แชร์

ตอนที่ 6 เกิดใหม่

ผู้เขียน: ดุจเพชร
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-23 21:50:09

          “แม่นางเหมย เบ่งอีกนิดนะ” หมอตำแยบอกหญิงนางหนึ่งอายุไม่เกิน 18 ปี ที่ร้องอย่างเจ็บปวดเนื่องจากกำลังจะคลอดท่ามกลางพายุโหมกระหน่ำโดยไม่มีทีท่าว่าจะหยุด

          ครืนนน ซ่า

          “อะ โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน...” 

          “อีกนิดเดียว เด็กกำลังกลับหัว”  หมอหญิงวัยชราผู้ทำคลอดเอ่ยบอก มือพยายามบีบนวดหน้าท้องให้เด็กกลับหัว

          “อึก ขะ ข้าไม่ไหว”

          “เด็กกลับหัวแล้ว เบ่งอีก”

          “มะ ไม่ไหว แล้ว ฝะ ฝากลูกข้าด้วย กรี๊ดดดดด”

          “แม่นางเหมย แม่นาง !!”  หมอชราส่งเสียงเรียกหญิงที่ได้เป็นแม่คนแล้วดังลั่น เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายนิ่งไปหลังเบ่งบุตรสาวออกมา จับชีพจรจึงพบว่าอีกฝ่ายได้เสียชีวิตลงแล้ว จ้องมองเด็กน้อยตัวขาวจ้ำม่ำไม่เหมือนเด็กที่คลอดก่อนกำหนดด้วยความเศร้าใจ

          เกิดมาก็กำพร้าแม่เลยหรือนี่

          ผ่าง   

          “เมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง !”  หลี่เจียหมิง เปิดประตูเข้ามาอย่างรีบร้อน ความตื่นเต้นทำให้เขาเผลอพรวดพราดเข้ามาอย่างอดใจไม่ไหว เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดร้องของเมียรัก ทว่ากลับต้องตกตะลึงเมื่อพบร่างขาวซีดของเหมยลี่นอนนิ่ง หันไปหาหมอตำแยเพื่อฟังคำอธิบาย ทว่านอกจากหญิงชราจะไม่พูดอันใด ยังส่ายหน้ามองร่างที่นอนแน่นิ่งด้วยความเศร้าใจ

          “เหมยลี่ ฮึก !” เจียหมิงรีบเข้าไปกุมมือเย็นเฉียบของฮูหยินไว้ มือหนาสั่นทำอะไรไม่ถูก น้ำตาหลั่งไหลออกมา  ภาพเหตุการณ์มากมายพรั่งพรูเข้ามาตั้งแต่เขาพบเธอระหว่างขึ้นเขาล่าสัตว์ ตอนนั้นอายุเพียง 16 และเหมยลี่ 14 ปี หญิงคนเดียวท่ามกลางป่าเขาไม่มีญาติสหายที่ไหนเขาจึงพากลับมายังหมู่บ้านที่อาศัยอยู่ แรกๆครอบครัวเขาก็ต้อนรับเธออย่างดี ภายหลังจึงมารู้ว่าเพราะเห็นแก่ของมีค่าที่ติดตัวเหมยลี่มา แต่พอนานไป ทางบ้านเขาใช้สารพัดวิธีนำสิ่งของที่ติดตัวเธอมาไปขายแลกกับเงินไม่กี่เหรียญเงินและอ้างว่าเพื่อนำมาใช้จ่าย ด้วยความโลภและใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายของคนในครอบครัว พอเงินหมดทุกอย่างก็เปลี่ยนไป จากตอนแรกต้อนรับ หลังมากลับผลักไส ใช้งานหนักจนเป็นลมหลายต่อหลายครั้ง

          สุดท้ายเขาทนไม่ไหวพาเหมยลี่แยกบ้านออกมาอยู่กันสองคน แม้ไม่มีการหมั้นหมายหรือสู่ขอตามธรรมเนียม มีเพียงสัญญาปากเปล่าว่าจะดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขจนกระทั่งเหมยลี่ตั้งครรภ์ มิวายบ้านหลักยังมารังควาน รีดไถเงินจากเหมยลี่บ่อยครั้งเมื่อตอนเขาออกไปล่าสัตว์  ทว่าครั้งนี้กลับหนักกว่าทุกครั้งเพราะการฉุดกระชากเศษเงินเพียงไม่กี่เหมานั้นทำให้เหมยลี่เกิดเจ็บท้อง เป็นเหตุให้คลอดก่อนกำหนด

          “นางไปสบายแล้ว เหลือแต่บุตรสาวให้เจ้าได้ดูแล” หมอชราทำคลอดผ่านประสบการณ์มาหลายครั้ง มีหลายบ้านที่คลอดออกมาแล้วแม่เด็กตาย หรือตายทั้งคู่ แม้จะสงสาร แต่ก็เป็นภาพที่ชินตา มือเหี่ยวย่นใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นทำความสะอาดเด็กน้อย พยายามตบหลังให้เด็กส่งเสียงออกมา แต่เด็กน้อยกลับทำเพียงเบะปากเท่านั้น

          “ฮึก ๆ พี่สัญญาจะดูแลลูกของเราเป็นอย่างดี” เจียหมิงเอ่ยพูดกับร่างไร้ลมหายใจของเหมยลี่ พลางมองบุตรสาวที่จ้องเขาตาแป๋วอย่างไม่เกรงกลัวด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความรัก

          “อุแว้ อุแว้”

         “ขอบคุณขอรับท่านหมอ โอ๋ๆ ข้าขออุ้มนางเองได้หรือไม่” เจียหมิงขอบคุณแม่หมอที่ทำคลอด อยากลองอุ้มบุตรสาวดู แม้ท่าทางจะเก้ๆกังๆก็ตาม

          “รับไปสิ” ว่าพลางยื่นเด็กทารกให้ นึกสงสัยนางตบหลังเด็กน้อยแปะๆ ตั้งนาน กลับไม่ร้องสักแอะเด็กน้อยกลับดื้อรั้น มองตาแป๋วเหมือนเดิม แต่พอได้ยินพวกเขาคุยกันคล้ายพอจับใจความได้กลับส่งเสียงร้องไห้ออกมา หญิงชราสลัดความคิดไร้สาระนั้น เด็กทารกจะมีความคิดได้คิดอย่างไร มีเพียงสัญชาตญาณของเด็กที่พอหิวก็ร้องเท่านั้น

          “เอ่อ ละ ลูกพ่อ”  เจียหมิงทำตัวไม่ถูก พึ่งเคยมีลูกครั้งแรก ดีที่แม่หมอสอนหลายอย่าง เจียหมิงอุ้มบุตรสาวอย่างทะนุถนอม เพราะกลัวจะทำให้นางเจ็บ บุตรสาวของเขาช่างน่ารัก น่าเอ็นดูเหลือเกิน ปากนิด จมูกหน่อย แก้มจ้ำม่ำ ผิวขาวราวหิมะคล้ายผู้เป็นแม่ จะมีเพียงดวงตาดับขลับที่เหมือนเขา ดวงตาของเด็กน้อยยังเอ่อไปด้วยน้ำตา นางหยุดร้องไห้แล้วเหลือเพียงเจือสะอื้น  ปัญหาตอนนี้เขาต้องหาแม่นมให้นาง ท่ามกลางความกระวนกระวายใจของผู้เป็นพ่อ ไม่มีใครล่วงรู้ความคิดเด็กน้อยเลย

          ‘มืดจัง’

          ‘อึดอัดมาก’

         “โอ้ยย ออกมาสักทีเถอะลูก”  โมนิก้าได้ยินเสียงผู้หญิงร้องด้วยความเจ็บปวด บอกให้ออกไปสักที แต่จะออกได้อย่างไรในนี้ทั้งมืดทั้งอึดอัด

          “แม่นางเหมย เบ่งอีกนิดนะ”  หืม เบ่งงั้นเหรอ เหตุการณ์คุ้นๆ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย หรือว่าที่ฟ้าผ่าครานั้นจะทำให้เธอกลับมายังโลกที่ควรจะอยู่ตามที่แม่บอก

          “อะ โอ้ย ข้าเจ็บเหลือเกิน...”  เสียงผู้หญิงคนเดิมร้องขึ้นดึงให้สติกลับมายังปัจจุบันอีกครั้ง

          “อีกนิดเดียว เด็กกำลังกลับหัว”  ชัดเลย เธอกำลังเกิดใหม่ ไม่ได้การละต้องช่วยแม่ในโลกนี้

          “อึก ขะ ข้าไม่ไหว”  แต่เสียงของแม่คนใหม่ช่างดูเจ็บปวดและแหบแห้งเหลือเกิน

         ฮึบ สู้เขาสิโมนิก้า แค่กลับหัวแล้วออกไปโลดแล่นโลกภายนอกเอง

          “เด็กกลับหัวแล้ว เบ่งอีก”

         “มะ ไม่ไหว แล้ว ฝะ ฝากลูกข้าด้วย กรี๊ดดดดด”

          ในที่สุดก็ได้ออกมาแล้ว เด็กทารกเห็นเพียงภาพเบลอๆมองซ้ายทีขวาทีอย่างมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จู่ๆก็มีผู้ชายคนหนึ่งโผล่เข้ามา คาดว่าน่าจะเป็นพ่อในโลกใหม่ของเธอ

          “เมียข้าเป็นอย่างไรบ้าง !”  เสียงคนเข้ามาใหม่ดังขึ้นอย่างร้อนรน

         “เหมยลี่ ฮึก !” เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ โมนิก้าหันขวับมองภาพตรงหน้าทันที แม้จะเห็นเพียงภาพเบลอแต่ก็พอเดาเอา

         “นางไปสบายแล้ว เหลือแต่บุตรสาวให้เจ้าได้ดูแล” ได้ยินคำพูดหมอทำคลอด ยิ่งตอกย้ำว่าแม่ในโลกใหม่ของเธอเสียไปแล้ว คิดได้ดังนั้นเธอจึงเบะปากคล้ายจะร้องไห้ สวรรค์ไม่เห็นใจให้เธอได้มีโอกาสอยู่กับแม่บ้างเลยหรือ นี่คือสิ่งที่แม่เธอขอโทษในประโยคสุดท้ายที่เธอนึกถึงก่อนมาเกิดใหม่ใช่หรือไม่        

“ฮึก ๆ พี่สัญญาจะดูแลลูกของเราเป็นอย่างดี”

         “อุแว้ อุแว้” เมื่อได้ยินพ่อพูดดังนั้น จึงกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป ส่งเสียงร้องลั่นบ้าน ทว่าเสียงที่เปล่งออกมากลับเป็นเพียงเสียงทารกเท่านั้น

         “ข้าขอตัวกลับก่อนนะเจียหมิง”

          “ข้าเดินไปส่งขอรับ”

          “ไม่ต้อง ๆ เจ้าดูแลบุตรสาว จัดการร่างของเมียเจ้าเถอะ อย่าลืมตั้งชื่อให้นางด้วยล่ะ”  หมอชราเอ่ยทักท้วงพ่อมือใหม่อย่างเจียหมิงที่ดูเหมือนจะตื่นเต้นจนลืมบางอย่างไป

          “ขอบคุณท่านหมอขอรับ”  หลี่เจียหมิงเหมือนคิดได้ว่ามีสิ่งที่ต้องจัดการต่อจากนี้ ดวงตาจึงฉายแววเศร้าขึ้นมาทันที เมียของเขาเคยบอกหากว่าสักวันหนึ่งนางเป็นอะไรไป ให้จัดการฝังหลุมศพที่ป่าหลังเขาเงียบๆ ไม่ต้องมีการจัดงานใดๆ ฉะนั้นเขาจึงทำตามเจตจำนงของนาง

          “แอ้ !”

          “พ่อมาแล้ว ๆ หิวไหมฮวาเอ๋อร์”  บ้านของเขาอยู่ติดกับป่านอกหมู่บ้านแต่ไม่ไกลจากหมู่บ้านมากนัก เนื่องจากพอแยกครอบครัวออกมา พ่อของเขาที่เสียไปแล้วให้ที่ดินผืนนึง นี่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่เขามี หลังจากจัดการฝังศพนางเสร็จ เขาได้เดินทางเข้าหมู่บ้านเพื่อไปขอซื้อน้ำนมจากแม่ลูกอ่อนมาให้ เหลียนฮวา 

ใช่แล้ว บุตรสาวของเขามีชื่อว่าเหลียนฮวา เนื่องจากสังเกตเห็นปานตรงข้อมือคล้ายดอกบัว  เลยตั้งชื่อว่าเหลียนฮวา ซึ่งแปลว่าดอกบัวตามปานของนาง เขาชื่นชอบชื่อนี้ไม่น้อย เหลียนเอ๋อร์เปรียบเสมือนดอกไม้ที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว ที่เขาต้องปกป้องดูแลให้ดี ชดเชยแทนแม่ของนางหรือเมียรักของเขาที่ด่วนจากไปก่อนวัยอันควรด้วย

          “จ๊วบ จ๊วบ” 

          “ค่อยๆกินลูก ประเดี๋ยวสำลัก”  เจียหมิงมองเด็กน้อยดูดน้ำนมจากขวดนมที่เขาเอาเงินเก็บที่เหลืออยู่ทั้งหมดไปซื้อมา พอมองนางตั้งหน้าตั้งตาดูดนมเข้าอึกใหญ่ เขาก็บอกกับตัวเองจะต้องทำงานหาเงินเยอะๆ เพื่อหาซื้อน้ำนมให้นางกิน มองบุตรสาวกินนมเพียงไม่นานตานางก็ปรือหลังลง

          กินเก่ง เลี้ยงง่ายจริงบุตรสาวเขา

          เจียหมิงส่ายหน้ากับท่านอนน่ารัก ก้นโด่งของบุตรสาว เมื่อเด็กน้อยหลับสนิทแล้ว เขาจึงตัดสินใจแบกกระบุงไปล่าสัตว์ หาของป่ามาขาย

          ‘เฮ้อ ท่านพ่อไปแล้ว’ เหลียนฮวาหลี่ตามองเมื่อเห็นว่าพ่อของนางออกไปด้านนอกแล้ว จึงลืมตาขึ้น ดวงตากลมโตที่เริ่มปรับสภาพการมองเห็นชัดขึ้นได้มองไปรอบๆพบว่าครอบครัวนี้ยากจนจริงๆ บ้านไม้เก่าๆ เรียกว่าบ้านก็ไม่ถูก น่าจะเรียกว่ากระท่อมมากกว่า การแต่งกายของคนที่นี่ก็แปลกประหลาด บ้านเรือนก็แตกต่างจากโลกเก่าของนาง แต่สิ่งที่นางกลับคุ้นเคยที่สุดน่าจะเป็นท่านพ่อคนใหม่  เธอรู้สึกถึงความรักความผูกพันกับเจ้าของร่างไม่ต่างจากพ่อคนเก่าเลยสักนิด  อีกทั้งยามมองใบหน้าพ่อคนใหม่ ใบหน้าปะป๊ากลับทับซ้อนมา เธอเชื่อเรื่องโชคชะตา ขนาดคนที่สูญเสียพ่ออย่างเธอ ยังได้รับโอกาสกลับมาเกิดใหม่ให้มีพ่อ แม้รูปลักษณ์จะไม่เหมือนเดิม แต่ความรู้สึกบ่งบอกว่านี่คือพ่อคนเดิมของนางแน่ๆ 

          ไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะปกป้องท่านพ่อคนนี้ให้ได้

          “ฮึบ ๆ” เหลียนฮวาพยายามพลิกตัวไปมา จะมีเด็กทารกคนไหนบ้าง เกิดได้เพียงวันเดียวสามารถพลิกตัวได้แบบเธอ ฮึๆ เธอนี่มันอัจฉริยะจริงๆ

          เมื่อพลิกตัวสำเร็จ เหลียนฮวาจึงเริ่มสำรวจรอยสักรูปดอกบัวที่ติดตัวมายังโลกนี้ด้วย แต่ไม่ว่าจะลูบอย่างไรมันก็ไม่มีปฏิกริยาใดๆ หรือเป็นเพราะว่าร่างนี้ยังเด็กเกินไป  งั้นลองทำแบบดู

          วูบบบ

          ออกมาจริงด้วย เหลียนฮวาลองคิดถึงนมผง จู่ๆนมผงยี่ห้อดังในโลกก่อนก็ปรากฏขึ้น ทว่าออกมาเป็นกล่องยังไม่แกะแบบนี้เธอจะทำยังไง ชงออกมาให้หน่อยก็ไม่ได้ โอดครวญไม่นานก็เก็บกลับเข้าไป

          ฮื่อ อยากกินนมผงมากกว่า เธอไม่รู้ว่าท่านพ่อเอาน้ำนมจากไหนมาให้ แต่จืดชืด เหมือนกินน้ำเปล่าที่มีรสคาว ทำอย่างไรได้ในเมื่อนางหิวมาก ท่านพ่อเอาอะไรมาให้ก็ต้องกิน ไม่มีโอกาสได้เลือก

          ปัง ปัง

          “ไอ้หมาป่าตาขาว  แกออกมาเดี๋ยวนี้เลยนะ !” ระหว่างเหลียนฮวากำลังคิดอะไรเพลินๆ จู่ๆมีเสียงแหลมสูงของสตรีดังขึ้นหน้าบ้าน เคาะประตูจนแทบพัง ไม่รู้ใช้มือหรือตี-นกันแน่ ประตูบ้านเธอที่จะพังแหล่ไม่พังแหล่อยู่แล้วแทบหลุดออกมา ว่าแต่หมาป่ามีตาสีขาวด้วยหรือ

          “เจียหมิง !!!” เสียงแหกปากตะโกนยังคงดังไม่ลดละ

          “แม่ ข้าว่าท่านพี่ไม่น่าจะอยู่บ้านหรอก เรากลับกันเถอะ” หญิงอีกคนพูดด้วยน้ำเสียงหวาดกลัว บรรยากาศเย็นๆ ไหนจะพี่สะใภ้ที่ตายไปแล้วอีก

          “เจ้าหุบปากไปซิงอี วันนี้ยังไงข้าก็ต้องเอาเงินมาให้ได้” 

          “แต่ว่า...”

          “พวกท่านมาทำอะไรที่นี่” หลี่เจียหมิงกลับจากล่าสัตว์เก็บผักป่า วันนี้โชคดีได้ไก่ป่ามา 2 ตัว และผักป่าอีกนิดหน่อย กะว่าจะเอาไปขายแลกน้ำนมให้ฮวาเอ๋อร์ ทว่ากลับต้องขมวดคิ้วหมุ่น เมื่อแม่เลี้ยงและน้องสาว ซึ่งเป็นลูกติดของนางมายืนอยู่หน้าบ้าน

          “แกมาก็ดีแล้ว เอาเงินมาให้ข้าเดี๋ยวนี้เลยนะ”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 7 หาของป่าครั้งแรก

    “เงินอันใด ไม่มีหรอกขอรับ” เจียหมิงตอบกลับอย่างเหนื่อยใจ ขนาดแยกบ้านมาแล้วยังมิวายตามมาไถเงินถึงหน้าบ้าน “แล้วแกเอาเงินที่ไหนไปซื้อน้ำนมจากสะใภ้เหลียง มีคนเห็นว่าแกจ่ายไปหลายเหมา” หลี่จ้านหญิงวัยกลางคนยืนชี้นิ้วด่าลูกเลี้ยงเสียงดัง หนอย แล้วบอกไม่มีเงิน ลูกจางหมิ่นของนางไปเห็นมันเอาเงินให้ฝั่งนั้น ทั้งที่ก่อนหน้านี้นางมาขอเงินดีๆจากนังเหมยลี่ แต่นังนั่นกลับปฎิเสธต้องยื้อยุดอยู่นาน นางได้มาเพียงไม่กี่เหมา มาทราบเรื่องภายหลังว่าพอนางกลับไป นังเหมยลี่ก็คลอดทันที มีอย่างที่ไหน นางอุตส่าห์ช่วยเหลือให้ที่ซุกหัวนอนทั้งที่มันไม่มีญาติมิตร ใช้งานนิดๆหน่อยกลับเป็นลมเป็นแล้ง หึ สมน้ำหน้า หมาป่าตาขาว อกตัญญูแบบนี้ก็สมควรตายๆไปซะ “จำเป็นต้องบอกด้วยหรือขอรับ ส่วนเงินนั่นเป็นเงินที่ข้าซื้อน้ำนมให้เหลียนเอ๋อร์” เจียหมิงขมวดคิ้วเริ่มไม่พอใจ แค่เรื่องที่บ้านใหญ่เป็นสาเหตุให้เมียเขาคลอดก่อนกำหนดยังไม่ได้สะสาง เจีงหมิงคิดถึงตอนที่เขาบากหน้าไปขอซื้อนมจากคนในหมู่บ้าน ไม่มีหญิงพึ่งคลอดบุตรคนใด นอกจากสะใภ้เหลียงที่ช่วยเหลือ แต่ด้วยความรู้นิสัยบ้านนั้นดีเลยไม่ได้ขอเปล่า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 8 มิติ

    “มะ หม่ำ” เหลียนฮวาใช้ความพยายามในการออกเสียง นางอยากบอกท่านพ่อเหลือเกินว่ามันกินได้ ดูตรงนู้นนั่นสิมีหัวมันหวานขนาดใหญ่ด้วย นึกพลางน้ำลายไหลย้อยอย่างห้ามไม่อยู่ จะให้ท่านพ่อขุดกลับไปให้หมดเลย “ถึงอย่างไรก็กินไม่ได้ มันมีพิษ” แม้จะดีใจที่บุตรสาวพูดคำอื่นได้บ้างแล้ว แต่พอเห็นดวงตาเป็นประกายของลูกก็ยิ้มระคนเอ็นดูในความช่างจ้อ เอื้อมหยิบผ้าสะอาดในอกมาเช็ดน้ำลาย เอ่ยอธิบายเสมือนเด็กน้อยเข้าใจสิ่งที่พูด หมับ “แอ้ !” เมื่อเห็นบิดากำลังจะเดินไปอีกทางแต่มีหรือที่นางจะยอม คว้าหมับที่คอเสื้อแล้วใช้สายตาออดอ้อนท่าไม้ตาย เบะปาก ส่งตาปริบๆไปให้คนเป็นพ่อใจอ่อน “พ่อไม่เคยชนะเจ้าเลย...” เจียหมิงพูดอย่างปลงๆกับตัวเอง ทำให้ตัวต้นเหตุดีดดิ้นกรี๊ดกร๊าดออกมาอย่างดีใจ “อ๊ายย คิกๆ” “ลองเก็บกลับมาเพียงนิดเดียว หากลูกเห็นว่ามันกินไม่ได้จริงๆ ต้องยอมให้พ่อเอาไปทิ้งนะ” เจียหมิงเอ่ยพลางใช้กิ่งไม้แข็งแรงแถวนั้นขุดเอาหัวมันขึ้นมาจากใต้ดิน ได้ 2-3 หัวใหญ่ก็พอ “อื้อ !” “อันนั้นด้วยหรือ…” เจียหมิงได้ยินเสียงร้องเรียกข

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 9 ร่ำลา

    ‘พร้อมครับ’ ทั้งสองตอบพร้อมกัน ก่อนที่เหลียนฮวาจะคิดว่า พวกเขาอยู่ภายในตึก วูบบบบบ ‘ได้จริงๆเจ้านาย ตอนนี้พวกเราอยู่ในตึก !’ บอทเต้พูดอย่างดีใจ พลางมองสำรวจพื้นที่ที่เข้ามาใหม่ พบว่าในตึกว่าห้องแบ่งออกเป็นหลายห้อง แต่ละห้องมีหุ่นยนต์กำลังทำงานของมันอยู่ “ยังเหมือนเดิมสินะ” เหลียนฮวาดีใจไม่แตกต่างกัน อย่างน้อยตึกเอไอจะได้มีคนคอยคุมไม่ให้พวกเอไอสร้างสิ่งของออกมาเกินความจำเป็น ‘เจ้านายจะให้พวกเราช่วยอะไรไหมครับ’ “ฉันฝากพวกนายคุมพวกเจ้าหุ่นยนต์แรงงานพวกนั้นไม่ให้ผลิตของมากเกินไป ฉันกลัวจะล้นคลังเก็บของ” ‘ได้ครับ’ บอทเต้รับคำงานนี้มันถนัด “อ้อ อีกอย่าง ช่วยชงนมให้ฉันหน่อยได้ไหม” เหลียนฮวาพูดอย่างอายๆ ในโลกก่อนเธอโตจนสามารถดูแลตัวเองได้ มาตอนนี้เธอกลับทำอะไรเองไม่ได้เลย นอกจากกินและนอน ‘โรบอทชงเองครับ !’ บอทเต้ยังไม่ทันได้อ้าปากพูด โรบอทรีบชิงพูดตัดหน้าอย่างตื่นเต้น มันชอบเจ้านายในร่างเด็ก เพราะถูกสร้างมาในขณะที่เจ้านายโตแล้ว ไม่เหมือนบอทเต้ที่พูดจาโอ้อวดมันตลอดตั้งแต่อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมว่าเ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 10 ล่าสัตว์

    “มากันครบแล้วหรือยัง” หัวหน้าหมู่บ้านตะโกนถามทุกคน วันนี้ชายชรารับหน้าที่เป็นเพียงผู้ดูแลความเรียบร้อย พร้อมอธิบายกฎของหมู่บ้านก่อนการเดินทาง ส่วนเรื่องล่าสัตว์เขาให้บุตรชายนามว่าซูเหวินไปแทน เพราะเรื่องนี้เจ้าตัวถนัดนัก อีกทั้งเขาผู้ซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้านยังอายุมากแล้ว “ครบแล้วขอรับ” “ดีๆ จากนี้ขอให้พวกเจ้าเดินทางปลอดภัย หมู่บ้านเรายังยึดกฎเดิม ห้ามเข้าไปในป่าด้านใน ห้ามให้คนนอกเข้าร่วม เนื้อที่ล่ามาได้แบ่งเท่ากันทุกบ้านที่เข้าร่วม” ชายชราเอ่ยอธิบายกฎการล่าสัตว์ของหมู่บ้าน ที่ต้องพูดก่อนเพราะเหมือนครั้งนี้จะมีหน้าใหม่เข้าร่วมหลายคน เขาจึงได้รับการไหว้วานจากโม่โฉวให้มาช่วยแนะนำเด็กใหม่ “กฎมิให้คนนอกเข้าร่วมมิใช่หรือ” จางหมิ่นหรือลูกเลี้ยงของนางจ้านพูดขึ้นลอยๆ แต่แฝงไปด้วยความไม่พอใจ เดิมทีต้องเป็นเหยาฉือผู้เป็นผู้นำของบ้านเข้าร่วม ทว่าแม่ของเขายังตึงกับอีกฝ่ายเพราะทะเลาะกันคราก่อนที่เหยาฉือนำไก่เลี้ยงของบ้านไปให้ไอ้คนนอกตระกูล พอมีคนไปบอกที่บ้านว่าจะมีการล่าสัตว์ในวันรุ่งขึ้น อีกทั้งเหยาฉือออกไปทำงานข้างนอกไม่อยู่บ้าน ท่านแม่จึงไ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 11 เค้าลางอันตราย

    “เราพบซากสัตว์นอนตายอยู่” เมื่อมาถึงชาวบ้านคนเดิมได้ชี้ให้ดูจุดที่พวกเขาเห็น “แย่ล่ะ ศพพวกมันคล้ายโดนตัวอะไรกัดกิน” โม่โฉวอึ้งกับภาพตรงหน้า มองซากสัตว์ที่กำลังนอนตายเกลื่อน สภาพทุกตัวมีบาดแผลเหวอะหวะจากการฉีกกระชาก จนเห็นเครื่องในไหลออกมา ส่งกลิ่นเหม็นคละคลุ้งไปทั่วป่า จากเลือดที่ยังสดอยู่ น่าจะตายได้ไม่นานนัก คล้ายเจ้าสัตว์ตัวต้นเหตุต้องการเพียงล่าเท่านั้น ที่คิดว่าเป็นสัตว์เพราะมีรอยเขี้ยวฝังบนร่างของสัตว์ที่นอนตายอยู่ อวัยวะภายในยังอยู่ครบ ไม่มีร่องรอยถูกกินแม้แต่น้อย สัตว์ชนิดใดหนอช่างฆ่าได้โหดเหี้ยมยิ่งนัก ไม่แน่มันอาจจะยังไปไหนได้ไม่ไกล ชายวัยกลางคนวิเคราะห์ มองเห็นชาวบ้านบางคนกำลังอาเจียนอยู่ แม้โม่โฉวที่ล่าสัตว์ตั้งแต่เด็กจนคิดว่าตัวเองนั้นชินกับภาพแบบนี้แล้ว ก็ยังมีอาการผะอืดผะอม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยเห็นสัตว์ที่ล่าได้น่ากลัวขนาดนี้ เพราะตามวิสัยพวกมันจะล่าแค่พอกินสำหรับฝูงมันเท่านั้น ไม่ใช่ล่าแล้วปล่อยร่างทิ้งไว้ จนเป็นภาพสยดสยองดั่งเบื้องหน้า “ระ เราจะทำอย่างไรต่อดี ขะ ขอรับ” ชาวบ้านอีกคนพูดตะกุกตะกัก หวาดกลัวไม่ต่างจากคนอื่น

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 12 สัตว์ประหลาด

    “ฮ่าๆ ฤดูหนาวนี้เรารอดแล้วๆ” โม่โฉวหัวเราะอย่างอารมณ์ดีเมื่อกลุ่มพวกเขาล่าสัตว์ได้หลายตัว มีทั้งหมูป่า กวาง และกระต่ายป่า เห็นทีวันนี้ทุกคนจะได้ส่วนแบ่งเพียงพอต่อฤดูหนาวแน่ “พวกเรากลับกันเถอะขอรับ ข้าว่าสัตว์ป่าแถวนี้เริ่มหายไปแล้ว” เจียหมิงมองรอบๆ แล้วเอ่ยเตือน ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี อีกทั้งยังเป็นห่วงบุตรสาว ไม่รู้นางเป็นอย่างไรบ้าง จะงอแงหรือไม่ “ได้ๆ วันนี้ต้องยกความดีความชอบให้เจ้ากับซูเหวินเลยนะ นอกจากจะล่ากันเองได้หลายตัวแล้ว ยังพาพวกเรามาชี้จุดสัตว์ป่าอีก” แม้จะเอ่ยขอบคุณไปก่อนหน้าแล้วแต่โม่โฉวก็รู้ว่าไม่อาจมองข้ามสิ่งที่ทั้งสองทำ “เราล่าต่อกันอีกดีกว่า ยังมีสัตว์บางตัวหลงเหลืออยู่…” จางหมิ่นพูดขึ้น มองสัตว์ที่ทุกคนล่าได้สายตาเต็มไปด้วยความโลภ แม้เขาจะไม่ได้ช่วยล่า แต่ก็อยู่ในกลุ่มการล่าครั้งนี้ อย่างไรส่วนนึงก็ต้องเป็นของเขา จางหมิ่นตะล่อมให้ทุกคนอยู่ต่อ จนลืมว่าก่อนหน้าพวกเขาไปเจอกับอะไรมา โดยไม่ฟังคำเตือนของเจียหมิง “หากฟ้ามืดลงแล้วเกิดมีใครได้รับอันตรายขึ้นมา เจ้ารับผิดชอบไหวหรือ” เจียหมิงพูดมองหน้าอีกฝ่ายด้วยสายตาจริงจัง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-23
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 13 ตัดสินใจ

    “มะ ไม่จริงใช่ไหม” ซูเหวินคาดเดาสิ่งที่เกิดขึ้นพลันน้ำตาไหล มันหลอกพวกเขาว่าวิ่งตามหลัง แท้จริงแล้วกลับวิ่งไปดักด้านหน้า ตอนนี้ชาวบ้านคนอื่นๆคง... “เราไม่ได้ยินเสียงร้อง อาจจะเป็นเลือดของสัตว์ตัวอื่นก็ได้” โม่โฉวกำหมัดแน่น รู้สึกสะเทือนใจเมื่อตอนที่เห็นเลือดก็คิดไม่ต่างจากคนอื่น เนื่องจากทิศทางที่มันยืนอยู่เป็นทางที่ชาวบ้านวิ่งไป แต่ยังฝืนเปล่งเสียงพูดเพื่อปลอบใจทุกคนรวมถึงตนเอง โฮกกก เจ้าสัตว์ประหลาดคำรามลั่น มันมีความคิดเป็นของตัวเอง สิ่งที่มันชอบคือเหยื่อที่เป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ทำให้มันต้องมีสภาพแบบนี้... เดิมทีมันเป็นสิงโต ได้ตายลงไปแล้วจากการล่าของพวกทหารชั่ว ทว่าคนที่พวกมนุษย์เรียกว่าหมอผีกลับชุบชีวิตมันกลับมา และทดลองกับร่างกายนี้สารพัด ถลกหนัง ผ่าร่าง เอาเขาของสัตว์ชนิดอื่นมาเย็บติดกับหัว ศักดิ์ศรีเจ้าป่าที่มันทะนงตัวมาตลอดไม่มีเหลือ มัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24
  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 14 ร่องรอย

    “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นสัตว์ประหลาด” เจ้าหน้าที่ทางการสอบถามชายวัยกลางคนอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง พลางมองบรรยากาศรอบๆที่วุ่นวายไม่น้อย สภาพชาวบ้านบางคนที่ยังขวัญเสีย บางคนกำลังถูกรักษาโดยหมอที่โดนเรียกตัวมากะทันหัน สังเกตจากบาดแผลแล้วน่าจะเป็นสัตว์ร้ายมากกว่า “ขะ ขอรับ แม้พวกข้าจะเห็นไม่ชัด ตะ แต่มันเป็นสัตว์ประหลาดจริงๆ” โม่โฉวอธิบายเสียงสั่น หวนนึกถึงตอนเจอกับเจ้าสัตว์ที่หน้าตาน่าเกลียดน่ากลัว กลิ่นเหม็นคล้ายซากศพแล้วใจเต้นด้วยความหวาดกลัว ทว่าภายในใจก็อยากให้ทางการรีบไปช่วยเจียหมิงเร็วๆ ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นอย่างไร เขากับซูเหวินพากันหามจางหมิ่นมาถึงหมู่บ้าน พบว่ามีชาวบ้านบางคนมาถึงก่อนได้ไม่นาน สภาพร่างกายหลายคนเต็มไปด้วยบาดแผล เขาจึงสั่งให้ชาวบ้านรีบไปตามหมอกับทางการมา ท่ามกลางความตกใจและแตกตื่นของคนในหมู่บ้านที่เหลือ “เราไม่รู้ว่ามันคือตัวอะไร ทั้งยังมืดนัก หากสุ่มสี่สุ่มห้าเข้าไป เจ้าหน้าที่อาจเป็นอันตราย” เจ้าหน้าที่คนเดิมพูดอย่างมีเหตุผล ทว่าสายตากลับแอบเหลือบมองไปยังชายสวมหมวก ร่างกายสูงใหญ่ มีกลิ่นอายน่ายำเกรงอย่างหวั่นๆตลอดเวลา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-24

บทล่าสุด

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 54 ความทรงจำ

    ศตวรรษ 3053“สังหารมันซะ” เซนท์ หรือเฟลิกซ์ ซัลลิแวนสั่งเสียงเหี้ยม ดวงตาสีแดงอันเป็นเอกลักษณ์นิ่งเฉยแม้จะสั่งฆ่าคนเวลาผ่านไปอีก 1 ปี นับจากที่ลุงโรเบิร์ต บิดาของคนรักได้ส่งอาวุธมาให้ หลังจากนั้นเขาได้ทำสงครามกับจักรวรรดิไซเนียอย่างเต็มกำลัง ข่าวคราวจากโลกสีน้ำเงินขาดหายไปถ้านับระยะเวลาทั้งหมดก็เป็นเวลา 1 ปี แล้ว คล้ายขาดการติดต่อโดยสิ้นเชิง วันเวลาผันผ่านไปช่างยาวนานสำหรับเขา วันแล้ววันเล่าที่รอเวลากลับไปหาคนรักชายหนุ่มจับจี้เรืองแสงที่ใส่ไว้ติดตัวตลอดซึ่งเป็นของสำคัญที่เขาต้องนำไปคืนคนรัก รวมถึงแหวนตกทอดของเสด็จแม่ที่ท่านให้ไว้ก่อนสวรรคต เพื่อนำไปมอบให้เจ้าของของมัน และแล้ววันที่รอคอยก็มาถึง สงครามจบลงโดยที่จักรวรรดิซีอัสเป็นฝ่ายชนะสงครามโดยเขากำลังสั่งให้ทหารลงมือสังหารจักรพรรดิของไซเนียและผู้ที่เกี่ยวข้อง โดยไม่มีข้อยกเว้นใดๆ แม้จะชดเชยให้กับทหารที่เสียไปไม่ได้ก็ตาม“ระ เรามาเจรจากันดีหรือไม่” เสียงสั่นกลัวพยายามเรียกร้องการเจรจา“ไม่จำเป็น”

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 53 เด็กน้อยผู้โชคร้าย

    “ฮึก ฮึก” เจียวลู่หลังจากกลับจากร่ำลาพี่ใหญ่และทุกคน แอบมานั่งร้องไห้หลังครัวคนเดียว จุดเดิมที่เขาเคยนั่งกินปลาที่พี่ใหญ่แอบย่างให้กิน เขาคิดถึงพี่ใหญ่ พี่ใหญ่เป็นคนเดียวที่ดีกับเจียวลู่จากใจจริงในบ้านหลังนี้เรื่องเกิดขึ้นหลังจากที่เจียวลู่แอบไปได้ยินว่าจางหมิ่นติดเงินพนันในตอนที่พวกผู้คุมบ่อนมาตามทวงหนี้ถึงหน้าบ้าน ช่วงนั้นไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากเจียวลู่และจางหมิ่น เจียวลู่จึงได้ยินเรื่องราวทั้งหมด และโดนจางหมิ่นขู่ว่าถ้านำเรื่องไปบอกใครจะจัดการเขา เด็กน้อยที่กลัวว่าจะโดนพี่สามตี จึงปิดปากเงียบ วันต่อมาจางหมิ่นตัดสินใจขอเงินนางจ้านโดยอ้างว่านำไปลงทุน นางจ้านที่เห็นดีเห็นงามกับบุตรชายให้เงินที่พึ่งได้รับมาหมาดๆไปทั้งหมด เรื่องราวเหมือนจะจบลงแค่ตรงนั้นทว่าผ่านไปเกือบเดือนจางหมิ่นกลับไปเล่นพนันอีก จนกระทั่งพวกคุมบ่อนตามมาทวงอีกรอบ คราวนี้เรื่องเลยแดงขึ้น เนื่องจากตอนนั้นทุกคนอยู่บ้านกันหมด ยกเว้นเหยาฉือที่โดนนางจ้านไล่ออกจากบ้านไปแล้ว ด้วยเงินที่ค้างไว้หลายเหรียญเงิน พวกเขาไม่สามารถหามาจ่ายได้ พวกคุมบ่อนเลยจะ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 52 ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ

    “ขะ ข้าขอเวลาอีกนิด เงินจำนวนนี้ข้าต้องแบ่งจ่ายให้กับพนักงาน” เถ้าแก่ใช้จุดบอดตอนหันหลังให้พวกมัน รีบยื่นตั๋วเงิน พร้อมรับค่าธรรมเนียมมาอย่างรวดเร็ว พลางกล่าวออกไปนับตั้งแต่โดนเจ้าถิ่นเข้ามาหาเรื่อง ยอดลูกค้าก็ตกลงอย่างเห็นได้ชัด กำไรที่ได้ก็ต้องแบ่งจ่ายให้พวกมัน ทำให้บางครั้งต้องติดค่าแรงพนักงานไว้ ผัดผ่อนหลายครั้ง ควักเงินส่วนตัวออกมาจ่ายก็หลายหน จะแจ้งทางการก็กลัวอิทธิพลของพวกมันชายชราอย่างเขาทำการค้าแลกเปลี่ยนตั๋วเงินด้วยความสุจริตมาตลอดระยะเวลาหลายสิบปี เกรงว่าจะนำความเดือดร้อนไปสู่ลูกหลาน พวกเขาออกเรือน แยกย้ายไปสร้างครอบครัวกันหมดแล้ว ไม่มีคนหนุนหลัง มีแต่สองมือที่สร้างด้วยน้ำพักน้ำแรงตัวเอง จะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนต่อกรกับคนเลวพวกนี้ได้ นอกจากกล้ำกลืนฝืนทนจ่ายให้จบๆ“เห็นพวกข้าเป็นคนการกุศลงั้นรึ จ่ายมาเร็วๆ!!!” ชายร่างสูงใหญ่ตะคอกเสียงดัง มันไม่สนเหตุผล ข้ออ้างร้อยแปดอะไรทั้งนั้น วันนี้ต้องได้เงินกลับไปมอบให้กับนายท่าน“คนอย่างพวกเจ้ารู้จักคำว่ากุศลด้วยรึ” เจียหมิงตัดสินใจโพล่งออกไป แม้จะดูเสียมารยาท แต่อดไ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 51 แลกเปลี่ยนตั๋วเงิน

    “อาหย่อยยยย” เหลียนฮวาตะโกนด้วยความสุขใจ จับแก้มกลมหลับตาพริ้ม ลิ้มรสอาหารที่ท่านพ่อท่านลุงผลัดกันป้อน โรงเตี๊ยมแห่งนี้อาหารช่างเป็นเลิศ นางมองอาหารหลายจานที่ทยอยนำมาเสิร์ฟ อาหารปรุงสุกอย่างไรก็ดีกว่าอาหารสำเร็จรูปแบบในโลกก่อนนางอยู่แล้ว เสียดายบอทเต้กับโรบอทไม่จำเป็นต้องกินอาหาร ถ้าทั้งสองได้มาชิมคงจะคิดไม่ต่างกัน“โรบอทแค่เห็นเจ้านายกินก็มีความสุขแล้วขอรับ” เสียงแว่วของโรบอทดังผ่านความคิด ส่วนบอทเต้ไปปฏิบัติภารกิจที่นายท่านมอบหมายไว้อยู่ ท่านพ่อบอกว่าพวกเราไม่ต้องกลัวสายตาสงสัยของคนในหมู่บ้านอีกแล้ว สามารถใช้เงินที่หามาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้อย่างเต็มที่ ส่วนท่านลุงเองก็มีเงินเก็บเยอะขึ้น เพราะไม่ต้องมีปลิงคอยสูบเงินแถมยังออกล่าสัตว์เกือบทุกวันกับท่านพ่อ นอกจากนี้ยังมีอาชีพเสริมเป็นนายหน้านำของในมิตินางไปขาย นางแบ่งปันเงินแต่ล่ะส่วนที่ได้มาให้เท่ากันทุกคนทุกวันนี้ในกระเป๋าผ้าใบใหญ่ที่ท่านพ่อซื้อให้ยังนอนอยู่ในมิติ ซึ่งเต็มไปด้วยเหรียญหนักอึ้งจนยกไม่ไหว ต้องให้พ่อกับลุงช่วยยก หลังกินข้าวเสร็จ พวกเราจะไปโรงเตี๊ยมสำหรับแลกเงินกันต

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 50 โรงเตี๊ยมหมื่นลี้

    “ว้าว คนเยอะมักเจ้าก่ะ” เมื่อมาถึง ทั้งสามคนตื่นเต้น มองผู้คนในเมืองหลวงที่แต่งตัวดูดี พ่อค้าแม่ค้าข้างทาง ของขายมีเยอะจนเลือกไม่ถูก หลายคนดูเหมือนมาจากตระกูลชนชั้นสูงรถม้ามีตราสัญลักษณ์เฉพาะตระกูลวิ่งขวักไขว่ไปมา“เหลียนเอ๋อร์อยู่ใกล้ๆพ่อกับลุงเจ้าไว้นะ” เจียหมิงที่ลายตา เพราะไม่รู้จะเดินไปทางไหนดี คล้ายบ้านนอกเข้ากรุงอย่างไงอย่างงั้น“จะ เจียหมิงเราจะไปทางไหนดี” เหยาฉือสับสน ไม่เคยมาเมืองหลวงมาก่อน“อืม ข้าก็ไม่แน่ใจ คิดว่าเราไปหาอะไรกินก่อนดีกว่า” เจียหมิงก็ใช่ว่าจะรู้ทาง เขาพาทุกคนสุ่มเดินไปตามทางเรื่อยๆ หากเจอร้านอาหารค่อยแวะปรึกษากันอีกครั้ง “เดี๋ยว พวกเจ้าจะเข้ามาในร้านไม่ได้” ในที่สุดพวกเขาก็เจอโรงเตี๊ยมอาหารขนาดกลางแห่งหนึ่ง ตัดสินใจพากันเดินเข้าไปหาอะไรกิน ทว่าหญิงที่คาดว่าเป็นเสี่ยวเอ้อร์เอ่ยดักทั้งสามไว้ สายตาดูถูกมองผู้มาใหม่หัวจรดเท้า แอบชะงักชั่วครู่เมื่อกี้นางรู้สึกได้ถึงสายตากดดันจากเด็กน้อย แต่สลัดความคิดลง สงสัยจะตาฝาดไปเอง“เอ่อ ที่นี่ไม่ใช่ร้านอาหารหรือขอรับ” เจียหมิงถามอย่างสงสัย ไม่

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 49 เดินทาง

    “เก็บของเสร็จหรือยัง” และแล้ววันเวลาก็ผ่านไป โรบอทกับบอทเต้ได้ฝึกและให้ความรู้แก่นายท่านพวกมันจนมั่นใจว่าวิชาที่มอบให้จะช่วยให้พวกเขาชนะศัตรูได้ ทั้งดาบ ธนู หอก ปืน หน้าไม้ โรบอทรับหน้าที่ฝึกให้จนชำนาญ ส่วนบอทเต้ได้มอบความรู้ด้านกลยุทธ์ แผนการและวิธีทำอาวุธใช้เอง ไม่เว้นแม้แต่ตัวอักษรของโลกใบนี้บอทเต้ก็สามารถสอนได้บัดนี้นับว่าท่านพ่อและท่านลุงของนางพร้อมสำหรับการรบแล้ว ทุกวันพวกเขาจะฝึกกันถึง 3 รอบ บริเวณหลังบ้าน เพื่อไม่ให้ใครเห็น เรียกว่าเวลาเกือบเดือนที่ผ่านมานี้แทบไม่มีใครเห็นตัวท่านพ่อกับท่านลุง เนื่องจากเก็บตัวเงียบ ส่วนนางก็ไม่ออกไปเล่นที่ไหน แม้เสี่ยวหยวนจะมาชวนหลายครั้งเหลียนฮวาที่ถูกห่อตัวด้วยผ้าหนาๆคล้ายเสี่ยวเหมา แก้มแดงปลั่งเพราะอากาศหนาว นางสะพายกระเป๋าผ้าที่มีเสบียงของตัวเองไว้ด้านหลัง ส่วนท่านพ่อท่านลุงมีจำพวกของใช้ เสื้อผ้าในถุงผ้าขนาดใหญ่เช่นเดียวกัน“เสดแย้ว” เหลียนฮวาชูมืออย่างดีใจ เหมือนได้ออกไปผจญภัยกับทุกคน โรบอทกับบอทเต้นางให้เข้าไปในมิติแล้ว เกรงว่าถ้าคนอื่นมาเห็นเข้าจะพากันตกใจ แล้วแห่มาบ้านนางไม

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 48 เริ่มฝึก

    “แฮ่กๆ ละ ลุงต้องทำ อะ อีกกี่ครั้ง” หลี่เหยาฉือเหงื่อเปียกชุ่มเอ่ยถามหลานสาวเสียงหอบ เสื้อผ้าของเจียหมิงที่ใส่อยู่แนบลู่ติดไปกับตัว หลานสาวปลุกเขาตั้งแต่เช้าให้มาทำท่าแปลกๆที่เรียกว่าออกกำลังกาย“อีกยี่สิบครั้งเจ้าก่ะ ห้ามหยุดน้า” เหลียนฮวาให้ท่านลุงของนางทำท่าซิทอัพเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อ ลดไขมันบริเวณหน้าท้อง ท่าต่อไปต้องเพิ่มกล้ามแขน ส่วนท่านพ่อของนางทำครบแล้ว เพราะลดเหลือวันละเซ็ต ตอนนี้น่าจะไปส่งจดหมายให้ทางการอยู่“อ่า ฮึบ แฮ่กๆ”“18 19 20 เย้ ท่างยุงเก่งที่สุด แปะๆ” เด็กน้อยกะโดดโลดเต้นผิดกับเทรนเนอร์สุดโหดเมื่อสักครู่“แฮ่กๆ ท่าต่อไป จัดมาเลย ลุงไหว” เหยาฉือที่บ้ายอ พอโดนหลานชมเก่งที่สุดก็มีแรงฮึดสู้ ไม่หวั่นแม้จะเหนื่อยแค่ไหน เข้าทางเด็กน้อยที่รอคำนี้อยู่แล้ว เวลาหนึ่งเดือนท่านพ่อและท่านลุงของนางต้องมีซิกแพ็ค เฮ้ย มีกล้ามเนื้อ แข็งแรงพอที่จะจับปืน จับดาบต่อสู้กับพวกศัตรูได้อย่างไม่แพ้ใคร ครึ่งเดือนผ่านไปเคล้ง เคล้ง! “ย๊า เจียหมิง เจ้าอย่าได้ออมแรง” เสียงชายผิ

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 47 ครอบครัว

    “ท่างป้อ ท่างยุง” เหลียนฮวาที่ตื่นนอนนานแล้ว ลุกมาพับที่นอน ใช้ฝักบัวน้อยๆรดน้ำผักรอท่านพ่อ พอได้ยินเสียงก็รีบวางทุกอย่างลงวิ่งดุกดิกเข้ามาหา พอเห็นว่าลุงมาด้วยก็ร้องเรียกอย่างดีใจ นางขมวดคิ้วมองสภาพของลุงที่เสื้อผ้าเปื้อนฝุ่นเล็กน้อย ตรงหน้าท้องมีรอยเท้าชัดเจน ใครบังอาจทำท่านลุงของนาง หลงลืมเรื่องที่ตัวเองต้องไปอยู่กับท่านลุงยามพ่อไปรบชั่วขณะ “เหลียนเอ๋อร์หลานลุง” หลี่เหยาฉืมองหลานแสนรักด้วยความคิดถึง “เกิดเยื่องไรเจ้ากะ ครายทามยุง” “เข้าบ้านกันก่อนสองลุงหลาน เราค่อยมาปรึกษาเรื่องนี้กันอีกที” เจียหมิงเรียกทุกคนไปคุยในบ้าน ก่อนที่เขาจะเปรยเรื่องขึ้นมา “แล้วเจ้าจะเอาอย่างไรต่อเจียหมิง” เหยาฉือถามหลังจากพวกเขานั่งพูดคุย โดยมีเจ้าตัวน้อยตั้งใจฟังด้วย เด็กน้อยขมวดคิ้วไม่พอใจยามได้ยินเรื่องราวของท่านลุง หนอย ยายเฒ่ามหาภัย บังอาจทำร้ายท่านลุง แค้นนี้สักวันเหลียนเอ๋อร์จะชำระให้เอง “ข้าคิดมาสักแล้วว่าจะลองส่งเรื่องร้องขอทางการ หากพวกเขาไม่เห็นด้วย ข้าจะหาทางทำทุกอย่า

  • ดอกบัวในสงคราม   ตอนที่ 46 ตัดขาด

    “นี่ๆ เจ้าได้ยินประกาศหรือยัง” เสียงซุบซิบนินทาดังไปทั่ว หลังมีประกาศเป็นราชโองการออกมา นั่นหมายถึงไม่มีใครสามารถขัดได้ ชาวบ้านหลายคนพากันร้องห่มร้องไห้ ตีระฆังร้องทุกข์ ขอคัดค้าน เนื่องจากในบ้านมีเสาหลักเป็นผู้ชายเพียงคนเดียว หากต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร ชีวิตคนที่เหลือต้องพบเจอความยากลำบาก บางบ้านมีบุตรชายหลายคน เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง ถึงขั้นต่อยตีกันเสียงดังว่าใครจะเป็นคนไป บางบ้านมีลูกรักลูกชัง การเลือกจึงไม่ใช่เรื่องยากเสียงคร่ำครวญยังดังต่อเนื่อง ชาวบ้านหลายคนสีหน้าอมทุกข์ นับตั้งแต่มีประกาศออกมา เหยาฉือและเจียมิงก็กำลังเผชิญปัญหานั้นเช่นเดียวกัน “ป้อจ๋า นุจะไปด้วย” เหลียนฮวาเบะปากน้ำตาซึม หลังท่านพ่อจะต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหาร นางได้ยินคนคุยกันว่าจะต้องส่งไปครอบครับละหนึ่งคน ซึ่งพวกเราแยกบ้านออกมาแล้ว ดังนั้นท่านพ่อต้องเข้าร่วมกองทัพอย่างเลี่ยงไม่ได้ ทว่าสิ่งที่ทำให้นางร้อนใจยิ่งกว่าคือการที่ท่านพ่อตัดสินใจจะพานางไปฝากเลี้ยงไว้กับบ้านเดิม“พ่อขอโทษเหลียนเอ๋อร์ แต่กองทัพอันตรายเกินไป พ่อพาลูกไปด้วยไม่ได้” เจีย

DMCA.com Protection Status