หน้าหลัก / รักโบราณ / ดอกบัวในสงคราม / ตอนที่ 12 สัตว์ประหลาด

แชร์

ตอนที่ 12 สัตว์ประหลาด

ผู้เขียน: ดุจเพชร
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-23 22:05:04

   

          “ฮ่าๆ ฤดูหนาวนี้เรารอดแล้วๆ” โม่โฉวหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อกลุ่มพวกเขาล่าสัตว์ได้หลายตัว มีทั้งหมูป่า กวาง และกระต่ายป่า เห็นทีวันนี้ทุกคนจะได้ส่วนแบ่งเพียงพอต่อฤดูหนาวแน่

          “พวกเรากลับกันเถอะขอรับ ข้าว่าสัตว์ป่าแถวนี้เริ่มหายไปแล้ว” เจียหมิงมองรอบๆ แล้วเอ่ยเตือน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี อีกทั้งยังเป็นห่วงบุตรสาว ไม่รู้นางเป็นอย่างไรบ้าง จะงอแงหรือไม่

          “ได้ๆ วันนี้ต้องยกความดีความชอบให้เจ้ากับซูเหวินเลยนะ นอกจากจะล่ากันเองได้หลายตัวแล้ว ยังพาพวกเรามาชี้จุดสัตว์ป่าอีก” แม้จะเอ่ยขอบคุณไปก่อนหน้าแล้วแต่โม่โฉวก็รู้ว่าไม่อาจมองข้ามสิ่งที่ทั้งสองทำ

          “เราล่าต่อกันอีกดีกว่า ยังมีสัตว์บางตัวหลงเหลืออยู่…” จางหมิ่นพูดขึ้น มองสัตว์ที่ทุกคนล่าได้สายตาเต็มไปด้วยความโลภ แม้เขาจะไม่ได้ช่วยล่า แต่ก็อยู่ในกลุ่มการล่าครั้งนี้ อย่างไรส่วนนึงก็ต้องเป็นของเขา จางหมิ่นตะล่อมให้ทุกคนอยู่ต่อ จนลืมว่าก่อนหน้าพวกเขาไปเจอกับอะไรมา โดยไม่ฟังคำเตือนของเจียหมิง

          “หากฟ้ามืดลงแล้วเกิดมีใครได้รับอันตรายขึ้นมา เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ” เจียหมิงพูดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง

          “ละ แล้วมีโอกาสแบบนี้บ่อยๆเสียทีไหน ข้าก็แค่อยากให้ทุกคนล่าได้มากขึ้น” จางหมิ่นเถียงกลับอย่างไม่ยอมแพ้ หวังพูดให้ชาวบ้านคนอื่นคล้อยตาม แท้จริงแล้วไม่ได้สนใจว่าคนอื่นจะได้มากน้อยแค่ไหน สนใจเพียงวันนี้ตนเองจะได้ส่วนแบ่งเนื้อเป็นจำนวนที่มากโข 

          “แต่ว่า…” โม่โฉวเห็นด้วยกับเจียหมิงเพราะหากช้ากว่านี้ท้องฟ้าจะมืดลง อีกทั้งพวกเขายังไม่เคยล่ากันดึกขนาดนี้มาก่อน แต่ก่อนจะได้พูดอะไรนั้น

          “ข้าเห็นด้วยกับจางหมิ่นนะขอรับ อย่างไรเสียสัตว์ก็เหลือเพียงไม่กี่ตัว หลังจากนี้ไม่รู้เมื่อไรที่เราจะได้กลับมาล่าอีก” ชายคนหนึ่งพูดขึ้น พอเข้าฤดูหนาว สัตว์ส่วนใหญ่จะจำศีล จึงอยากกักตุนเสบียงให้ได้มากที่สุด ด้วยความที่ชาวบ้านส่วนใหญ่มีฐานะยากจน เนื้อสัตว์จึงเป็นอะไรที่พวกเขาแทบไม่เคยได้แตะ ชาวบ้านส่วนใหญ่จึงหวังว่าการล่าครั้งนี้จะได้เนื้อสัตว์มากักตุนในฤดูหนาวที่กำลังจะมาถึง

          ไม่ได้มีโอกาสง่ายๆที่สัตว์จะอยู่รวมกันให้ล่าอย่างเช่นวันนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงสนับสนุนความคิดของจางหมิ่น แม้จะรู้ว่าหากฟ้าเริ่มมืดมิดอาจเป็นอันตราย แต่ก็อยากลองเสี่ยงดู 

          “ใช่ๆ เราล่าต่ออีกสักนิดเถอะ” พอเริ่มมีคนออกความเห็น ชาวบ้านคนอื่นๆจึงเริ่มคิดและคล้อยตาม โม่โฉวได้แต่ทำหน้าอึกอัก ครั้นจะเอ่ยห้ามปราม เจียหมิงก็ส่ายหน้าปฏิเสธ เพราะเสียงส่วนมากบอกให้อยู่ต่อ สุดท้ายพวกเขาจึงล่าสัตว์ต่อแม้จะเป็นเวลาพลบค่ำ  ท่ามกลางสีหน้าเยาะเย้ยของจางหมิ่นที่ส่งมาให้

          อีกด้าน

          “อื้อ” 

          “ท่านแม่ เจ้าก้องตื่นแย้วขอยับ !” เสี่ยวหยวนหรือโม่หยวนที่นอนเล่นข้างๆกันตะโกนเรียกมารดาตามคำสั่งก่อนหน้าว่าหากนางตื่นให้ตะโกนเรียกดังๆ

          เมื่อเช้าเด็กน้อยเห็นมารดาอุ้มเด็กทารกมาให้ดู พร้อมแนะนำว่าเป็นเพื่อนใหม่ ชื่อเหลียนฮวา ตอนนี้ยังเดินไม่ได้ ทว่าสิ่งที่ดึงดูดสายตากลับเป็นแก้มกลมๆนั่น ชั่งคล้ายลูกซาลาเปาที่เสี่ยวหยวนชอบกิน เด็กน้อยจึงเรียกเพื่อนใหม่ว่าเจ้าก้อน

          “ตื่นแล้วหรือเหลียนเอ๋อร์”  สะใภ้โม่เข้ามาดูบุตรสาวของเจียหมิงที่ฝากนางเลี้ยงไว้ เด็กน้อยช่างเลี้ยงง่าย กินง่ายเหลือเกิน นางให้ดื่มนมจากขวดไม่นานก็หลับ ตื่นอีกทีช่วงบ่าย ตื่นมาก็ชะง้อคอมองคาดว่าน่าจะมองหาผู้เป็นพ่อ จนนางต้องเอ่ยบอกว่ายังไม่กลับ ปกติกลุ่มชาวบ้านเวลาออกไปล่าสัตว์จะกลับช่วงเย็นๆ พอนางบอกไปแบบนั้นเด็กน้อยก็หดคอมามองนางคล้ายฟังรู้เรื่อง เล่นเอาใจแทบสลายไปกับความน่ารักนี้ นึกอยากเอ่ยปากขอบุตรสาวคนอื่นมาเลี้ยงเป็นครั้งแรกเลย

          “แอ้” เด็กน้อยมองซ้าย มองขวาหาผู้เป็นพ่อ เพราะคิดว่านี่น่าจะเย็น ได้เวลาพ่อกลับมาแล้ว

          “เฮ้อ ยังไม่กลับกันเลย นี่ก็เย็นแล้ว” สะใภ้โม่ส่ายหน้า สายตาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด เมื่อกี้นางก็ออกไปคุยกับสะใภ้บ้านอื่นมา ทุกคนต่างห่วงสามีตนเอง เพราะไม่เคยกลับช้าแบบนี้

          จะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเขาไหมนะ

          “ฟู่ว สุดท้ายก็มืดจนได้” ซูเหวินเป่าปากพ่นไอเย็น กอดตัวเองเพราะความหนาว ความมืดมิดคืบคลาน ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็เจอแต่ป่า ถ้าไม่ได้แสงจากคบไฟต้องหลงทางเป็นแน่

          “หึ ไม่พอใจหรือที่ชาวบ้านทุกคนเชื่อข้า” จางหมิ่นได้โอกาสตีเนียนมาเดินข้างๆ ถือหางว่าคนส่วนใหญ่เข้าข้างตนเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ย แต่สายตากลับมองไปยังเจียหมิง   

          “เจ้าอย่าหาเรื่องไปหน่อยเลย อย่าคิดว่าคนส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเจ้า แล้วพวกข้าจะต้องเห็นด้วย” ซูเหวินตอบกลับไป ส่วนเจียหมิงนั้นมัวแต่สนใจป่ารอบๆเพราะมันเงียบมาก ไม่มีแม้แต่เสียงร้องของสัตว์

          “แต่ทุกคนก็ฟังข้ามะ...”

          “เงียบ !” จู่ๆเจียหมิงที่มองไปยังป่าด้านหลังที่พวกเขาเดินแล้วพบถึงสิ่งปกติ พูดบอกให้ทั้งสองเงียบ จนทั้งคู่ชะงักเพราะไม่เคยได้ยินเจียหมิงใช้น้ำเสียงเช่นนี้มาก่อน

          “จะ เจีย…” ซูเหวินถึงกับต้องเรียกชื่อเพื่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายทำตัวแปลกไป

          “มีบางอย่างกำลังมา”  เจียหมิงกลับยกมือไว้บนริมฝีปาก เพื่อบอกให้เงียบลง นั่นทำให้ทุกคนที่ได้ยินถึงกับมองไปที่เจียหมิงอย่างสงสัย พลันความเงียบเข้าครอบคลุม รู้สึกได้ถึงบรรยากาศที่เย็นยะเยือก

          ครืดดด ครืดดดดด

          “นะ นั่นเสียง…” 

          “หากข้าให้สัญญาณ ทุกคนวิ่งให้ไวเลยนะขอรับ” เจียหมิงพูดเบาราวกับกระซิบ ทว่าเสียงของชายหนุ่มกลับดังก้องในหูทุกคนที่กำลังใจเต้นด้วยความกลัว

          ฟึบบ

          “วิ่ง!!” เจียหมิงขว้างไฟในมือไปยังด้านหลังเพื่อดูว่ามันคือตัวอะไรกันแน่ หากว่าเมื่อหันกลับไปต้องตะลึงกับภาพที่เห็น สัตว์สี่ขาหน้าตาน่ากลัว ขนของมันคล้ายโดนถลกไปจนเห็นผิวเนื้อที่เต็มไปด้วยเลือด มีเขายาวสองข้าง ไม่ใช่เขาไม่กลัวแต่พราะเขานึกถึงบุตรสาว ทำให้มีความกล้าเพิ่มมากขึ้น จนเผลอสบตากับดวงตาสีแดงอำมหิตของมัน  พอกระทบกับแสงไฟที่สาดส่องทำให้ยิ่งดูน่ากลัวขึ้นไปอีก มันจ้องมองพวกเขาไม่ต่างจากเหยื่อตาไม่กระพริบ เสียงลากเมื่อกี้คงเป็นร่างกวางที่มันคาบอยู่ครูดไปกับพื้น ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเห็นสัตว์ชนิดนี้มาก่อน

          นี่มันสัตว์ประหลาดอะไรกัน....

          “โฮกกก” สัตว์ทดลองเมื่อเห็นเหยื่อของมันกำลังวิ่งหนี จึงร้องคำรามดังลั่น มันทิ้งร่างในปาก ถ้าเขาไม่ได้ดูผิดไประหว่างสบตาเหมือนมันจะชะงักเพียงครู่เดียวก่อนจะวิ่งไล่ตามมาด้วย มันคงมองเห็นในช่วงเวลากลางคืนเป็นอย่างดี 

          “อ๊ะ หมูป่าของข้า !” จางหมิ่นที่ยังห่วงสัตว์ที่ล่ามาได้ ถึงกับร้องขึ้นเมื่อพวกเขาไม่สามารถวิ่งโดยแบกร่างของมัน ชาวบ้านบางคนจึงได้โยนร่างหมูป่าทิ้งไป 

          “ไม่ต้องสนใจ รักษาชีวิตตัวเองไว้ก่อน” เจียหมิงเรียกสติ พร้อมกับดึงแขนจางหมิ่นให้วิ่งไปด้วยกัน ทว่าอีกฝ่ายกลับสะบัดทิ้ง เข้าไปลากร่างหมูป่าอย่างบ้าคลั่ง

          “เจียหมิงหยุดทำไมหรือ” ซูเหวินเห็นเพื่อนหยุดวิ่ง ได้เอ่ยถาม เมื่อมองไปด้านหลังก็เห็นชายหนุ่มกำลังช่วยจางหมิ่นลากหมูบ้านอย่างเป็นเอาตาย เขาจึงตัดสินใจวิ่งเข้าไปช่วยอีกแรงพร้อมกับลุงโม่ที่เห็นเหมือนกัน

          ตุ้บ ตุ้บ เสียงทุกคนช่วยกันแบกร่างหมูป่าพร้อมกับวิ่งไปด้วย จนกลุ่มพวกเขาอยู่รั้งท้าย ทว่าวิ่งไปด้วยแบกไปด้วยได้ไม่นานทุกคนก็เริ่มหมดแรง

          “แฮ่กๆ มันยังตามมาอยู่ไหม” ซูเหวินที่เหนื่อยหอบถึงกับนอนแผ่หลาหมดแรง

          “แฮ่ก น่าจะไม่แล้ว” โม่โฉวที่สภาพไม่ต่างกัน เมื่อไม่ได้ยินเสียงอะไรตามมา จึงเอ่ยตอบไป

          “มะ มันคือตัวอะไรกันแน่” เมื่อได้พักสักครู่ ซูเหวินหันมาถามเพื่อนที่ทำหน้านิ่ง ตอนเจียหมิงขว้างไฟไปด้านหลังเขาไม่แม้แต่จะกล้ามอง ทำได้เพียงออกตัววิ่งตามคำสั่ง 

          “มันคือสัตว์ประหลาด” เจียหมิงที่ตอนนี้ไม่มีอาการเหนื่อยหอบ จะมีเพียงเหงื่อที่ไหล เขาไม่รู้จะให้นิยามของมันว่าอะไรนอกจากคำนี้

          “สัตว์ประหลาด!!” ทั้งสามได้ยินถึงกับอุทานอย่างไม่เชื่อหู

          “จะ เจ้ากลัวจนเบลอแล้วหรือ จะเป็นไปได้อย่างไร” จางหมิ่นเอ่ยเสียงสั่น เพราะเขาก็ไม่กล้ามองไปด้านหลังเช่นเดียวกัน 

         “จริงหรือเจียหมิง” โม่โฉวที่ไม่แสดงอาการใดๆเอ่ยถามย้ำเจียหมิงอีกรอบ โดยปกติแล้วนิสัยของชายคนนี้เป็นคนไม่โกหก จึงไม่มีอะไรให้ต้องไม่เชื่อ

         “ขอรับ”  เจียหมิงตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจัง

         “เราต้องรีบกลับไปยังหมู่บ้าน เพื่อแจ้งทางการ” โม่โฉวบอกทุกคน ไม่รู้ว่าชาวบ้านคนอื่นๆจะถึงหมู่บ้านแล้วหรือยัง เพราะวิ่งนำพวกเขาไปก่อนแล้ว

         “ข้าก็คิดเช่นเดียวกันขอรับ”  ภูเขาแห่งนี้อยู่ใกล้กับหลายหมู่บ้านด้วยกัน จะให้สัตว์ประหลาดหลุดออกไปไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ไม่สมควรได้รับอันตรายจากมันทั้งนั้น เจียหมิงคิด 

         “งั้นเรา…” ก่อนที่ทุกคนจะได้ตัดสินใจเดินทางต่อ จู่ๆเจ้าสัตว์ประหลาดก็มาโผล่ทางด้านหน้าพวกเขาเงียบๆ ทำเอาทุกคนชะงักงัน จางหมิ่นถึงกับสั่นกลัวจนฉี่ราด ก้าวขาไม่ออกเมื่อมองเห็นมันชัดๆ เขาเชื่อแล้วว่าสัตว์ประหลาดมีอยู่จริง เพราะไม่มีคำไหนที่จะบ่งบอกถึงมันได้เท่าคำนี้แล้ว

         แฮร่

         แสงไฟจากคบไฟที่โม่โฉวถืออยู่ ทำให้ทุกคนเห็นภาพเลือดที่ยังสดใหม่หยดลงจากปากของมัน 

         เลือดยังสด...

         อย่าบอกนะ !

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 13 ตัดสินใจ

    “มะ ไม่จริงใช่ไหม” ซูเหวินคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นพลันน้ำตาไหล มันหลอกพวกเขาว่าวิ่งตามหลัง แท้จริงแล้วกลับวิ่งไปดักด้านหน้า ตอนนี้ชาวบ้านคนอื่นๆคง... “เราไม่ได้ยินเสียงร้อง อาจจะเป็นเลือดของสัตว์ตัวอื่นก็ได้” โม่โฉวกำหมัดแน่น รู้สึกสะเทือนใจเมื่อตอนที่เห็นเลือดก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น เนื่องจากทิศทางที่มันยืนอยู่เป็นทางที่ชาวบ้านวิ่งไป แต่ยังฝืนเปล่งเสียงพูดเพื่อปลอบใจทุกคนรวมถึงตนเอง โฮกกก เจ้าสัตว์ประหลาดคำรามลั่น มันมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งที่มันชอบคือเหยื่อที่เป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ทำให้มันต้องมีสภาพแบบนี้... เดิมทีมันเป็นสิงโต ได้ตายลงไปแล้วจากการล่าของพวกทหารชั่ว ทว่าคนที่พวกมนุษย์เรียกว่าหมอผีกลับชุบชีวิตมันกลับมา และทดลองกับร่างกายนี้สารพัด ถลกหนัง ผ่าร่าง เอาเขาของสัตว์ชนิดอื่นมาเย็บติดกับหัว ศักดิ์ศรีเจ้าป่าที่มันทะนงตัวมาตลอดไม่มีเหลือ มัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 14 ร่องรอย

    “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นสัตว์ประหลาด” เจ้าหน้าที่ทางการสอบถามชายวัยกลางคนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พลางมองบรรยากาศรอบๆที่วุ่นวายไม่น้อย สภาพชาวบ้านบางคนที่ยังขวัญเสีย บางคนกำลังถูกรักษาโดยหมอที่โดนเรียกตัวมากะทันหัน สังเกตจากบาดแผลแล้วน่าจะเป็นสัตว์ร้ายมากกว่า “ขะ ขอรับ แม้พวกข้าจะเห็นไม่ชัด ตะ แต่มันเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ” โม่โฉวอธิบายเสียงสั่น หวนนึกถึงตอนเจอกับเจ้าสัตว์ที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว กลิ่นเหม็นคล้ายซากศพแล้วใจเต้นด้วยความหวาดกลัว ทว่าภายในใจก็อยากให้ทางการรีบไปช่วยเจียหมิงเร็วๆ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร เขากับซูเหวินพากันหามจางหมิ่นมาถึงหมู่บ้าน พบว่ามีชาวบ้านบางคนมาถึงก่อนได้ไม่นาน สภาพร่างกายหลายคนเต็มไปด้วยบาดแผล เขาจึงสั่งให้ชาวบ้านรีบไปตามหมอกับทางการมา ท่ามกลางความตกใจและแตกตื่นของคนในหมู่บ้านที่เหลือ “เราไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ทั้งยังมืดนัก หากสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป เจ้าหน้าที่อาจเป็นอันตราย” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดอย่างมีเหตุผล ทว่าสายตากลับแอบเหลือบมองไปยังชายสวมหมวก ร่างกายสูงใหญ่ มีกลิ่นอายน่ายำเกรงอย่างหวั่นๆตลอดเวลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 15 สอบสวน

    “แอ้ แอ้” แปะ แปะ “อึก โอ้ย” เจียหมิงเริ่มรู้สึกตัวเพราะอาการเจ็บบาดแผล เขาค่อยๆลืมตา ภาพเลือนรางค่อยๆแจ่มจัดขึ้น นี่เขากลับมานอนบ้านแล้วหรือนี่ “แอ้” “เหลียนเอ๋อร์ลูกพ่อ” มองก้อนซาลาเปากลมๆที่ขดตัวอยู่ในอ้อมอกเขา ความรู้สึกเจ็บจิ๊ดก่อนลืมตาคงเป็นเพราะนางอยากปลุกเขาให้รู้สึกตัว พลันกระชับอ้อมกอดด้วยความคิดถึง เกือบไม่ได้กลับมาหาบุตรสาวแล้ว สำรวจร่างกายตัวเองพบว่าบาดแผลได้ถูกรักษาแถมยังพันผ้าบริเวณบาดแผลไว้เกือบทั้งตัว ความรู้สึกเจ็บแล่นทั่วร่างแต่เขาทำได้แค่อดทนไว้ บุตรสาวเขาฉลาดเกินวัยนัก ไม่อยากให้นางเห็นภาพอันน่าอนาจ “ตื่นแล้วหรือเจียหมิง” “ลุงโม่” เจ้าของชื่อพยายามลุกขึ้น ทว่ากลับโดนเสียงห้ามปรามจากอีกฝ่าย “เจ้าควรพักผ่อน ข้าจะไปจัดการเรื่องที่เหลือต่อสักหน่อย” โม่โฉวเพียงอยากเข้ามาให้เห็นกับตาว่าชายหนุ่มไม่เป็นอะไรเท่านั้น เขายังมีเรื่องต้องจัดการอีกมากโข ทั้งเรื่องศพ เรื่องครอบครัวผู้เสียชีวิต มองดูชายหนุ่มเห็นว่ารู้สึกตัวดีก็ทำท่าจะเดินออกไป “ดะ เดี๋ยวขอรับ แล้ว...” “ข้ารู้ว่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 16 รีดไถ

    หลายวันต่อมา หลังจากทางการนำประกาศห้ามขึ้นภูเขามาติดไว้ลานกลางหมู่บ้าน มีชาวบ้านหลายคนออกมาประท้วงเนื่องจากหลายครอบครัวมีฐานะยากจน อยู่ได้ด้วยการหาของป่า ทว่าผู้นำหมู่บ้านซึ่งได้รับมอบหมายจากทางการก็ไม่ทำให้ผิดหวัง รับหน้าที่ในการแจ้งข่าวและลงชื่อแจกจ่ายเบี้ยเลี้ยงสำหรับทุกครัวเรือน ครัวละ 50 เหรียญทองแดง ซึ่งเป็นจำนวนที่เยอะมากสำหรับครอบครัวชาวบ้านทั่วไป เงินจำนวนนี้หากใช้อย่างประหยัด ครอบครัวหนึ่งสามารถอยู่ได้หลายเดือนเลยทีเดียว นับว่าท่านเจ้าหน้าที่ทางการมีเมตตายิ่งที่แจกจ่ายเงินจำนวนนี้ให้กับหมู่บ้านบริเวณรอบๆภูเขาทุกครัวเรือนอย่างไม่มีตกหล่น สถานการณ์จึงคลี่คลายลงได้อย่างรวดเร็ว ด้วยเงินจำนวนไม่น้อยนี้ บางครอบครับจึงรีบมุ่งหน้าซื้อของที่ตลาดมากักตุนเอาไว้ เนื่องจากไม่อยากถือเป็นเหรียญเงินที่เสี่ยงต่อการขโมยได้ง่าย บางบ้านถึงกับต้องปิดตัวเงียบเพื่อที่ไม่ให้เป็นที่โดดเด่น โดยเฉพาะพวกโจรที่หวังจะมาปล้น “เปิดประตู!!” ทว่านั่นไม่ใช่กับบ้านของเจียหมิงที่มีเสียงโหวกเวกโวยวายหลายเค่อดังไม่ลดละที่หน้าบ้านราวกับมีเรื่องคอขาดบาดตาย “เจ้าหมาป่าตาขาวข้าบอกให้

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 17 นางไม่ได้อ้วน!

    หลังจากคุยกับพวกบอทเต้เสร็จ ก็ถึงเวลาตื่นนอนพอดี เธอลืมตาตื่นพบว่าท่านพ่อนอนหลับข้างๆ ด้วยความอ่อนเพลีย ไม่อยากรบกวนจึงเรียกขวดนมที่โรบอทชงให้ออกมาจากมิติ นอนดูดมองนั่นนี่ไปเรื่อย สักพักท่านพ่อก็ตื่น “หืม ตื่นแล้วหรือลูก” “แอ้ บา บู้” เจียหมิงสะลึมสะลือหลังจากตื่นขึ้น เขาสะดุ้งตื่นหลังกินยาที่ท่านหมอให้แล้วเผลอหลับไป มองบุตรสาวที่นอนอารมณ์ดี ใช้มือป้อมสั้นทั้งสองข้างประคองขวดนม ส่วนขาอวบๆยกไขว่ห้างสบายใจ เจียหมิงขยี้ตา มองภาพนั้นนิ่งงัน บุตรสาวฉลาดเกินวัยนัก ทั้งกินนมเอง ไหนจะท่านอนที่ไม่เหมาะกับกุลสตรีนั่นอีก ว่าแต่เขาชงนมทิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อไร สงสัยช่วงนี้กินยาที่มีฤทธิ์ทำให้ง่วงซึม สมองเบลอ หลงลืมไปชั่วขณะ “แอ้ ปะ ปา” เหลียนฮวาเห็นท่านพ่อตื่นขึ้นมา จะเอาขวดนมที่กินอยู่เก็บก็ไม่ทันเสียแล้ว ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย หากท่านพ่อจับได้เธอจะเปิดเผยความจริง แม้จะพูดไม่ได้ก็เถอะ ทว่าดูเหมือนเธอจะดูถูกความหลงลูกสาวของท่านพ่อน้อยไป นอกจากจะไม่สงสัยแล้ว ยังเอ่ยชมเสียยกใหญ่ ตัวแค่นี้รู้จักหยิบนมกินเอง “หากอิ่มแล้วพ่อจะพาไปเดินเล่น”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 18 แผนร้ายเริ่มคืบคลาน

    หลายวันต่อมาหลังจากท่านลุงเดินทางกลับด้วยท่าทีอิดออด คงเพราะยังอยากเล่นกับหลานสาวผู้น่ารักอย่างนาง กิจวัตรประจำวันของทารกก็ไม่มีอะไรมาก นั่งๆ นอนๆ แล้วก็กิน ส่วนท่านพ่อก็ออกไปซ่อมรั้วให้แข็งแรงขึ้น ไม่ก็ลงแปลงปลูกผักบ้าง อ้อ มีอีกอย่าง ท่านพ่อมักหยิบอาวุธกระบองที่นางแอบนำไปวางในย่ามอย่างยากลำบากก่อนเกิดเหตุการณ์ครั้งนั้นมาเช็ดๆถูๆอยู่ทุกวัน ดูท่าจะหวงไม่น้อย วนเวียนอยู่แบบนี้ “ฮึบ อีกนิดลูกสาวพ่อ” “แอ้ ปะ ปะ” เหลียนฮวาเกร็งตัวเพื่อคว่ำจนหน้าดำหน้าแดง เหลือบมองท่าทีของผู้เป็นพ่อที่ลุ้นยิ่งกว่า ฮึบ ฮึบ ต้องทำให้ได้ อีกนิดเดียวเท่านั้น ฟุบบ และแล้วความพยายามก็สำเร็จผล ฟอดด “เก่งมาก” ได้รางวัลเป็นการหอมแก้มฟอดใหญ่จากท่านพ่อที่ลุ้นจนตัวโก่ง จะมีเด็กวัยเพียง 3 เดือนกว่าที่ไหน พลิกคว่ำตัวได้แล้วบ้าง แม้จะมีพุงกลมๆเป็นอุปสรรค เหลียนฮวาอยากอวดพ่อเหลือเกินว่านางพลิกตัวได้ตั้งแต่วันแรกที่เกิด ทว่าหลังๆที่ไม่เห็นนางพลิกตัวโชว์เพราะนางอ้วนขึ้นเลยขี้เกียจพลิกตัว “ปะ ปะ หม่ำๆ” เจ้าร่างกายทารกนี่พอออกแรงหน่อย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 19 ดาวไถตัวน้อยเอาคืน

    “ช่วยอย่าส่งเสียงดังด้วยนะขอรับ บุตรสาวข้า...” ระหว่างที่เจียหมิงกำลังพาทุกคนเข้ามาในบ้าน เพราะไม่อาจให้คุยกันนอกบ้านได้ เกรงว่าจะมีคนบังเอิญผ่านมาเห็นเข้า เขากำลังบอกให้ทุกคนเงียบๆ เพราะบุตรสาวเขาน่าจะกำลังนอนหลับอยู่ ทว่าพอเปิดประตูเข้าไปกลับต้องหน้าแดงก่ำ รีบวิ่งไปบังบุตรสาวไว้ เหลียนเอ๋อเล่นเขาเข้าแล้วไง “แอะ ปะ ปะ” “ฮ่าๆ ท่านอนดื่มนมของบุตรสาวเจ้า ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ” เป่ยหวงหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ ส่วนทหารที่เหลือ ขนาดได้ชื่อว่าเป็นพวกยิ้มยาก ยังแอบยิ้มขำ เมื่อเห็นร่างอวบอ้วนของเด็กน้อยนอนกินนมในท่าไขว้ห้าง เท้าป้อมๆกระดิกไปมา เป็นภาพแปลกตา หากฮูหยินหรือสตรีในเมืองหลวงเห็นคงต้องยกมือทาบอก อุทานอย่างตกใจเป็นแน่ นางเห็นพวกเขาที่ตัวใหญ่โตแทนที่จะตกใจ ร้องไห้อย่างเด็กทั่วไป กลับยิ้มแย้มยกมือโบกทักทายผู้เป็นพ่อ ครอบครัวนี้ช่างเปิดโลกแม่ทัพอย่างเขาดีแท้ “นะ นางแค่นอนในท่านี้แล้วสบาย ข้าไม่อยากบังคับลูก” เจียหมิงแก้ตัวแทนบุตรสาวด้วยสีหน้าเลิ่กลัก หันไปจัดท่านอนให้นางใหม่ “หึๆ ข้าเข้าใจ” เป่ยหวงมองตัวน้อยอย่างย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 20 เปลี่ยนแผน

    และแล้วก็ถึงวันนัดหมายเดินทาง ทางการส่งแม่นมหลวงและผู้ช่วยมาอย่างละคน ทั้งสองที่เคยทำหน้าที่ดูแลแต่เด็กบ้านที่มีฐานะ อย่างเช่น ขุนนาง ตระกูลพ่อค้าร่ำรวย พอมาเห็นบ้านที่ทางการส่งพวกนางมาก็ถึงกลับชะงัก ไม่คิดว่าจะเป็นบ้านของชาวบ้านธรรมดา ด้วยความเป็นมืออาชีพไม่นานก็ทำความเข้าใจได้ โดยเฉพาะแม่นมหลวงที่รับหน้าที่เลี้ยงดูบุตรหลานของพวกมีอันจะกินมาหลายบ้าน เรียกว่าใครๆก็อยากได้ตัวนางไปเลี้ยงดูบุตรหลานให้ เพราะนอกจากประสบการณ์ที่สั่งสมมาแล้ว ยังบ่งบอกถึงความร่ำรวย เป็นหน้าเป็นตาให้ตระกูล ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าแม่นมหลวง เพราะเป็นแม่นมของทางการ ไม่ใช่แค่มีเงินจะสามารถจ้างได้ แต่ต้องได้รับการยอมรับจากทางการก่อนด้วย “ไม่รู้ว่าจะต้องไปกี่วัน พ่อต้องคิดถึงเจ้ามากแน่ๆ” เจียหมิงที่กำลังเอ่ยร่ำลาบุตรสาวอาลัยอาวรณ์ รอบๆมีชาวบ้านคนอื่นมาส่ง แต่ส่วนใหญ่จะอยากรู้อยากเห็นมากกว่า เมื่อเห็นชายหลายคนมาออกันที่บ้านของเจียหมิง คาดว่าน่าจะเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ จึงพากันกระจายข่าว ทำให้ชาวบ้านหลายคนแห่กันมายืนออที่ริมรั้ว ส่วนซูหวินและโม่โฉวที่ทราบเรื่องคร่าวๆจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24

บทล่าสุด

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 55 องค์ชายปีศาจ

    “อึก ที่นี่ที่ไหนกัน” เฟลิกซ์ตื่นขึ้นมาอีกทีในที่แปลกประหลาด รอบตัวเขาเต็มไปด้วยความมืดมิด ทว่าแสงสลัวจากแสงจันทร์ที่สาดส่องทำให้ยังคงเห็นภายในห้องนอน เตียงขนาดใหญ่ รอบห้องกลับว่างเปล่า“อะ โอ้ย…” พอขยับตัวลุกขึ้น ความเจ็บปวดบริเวณศีรษะแล่นเข้ามารวดเร็วจนกุมหัวร้องออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่“องค์ชายตื่นแล้วหรือเพคะ” จู่ๆเสียงของหญิงนางหนึ่งวิ่งพรวดเข้ามาหน้าตาแตกตื่นระคนเป็นห่วง นางจุดตะเกียง รีบเข้าไปดูอาการองค์ชาย“บอกมาที่นี่ที่ไหน แล้วคุณเป็นใคร” เฟลิกซ์ยังคงกุมหัวที่เจ็บไว้ ท่าทีระแวงมองคนแปลกหน้า ถามเสียงดังลั่น ทว่าสิ่งที่เขาพึ่งรู้สึกตัวอีกอย่างคือเสียงที่เปล่งออกมาไม่ใช่เสียงของเขา ชายหนุ่มยกมือขึ้นมาดูด้วยท่าทีแตกตื่น แขนขาเล็กนี่มันอะไรกัน เขามาอยู่ที่ไหนกันแน่ ความทรงจำล่าสุดที่พอจะนึกออกคือเขานอนหลับแล้วฝันไป ในฝันนั้นช่างมีความสุขเหลือเกิน เขาได้พบกับท่านแม่ นางบอกว่าเขาจะได้พบกับคนที่ตามหา หรือว่า“ฮื่อ เจ้าชายเพคะ จำแม่นมไม่ได้หรือ ใครก็ได้ตามหมอหลวงมาดูองค์ชายที” ผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นแม่นมร้องอย่างแตกต

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 54 ความทรงจำ

    ศตวรรษ 3053“สังหารมันซะ” เซนท์ หรือเฟลิกซ์ ซัลลิแวนสั่งเสียงเหี้ยม ดวงตาสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์นิ่งเฉยแม้จะสั่งฆ่าคนเวลาผ่านไปอีก 1 ปี นับจากที่ลุงโรเบิร์ต บิดาของคนรักได้ส่งอาวุธมาให้ หลังจากนั้นเขาได้ทำสงครามกับจักรวรรดิไซเนียอย่างเต็มกำลัง ข่าวคราวจากโลกสีน้ำเงินขาดหายไปถ้านับระยะเวลาทั้งหมดก็เป็นเวลา 1 ปี แล้ว คล้ายขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิง วันเวลาผันผ่านไปช่างยาวนานสำหรับเขา วันแล้ววันเล่าที่รอเวลากลับไปหาคนรักชายหนุ่มจับจี้เรืองแสงที่ใส่ไว้ติดตัวตลอดซึ่งเป็นของสำคัญที่เขาต้องนำไปคืนคนรัก รวมถึงแหวนตกทอดของเสด็จแม่ที่ท่านให้ไว้ก่อนสวรรคต เพื่อนำไปมอบให้เจ้าของของมัน และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง สงครามจบลงโดยที่จักรวรรดิซีอัสเป็นฝ่ายชนะสงครามโดยเขากำลังสั่งให้ทหารลงมือสังหารจักรพรรดิของไซเนียและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ แม้จะชดเชยให้กับทหารที่เสียไปไม่ได้ก็ตาม“ระ เรามาเจรจากันดีหรือไม่” เสียงสั่นกลัวพยายามเรียกร้องการเจรจา“ไม่จำเป็น”

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 53 เด็กน้อยผู้โชคร้าย

    “ฮึก ฮึก” เจียวลู่หลังจากกลับจากร่ำลาพี่ใหญ่และทุกคน แอบมานั่งร้องไห้หลังครัวคนเดียว จุดเดิมที่เขาเคยนั่งกินปลาที่พี่ใหญ่แอบย่างให้กิน เขาคิดถึงพี่ใหญ่ พี่ใหญ่เป็นคนเดียวที่ดีกับเจียวลู่จากใจจริงในบ้านหลังนี้เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เจียวลู่แอบไปได้ยินว่าจางหมิ่นติดเงินพนันในตอนที่พวกผู้คุมบ่อนมาตามทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเจียวลู่และจางหมิ่น เจียวลู่จึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมด และโดนจางหมิ่นขู่ว่าถ้านำเรื่องไปบอกใครจะจัดการเขา เด็กน้อยที่กลัวว่าจะโดนพี่สามตี จึงปิดปากเงียบ วันต่อมาจางหมิ่นตัดสินใจขอเงินนางจ้านโดยอ้างว่านำไปลงทุน นางจ้านที่เห็นดีเห็นงามกับบุตรชายให้เงินที่พึ่งได้รับมาหมาดๆไปทั้งหมด เรื่องราวเหมือนจะจบลงแค่ตรงนั้นทว่าผ่านไปเกือบเดือนจางหมิ่นกลับไปเล่นพนันอีก จนกระทั่งพวกคุมบ่อนตามมาทวงอีกรอบ คราวนี้เรื่องเลยแดงขึ้น เนื่องจากตอนนั้นทุกคนอยู่บ้านกันหมด ยกเว้นเหยาฉือที่โดนนางจ้านไล่ออกจากบ้านไปแล้ว ด้วยเงินที่ค้างไว้หลายเหรียญเงิน พวกเขาไม่สามารถหามาจ่ายได้ พวกคุมบ่อนเลยจะ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 52 ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

    “ขะ ข้าขอเวลาอีกนิด เงินจำนวนนี้ข้าต้องแบ่งจ่ายให้กับพนักงาน” เถ้าแก่ใช้จุดบอดตอนหันหลังให้พวกมัน รีบยื่นตั๋วเงิน พร้อมรับค่าธรรมเนียมมาอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวออกไปนับตั้งแต่โดนเจ้าถิ่นเข้ามาหาเรื่อง ยอดลูกค้าก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด กำไรที่ได้ก็ต้องแบ่งจ่ายให้พวกมัน ทำให้บางครั้งต้องติดค่าแรงพนักงานไว้ ผัดผ่อนหลายครั้ง ควักเงินส่วนตัวออกมาจ่ายก็หลายหน จะแจ้งทางการก็กลัวอิทธิพลของพวกมันชายชราอย่างเขาทำการค้าแลกเปลี่ยนตั๋วเงินด้วยความสุจริตมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เกรงว่าจะนำความเดือดร้อนไปสู่ลูกหลาน พวกเขาออกเรือน แยกย้ายไปสร้างครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่มีคนหนุนหลัง มีแต่สองมือที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนต่อกรกับคนเลวพวกนี้ได้ นอกจากกล้ำกลืนฝืนทนจ่ายให้จบๆ“เห็นพวกข้าเป็นคนการกุศลงั้นรึ จ่ายมาเร็วๆ!!!” ชายร่างสูงใหญ่ตะคอกเสียงดัง มันไม่สนเหตุผล ข้ออ้างร้อยแปดอะไรทั้งนั้น วันนี้ต้องได้เงินกลับไปมอบให้กับนายท่าน“คนอย่างพวกเจ้ารู้จักคำว่ากุศลด้วยรึ” เจียหมิงตัดสินใจโพล่งออกไป แม้จะดูเสียมารยาท แต่อดไ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 51 แลกเปลี่ยนตั๋วเงิน

    “อาหย่อยยยย” เหลียนฮวาตะโกนด้วยความสุขใจ จับแก้มกลมหลับตาพริ้ม ลิ้มรสอาหารที่ท่านพ่อท่านลุงผลัดกันป้อน โรงเตี๊ยมแห่งนี้อาหารช่างเป็นเลิศ นางมองอาหารหลายจานที่ทยอยนำมาเสิร์ฟ อาหารปรุงสุกอย่างไรก็ดีกว่าอาหารสำเร็จรูปแบบในโลกก่อนนางอยู่แล้ว เสียดายบอทเต้กับโรบอทไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ถ้าทั้งสองได้มาชิมคงจะคิดไม่ต่างกัน“โรบอทแค่เห็นเจ้านายกินก็มีความสุขแล้วขอรับ” เสียงแว่วของโรบอทดังผ่านความคิด ส่วนบอทเต้ไปปฏิบัติภารกิจที่นายท่านมอบหมายไว้อยู่ ท่านพ่อบอกว่าพวกเราไม่ต้องกลัวสายตาสงสัยของคนในหมู่บ้านอีกแล้ว สามารถใช้เงินที่หามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนท่านลุงเองก็มีเงินเก็บเยอะขึ้น เพราะไม่ต้องมีปลิงคอยสูบเงินแถมยังออกล่าสัตว์เกือบทุกวันกับท่านพ่อ นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริมเป็นนายหน้านำของในมิตินางไปขาย นางแบ่งปันเงินแต่ล่ะส่วนที่ได้มาให้เท่ากันทุกคนทุกวันนี้ในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ท่านพ่อซื้อให้ยังนอนอยู่ในมิติ ซึ่งเต็มไปด้วยเหรียญหนักอึ้งจนยกไม่ไหว ต้องให้พ่อกับลุงช่วยยก หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราจะไปโรงเตี๊ยมสำหรับแลกเงินกันต

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 50 โรงเตี๊ยมหมื่นลี้

    “ว้าว คนเยอะมักเจ้าก่ะ” เมื่อมาถึง ทั้งสามคนตื่นเต้น มองผู้คนในเมืองหลวงที่แต่งตัวดูดี พ่อค้าแม่ค้าข้างทาง ของขายมีเยอะจนเลือกไม่ถูก หลายคนดูเหมือนมาจากตระกูลชนชั้นสูงรถม้ามีตราสัญลักษณ์เฉพาะตระกูลวิ่งขวักไขว่ไปมา“เหลียนเอ๋อร์อยู่ใกล้ๆพ่อกับลุงเจ้าไว้นะ” เจียหมิงที่ลายตา เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี คล้ายบ้านนอกเข้ากรุงอย่างไงอย่างงั้น“จะ เจียหมิงเราจะไปทางไหนดี” เหยาฉือสับสน ไม่เคยมาเมืองหลวงมาก่อน“อืม ข้าก็ไม่แน่ใจ คิดว่าเราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” เจียหมิงก็ใช่ว่าจะรู้ทาง เขาพาทุกคนสุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเจอร้านอาหารค่อยแวะปรึกษากันอีกครั้ง “เดี๋ยว พวกเจ้าจะเข้ามาในร้านไม่ได้” ในที่สุดพวกเขาก็เจอโรงเตี๊ยมอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่ง ตัดสินใจพากันเดินเข้าไปหาอะไรกิน ทว่าหญิงที่คาดว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์เอ่ยดักทั้งสามไว้ สายตาดูถูกมองผู้มาใหม่หัวจรดเท้า แอบชะงักชั่วครู่เมื่อกี้นางรู้สึกได้ถึงสายตากดดันจากเด็กน้อย แต่สลัดความคิดลง สงสัยจะตาฝาดไปเอง“เอ่อ ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือขอรับ” เจียหมิงถามอย่างสงสัย ไม่

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 49 เดินทาง

    “เก็บของเสร็จหรือยัง” และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป โรบอทกับบอทเต้ได้ฝึกและให้ความรู้แก่นายท่านพวกมันจนมั่นใจว่าวิชาที่มอบให้จะช่วยให้พวกเขาชนะศัตรูได้ ทั้งดาบ ธนู หอก ปืน หน้าไม้ โรบอทรับหน้าที่ฝึกให้จนชำนาญ ส่วนบอทเต้ได้มอบความรู้ด้านกลยุทธ์ แผนการและวิธีทำอาวุธใช้เอง ไม่เว้นแม้แต่ตัวอักษรของโลกใบนี้บอทเต้ก็สามารถสอนได้บัดนี้นับว่าท่านพ่อและท่านลุงของนางพร้อมสำหรับการรบแล้ว ทุกวันพวกเขาจะฝึกกันถึง 3 รอบ บริเวณหลังบ้าน เพื่อไม่ให้ใครเห็น เรียกว่าเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมานี้แทบไม่มีใครเห็นตัวท่านพ่อกับท่านลุง เนื่องจากเก็บตัวเงียบ ส่วนนางก็ไม่ออกไปเล่นที่ไหน แม้เสี่ยวหยวนจะมาชวนหลายครั้งเหลียนฮวาที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าหนาๆคล้ายเสี่ยวเหมา แก้มแดงปลั่งเพราะอากาศหนาว นางสะพายกระเป๋าผ้าที่มีเสบียงของตัวเองไว้ด้านหลัง ส่วนท่านพ่อท่านลุงมีจำพวกของใช้ เสื้อผ้าในถุงผ้าขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน“เสดแย้ว” เหลียนฮวาชูมืออย่างดีใจ เหมือนได้ออกไปผจญภัยกับทุกคน โรบอทกับบอทเต้นางให้เข้าไปในมิติแล้ว เกรงว่าถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะพากันตกใจ แล้วแห่มาบ้านนางไม

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 48 เริ่มฝึก

    “แฮ่กๆ ละ ลุงต้องทำ อะ อีกกี่ครั้ง” หลี่เหยาฉือเหงื่อเปียกชุ่มเอ่ยถามหลานสาวเสียงหอบ เสื้อผ้าของเจียหมิงที่ใส่อยู่แนบลู่ติดไปกับตัว หลานสาวปลุกเขาตั้งแต่เช้าให้มาทำท่าแปลกๆที่เรียกว่าออกกำลังกาย“อีกยี่สิบครั้งเจ้าก่ะ ห้ามหยุดน้า” เหลียนฮวาให้ท่านลุงของนางทำท่าซิทอัพเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ท่าต่อไปต้องเพิ่มกล้ามแขน ส่วนท่านพ่อของนางทำครบแล้ว เพราะลดเหลือวันละเซ็ต ตอนนี้น่าจะไปส่งจดหมายให้ทางการอยู่“อ่า ฮึบ แฮ่กๆ”“18 19 20 เย้ ท่างยุงเก่งที่สุด แปะๆ” เด็กน้อยกะโดดโลดเต้นผิดกับเทรนเนอร์สุดโหดเมื่อสักครู่“แฮ่กๆ ท่าต่อไป จัดมาเลย ลุงไหว” เหยาฉือที่บ้ายอ พอโดนหลานชมเก่งที่สุดก็มีแรงฮึดสู้ ไม่หวั่นแม้จะเหนื่อยแค่ไหน เข้าทางเด็กน้อยที่รอคำนี้อยู่แล้ว เวลาหนึ่งเดือนท่านพ่อและท่านลุงของนางต้องมีซิกแพ็ค เฮ้ย มีกล้ามเนื้อ แข็งแรงพอที่จะจับปืน จับดาบต่อสู้กับพวกศัตรูได้อย่างไม่แพ้ใคร ครึ่งเดือนผ่านไปเคล้ง เคล้ง! “ย๊า เจียหมิง เจ้าอย่าได้ออมแรง” เสียงชายผิ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 47 ครอบครัว

    “ท่างป้อ ท่างยุง” เหลียนฮวาที่ตื่นนอนนานแล้ว ลุกมาพับที่นอน ใช้ฝักบัวน้อยๆรดน้ำผักรอท่านพ่อ พอได้ยินเสียงก็รีบวางทุกอย่างลงวิ่งดุกดิกเข้ามาหา พอเห็นว่าลุงมาด้วยก็ร้องเรียกอย่างดีใจ นางขมวดคิ้วมองสภาพของลุงที่เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นเล็กน้อย ตรงหน้าท้องมีรอยเท้าชัดเจน ใครบังอาจทำท่านลุงของนาง หลงลืมเรื่องที่ตัวเองต้องไปอยู่กับท่านลุงยามพ่อไปรบชั่วขณะ “เหลียนเอ๋อร์หลานลุง” หลี่เหยาฉืมองหลานแสนรักด้วยความคิดถึง “เกิดเยื่องไรเจ้ากะ ครายทามยุง” “เข้าบ้านกันก่อนสองลุงหลาน เราค่อยมาปรึกษาเรื่องนี้กันอีกที” เจียหมิงเรียกทุกคนไปคุยในบ้าน ก่อนที่เขาจะเปรยเรื่องขึ้นมา “แล้วเจ้าจะเอาอย่างไรต่อเจียหมิง” เหยาฉือถามหลังจากพวกเขานั่งพูดคุย โดยมีเจ้าตัวน้อยตั้งใจฟังด้วย เด็กน้อยขมวดคิ้วไม่พอใจยามได้ยินเรื่องราวของท่านลุง หนอย ยายเฒ่ามหาภัย บังอาจทำร้ายท่านลุง แค้นนี้สักวันเหลียนเอ๋อร์จะชำระให้เอง “ข้าคิดมาสักแล้วว่าจะลองส่งเรื่องร้องขอทางการ หากพวกเขาไม่เห็นด้วย ข้าจะหาทางทำทุกอย่า

DMCA.com Protection Status