“พี่เซนท์จะพาหนูไปไหนเหรอคะ” โมนิก้ามองแฟนหนุ่มอย่างสงสัย เขาพาเธอออกมาหลังจากจบงาน
“ไปดินเนอร์ครับ” ชายหนุ่มหันมาบอกพร้อมส่งยิ้มไปให้แฟนสาว เซนท์เป็นชื่อที่ท่านแม่ตั้งให้เขา ส่วนเฟลิกซ์เป็นชื่อทางการ เขาชอบให้เธอเรียกเขาด้วยชื่อเล่นที่แม่ตั้งให้มากกว่า วันนี้เขาเลือกที่จะขับรถเองเพราะอยากอยู่กับเธอให้นานที่สุด ก่อนที่เขาต้องออกไปทำสงคราม ใช่แล้ว สงครามระหว่างมหาอำนาจ ที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เพราะมันส่งผลโดยตรงต่อดวงดาวสีน้ำเงินแห่งนี้
“พี่มีอะไรจะบอกหนูมั้ย สีหน้าพี่ไม่ค่อยดีเลย” โมนิก้าจับท่าทางแปลกๆของคนรัก ที่แสดงผ่านทางสีหน้าได้ จึงเอียงคอถาม เพราะปกติเขามีอะไรก็จะบอกเธอ
“พี่แค่คิดว่าเมื่อไรเราจะได้แต่งงาน พี่อยากให้เราอยู่ใกล้กันตลอดเวลา” เฟลิกซ์ยังไม่บอกความจริง แต่สิ่งที่เขาพูดออกไปก็มาจากใจเขาจริงๆเช่นเดียวกัน
“หูย พูดแบบนี้หนูก็เขินแย่สิคะ เดี๋ยวก็เก็บเสื้อผ้าไปอยู่ด้วยเลยนี่” โมนิก้าเขินหน้าเดง ก่อนจะพูดกลบเกลื่อนทีเล่นทีจริง แม้จะเอะใจว่านี่อาจไม่ใช่สาเหตุที่แท้จริง แต่ก็ไม่เป็นไร เธอเชื่อมั่นในตัวเขา เพราะตลอดที่คบกันซึ่งก็ผ่านมา 3 ปีแล้ว คนรักไม่เคยทำให้เธอเสียใจเลย
“หึหึ แบบนั้นก็ดีสิครับ” ชายหนุ่มตอบรับพร้อมส่งยิ้มกรุ้มกริ่มไปให้แฟนสาว จนอีกฝ่ายเม้มปากหันหน้าหนีอย่างเขินอาย
“ถึงแล้วคนสวย ลงมาได้แล้ว” เฟลิกซ์เปิดประตูรถพร้อมจับมือแฟนสาวลงมายังสถานที่พิเศษที่เขาเตรียมไว้ให้
“ที่นี่คือ...” โมนิก้าตาโต มองรอบๆอย่างตะลึง ที่นี่เป็นโดมขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยทุ่งดอกไม้
สวยมาก
“นี่เป็นสถานที่ที่พี่สร้างมันให้หนู ชอบไหม” เฟลิกซ์จับมือแฟนสาวพาเดินไปยังศาลาตรงกลางทุ่งดอกไม้นานาชนิด
“ให้หนูหรอ...” หญิงสาวพูดทวนคำอย่างเหม่อลอย ทึ่งในความสามารถของคนรัก ทั้งที่เป็นดาวสีน้ำเงินที่เธออาศัยอยู่แท้ๆแต่กลับไม่รู้เลยว่ามีสถานที่พิเศษแบบนี้อยู่ด้วย อย่างที่เคยบอกไปด้วยมลพิษทางอากาศทำให้พืชพันธุ์ และอาหารสด เช่น ผักต่างๆมีราคาที่สูงมากเนื่องจากการวิธีการปลูกที่ยาก แต่นี่แฟนของเธอกลับปลูกดอกไม้ให้เธอทั้งสวน
“หึๆ พี่ตั้งใจให้เป็นของขวัญวันครบรอบ 3 ปี ของเรา แต่เกิดความล่าช้านิดหน่อยทำให้เลยวันครบรอบเรามาตั้ง 2 เดือนกับอีก 15 วัน พี่ขอทะ...อุ้บบ” ยังไม่ทันพูดจบหญิงสาวกระโดดกอดชายหนุ่ม เธอรู้ว่าเขากำลังเอ่ยขอโทษ จึงใช้ปากปิดคำพูดอีกฝ่ายไว้ เริ่มแรกเฟลิกซ์ชะงักเล็กน้อยไม่นานก็จับใบหน้าสวยของคนรักให้รับจูบอันร้องแรงจากเขา ทั้งสองแลกลิ้นกันอย่างไม่มีใครยอมใครท่ามกลางดอกไม้ที่ปลิวไสว
ผลัก !
“อะ แฮ่กๆ มะ ไม่ต้องขอโทษเลยค่ะ หนูต่างหากที่ต้องขอบคุณพี่ หนูชอบมาก แฮ่ก ๆ” โมนิก้าผละออกมาเนื่องจากคล้ายกำลังขาดอากาศหายใจ จนแฟนหนุ่มหัวเราะขึ้นมากับท่าทีไร้เดียงดานั่น จูบกันไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วเธอก็ยังแบ่งลมหายใจไม่เป็น จนครูสอนแบบเขาชักอยากดึงปากสีชมพูระเรื่อนั่นมาสอนอีกรอบ
“ครับ ทานข้าวกันเถอะ ก่อนที่พี่จะกินหนูแทน” เฟลิกซ์หันไปส่งสัญญาณให้ลูกน้องที่อยู่ไกลออกไปเนื่องจากไม่อยากขัดจังหวะ ไม่นาน อาหารปรุงสุกหลากหลายก็ทยอยลำเลียงเข้ามา
“พี่เซนท์พูดจาทะลึ่ง !” โมนิก้าแขวะคนรักที่พูดเรื่องนี้ออกมาได้น่าตาเฉย แม้เราจะคบกันมานานแต่มากสุดที่เขาทำก็แค่จับมือ กอดกับจูบ ไม่เคยล่วงเกินโดยที่เธอไม่เต็มใจเลย เป็นสุภาพบุรุษสุดๆ แต่หญิงสาวหารู้ไม่ว่าความคิดของชายหนุ่มที่พยายามข่มไว้ให้ลึกสุดใจทุกครั้งคือเมื่อเข้าใกล้เธอเขาจำเป็นต้องซ่อนอารมณ์ปรารถณาไว้เพราะกลัวกระต่ายน้อยตื่นตกใจกลัว รอเขาจัดการเรื่องทุกอย่างและพอวันแต่งงานมาถึงก่อนเถอะ เขาจะขย้ำให้ไม่เหลือแม้แต่กระดูกเลย หึหึ
“ง่ำๆ”
“อร่อยไหมครับ” เฟลิกซ์ถามหญิงสาวที่เคี้ยวจนแก้มตุ่ยน่าเอ็นดู เหมือนเธอจะหิวมาก
“อร่อยค่ะ เมื่อเช้าหนูได้กินแค่แคปซูลอาหารเอง เพราะตื่นสาย”
“งั้นกินเยอะๆครับ” เฟลิกซ์ตักอาหารที่เธอชอบให้ ซึ่งคนตัวเล็กก็ไม่ปฏิเสธ เขาตักอะไรให้ทานก็ทานจนหมด
“ขอบคุณค่ะ”
“ว่าแต่ที่ตื่นสายไม่ใช่เพราะกำลังสร้างสิ่งประดิษฐ์ใหม่หรอกนะ” ชายหนุ่มเงียบไปสักพัก พอเห็นเธอเริ่มอิ่มจึงเอ่ยถามขึ้น รู้ดีว่าเธอชอบทดลองสร้างสิ่งใหม่ๆ
“พี่เซนท์รู้ใจหนูที่สุด ใช่ค่ะ หนูกำลังสร้างเอไอนักรบ” หญิงสาววางช้อนลงเพราะเธออิ่มแล้ว หญิงสาวจิบน้ำก่อนเริ่มเอ่ยเล่าสิ่งที่เธอกำลังสร้าง อย่างไม่คิดจะปิดบังแฟนหนุ่ม พร้อมบอกสรรพคุณของมันและชายหนุ่มก็เป็นผู้ฟังที่ดี และอดทึ่งในตัวคนรักไม่ได้ ขนาดแค่ฟัง เขายังรับรู้ถึงสิ่งที่เธอกำลังสร้างว่ามันสุดยอดแค่ไหน เมื่อนึกถึงผลลัพธ์หากมันสร้างเสร็จ คงดีไม่น้อยหากมันได้ไปโลดแล่นในสนามรบ จะเป็นประโยชน์อย่างมาก ช่วยให้คนล้มตายน้อยลง
โดยเฉพาะสงครามที่กำลังจะมาถึง
“พี่เซนท์คะ...
“…”
“พี่เซนท์ !!”
“เอ่อ ครับ” ชายหนุ่มหลุดจากภวังค์ความคิดเมื่อได้ยินเสียงหญิงสาวที่บัดนี้กำลังทำแก้มป่องอย่างไม่พอใจ เพราะคิดว่าเขาไม่ฟังสิ่งที่เธอกำลังเล่า
“พี่เหม่ออะไร”
“พี่มีเรื่องให้คิดนิดหน่อย แต่พี่เห็นด้วยกับสิ่งที่หนูกำลังสร้างนะ หากลุงโรเบิร์ตมาได้ยินคงภูมิใจในตัวหนูมาก” เฟลิกซ์เอ่ยในสิ่งที่เขาคิด นั่นทำให้สีหน้าของโมนิก้าดีขึ้น
“คิกๆ ถ้าหนูสร้างเสร็จจะเอาให้พี่กับปะป๊าดูคนแรกๆเลย” หญิงสาวหัวเราะออกมาเมื่อคิดถึงสีหน้าตกตะลึงของคนทั้งสอง เมื่อได้เห็นสิ่งที่เธอสร้าง พลางพูดอย่างมีความสุข ทว่าใจคนฟังกลับห่อเหี่ยว เพราะคิดตรงกันข้าม เขาคงไม่มีโอกาสได้ดูสิ่งประดิษฐ์สุดล้ำนี้คนแรก เพราะไม่มีใครรู้เลยว่าสงครามที่กำลังจะมาถึงนี้จะสิ้นสุดลงเมื่อไร และหากเขาโชคร้ายไม่ได้กลับมา...
เฟลิกซ์รู้นิสัยแฟนสาวดีว่าเธอต้องรอเขา หรืออาจถึงขั้นดื้อดึงขอตามไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นเธอคงจะต้องอยู่ไปกับความเสียใจ น้ำตาของคนรักเป็นสิ่งที่เขาไม่อยากเห็นที่สุดในชีวิต ชายหนุ่มเหม่อมองรอยยิ้มสวยงามของหญิงสาว เธอเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่าน้ำตา
คิดได้แบบนั้นเขาจึงตัดสินใจทำบางอย่าง
“พี่ขอโทษ...”
“ขอโทษทำไมคะ” โมนิก้าที่กำลังยิ้มอยู่ถึงกับหุบยิ้มเมื่อจู่ๆคนรักพูดด้วยสีหน้าจริงจังจนเธองุนงง กับท่าทางที่เปลี่ยนไปของเขา
“สิ่งที่พี่จะทำหลังจากนี้ เมื่อวันหนึ่งหนูรู้ความจริง หนูอาจจะโกรธพี่ แต่ให้รู้ไว้ว่าพี่รักหนูมาก”
“มะ หมายความว่ายังไง” โมนิก้าเริ่มยืนขึ้น ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เธอจะต้องเคลียห์เรื่องที่คนรักปิดบังเอาไว้ให้ได้
“…”
“อาจจะเจ็บหน่อย แต่ตื่นมาก็จะดีขึ้น”
“นี่พี่...อึก !”
ฟุบ
“พี่สัญญาว่าจะกลับมา พร้อมกับความทรงจำระหว่างเรา” ชายหนุ่มรับร่างคนรักที่สลบไปแล้ว เขาจุมพิตครั้งสุดท้ายทั้งน้ำตา ยาที่เขาฉีดให้เธอเป็นยาลบความทรงจำแค่เฉพาะกับเขา เธอจะลืมเลือนเสมือนว่าเขาไม่เคยมีตัวตนในชีวิตเธอมาก่อน หากโชคดี สงครามจบไวเขาสัญญาจะกลับมาขอเธอแต่งงาน ทำให้เธอกลายเป็นเจ้าสาวที่โชคดีที่สุดในโลก
รอหน่อยนะโมนิก้า
2 ปี ต่อมา ตู้ม ตู้ม! “เจ้าชาย ได้โปรดพักเถอะครับ ทางนี้พวกเราจัดการเอง” ทหารนายหนึ่งเอ่ยบอกเจ้าชายแห่งซีอัส ผู้นำทัพในครั้งนี้ ไม่รู้เวลาผ่านมานานเท่าไร แต่ทุกครั้งที่ศัตรูบุก เจ้าชายแทบไม่ได้พักเลย ในห้วงอวกาศมืดมิดเสียจนไม่รู้วันเวลา มีเพียงแสงจากระเบิดสงครามที่ส่องสว่างไปทั่วทุกสารทิศ สาดใส่กันไปมา “เราจะปล่อยให้สู้กันเอง โดยขาดผู้นำได้อย่างไร ส่งข่าวแจ้งทหารคนอื่น หากบาดเจ็บให้กลับไปรักษา ส่วนใครที่ยังไหวขอให้ตามเรามา” เซนท์ หรือเฟลิกซ์ ซัลลิแวน บัดนี้แทบไม่เหลือเคล้าเดิม หน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผล หนวกเคราขึ้นเต็มหน้าเพราะต้องสู้รบอยู่ตลอดเวลาจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ทว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงคือดวงตาสีแดงที่แน่วแน่และไม่สั่นไหว เขารู้ว่าเวลาล่วงเลยไป 2 ปีแล้ว เพราะนับเวลาและเฝ้ารอมันตลอด ให้สงครามที่ยืดเยื้อนี้จบสักที การเริ่มต้นสงครามในรอบหลายสิบปีของจักรวรรดิซีอัสครั้งนี้เกิดจากฝ่ายศัตรู นั่นคือจักรวรรดิไซเนียที่ต้องการสินค้าบางอย่างจากดวงดาวที่จักรวรรดิซีนัสปกครองอยู่ กฏของจักรวาลอย่างแรกจะเป็นการเจรจาก่อน ซึ่งจากการเจรจาทีแรกดู
“หากต้องไปที่โลกนั้นจริงๆ งั้นเราต้องเตรียมพร้อม !” โมนิก้าเมื่อวางสายเสร็จจึงหันมาพูดกับตัวเอง ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนั้นสามารถใส่พวกของสด และของใช้ได้หรือเปล่า คงต้องลองดู หญิงสาวเดินไปชั้นล่างเพื่อหยิบอาหารสดในห้องครัวใส่ลงไปในเจ้าสิ่งนั้น จริงๆเธอคิดว่าแคปซูลอาหารก็น่าจะเพียงพอให้เธอใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสบายไปทั้งชาติ แต่เธอไม่รู้ว่าโลกนั้นเป็นโลกแบบไหน หากหยิบเอาของในปัจจุบันออกมาสุ่มสี่สุ่มหา คนอื่นอาจจะคิดว่าเธอเป็นแม่มดหรือปีศาจ ตามความเชื่อโบราณก็ได้ “ลองหยิบไปทั้งหมดนี่แล้วกัน” ถึงแม้โมนิก้าจะคิดค้นแคปซูลอาหารที่มีสารอาหารครบ และสามารถเก็บไว้ได้นานไม่มีวันหมดอายุได้ แต่เธอก็ยังชอบกินอาหารทำสดใหม่อยู่ดี เพราะแบบนี้ได้รสสัมผัสมากกว่า ทั้งความร้อน หรือความสดใหม่ของผักและความนุ่มของเนื้อสัตว์ หญิงสาวทดลองหยิบของที่มีอยู่ในตู้เย็นทั้งหมดลงในเจ้าสิ่งนั้น วูบบบบ “ว้าววว ใส่เข้ามาได้จริงๆด้วย” โมนิก้ารออยู่ประมาณ 5 นาที ก่อนจะวาบเข้ามา เมื่อมาถึงเธอเหม่อมองสิ่งของที่ลองหยิบใส่เข้ามามั่วๆ พบว่าสิ่งนั้นได้เข้าไปกองอยู่ภายในห้องๆหนึ่งขนาดประมาณ 60 ตา
“อึก ทำไม !!!” โรเบิร์ตโต้ที่ร่างกายเต็มไปเลือด ขาขาดข้างหนึ่งจากแรงกระแทก กระอักเลือดออกมา แรงระเบิดเมื่อครู่ทำให้แอนดริวที่เอาตัวมาบังเสียชีวิตค่าที่ ส่วนเขาที่ได้รับแรงระเบิดน้อยกว่า แต่ก็ต้องเสียขาไป ได้แต่นอนนิ่ง คาดว่าไม่นานความช่วยเหลือน่าจะมา ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ยังคงเงียบ จนมีเสียงเท้าเดินมาทางที่เขานอนอยู่ สายตาพร่ามัวหากพอมองเห็นเบิกกว้างมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ “หึ ๆ ทำไมงั้นหรอโรเบิร์ตโต้ ก็แค่แกขวางทางฉันอยู่” พลเอกอีธานแสยะยิ้มชั่วร้าย เขาอยากฆ่ามันตั้งแต่เมื่อ10 กว่าปีที่แล้ว แม้ตำแหน่งของเขาจะสูงกว่าแต่ใครๆก็รู้กันว่าคนที่ถูกเคารพนับถือและได้รับสายตาชื่นชมจากประชาชนทุกคนคือมัน พ่อของเขาก็มักเปรียบเทียบมาตลอด อีกทั้งยังโดนซ้อมอย่างหนักเมื่อผลงานของเขาสู้มันไม่ได้ แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือขนาดมีลูกสาว ลูกสาวของเขาก็ยังสู้ลูกสาวมันไม่ได้ เพราะลูกสาวของมันคนเดียวที่ทำให้แผนของเขาพังไม่เป็นท่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่เขาอยากจะผูกขาดอุตสาหกรรมของดวงดาวไว้เองแต่เพราะมีนังเด็กนั่นที่ขยันผลิตสิ่งต่างๆออกมาจนคนในดวงดาวไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเขาเหมือนแต
“แม่นางเหมย เบ่งอีกนิดนะ” หมอตำแยบอกหญิงนางหนึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ร้องอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกำลังจะคลอดท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ครืนนน ซ่า “อะ โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน...” “อีกนิดเดียว เด็กกำลังกลับหัว” หมอหญิงวัยชราผู้ทำคลอดเอ่ยบอก มือพยายามบีบนวดหน้าท้องให้เด็กกลับหัว “อึก ขะ ข้าไม่ไหว” “เด็กกลับหัวแล้ว เบ่งอีก” “มะ ไม่ไหว แล้ว ฝะ ฝากลูกข้าด้วย กรี๊ดดดดด” “แม่นางเหมย แม่นาง !!” หมอชราส่งเสียงเรียกหญิงที่ได้เป็นแม่คนแล้วดังลั่น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปหลังเบ่งบุตรสาวออกมา จับชีพจรจึงพบว่าอีกฝ่ายได้เสียชีวิตลงแล้ว จ้องมองเด็กน้อยตัวขาวจ้ำม่ำไม่เหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วยความเศร้าใจ เกิดมาก็กำพร้าแม่เลยหรือนี่ ผ่าง “เมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง !” หลี่เจียหมิง เปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอพรวดพราดเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเมียรัก ทว่ากลับต้องตกตะลึงเมื่อพบร่างขาวซีดของเหมยลี่นอนนิ่ง หันไปหาหมอตำแยเพื่อฟังคำอ
“เงินอันใด ไม่มีหรอกขอรับ” เจียหมิงตอบกลับอย่างเหนื่อยใจ ขนาดแยกบ้านมาแล้วยังมิวายตามมาไถเงินถึงหน้าบ้าน “แล้วแกเอาเงินที่ไหนไปซื้อน้ำนมจากสะใภ้เหลียง มีคนเห็นว่าแกจ่ายไปหลายเหมา” หลี่จ้านหญิงวัยกลางคนยืนชี้นิ้วด่าลูกเลี้ยงเสียงดัง หนอย แล้วบอกไม่มีเงิน ลูกจางหมิ่นของนางไปเห็นมันเอาเงินให้ฝั่งนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางมาขอเงินดีๆจากนังเหมยลี่ แต่นังนั่นกลับปฎิเสธต้องยื้อยุดอยู่นาน นางได้มาเพียงไม่กี่เหมา มาทราบเรื่องภายหลังว่าพอนางกลับไป นังเหมยลี่ก็คลอดทันที มีอย่างที่ไหน นางอุตส่าห์ช่วยเหลือให้ที่ซุกหัวนอนทั้งที่มันไม่มีญาติมิตร ใช้งานนิดๆหน่อยกลับเป็นลมเป็นแล้ง หึ สมน้ำหน้า หมาป่าตาขาว อกตัญญูแบบนี้ก็สมควรตายๆไปซะ “จำเป็นต้องบอกด้วยหรือขอรับ ส่วนเงินนั่นเป็นเงินที่ข้าซื้อน้ำนมให้เหลียนเอ๋อร์” เจียหมิงขมวดคิ้วเริ่มไม่พอใจ แค่เรื่องที่บ้านใหญ่เป็นสาเหตุให้เมียเขาคลอดก่อนกำหนดยังไม่ได้สะสาง เจีงหมิงคิดถึงตอนที่เขาบากหน้าไปขอซื้อนมจากคนในหมู่บ้าน ไม่มีหญิงพึ่งคลอดบุตรคนใด นอกจากสะใภ้เหลียงที่ช่วยเหลือ แต่ด้วยความรู้นิสัยบ้านนั้นดีเลยไม่ได้ขอเปล่า
“มะ หม่ำ” เหลียนฮวาใช้ความพยายามในการออกเสียง นางอยากบอกท่านพ่อเหลือเกินว่ามันกินได้ ดูตรงนู้นนั่นสิมีหัวมันหวานขนาดใหญ่ด้วย นึกพลางน้ำลายไหลย้อยอย่างห้ามไม่อยู่ จะให้ท่านพ่อขุดกลับไปให้หมดเลย “ถึงอย่างไรก็กินไม่ได้ มันมีพิษ” แม้จะดีใจที่บุตรสาวพูดคำอื่นได้บ้างแล้ว แต่พอเห็นดวงตาเป็นประกายของลูกก็ยิ้มระคนเอ็นดูในความช่างจ้อ เอื้อมหยิบผ้าสะอาดในอกมาเช็ดน้ำลาย เอ่ยอธิบายเสมือนเด็กน้อยเข้าใจสิ่งที่พูด หมับ “แอ้ !” เมื่อเห็นบิดากำลังจะเดินไปอีกทางแต่มีหรือที่นางจะยอม คว้าหมับที่คอเสื้อแล้วใช้สายตาออดอ้อนท่าไม้ตาย เบะปาก ส่งตาปริบๆไปให้คนเป็นพ่อใจอ่อน “พ่อไม่เคยชนะเจ้าเลย...” เจียหมิงพูดอย่างปลงๆกับตัวเอง ทำให้ตัวต้นเหตุดีดดิ้นกรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างดีใจ “อ๊ายย คิกๆ” “ลองเก็บกลับมาเพียงนิดเดียว หากลูกเห็นว่ามันกินไม่ได้จริงๆ ต้องยอมให้พ่อเอาไปทิ้งนะ” เจียหมิงเอ่ยพลางใช้กิ่งไม้แข็งแรงแถวนั้นขุดเอาหัวมันขึ้นมาจากใต้ดิน ได้ 2-3 หัวใหญ่ก็พอ “อื้อ !” “อันนั้นด้วยหรือ…” เจียหมิงได้ยินเสียงร้องเรียกข
‘พร้อมครับ’ ทั้งสองตอบพร้อมกัน ก่อนที่เหลียนฮวาจะคิดว่า พวกเขาอยู่ภายในตึก วูบบบบบ ‘ได้จริงๆเจ้านาย ตอนนี้พวกเราอยู่ในตึก !’ บอทเต้พูดอย่างดีใจ พลางมองสำรวจพื้นที่ที่เข้ามาใหม่ พบว่าในตึกว่าห้องแบ่งออกเป็นหลายห้อง แต่ละห้องมีหุ่นยนต์กำลังทำงานของมันอยู่ “ยังเหมือนเดิมสินะ” เหลียนฮวาดีใจไม่แตกต่างกัน อย่างน้อยตึกเอไอจะได้มีคนคอยคุมไม่ให้พวกเอไอสร้างสิ่งของออกมาเกินความจำเป็น ‘เจ้านายจะให้พวกเราช่วยอะไรไหมครับ’ “ฉันฝากพวกนายคุมพวกเจ้าหุ่นยนต์แรงงานพวกนั้นไม่ให้ผลิตของมากเกินไป ฉันกลัวจะล้นคลังเก็บของ” ‘ได้ครับ’ บอทเต้รับคำงานนี้มันถนัด “อ้อ อีกอย่าง ช่วยชงนมให้ฉันหน่อยได้ไหม” เหลียนฮวาพูดอย่างอายๆ ในโลกก่อนเธอโตจนสามารถดูแลตัวเองได้ มาตอนนี้เธอกลับทำอะไรเองไม่ได้เลย นอกจากกินและนอน ‘โรบอทชงเองครับ !’ บอทเต้ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด โรบอทรีบชิงพูดตัดหน้าอย่างตื่นเต้น มันชอบเจ้านายในร่างเด็ก เพราะถูกสร้างมาในขณะที่เจ้านายโตแล้ว ไม่เหมือนบอทเต้ที่พูดจาโอ้อวดมันตลอดตั้งแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมว่าเ
“มากันครบแล้วหรือยัง” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนถามทุกคน วันนี้ชายชรารับหน้าที่เป็นเพียงผู้ดูแลความเรียบร้อย พร้อมอธิบายกฎของหมู่บ้านก่อนการเดินทาง ส่วนเรื่องล่าสัตว์เขาให้บุตรชายนามว่าซูเหวินไปแทน เพราะเรื่องนี้เจ้าตัวถนัดนัก อีกทั้งเขาผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านยังอายุมากแล้ว “ครบแล้วขอรับ” “ดีๆ จากนี้ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย หมู่บ้านเรายังยึดกฎเดิม ห้ามเข้าไปในป่าด้านใน ห้ามให้คนนอกเข้าร่วม เนื้อที่ล่ามาได้แบ่งเท่ากันทุกบ้านที่เข้าร่วม” ชายชราเอ่ยอธิบายกฎการล่าสัตว์ของหมู่บ้าน ที่ต้องพูดก่อนเพราะเหมือนครั้งนี้จะมีหน้าใหม่เข้าร่วมหลายคน เขาจึงได้รับการไหว้วานจากโม่โฉวให้มาช่วยแนะนำเด็กใหม่ “กฎมิให้คนนอกเข้าร่วมมิใช่หรือ” จางหมิ่นหรือลูกเลี้ยงของนางจ้านพูดขึ้นลอยๆ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ เดิมทีต้องเป็นเหยาฉือผู้เป็นผู้นำของบ้านเข้าร่วม ทว่าแม่ของเขายังตึงกับอีกฝ่ายเพราะทะเลาะกันคราก่อนที่เหยาฉือนำไก่เลี้ยงของบ้านไปให้ไอ้คนนอกตระกูล พอมีคนไปบอกที่บ้านว่าจะมีการล่าสัตว์ในวันรุ่งขึ้น อีกทั้งเหยาฉือออกไปทำงานข้างนอกไม่อยู่บ้าน ท่านแม่จึงไ
“อุแว้ อุแว้”“ที่รักเหนื่อยไหม ขอบคุณที่คลอดบุตรให้พี่อีกคนนะ” หยางหลงเช็ดเหงื่อตรงหน้าผากให้คนรักที่หน้าซีดเซียว“ไม่เลยเจ้าค่ะ แค่เห็นหน้าลูกๆกับพี่ ข้าก็หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง” เหลียนฮวาที่มีประสบการณ์จากการคลออบุตรครั้งแรกถึงสองคน ครั้งนี้จึงคลอดง่ายมาก หมอหลวงที่เดินทางจากแคว้นเว่ยโดยเฉพาะอุ้มเด็กน้อยตัวอวบอ้วนเข้ามา“ขอแสดงความยินดีกับชินอ๋องและพระชายา เป็นเด็กทารกเพศชาย ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์เพคะ” หมอหญิงส่งเด็กทารกให้แก่ชินอ๋อง หยางหลงรับมาด้วยความทะนุถนอม“อีกแล้ว ข้าอุ้มท้องเขามา 9 เดือนนะเจ้าคะ” เหลียนฮวาพูดอย่างน้อยใจ เมื่อบุตรลายคนที่สามไม่มีส่วนไหนเหมือนนางเช่นเดียวกัน นี่น้ำเชื้อเขาแรงมากเลยหรือ ลูกออกมาสามคน หน้าตาเหมือนเขาทุกคน“ฮ่าๆ คนที่สี่ต้องเหมือนเจ้าอย่างแน่นอน” หยางหลงพูดด้วยรอยยิ้ม เหลียนฮวาได้แต่อ้าปาก
แคว้นฉินพระราชวัง“ฮื่อ ฮื่อ” เสียงเด็กน้อยร่ำไห้อยู่ข้างเตียงของหญิงนางหนึ่ง“แค่ก ๆ ขะ ข้าไม่น่า คะ คลอดเด็กอย่างเจ้าออกมาเลย” องค์หญิงใหญ่กล่าวด้วยใบหน้าโกรธแค้น ตัวนางซูบผอมเหลือแต่กระดูก อันเนื่องจากคลอดเด็กลูกครึ่งผีดิบที่กัดกินชีวิตนางตั้งแต่อยู่ในครรภ์ นางหวังให้ลูกของนางเติบโตมาแข็งแกร่งเหมือนพ่อ ทว่าเด็กออกมากลับเป็นผู้หญิง นอกจากอ่อนแอแถมยังไร้ประโยชน์ทำไมกันนะ ชีวิตของนางถึงไม่ได้ดั่งใจสักอย่าง ตั้งแต่มีพระสวามี เขาก็ทิ้งนางให้อยู่ท่ามกลางผีดิบ ดีที่ยังมีคนรับใช้หลงเหลือไว้ให้อยู่ แต่รอบตัวก็เต็มไปด้วยผีดิบ ไม่มีใครสามารถออกจากแคว้นได้เลย มีครั้งหนึ่งที่แม่ทัพของเคยคิดออกจากแคว้น ทว่ายังไปได้ไม่ไกล ต่างโดนเหล่าผีดิบเข้ามากัดกินทั้งเป็น หลังจากนั้นก็ไม่มีใครกล้าออกไปนอกแคว้นอีกเลย“ท่างแม่…”“ยะ อย่า แ
4 ปีต่อมา“เสี่ยวชุน เสี่ยวเฉินลงมาจากต้นไม้เดี๋ยวนี้!!” เหลียนฮวาตะโกนบอกบุตรชายตัวแสบวัยสามขวบทั้งสอง อุ้มท้องมา 9 เดือน แต่ไม่มีส่วนใดได้นางมาเลย เด็กๆถอดแบบพี่หยางมาทั้งหมด ชอบปีนต้นไม้เหมือนใครก็ไม่รู้? แถมยังหลบหนีพี่เลี้ยงเก่งเป็นที่หนึ่ง“ปี้ชายลงไปก่อนซี่” เสี่ยวชุนหรือเว่ยชุนหวงเอ่ยบอกพี่ชายที่คลอดก่อนตนเพียง 5 วินาที ร่างกลมป้อมอวบอัด ทว่ากลับว่องไวกว่าคนเป็นพี่บุ้ยปากให้พี่ชายลงจากต้นไม้ก่อน“เจ้าเปงน้องก็ต้องลงก่อง” เสี่ยวเฉินหรือเว่ยเฉินอี้กล่าวบอกผู้เป็นน้อง ทั้งสองเกี่ยงกันลงก่อนเนื่องจากยังดูพวกท่านตาฝึกซ้อมยังไม่เสร็จ“ลง มา พร้อม กัน” เหลียนฮวาจำต้องเน้นเสียงทีล่ะคำบอกบุตรชาย ไม่งั้นก็ยังเกี่ยงกันไม่เลิก บุตรชายของนางทั้งสองชื่นชอบการต่อสู้เป็นพิเศษ หากเห็นทหารหรือบรรดาตาๆตัวเองฝึกก็จะรีบขอตามไปดูอย่างไวพวกเด็กๆจะเรียกพ่อของนางว่าต
“เหนื่อยหรือไม่” หยางหลงเอ่ยถามเจ้าสาวของตนหลังคืนแต่งงานผ่านพ้นไป คนรักที่กลายมาเป็นภรรยาและคู่ชีวิตของเขานับแต่นี้เหลียนฮวานั่งตัวเกร็งอย่างทำอะไรไม่ถูก นางกำลังเผชิญกับคืนเข้าหอเป็นครั้งแรก“…”“เหตุใดไม่คุยกับพี่้เล่า” หยางหลงค่อยๆเปิดผ้าคลุมเจ้าสาวเชยคางมนมาสบตา ทั้งสองสบตากันอย่างลึกซึ้ง“ตะ ต้องดื่มเหล้าก่อนมงคลเจ้าค่ะ” เหลียนฮวาที่ไม่รู้จะหาข้ออ้างอันใดมาเอ่ยจึงมองไปที่กาใส่เหล้ามงคลเอาไว้“จริงสิ เป็นขนบธรรมเนียมของที่นี่” หยางหลงยิ้มกริ่มก่อนจะค่อยๆเทเหล้ามงคลจากกาน้ำสองจอดและยกขึ้นมาถือไว้“ดื่มเถิด” เขายื่นให้คนรักหนึ่งแก้วและถือไว้เองหนึ่งแก้ว ทั้งสองคล้องแขนกันก่อนจะยกขึ้นดื่มพร้อมกัน ทั้งกลิ่นทั้งรสชาติของเหล้ามีความแรงจนเหลียนฮวาต้องนิ่วหน้า นางรีบกลืนภายในอึกเดียว ไม่นานหน้
“ถวายบังคมเสด็จพ่อ” ฮ่องเต้สวรรค์มองบุตรสาวด้วยสายตาไม่พอใจนัก“เจ้ารู้ความผิดที่ก่อหรือไม่เทพธิดาเหมยลี่” น้ำเสียงดังก้องกังวาลไปทั่วชั้นฟ้า“ไม่เพคะ” เทพธิดาเหมยลี่เชิดหน้าไม่ยอมแพ้“เจ้า!!!”“ลูกไม่คิดว่าการที่พวกเรารักกันจะผิดตรงไหน”“แม้จะไม่มีบัญญัติว่าห้ามรักต่างฐานันดร แต่เจ้าก็ทำผิดกฎสวรรค์ เจ้ากำลังตั้งครรภ์!!!” ฮ่องเต้สวรรค์แทบลมจับ สั่งให้ทูตสวรรค์หรือที่เรียกทหารในโลกมนุษย์พาธิดากลับมาและนำไอ้ชายที่มันล่อลวงบุตรสาวของเขามารับโทษ“ตั้งครรภ์ จริงสิ เสด็จพ่อทรงมีหลานแล้วเพคะ นางจะเป็นเทพธิดาตนใดมาเกิดกันนะ” เหมยลี่พูดไปยิ้มไป สายใยแม่ลูกทำให้รู้ว่าในครรภ์ของนางเป็นเพศหญิง พลางลูบหน้าท้องแบนราบของตน“ช่างเรื่องนั้นก่อน เจ้าต้องได้รับโทษ” ฮ่องเต้สวร
“พี่หยาง ผักที่เราปลูกงอกแล้วเจ้าค่ะ” เหลียนฮวากล่าวอย่างตื่นเต้น เป็นล็อตสองที่ทดลองปลูก แถมผักที่ปลูกยังเป็นชนิดใหม่“หืม งอกเร็วมาก ยังไม่ถึงเดือน” หยางหลงรีบเข้ามาดูต้นผักตามคนรักชี้บอก วันนี้พ่อตาและคนอื่นไม่อยู่ต้องไปทำภารกิจ“เพราะดินที่เราหมั่นบำรุงมั้งเจ้าคะ”ฟอดดด“เพราะเราช่วยกันปลูกต่างหาก” ขายหนุ่มแอบหอมแก้มแฟนสาวเร็วๆ แล้วส่งยิ้มกระชากใจหลังจากกลับจากแคว้นเว่ยมีประกาศอย่างเป็นทางการเรื่องว่าที่พระชายาองค์ชายห้า เล่นเป็นข่าวดัง พูดถึงกันอยู่พักใหญ่เพราะว่าที่พระชายาเป็นคนต่างแคว้นแถมยังเป็นสามัญชน ทว่าทั้งคู่กลับไม่มีใครสนใจ พากันเดินทางไปแคว้นจ้าวสลับกับแคว้นเว่ย ไปๆมาๆระหว่างสองแคว้น แถมยังหวานกันยิ่งกว่าเดิม เนื่องจากไม่ต้องปกปิดตัวตนอีกต่อไป“ครั้งหน้าหากผักในโรงปลูกผักโตกว่า
“อื้มม พะ พอก่อนเจ้าค่ะ แฮ่กๆ” เหลียนฮวาหลบชายคนรักที่ตะบมจูบอย่างหื่นกระหาย“เราไม่ได้สกินชิพกันมาหลายวันแล้วนะ” หยางหลงเอ่ยอย่างงอนๆ ไม่ว่าจะเดินไปไหนระหว่างพวกเขามักมีสายตาจับจ้อง ทั้งยังส่งเสียงทักทายมาให้ตลอด พอจะอยู่กันสองคนก็จะมีสายตาจับผิดของพ่อตามองมาอยู่เสมอ ทำให้เขาแทบปลีกตัวอยู่กันสองต่อสองไม่ได้เลย“ก็ใครใช้ให้พี่เป็นคนดังล่ะเจ้าคะ” เหล่าทหารหลายคนที่อยากขับรถแบบเขา จึงพากันเข้ามาพูดคุยขอให้เขาช่วยสอนขับรถ ทั้งยังพูดถึงแต่เรื่องรถ ความชอบของพวกผู้ชายหนีไม่พ้นพวกนี้เลยจริงๆ“พี่สอนพ่อตากับลุงแม่ทัพขับแล้ว พวกเขาไม่ไปถามทั้งสองบ้าง” หยางหลงพูดน้องใจอย่างไม่จริงจังนัก“คิกคิก ก็ไม่มีใครขับได้ผาดโผนเท่าพี่นี่นา” เหลียนฮวาหัวเราะขำ พวกทหารติดใจความเร็วของรถเครื่อง พอกลับไปนั่งรถม้าเริ่มพากันบ่นว่าช้าบ้าง อืดบ้าง ทั้งที่พอนั่งรถเครื่องก็พากัน
ณ พระราชวัง“พวกเจ้าจะทำเช่นนี้กับข้าไม่ได้!!!” จ้าวฮ่องเต้ตะโกนลั่นอย่างไม่พอพระทัย เหล่าแม่ทัพต่างพากันจับกุมเขาและขุนนางฝ่ายสนับสนุน ใช้สายตาไม่พอใจมองไปทางแม่ทัพเลี่ยงจินที่เดิมทีมีหน้าที่ปกป้องเขา แต่กลับเข้าร่วมกับแม่ทัพคนอื่น“ฮ่องเต้ที่ละทิ้งประชาชน มิอาจดำรงอยู่ต่อไปได้หรอกพะย่ะค่ะ” เลี่ยงจินเป็นคนตอบ เขาตัดสินใจได้ทันทีหลังจากได้พูดคุยกับแม่ทัพเป่ยหวงและลู่จือ สิ่งที่แม่ทัพลู่จือพบเจอไม่สมควรเกิดขึ้นอย่างยิ่ง“คะ ใคร ใครรายงานพวกเจ้า ข้าปิดประตูเมืองเพียงแค่รอสถานการณ์คลี่คลายเท่านั้น หากดีขึ้น...”“ฝ่าบาทมั่นใจว่าเป็นเช่นนั้นหรือพะย่ะค่ะ” เหล่าขุนนางที่ส่งจดหมายแจ้งแก่แม่ทัพเป่ยหวง พร้อมทั้งถือหลักฐานเดินเข้ามายังท้องพระโรง“พวกเจ้า ไม่จริง ข้าเพียงแค่ทำตามคำแนะนำของราชครู!!” จ้าวฮ่องเต้ที่เห็นหลักฐานในมือขุนนางกลับทำตาโตกล่าวถึ
“นะ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน ออกไป” เยว่เล่อกล่าวออกมาอย่างสับสนพร้อมสั่งพวกมัน เขามองผีดิบที่พากันรุมเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่สนคำสั่งของเขา“เป็นอะไรไหมขอรับท่านแม่ทัพ”“ฮะ ฮุ่ยหมิง แค่กๆ” เป่ยหวงตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น ฮุ่ยหมิงตัวเป็นๆยืนอยู่ตรงหน้า หรือเป็นเพียงภาพความฝันกันแน่ ทว่าสีตาของเขากลับเหมือนพวกคนคลั่ง“ข้าเองขอรับ” ฮุ่ยหมิงพยุงร่างของแม่ทัพขึ้น คิดว่าจะหนักแต่ผิดคาดตัวของท่านแม่ทัพเบากว่าที่คิด“จะ เจ้าจริงๆหรือ” เป่ยหวงถามขึ้นดวงตาพร่ามัวที่ใกล้จะปิด เขากลัวจะเป็นแค่ความฝันเท่านั้น หากเฟยจินมาอยู่ตรงนี้ด้วยอีกฝ่ายคงดีใจไม่น้อย“ขอรับ” สิ้นสุดคำตอบของเขา เป่ยหวงสลบไปทันที ฮุ่ยหมิงใช้มือเช็คลมหายใจแล้วเป่าปากอย่างโล่งอก โชคดีที่ท่านแม่ทัพสลบไปเท่านั้นผลักก