“อึก ทำไม !!!” โรเบิร์ตโต้ที่ร่างกายเต็มไปเลือด ขาขาดข้างหนึ่งจากแรงกระแทก กระอักเลือดออกมา แรงระเบิดเมื่อครู่ทำให้แอนดริวที่เอาตัวมาบังเสียชีวิตค่าที่ ส่วนเขาที่ได้รับแรงระเบิดน้อยกว่า แต่ก็ต้องเสียขาไป ได้แต่นอนนิ่ง คาดว่าไม่นานความช่วยเหลือน่าจะมา ทว่ารอแล้วรอเล่าก็ยังคงเงียบ จนมีเสียงเท้าเดินมาทางที่เขานอนอยู่ สายตาพร่ามัวหากพอมองเห็นเบิกกว้างมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
“หึ ๆ ทำไมงั้นหรอโรเบิร์ตโต้ ก็แค่แกขวางทางฉันอยู่” พลเอกอีธานแสยะยิ้มชั่วร้าย เขาอยากฆ่ามันตั้งแต่เมื่อ10 กว่าปีที่แล้ว แม้ตำแหน่งของเขาจะสูงกว่าแต่ใครๆก็รู้กันว่าคนที่ถูกเคารพนับถือและได้รับสายตาชื่นชมจากประชาชนทุกคนคือมัน พ่อของเขาก็มักเปรียบเทียบมาตลอด อีกทั้งยังโดนซ้อมอย่างหนักเมื่อผลงานของเขาสู้มันไม่ได้ แต่ที่น่าเจ็บใจที่สุดคือขนาดมีลูกสาว ลูกสาวของเขาก็ยังสู้ลูกสาวมันไม่ได้
เพราะลูกสาวของมันคนเดียวที่ทำให้แผนของเขาพังไม่เป็นท่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทั้งที่เขาอยากจะผูกขาดอุตสาหกรรมของดวงดาวไว้เองแต่เพราะมีนังเด็กนั่นที่ขยันผลิตสิ่งต่างๆออกมาจนคนในดวงดาวไม่จำเป็นต้องพึ่งพาเขาเหมือนแต่ก่อน ไหนจะพ่อของมันที่เป็นตัวเกะกะ จึงหวังว่าสักวันจะฆ่าพ่อลูกคู่นี้ได้และวันนี้ก็มาถึง ส่วนคนลูกเดี๋ยวค่อยไปตามเก็บทีหลัง
“แค่กๆ ทะ ทั้งที่ฉัน นับถือมาตลอด” โรเบิร์ตโต้พอเข้าใจสถานการณ์ว่าตนเองนั้นโดนทรยศจากพลเอกอีธาน แต่พอใช้สายตามองผ่านร่างอีธานไปกลับเจ็บปวดยิ่งกว่าเมื่อลูกน้องในทีมที่อยู่ด้วยกันมานานก็กลายเป็นคนฝั่งนั้น
“ฮ่าๆ เพราะแกมันโง่ ลูกน้องของแกฉันก็แอบซื้อตัวมาหมดแล้ว” อีธานหัวเราะอย่างสะใจที่ได้เห็นหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวดของคนหยิ่งทะนงอย่างโรเบิร์ตโต้
“แค่กๆ”
“ไหนๆจะตายแล้ว ฉันจะบอกอะไรให้ โทษฐานที่แกเข้ามาขัดขวางการทำธุรกิจของฉัน ภรรยาของแกเป็นฉันเองที่ส่งคนไปวางยา ฮ่าๆ” พูดจบพอเห็นสีหน้าอีกฝ่ายก็หัวเราะอย่างสะใจ อีธานได้รับความร่วมมือจากดวงดาวข้างๆที่อยากติดต่อธุรกิจมาค้าฝิ่น และเปิดบ่อนพนันในดวงดาวนี้แลกกับทางเราขายอาวุธที่ลูกสาวโรเบิร์ตโต้คิดค้นขึ้นให้พวกมัน แต่เพราะมีโรเบิร์ตโต้อยู่ เรื่องจึงถูกปัดตกไปทันที ทั้งที่เขามองเห็นหนทางทำเงินให้กับดวงดาว แต่มันกลับขัดขวางทั้งยังปฏิเสธ
อีธานได้ติดต่ออย่างลับๆกับทางนู้นมานาน เมื่อ 20 ปีก่อนเขาได้ส่งหมอตรวจสุขภาพเข้าไปวางยาภรรยาอีกฝ่ายทีละนิด ซึ่งโมอาเรียภรรยาของโรเบิร์ตโต้ที่สุขภาพร่างกายไม่ดีตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว พอได้รับตัวยาไร้สี ไร้กลิ่น ตรวจหายังไงก็ไม่เจอเข้าไป ยังไงก็ยากจะรอด แต่โชคกลับเข้าข้างพวกมันที่สามารถคลอดเด็กทารกเพศหญิงมาได้
“กะ แก แค่ก ๆ” โรเบิร์ตโต้แค้นใจเป็นอย่างมากถึงกับกระอักเลือดออกมา ยิ่งได้รู้สาเหตุที่ภรรยารักเสียชีวิตยิ่งโกรธจัด แต่โกรธตัวเองมากกว่าที่เป็นสาเหตุให้ทั้งภรรยาและคนสนิทต้องมาตายเพราะความไว้ใจคนตรงหน้า อยากจะเข้าไปฆ่าอีธานให้สาสมกับสิ่งที่ทำ แต่สภาพเขาตอนนี้หายใจยังลำบาก
“ลาก่อนนะโรบะ...”
ปัง
[ยืนยันพบเป้าหมาย กำลังเตรียมเข้าช่วยเหลือ] เสียงโรบอทดังขึ้นท่ามกลางสายตาตกใจของทุกคน ตามจริงโรบอทมาถึงได้สักพักแล้ว แต่โมนิก้าที่มองภาพนั้นอยู่สั่งให้โรบอทแอบไว้ ไม่ใช่เธอไม่เป็นห่วงพ่อ แต่เธอรู้อำนาจของอีธานดี หากไม่มีหลักฐานต้องดิ้นหลุดแน่ๆ เธอจึงให้โรบอทบันทึกภาพทุกอย่างเอาไว้ทั้งหมด โมนิก้ามองภาพพ่อของเธอด้วยสายตาเจ็บปวด อยากพุ่งเข้าไปช่วยเหลือด้วยตัวเอง แต่ด้วยระยะเวลาเดินทางไม่เร็วเท่าโรบอทที่มีเครื่องไฮเปอร์โซนิกสามารถเดินทางด้วยความเร็วเหนือเสียง เมื่อได้หลักฐานครบเธอจึงสั่งให้โรบอทลงมือ
ปัง ปัง
“อ๊ากกกก” โรบอทยิงศัตรูทุกคนที่ขวางหน้า คำสั่งของเจ้านายคือฆ่าให้หมด
ฉั้วะ ปัง โรบอทกระโดดหลบกระสุนปืนที่ยิงมาซ้ายขวา ก่อนจะตีลังกาใช้ดาบซึ่งเป็นหนึ่งในอาวุธเข้าฟันคอคนที่เข้ามาขวาง
ปัง
ไม่นานกระสุนนัดสุดท้ายก็จบลงด้วยร่างจมกองเลือดของศัตรูทุกคน ยกเว้นอีธานที่นอนกุมท้องที่โดนยิงไปนัดแรกด้วยสีหน้าตื่นตะลึง ไม่ต่างจากโรเบิร์ตโต้ที่งุนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า ทว่าก็เข้าใจได้ทันทีเมื่อหน้าจอที่เป็นส่วนใบหน้าของเอไอที่เข้ามาช่วยเหลือนั้นปรากฏภาพลูกสาวของเขาขึ้นมา
“ธะ เธอ” เมื่อภาพหน้าของหญิงสาวปรากฏขึ้นพลเอกอีธานก็อุทานอย่างตกใจ
“ฮึก ปะป๊าคะ !” โมนิก้าไม่สนใจเสียงอีธาน เธอตรงเข้าไปร่างของพ่อที่นอนหายใจรวยรินอยู่ทันที ด้วยพิษบาดแผลและการเสียเลือดเป็นจำนวนมากทำให้โรเบิร์ตโต้แทบจะฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว
“มะ โมนิก้า...” โรเบิร์ตโต้เปร่งเสียงเรียกด้วยความยากลำบาก เหม่อมองภาพลูกสาวบนหน้าจอครั้งสุดท้าย น้ำตาลูกผู้ชายไหลลินเมื่อคิดว่าจะไม่ได้มีชีวิตอยู่ดูบุตรสาวในวันแต่งงาน แม้กระทั่งหลานๆในอนาคต แต่ยังไงเขาเชื่อมั่นว่าชายคนนั้นจะไม่ทำให้บุตรสาวเขาเสียใจ
“หนูจะให้โรบอทพาพ่อไปหาหมอ ปะป๊าอดทะ...” โมนิก้าสะอื้นพลางมองสำรวจอาการผู้เป็นพ่อ ไม่ไกลกันมีร่างของแอนดริวนอนเสียชีวิตอยู่ นั่นทำให้มือไม้เธอถึงกับสั่นไปด้วยความกลัว
“มะ ไม่ไหว ละ แล้วลูก ขะ ขอโทษนะ มะ ไม่ได้อยู่ ดะ ดูแล” โรเบิร์ตฝืนยิ้มทั้งที่ร่างกายเต็มไปด้วยเลือด เขาเชื่อว่าในอนาคตบุตรสาวเขาต้องมีความสุข เพราะชายคนนั้นสัญญาไว้แล้ว
“ปะป๊า อดทนอีกนิดนะคะ โรบอทรีบพาปะป๊าไปโรงบาล ฮึก” พูดเสียงสั่นก่อนจะสั่งโรบอท
“ขะ ขอโทษ จริงๆ ระ รักหนูนะ” ในขณะที่โรบอทกำลังอุ้มร่างโรเบิร์ตโต้ขึ้น เสียงพูดสุดท้ายของชายวัยกลางคนที่รู้ตัวว่าไม่ไหวแล้วดังขึ้น พร้อมมือล่วงหล่นบ่งบอกสัญญาณชีพที่หมดไป
“ฮะ ฮึก ฮื่อ ม๊ายยยยยยย!” โมนิก้าที่อยู่อีกด้านตะโกนเสียงดังลั่น น้ำตามากมายหลังไหลออกมาไม่มีทีท่าว่าจะหยุด คำขอโทษที่ได้ยิน วูบหนึ่งที่เธอเหมือนเคยได้ยินจากปากผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อของเธอมาก่อน แต่ไม่ว่าใครคนไหนก็ไม่อยู่กับเธออีกต่อไปแล้ว
1 เดือนต่อมา
“คุณโมนิก้าคะ รู้สึกยังไงกับเรื่องที่เกิดขึ้นคะ” เสียงนักข่าวดังขึ้นท่ามกลางผู้คนที่ยืนไว้อาลัย ทั้งที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าจะไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆทั้งสิ้นแต่กลับมีนักข่าวไร้จรรยาบรรณหลุดเข้ามา โมนิก้าสวมแว่นดำปกปิดรอยแดงช้ำของดวงตา ร่างบางสวมใส่ชุดสีดำไว้ทุกข์
“ลองพ่อคุณเสียดูไหมคะ แล้วดิฉันจะถามว่าคุณรู้สึกยังไง เป็นฉัน ฉันไม่ถามคำถามนี้นะคะ” นักข่าวที่ไม่มีกาลเทศะถึงกับหน้าซีดเผือดเมื่อโดนตอกกลับแบบนั้น
หลังจากวันนั้นโมนิก้าได้นำร่างของพ่อและแอนดริวกลับมาทำพิธีส่งวิญญาณ และฝังร่างของพ่อไว้ใกล้ๆกับร่างของแม่ ส่วนน้าแอนดริวที่เธอเคารพ ไม่มีญาติที่ไหนเธอจึงฝังไว้ในสุสานของครอบครัวเธอไม่ต่างกัน
“หากร่วมไว้อาลัยเสร็จแล้ว รบกวนทุกคนออกไปด้วยค่ะ” โรเบิร์ตโต้และร้อยโทแอนดริวทำคุณงามความดีให้กับประเทศค่อนข้างเยอะ จึงมีผู้คนหลั่งไหลเข้ามาร่วมอาลัยเป็นจำนวนมาก เมื่อเสร็จสิ้นพิธีโมนิก้าจึงอยากให้ทั้งคู่ได้หลับพักผ่อนอย่างมีความสุข
“ปะป๊ะ น้าแอนดริวคะ หนูลากคอคนที่มันทำผิดมาลงโทษได้แล้วนะคะ” เมื่อทุกคนออกไปหมดเหลือแค่เธอที่ยืนอยู่หน้าหลุมศพ ร่างบางได้เอ่ยบอกกับทั้งสอง โมนิก้านำคลิปที่ถ่ายเป็นหลักฐานไว้มาเปิดเผยต่อสื่อทั่วประเทศจนอีกฝ่ายดิ้นไม่หลุด ศาลประเทศจึงตัดสินให้ยิดทรัพย์สินทั้งหมดของพลเอกอีธานและสั่งลงโทษประหารชีวิต
แต่ลูกสาวของอีธานยื่นขออุธรณ์ด้วยคุณความดีที่อีธานเคยทำ ศาลจึงลดเหลือแค่จำคุกตลอดชีวิต ซึ่งโมนิก้าไม่มีทางยอมแน่นอน เธอต่อสู้ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ชีวิตเดียวจะแลกกับสองชีวิตที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติมาตั้งมากมายได้อย่างไร สุดท้ายแล้วศาลจึงตัดสินให้ประหารชีวิตในที่สุด ซึ่งในวันนี้เป็นวันประหารชีวิตของอีกฝ่าย เธอไม่คิดจะไปดู ตายไปก็ไม่มีผลอะไรกับชีวิต ในเมื่อคนที่เธออยากให้อยู่กลับไม่อยู่แล้ว
“ฮะ ฮึก ทุกคนสบายดีไหมคะ ทำไมถึงทิ้งหนูไปหมด ไม่เอาหนูไปด้วย” โมนิก้าตัดพ้อ พยายามเข้มแข็งมาตลอด สุดท้ายน้ำตารินไหลออกมาเป็นสาย หญิงสาวยืนมองป้ายหลุมศพเนิ่นนานจนไม่รู้เลยว่าตอนนี้ฟ้ากำลังเปลี่ยนสี ความมืดเข้าปกคลุม ไม่นานก็เกิดสายฝนตกลงมา คำพูดของมารดาเด้งขึ้นมาในหัว
เปรี้ยง ซ่า
“ฟังแม่ให้ดีนะโมนิก้า ลูกเหลือเวลาในโลกใบนี้ไม่มากแล้ว กลับไปอีกโลกที่ลูกควรจะอยู่ จงดูแลพ่อของลูกและคนในโชคชะตาให้ดี ขอโทษด้วยที่แม่ไม่อาจอยู่ดูแลทั้งสะ…”
“พ่อคะ พ่อเชื่อเรื่องโชคชะตาไหม หนูคิดว่าเราต้องได้พบกันอีก...”
เปรี้ยง !
และนั่นเป็นคำพูดสุดท้ายของโมนิก้า ก่อนที่ร่างบางจะหายไปพร้อมกับสายฟ้าที่ฟาดลงมาตรงจุดที่เธอยืนอยู่พอดี
“แม่นางเหมย เบ่งอีกนิดนะ” หมอตำแยบอกหญิงนางหนึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ร้องอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกำลังจะคลอดท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ครืนนน ซ่า “อะ โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน...” “อีกนิดเดียว เด็กกำลังกลับหัว” หมอหญิงวัยชราผู้ทำคลอดเอ่ยบอก มือพยายามบีบนวดหน้าท้องให้เด็กกลับหัว “อึก ขะ ข้าไม่ไหว” “เด็กกลับหัวแล้ว เบ่งอีก” “มะ ไม่ไหว แล้ว ฝะ ฝากลูกข้าด้วย กรี๊ดดดดด” “แม่นางเหมย แม่นาง !!” หมอชราส่งเสียงเรียกหญิงที่ได้เป็นแม่คนแล้วดังลั่น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปหลังเบ่งบุตรสาวออกมา จับชีพจรจึงพบว่าอีกฝ่ายได้เสียชีวิตลงแล้ว จ้องมองเด็กน้อยตัวขาวจ้ำม่ำไม่เหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วยความเศร้าใจ เกิดมาก็กำพร้าแม่เลยหรือนี่ ผ่าง “เมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง !” หลี่เจียหมิง เปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอพรวดพราดเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเมียรัก ทว่ากลับต้องตกตะลึงเมื่อพบร่างขาวซีดของเหมยลี่นอนนิ่ง หันไปหาหมอตำแยเพื่อฟังคำอ
“เงินอันใด ไม่มีหรอกขอรับ” เจียหมิงตอบกลับอย่างเหนื่อยใจ ขนาดแยกบ้านมาแล้วยังมิวายตามมาไถเงินถึงหน้าบ้าน “แล้วแกเอาเงินที่ไหนไปซื้อน้ำนมจากสะใภ้เหลียง มีคนเห็นว่าแกจ่ายไปหลายเหมา” หลี่จ้านหญิงวัยกลางคนยืนชี้นิ้วด่าลูกเลี้ยงเสียงดัง หนอย แล้วบอกไม่มีเงิน ลูกจางหมิ่นของนางไปเห็นมันเอาเงินให้ฝั่งนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางมาขอเงินดีๆจากนังเหมยลี่ แต่นังนั่นกลับปฎิเสธต้องยื้อยุดอยู่นาน นางได้มาเพียงไม่กี่เหมา มาทราบเรื่องภายหลังว่าพอนางกลับไป นังเหมยลี่ก็คลอดทันที มีอย่างที่ไหน นางอุตส่าห์ช่วยเหลือให้ที่ซุกหัวนอนทั้งที่มันไม่มีญาติมิตร ใช้งานนิดๆหน่อยกลับเป็นลมเป็นแล้ง หึ สมน้ำหน้า หมาป่าตาขาว อกตัญญูแบบนี้ก็สมควรตายๆไปซะ “จำเป็นต้องบอกด้วยหรือขอรับ ส่วนเงินนั่นเป็นเงินที่ข้าซื้อน้ำนมให้เหลียนเอ๋อร์” เจียหมิงขมวดคิ้วเริ่มไม่พอใจ แค่เรื่องที่บ้านใหญ่เป็นสาเหตุให้เมียเขาคลอดก่อนกำหนดยังไม่ได้สะสาง เจีงหมิงคิดถึงตอนที่เขาบากหน้าไปขอซื้อนมจากคนในหมู่บ้าน ไม่มีหญิงพึ่งคลอดบุตรคนใด นอกจากสะใภ้เหลียงที่ช่วยเหลือ แต่ด้วยความรู้นิสัยบ้านนั้นดีเลยไม่ได้ขอเปล่า
“มะ หม่ำ” เหลียนฮวาใช้ความพยายามในการออกเสียง นางอยากบอกท่านพ่อเหลือเกินว่ามันกินได้ ดูตรงนู้นนั่นสิมีหัวมันหวานขนาดใหญ่ด้วย นึกพลางน้ำลายไหลย้อยอย่างห้ามไม่อยู่ จะให้ท่านพ่อขุดกลับไปให้หมดเลย “ถึงอย่างไรก็กินไม่ได้ มันมีพิษ” แม้จะดีใจที่บุตรสาวพูดคำอื่นได้บ้างแล้ว แต่พอเห็นดวงตาเป็นประกายของลูกก็ยิ้มระคนเอ็นดูในความช่างจ้อ เอื้อมหยิบผ้าสะอาดในอกมาเช็ดน้ำลาย เอ่ยอธิบายเสมือนเด็กน้อยเข้าใจสิ่งที่พูด หมับ “แอ้ !” เมื่อเห็นบิดากำลังจะเดินไปอีกทางแต่มีหรือที่นางจะยอม คว้าหมับที่คอเสื้อแล้วใช้สายตาออดอ้อนท่าไม้ตาย เบะปาก ส่งตาปริบๆไปให้คนเป็นพ่อใจอ่อน “พ่อไม่เคยชนะเจ้าเลย...” เจียหมิงพูดอย่างปลงๆกับตัวเอง ทำให้ตัวต้นเหตุดีดดิ้นกรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างดีใจ “อ๊ายย คิกๆ” “ลองเก็บกลับมาเพียงนิดเดียว หากลูกเห็นว่ามันกินไม่ได้จริงๆ ต้องยอมให้พ่อเอาไปทิ้งนะ” เจียหมิงเอ่ยพลางใช้กิ่งไม้แข็งแรงแถวนั้นขุดเอาหัวมันขึ้นมาจากใต้ดิน ได้ 2-3 หัวใหญ่ก็พอ “อื้อ !” “อันนั้นด้วยหรือ…” เจียหมิงได้ยินเสียงร้องเรียกข
‘พร้อมครับ’ ทั้งสองตอบพร้อมกัน ก่อนที่เหลียนฮวาจะคิดว่า พวกเขาอยู่ภายในตึก วูบบบบบ ‘ได้จริงๆเจ้านาย ตอนนี้พวกเราอยู่ในตึก !’ บอทเต้พูดอย่างดีใจ พลางมองสำรวจพื้นที่ที่เข้ามาใหม่ พบว่าในตึกว่าห้องแบ่งออกเป็นหลายห้อง แต่ละห้องมีหุ่นยนต์กำลังทำงานของมันอยู่ “ยังเหมือนเดิมสินะ” เหลียนฮวาดีใจไม่แตกต่างกัน อย่างน้อยตึกเอไอจะได้มีคนคอยคุมไม่ให้พวกเอไอสร้างสิ่งของออกมาเกินความจำเป็น ‘เจ้านายจะให้พวกเราช่วยอะไรไหมครับ’ “ฉันฝากพวกนายคุมพวกเจ้าหุ่นยนต์แรงงานพวกนั้นไม่ให้ผลิตของมากเกินไป ฉันกลัวจะล้นคลังเก็บของ” ‘ได้ครับ’ บอทเต้รับคำงานนี้มันถนัด “อ้อ อีกอย่าง ช่วยชงนมให้ฉันหน่อยได้ไหม” เหลียนฮวาพูดอย่างอายๆ ในโลกก่อนเธอโตจนสามารถดูแลตัวเองได้ มาตอนนี้เธอกลับทำอะไรเองไม่ได้เลย นอกจากกินและนอน ‘โรบอทชงเองครับ !’ บอทเต้ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด โรบอทรีบชิงพูดตัดหน้าอย่างตื่นเต้น มันชอบเจ้านายในร่างเด็ก เพราะถูกสร้างมาในขณะที่เจ้านายโตแล้ว ไม่เหมือนบอทเต้ที่พูดจาโอ้อวดมันตลอดตั้งแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมว่าเ
“มากันครบแล้วหรือยัง” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนถามทุกคน วันนี้ชายชรารับหน้าที่เป็นเพียงผู้ดูแลความเรียบร้อย พร้อมอธิบายกฎของหมู่บ้านก่อนการเดินทาง ส่วนเรื่องล่าสัตว์เขาให้บุตรชายนามว่าซูเหวินไปแทน เพราะเรื่องนี้เจ้าตัวถนัดนัก อีกทั้งเขาผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านยังอายุมากแล้ว “ครบแล้วขอรับ” “ดีๆ จากนี้ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย หมู่บ้านเรายังยึดกฎเดิม ห้ามเข้าไปในป่าด้านใน ห้ามให้คนนอกเข้าร่วม เนื้อที่ล่ามาได้แบ่งเท่ากันทุกบ้านที่เข้าร่วม” ชายชราเอ่ยอธิบายกฎการล่าสัตว์ของหมู่บ้าน ที่ต้องพูดก่อนเพราะเหมือนครั้งนี้จะมีหน้าใหม่เข้าร่วมหลายคน เขาจึงได้รับการไหว้วานจากโม่โฉวให้มาช่วยแนะนำเด็กใหม่ “กฎมิให้คนนอกเข้าร่วมมิใช่หรือ” จางหมิ่นหรือลูกเลี้ยงของนางจ้านพูดขึ้นลอยๆ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ เดิมทีต้องเป็นเหยาฉือผู้เป็นผู้นำของบ้านเข้าร่วม ทว่าแม่ของเขายังตึงกับอีกฝ่ายเพราะทะเลาะกันคราก่อนที่เหยาฉือนำไก่เลี้ยงของบ้านไปให้ไอ้คนนอกตระกูล พอมีคนไปบอกที่บ้านว่าจะมีการล่าสัตว์ในวันรุ่งขึ้น อีกทั้งเหยาฉือออกไปทำงานข้างนอกไม่อยู่บ้าน ท่านแม่จึงไ
“เราพบซากสัตว์นอนตายอยู่” เมื่อมาถึงชาวบ้านคนเดิมได้ชี้ให้ดูจุดที่พวกเขาเห็น “แย่ล่ะ ศพพวกมันคล้ายโดนตัวอะไรกัดกิน” โม่โฉวอึ้งกับภาพตรงหน้า มองซากสัตว์ที่กำลังนอนตายเกลื่อน สภาพทุกตัวมีบาดแผลเหวอะหวะจากการฉีกกระชาก จนเห็นเครื่องในไหลออกมา ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วป่า จากเลือดที่ยังสดอยู่ น่าจะตายได้ไม่นานนัก คล้ายเจ้าสัตว์ตัวต้นเหตุต้องการเพียงล่าเท่านั้น ที่คิดว่าเป็นสัตว์เพราะมีรอยเขี้ยวฝังบนร่างของสัตว์ที่นอนตายอยู่ อวัยวะภายในยังอยู่ครบ ไม่มีร่องรอยถูกกินแม้แต่น้อย สัตว์ชนิดใดหนอช่างฆ่าได้โหดเหี้ยมยิ่งนัก ไม่แน่มันอาจจะยังไปไหนได้ไม่ไกล ชายวัยกลางคนวิเคราะห์ มองเห็นชาวบ้านบางคนกำลังอาเจียนอยู่ แม้โม่โฉวที่ล่าสัตว์ตั้งแต่เด็กจนคิดว่าตัวเองนั้นชินกับภาพแบบนี้แล้ว ก็ยังมีอาการผะอืดผะอม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นสัตว์ที่ล่าได้น่ากลัวขนาดนี้ เพราะตามวิสัยพวกมันจะล่าแค่พอกินสำหรับฝูงมันเท่านั้น ไม่ใช่ล่าแล้วปล่อยร่างทิ้งไว้ จนเป็นภาพสยดสยองดั่งเบื้องหน้า “ระ เราจะทำอย่างไรต่อดี ขะ ขอรับ” ชาวบ้านอีกคนพูดตะกุกตะกัก หวาดกลัวไม่ต่างจากคนอื่น
“ฮ่าๆ ฤดูหนาวนี้เรารอดแล้วๆ” โม่โฉวหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อกลุ่มพวกเขาล่าสัตว์ได้หลายตัว มีทั้งหมูป่า กวาง และกระต่ายป่า เห็นทีวันนี้ทุกคนจะได้ส่วนแบ่งเพียงพอต่อฤดูหนาวแน่ “พวกเรากลับกันเถอะขอรับ ข้าว่าสัตว์ป่าแถวนี้เริ่มหายไปแล้ว” เจียหมิงมองรอบๆ แล้วเอ่ยเตือน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี อีกทั้งยังเป็นห่วงบุตรสาว ไม่รู้นางเป็นอย่างไรบ้าง จะงอแงหรือไม่ “ได้ๆ วันนี้ต้องยกความดีความชอบให้เจ้ากับซูเหวินเลยนะ นอกจากจะล่ากันเองได้หลายตัวแล้ว ยังพาพวกเรามาชี้จุดสัตว์ป่าอีก” แม้จะเอ่ยขอบคุณไปก่อนหน้าแล้วแต่โม่โฉวก็รู้ว่าไม่อาจมองข้ามสิ่งที่ทั้งสองทำ “เราล่าต่อกันอีกดีกว่า ยังมีสัตว์บางตัวหลงเหลืออยู่…” จางหมิ่นพูดขึ้น มองสัตว์ที่ทุกคนล่าได้สายตาเต็มไปด้วยความโลภ แม้เขาจะไม่ได้ช่วยล่า แต่ก็อยู่ในกลุ่มการล่าครั้งนี้ อย่างไรส่วนนึงก็ต้องเป็นของเขา จางหมิ่นตะล่อมให้ทุกคนอยู่ต่อ จนลืมว่าก่อนหน้าพวกเขาไปเจอกับอะไรมา โดยไม่ฟังคำเตือนของเจียหมิง “หากฟ้ามืดลงแล้วเกิดมีใครได้รับอันตรายขึ้นมา เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ” เจียหมิงพูดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง
“มะ ไม่จริงใช่ไหม” ซูเหวินคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นพลันน้ำตาไหล มันหลอกพวกเขาว่าวิ่งตามหลัง แท้จริงแล้วกลับวิ่งไปดักด้านหน้า ตอนนี้ชาวบ้านคนอื่นๆคง... “เราไม่ได้ยินเสียงร้อง อาจจะเป็นเลือดของสัตว์ตัวอื่นก็ได้” โม่โฉวกำหมัดแน่น รู้สึกสะเทือนใจเมื่อตอนที่เห็นเลือดก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น เนื่องจากทิศทางที่มันยืนอยู่เป็นทางที่ชาวบ้านวิ่งไป แต่ยังฝืนเปล่งเสียงพูดเพื่อปลอบใจทุกคนรวมถึงตนเอง โฮกกก เจ้าสัตว์ประหลาดคำรามลั่น มันมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งที่มันชอบคือเหยื่อที่เป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ทำให้มันต้องมีสภาพแบบนี้... เดิมทีมันเป็นสิงโต ได้ตายลงไปแล้วจากการล่าของพวกทหารชั่ว ทว่าคนที่พวกมนุษย์เรียกว่าหมอผีกลับชุบชีวิตมันกลับมา และทดลองกับร่างกายนี้สารพัด ถลกหนัง ผ่าร่าง เอาเขาของสัตว์ชนิดอื่นมาเย็บติดกับหัว ศักดิ์ศรีเจ้าป่าที่มันทะนงตัวมาตลอดไม่มีเหลือ มัน
ศตวรรษ 3053“สังหารมันซะ” เซนท์ หรือเฟลิกซ์ ซัลลิแวนสั่งเสียงเหี้ยม ดวงตาสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์นิ่งเฉยแม้จะสั่งฆ่าคนเวลาผ่านไปอีก 1 ปี นับจากที่ลุงโรเบิร์ต บิดาของคนรักได้ส่งอาวุธมาให้ หลังจากนั้นเขาได้ทำสงครามกับจักรวรรดิไซเนียอย่างเต็มกำลัง ข่าวคราวจากโลกสีน้ำเงินขาดหายไปถ้านับระยะเวลาทั้งหมดก็เป็นเวลา 1 ปี แล้ว คล้ายขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิง วันเวลาผันผ่านไปช่างยาวนานสำหรับเขา วันแล้ววันเล่าที่รอเวลากลับไปหาคนรักชายหนุ่มจับจี้เรืองแสงที่ใส่ไว้ติดตัวตลอดซึ่งเป็นของสำคัญที่เขาต้องนำไปคืนคนรัก รวมถึงแหวนตกทอดของเสด็จแม่ที่ท่านให้ไว้ก่อนสวรรคต เพื่อนำไปมอบให้เจ้าของของมัน และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง สงครามจบลงโดยที่จักรวรรดิซีอัสเป็นฝ่ายชนะสงครามโดยเขากำลังสั่งให้ทหารลงมือสังหารจักรพรรดิของไซเนียและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ แม้จะชดเชยให้กับทหารที่เสียไปไม่ได้ก็ตาม“ระ เรามาเจรจากันดีหรือไม่” เสียงสั่นกลัวพยายามเรียกร้องการเจรจา“ไม่จำเป็น”
“ฮึก ฮึก” เจียวลู่หลังจากกลับจากร่ำลาพี่ใหญ่และทุกคน แอบมานั่งร้องไห้หลังครัวคนเดียว จุดเดิมที่เขาเคยนั่งกินปลาที่พี่ใหญ่แอบย่างให้กิน เขาคิดถึงพี่ใหญ่ พี่ใหญ่เป็นคนเดียวที่ดีกับเจียวลู่จากใจจริงในบ้านหลังนี้เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เจียวลู่แอบไปได้ยินว่าจางหมิ่นติดเงินพนันในตอนที่พวกผู้คุมบ่อนมาตามทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเจียวลู่และจางหมิ่น เจียวลู่จึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมด และโดนจางหมิ่นขู่ว่าถ้านำเรื่องไปบอกใครจะจัดการเขา เด็กน้อยที่กลัวว่าจะโดนพี่สามตี จึงปิดปากเงียบ วันต่อมาจางหมิ่นตัดสินใจขอเงินนางจ้านโดยอ้างว่านำไปลงทุน นางจ้านที่เห็นดีเห็นงามกับบุตรชายให้เงินที่พึ่งได้รับมาหมาดๆไปทั้งหมด เรื่องราวเหมือนจะจบลงแค่ตรงนั้นทว่าผ่านไปเกือบเดือนจางหมิ่นกลับไปเล่นพนันอีก จนกระทั่งพวกคุมบ่อนตามมาทวงอีกรอบ คราวนี้เรื่องเลยแดงขึ้น เนื่องจากตอนนั้นทุกคนอยู่บ้านกันหมด ยกเว้นเหยาฉือที่โดนนางจ้านไล่ออกจากบ้านไปแล้ว ด้วยเงินที่ค้างไว้หลายเหรียญเงิน พวกเขาไม่สามารถหามาจ่ายได้ พวกคุมบ่อนเลยจะ
“ขะ ข้าขอเวลาอีกนิด เงินจำนวนนี้ข้าต้องแบ่งจ่ายให้กับพนักงาน” เถ้าแก่ใช้จุดบอดตอนหันหลังให้พวกมัน รีบยื่นตั๋วเงิน พร้อมรับค่าธรรมเนียมมาอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวออกไปนับตั้งแต่โดนเจ้าถิ่นเข้ามาหาเรื่อง ยอดลูกค้าก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด กำไรที่ได้ก็ต้องแบ่งจ่ายให้พวกมัน ทำให้บางครั้งต้องติดค่าแรงพนักงานไว้ ผัดผ่อนหลายครั้ง ควักเงินส่วนตัวออกมาจ่ายก็หลายหน จะแจ้งทางการก็กลัวอิทธิพลของพวกมันชายชราอย่างเขาทำการค้าแลกเปลี่ยนตั๋วเงินด้วยความสุจริตมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เกรงว่าจะนำความเดือดร้อนไปสู่ลูกหลาน พวกเขาออกเรือน แยกย้ายไปสร้างครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่มีคนหนุนหลัง มีแต่สองมือที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนต่อกรกับคนเลวพวกนี้ได้ นอกจากกล้ำกลืนฝืนทนจ่ายให้จบๆ“เห็นพวกข้าเป็นคนการกุศลงั้นรึ จ่ายมาเร็วๆ!!!” ชายร่างสูงใหญ่ตะคอกเสียงดัง มันไม่สนเหตุผล ข้ออ้างร้อยแปดอะไรทั้งนั้น วันนี้ต้องได้เงินกลับไปมอบให้กับนายท่าน“คนอย่างพวกเจ้ารู้จักคำว่ากุศลด้วยรึ” เจียหมิงตัดสินใจโพล่งออกไป แม้จะดูเสียมารยาท แต่อดไ
“อาหย่อยยยย” เหลียนฮวาตะโกนด้วยความสุขใจ จับแก้มกลมหลับตาพริ้ม ลิ้มรสอาหารที่ท่านพ่อท่านลุงผลัดกันป้อน โรงเตี๊ยมแห่งนี้อาหารช่างเป็นเลิศ นางมองอาหารหลายจานที่ทยอยนำมาเสิร์ฟ อาหารปรุงสุกอย่างไรก็ดีกว่าอาหารสำเร็จรูปแบบในโลกก่อนนางอยู่แล้ว เสียดายบอทเต้กับโรบอทไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ถ้าทั้งสองได้มาชิมคงจะคิดไม่ต่างกัน“โรบอทแค่เห็นเจ้านายกินก็มีความสุขแล้วขอรับ” เสียงแว่วของโรบอทดังผ่านความคิด ส่วนบอทเต้ไปปฏิบัติภารกิจที่นายท่านมอบหมายไว้อยู่ ท่านพ่อบอกว่าพวกเราไม่ต้องกลัวสายตาสงสัยของคนในหมู่บ้านอีกแล้ว สามารถใช้เงินที่หามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนท่านลุงเองก็มีเงินเก็บเยอะขึ้น เพราะไม่ต้องมีปลิงคอยสูบเงินแถมยังออกล่าสัตว์เกือบทุกวันกับท่านพ่อ นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริมเป็นนายหน้านำของในมิตินางไปขาย นางแบ่งปันเงินแต่ล่ะส่วนที่ได้มาให้เท่ากันทุกคนทุกวันนี้ในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ท่านพ่อซื้อให้ยังนอนอยู่ในมิติ ซึ่งเต็มไปด้วยเหรียญหนักอึ้งจนยกไม่ไหว ต้องให้พ่อกับลุงช่วยยก หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราจะไปโรงเตี๊ยมสำหรับแลกเงินกันต
“ว้าว คนเยอะมักเจ้าก่ะ” เมื่อมาถึง ทั้งสามคนตื่นเต้น มองผู้คนในเมืองหลวงที่แต่งตัวดูดี พ่อค้าแม่ค้าข้างทาง ของขายมีเยอะจนเลือกไม่ถูก หลายคนดูเหมือนมาจากตระกูลชนชั้นสูงรถม้ามีตราสัญลักษณ์เฉพาะตระกูลวิ่งขวักไขว่ไปมา“เหลียนเอ๋อร์อยู่ใกล้ๆพ่อกับลุงเจ้าไว้นะ” เจียหมิงที่ลายตา เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี คล้ายบ้านนอกเข้ากรุงอย่างไงอย่างงั้น“จะ เจียหมิงเราจะไปทางไหนดี” เหยาฉือสับสน ไม่เคยมาเมืองหลวงมาก่อน“อืม ข้าก็ไม่แน่ใจ คิดว่าเราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” เจียหมิงก็ใช่ว่าจะรู้ทาง เขาพาทุกคนสุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเจอร้านอาหารค่อยแวะปรึกษากันอีกครั้ง “เดี๋ยว พวกเจ้าจะเข้ามาในร้านไม่ได้” ในที่สุดพวกเขาก็เจอโรงเตี๊ยมอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่ง ตัดสินใจพากันเดินเข้าไปหาอะไรกิน ทว่าหญิงที่คาดว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์เอ่ยดักทั้งสามไว้ สายตาดูถูกมองผู้มาใหม่หัวจรดเท้า แอบชะงักชั่วครู่เมื่อกี้นางรู้สึกได้ถึงสายตากดดันจากเด็กน้อย แต่สลัดความคิดลง สงสัยจะตาฝาดไปเอง“เอ่อ ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือขอรับ” เจียหมิงถามอย่างสงสัย ไม่
“เก็บของเสร็จหรือยัง” และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป โรบอทกับบอทเต้ได้ฝึกและให้ความรู้แก่นายท่านพวกมันจนมั่นใจว่าวิชาที่มอบให้จะช่วยให้พวกเขาชนะศัตรูได้ ทั้งดาบ ธนู หอก ปืน หน้าไม้ โรบอทรับหน้าที่ฝึกให้จนชำนาญ ส่วนบอทเต้ได้มอบความรู้ด้านกลยุทธ์ แผนการและวิธีทำอาวุธใช้เอง ไม่เว้นแม้แต่ตัวอักษรของโลกใบนี้บอทเต้ก็สามารถสอนได้บัดนี้นับว่าท่านพ่อและท่านลุงของนางพร้อมสำหรับการรบแล้ว ทุกวันพวกเขาจะฝึกกันถึง 3 รอบ บริเวณหลังบ้าน เพื่อไม่ให้ใครเห็น เรียกว่าเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมานี้แทบไม่มีใครเห็นตัวท่านพ่อกับท่านลุง เนื่องจากเก็บตัวเงียบ ส่วนนางก็ไม่ออกไปเล่นที่ไหน แม้เสี่ยวหยวนจะมาชวนหลายครั้งเหลียนฮวาที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าหนาๆคล้ายเสี่ยวเหมา แก้มแดงปลั่งเพราะอากาศหนาว นางสะพายกระเป๋าผ้าที่มีเสบียงของตัวเองไว้ด้านหลัง ส่วนท่านพ่อท่านลุงมีจำพวกของใช้ เสื้อผ้าในถุงผ้าขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน“เสดแย้ว” เหลียนฮวาชูมืออย่างดีใจ เหมือนได้ออกไปผจญภัยกับทุกคน โรบอทกับบอทเต้นางให้เข้าไปในมิติแล้ว เกรงว่าถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะพากันตกใจ แล้วแห่มาบ้านนางไม
“แฮ่กๆ ละ ลุงต้องทำ อะ อีกกี่ครั้ง” หลี่เหยาฉือเหงื่อเปียกชุ่มเอ่ยถามหลานสาวเสียงหอบ เสื้อผ้าของเจียหมิงที่ใส่อยู่แนบลู่ติดไปกับตัว หลานสาวปลุกเขาตั้งแต่เช้าให้มาทำท่าแปลกๆที่เรียกว่าออกกำลังกาย“อีกยี่สิบครั้งเจ้าก่ะ ห้ามหยุดน้า” เหลียนฮวาให้ท่านลุงของนางทำท่าซิทอัพเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ท่าต่อไปต้องเพิ่มกล้ามแขน ส่วนท่านพ่อของนางทำครบแล้ว เพราะลดเหลือวันละเซ็ต ตอนนี้น่าจะไปส่งจดหมายให้ทางการอยู่“อ่า ฮึบ แฮ่กๆ”“18 19 20 เย้ ท่างยุงเก่งที่สุด แปะๆ” เด็กน้อยกะโดดโลดเต้นผิดกับเทรนเนอร์สุดโหดเมื่อสักครู่“แฮ่กๆ ท่าต่อไป จัดมาเลย ลุงไหว” เหยาฉือที่บ้ายอ พอโดนหลานชมเก่งที่สุดก็มีแรงฮึดสู้ ไม่หวั่นแม้จะเหนื่อยแค่ไหน เข้าทางเด็กน้อยที่รอคำนี้อยู่แล้ว เวลาหนึ่งเดือนท่านพ่อและท่านลุงของนางต้องมีซิกแพ็ค เฮ้ย มีกล้ามเนื้อ แข็งแรงพอที่จะจับปืน จับดาบต่อสู้กับพวกศัตรูได้อย่างไม่แพ้ใคร ครึ่งเดือนผ่านไปเคล้ง เคล้ง! “ย๊า เจียหมิง เจ้าอย่าได้ออมแรง” เสียงชายผิ
“ท่างป้อ ท่างยุง” เหลียนฮวาที่ตื่นนอนนานแล้ว ลุกมาพับที่นอน ใช้ฝักบัวน้อยๆรดน้ำผักรอท่านพ่อ พอได้ยินเสียงก็รีบวางทุกอย่างลงวิ่งดุกดิกเข้ามาหา พอเห็นว่าลุงมาด้วยก็ร้องเรียกอย่างดีใจ นางขมวดคิ้วมองสภาพของลุงที่เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นเล็กน้อย ตรงหน้าท้องมีรอยเท้าชัดเจน ใครบังอาจทำท่านลุงของนาง หลงลืมเรื่องที่ตัวเองต้องไปอยู่กับท่านลุงยามพ่อไปรบชั่วขณะ “เหลียนเอ๋อร์หลานลุง” หลี่เหยาฉืมองหลานแสนรักด้วยความคิดถึง “เกิดเยื่องไรเจ้ากะ ครายทามยุง” “เข้าบ้านกันก่อนสองลุงหลาน เราค่อยมาปรึกษาเรื่องนี้กันอีกที” เจียหมิงเรียกทุกคนไปคุยในบ้าน ก่อนที่เขาจะเปรยเรื่องขึ้นมา “แล้วเจ้าจะเอาอย่างไรต่อเจียหมิง” เหยาฉือถามหลังจากพวกเขานั่งพูดคุย โดยมีเจ้าตัวน้อยตั้งใจฟังด้วย เด็กน้อยขมวดคิ้วไม่พอใจยามได้ยินเรื่องราวของท่านลุง หนอย ยายเฒ่ามหาภัย บังอาจทำร้ายท่านลุง แค้นนี้สักวันเหลียนเอ๋อร์จะชำระให้เอง “ข้าคิดมาสักแล้วว่าจะลองส่งเรื่องร้องขอทางการ หากพวกเขาไม่เห็นด้วย ข้าจะหาทางทำทุกอย่า
“นี่ๆ เจ้าได้ยินประกาศหรือยัง” เสียงซุบซิบนินทาดังไปทั่ว หลังมีประกาศเป็นราชโองการออกมา นั่นหมายถึงไม่มีใครสามารถขัดได้ ชาวบ้านหลายคนพากันร้องห่มร้องไห้ ตีระฆังร้องทุกข์ ขอคัดค้าน เนื่องจากในบ้านมีเสาหลักเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว หากต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ชีวิตคนที่เหลือต้องพบเจอความยากลำบาก บางบ้านมีบุตรชายหลายคน เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ถึงขั้นต่อยตีกันเสียงดังว่าใครจะเป็นคนไป บางบ้านมีลูกรักลูกชัง การเลือกจึงไม่ใช่เรื่องยากเสียงคร่ำครวญยังดังต่อเนื่อง ชาวบ้านหลายคนสีหน้าอมทุกข์ นับตั้งแต่มีประกาศออกมา เหยาฉือและเจียมิงก็กำลังเผชิญปัญหานั้นเช่นเดียวกัน “ป้อจ๋า นุจะไปด้วย” เหลียนฮวาเบะปากน้ำตาซึม หลังท่านพ่อจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร นางได้ยินคนคุยกันว่าจะต้องส่งไปครอบครับละหนึ่งคน ซึ่งพวกเราแยกบ้านออกมาแล้ว ดังนั้นท่านพ่อต้องเข้าร่วมกองทัพอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าสิ่งที่ทำให้นางร้อนใจยิ่งกว่าคือการที่ท่านพ่อตัดสินใจจะพานางไปฝากเลี้ยงไว้กับบ้านเดิม“พ่อขอโทษเหลียนเอ๋อร์ แต่กองทัพอันตรายเกินไป พ่อพาลูกไปด้วยไม่ได้” เจีย