หลินเสี่ยวเหยา เดินกลับมาถึงบ้านหลังเล็กๆ ของเธอ ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ใหญ่และหญ้ารกทึบ คนเป็นพี่สาวเห็นน้องชายกำลัง กำลังก้มหน้าก้มตาถางหญ้าอยู่คนเดียว เหงื่อของเขาไหลอาบบนใบหน้า แววตาเต็มไปด้วยความเหน็ดเหนื่อย
ด้วยความสงสารเด็กน้อยตัวเล็กๆ ที่ต้องทำงานหนักเหมือนผู้ใหญ่ หลินเสี่ยวเหยาก็รีบเดินตรงไปที่ห้องครัว เธอหยิบขวดน้ำหวานเย็นๆ และขนมปังแสนอร่อยจากมิติของเธอ
หญิงสาวเทน้ำหวานใส่กระบอกไม้ไผ่ และวางขนมปังอบกรอบไว้บนจานกระเบื้องเก่าๆ จากนั้นก็เดินตรงไปหาหลินเสี่ยวหมิงที่ทำงานอยู่สวนหลังบ้าน
"เสี่ยวหมิง! พี่กลับมาแล้ว!" หญิงสาวตะโกนเรียกน้องชายด้วยน้ำเสียงสดใสและอบอุ่น
หลินเสี่ยวหมิงเงยหน้าขึ้นจากแปลงผัก ดวงตากลมโตเป็นประกายเมื่อเห็นพี่สาวกลับมาถึงบ้าน "พี่สาว! กลับมาแล้วเหรอครับ!" เขารีบวิ่งเข้าไปหาพี่สาวด้วยความดีใจ
หญิงสาวยิ้มกว้างพลางลูบหัวน้องชายเบาๆ "อืม... พี่กลับมาแล้ว" เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน "เสี่ยวหมิงไปพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะช่วยถางหญ้าต่อเอง"
"แต่ว่า..." หลินเสี่ยวหมิงทำท่าจะแย้ง
ผู้เป็นพี่สาวขัดขึ้น "ไม่มีแต่" เธอยิ้มให้น้องชาย "พี่สาวแข็งแรงจะตายไป น้องเล็กไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวพี่ชงน้ำหวานไว้ให้อยู่ในห้องครัว"
หลินเสี่ยวหมิงยิ้มกว้าง "ขอบคุณครับพี่สาว!" เขาหันหลังวิ่งเข้าบ้านอย่างร่าเริง
ผู้เป็นพี่สาวจ้องมองตามหลังน้องชายไป เธอรู้สึกอบอุ่นใจที่เด็กน้อยพยายามทำตัวเป็นเสาหลักให้ครอบครัว
เมื่อหลินเสี่ยวเหยาเห็นเด็กน้อยเดินเข้าไปในบ้าน เธอจึงเดินไปที่สวนหลังบ้าน หญิงสาวครุ่นคิดถึงวิธีการถางหญ้ายังไงให้เสร็จไวๆ เธอนึกขึ้นได้ว่าเคยเห็นเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าขายอยู่ที่ห้างสรรพสินค้า
ทันใดนั้น ความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นในหัวเธอ ด้วยความตื่นเต้น เธอลูบไล้รอยสักรูปดอกบัวสีเงินบนหลังมือ แสงสว่างจ้าสาดส่องไปทั่วก่อนที่ร่างของเธอจะหายไปในมิติ เมื่อเธอลืมตาอีกครั้ง ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ก็ปรากฏตัวขึ้นเบื้องหน้า
หลินเสี่ยวเหยาตรงไปยังแผนกเครื่องมือการเกษตร สายตาของเธอเหลือบไปเห็นเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้าหลากหลายรุ่นวางเรียงอยู่บนชั้นวาง
"นี่มันใช่เลย!" เธออุทานด้วยความดีใจ
หลินเสี่ยวเหยา หยิบเครื่องมือตัดหญ้าขนาดเล็กที่ใช้แบตเตอรี่ เหมาะกับสถานที่ที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ เครื่องตัดหญ้า ใช้งานเงียบ เมื่อจับขึ้นมา รู้สึกถึงน้ำหนักที่เบาเธอจึงรีบนำมันออกมานอกมิติทันที
เมื่อหลินเสี่ยวเหยา ลืมตาอีกครั้ง เธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่ที่สวนหลังบ้านเหมือนเดิม ร่างบางจึงรีบต่อเครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า เปิดสวิตช์เสียงเครื่องยนต์ดังขึ้นเบาๆ ใบมีดหมุนด้วยความเร็วสูง
หญิงสาวเริ่มถางหญ้าด้วยความคล่องแคล่วภายในเวลาไม่นาน สวนหลังบ้านที่ไม่ใหญ่มาก มีที่ดินประมาณ 4 หมู่ ไม่นานก็ถูกถางจนเสร็จเรียบร้อย หลินเสี่ยวเหยา ยิ้มด้วยความพอใจ เครื่องตัดหญ้าไฟฟ้า ช่วยให้เธอทำงานเสร็จเร็วขึ้นมาก
เมื่อจัดการกับต้นหญ้าเสร็จเรียบร้อย หญิงสาวจึงนำเครื่องตัดหญ้าเอาไปเก็บไว้ในมิติ ก่อนจะหยิบ รถลากพรวนดิน ที่ไม่ใช้ไฟฟ้าออกมา มันเป็นรถลากขนาดเล็ก เหมาะแก่การใช้งาน
หลินเสี่ยวเหยา ลากรถพรวนดินไปทั่วสวน ดินที่แห้งแข็งค่อยๆ กลายเป็นดินร่วนซุย เหมาะแก่การเพาะปลูก
รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าของเธอทันที เธอหยิบเมล็ดพันธุ์ผักหลากหลายชนิดออกมาจากมิติ มีทั้งมะเขือเทศ ผักกาดหอม ผักชี ถั่วฝักยาว
หญิงสาวโรยเมล็ดพันธุ์เหล่านั้นลงบนดินที่เตรียมไว้ รดน้ำด้วย บัวรดน้ำ ก่อนจะใส่ปุ๋ยเพื่อบำรุงดิน
เธอยิ้มอย่างมีความสุข คิดถึงวันที่ผักเหล่านี้จะเติบโตออกดอกออกผล
หลินเสี่ยวหมิงเมื่อเดินออกมาที่สวนหลังบ้านหลังจากทานของว่างที่พี่สาวเตรียมไว้ให้เสร็จ ทันใดนั้น เขาก็ต้องตะลึงงัน เมื่อเห็นว่าสวนหลังบ้านที่เคยรกด้วยหญ้าและวัชพืชกลับกลายมาเป็นแปลงผักที่เรียบร้อยและสวยงาม ดินถูกพรวนเป็นแถวอย่างประณีต ต้นกล้าผักหลายชนิดถูกปลูกไว้เป็นระเบียบ
"พี่เสี่ยวเหยา!" หลินเสี่ยวหมิงตะโกนเรียกพี่สาว
"ทำไม... สวน..นี่...ถึง.." หลินเสี่ยวหมิงพูดตะกุกตะกักอย่างงุนงง
"พี่จัดการปลูกผักเองทั้งหมด" หลินเสี่ยวเหยาตอบน้องชาย "ดินที่นี่ดี เหมาะแก่การปลูกผัก พี่อยากให้เรามีอาหารกินเอง ไม่ต้องไปซื้อจากที่ไหน"
หลินเสี่ยวหมิงรู้สึกทึ่งกับความขยันขันแข็งของพี่สาว
"ว้าว...พี่สาวเก่งจังเลยครับ แป๊บเดียวก็ทำสวนทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยแล้ว"
"พี่มีแผนจะเลี้ยงไก่ด้วยนะ เพื่อเก็บไข่ไว้กิน น้องเล็กคิดว่าเป็นอย่างไรบ้าง?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยถาม
"เลี้ยงไก่เหรอครับ?" เสี่ยวหมิงถามด้วยความประหลาดใจ "การเลี้ยงไก่เราต้องไปซื้อไก่พ่อพันธุ์แม่พันธุ์มานะครับ?"
"พี่มีเงินเก็บอยู่พอสมควรจากการขายของที่ตลาดมืด" หลินเสี่ยวเหยาตอบน้องชาย
"แต่ก่อนอื่น พวกเราต้องสร้างเล้าไก่ก่อน" หลินเสี่ยวเหยาพูด "เดี๋ยวพวกเราไปหาไม้ไผ่ในป่ามาทำเป็นคอกไก่กันเถอะ"
หลินเสี่ยวหมิงยิ้มกว้าง "ได้ครับพี่สาว พวกเราจะช่วยกันสร้างเล้าไก่ให้ใหญ่ๆ เลยครับ"เด็กน้อยตอบอย่างกระตือรือร้น
"งั้นเดี๋ยวพี่ขอตัวไปดูคนแขกก่อนนะ เดี๋ยวน้องเล็กจัดเตรียมของไปบนภูเขา เดี๋ยวพี่มาหา"
"ได้ครับพี่สาว"หลังจากหลินเสี่ยวเหยาเดินจากไป เด็กน้อยก็รีบคว้ามีดและตะกร้าเตรียมตัวมุ่งหน้าสู่ผืนป่า
ร่างบางเดินมุ่งหน้าไปยังบริเวณบ้าน เธอครุ่นคิดถึงวิธีการล้างแผลสมัยโบราณ เธอไม่กล้าเอาแอลกอฮอล์ออกมาจากในมิติ เกรงว่าคุณตัวร้ายจะสงสัยเอาได้
"เอาไงดีนะ" หลินเสี่ยวเหยาบ่นพึมพำกับตัวเอง
ทันใดนั้น เธอก็เหลือบไปเห็นถุงชาสมุนไพรวางอยู่บนชั้นวางของในห้องครัว ความคิดก็แล่นเข้ามาในหัวของเธอ
"ใช่แล้ว!" เธออุทานเบา ๆ "ชาสมุนไพรนี่แหละ น่าจะใช้ล้างแผลได้"
หลินเสี่ยวเหยาหยิบถุงชาสมุนไพรออกมา เทใบชาลงในชาม แล้วเติมน้ำร้อน รอจนชาเย็นลง เธอก็เอาผ้าสะอาดมาชุบชา แล้วบีบน้ำออกให้พอหมาดๆ
"เอาล่ะ ลองใช้ดูสักหน่อย" หญิงสาวพูดกับตัวเองเบาๆ
ก่อนจะเดินไปที่ห้องนอนของเธอ ที่ตอนนี้โดนคุณตัวร้ายยึดครองอยู่
"สหายหยางฉันขอดูบาดแผลหน่อยค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยเรียกคุณตัวร้าย
ชายหนุ่มค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา เขามองมาที่หลินเสี่ยวเหยาด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผล
"มีอะไรเหรอครับ?" คนร่างสูงเอ่ยถาม
"ฉันจะเอาชาสมุนไพรมาล้างแผลให้คุณค่ะ" หญิงสาวนั่งลงบนเตียงข้างๆ ทหารหนุ่ม เธอเลิกผ้าห่มออก เผยให้เห็นแผงกล้ามเนื้อที่ทอดยาวเป็นลอนบนเรือนร่างที่เปลือยเปล่า หลินเสี่ยวเหยา เมื่อเห็นซิกแพคของชายหนุ่ม ใบหน้าของเธอแดงก่ำ หัวใจเต้นรัวจนแทบจะหลุดออกจากอก หญิงสาวเพิ่งจะรู้ตัวว่าเธอกำลังจ้องมองแผงอกของชายหนุ่มตรงหน้าอยู่นาน
'โอ๊ยทำไมคุณตัวร้ายทำไมหุ่นถึงได้น่ากินอย่างนี้' เธออดคิดไม่ได้
หลินเสี่ยวเหยา รู้สึกเขินอายกับความคิดของตัวเอง เธอรีบก้มหน้าลงเช็ดแผลให้กับเขาอย่างรวดเร็ว พยายามไม่สบตาเจ้าของรอยสักมังกรที่แผ่นหลัง
"คุณอดทนหน่อยนะคะ ถ้าไม่เช็ดบาดแผลที่ถูกยิง แผลอาจจะเน่าได้"
"อืม..." คนร่างสูงกัดฟันพูด เมื่อทำแผลเสร็จเรียบร้อยเธอจึงเริ่มต้นสนทนากับคุณตัวร้ายทันที
"สหายหยางคะ เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมถึงถูกยิง?" หญิงสาวพยายามเอ่ยถามเรื่องที่เธอสงสัย
หยางเฟิงเม้มริมฝีปากแน่น เขาไม่อยากบอกความจริงกับคนร่างบาง เขากลัวว่าเธออาจจะกังวล
"ผม... ผมแค่ไม่ระวังเองครับ" เขาตอบสั้นๆ
หลินเสี่ยวเหยาไม่เชื่อคำตอบของคุณตัวร้าย
"สหายหยาง คุณบอกความจริงกับฉันเถอะ ฉันเป็นห่วงคุณจริงๆ" หลินเสี่ยวเหยาพยายามใช้สกิลหว่านล้อมให้คุณตัวร้ายเอ่ยปาก
หยางเฟิงถอนหายใจ ก่อนจะตัดสินใจบอกความจริงกับคนที่ช่วยชีวิตเขาไว้
"ผมเป็นทหารหน่วยราชการลับ กำลังมาปฏิบัติภารกิจในเมืองจินหลง แต่ถูกพวกกบฏซุ่มโจมตีครับ"
หลินเสี่ยวเหยาแสร้งเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ทั้งที่เธอรู้ความจริงอยู่ก่อนแล้วจากเนื้อหาในนิยาย
"แล้วทำไมคุณถึงหนีมาที่นี่ได้ค่ะ ที่นี่อยู่ห่างจากเมืองจินหลงตั้งไกลและอยู่ท้ายสุดของหมู่บ้าน?" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยถามประเด็นที่เธอสงสัยทันที
หยางเฟิงกลืนน้ำลาย ก่อนจะเอ่ยตอบ "ตอนนั้นผมได้รับบาดเจ็บสาหัส พวกกบฏตามล่าผมมาติดๆ ผมรู้ดีว่าถ้าพวกมันจับตัวผมได้ ชะตากรรมของผมคงไม่ต่างอะไรกับพวกทหารคนอื่นๆ ที่ถูกสังหารโหด ผมจึงตัดสินใจหนีเอาชีวิตรอด ข้ามป่าเขา ลัดเลาะลำธาร โดยไม่รู้ทิศทางใด"
"โชคดีที่ผมเจอเข้ากับกระท่อมของคุณเข้า และคุณ..ก็ได้ช่วยชีวิตผมไว้"
หลินเสี่ยวเหยาฟังคำสารภาพของคุณตัวร้าย ดวงตาของเธอมีประกายแฝงความสงสัย
"หึ่ม...ทำไมเรื่องนี้มันไม่ตรงกับในนิยาย" ในนิยายหลินฮวาจะพบคุณตัวร้ายสลบอยู่หน้าหมู่บ้าน ระหว่างที่เธอจะเดินทางกลับหมู่บ้าน หรือเป็นเพราะหลี่เหว่ยเฉียงที่โดนทหารจับกุมที่แถวตลาดมืด ทำให้หลินฮวาไปช่วยเหลือพระเอกของเรื่องจึงทำให้เธอพลาดเจอตัวร้าย จึงทำให้เกิดทฤษฎีผีเสื้อขยับปีก และเธอเองก็สงสัยว่าพระเอกของเรื่องไปโผล่แถวตลาดมืดได้ยังไง เพราะในนิยายก็ไม่ได้ระบุไว้เช่นกัน หรือว่าเขาจะแอบตามเธอไป เธอครุ่นคิดเรื่องราวที่น่าสงสัยอยู่ในใจ
"แล้วคุณจะทำอย่างไรต่อไปค่ะ?" คนร่างบางเอ่ยถาม
หยางเฟิงถอนหายใจ "ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ" เขารู้ดีว่าเขาไม่สามารถกลับไปเมืองจินหลงได้ เพราะมันอันตรายเกินไป แต่เขาก็ไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้ตลอดไป
"คุณพักที่นี่ก่อนก็ได้" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยปาก "บาดแผลของคุณยังไม่หายดี รอจนคุณหายแล้วค่อยว่ากันอีกที"
หยางเฟิงรู้สึกขอบคุณหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก
"ขอบคุณครับ" เขาก้มหน้าลง
"สหายหยางไม่ต้องขอบคุณฉันหรอก" หลินเสียวเหยากล่าว"คุณก็แค่คนโชคร้ายที่บาดเจ็บ ฉันแค่ช่วยเหลือคุณในฐานะเพื่อนมนุษย์เท่านั้น"
ชายหนุ่มเงียบไปทันที เขารู้สึกประทับใจในน้ำใจของหญิงสาวชาวบ้านผู้นี้ สักวันหนึ่งเขาจะตอบแทนเธอเป็นอย่างดี ชายหนุ่มคิดอย่างหมายมั่น
"เพียงแต่ว่า..." หลินเสี่ยวเหยาระงับคำพูด
"แต่ว่าอะไรครับ?" คนได้รับบาดเจ็บเอ่ยถามทันที
"คุณต้องสัญญากับฉันก่อน" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเธอสุภาพแต่ทว่าจริงจัง "ระหว่างที่คุณพักรักษาตัวอยู่ที่นี้ คุณต้องอยู่ที่บ้านฉันอย่างเงียบๆ นะคะ เพราะฉันไม่อยากให้พวกชาวบ้านมองฉันไม่ดี แล้วอีกอย่างฉันก็ยังไม่ได้แต่งงานด้วย มันจะเป็นการทำลายชื่อเสียงของฉันเองค่ะ ที่พาผู้ชายที่ไม่ได้หมั้นหมายมานอนที่บ้าน"
หยางเฟิงครุ่นคิดเมื่อได้ยินคำพูดที่คนร่างบางกล่าว ‘แต่ถ้าผมหมั้นหมายคุณ ผมก็สามารถอยู่กับคุณได้อย่างไม่ต้องปิดบังใครสินะ’
หยางเฟิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น "ผมเข้าใจครับ ผมสัญญาว่าจะอยู่เงียบๆ ไม่สร้างปัญหาให้กับคุณ"
หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้าด้วยความโล่งใจ รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนใบหน้าของเธอ
"ขอบคุณมากค่ะ"
"งั้นคุณก็พักผ่อนเถอะ" เธอเอ่ยขึ้น "เดี๋ยวฉันจะไปหาของป่ากับน้องชาย เดี๋ยวตอนเย็นๆ ฉันทำกับข้าวให้คุณนะคะ"
“ขอบคุณครับ” เขายิ้มให้หญิงสาวก่อนจะหลับตาลงนอน
หลินเสี่ยวเหยา เดินออกจากห้องมา เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงกำลังนั่งรอเธออยู่ที่ลานหน้าบ้าน บนพื้นมีตะกร้าสานใบโปรดวางอยู่พร้อมกับขวานตัดฟืนและมีดพร้า หลินเสี่ยวเหยาเดินไปเปลี่ยนเป็นชุดเก่าๆ มัดผมเรียบง่าย คว้าตะกร้าสานที่บรรจุเครื่องมือและของทานเล่นนิดหน่อย ก่อนจะเดินออกจากบ้านไปพร้อมกับผู้เป็นน้องชายพวกเขาเดินมุ่งหน้าไปยังป่าไผ่ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ป่าไผ่แห่งนี้เป็นแหล่งอาหารสำคัญสองคนพี่น้อง ซึ่งเมื่อก่อนหลินเสี่ยวหมิงมักจะเข้ามาหาของป่าให้พี่สาวอยู่เป็นประจำเมื่อมาถึงจุดที่เต็มไปด้วยต้นไผ่ หลินเสี่ยวเหยาก็หยุดลง เธอวางตะกร้าสานลงบนพื้น หยิบขวานอันคมออกมาจากตะกร้า ผู้เป็นพี่สาวเริ่มสอนน้องชายถึงวิธีการตัดต้นไผ่"เสี่ยวหมิง น้องจับขวานให้มั่นนะ ตีตรงโคนต้นไผ่ ระวังอย่าให้โดนเท้าตัวเอง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่นเด็กน้อยพยักหน้ารับอย่างตั้งใจ ดวงตาของเขาลุกวาวด้วยความตื่นเต้น เขาสวมหมวกฟางเก่า ๆ กำขวานแน่นในมือเล็ก ๆ พยายามเลียนแบบท่าทางของผู้เป็นพี่สาว"ผลัวะ!" เสียงขวานดังก้องไปทั่วป่า หลินเสี่ยวหมิงฟาดฟันต้นไผ่อย่างขะมักเขม้น แม้ว่าแรงของเขาจะยังไม่มากนัก แต่เขาก็พยายามอย่าง
เมื่อคนเป็นพี่สาวเดินมาที่ลานหน้าบ้าน เธอเห็นหลินเสี่ยวหมิงน้องชายของเธอกำลังนั่งรอทานข้าวอย่างใจจดใจจ่อ บนโต๊ะไม้เก่า ๆ มีแกงผักป่าร้อน ๆ กับข้าวสวยวางอยู่ เมื่อเธอเดินมาหาน้องชาย หลินเสี่ยวหมิงยิ้มร่าด้วยความดีใจ"พี่เสี่ยวเหยา แกงที่พี่ทำมันหอมมากเลยครับ จนน้ำลายผมไหลยืด" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยขึ้น"มันหอมเพราะพี่สาวใส่เครื่องปรุงตามสูตรที่พี่สาวคิดค้นขึ้น มันทำให้น้ำแกงอร่อยขึ้น ถ้าน้องเล็กชอบพี่สาวจะทำให้ทานทุกวัน" หลินเสี่ยวเหยาตักแกงใส่ถ้วย ส่งให้น้องชายหลินเสี่ยวหมิงตักแกงเข้าปาก เคี้ยวช้า ๆ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าเด็กน้อย"อร่อยมากเลยพี่สาว ฝีมือพี่นี่ไม่แพ้แม่เลยนะ" หลินเสี่ยวหมิงเอ่ยชมไม่หยุด‘หึ..ถ้าไม่มีเครื่องปรุงสำเร็จรูปกับข้าว ฉันก็คงทำคงไม่อร่อยเท่านี้หรอก’ หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโชคดีที่ในห้างสรรพสินค้าของเธอมีเครื่องปรุงสำเร็จรูปครบครันทำให้การใช้ชีวิตในยุคนี้ ไม่ได้แย่อย่างที่เธอคิดหลังจากทานข้าวเสร็จ หลินเสี่ยวเหยาก็ทำการเก็บกวาดโต๊ะอาหาร ก่อนจะหันมาบอกกับน้องชาย"เสี่ยวหมิง วันนี้น้องเหนื่อยมาทั้งวัน เดี๋ยวน้องไปพักผ่อนได้แล้ว""ครับพี่สาว เดี๋ยวผมไปก่อนนะครับ" เด็กชายพ
ณ เมืองหลวงหลิวซิวหยวน มารดาของ หยางเฟิง เดินเข้ามาหา หยางกั๋วเฉิง ผู้เป็นสามีด้วยความร้อนใจ เธออยากรู้ว่าทำไมลูกชายเธอถึงไม่ยอมกลับมาบ้านสักที เธอพยายามถามผู้เป็นสามี เขาก็ตอบแต่เพียงว่า ลูกสามงานยุ่ง ตามปกติแล้วแม้งานของลูกสามจะยุ่งแค่ไหนเขาจะกลับมาที่บ้านใหญ่เสมอ เพื่อมาเยี่ยมครอบครัวทุกอาทิตย์แต่นี่ก็นานมาแล้วที่ลูกชายเธอขาดติดต่อกลับมา ใบหน้าของคุณนายหยางเต็มไปด้วยความกังวลเมื่อหลิวซิวหยวน มาถึงที่ทำงานของสามี เธอเดินเข้าไปในห้องทำงานของสามีด้วยความรีบร้อน โดยไม่ได้เคาะประตู ทันใดนั้น เธอก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นภาพที่ไม่คาดคิดหยางกั๋วเฉิง สามีของเธอ กำลังนั่งสนทนาอยู่กับ หลิวซิวฉีพี่ชายของเธอ ใบหน้าของทั้งคู่ดูเคร่งเครียด และเต็มไปด้วยความกังวล"พี่ชาย!" หลิวซิวหยวนร้องออกไปด้วยความตกใจ "เกิดอะไรขึ้น? ทำไมทุกคนหน้าถึงทำหน้าเคร่งเครียดแบบนี้?"หลิวซิวฉี หันมามองน้องสาว ก่อนจะถอนหายใจยาว "เจ้าสาม เขา...""เขา… เป็นอะไรไป?" คุณนายหยางรีบเอ่ยถามด้วยความร้อนรน หัวใจของเธอเต้นรัวด้วยความหวาดกลัว"เจ้าสามเขา... ไปปฏิบัติภารกิจลับ เพียงแต่ว่า... ตอนนี้พวกเราได้ขาดการติดต่อกับเจ้าสาม มาหล
หลินเสี่ยวเหยา ก้าวเท้าออกมาจากบ้านดินหลังเล็ก ก่อนที่จะเดินตรงไปยังแปลงผักที่อยู่หลังบ้านเธอเห็นหลินเสี่ยวหมิง กำลังยืนอยู่หน้าแปลงผัก สายตาของเขาจดจ่อกับต้นผักกาดหอมที่เพิ่งปลูกไปเมื่อวานนี้ ใบสีเขียวอ่อนเริ่มคลี่ออก เผยให้เห็นยอดอ่อนสีขาว หลินเสี่ยวเหยาเดินเข้าไปหาเด็กชาย"น้องเล็กทำอะไรอยู่เหรอ?""พี่สาวดูสิครับ ต้นผักกาดเริ่มแตกใบแล้ว!" หลินเสี่ยวหมิงตอบด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น เขารู้สึกดีใจที่ได้เห็นผลลัพธ์จากการทุ่มเทดูแลแปลงผักหลินเสี่ยวเหยาโน้มตัวลง มองดูต้นผักกาดอย่างใกล้ชิด รอยยิ้มของเธอขยายกว้างขึ้น "น้องเล็กเก่งมากเลยนะ เป็นเพราะน้องเล็กช่วยพี่สาวรดน้ำ เมล็ดจึงแตกยอดออกมา" เธอเอื้อมมือลูบศีรษะน้องชายเบาๆ"ต่อไปเราก็จะมีผักสดๆ ไว้กินเองแล้ว"หลินเสี่ยวหมิงดีใจสุดๆ เขาตั้งตารอที่จะได้กินผักกาดที่ดูแลเองกับมือท่ามกลางความร่าเริงของเด็กน้อย หลินเสี่ยวเหยากำลังครุ่นคิดว่าจะบอกความจริงเรื่องมิติของเธอให้น้องชายได้รับรู้หรือไม่ เธออยากนำเครื่องมือในห้างสรรพสินค้าของมาสร้างเล้าไก่ คนร่างบางรู้สึกลังเลใจว่าจะบอกน้องชายดีหรือไม่หลินเสี่ยวเหยานึกถึงเรื่องราวในนิยายที่เธอหลุดเข้ามา น
จ้าวหยวนตงยื่นมือไปคว้าตะกร้าหวายจากหลินเสี่ยวเหยาที่มีผ้าขาวปกคลุมเอาไว้"สหายหลิน จะรีบไปไหน พวกเรายังคุยกันไม่จบเลยนะ" จ้าวหยวนตงยิ้มเจ้าเล่ห์หลินเสี่ยวเหยารู้สึกโกรธแค้น เธอพยายามเดินหนี แต่ชายหนุ่มจับตะกร้าเธอไว้แน่น"ปล่อยตะกร้าฉันเดี๋ยวนี้! ของพวกนี้ไม่ใช่ของพวกแก!" หลินเสี่ยวเหยาตะโกนกลับมา"ของฝากพวกนี้เอามาให้สหายเหว่ยเฉียงใช่มั้ยล่ะ? เดี๋ยวพวกเราเอาไปให้เขาเอง สหายหลินไม่ต้องเป็นห่วง" กัวเฉิงหลง ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่จริงใจหลินเสี่ยวเหยาเม้มริมฝีปากแน่น ตอนนี้พวกชาวบ้านเลิกงานเริ่มทยอยออกมาประปราย หญิงสาวไม่กล้าใช้ความรุนแรง ในขณะที่เธอกำลังจะยื้อตะกร้า จ้าวหยวนตงทำท่าจะโน้มตัวลงมาดูของในตะกร้าว่ามีอะไรบ้างทันใดนั้นเธอแกล้งก็ใช้ศอกฟาดเข้าที่ปากของจ้าวหยวนตงอย่างแรงจนชายหนุ่มเซไปข้างหลัง เลือดไหลซิบจากมุมปาก"โอ๊ย!" จ้าวหยวนตงร้องโอดโอย ก่อนจะปล่อยตะกร้าหวายออกจากมือ ชายหนุ่มไม่พอใจกล่าวว่าหญิงสาวตรงหน้าทันที"แกนังตัวดี! แกกล้ามาทำร้ายฉันเหรอ?!"จ้าวหยวนตงตะโกนขึ้นผู้คนรอบข้างเริ่มหยุดชะงัก มองมาที่หลินเสี่ยวเหยาและจ้าวหยวนตงด้วยความตกใจ เสียงโหวกเหวก
หลังจากหลินเสี่ยวเหยาออกจากบ้านลุงเหวินมา หญิงสาวรีบเดินทางกลับบ้านเพราะกลัวน้องชายจะหิ้วท้องรอ เธอก้าวเท้าผ่านแปลงนาด้วยความเร่งรีบ มุ่งหน้ากลับบ้านที่อยู่ติดกับเชิงเขาที่อยู่ท้ายหมู่บ้าน ท่ามกลางดวงอาทิตย์กำลังลาลับขอบฟ้า สายตาของเธอก็เหลือบไปเห็นกลุ่มชายหนุ่มสามคนที่ยืนดักรอเธออยู่"นังตัวดี!" จ้าวหยวนตงตะโกนออกมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธแค้น "ฉันจะแก้แค้นที่แกทำปากฉันแตก! ตอนนี้พวกชาวบ้านต่างก็กลับบ้านไปกันหมดแล้ว ไม่มีใครช่วยเหลือแกได้ ถ้าแกไม่อยากเจ็บตัว ก็นำข้าวของมาให้พวกฉันซะ!" ชายหนุ่มข่มขู่หลินเสี่ยวเหยาทันทีหลินเสี่ยวเหยา กัดฟันกรอด ใบหน้าของเธอแดงก่ำด้วยความโกรธ เธอไม่คิดจะให้ใครมารังแกเธอได้ง่ายๆ หรอก"ไอ้จ้าวหยวนตง แกอย่ามาหาเรื่อง ฉันไม่มีของอะไรจะให้แก" หลินเสี่ยวเหยา ตะโกนโต้กลับไป ด้วยน้ำเสียงโกรธเกรี้ยว"นังนี่มันปากดีจริงๆ พวกเราจัดการสั่งสอนนังผู้หญิงคนนี้กันหน่อย!" จ้าวหยวนตง เรียกเพื่อนสนิททั้งสอง ตรงรี่เข้าหาหลินเสี่ยวเหยา"เฮอะ..ในเมื่อฉันไม่ได้ไปหาเรื่องพวกแก แต่พวกแกกับเสือกหาเรื่องเอง แล้วอย่าหาว่าฉันไม่เตือนละ ถ้าพวกแกแน่จริง ก็เข้ามา" หญิงสาวตะโกน
เช้าวันรุ่งขึ้น หลินเสี่ยวเหยา ตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะโหลสะเหล เธอนอนไม่หลับทั้งคืน ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคุณตัวร้าย ย้ำเตือนความทรงจำเมื่อคืน น้ำเสียงอันทุ่ม นุ่มลึก ของร่างสูงที่บอกว่าเธอ"น่ารัก" ยังคงก้องอยู่ในหูความร้อนผ่าวจากใบหน้าไต่ขึ้นสู่แก้ม แก้มของเธอแดงก่ำขึ้นมาอีกครั้ง เพียงแค่คิดถึงมัน หัวใจของเธอก็เต้นระรัวเมื่อคืนนี้ เธอนอนห้องเดียวกับชายหนุ่ม แม้จะนอนคนละที่กัน แต่ความใกล้ชิดก็เพียงพอที่จะปลุกเร้าจินตนาการของหญิงสาว"โอ๊ย…คุณตัวร้ายแอบคิดอะไรเกินเลยกับเธอหรือเปล่า" เสียงร้องอุทานของเธอแทบจะหลุดออกมา หัวใจเธอเต้นตึกตัก ภาพใบหน้าหล่อเหลาที่ยิ้มกริ่มของพันตรีหนุ่มลอยมาปรากฏในความคิดหลินเสี่ยวเหยาพลิกตัวไปมาบนเสื่อ ด้วยอาการของคนนอนไม่หลับ เธอครุ่นคิดว่าชายหนุ่มกำลังจะจีบเธอหรือเปล่า แต่เธอก็ไม่กล้าคิดเกินเลยไปไกล ทำให้คิดวนเวียนไปมาเธอนอนหลับๆ ตื่นๆ พอรู้ตัวอีกทีเกือบใกล้รุ่งเช้าแล้วคนร่างบางจึงตัดสินใจลุกขึ้นจากที่นอนเดินไปที่ห้องครัว หวังจะดื่มกาแฟร้อนๆ สักแก้ว เพื่อปลุกให้ตัวเองตื่นเต็มตาเช้านี้ อากาศค่อนข้างเย็นสบาย หญิงสาวเดินไปที่เตาฟืน ก่อไฟต้มน้ำร้อน เสียงฟืนที่แ
ณ เมืองจินหลงหวังลี่จู ภรรยา พลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาประจำมณฑลเธอหยิบผลไม้สดๆ อาหารที่ปรุงอย่างพิถีพิถัน และของกินมากมายอย่างข้าวสาร แป้ง และผ้าเนื้อดีบรรจงใส่ลงในตะกร้าสานใบใหญ่"สามี" เธอเอ่ยเรียกชายหนุ่มวัยกลางคนที่นั่งจิบชาอยู่บนเก้าอี้ไม้แกะสลัก "ฉันอยากไปเยี่ยมแม่หนูเสี่ยวเหยาที่หมู่บ้านไป๋เหอ"เฉินกั๋วชิง นิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขากำลังกังวลใจเกี่ยวกับภารกิจสำคัญในการตามหาพันตรีหยาง บุตรชายของท่านจอมพลหยางที่หายตัวไปอย่างลึกลับระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ในเมืองจินหลง เมื่อเขาเห็นภรรยาจะออกไปข้างนอกเมืองผู้เป็นสามีจึงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง"ภรรยาคุณจะไปข้างนอกคนเดียวเหรอครับ?""ไม่ค่ะ ฉันกะว่าจะไปกับจางหยิง"หวังลี่จูตอบพลางยิ้มหวานให้สามี จางหยิง คือคนรับใช้คนสนิทของเธอ ที่คอยดูแลเธอมาตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งสองมีความผูกพันกันมาก เหมือนพี่น้องเฉินกั๋วชิง วางถ้วยชาลงบนโต๊ะ สายตาของเขามองมาที่ภรรยาอย่างอ่อนโยน "ลี่จู คุณอยากไปหาแม่หนูคนนั้นหรือ?""ใช่แล้วค่ะ" ผู้เป็นภรรยาพยักหน้า "แม่หนูเสี่ยวเหยาเธอได้ช่วยชีวิตของฉันไว้จากการหมดสติริมทาง ฉันรู้สึกอยากขอบคุณเด็กสาวคนนั้นมาก แ
หนึ่งอาทิตย์ต่อมา รถไฟขบวนพิเศษจากเมืองหลวงก็แล่นเข้าสู่สถานีรถไฟเมืองจินหลง หยางกั๋วเฉิงและหลิวซิวหยวน พ่อแม่ของหยางเฟิง ย่างก้าวลงจากรถไฟด้วยสีหน้าที่เปี่ยมสุข ท่ามกลางเสียงต้อนรับของลูกชายและลูกสะใภ้ที่มารอรับอย่างพร้อมหน้า"คุณพ่อ คุณแม่" หยางเฟิงโผเข้ากอดพ่อแม่ด้วยความคิดถึง น้ำตาคลอหน่วย "ผมคิดถึงพ่อกับแม่เหลือเกิน""ลูกชายแม่" หลิวซิวหยวนลูบหลังลูกชายเบาๆ ปลอบประโลมด้วยน้ำเสียงอบอุ่น "แม่ก็คิดถึงลูกเหมือนกัน"หยางกั๋วเฉิงยิ้มอย่างภาคภูมิใจ "เจ้าสามแกโตเป็นหนุ่มแล้วนะ แถมยังจะแต่งงานมีครอบครัวอีกต่างหาก""แล้วนี่หลินเสี่ยวเหยา คู่หมั้นของลูก ใช่ไหม?" หลิวซิวหยวนเอ่ยถามพลางมองไปยังหญิงสาวหน้าหวานที่ยืนข้างๆ ลูกชายด้วยสายตาเอ็นดู"สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่ หนูชื่อหลินเสี่ยวเหยาค่ะ" หลินเสี่ยวเหยาโค้งคำนับอย่างนอบน้อม"หนูเสี่ยวเหยา ไม่ต้องมากพิธีหรอก" หยางกั๋วเฉิงยิ้มให้หลินเสี่ยวเหยาอย่างเป็นมิตร "พ่อได้ยินเรื่องของลูกจากเจ้าสามมาเยอะพอสมควร พอได้มาเห็นตัวจริงแล้วน่ารักกว่าที่คิดไว้มาก""จริงสิ พี่ชายคนโตของพ่อกับลูกสะใภ้ก็มาด้วยนะ"
เสียงไซเรนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณโรงแรมหลงหยวนชุน เซียวจิ้งหนานและเจียงเหม่ยหลิงถูกใส่กุญแจมือถูกลากตัวไปขึ้นรถทหาร หยางเฟิงหัวหน้าหน่วยที่ 13 ปาดเหงื่อที่ผุดพรายบนหน้าผาก เขาหันไปสั่งการเจียงเฉินเพื่อนสนิทของเขา"เจียงเฉิน นายรีบพาหลินฮวาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้!" หยางเฟิงสั่งการด้วยน้ำเสียงเข้มเจียงเฉินพยักหน้ารับคำสั่งอย่างรวดเร็ว เขารับร่างบอบบางของหลินฮวาที่หมดสติไปจากหัวหน้าหน่วยอย่างระมัดระวัง ใบหน้าซีดเผือดของหลินฮวามีรอยไหม้จากน้ำกรดปรากฏให้เห็นเป็นบาดแผลที่น่ากลัว ใบหน้าของเธอเสียหายไปทั้งใบหน้า เจียงเฉินกัดฟันแน่น เขาอุ้มหลินฮวาขึ้นรถ รีบบึ่งไปยังโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดทันทีเมื่อไปถึงโรงพยาบาล ทีมแพทย์และพยาบาลต่างก็กรูเข้ามาช่วยเหลือหลินฮวาอย่างเร่งด่วน พวกเขาเข็นเตียงของหลินฮวาเข้าห้องฉุกเฉินทันที เจียงเฉินมองตามร่างของหญิงสาวที่หายลับเข้าไปในห้องฉุกเฉิน"คุณหมอครับ อาการของเธอจะเป็นยังไงบ้างครับ" เจียงเฉินถามคุณหมอเมื่อเห็นทีมแพทย์ออกจากห้องฉุกเฉินมา"อาการของเธอค่อนข้างสาหัส ของเหลวที่เธอได้รับเข้าไปนั้นเป็นกรดที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก ตอนนี้เ
หลังจากได้ข้อมูลทั้งหมดจากหลี่เหว่ยแล้ว หลินเสี่ยวเหยาก็รีบแจ้งหยางเฟิงถึงแผนที่จะไปช่วยลูกชายของหลี่เหว่ยที่บ้านพักตากอากาศชานเมืองจินหลงทันทีหยางเฟิงแสดงสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด "เหยาเหยา เธอแน่ใจนะว่าจะไปเอง? ไม่ให้พี่ไปด้วย"หลินเสี่ยวเหยาส่ายหน้า "ไม่เป็นไรหรอกพี่เฟิง พี่ไปจัดการเรื่องจับกุมเซียวจิ้งหนานเถอะ เรื่องหลี่เหว่ยตงฉันจัดการเองได้" เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น"แต่ว่า..." หยางเฟิงยังคงลังเล"ไม่มีแต่ค่ะ ฉันดูแลตัวเองได้ พี่ไม่ต้องห่วง" หลินเสี่ยวเหยาเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล พร้อมส่งยิ้มหวานละมุนให้คู่หมั้นหนุ่มหยางเฟิงถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงห่วงใย "ก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเหยาเหยาก็ระวังตัวด้วยนะ มีอะไรโทรมาที่ค่ายทหารติดต่อพี่ได้ตลอด"หลินเสี่ยวเหยาพยักหน้ารับคำอย่างว่าง่าย ก่อนจะเอ่ยด้วยน้ำเสียงออดอ้อน "ค่ะ...พี่เฟิง งั้นเดี๋ยวฉันขอยืมรถพี่เฟิงหน่อยนะคะ""เหยาเหยาขับรถเป็นด้วยหรือครับ" หยางเฟิงเอ่ยถามด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นหลินเสี่ยวเหยาขับรถมาก่อน"ฉันขับรถเป็นค่ะ" หลินเสี่ยวเหยากล่าวอย่
แสงอาทิตย์สีทองค่อยๆ ลับหายไปหลังแนวขุนเขา ทิ้งไว้เพียงสีส้มจางๆ ระบายขอบฟ้า แต่แสงนั้นไม่อาจบรรเทาความร้อนรุ่มในใจของเจียงเหม่ยหลิงได้เลยแม้แต่น้อย รถยนต์คันใหญ่เคลื่อนตัวเข้าสู่เมืองจินหลงในยามพลบค่ำ เธอหันไปสั่งคนสนิทเสียงเข้ม"ไปสืบเรื่องหลินฮวาที่ร้านจินหยวนมาให้ฉันเดี๋ยวนี้"รถยนต์ยังคงแล่นไปตามถนนที่คลาคล่ำไปด้วยผู้คนและรถลาก เจียงเหม่ยหลิงมองออกไปนอกหน้าต่าง ทิวทัศน์ที่คุ้นเคยกลับดูหม่นหมองลงในสายตา"นายหญิงครับ" เสียงของลูกน้องคนสนิทดังขึ้น ทำให้เจียงเหม่ยหลิงละสายตาจากภาพด้านนอก"ว่าอย่างไร" เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่แฝงแววเคร่งขรึม"คุณเซียวได้ไถ่ตัวหลินฮวาจากร้านจินหยวนจริงครับ จากการสืบปากคำเจ้าของร้านทำให้ทราบว่าตอนนี้เธอพักอยู่ที่โรงแรมหลงหยวนชุน" ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยรายงานเจียงเหม่ยหลิงกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ความโกรธเกรี้ยวประดุจเปลวไฟลุกโชนขึ้นในอก เธอหวนนึกถึงคำพูดของบรรดาอนุภรรยาของเซียวจิ้งหนานที่คอยพูดจาดูถูกเหยียดหยาม ชอบโอ้อวดเรื่องสามีให้เธอฟัง แม้จะโกรธเพียงใด แต่เจียงเหม่ยหลิงก็รู้ดีว่าเธอต้องอดทน เธอรู้ว
ไม่ถึงสิบนาที ประตูห้องสอบสวนก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างระหงของหลินเสี่ยวเหยาปรากฏขึ้น เธอเดินอย่างสง่าผ่าเผยออกมาจากห้อง ทิ้งให้หลี่เหว่ยจมอยู่กับความคิดอันสับสนวุ่นวายเพียงลำพังทันทีที่ก้าวพ้นประตู หลินเสี่ยวเหยาต้องเผชิญหน้ากับบุรุษสองนายที่ยืนรออยู่ หยางเฟิงในชุดทหารที่ดูสง่างามยืนรออยู่เคียงข้างพลตรีเฉินกั๋วชิง ผู้บังคับบัญชาของเขา ดวงตาคมกริบของหยางเฟิงจับจ้องมาที่หลินเสี่ยวเหยาอย่างร้อนรน ความอยากรู้ฉายชัดอยู่ในแววตา"เหยาเหยา เป็นยังไงบ้าง หลี่เหว่ยมันยอมปริปากหรือยัง?" เสียงทุ้มเข้มของพันตรีหนุ่มดังขึ้น ท่ามกลางความเงียบของทางเดินหลินเสี่ยวเหยาหยุดยืนอยู่หน้าหยางเฟิงและพลตรีเฉินกั๋วชิง เธอสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะตอบ "แน่นอนค่ะว่าหลี่เหว่ยสารภาพ" เธอตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบราวกับกำลังพูดถึงเรื่องดินฟ้าอากาศหยางเฟิงเลิกคิ้วขึ้นด้วยความประหลาดใจ เขาและเหว่ยเจี้ยน ต่างก็เค้นสอบสวนหลี่เหว่ยมาตลอดทั้งอาทิตย์ ใช้ทั้งวิธีข่มขู่และทรมานสารพัด แต่หัวหน้ากลุ่มกบฏก็ยังคงปิดปากเงียบ ไม่ยอมปริปากพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียวแต่หลินเสี่ยวเหยาที่เข้าไปในห้องสืบสวน
ท้องฟ้าเหนือเมืองจินหลงยังคงมืดครึ้ม แม้แสงอาทิตย์แรกของวันใหม่จะเริ่มสาดส่อง ทว่าบรรยากาศในเซฟเฮาส์ลับกลับเย็นเยียบราวกับถูกปกคลุมด้วยเงามืดเซียวจิ้งหนานนั่งนิ่ง สายตาคมกริบจับจ้องไปยังลูกน้องที่ยืนตัวสั่นอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าที่ถึงจะมีอายุเยอะแต่ก็ยังคงความหล่อเหลา บัดนี้ใบหน้าเขากลับบิดเบี้ยวด้วยความโกรธเกรี้ยวเมื่อทุกสิ่งที่เขาได้วางแผนไว้ล้มเหลวไม่เป็นท่า"นายท่านผมมีเรื่องจะแจ้งให้ทราบ ผมได้รับรายงานว่าค่ายของพวกกบฏที่เราสนับสนุนถูกทหารบุกโจมตีตั้งแต่อาทิตย์ที่แล้วครับ" เสียงของลูกน้องรายงานด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ "อาวุธและคนของเราถูกจับยึดไปทั้งหมด...""ว่ายังไงนะ!" เสียงทุ้มต่ำของเซียวจิ้งหนานดังก้องไปทั่วห้องทำงานเมื่อได้ยินข่าวร้าย "ค่ายของเราถูกพวกทหารรัฐบาลบุกโจมตีงั้นเหรอ?"แก้วเหล้าคริสตัลที่บรรจุของเหลวสีอำพันล้ำค่าหลุดร่วงจากมือหนา กระทบกับพื้นหินอ่อนแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ ของเหลวสีทองอร่ามไหลนองไปทั่วพรมเปอร์เซียราคาแพง"ครับนายท่าน" ลูกน้องคนสนิทก้มหน้าลงต่ำด้วยความหวาดกลัว "พวกมันบุกเข้ามาโดยที่เราไม่ทันตั้งตัว ทำให้คนของเราเสียชีวิ
คฤหาสน์ตระกูลเซียว อันโอ่อ่ากว้างใหญ่ ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางเมืองหยวนหลิงเมืองขนาดใหญ่ทางภาคใต้ของประเทศ ภายในห้องโถงใหญ่ ที่ประดับประดาด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แกะสลักลวดลายวิจิตรบรรจง และแจกันดอกเหมยที่ส่งกลิ่นหอมกรุ่น เจียงเหม่ยหลิง ภรรยาหลวงของเซียวจิ้งหนาน เจ้าของคฤหาสน์ กำลังนั่งจิบน้ำชาอย่างสง่างามอยู่บนเก้าอี้ไม้มะฮอกกานีตัวโปรดรอบโต๊ะน้ำชา ยังมีคุณนายอีกสี่คนนั่งอยู่ ได้แก่ ซูหนิง คุณนายรองผู้มีใบหน้าเรียวสวยหวาน ลู่เหยา คุณนายสามผู้มีดวงตากลมโตเป็นประกาย เฉินหง คุณนายสี่ผู้มีผิวขาวผ่องราวกับหยก และคุณนายห้าหยางเหมย บุคลิกเงียบขรึมแต่แฝงไปด้วยความเฉลียวฉลาด บรรยากาศภายในห้องเต็มไปด้วยเสียงพูดคุย"พี่เหม่ยหลิง ฉันเห็นพี่จิ้งหนานซื้อสร้อยไข่มุกเส้นใหม่ให้น้องเหมยเมื่ออาทิตย์ก่อน สวยงามมากเลยนะคะ" ซูหนิงคุณนายรองเอ่ยถึงคุณนายห้าด้วยน้ำเสียงหวานหยด พร้อมกับส่งสายตาเจ้าเล่ห์ไปให้เจียงเหม่ยหลิงผู้เป็นภรรยาหลวงเจียงเหม่ยหลิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "อืม ก็แค่สร้อยไข่มุกธรรมดา ไม่เห็นจะมีอะไรพิเศษเลย""แหม พี่เหม่ยหลิง พูดอย่างน
พลตรีเฉินยืนตระหง่านอยู่เบื้องหน้ากลุ่มทหารที่รายล้อมตัวพวกกบฏเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของเขาในชุดเครื่องแบบสีเขียวเข้มเปรอะเปื้อนไปด้วยฝุ่น ใบหน้ามีรอยย่นใต้หมวกทรงทหารบ่งบอกถึงความเหนื่อยล้าจากการศึกอันยาวนานเบื้องหลังเขาคือกองทหารผู้ภักดีราวหนึ่ง170นาย ทุกคนต่างถืออาวุธคู่กายแน่น มือเปื้อนเลือดจากการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งจบลงไป เหล่าเชลยศึกกว่าเก้าสิบคนที่รอดชีวิตต่างถูกจับมัดรวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ ทุกคนต่างมีใบหน้าซีดเผือดและร่างกายสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว พวกเขาคือกลุ่มกบฏที่พยายามโค่นล้มรัฐบาลและสร้างความวุ่นวายให้แก่ประเทศชาติไม่ไกลจากจุดที่พลตรีเฉินยืนอยู่ ร่างสองร่างที่ถูกจับมัดอย่างแน่นหนาคุกเข่าอยู่บนพื้น จางเหว่ยและหลี่เหว่ย ใบหน้าของทั้งคู่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล"รายงานสถานการณ์มา" พลตรีเฉินสั่งการเสียงเข้มหยางเฟิงก้าวออกมาข้างหน้า "เรียนท่านผู้บังคับบัญชา พวกเราได้ทำการจับกุมหลี่เหว่ย หัวหน้ากลุ่มกบฏ พร้อมพรรคพวกได้สำเร็จในขณะที่พวกมันกำลังหลบหนีออกไปทางด้านหลังค่าย"พลตรีเฉินพยักหน้ารับฟังอย่างตั้งใจ"พวกมันถูกจับโดยหลินเสี่ยวเ
ยามราตรีแผ่คลุมทั่วผืนป่า ท้องฟ้าไร้แสงจันทร์ มีเพียงแสงดาวริบหรี่ส่องประกายอยู่ห่างไกล ท่ามกลางความมืดมิดนั้น กองกำลังทหารกำลังเคลื่อนพลอย่างเงียบเชียบ พวกเขาซ่อนตัวอยู่ตามพุ่มไม้และโขดหิน รอคอยสัญญาณจากผู้นำกลุ่มทันใดนั้น เสียงหวานแต่หนักแน่นก็ดังขึ้นจากวิทยุสื่อสารคู่กายของพันตรีหนุ่ม หยางเฟิง"พี่เฟิง ได้ยินไหม? ฉันเจอคลังอาวุธของพวกกบฏแล้ว เตรียมพร้อมโจมตีได้เลย " เสียงหวานแต่หนักแน่นของหลินเสี่ยวเหยาดังแว่วมาจากในวิทยุสื่อสาร ทำให้บรรยากาศในกองทัพอบอวลไปด้วยความตื่นเต้นหยางเฟิงยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ เขาหันไปพยักหน้าให้เหว่ยเจี้ยน หัวหน้าหน่วยที่ 7 ผู้ที่มีฝีมือการต่อสู้เก่งกาจพอๆ กับเขา เหว่ยเจี้ยนตอบรับด้วยการพยักหน้ากลับอย่างมั่นคง แววตาของทั้งสองเต็มไปด้วยความมุ่งมั่นและความเชื่อมั่นในการทำภารกิจที่จะเกิดขึ้น"ทุกหน่วย เตรียมพร้อม! เราจะบุกโจมตีฐานทัพพวกกบฏในอีกสิบนาทีข้างหน้า" หยางเฟิงออกคำสั่งผ่านวิทยุสื่อสาร น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเด็ดขาดเหล่าทหารหนุ่มคนอื่นๆ ต่างขานรับคำสั่งของหัวหน้ากลุ่มด้วยความพร้อมเพรียง พวกเขาตรวจสอบอาวุธและส