หลังจากลุงเฉินกับป้าหวังขับรถออกจากบ้านของเธอไป หลินเสี่ยวเหยาก็เก็บกวาดถ้วยชามบนโต๊ะอาหารอย่างเงียบๆ เสียงน้ำไหลริน กระทบถ้วยจามดังขึ้นในบ้านหลังเล็กอันทรุดโทรม
เมื่อเสร็จสิ้นภารกิจล้างจาน คนร่างบางก็เดินตรงไปยังห้องคุณตัวร้าย เธอเปิดประตูห้องอย่างช้าๆ พบร่างชายหนุ่มนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเขาซีดเผือด ดูเหมือนเขาจะรู้สึกเจ็บปวดจากบาดแผล เธอเอื้อมมือไปแตะที่หน้าผากของพันตรีหนุ่มเบาๆ เธอรู้สึกโล่งใจที่ตอนนี้ตัวของเขาอุ่นไม่มีไข้
"สหายหยาง... คุณมาทานยาก่อนแล้วค่อยไปนอน" เธอเอ่ยเรียกคนที่ได้รับบาดเจ็บด้วยเสียงแผ่วเบา
หยางเฟิงค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขาเห็นรอยยิ้มกังวลของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
หลินเสี่ยวเหยาวางถาดยาไว้บนโต๊ะ เธอเอื้อมมือไปถลกเสื้อของชายหนุ่ม เธอแตะแผลบนร่างกายของเขาเบาๆ
"สหายหยางคุณเจ็บไหมคะ?" เธอถามด้วยน้ำเสียงห่วงใย
หยางเฟิง ขยับตัวเล็กน้อย พยายามกลั้นเสียงร้อง
"ไม่เจ็บมากเท่าไหร่ครับ" พันตรีหนุ่มกัดฟันตอบ
หลินเสี่ยวเหยา มองดูบาดแผลของเขาอย่างละเอียด เห็นรอยเลือดซึมออกมาเล็กน้อย สีหน้าของเธอเปลี่ยนเป็นกังวล
"พี่สาวครับ! พี่สาวทะเลาะกับใคร?" หลินเสี่ยวหมิง วิ่งปรี่เข้ามาหาหลินเสี่ยวเหยาด้วยความตกใจ มือเล็กๆ เปื้อนดินจากการดูแลต้นผักในสวนหลังบ้าน ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความกังวลหลินเสี่ยวเหยา ลูบหัวน้องชายอย่างแผ่นเบา ก่อนจะเอ่ยบอกความจริงกับคนเป็นน้อง"เมื่อกี้ลุงใหญ่กับป้าสะใภ้ใหญ่ มาหา พวกเขาต้องการจะมาแย่งของที่ลุงเฉินกับป้าหวัง นำมาให้พวกเรา""ทำไมล่ะครับ? แต่ว่าของพวกนั้นมันเป็นของเราไม่ใช่เหรอ พวกเขาทำไมถึงมาแย่งของของพวกเราไป?" หลินเสี่ยวหมิงกล่าวอย่างไม่เข้าใจ"เป็นเพราะว่า พวกเขาคิดว่าเราเป็นเด็กกำพร้า ไม่มีใครปกป้อง พวกเขาเลยคิดจะเอาเปรียบพวกเรา แต่พวกเขาคิดผิดแล้ว พี่สาวจะไม่ยอมให้คนพวกนั้นเอาข้าวของของเราไปได้" ผู้เป็นพี่สาวกล่าวกับน้องชาย"พี่สาวครับ แล้วพี่สาวโดนคุณลุงคุณป้าตีหรือเปล่า?" เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความห่วงใย"พี่สาวไม่ได้โดนตี พี่สาวแค่โมโหพวกเขาหน่อยนึงเท่านั้น""ถ้าคราวหน้าคุณลุงคุณป้ามาอีกผมจะช่วยพี่สาวเอง!" หลินเสี่ยวหมิงตบอกพูดน้ำเสียงมุ่งมั่นผู้เป็นพี่สาวยิ้มให้กับน้องชายอย่างเอ็นดู เธอดีใจที่มีหลินเส
หลินเสี่ยวเหยา เดินเท้ากลับบ้าน หญิงสาวยิ้มอย่างอารมณ์ดี วันนี้เธอโชคดีเป็นพิเศษ ไม่เพียงแต่จะได้ดอกกล้วยไม้ป่าหายากมาครอบครอง แต่ในกระบุงของเธอยังเต็มไปด้วยผักป่าหลากหลายชนิด ผักขม เห็ดป่า ผักกาดน้ำคนร่างบางเร่งฝีเท้า มุ่งหน้ากลับบ้าน ระหว่างทาง เธอมองดูธรรมชาติรอบตัวอย่างเพลิดเพลิน ทำให้เธอลืมความเหนื่อยล้าไปจนหมดสิ้นทันใดนั้น สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นพุ่มไม้เตี้ยๆ ที่ปกคลุมไปด้วยผลไม้สีแดงสดใส เธอใจเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น"ว้าว" หญิงสาวอุทานออกมา นั่นมันผลราสป์เบอร์รีนี่!เธอรีบก้มลงเก็บผลราสป์เบอร์รีอย่างทะมัดทะแมง นิ้วเรียวเล็กสัมผัสกับผิวของผลไม้ที่นุ่มนวลอย่างอ่อนโยน กลิ่นหอมหวานของราสป์เบอร์รีโชยมาแตะจมูก ช่างเป็นกลิ่นที่ชวนน้ำลายสอด้วยความเพลิดเพลิน หลินเสี่ยวเหยาเผลอเดินลึกเข้าไปในป่าจนไม่รู้ตัว เธอคุกเข่าลงบนพื้นดิน สายตาของเธอไล่สแกนไปรอบๆ มองหาผลราสป์เบอร์รีที่ซ่อนอยู่ตามซอกหิน ใต้ใบไม้ เธอเก็บราสป์เบอร์รีอย่างเบามือ กลัวว่าจะทำผิวของผลไม้ช้ำไม่นาน กระบุงของเธอก็เต็มไปด้วยราสป์เบอร์รีสีแดงสดใส คนร่างบางยิ้มอย่างมีความสุข
ณ หมู่บ้านไป๋เหออากาศยามเช้าปลายเดือนกรกฎาคม ชาวบ้านต่างตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง เมื่อได้ยินเสียงเครื่องยนต์ดังสนั่นมาแต่ไกล บนถนนดินที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นผง รถบรรทุกหลายคันต่างแล่นเข้ามาในหมู่บ้านเป็นขบวน แต่ละคันล้วนบรรทุกชายฉกรรจ์รูปร่างกำยำสวมชุดช่างก่อสร้างเต็มคัน"พวกเขาคือใครกันนะ?""ไม่รู้สิ ฉันไม่รู้ว่าพวกเขามาทำอะไรที่นี่?""หรือทางการจะมาสร้างเขื่อนหรือเปล่า?""อย่าพูดเพ้อเจ้อ! เขื่อนมันอยู่ไกลลิบโน่น!"เสียงถกเถียงของชาวบ้านดังอื้ออึงไปทั่ว ชาวบ้านต่างจับกลุ่มคุยกัน หน้าตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความสงสัยไม่นานนัก หัวหน้าช่างก็ก้าวลงจากรถ เขาเดินตรงไปหา เหวินหยาง หัวหน้าหน่วยผลิตของหมู่บ้านไป๋เหอ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสุภาพ"ผมขอสอบถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าบ้านของคุณหนูหลินเสี่ยวเหยาอยู่ที่ไหนครับ?"เหวินหยาง รู้สึกประหลาดใจ เขาจึงเอ่ยถามกลับไป "พวกคุณมีธุระอะไรกับแม่หนูเหยาเหยาเหรอครับ?"หัวหน้าช่าง ยิ้มกว้าง ก่อนจะอธิบาย"พวกเราได้รับมอบหมายจากพลตรีเฉิน ให้มาสร้างบ้านใหม่ให้กับคุณหนูหลินเสี่ยวเหยา เพื่อเป็นการต
เมื่อได้ยินที่หยางเฟิงกล่าว ใบหน้าของหลินเสี่ยวเหยาก็แดงก่ำราวกับลูกท้อสุก ดวงตาของเธอเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ แก้มทั้งสองข้างขึ้นสีระเรื่อ ร่างกายของเธอดิ้นรนพยายามดิ้นหลุดจากพันธนาการของมือใหญ่ที่จับมือเธอไว้แน่น"สหายหยาง ปล่อยมือฉันเถอะ! เดี๋ยวฉันต้องไปส่งหญ้าแห้วหมูที่โรงเลี้ยงหมูก่อนนะ " หลินเสี่ยวเหยาพยายามเอ่ยคำพูดออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวจนแทบจะระเบิดออกมาเป็นโกโก้ครั้นช์"สหายหลิน คุณไม่ต้องลำบากเก็บแต้มก็ได้นะครับ เดี๋ยวผมให้เงินคุณไว้ใช้" พันตรีหนุ่มพูดพร้อมกับนำเงินออกมาให้เธอ แบงค์ละสิบหยวนประมาณ 50 ใบ หลินเสี่ยวเหยาอ้าปากค้าง ในความเปย์ของคุณตัวร้ายเธอเบิกตากว้างด้วยความตกตะลึง เงินจำนวนนั้นมันมากกว่าเงินที่เธอไปขายของในตลาดมืดซะอีกใบหน้าของเธอแดงก่ำขึ้นอีกครั้ง "สหายหยาง เงินมันเยอะมากเกินไปนะ ฉันรับไว้ไม่ได้หรอก"หยางเฟิง ยิ้มกว้างให้กับท่าทางตกใจของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ดวงตาดำขลับของเขาจ้องมองเธอด้วยความเอ็นดู"คุณรับเงินไปเถอะ...เงินของผมก็เหมือนเงินของคุณละครับ คุณไม่ต้องเกรงใจ"ชายหนุ่มกล่าวอย่างอารมณ์ด
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาแลกแต้มเสร็จ เธอกำลังจะกลับบ้าน สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นเด็กชายคนหนึ่งวิ่งออกมาจากบ้านหลังเก่าของเธอเด็กชายตัวผอมบางสวมเสื้อผ้าเก่าขาด ใบหน้าเปื้อนน้ำลายมือของเขากำขนมปังชิ้นโตไว้แน่น รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าที่เปื้อนเปรอะ เด็กน้อยดูมีความสุขมากที่ได้ขนมมาทานหลินเสี่ยวเหยารู้สึกงุนงง เธอรู้ดีว่าครอบครัวของหลินฮวาที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น ขึ้นชื่อเรื่องความขี้เหนียว โดยเฉพาะหวังเหม่ยอิง ป้าสะใภ้ของเธอ ผู้หญิงคนนี้ขึ้นชื่อเรื่องความเค็ม แม้แต่กับลูกหลานในบ้านเธอก็ยังหวงแหนข้าวของ แล้วทำไมเธอถึงใจดีมอบขนมให้เด็กกำพร้าคนนี้ได้?ด้วยความสงสัย เธอเดินเข้าหาเด็กน้อย "เด็กน้อย พี่สาวมีขนมมาให้ หนูอยากได้ไหม" เด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างดีใจพี่สาวที่อยู่ตรงหน้าหยิบเอาขนมจากในมิติมาให้"เด็กน้อยหนูมาทำอะไรที่บ้านป้าเหมยอิงล่ะ?" เธอเอ่ยถามด้วยความสงสัยเด็กน้อยกล่าว "มีคุณลุงใจดีฝากของมาให้ป้าเหมยอิงครับ โดยมีขนมเป็นของตอบแทน"คำตอบของเด็กน้อยยิ่งทำให้หลินเสี่ยวเหยาสงสัยมากยิ่งขึ้น ป้าสะใภ้ของเธอมีอะไรแอบแฝงอยู่หรือไม่? ด้วยความอย
เสียงซุบซิบดังขึ้นในหมู่ชาวบ้านเมื่อหลินเซิ่งประกาศให้จับชายโฉดหญิงชั่วคู่นี้ส่งให้พวกทหารแดง หลายคนเริ่มลังเล มองไปยังหวังเหม่ยอิงและหวังซื่อที่ยืนตัวสั่นเทาอยู่ไม่ไกลนัก ใจหนึ่งก็อยากกำจัดคนชั่ว แต่อีกใจก็หวั่นเกรงว่าจะไม่ได้รับเนื้อหมูป่าที่หลินเสี่ยวเหยาเคยสัญญาไว้หลินเสี่ยวเหยาที่ยืนอยู่ข้างๆ ลุงเหวิน เธอเห็นแววตาหวาดหวั่นของชาวบ้านก็เข้าใจได้ทันที หญิงสาวสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเปล่งเสียงใสกังวานดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ"ทุกคนไม่ต้องกังวลค่ะ! ใครก็ตามที่ขึ้นเขามาช่วยหนูหาบหมูป่าในวันนี้ หนูจะแบ่งเนื้อหมูให้ทุกคน ถึงแม้จะไม่ได้ช่วยหาบหมูลงมาด้วยก็ตาม"คำพูดของหลินเสี่ยวเหยาดังขึ้นราวกับเสียงสวรรค์ ชาวบ้านเงยหน้าขึ้นมองเด็กสาวร่างบางด้วยความดีใจ"แม่หนูเสี่ยวเหยา หนูพูดจริงๆ หรือ?" ลุงหวัง ชายวัยกลางคน ผิวกร้านแดดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสงสัย"หนูไม่เคยพูดโกหกใคร" หลินเสี่ยวเหยายิ้มกว้าง "ทุกคนไม่ต้องกังวลหนูสัญญาว่าทุกคนจะได้เนื้อหมูป่ากลับบ้านไปอย่างแน่นอน"พวกชาวบ้านต่างส่งเสียงเฮลั่นด้วยความยินดี ลุงจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเส
ณ ค่ายกบฏเมืองจินหลงเสียงฝนที่โปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศในค่ายกบฏทางตอนใต้ของเมืองจินหลงยิ่งทวีความอึมครึม กลิ่นดินชื้นและควันไฟจากเตาฟืนอบอวลไปทั่วบริเวณ เหล่าทหารกบฏในชุดลายพรางสีเขียวมอมแมม กำลังนั่งล้อมประชุมคุยกันอยู่ในบ้านอย่างเคร่งเครียดกระท่อมไม้สั่นไหวตามแรงลมพายุที่โหมกระหน่ำภายนอก สายฝนโปรยปรายลงมาไม่ขาดสาย บรรยากาศภายในกระท่อมช่างอึมครึมราวกับพายุที่โหมกระหน่ำอยู่ด้านนอกกระท่อม ค่ายกบฏแห่งนี้ได้รับความช่วยเหลือมาจากท่านผู้นำฝ่ายใต้ เป็นผู้สนับสนุนอาวุธและอาหารหลี่เหว่ยหัวหน้ากลุ่มผู้มีบาดแผลเป็นทางยาวบนใบหน้าอันดุดัน นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้เก่า ๆ ตัวหนึ่ง สายตาคมกริบของเขาจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนล้อมรอบโต๊ะไม้อย่างเคร่งขรึม"พวกแกได้ข่าวของพันตรีหยางกันบ้างหรือเปล่า" หลี่เหว่ยเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำราวกับเสียงฟ้าร้องในยามค่ำคืน "ทางท่านผู้นั้นต้องการให้พวกเรากำจัดมันให้เร็วที่สุด"พวกลูกน้องต่างก็ก้มหน้า "พวกเราหามันไม่เจอเลยครับหัวหน้าหลี่" หนึ่งในนั้นเอ่ยตอบคำถาม "พวกเราตามหาพวกมันไปทั่วเมืองจินหลงก็ไม่เห็นวี่แวว"
ในขณะที่หยางเฟิงกำลังครุ่นคิดแผนการขอหมั้นกับหลินเสี่ยวเหยา ทันใดนั้นร่างบางก็ปรากฏตัวขึ้นพร้อมกับถาดอาหารในมือ กลิ่นหอมเย้ายวนของแกงหมูป่าโชยมาแตะจมูก จนชายหนุ่มรู้สึกท้องร้องด้วยความหิวโหย"สหายหยาง วันนี้ฉันทำแกงหมูป่ามาให้คุณลองชิมดูค่ะ?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่สดใส"แค่ได้กลิ่นผมก็รู้สึกหิวข้าวขึ้นมาทันทีเลยนะครับ" หยางเฟิงกล่าวกับหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้าหลินเสี่ยวเหยา ยกถาดอาหารวางบนโต๊ะที่อยู่ข้างๆ เตียง เผยให้เห็นแกงหมูป่าสีสันน่ารับประทาน ควันที่ร้อนๆ ลอยขึ้นมา เต็มไปด้วยกลิ่นเครื่องเทศหอมกรุ่น"แกงหมูป่าฝีมือฉันเองค่ะ คุณลองชิมดูสิคะ" คนร่างบางยิ้มกว้างก่อนจะเชิญชวนคุณตัวร้ายลองชิมอาหารที่เธอทำหยางเฟิงมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า รอยยิ้มของคนที่อยู่ตรงหน้าช่างดึงดูดสายตาเขาจนไม่อาจละสายได้"ขอบคุณมากครับ" เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ้ม ก่อนจะยกช้อนขึ้นตักแกงหมูป่าขึ้นมาหนึ่งคำทันทีที่เนื้อหมูนุ่มละมุนสัมผัสลิ้น รสชาติเผ็ดร้อนกลมกล่อม หอมกลิ่นของเครื่องเทศ ผสมผสานกับเนื้อหมูนุ่มละมุนลิ้น อร่อยจนเขาหยุดชะงัก"อร
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ
คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน
พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ
ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส