ณ เมืองหลวง
หลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวล
เมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิด
หยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล
"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"
หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา..."
"เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว
"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหลายวันแล้ว" หลิวซิวฉีกล่าว น้ำเสียงของเขาดูกังวลที่หลานชายหายตัวไป
"เมื่อเช้านี้พวกลูกน้องของเจ้าสามที่หนีรอดออกมาได้ มาแจ้งข่าวให้ค่ายทหารได้รับทราบ ทำให้พวกเรารู้ว่าเขาโดนพวกกบฏแอบซุ่มโจมตี...แล้วเจ้าสามก็ได้เข้าไปช่วยเหลือต่อสู้เพื่อให้พวกลูกน้องหนีรอดออกมาได้ ตอนนี้พวกลูกน้องของเจ้าสามยังติดต่อเขายังไม่ได้เลย" หยางกั๋วเฉิงอธิบายให้ภรรยาฟัง
"ไม่จริง!" หลิวซิวหยวน ร้องไห้น้ำตาไหล "มันไม่จริงใช่ไหม! เจ้าสามของฉันเป็นทหารที่เก่งที่สุด เขาไม่มีทางถูกฆ่าตายได้ง่ายๆ!"
"ใจเย็นๆ ก่อนน้องสาว" หลิวซิวฉี พยายามปลอบคนเป็นน้อง"ตอนนี้คนของพวกเรากำลังพยายามหาตามหาหลานชายอยู่ พี่ก็ได้แต่หวังให้เจ้าสามปลอดภัยก็เท่านั้น?"
"โอ้...ลูกสามของฉัน..." หลิวซิวฉีกอดน้องสาวไว้ด้วยความสงสาร "น้องสาวอย่าพึ่งร้องไห้นะ พวกเราจะพยายามตามหาเขา เราจะไม่ทิ้งเขาไว้อย่างแน่นอน"
"สามี..ฉันอยากรู้ว่าเจ้าสามไปปฏิบัติภารกิจนานแค่ไหนแล้ว?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถาม น้ำตาของเธอเริ่มไหลริน
"ลูกสามออกไปปฏิบัติหน้าที่เกือบสองอาทิตย์ที่แล้ว..." หยางกั๋วเฉิงตอบภรรยา
"สองอาทิตย์?" หลิวซิวหยวนร้องเสียงหลง "นานขนาดนั้นแล้วทำไมคุณถึงไม่บอกฉัน?!"
ผมก็เพิ่งรู้ข่าวเมื่อวันนี้เช่นกัน..." หยางกั๋วเฉิงรีบอธิบาย "พวกลูกน้องเจ้าสามที่หนีรอดมาได้พึ่งมาแจ้งข่าวเมื่อเช้านี้..."
คุณนายหยางทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ ใบหน้าซีดเผือด เธอรู้สึกเหมือนโลกทั้งใบพังทลาย เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นอย่างไรบ้าง ปลอดภัยดีหรือไม่
"เขาไปที่ไหน?" เธอถาม เสียงสั่นเครือ
"เขาได้รับภารกิจให้ไปปราบพวกกบฏ ที่เมืองจินหลง..." หยางกั๋วเฉิงตอบ "หน่วยของพวกเขาไปสืบหาข้อมูลเกี่ยวกับกลุ่มกบฏที่ก่อกวนความสงบในบริเวณนั้น..."
"แล้วทำไมถึงไม่มีใครบอกฉัน?" หลิวซิวหยวนร้องไห้ "ฉันเป็นแม่ของเขา! ฉันมีสิทธิ์ต้องรู้!"
หยางกั๋วเฉิงโอบกอดภรรยาของเขาไว้ พยายามปลอบโยนเธอ
"ผมขอโทษ..." เขาพูด "ผมไม่อยากให้คุณกังวล..."
"แต่ฉันก็กังวลอยู่ดี!" หลิวซิวหยวนสะอื้น "ฉันกลัวลูกจะเป็นอะไรไป..."
"เจ้าสามเขาเป็นเด็กที่เก่ง..." หยางกั๋วเฉิงพูด "ผมเชื่อว่าเขาจะต้องปลอดภัย..."
ทันใดนั้น เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นขัดการพูดคุยของทั้งสอง
"เข้ามา!" หลิวซิวฉีตะโกน
ประตูดังเอี๊ยดเปิดออก ทหารหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามา
"ท่านครับ… ผมมารายงานการค้นหาผู้พันหยาง!" ทหารหนุ่มกล่าว "มีข่าวจากทหารที่ส่งไปตามหาผู้พันแล้วครับ!"
หลิวซิวหยวนลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็ว หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวัง
"ข่าวอะไรเหรอ?" คุณนายหยางเอ่ยถามทันที
"ทหารที่เราส่งไปได้ค้นหาตามผู้พันที่เมืองจินหลงตอนนี้ยังไม่พบร่องรอยของผู้พันเลยครับ คาดว่าผู้พันน่าจะหลบหนีออกไปนอกเมือง เดี๋ยวพวกเราจะกระจายไปตามหาที่หมู่บ้านต่างๆ เพื่อตามหาผู้พันอีกทีครับ"ทหารหนุ่มกล่าวรายงาน
หลิวซิวหยวนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้อีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนหมดเรี่ยวแรง
"สามี คุณต้องตามหาลูกชายเราให้เจอนะคะ"คุณนายหยางเอ่ยขึ้นกับผู้เป็นสามี เสียงของเธอแหบพร่าด้วยความโศกเศร้า
หยางกั๋วเฉิงวางมือลงบนบ่าของภรรยาเบาๆ "ภรรยา...คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมสัญญา ผมจะตามหาลูกของเราให้เจอ เดี๋ยวคุณไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเถอะ ถ้ามีข่าวเรื่องลูกของเราผมจะบอกคุณทันที" ผู้เป็นสามีเอ่ยปลอบภรรยา เขาพยายามกลั้นความกังวลไว้ภายในใจ
หลิวซิวหยวนพยักหน้ารับ ร่างกายอันอ่อนแรงของเธอลุกขึ้นยืน หยางกั๋วเฉิงพาเธอเดินไปส่งที่รถ
"ภรรยา...คุณดูแลตัวเองด้วยนะครับ" เขากล่าวกับเธออีกครั้ง ก่อนจะโบกมือลา
หลิวซิวหยวนมองตามร่างของสามีจนลับสายตา หัวใจของคนเป็นแม่เต็มไปด้วยความกังวล
....
หมู่บ้านไป๋เหอ
เมื่อหลินเสี่ยวเหยา เปิดประตูบ้านเข้ามา หญิงสาวเห็น หลินเสี่ยวหมิง น้องชายของเธอ กำลังรดน้ำต้นไม้ในสวนหลังบ้าน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มอย่างมีความสุข
"น้องเล็กรดน้ำต้นไม้เสร็จแล้วเหรอ?" ร่างบางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"ผมรดน้ำเสร็จแล้วครับพี่สาว" หลินเสี่ยวหมิงตอบกลับมาอย่างอารมณ์ดี
"แล้วน้องเล็กทานข้าวเช้าหรือยัง?"
" ผมทานข้าวแล้วเสร็จแล้วครับ กับข้าวที่พี่สาวทำให้อร่อยทุกอย่าง"เด็กน้อยเอ่ยชมพี่สาว
"งั้นพี่สาวขอตัวไปทำกับข้าวให้สหายหยางก่อนนะ เดี๋ยวพวกเราไปช่วยกันทำโรงเรือนไก่ต่อ"
"ได้ครับ"หลินเสี่ยวหมิงรับปากอย่างว่าง่าย
เมื่อหลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปในครัว หญิงสาวกำลังคิดเมนูอาหารสำหรับผู้ป่วยที่เธอต้องดูแล
"วันนี้ต้มน้ำซุปไก่ใส่โสมกับเก๋ากี้ให้คุณตัวร้ายทานดีกว่า จะได้ช่วยบำรุงร่างกาย" เธอพึมพำกับตัวเอง
หญิงสาวหยิบวัตถุดิบออกมาจากห้างสรรพสินค้า พร้อมกับนำไก่สดมาล้างทำความสะอาด หั่นเป็นชิ้นพอดีคำ ใส่ลงในหม้อน้ำซุปที่เดือดพล่าน พร้อมใส่สมุนไพรจีนหลายชนิดลงไป เช่น โสม เก๋ากี้และอื่นๆ ตั้งไฟให้เดือดพล่าน กลิ่นหอมของสมุนไพรโชยมาแตะจมูก ชวนให้น้ำลายสอ
เวลาผ่านไปไม่นาน กลิ่นหอมของน้ำซุปไก่โชยมาทั่วบ้าน หลินเสี่ยวเหยาตักน้ำซุปใส่ชาม พร้อมกับเนื้อไก่ที่เปื่อยนุ่ม โรยหน้าด้วยผักชีฝรั่งสับละเอียด
เธอยกชามน้ำซุปร้อนๆ เดินไปที่ห้องที่คุณตัวร้ายนอนอยู่ ชายหนุ่มยังคงนอนหลับใหลอยู่บนเตียง ใบหน้าซีดเซียว จากการบาดเจ็บ
"สหายหยางทานอาหารได้แล้วค่ะ" ร่างบางเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
หยางเฟิงลืมตาตื่นขึ้น เขาเห็นหลินเสี่ยวเหยายกถาดอาหารเข้ามาในห้อง
"คุณกลับมาแล้วเหรอครับ" พันตรีหนุ่มเอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า
"คุณหิวไหมคะฉันต้องขอโทษด้วยที่มาช้า?" คนร่างบางรู้สึกเสียใจที่ต้องปล่อยให้คุณตัวร้ายหิ้วท้องรอ
"ไม่เป็นไรครับผมรู้ว่าคุณงานยุ่ง" ชายหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
หยางเฟิงลุกขึ้นจากเตียง กลิ่นหอมของอาหารโชยมาแตะจมูก กระตุ้นให้ท้องของเขาร้องประท้วง เขายิ้มอ่อนให้หญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า
"ขอบคุณนะครับที่เตรียมอาหารให้ผม แค่นี้ผมก็ซึ้งใจแล้วครับ" เขากล่าว
"ไม่เป็นไรค่ะ คุณก็ทานให้มากๆ นะคะเดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ" หลินเสี่ยวเหยาตอบกลับมา
หยางเฟิงตักซุปไก่ขึ้นมาจิบ น้ำซุปกลมกล่อม หอมกลิ่นโสมและเก๋ากี้ รสชาติอร่อยล้ำ
หยางเฟิงขมวดคิ้วขึ้นมาทันที ใบหน้าหล่อเหลาของเขาดูเคร่งเครียดเมื่อเห็นน้ำซุปที่หลินเสี่ยวเหยาทำมีของแพงอย่างโสมและเก๋ากี้ เขาถามเธอด้วยน้ำเสียงสงสัย
"โสมกับเก๋ากี้สหายหลินไปเอาที่ไหนมาครับ?"
หลินเสี่ยวเหยาทำหน้าไม่ถูก เธอก้มหน้าลงเล่นปลายนิ้ว ร่างบางรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
หญิงสาวไม่รู้จะตอบคุณตัวร้ายยังไง เธออยากขยุ้มหัวตัวเองซะจริงๆ ที่เผลอทำพิรุธให้คนร่างสูงที่อยู่ตรงหน้าแอบจับได้อีกแล้ว
"ฉันไปเจอตอนไปขุดหญ้าแห้วหมูในป่าค่ะ" เธอแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ
"ผมไม่ค่อยอยากเชื่อเท่าไหร่ ว่าคุณจะหาเจอในป่าง่ายๆ " หยางเฟิงพูดต่อ "โสมกับเก๋ากี้น่ะมันแพงมากนะ "
หลินเสี่ยวเหยาตอบชายหนุ่มแบบกระอักกระอ่วน "ฉันแค่โชคดีเท่านั้นค่ะ ป่าแถวนี้อุดมสมบูรณ์เลยมีสมุนไพรหายากอยู่มากมาย
หยางเฟิงจ้องมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างพินิจพิเคราะห์ สายตาคมกริบของเขาจับจ้องไปที่ดวงตาของหญิงสาว ดูเหมือนว่าเธอจะมีความลับอะไรหรือเปล่า เขาสังเกตเห็นแววตาของเธอที่แฝงไว้ด้วยความกังวล
"สหายหลิน คุณมีอะไรปิดผมอยู่หรือเปล่า?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง
หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ฉันไม่มีอะไรปิดบังคุณทั้งนั้นค่ะ คุณรีบทานเถอะค่ะ เดี๋ยวซุปจะหายร้อนจะไม่อร่อย" เธอพยายามหาเรื่องเบี่ยงเบนความสนใจคุณตัวร้าย คนอะไรฉลาดเป็นกรด เขาไล่ต้อน..ทำเอาเธอไปไม่เป็นเลย
หยางเฟิงตักข้าวสวยเข้าปาก เขาเคี้ยวช้าๆ ดื่มด่ำกับรสชาติอันกลมกล่อมของน้ำซุป
"อร่อยมากครับ" เขาเอ่ยชม
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกดีใจที่คุณตัวร้ายชอบอาหารที่เธอทำ แก้มของเธอแดงระเรื่อ รอยยิ้มของเธอปรากฏขึ้นบนใบหน้า
"ถ้าอร่อยคุณก็ทานเยอะๆ นะคะ"
หยางเฟิงตักข้าวอีกคำ ก่อนจะยื่นช้อนไปหาเธอ "คุณลองชิมดูสิ ผมอยากให้คุณลองชิมดู" ชายหนุ่มยื่นช้อนใส่น้ำซุปมาจ่อปากหญิงสาว
หลินเสี่ยวเหยารู้สึกลำบากใจที่จะต้องใช้ช้อนร่วมกับคุณตัวร้าย ใจของเธอเต้นรัวราวกับกลองศึก ใบหน้าของเธอร้อนผ่าวขึ้นมา ราวกับว่าแก้มของเธอจะระเบิดออกทุกวินาที
นี่มันอะไรกัน? จูบทางอ้อมชัดๆ!
ในที่สุดเธอก็ตัดสินใจสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอ้าปากงับช้อนที่ชายหนุ่มยื่นมา รสชาติของซุปนั้นอร่อยกลมกล่อม แต่หลินเสี่ยวเหยาแทบจะไม่รู้รส
คนร่างบางพยายามกลืนลงคอ ก้มหน้าก้มตาโดยไม่กล้าสบตาชายหนุ่มตรงหน้า บรรยากาศในห้องนอนเต็มไปด้วยความเงียบ
หยางเฟิงมองดูหญิงสาวที่หน้าแดง ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้ม เขารู้สึกพอใจกับปฏิกิริยาของเธอ มันช่างน่ารักเสียจริง ๆ
"สหายหลิน รสชาติเป็นอย่างไรบ้างครับ" เขาเอ่ยทักขึ้น
หลินเสี่ยวเหยาเงยหน้าขึ้นคุณตัวร้าย แก้มของเธอยังแดงระเรื่อ "รสชาติก็อร่อย กลมกล่อม ดีค่ะ เดี๋ยวคุณรีบทานข้าวให้หมดเดี๋ยวจะได้ทานยาต่อ" เธอรีบตัดบทก่อนที่เธอจะเขินไปมากกว่านี้
เมื่อหยางเฟิงทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาหยิบยามาให้คนร่างสูงทาน "คุณก็ทานยานะคะ เผื่ออาการจะดีขึ้น"
"ขอบคุณนะครับ" เขารับยาจากร่างบาง ก่อนจะทานเข้าไปพร้อมกับน้ำอุ่น
"งั้นเดี๋ยวฉันขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ เดี๋ยวกลับมาดูคุณอีกทีตอนเย็นๆ"
หลินเสี่ยวเหยา ก้าวเท้าออกมาจากบ้านดินหลังเล็ก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังแปลงผักที่อยู่หลังบ้านเธอเห็นหลินเสี่ยวหมิง กำลังยืนอยู่หน้าแปลงผัก สายตาของเขาจดจ่อกับต้นผักกาดหอมที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวานนี้ ใบสีเขียวอ่อนเริ่มคลี่ออก เผยให้เห็นยอดอ่อนสีขาว หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาเด็กชาย"น้องเล็กทำอะไรอยู่เหรอ?""พี่สาวดูสิครับ ต้นผักกาดเริ่มแตกใบแล้ว!" หลินเสี่ยวหมิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์จากการทุ่มเทดูแลแปลงผักหลินเสี่ยวเหยาโน้มตัวลง มองดูต้นผักกาดอย่างใกล้ชิด รอยยิ้มของเธอขยายกว้างขึ้น "น้องเล็กเก่งมากเลยนะ เป็นเพราะน้องเล็กช่วยพี่สาวรดน้ำ เมล็ดจึงแตกยอดออกมา" เธอเอื้อมมือลูบศีรษะน้องชายเบาๆ"ต่อไปเราก็จะมีผักสดๆ ไว้กินเองแล้ว"หลินเสี่ยวหมิงดีใจสุดๆ เขาตั้งตารอที่จะได้กินผักกาดที่ดูแลเองกับมือท่ามกลางความร่าเริงของเด็กน้อย หลินเสี่ยวเหยากำลังครุ่นคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องมิติของเธอให้น้องชายได้รับรู้หรือไม่ เธออยากนำเครื่องมือในห้างสรรพสินค้าของมาสร้างเล้าไก่ คนร่างบางรู้สึกลังเลใจว่าจะบอกน้องชายดีหรือไม่หลินเสี่ยวเหยานึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เธอหลุดเข้ามา น
จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจหลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้างทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้นผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวก
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
ณ ฐานทัพเมือง A อันเงียบสงัด ท่ามกลางซากปรักหักพังของอารยธรรมที่ล่มสลาย ทีมของหลินเสี่ยวเหยา เตรียมพร้อมสำหรับภารกิจสำคัญ พวกเขาคือความหวังในการอยู่รอดของฐานทัพแห่งนี้หลินเสี่ยวเหยา เป็นหนึ่งในสมาชิกของทีม เธอมีน้องสาวคนสนิท อย่างหลินเสี่ยวถง ที่คอยช่วยเหลือเธอในทุกสถานการณ์ และเจิ้งห้าว แฟนหนุ่มของหลินเสี่ยวเหยา ที่เป็นนักสู้ผู้เก่งกาจและเป็นที่พึ่งพิงของทุกคนในทีม นอกจากนี้ยังมีเพื่อนร่วมทีมอีกห้าคนที่ต่างก็มีความสามารถพิเศษกันทุกคน พวกเขาทั้งหมดต่างเป็นทีมที่ยอดเยี่ยมของฐาน A"ทุกคนพร้อมไหม?" เจิ้งห้าวที่เป็นหัวหน้าทีมเอ่ยถามสมาชิกร่วมทีมทุกคน ทุกคนพยักหน้ารับพร้อมเพรียง"ภารกิจในวันนี้สำคัญมาก พวกเราต้องออกไปหาเสบียงอาหารและของใช้ที่จำเป็นให้ได้มากที่สุด" เจิ้งห้าวกล่าวต่อ "จำไว้ว่าทุกคนต้องระวังตัวให้มาก โลกภายนอกไม่ปลอดภัยอีกต่อไป"ทีมของเจิ้งห้าวออกเดินทางจากฐานทัพด้วยรถบรรทุกคันใหญ่ พวกเขาต้องเดินทางไกลในที่สุด พวกเขาก็มาถึงห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ที่ถูกทิ้งร้าง หลินเสี่ยวเหยาและทีมรีบเข้าไปสำรวจภายในห้างสรรพสินค้า พวกเขาพบกับอาหารกระป๋อง น้ำดื่ม ยา และของใช้ที่จำเป็นอื่น ๆ อี
"โอ๊ยยยยย" หลินเสี่ยวเหยาครางออกมาอย่างทรมาน เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างมึนงง ภาพตรงหน้าพร่าเลือนก่อนจะค่อยๆ ชัดเจนขึ้น เผยให้เห็นห้องนอนไม้เก่าๆ ทรุดโทรม แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านช่องหน้าต่างเล็กๆ ส่องกระทบใบหน้าซีดเซียวของเธอ ความเจ็บแปลบแล่นริ้วไปทั่วศีรษะราวกับเพิ่งถูกกระแทกอย่างแรง"นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน" หลินเสี่ยวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเอง เธอลุกขึ้นนั่งแล้วสำรวจตัวเอง หญิงสาวไม่พบร่องรอยบาดแผลจากฝูงซอมบี้แม้แต่น้อย"นี้ฉันจะฝันไปหรือเปล่า... ที่นี่คือที่ไหนกันแน่?" หลินเสี่ยวเหยาครุ่นคิดอย่างสับสนทันใดนั้น ความทรงจำของเจ้าของร่างนี้ก็ไหลทะลักเข้ามาในหัวของเธอราวกับเขื่อนแตก หลินเสี่ยวเหยาเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เธอจำได้ทันที… ว่าเธอเข้ามาอยู่ในนิยายที่เพิ่งอ่านจบไปก่อนที่จะตายนี่นา! และที่ร้ายยิ่งกว่านั้น เธอยังมาอยู่ในร่างของนางร้าย ‘หลินเสี่ยวเหยา’ ที่ดันมีชื่อเหมือนกับเธออีกหญิงสาวพยายามตั้งสติ พยายามทำความเข้าใจกับสถานการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างแล้วมองออกไปข้างนอก เห็นทุ่งนาเขียวขจีและภูเขาสูงตระหง่านที่แห่งนี้อยู่ในยุคมืดในปี 1970 ผู
หลินเสี่ยวเหยาเดินออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไป๋เหอ เพื่อหาทางเข้าไปในเมืองจินหลง หมู่บ้านไป๋เหอแห่งนี้มีสมาชิกอยู่เกือบร้อยหลังคาเรือนแต่ทันทีที่เธอปรากฏตัวในหมู่บ้านที่ตอนนี้ทุกคนกำลังเริ่มลงแปลงนากันอยู่ หลินเสี่ยวเหยาเดินไปตามถนนในหมู่บ้าน สายตาชาวบ้านที่มองมาและนินทาในระยะเผาขนเสียงซุบซิบนินทาดังขึ้น เมื่อหลินเสี่ยวเหยาปรากฏตัวขึ้นในชุดกระโปรงสีฟ้าอ่อนสะอาดตา ผมยาวสลวยถูกรวบเป็นมวยหลวม ๆ ตกแต่งด้วยปิ่นหยกเรียบหรู แม้จะดูเรียบง่ายแต่ก็ขับให้ใบหน้าหวานนั้นดูโดดเด่นขึ้นเป็นกอง"นั่นหลินเสี่ยวเหยาไม่ใช่เหรอ? วันนี้แต่งตัวซะสวยเชียว" เสียงแหลมเล็กของหญิงสาวคนหนึ่งดังขึ้นจากกลุ่มคนที่ยืนมุงดูอยู่ริมทาง"ก็แน่สิ เงินพ่อแม่หล่อนทั้งนั้นที่ทิ้งไว้ให้" เสียงอีกคนเสริมขึ้นมาอย่างเหยียดหยัน"ผู้หญิงอะไรขี้เกียจ ไม่ยอมทำลงแปลงนาเหมือนคนอื่น""ระวังเถอะ พอเงินพ่อแม่หล่อนหมดจะอดตายไม่มีข้าวจะกิน"หลินเสี่ยวเหยาได้ยินทุกคำพูดเหล่านั้น แต่เธอก็ทำเพียงแค่เมินเฉยและเดินหน้าต่อไป ริมฝีปากบางยกขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ ราวกับไม่ได้ใส่ใจกับคำนินทาเหล่านั้นแม้แต่น้อย เธอรู้ดีว่าคำพูดเหล่านั้นเป็นเพียง
หลี่เหว่ยเฉียงยังคงสงบนิ่ง ไม่แสดงความหวาดกลัวออกมาให้เห็น แม้ภายในใจจะร้อนรุ่มเพียงใด เขารู้ดีว่าการขัดขืนมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงทว่าในชั่วพริบตา ร่างบอบบางของหญิงสาวคนหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า เธอคือหลินฮวา สหายหญิงที่หลี่เหว่ยเฉียงแอบมีใจให้"ใจเย็นก่อนเถิด สหาย" หลินฮวากล่าวเสียงหวานแต่หนักแน่น "ตอนนี้สหายหลี่กำลังจะหมั้นหมายกับฉัน หากพวกคุณจับเขาไป งานมงคลก็คงต้องล่ม"เหล่าทหารชะงัก หันไปมองหน้าหญิงสาวที่กล้าขวางทางพวกเขาด้วยความประหลาดใจ"สหายหญิง ท่านอย่าได้เข้ามาขวางทางการปฏิบัติหน้าที่ของพวกเรา" หัวหน้าทหารกล่าวเตือน"ฉันรู้ดี สหาย" หลินฮวาตอบ "แต่คุณลองคิดดู หากสหายหลี่เป็นปฏิปักษ์ต่อการปฏิวัติจริง เขาจะกล้าประกาศหมั้นหมายกับฉันอย่างเปิดเผยเช่นนี้หรือ"หัวหน้าทหารครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับลูกน้อง "พวกเราไปตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน หากสหายทั้งสองโกหก ฉันจะกลับมาเอาหัวสหายทั้งสองคน จำไว้"หลี่เหว่ยเฉียงมองหลินฮวาด้วยความซาบซึ้งใจ หากไม่ใช่เพราะเธอ เขาคงถูกจับไปแล้ว และอาจต้องเผชิญชะตากรรมอันเลวร้าย"ขอบคุณมากสหายหลิน" หลี่เหว่ยเฉียงกล่าวอย่างจริงใจ "หากไม่ใช
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจหลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้างทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้นผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวก
หลินเสี่ยวเหยา ก้าวเท้าออกมาจากบ้านดินหลังเล็ก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังแปลงผักที่อยู่หลังบ้านเธอเห็นหลินเสี่ยวหมิง กำลังยืนอยู่หน้าแปลงผัก สายตาของเขาจดจ่อกับต้นผักกาดหอมที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวานนี้ ใบสีเขียวอ่อนเริ่มคลี่ออก เผยให้เห็นยอดอ่อนสีขาว หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาเด็กชาย"น้องเล็กทำอะไรอยู่เหรอ?""พี่สาวดูสิครับ ต้นผักกาดเริ่มแตกใบแล้ว!" หลินเสี่ยวหมิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์จากการทุ่มเทดูแลแปลงผักหลินเสี่ยวเหยาโน้มตัวลง มองดูต้นผักกาดอย่างใกล้ชิด รอยยิ้มของเธอขยายกว้างขึ้น "น้องเล็กเก่งมากเลยนะ เป็นเพราะน้องเล็กช่วยพี่สาวรดน้ำ เมล็ดจึงแตกยอดออกมา" เธอเอื้อมมือลูบศีรษะน้องชายเบาๆ"ต่อไปเราก็จะมีผักสดๆ ไว้กินเองแล้ว"หลินเสี่ยวหมิงดีใจสุดๆ เขาตั้งตารอที่จะได้กินผักกาดที่ดูแลเองกับมือท่ามกลางความร่าเริงของเด็กน้อย หลินเสี่ยวเหยากำลังครุ่นคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องมิติของเธอให้น้องชายได้รับรู้หรือไม่ เธออยากนำเครื่องมือในห้างสรรพสินค้าของมาสร้างเล้าไก่ คนร่างบางรู้สึกลังเลใจว่าจะบอกน้องชายดีหรือไม่หลินเสี่ยวเหยานึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เธอหลุดเข้ามา น
ณ เมืองหลวงหลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิดหยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา...""เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหล
เมื่อคนเป็นพี่สาวเดินมาที่ลานหน้าบ้าน เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงน้องชายของเธอกำลังนั่งรอทานข้าวอย่างใจจดใจจ่อ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ มีแกงผักป่าร้อน ๆ กับข้าวสวยวางอยู่ เมื่อเธอเดินมาหาน้องชาย หลินเสี่ยวหมิงยิ้มร่าด้วยความดีใจ"พี่เสี่ยวเหยา แกงที่พี่ทำมันหอมมากเลยครับ จนน้ำลายผมไหลยืด" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น"มันหอมเพราะพี่สาวใส่เครื่องปรุงตามสูตรที่พี่สาวคิดค้นขึ้น มันทำให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าน้องเล็กชอบพี่สาวจะทำให้ทานทุกวัน" หลินเสี่ยวเหยาตักแกงใส่ถ้วย ส่งให้น้องชายหลินเสี่ยวหมิงตักแกงเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย"อร่อยมากเลยพี่สาว ฝีมือพี่นี่ไม่แพ้แม่เลยนะ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยชมไม่หยุด‘หึ..ถ้าไม่มีเครื่องปรุงสำเร็จรูปกับข้าว ฉันก็คงทำคงไม่อร่อยเท่านี้หรอก’ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโชคดีที่ในห้างสรรพสินค้าของเธอมีเครื่องปรุงสำเร็จรูปครบครันทำให้การใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดหลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็ทำการเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับน้องชาย"เสี่ยวหมิง วันนี้น้องเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวน้องไปพักผ่อนได้แล้ว""ครับพี่สาว เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" เด็กชายพ
หลินเสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องมา เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ลานหน้าบ้าน บนพื้นมีตะกร้าสานใบโปรดวางอยู่พร้อมกับขวานตัดฟืนและมีดพร้า หลินเสี่ยวเหยาเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าๆ มัดผมเรียบง่าย คว้าตะกร้าสานที่บรรจุเครื่องมือและของทานเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้เป็นน้องชายพวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ป่าไผ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญสองคนพี่น้อง ซึ่งเมื่อก่อนหลินเสี่ยวหมิงมักจะเข้ามาหาของป่าให้พี่สาวอยู่เป็นประจำเมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ หลินเสี่ยวเหยาก็หยุดลง เธอวางตะกร้าสานลงบนพื้น หยิบขวานอันคมออกมาจากตะกร้า ผู้เป็นพี่สาวเริ่มสอนน้องชายถึงวิธีการตัดต้นไผ่"เสี่ยวหมิง น้องจับขวานให้มั่นนะ ตีตรงโคนต้นไผ่ ระวังอย่าให้โดนเท้าตัวเอง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกฟางเก่า ๆ กำขวานแน่นในมือเล็ก ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของผู้เป็นพี่สาว"ผลัวะ!" เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า หลินเสี่ยวหมิงฟาดฟันต้นไผ่อย่างขะมักเขม้น แม้ว่าแรงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็พยายามอย่าง
หลินเสี่ยวเหยา เดินกลับมาถึงบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ คนเป็นพี่สาวเห็นน้องชายกำลัง กำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่คนเดียว เหงื่อของเขาไหลอาบบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อยด้วยความสงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอหยิบขวดน้ำหวานเย็นๆ และขนมปังแสนอร่อยจากมิติของเธอหญิงสาวเทน้ำหวานใส่กระบอกไม้ไผ่ และวางขนมปังอบกรอบไว้บนจานกระเบื้องเก่าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลินเสี่ยวหมิงที่ทำงานอยู่สวนหลังบ้าน"เสี่ยวหมิง! พี่กลับมาแล้ว!" หญิงสาวตะโกนเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใสและอบอุ่นหลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากแปลงผัก ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาถึงบ้าน "พี่สาว! กลับมาแล้วเหรอครับ!" เขารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวด้วยความดีใจหญิงสาวยิ้มกว้างพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "อืม... พี่กลับมาแล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เสี่ยวหมิงไปพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถางหญ้าต่อเอง""แต่ว่า..." หลินเสี่ยวหมิงทำท่าจะแย้งผู้เป็นพี่สาวขัดขึ้น "ไม่มีแต่" เธอยิ้มให้น้องชาย "พี่สาวแข็งแรงจะตายไป น้องเล็กไปพักผ่อนเถอะ
หลินเสี่ยวเหยายกกับข้าวมาให้หยางเฟิงที่เตียง ชายหนุ่มมองอาหารตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอาหารธรรมดา ๆ จะดูน่ารับประทานได้ขนาดนี้เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแรก รสชาติกลมกล่อมของข้าวต้มทำให้เขาแทบหยุดไม่ได้ เขาตักข้าวต้มเข้าปากคำแล้วคำเล่า จนข้าวต้มหมดถ้วย"อร่อยมากเลยครับ" ชายหนุ่มกล่าวชมด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจหลินเสี่ยวเหยายิ้มรับคำชม คนในยุคนี้ชาวบ้านทั่วไปชอบทำกับข้าวจืดๆ ไม่ได้เน้นเครื่องปรุงรสอะไร กับข้าวที่เธอใส่ผงปรุงรสไปก็เลยดูอร่อยเป็นพิเศษเธอสามารถทำกับข้าวขายได้เลย ถ้ามีผงปรุงรสอยู่ในมือ รับรองกับข้าวอร่อยทุกอย่าง แต่น่าเสียดายที่ยุคนี้ทำการค้าขายลำบาก"ฉันดีใจที่คุณชอบค่ะ"เธอกล่าวกับชายหนุ่มหลังจากหยางเฟิงทานข้าวเช้าเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็หยิบยาแก้ปวด และยาลดไข้ ออกมา 2 เม็ด"สหายหยางทานยาแก้ปวดและยาลดไข้หน่อยนะคะ อาการของคุณจะได้ดีขึ้น"หยางเฟิงรับยามาดู พบว่าเป็นยาฝรั่งราคาแพง เม็ดสีขาวกลม ๆ"คุณ... เอาเงินมาจากไหนมาซื้อยาพวกนี้?" ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยความสงสัยหลินเสี่ยวเหยาอึกอักไปชั่วครู่