Share

บทที่ 2 เช้าอันวุ่นวาย 80%

เสียงกรีดร้องยาวเหยียดดังระดับร้อยยี่สิบเดซิเบล ทำให้คนที่อยู่บ้านใกล้กันถึงกับสะดุ้งเฮือก คีรินหันไปตามเสียง ก่อนจะหันมาหาชายหนุ่มรุ่นน้องที่กำลังตักข้าวเข้าปาก ปรัชญาตกใจถึงกับปล่อยช้อนหลุดมือหล่นลงไปในจาน

“ฉิบหายละพี่คี เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เขาร้องทำไมอ่ะ”

“ไม่รู้ นายไปดูหน่อย คงตกใจที่ตื่นมาแล้วไม่รู้ว่าอยู่ที่ไหนละมั้ง” คีรินเอ่ยเสียงเรียบ ๆ ราวกับคุ้นเคยกับเสียงนี้เป็นอย่างดี

“ครับ” ปรัชญาตอบก่อนจะหันไปหาหทัยรัตน์

“เดี๋ยวผมมากินต่อนะครับแม่ อย่าเพิ่งเก็บ” ว่าแล้ววางจานอาหารที่เหลือครึ่งจานไว้บนโต๊ะกลางของโซฟา ก่อนจะรีบเผ่นพรวดกลับไปยังกระท่อมของตัวเอง

“เกิดอะไรขึ้นคุณ” เขาถามหญิงสาวที่นั่งอยู่กับกองผ้านวมแล้วส่งเสียงกรีดร้องดังลั่นไม่หยุด มือก็ทุบหมอนทุบผ้าห่มไปด้วย พอเห็นหน้าเขา เธอก็ลุกพรวดขึ้นมาชี้นิ้วใส่แล้วถามเสียงดังลั่น

“นาย ไอ้หน้าวอก นายทำอะไรฉันเมื่อคืนนี้ ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ นายข่มขืนฉันใช่ไหม” ปรัชญาอ้าปากค้าง ตาเหลือกลานอย่างตกใจกับข้อกล่าวหา เขากลืนน้ำลายลงคอก่อนจะตั้งสติตอบ

“บ้า ผมไปทำอะไรคุณ ก็พี่คีให้ผมไปรับคุณมา แล้วกุญแจบ้านก็ไม่มี เขาให้ผมเอาคุณมานอนที่นี่ก่อน”

“ให้มานอนที่นี่แล้วนายให้ฉันนอนข้างเตียงนี่นะ”

“ใช่ ตอนแรกผมก็จะให้คุณนอนบนเตียงนั่นแหละ แต่คุณอ้วกเลอะเทอะไปหมด ผมเลยให้คุณนอนข้างเตียง แล้วผมก็นอนบนเตียง สาบานได้ไม่ได้แตะต้องอะไรคุณเลยแม้แต่นิดเดียว แค่เช็ดอ้วกให้เท่านั้นเอง”

“เช็ดอ้วก!” คนอ้วกนิ่งงันไป “ฉันนี่นะอ้วก” ชี้นิ้วหาตัวเอง

“ใช่ คุณนั่นแหละ อ้วกเลอะเทอะไปหมด อ้วกใส่เสื้อผมด้วย นี่ผมเมตตาที่เห็นว่าเป็นน้องสาวพี่คีหรอกนะ ถึงได้ไม่เอาไปโยนทิ้งหน้าบ้านน่ะ ยังเช็ดอ้วกให้แล้วปล่อยให้นอนในห้องผมเนี่ย ยังจะโวยวายอีก ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ เอาแต่โวยวายส่งเสียงกรี๊ด ๆ ผมข่มขืนไม่ลงหรอกบอกตรง ๆ เงียบเสียงแล้วกลับไปนอนบ้านคุณได้แล้ว ปวดหัวฉิบ” ปรัชญาว่าอย่างหงุดหงิด

“ฉันไปแน่ ไม่อยู่ห้องซอมซ่อนี่หรอก แล้วนายเอากระเป๋าฉันไปไว้ที่ไหน ถึงเหลือแต่ของกองไว้เนี่ย อย่าบอกนะว่าแอบขโมยกระเป๋าฉันไปขาย”

“ขโมยกระเป๋าคุณไปขาย โอ้ย ประสาทป่ะเนี่ย ใครจะเอากระเป๋าใบกระจิ๋วนั่นไปขาย ไร้สาระ ก็คุณน่ะอ้วกเลอะกระเป๋าไปหมด ผมเลยเอาไปล้างน้ำ แล้วเอาไปแขวนตากแดดไว้ให้ข้างนอกโน่น”

“เอาไปล้างน้ำ แล้วเอาไปตากแดด” เจ้าของกระเป๋าอ้าปากค้าง ตาถลนออกมาทำท่าเหมือนจะช็อค เธอรีบวิ่งออกไปข้างนอก

เห็นสภาพกระเป๋าใบสวยที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนราวแขวนดอกไม้กลางแดดจัดจ้าแล้วถึงกับขาเปลี้ยทรุดนั่งลงกองกับพื้น

“นายเอากระเป๋าฉันไปล้างน้ำ แล้วเอาไปตากแดด กรี๊ดดด!!!”

“เฮ้ย เป็นอะไรไปอีกเนี่ย ก็นั่นไง มันก็แขวนอยู่นั่นก็ไปเอามาสิ มานั่งกรี๊ด ๆ อยู่ทำไมอีก รีบเอาแล้วรีบไปซะ ผมจะเป็นบ้าเพราะคุณมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วเนี่ย”

“นายมัน มัน มันไม่รู้เรื่องอะไรเลย นายรู้มั้ยว่ากระเป๋านั่นมันทำด้วยอะไร ราคาเท่าไหร่” เธอชี้ไปยังกระเป๋าราวกับคนหมดแรง

“ผมไม่อยากรู้หรอกว่ามันจะทำด้วยอะไร ราคาเท่าไหร่ เพราะผมไม่คิดจะซื้อมาใช้ รู้แต่ว่าคุณอ้วกใส่ ขืนปล่อยไว้จนอ้วกมันแห้งเกาะกระเป๋าแล้วจะล้างออกยาก ผมเอาไปล้างให้ด้วยความหวังดี ยังจะมาโวยวายอะไรอีก รีบเอากระเป๋าแล้วกลับบ้านไปเลยไป ผมจะไปกินข้าวต่อ เหนื่อยกับคุณจนสุดทนแล้วเนี่ย”

“แต่นายต้องรู้ นั่นมันกระเป๋าชาเนล ทำด้วยผ้าแคชเมียร์ทวีด บอบบางมาก ต้องดูแลรักษาอย่างดี แล้วนายก็เอาไปล้างน้ำแล้วเอาไปตากแดด ฮือออ กว่าฉันจะซื้อมาได้ฉันต้องรอคอยนานแค่ไหนนายรู้ไหม นานมากกว่ามันจะเข้ามาถึงชอปในไทย และที่สำคัญ ฮือ ฉันต้องสัญญากับพี่ชลว่าถ้าได้ตังค์สามแสนไปซื้อมันมาแล้วฉันจะกลับมาอยู่ที่บ้าน แล้วนายก็ทำมันพัง ฮือออ!!!”

ร่างบางที่นั่งกองอยู่บนพื้นระเบียงหน้ากระท่อมทำท่าราวกับคนแขนขาอ่อนแรง สายตาจับจ้องยังกระเป๋าสีชมพูที่แขวนอยู่เหมือนของไร้ค่า ไม่มีเรี่ยวแรงจะหยัดยืนเพื่อเดินไปหยิบมันมาดู

“สามแสน! กระเป๋าบ้าอะไรตั้งสามแสน” ปรัชญามองกระเป๋าสีชมพูที่ห้อยต่องแต่งอยู่ตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อสายตา

เขารู้ว่ามันมีกระเป๋าที่ราคาแพงเช่นนี้อยู่จริง แต่ไม่คิดว่าใบที่แขวนอยู่นั้นจะราคาตั้งสามแสน เพราะคนที่ใช้กระเป๋าในราคาระดับนี้ส่วนใหญ่ก็ต้องเป็นกลุ่มคนไฮโซ ดาราดัง หรือเซเลบริตี้ทั้งหลายที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้

เขาไม่คิดว่าเธอจะไปซื้อของพวกนี้มาใช้ เพราะเท่าที่รู้จากคีรินก็คือ เธอเป็นเพียงพนักงานบริษัทธรรมดาที่อยู่ฝ่ายการตลาด เงินเดือนบวกคอมมิชชั่นเดือนนึงก็แค่ห้าหกหมื่นบาท คีรินถึงพยายามจะเรียกน้องสาวให้กลับมาอยู่บ้านเพราะทำงานไปก็ไม่เคยมีเงินเก็บ ยังต้องรบกวนเงินที่บ้านอยู่ทุกเดือน

“มันต้องยับเยินหมดแล้วแน่ ๆ ฮือ ๆ” เลิกโวยวายกลายเป็นร้องไห้เสียงสะอึกสะอื้นเหมือนจะขาดใจแทน จนคนที่ยืนมองอยู่ใจยวบลงนิดนึง

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status