องสนุกอยู่ ทำให้หญิงสาวไม่สะดวกใจในการด่าพวกคนตอแหลเหล่านี้
‘ฮึ ...พระเอกนางเอกเรื่องนี้ช่างเหมาะสมกันอย่างกับผีเน่ากับโลงผุ‘ เธอได้แต่ต่อว่าพวกเขาอยู่ในใจก่อนจะตอบคุณพระเอกออกไป
"ตอนนี้ฉันแค่ยุ่งๆ ไม่มีเวลามานั่งทำเรื่องไร้สาระ" เธอตอบสั้นๆ น้ำเสียงของเธอปราศจากอารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้น สร้างความผิดหวังให้พวกที่มามุงดู
หลี่เหว่ยเฉียงคิ้วขมวด "คุณยุ่งเรื่องอะไรกันครับ?"
"พวกเราสนิทสนมกันเหรอคะ คุณถึงมาถามเรื่องส่วนตัวของฉัน" หลินเสี่ยวเหยากล่าวต่อว่าคุณพระเอกทันที
“ผมก็แต่อยากรู้เรื่องคุณเท่านั้น” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงหวานหู
แต่หลินเสี่ยวเหยาได้ฟังแล้วกลับรู้สึกสยองแต่ก็ต้องจำใจกัดฟันตอบชายหนุ่มไป "ตอนนี้ฉันมีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบหลายอย่าง ฉันต้องทำงานเก็บแต้ม ตอนนี้ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ทำตัวไร้สาระเหมือนเมื่อก่อนแล้ว พวกคุณเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว อย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ"
"สหายหลิน คุณพูดอะไรน่ะ?" ชายหนุ่มเริ่มรู้สึกไม่สบายใจ "หญิงสาวเหมือนไม่ใช่คนเดิมที่เขาได้เคยรู้จัก"
หลี่เหว่ยเฉียงจ้องมองดูหญิงสาวตรงหน้าที่ทำหน้าเฉยชาใส่เขา ชายหนุ่มไม่เข้าใจว่าทำไมเธอถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ ในเวลาไม่กี่วัน ทั้งที่เมื่อก่อนเธอจะชอบมาหาเขาบ่อยๆ จนเขาแทบจะรำคาญ
ในระหว่างที่พวกเขาคุยกันทันใดนั้น พวกเขาได้ยินเสียงตะโกนออกมาดึงดูดความสนใจของทุกคน เหวินหยาง หัวหน้าหน่วยผลิต ก็ปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
"เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมพวกนายถึงมารุมล้อมหนูเหยาเหยา แล้วนี่พวกนายรับผิดชอบแปลงนาที่ได้รับมอบหมายเสร็จเรียบร้อยหรือยัง?" หัวหน้าหน่วยผลิตเอ่ยถาม
พวกเพื่อนๆ ของพวกพระเอกต่างก็ตอบกันอย่างอึกอัก "พวกเราจัดการงานที่แปลงนาเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ"
เหวินหยางพูดสวนขึ้นมาทันที "แต่เมื่อกี้ที่ฉันไปตรวจดูแปลงนาของพวกนาย พวกนายยังทำงานกันไม่ค่อยเรียบร้อยเลย พวกนายปลูกต้นข้าวห่างกันเกินไปกลับไปซ่อมพวกแปลงนาของพวกนายให้เสร็จเรียบร้อย ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่แจกแต้มให้กับพวกนาย " หัวหน้าหน่วยผลิตข่มขู่พวกยุวชนปัญญา
กลุ่มพวกเพื่อนพระเอกต่างก็หวาดกลัวหัวหน้าฝ่ายผลิตมาก
"ครับหัวหน้าเหวิน เดี๋ยวพวกเราจะไปซ่อมแซมงานให้เสร็จเรียบร้อย "หลี่เหว่ยเฉียงกล่าวก่อนจะพาพวกเพื่อนๆ เดินจากไป
เหวินหยางมองดูพวกชายหนุ่มด้วยความไม่พอใจ เขาบ่นพึมพำกับตัวเอง "พวกเด็กสมัยนี้มันช่าง..." เขาพูดก่อนจะหันมาหาหลินเสี่ยวเหยา
"เหยาเหยาหลานเป็นอะไรหรือเปล่า ลุงเห็นคนพวกนั้นมารุมล้อมหลาน" เหวินหยางเอ่ยขึ้น
"หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูเพียงแต่โดนคนพวกนั้นก่อกวนพยายามจะแย่งของตะกร้าของหนูเท่านั้น" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับผู้เป็นลุง
เหวินหยางถอนหายใจด้วยความโล่งอก"ดีแล้วที่หลานไม่เป็นอะไร"
"ลุงเหวินค่ะ กลับบ้านลุงกันเถอะค่ะ หนูมีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย"
"ได้สิหลานเดี๋ยวลุงเก็บของก่อน เดี๋ยวกลับบ้านไปพร้อมกับลุง"
เมื่อเหวินหยางเก็บข้าวของเสร็จเรียบร้อย ทั้งสองคนก็เดินกลับด้วยกันทันที
เมื่อมาถึงบ้านลุงเหวิน หลินซิน ภรรยาของลุงเหวินผู้แสนจะใจดีก็ออกมาต้อนรับด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
"สามี..วันนี้คุณกลับมาพร้อมกับเหยาเหยาเหรอ รีบเข้ามาข้างในบ้านก่อน เดี๋ยวป้าจะรินน้ำชาให้"
"อึ่ม...พอดีเหยาเหยามีเรื่องจะคุยด้วยนะ"เหวินหยางกล่าวก่อนจะเดินเข้าบ้านไป
หลินเสี่ยวเหยารีบก้มหัวคำนับภรรยาของลุงเหวิน"สวัสดีค่ะป้าสะใภ้ หนูขอโทษที่มารบกวนนะคะ"
"ไม่เป็นไรจ้ะ มาถึงก็ดีแล้ว เข้ามาๆ" ป้าสะใภ้เอ่ยพลางเชิญหลินเสี่ยวเหยาเข้าไปในบ้าน
หลินเสี่ยวเหยานั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเก่า มองไปรอบๆ บ้านที่ไม้ที่ดูสะอาดตา เธอได้กลิ่นดอกหอมของดอกไม้ลอยมาตามลม
"หลานนั่งรอป้าแป๊บนะ เดี๋ยวป้าจะไปชงน้ำชามาให้" ป้าสะใภ้เอ่ยก่อนจะไปตั้งเตาชงน้ำชาอุ่นๆ มาให้
หลินซิน วางแก้วน้ำชาลงตรงหน้าหลินเสี่ยวเหยาและสามีของเธอ "เดินมาเหนื่อยๆ ดื่มน้ำชากันก่อนจะได้ชื่นใจ "
"ขอบคุณค่ะคุณป้า" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
หลินซิน สังเกตเห็นตะกร้าที่หลินเสี่ยวเหยาถือมา "เหยาเหยา เอาหนูเอาอะไรมาฝากป้าเหรอ? " เธอถามด้วยความสงสัย
หลินเสี่ยวเหยา ยื่นตะกร้าให้ป้าสะใภ้ "หนูมีหมูสามชั้นกับผักสดมาฝากค่ะ หนูรู้ว่าลุงกับป้าชอบทาน"
ป้าสะใภ้รีบเอื้อมมือไปรับตะกร้า "คราวหลังหลานไม่ต้องเอาอะไรมาฝากป้าหรอก ป้ามีของกินอยู่แล้ว" เธอกล่าวด้วยความเกรงใจ
"หนูอยากให้ลุงกับป้าได้ทานของอร่อยๆ ค่ะแล้วอีกอย่างหนูก็มีเรื่องรบกวนคุณป้าด้วย " เธอกล่าวกับคนเป็นป้า
หลินซิน แกะตะกร้าออกมาดู "โห หมูสามชั้นนี่มันช่างน่ากินเสียจริง ขอบคุณนะจ๊ะ " เธอพูดด้วยความดีใจก่อนจะเดินนำของไปไว้ในห้องครัวก่อนจะเอาตะกร้ามาคืน
เหวินหยางจ้องมองหลานสาวด้วยความสงสัย "หลานมีเรื่องอะไรก็บอกลุงมาได้ ไม่ต้องเกรงใจ?"
"คือว่า...หนูอยากจะขอความช่วยเหลือคุณลุงเรื่อง..." หลินเสี่ยวเหยาหยุดชะงัก ลังเลที่จะพูดต่อ
"เรื่องอะไรเหรอหลาน?" เหวินหยางเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
"หนูอยากหาพ่อพันธุ์แม่พันธุ์ไก่ไข่ค่ะ แต่หนูไม่รู้จะไปหาซื้อที่ไหนดีคะ และก็ไม่รู้ว่าสายพันธุ์ไหนดี ไก่พันธุ์ไหนให้ไข่เยอะ" หลินเสี่ยวเหยาพูดด้วยน้ำเสียงกังวล
เหวินหยางยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างใจดี "เรื่องแค่นี้เอง ลุงมีไก่ไข่พันธุ์ดีอยู่หลายตัว หลานอยากได้ตัวผู้ตัวเมียกี่ตัวล่ะ"
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกดีใจ เธอยิ้มกว้างให้ผู้เป็นลุง "ขอบคุณลุงค่ะ หนูอยากได้ไก่สัก 2 ตัวค่ะ"
ลุงเหวินลุกขึ้นเดินไปหลังบ้าน หลินเสี่ยวเหยาลุกตามไปด้วยความตื่นเต้น
คนเป็นลุงพาหลานสาวไปที่คอกไก่หลังบ้าน ในคอกมีไก่ไข่หลายตัว กำลังคุ้ยเขี่ยหาอาหารบนพื้นดิน
"หลานดูเอาเลยว่าชอบตัวไหน" เขากล่าวกับหลานสาว
หลินเสี่ยวเหยามองดูไก่แต่ละตัวด้วยความสนใจ เธอมองหาไก่ที่มีรูปร่างสมบูรณ์ ขนมันเงางาม และท่าทางแข็งแรง
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจเลือกไก่เพศผู้ตัวหนึ่งที่มีหางยาวสีแดงสด และไก่เพศเมียตัวหนึ่งที่มีขนสีน้ำตาลอ่อน
"ลุงคะ หนูขอเลือกตัวนี้กับตัวนี้ค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาร้องบอกคนเป็นลุง
เหวินหยางยิ้มและพยักหน้าให้หลานสาว"ได้เลย หลานตาดี เลือกไก่พันธุ์ดีทั้งคู่"
เหวินหยางจับไก่ทั้งสองตัวใส่ตะกร้าให้หลินเสี่ยวเหยา
"หลานเอาไปเลี้ยงดูให้ดีล่ะ ไก่พวกนี้ให้ไข่ดีมาก" ลุงเหวินกล่าวพร้อมยื่นไก่มาให้หลานสาว
"ขอบคุณมากค่ะคุณลุง เดี๋ยวหนูขอตัวกลับบ้านก่อนนะคะ"หลินเสี่ยวเหยากล่าว
"หลานจะไปแล้วเหรอ เดี๋ยวลุงไปส่ง"ลุงเหวินเอ่ยด้วยความเป็นห่วง
"ไม่ต้องหรอกค่ะ เดี๋ยวหนูเดินกลับเองได้"หลินเสี่ยวเหยากล่าวด้วยความเกรงใจ
"งั้นหลานก็ระวังตัวด้วยนะ"เหวินหยางกล่าว
"ค่ะ ลุง"หลินเสี่ยวเหยากล่าวก่อนโบกมือลาลุงและคุณป้าเธอเดินกลับบ้านพร้อมกับตะกร้าไก่
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
ณ ฐานทัพเมือง A อันเงียบสงัด ท่ามกลางซากปรักหักพังของอารยธรรมที่ล่มสลาย ทีมของหลินเสี่ยวเหยา เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญ พวกเขาคือความหวังในการอยู่รอดของฐานทัพแห่งนี้หลินเสี่ยวเหยา เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม เธอมีน้องสาวคนสนิท อย่างหลินเสี่ยวถง ที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกสถานการณ์ และเจิ้งห้าว แฟนหนุ่มของหลินเสี่ยวเหยา ที่เป็นนักสู้ผู้เก่งกาจและเป็นที่พึ่งพิงของทุกคนในทีม นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมทีมอีกห้าคนที่ต่างก็มีความสามารถพิเศษกันทุกคน พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมของฐาน A"ทุกคนพร้อมไหม?" เจิ้งห้าวที่เป็นหัวหน้าทีมเอ่ยถามสมาชิกร่วมทีมทุกคน ทุกคนพยักหน้ารับพร้อมเพรียง"ภารกิจในวันนี้สำคัญมาก พวกเราต้องออกไปหาเสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ได้มากที่สุด" เจิ้งห้าวกล่าวต่อ "จำไว้ว่าทุกคนต้องระวังตัวให้มาก โลกภายนอกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป"ทีมของเจิ้งห้าวออกเดินทางจากฐานทัพด้วยรถบรรทุกคันใหญ่ พวกเขาต้องเดินทางไกลในที่สุด พวกเขาก็มาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งร้าง หลินเสี่ยวเหยาและทีมรีบเข้าไปสำรวจภายในห้างสรรพสินค้า พวกเขาพบกับอาหารกระป๋อง น้ำดื่ม ยา และของใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ อี
"โอ๊ยยยยย" หลินเสี่ยวเหยาครางออกมาอย่างทรมาน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ภาพตรงหน้าพร่าเลือนก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นห้องนอนไม้เก่าๆ ทรุดโทรม แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ ส่องกระทบใบหน้าซีดเซียวของเธอ ความเจ็บแปลบแล่นริ้วไปทั่วศีรษะราวกับเพิ่งถูกกระแทกอย่างแรง"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" หลินเสี่ยวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอลุกขึ้นนั่งแล้วสำรวจตัวเอง หญิงสาวไม่พบร่องรอยบาดแผลจากฝูงซอมบี้แม้แต่น้อย"นี้ฉันจะฝันไปหรือเปล่า... ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?" หลินเสี่ยวเหยาครุ่นคิดอย่างสับสนทันใดนั้น ความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวของเธอราวกับเขื่อนแตก หลินเสี่ยวเหยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอจำได้ทันที… ว่าเธอเข้ามาอยู่ในนิยายที่เพิ่งอ่านจบไปก่อนที่จะตายนี่นา! และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น เธอยังมาอยู่ในร่างของนางร้าย ‘หลินเสี่ยวเหยา’ ที่ดันมีชื่อเหมือนกับเธออีกหญิงสาวพยายามตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นทุ่งนาเขียวขจีและภูเขาสูงตระหง่านที่แห่งนี้อยู่ในยุคมืดในปี 1970 ผู
หลินเสี่ยวเหยาเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไป๋เหอ เพื่อหาทางเข้าไปในเมืองจินหลง หมู่บ้านไป๋เหอแห่งนี้มีสมาชิกอยู่เกือบร้อยหลังคาเรือนแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวในหมู่บ้านที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มลงแปลงนากันอยู่ หลินเสี่ยวเหยาเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน สายตาชาวบ้านที่มองมาและนินทาในระยะเผาขนเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น เมื่อหลินเสี่ยวเหยาปรากฏตัวขึ้นในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสะอาดตา ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นมวยหลวม ๆ ตกแต่งด้วยปิ่นหยกเรียบหรู แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ขับให้ใบหน้าหวานนั้นดูโดดเด่นขึ้นเป็นกอง"นั่นหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่เหรอ? วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว" เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอยู่ริมทาง"ก็แน่สิ เงินพ่อแม่หล่อนทั้งนั้นที่ทิ้งไว้ให้" เสียงอีกคนเสริมขึ้นมาอย่างเหยียดหยัน"ผู้หญิงอะไรขี้เกียจ ไม่ยอมทำลงแปลงนาเหมือนคนอื่น""ระวังเถอะ พอเงินพ่อแม่หล่อนหมดจะอดตายไม่มีข้าวจะกิน"หลินเสี่ยวเหยาได้ยินทุกคำพูดเหล่านั้น แต่เธอก็ทำเพียงแค่เมินเฉยและเดินหน้าต่อไป ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำนินทาเหล่านั้นแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียง
หลี่เหว่ยเฉียงยังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น แม้ภายในใจจะร้อนรุ่มเพียงใด เขารู้ดีว่าการขัดขืนมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทว่าในชั่วพริบตา ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เธอคือหลินฮวา สหายหญิงที่หลี่เหว่ยเฉียงแอบมีใจให้"ใจเย็นก่อนเถิด สหาย" หลินฮวากล่าวเสียงหวานแต่หนักแน่น "ตอนนี้สหายหลี่กำลังจะหมั้นหมายกับฉัน หากพวกคุณจับเขาไป งานมงคลก็คงต้องล่ม"เหล่าทหารชะงัก หันไปมองหน้าหญิงสาวที่กล้าขวางทางพวกเขาด้วยความประหลาดใจ"สหายหญิง ท่านอย่าได้เข้ามาขวางทางการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา" หัวหน้าทหารกล่าวเตือน"ฉันรู้ดี สหาย" หลินฮวาตอบ "แต่คุณลองคิดดู หากสหายหลี่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิวัติจริง เขาจะกล้าประกาศหมั้นหมายกับฉันอย่างเปิดเผยเช่นนี้หรือ"หัวหน้าทหารครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้อง "พวกเราไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากสหายทั้งสองโกหก ฉันจะกลับมาเอาหัวสหายทั้งสองคน จำไว้"หลี่เหว่ยเฉียงมองหลินฮวาด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่ใช่เพราะเธอ เขาคงถูกจับไปแล้ว และอาจต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้าย"ขอบคุณมากสหายหลิน" หลี่เหว่ยเฉียงกล่าวอย่างจริงใจ "หากไม่ใช
ท่ามกลางราตรีอันมืดมิด เสียงฟ้าร้องคำรามดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้า เม็ดฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย บนเส้นทางสายเปลี่ยวที่ทอดยาวผ่านหมู่บ้านชนบทอันห่างไกล หยางเฟิง หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับหน่วยที่ 13 ผู้มากฝีมือ กำลังก้าวเดินอย่างยากลำบาก เนื้อตัวของชายหนุ่มเปรอะเปื้อนไปด้วยโคลนและเลือดใบหน้าคมคาย เผยดวงตาสีดำคมกริบดุจเหยี่ยว และร่างกายกำยำล่ำสันของเขาเผยให้เห็นถึงความเจ็บปวดจากบาดแผลที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการถูกซุ่มโจมตีของกลุ่มกบฏที่ซ่อนตัวอยู่ใกล้เมืองจินหลง พวกลูกน้องของเขาถูกศัตรูล้อมกรอบจนต้องแตกหนีเอาตัวรอด ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม หยางเฟิงจึงต้องสละตัวเองเพื่อเปิดทางให้พวกเขาหนีไปได้ เขาได้ต่อสู้กับพวกกบฏอย่างดุเดือด แต่ก็ไม่อาจต้านทานกองกำลังที่มากกว่าของพวกมันได้ เขาถูกยิงเข้าที่สีข้างจนเลือดไหลอาบ หยางเฟิงกัดฟันข่มความเจ็บปวด พยายามตะเกียกตะกายหนีออกจากวงล้อมของศัตรู เขาต้องหนีออกไปให้ได้และต้องกลับไปรายงานเรื่องนี้ให้ทางการได้รับทราบ เขาต้องไม่ยอมให้พวกกบฏลอยนวลหลังจากฝ่าวงล้อมออกมาหยางเฟิงก็เดินโซซัดโซเซไปตามเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย เขาไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน และจะไปทางไหนต่อ เขาได้แต่
แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ่านบานหน้าต่างไม้เก่าๆ เข้ามาในห้องนอนเล็กๆ หลินเสี่ยวเหยาค่อยๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา หญิงสาวจ้องมองไปยังร่างของคุณตัวร้าย ที่บาดเจ็บสาหัสจากการถูกยิง เขายังคงนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนเก่าๆ เธอจึงจัดการเก็บเสื่อ หมอน และผ้าห่มไว้ในตู้ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นอย่างเงียบเชียบ เธอเดินออกไปยังห้องครัวเล็กๆ ที่อยู่ติดกับลานบ้าน"เสี่ยวหมิงคงหิวแล้ว" หลินเสี่ยวเหยาคิดในใจ เธอมองไปยังเตาถ่านที่ตั้งอยู่มุมห้อง หลินเสี่ยวหมิง น้องชายของเธอ ตอนนี้เป็นเด็กที่กำลังจะโต เด็กน้อยสมควรที่จะทานอาหารเยอะๆ หลินเสี่ยวเหยาจึงตั้งใจว่าจะทำอาหารเช้าให้น้องชายและคุณตัวร้ายให้อิ่มท้องก่อนออกไปข้างนอกแต่แล้วเธอก็ต้องพบกับปัญหาใหญ่ เธอไม่รู้วิธีจุดเตาถ่าน! ในยุค 70 นี้ การทำอาหารด้วยเตาถ่านเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับหลินเสี่ยวเหยาที่เพิ่งย้อนเวลามา เธอไม่เคยมีประสบการณ์จุดเตาถ่านมาก่อนเลย"จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย" เธอพึมพำกับตัวเอง พลางจ้องมองไปรอบๆ ห้องครัว หวังว่าจะพบอุปกรณ์บางอย่างที่พอจะช่วยเธอได้ แต่เธอก็ไม่พบอะไรเลยทันใดนั้น เธอก็นึกถึงห้างสรรพสินค้าในมิติของเธอขึ้นมาหลินเสี่ยวเหยาเอามือบางลูบไล
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจหลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้างทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้นผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวก
หลินเสี่ยวเหยา ก้าวเท้าออกมาจากบ้านดินหลังเล็ก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังแปลงผักที่อยู่หลังบ้านเธอเห็นหลินเสี่ยวหมิง กำลังยืนอยู่หน้าแปลงผัก สายตาของเขาจดจ่อกับต้นผักกาดหอมที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวานนี้ ใบสีเขียวอ่อนเริ่มคลี่ออก เผยให้เห็นยอดอ่อนสีขาว หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาเด็กชาย"น้องเล็กทำอะไรอยู่เหรอ?""พี่สาวดูสิครับ ต้นผักกาดเริ่มแตกใบแล้ว!" หลินเสี่ยวหมิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์จากการทุ่มเทดูแลแปลงผักหลินเสี่ยวเหยาโน้มตัวลง มองดูต้นผักกาดอย่างใกล้ชิด รอยยิ้มของเธอขยายกว้างขึ้น "น้องเล็กเก่งมากเลยนะ เป็นเพราะน้องเล็กช่วยพี่สาวรดน้ำ เมล็ดจึงแตกยอดออกมา" เธอเอื้อมมือลูบศีรษะน้องชายเบาๆ"ต่อไปเราก็จะมีผักสดๆ ไว้กินเองแล้ว"หลินเสี่ยวหมิงดีใจสุดๆ เขาตั้งตารอที่จะได้กินผักกาดที่ดูแลเองกับมือท่ามกลางความร่าเริงของเด็กน้อย หลินเสี่ยวเหยากำลังครุ่นคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องมิติของเธอให้น้องชายได้รับรู้หรือไม่ เธออยากนำเครื่องมือในห้างสรรพสินค้าของมาสร้างเล้าไก่ คนร่างบางรู้สึกลังเลใจว่าจะบอกน้องชายดีหรือไม่หลินเสี่ยวเหยานึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เธอหลุดเข้ามา น
ณ เมืองหลวงหลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิดหยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา...""เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหล
เมื่อคนเป็นพี่สาวเดินมาที่ลานหน้าบ้าน เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงน้องชายของเธอกำลังนั่งรอทานข้าวอย่างใจจดใจจ่อ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ มีแกงผักป่าร้อน ๆ กับข้าวสวยวางอยู่ เมื่อเธอเดินมาหาน้องชาย หลินเสี่ยวหมิงยิ้มร่าด้วยความดีใจ"พี่เสี่ยวเหยา แกงที่พี่ทำมันหอมมากเลยครับ จนน้ำลายผมไหลยืด" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น"มันหอมเพราะพี่สาวใส่เครื่องปรุงตามสูตรที่พี่สาวคิดค้นขึ้น มันทำให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าน้องเล็กชอบพี่สาวจะทำให้ทานทุกวัน" หลินเสี่ยวเหยาตักแกงใส่ถ้วย ส่งให้น้องชายหลินเสี่ยวหมิงตักแกงเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย"อร่อยมากเลยพี่สาว ฝีมือพี่นี่ไม่แพ้แม่เลยนะ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยชมไม่หยุด‘หึ..ถ้าไม่มีเครื่องปรุงสำเร็จรูปกับข้าว ฉันก็คงทำคงไม่อร่อยเท่านี้หรอก’ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโชคดีที่ในห้างสรรพสินค้าของเธอมีเครื่องปรุงสำเร็จรูปครบครันทำให้การใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดหลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็ทำการเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับน้องชาย"เสี่ยวหมิง วันนี้น้องเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวน้องไปพักผ่อนได้แล้ว""ครับพี่สาว เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" เด็กชายพ
หลินเสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องมา เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ลานหน้าบ้าน บนพื้นมีตะกร้าสานใบโปรดวางอยู่พร้อมกับขวานตัดฟืนและมีดพร้า หลินเสี่ยวเหยาเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าๆ มัดผมเรียบง่าย คว้าตะกร้าสานที่บรรจุเครื่องมือและของทานเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้เป็นน้องชายพวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ป่าไผ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญสองคนพี่น้อง ซึ่งเมื่อก่อนหลินเสี่ยวหมิงมักจะเข้ามาหาของป่าให้พี่สาวอยู่เป็นประจำเมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ หลินเสี่ยวเหยาก็หยุดลง เธอวางตะกร้าสานลงบนพื้น หยิบขวานอันคมออกมาจากตะกร้า ผู้เป็นพี่สาวเริ่มสอนน้องชายถึงวิธีการตัดต้นไผ่"เสี่ยวหมิง น้องจับขวานให้มั่นนะ ตีตรงโคนต้นไผ่ ระวังอย่าให้โดนเท้าตัวเอง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกฟางเก่า ๆ กำขวานแน่นในมือเล็ก ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของผู้เป็นพี่สาว"ผลัวะ!" เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า หลินเสี่ยวหมิงฟาดฟันต้นไผ่อย่างขะมักเขม้น แม้ว่าแรงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็พยายามอย่าง
หลินเสี่ยวเหยา เดินกลับมาถึงบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ คนเป็นพี่สาวเห็นน้องชายกำลัง กำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่คนเดียว เหงื่อของเขาไหลอาบบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยด้วยความสงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอหยิบขวดน้ำหวานเย็นๆ และขนมปังแสนอร่อยจากมิติของเธอหญิงสาวเทน้ำหวานใส่กระบอกไม้ไผ่ และวางขนมปังอบกรอบไว้บนจานกระเบื้องเก่าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลินเสี่ยวหมิงที่ทำงานอยู่สวนหลังบ้าน"เสี่ยวหมิง! พี่กลับมาแล้ว!" หญิงสาวตะโกนเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใสและอบอุ่นหลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากแปลงผัก ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาถึงบ้าน "พี่สาว! กลับมาแล้วเหรอครับ!" เขารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวด้วยความดีใจหญิงสาวยิ้มกว้างพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "อืม... พี่กลับมาแล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เสี่ยวหมิงไปพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถางหญ้าต่อเอง""แต่ว่า..." หลินเสี่ยวหมิงทำท่าจะแย้งผู้เป็นพี่สาวขัดขึ้น "ไม่มีแต่" เธอยิ้มให้น้องชาย "พี่สาวแข็งแรงจะตายไป น้องเล็กไปพักผ่อนเถอะ
หลินเสี่ยวเหยายกกับข้าวมาให้หยางเฟิงที่เตียง ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาหารธรรมดา ๆ จะดูน่ารับประทานได้ขนาดนี้เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแรก รสชาติกลมกล่อมของข้าวต้มทำให้เขาแทบหยุดไม่ได้ เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนข้าวต้มหมดถ้วย"อร่อยมากเลยครับ" ชายหนุ่มกล่าวชมด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจหลินเสี่ยวเหยายิ้มรับคำชม คนในยุคนี้ชาวบ้านทั่วไปชอบทำกับข้าวจืดๆ ไม่ได้เน้นเครื่องปรุงรสอะไร กับข้าวที่เธอใส่ผงปรุงรสไปก็เลยดูอร่อยเป็นพิเศษเธอสามารถทำกับข้าวขายได้เลย ถ้ามีผงปรุงรสอยู่ในมือ รับรองกับข้าวอร่อยทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่ยุคนี้ทำการค้าขายลำบาก"ฉันดีใจที่คุณชอบค่ะ"เธอกล่าวกับชายหนุ่มหลังจากหยางเฟิงทานข้าวเช้าเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็หยิบยาแก้ปวด และยาลดไข้ ออกมา 2 เม็ด"สหายหยางทานยาแก้ปวดและยาลดไข้หน่อยนะคะ อาการของคุณจะได้ดีขึ้น"หยางเฟิงรับยามาดู พบว่าเป็นยาฝรั่งราคาแพง เม็ดสีขาวกลม ๆ"คุณ... เอาเงินมาจากไหนมาซื้อยาพวกนี้?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลินเสี่ยวเหยาอึกอักไปชั่วครู่