แชร์

๖ ปรับตัว

ปรับตัว

ความเงียบของห้องทำให้ได้ยินเสียงเครื่องปรับอากาศ อาการตกใจกลัวแปรเปลี่ยนไปทันทีเมื่อมีอาวุธลับของชายหนุ่มดันที่หน้าขา ใบหน้าหวานแดงซ่านทั้งยังเม้มปากแน่น เธอควรจะผละหนีแล้วระดมทุบตีร่างสูงแต่ก็ไม่อาจทำได้เนื่องจากโดนรัดแน่นจากตัวต้นเหตุ

..หน้าสิ่วหน้าขวานยังมาคิดลามกอีก

“อะ ไอ้บ้ากาม” เสียงเล็กเอ่ยติดขัดแล้วดันแผ่นอกหนาเพื่อเอาตัวออกห่าง

ทว่าสายไปเสียแล้วในเมื่อเสือตื่นมีหรือจะปล่อยให้เหยื่อรอดพ้นไป ได้ง่าย

“เธอเป็นฝ่ายกระโดดมาหาฉันเองนะ” กลิ่นสบู่ของหญิงสาวโชยเข้าจมูกอีกครั้ง ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่ไวต่อกลิ่น หากวันนี้ต่างออกไป

..ไม่รู้ว่าบุลลาใช้สบู่หรือยาสระผมยี่ห้ออะไรถึงได้ทำให้เป็นบ้าได้ขนาดนี้

“ก็ฉันกลัว ใครจะไปรู้ว่านายจะ จะเป็นแบบนี้เล่า!” สัมผัสได้ถึงการขยาย ตัวใหญ่ขึ้นของส่วนนั้นจึงใช้ความพยายามดันตนเองออกโดยไม่รู้เลยว่า ยิ่งดิ้นก็ยิ่งทำให้อารมณ์ของบุรุษเพศเพิ่มขึ้นและตอนนั้นเองที่เขาไม่สามารถกักเก็บความต้องการที่มีต่อหล่อนเอาไว้ได้

“เรามาทำคืนเข้าหอให้สมบูรณ์แบบกันเถอะ” ร่างหนาพลิกกายขึ้นทาบทับคนตัวเล็กอย่างรวดเร็วพร้อมถอดเสื้อกล้ามออกแล้วเหวี่ยงไปตกพื้นห้องก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบริมฝีปากเล็กเพื่อปิดกั้นเสียงร้องและนั่นเป็นโชคดีของเขาเพราะได้ส่งลิ้นเข้าไปสำรวจโพรงปากของอีกฝ่าย เกี่ยวกระหวัดหยอกล้อจนอารมณ์ที่จะขัดขืนตอนแรกโอนอ่อนลง

พณณกรใช้ความชำนาญในการเล้าโลม สอดมือเข้าไปสัมผัสผิวลื่นแล้วชะงักเมื่อพบว่าเธอสวมบรา ริมฝีปากที่ตะโบมจูบหยุดชะงักชั่วครู่และผละออกมา

“คิดว่าชั้นในจะช่วยเธอหรือไง”

ตอนนี้ดวงตากลมโตมีแววหวานเชื่อมเพียงแค่โดนจุมพิตเท่านั้น หัวสมองเบลอไปชั่วขณะไม่อาจเรียบเรียงคำพูดของร่างสูงได้ กระทั่งอีกฝ่ายก้มลงมาปิดปากอีกครั้งและคราวนี้ยาวนานเหลือเกินในความรู้สึก

คนที่ไม่เคยได้สัมผัสอารมณ์รัญจวน หลงระเริงในวังวนที่เขาสร้างขึ้น ไม่รู้แม้กระทั่งว่าเสื้อถูกถอดออกตอนไหนและชั้นในที่ใส่เพื่อปกปิดทรวงอกถูกถอดจนเผยให้เห็นร่างกายท่อนบน

แสงไฟจากข้างนอกส่องมาพอให้เห็นความงดงามของหญิงสาว ผิวขาวเนียนส่องสว่างจนดวงตาคมพร่ามัวไปชั่วขณะ เขาเลื่อนจากริมฝีปากของเธอมายังดอกบัวคู่งาม ดอมดมและดูดกลืนราวคนหิวกระหาย ฝ่ามือหนาเคล้นคลึงด้วยความเมามันในอารมณ์

จนคนใต้ร่างแอ่นกายขึ้นเพื่อรับสัมผัสนั้น

ลืมสิ้นความเขินอายเมื่อเขาพาเธอท่องไปในดินแดนมหัศจรรย์ที่ตนเองไม่เคยได้ไป เท้าเล็กจิกผ้าปูที่นอนในขณะที่มือก็ขูดแผ่นหลังหนาจนเป็นรอยแดง

“หยะ อย่า” พยายามข่มใจปฏิเสธการกระทำที่ไม่สมควร ทั้งที่เสียงแผ่วเบาเหลือเกิน

“แต่ดูเหมือนร่างกายเธอชอบนะ” น้ำเสียงเขาแหบพร่าทั้งยังรอยยิ้มเจ้าเล่ห์นั่นอีก

บุลลาแสนเกลียดเหลือเกินแต่ที่เกลียดยิ่งกว่าคือหัวใจของตนซึ่งเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อสบสายตาคู่นั้น

กางเกงของหญิงสาวถูกเขาดึงลงไปกองที่เท้าและปราการชิ้นสุดท้ายที่ปกปิดจุดอ่อนไหวของหล่อนก็อันตรธานหายไปโดยฝีมือของหนุ่มชั่วโมงบินสูงคนนี้

พณณกรยอมรับว่ารูปร่างของบุลลาสวยไร้ที่ติ เธอมีผิวขาวเนียนละเอียดทั้งยังกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทรวงอกที่ไม่ได้ใหญ่มากจนเกินไปแต่พอดีกับมือของเขา ราวสร้างมาเพื่อกันและกัน ไฝขนาดเล็กใต้ฐานอกมันน่าหลงใหลจนเฝ้าจุมพิตหลายครั้ง

“อือ” เสียงครางดังขึ้นราวถูกจี้จุดอ่อนไหว เขายกยิ้มมุมปากแล้วใช้ลิ้นเลียฐานบัวคู่งามก่อนขยี้เม็ดสีชมพูจนแข็งเป็นไต

ร่างบางก็สู้มือเสียเหลือเกิน เธอบิดตัวไปมาผวากอดเขาหลายรอบ ไม่แม้แต่จะโต้ตอบเกมรัก สร้างความสงสัยให้คนเจนสนาม จนบางครั้งเผลอคิดว่าบุลลาไร้เดียงสา

ไม่มีทาง..ผู้หญิงที่หวังอ่อยเพื่อนเขาในโรงเก็บหญ้านะหรือจะบริสุทธิ์ ให้คนออกลูกเป็นควายยังง่ายกว่าเลย

กางเกงของร่างสูงถูกถอดอย่างรวดเร็วเพราะไม่ชอบใส่ชั้นในนอนทำให้ทั้งกายเปล่าเปลือยเหมือนคนใต้ร่าง

พณณกรไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไปในเมื่อจุดยุทธศาสตร์แข็งขืนจึงรีบเข้าไปในช่องทางสีหวานทำเอาคนไม่เคยโดนล่วงล้ำถึงกับผวากอดผู้นำทาง

“มะ ไม่” ปากปฏิเสธแต่ร่างกายกลับตอบสนองอย่างไม่รู้ตัว

“อย่าปากแข็งหน่อยเลย ฉันรู้ว่าเธอชอบ” บอกพร้อมกัดฟันเนื่องจากรู้สึกว่าช่องทางของเธอจะคับแน่นเหลือเกินราวไม่เคยมีคนเบิกทางและวินาทีนั้นเองที่ทำให้คนเจนจัดได้รับรู้บางอย่าง

..เธอยังบริสุทธิ์!

การเคลื่อนตัวเข้าไปแม้จะมีน้ำหล่อลื่นช่วยแต่ก็ยากลำบากเหลือเกินด้วยขนาดที่ใหญ่โตของชายหนุ่มทำเอาใบหน้าหวานเหยเก ส่ายหัวจนเส้นผมกระจาย

“เจ็บ ฉันเจ็บ” น้ำตาคลอเต็มเบ้าจนร่างสูงนึกสงสารโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตที่ริมฝีปากมอบความอ่อนโยนให้เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ จากนั้นจึงค่อยขยับให้กายลึกเข้าไปจนกระทั่งแนบชิดกัน เขานิ่งค้างเอาไว้ให้เธอได้ทำความคุ้นชินก่อนจะเริ่มขยับสะโพกอย่างเชื่องช้า

บุลลารู้สึกราวร่างกายกำลังล่องลอยอยู่ในอากาศ เสียงเนื้อกระทบกันดังก้องไปทั่วห้อง เคล้าคลอกับเสียงครางซึ่งต้องการระบายอารมณ์ที่เกิดกับตนเอง ไม่เคยได้พานพบเลยตั้งแต่แตกเนื้อสาว แม้ใจอยากจะลองก็กลัวเจ็บปวด ทว่าวันนี้ได้รู้แล้วว่านอกจากความเจ็บมันยังแฝงไปด้วยความอิ่มเอม ยามที่ได้ยินเสียงเนื้อกระทบกัน เหมือนเท้าของเธอค่อยๆ ลอยเหนือพื้น มือเอื้อมไปแตะก้อนเมฆรับรู้ถึงความนุ่ม

อารมณ์ขับเคลื่อนไปเรื่อยก่อนทุกอย่างจะค่อยเบาลงและร่างสูงหยุดเคลื่อนไหวปล่อยน้ำรักออกมาเต็มพร้อมซบใบหน้าลงบนบัวตูมคู่งาม หอบหายใจถี่

คืนเข้าหอที่หลับตั้งแต่หัวค่ำใครจะคิดว่าได้ใช้ช่วงเวลาที่ดีด้วยกันในกลางดึกซึ่งลมพัดโชยกลิ่นดอกราตรี ความมืดโอบอุ้มบ้านทั้งหลังเอาไว้จนทำให้หญิงสาวสร้างความกลัวแล้วเปิดโอกาสให้พ่อเสือหนุ่มได้ขย้ำเหยื่ออย่างเต็มที่

พณณกรยิ้มอย่างมีความสุขเมื่อได้รู้ว่าเขาเป็นคนแรกของเธอ

ใช่แล้ว..บุลลาเป็นผู้หญิงของเขาอย่างสมบูรณ์แบบตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

แสงตะวันส่องเข้ามาในห้องนอนที่มีร่างสูงเหยียดกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนหนาโดยไร้ซึ่งอาภรณ์ปิด มือหนาควานหาร่างเล็ก หวังจะคว้ามากอดแต่ก็ต้องพบเพียงความว่างเปล่าและที่นอนเย็นชืดบ่งบอกว่าคนข้างกายลุกจากที่นอนไปนานแล้ว ทำให้พณณกรจำต้องลืมตาลุกขึ้นนั่งหันซ้ายแลขวาก็ไร้เงาของบุลลา

นี่เขาถูกฟันแล้วทิ้งเหรอ..

คิดในใจแล้วเกาศีรษะก่อนจะมองคราบน้ำรักเปื้อนที่นอนยังมีรอยเลือดขนาดเล็กจนเขาแอบอมยิ้มคว้ากางเกงบอลซึ่งวางบนพื้นข้างเตียงขึ้นมาสวม ไม่สนใจเสื้อกล้ามสักนิด

คนตัวสูงก้าวออกจากห้องนอนมองไปโซนครัวก็เห็นคนตัวเล็กในชุดเสื้อยืดตัวโคร่งสั้นจนเห็นเรียวขาขาวที่เขาแอบฝากรอยสีกุหลาบเอาไว้

ที่จริงเขาก็ทำรอยไว้ทั้งตัวเธอนั่นแหละ ไม่น่าเชื่อว่าร่างบางจะมีแรงลุกขึ้นมาทำอาหารเช้าทั้งที่เมื่อคืนโดนเขาเล่นไปหลายยกแท้ๆ

..อึดเหมือนกันนะเนี่ย

ค่อยๆ ย่องไปทางด้านหลังแล้วกอดเข้าที่เอวเล็กจนคนไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยง เกือบทำหม้อข้าวต้มตกพื้นเสียแล้ว

“ทำบ้าอะไรของนาย!” เอ็ดเสียงเขียวพยายามจะออกจากอ้อมกอดนี้ แต่ก็ไม่เป็นผลจนเริ่มคิดแล้วว่าเขาเป็นคนหรือยักษ์กันแน่ถึงมีเรี่ยวแรงมหาศาล

“กอดเมีย” พูดอย่างไม่กระดากปากเพราะเมื่อคืนเขาเป็นคนย้ำชัดถึงความสัมพันธ์เอง

ตอนนี้บุลลาเป็นของนายพณณกรทางพฤตินัยแล้ว จะเหลือก็ทางนิตินัย..

“วันนี้ไม่ต้องไปทำงานนะ” อันที่จริงหญิงสาวก็ไม่ได้โผล่ไปที่ไร่เป็นเดือนแล้ว เงินก็ไม่ได้จนแทบจะกินแกลบจึงคิดว่าหลังแต่งงานจะกลับไปทำตามปกติ เดี๋ยวไม่มีกินไม่มีใช้

“ฉันจะไป” คนดื้อดึงยังคงสนใจข้าวต้มตรงหน้าทั้งที่โดนกอดเอว พยายามไม่หันไปสนใจเขาเพราะกลัวชายหนุ่มเห็นใบหน้าแดงก่ำจากความเขิน

“ถ้าเธอไปฉันตามไปลากถึงที่แน่ จะจูบโชว์คนงานด้วย เอาแบบนั้นไหม” คำขู่สร้างความกลัวให้แก่คนตัวเล็ก

“นายไม่กล้าหรอก” ตอบกลับเสียงสั่นเล็กน้อย

“ลองดูไหมล่ะ จะได้รู้ว่าฉันกล้าหรือไม่กล้า” ใครจะไปลองเล่า แค่เมื่อคืนเอวก็เคล็ดจนเดินยากอยู่แล้ว ที่จริงถึงเขาไม่บอกวันนี้ก็กะจะลาอีกหนึ่งวันนั่นแหละ จะเรียกว่าลาได้ไหมเล่าในเมื่อขาดงานเป็นเดือนคงโดนไล่ออก ดีที่เมื่อวานคุณชลธีบอกว่าพร้อมเมื่อไหร่ค่อยเข้ามาทำงานก็ได้

“แล้วทำไมลุกแต่เช้า ไม่ปวดเอวหรือไง” เขาถามออกมาราวเป็นเรื่องปกติซ้ำยังกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

จนคนหน้าบางร้อนซู่ทั่วใบหน้า

“ที่จริงน่าจะนอนต่ออีกสักหน่อย” สัตวแพทย์เกยคางที่ไหล่เล็ก มือหนาก็เข้าไปภายในร่มผ้า ลูบหน้าท้องเรียบก่อนจะเลื่อนขึ้นมายังฐานอก

จนบุลลาต้องจับมือเขาเอาไว้

“อย่า” ห้ามเสียงสั่นแล้วเอียงหน้ามามองเขาอย่างพยายามปรามแต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล

“นิดเดียว แค่ข้างนอก” ขณะที่ต่อรองเขาก็ได้ครอบครองทรวงอกนุ่มเป็นที่เรียบร้อย

และเช้าวันนั้นกว่าจะได้กินข้าวต้มก็ปาไปเก้าโมงกว่าแล้ว...

“มาทำงานสายนะนาย เมื่อคืนหนักเหรอครับ” คู่หูเจ้าประจำเอ่ยล้อเลียนเมื่อเจ้านายสุดหล่อเดินมายังคอกวัวในเวลาสิบโมงครึ่ง หลังเสร็จกิจกรรมกับภรรยาในช่วงเช้า ภายนอกที่เขาว่าไม่มีอยู่จริงเพราะพณณกรลากคนตัวเล็กไปต่อในห้องน้ำอีกหนึ่งรอบ ก่อนชำระร่างกายให้และอุ้มคนไร้เรี่ยวแรงไปนอนบนเตียง

“เสือกนะมึง” ถึงจะด่าแต่ริมฝีปากก็มีรอยยิ้มแต้ม

จนโอ้หันไปมองอาร์ตแล้วพยักหน้าให้กัน

“หน้านายมันฟ้อง แสดงว่าคนนี้เด็ดจริง” ขยับเข้าไปใกล้นายเมื่อเห็นอีกฝ่ายเหมือนตกอยู่ในภวังค์กระทั่งโดนมือหนาตบลงที่กบาลคนละทีทำเอาเห็นดาวลอยเต็มท้องฟ้า

“เสือก ห้ามคิดอกุศลกับเมียกู” หันไปทำหน้าเข้มด้วยความไม่ชอบใจ แค่เห็นผู้ชายคนอื่นคิดกับบุลลาในทางไม่ดี ใจมันก็ร้อนเป็นไฟเสียแล้ว อาจเป็นผลพวงมาจากการได้รับรู้ว่าตนเองเป็นคนแรกของเธอก็เป็นได้ อันที่จริงเขาไม่ค่อยชอบผู้หญิงเวอร์จิ้นเท่าไหร่ กลัวว่าจะมาผูกมัดกับตัวเองจนเกินไป

อย่างแฟนคนแรกที่คบกันมาหลายปีก็ไม่ได้มีเขาเป็นคนแรก ผู้หญิงหลายคนต่างผ่านศึกอันโชกโชนมาแล้วและเข้าหาเพราะเรื่องเซ็กซ์ทั้งสิ้น เว้นก็แต่..ไปรยาที่ยังคงสานสัมพันธ์เรื่อยมาถึงปัจจุบัน

คิดแล้วคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากัน รู้สึกได้ถึงความยุ่งยากที่จะเกิด เขาอาจไม่ใช่คนแรกของเธอ แต่อีกฝ่ายก็มักทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของทั้งที่ตกลงชัดเจนว่าเป็นเพียงคู่นอนหรือ Friend with benefits เท่านั้น จะตัดก็ไม่ได้เพราะเรื่องมันถลำลึกเกินจะแก้ไขเสียแล้ว ไม่น่าเอาตัวเข้าไปพัวพันตั้งแต่แรกเลย และก่อนจะคิดอะไรไปไกลเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น

“ครับ” เขารับสายด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง

'ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยโทรหาหนึ่งเลยค่ะ หนึ่งโทรไปก็ไม่รับสาย'เสียงหวานเอ่ยอย่างเง้างอน

ไปรยา รักษาชัยสิทธิ์ สัตวแพทย์คนสวยที่มีคลินิกรักษาสัตว์เป็นของตนเอง บิดาเป็นคุณหมอด้านศัลยกรรมมีชื่อเสียง ทั้งยังเป็นหุ้นส่วนโรงพยาบาลเอกชนที่มีผู้เข้ารักษามากสุดอีกด้วย มารดาดำรงตำแหน่งรองปลัดกระทรวงการเกษตรเป็นที่นับหน้าถือตา ส่วนพี่ชายคนโตเดินตามรอยบิดาเป็นคุณหมอทางด้านหัวใจ พี่ชายคนรองก็มีธุรกิจเป็นของตนเอง ครอบครัวของหญิงสาวเรียกได้ว่าสมบูรณ์พร้อมทุกอย่าง

“ผมยุ่ง ขอโทษนะ” ชายหนุ่มที่แข็งกระด้างเปลี่ยนเป็นบุคคลอ่อนโยนขึ้นทันทีเมื่อได้คุยกับคุณหนูคนสวย ที่จริงเธอไม่ใช่สเปกเขาสักนิด ด้วยปกติ พณณกรชอบผู้หญิงจิ้มลิ้มทว่าไปรยากลับสวยคมแต่เพราะลีลาทางกายที่เข้ากันได้ดีจึงกลบความชอบทางด้านหน้าตาไปสิ้น

'หนึ่งเข้าใจค่ะ ว่าแต่คุณจะลงมากรุงเทพเมื่อไหร่คะ'

ร่างสูงเดินไปนั่งใต้ต้นไม้เลี่ยงจากลูกน้องที่มีท่าทางสอดรู้สอดเห็น

“ไม่รู้เหมือนกัน” ไม่อยากลงไปด้วยซ้ำ เขาขาดการติดต่อไปเป็นเวลานาน ไม่ได้กลับเมืองหลวงเกือบปีแล้วมารดาโทรมาบ่นคิดถึงอยู่บ่อยครั้ง

'แต่หนึ่งว่าคุณคงต้องลงมาแล้วค่ะเพราะอาจารย์ถวิลบอกให้หนึ่งติดต่อคุณไปเป็นวิทยากรของคณะ'

..หากอาจารย์ขอมาขนาดนี้เขาคงปฏิเสธไม่ได้ถึงจะไม่อยากไปมากแค่ไหนก็ตาม

“วันไหนล่ะ”

'อีกสองเดือนค่ะ หนึ่งแค่โทรมาบอกคุณล่วงหน้าเพราะกลัวเบี้ยวเหมือนคราวที่แล้ว'

ริมฝีปากหนายกยิ้มเมื่อคิดถึงครั้งที่ได้รับการติดต่อให้ไปเป็นวิทยากรแล้วเขาดันตกปากรับคำทั้งที่กำลังเมาพอสร่างก็เบี้ยวด้วยการหนีออกจากไร่ไม่ให้ชลธีตามตัวเจอ กระทั่งผ่านไปกว่าหนึ่งสัปดาห์ค่อยกลับมาอีกครั้ง

โดนด่าจนหูชาเลยทีเดียว

“ครับ ไม่เบี้ยวหรอก”

'แล้วหนึ่งจะรอคุณค่ะ'

วางสายไปด้วยใจหนักอึ้งจนต้องถอนหายใจออกมาคลายความรู้สึกที่เหมือนแบกภูเขาเอาไว้ออกบ้าง บางทีก็รู้สึกว่าตนเองเข้มงวดและไม่รู้จักปล่อยวาง เขายังจำเหตุการณ์ที่สร้างรอยร้าวระหว่างความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อนกับกองทัพได้เป็นอย่างดี

และจากวันนั้นก็ได้สร้างนายพณณกรคนใหม่ขึ้นมา คนที่เย็นชา ไม่เคยศรัทธาต่อความรักอีกเลย ปิดกั้นตัวเองจากความรู้สึกที่หญิงสาวทั้งหลายเพียรมอบให้ จนกลายเป็นคนแข็งกระด้าง ดูไร้หัวใจ

คนไม่เคยเจ็บไม่รู้หรอกว่ามันเป็นอย่างไรที่ถูกคนไว้ใจหักหลัง

บ่ายคล้อยร่างบางที่นอนหลับก็ตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เขาชักจะใช้งานร่างกายเธอหนักเกินไปเสียแล้ว บุลลาไม่มีเวลาทำใจหรือคร่ำครวญถึงพรมจรรย์ที่เสียไป เขาก็มาซ้ำรอยเดิมทำเอาหมดแรงจะลุกเดิน แต่จำต้องฝืนใจเพราะได้กลิ่นคาวคลุ้งทั่วห้อง

จะเป็นกลิ่นอะไรเล่าหากไม่ใช่น้ำสีขุ่นของคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด ริมฝีปากจิ้มลิ้มบ่นพลางนำผ้าปูที่นอนและผ้าห่มออกไปซัก ไม่ลืมเก็บเสื้อผ้าของเขาซึ่งตากเต็มหลังบ้านมาพับเก็บอย่างเป็นระเบียบ เปิดตู้สำหรับเก็บชุดเครื่องนอนแล้วเลือกผ้าปูและผ้าห่มออกมาจัดการคลุมเตียงด้วยชุดใหม่

กว่าจะทำทุกอย่างเสร็จท้องก็ประท้วงเสียแล้ว ทว่ายังไม่ทันจะได้เดินไปโซนครัวประตูบ้านก็ถูกเปิดออกด้วยมือของชายซึ่งเป็นสามี

“ออกไปข้างนอกกัน” คว้ามือเล็กเอาไว้แล้วใช้แรงดึงให้ตามมาจนคนที่รู้สึกเหมือนโดนลักพาตัวตกใจสะบัดมือออก

“ไปไหน ฉันไม่ไป” ปฏิเสธทันควัน

“ต้องไป ไม่อย่างนั้นไอ้ธีมันได้ด่าฉันเช้าเย็นแน่”

เห็นร่างสูงหัวเสียก็เกิดสงสัย

“ช่างนายสิ ฉันไม่ไป ไม่ไปไหนทั้งนั้น” เห็นร่างเล็กดื้อดึงและเขาก็ไม่อยากเสียเวลาชวนทะเลาะด้วยจึงตัดสินใจอุ้มเธอพาดบ่าแม้จะมีเสียงโวยวายดังขึ้นก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น

ดวงตากลมโตมองรถยนต์เบื้องหน้าหยุดร้องชั่วขณะกระทั่งโดนยัดเข้ามานั่งเบาะข้างคนขับ

“ถ้าร้องออกมาฉันจูบเธอแน่ นี่รองเท้าเอาไปใส่ซะ” เขาโยนรองเท้ามาให้จนมันหล่นบนตักจึงเอามาสวม

เอะอะก็จับจูบท่าเดียว ทำเอาบุลลานั่งกอดอกหน้าบึ้งถึงอยากถามใจจะขาดว่าเขาไปเอารถใครมาขับก็เก็บเงียบ ระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแต่ก็อดสำรวจรถยนต์สัญชาติยุโรปไม่ได้ เธอไม่เคยเห็นมาก่อนและแน่นอนว่าคงไม่ใช่รถของชลธีหรือว่าจะเป็นรถพณณกร

ไม่มีทาง..แค่ค่าสินสอดยังต้องหายืมจะไปมีรถคันหรูแบบนี้ได้ยังไง ปัดข้อนี้ทิ้งได้เลย

“มีอะไรจะถามฉันหรือไง” คนขับเอ่ยถามพลางเหลือบมองใบหน้าหวานที่คิ้วขมวดจนเป็นปม

“เปล่าสักหน่อย แล้วนายจะพาฉันไปไหน” จากเส้นทางที่รถเคลื่อนตัวไปก็คาดได้ว่าอาจเข้าไปในตัวอำเภอหรือไม่ก็คงเข้าจังหวัด

เดี๋ยวก่อน..แล้วนั่นไม่ใช่คำถามหรือไง อุตส่าห์จะไม่พูดกับเขาอยู่แล้วเชียวเผลอจนได้นะบุลลา

“ถึงแล้วก็รู้เองนั่นแหละ” เห็นเขาตอบแบบขอไปทีจึงเบือนหน้าหนี ดีที่ชุดของเธอยังดูสุภาพอยู่บ้างไม่อย่างนั้นคงได้กางเล็บข่วนหน้าเขาที่อุ้มออกมาทั้งสภาพอย่างนี้

แต่เดี๋ยวก่อน! เธอไม่ได้แต่งหน้า มือเล็กยกขึ้นมาจับใบหน้าทันที เธอจะดูโทรมหรือเปล่า

คิดอย่างกังวลก่อนพาหนะจะจอดยังหน้าที่ว่าการอำเภอ

“ลงไปได้แล้ว ทำหน้างงอยู่นั่นแหละ” ร่างสูงเอี้ยวตัวไปหยิบเอกสารที่เบาะด้านหลังแล้วลงจากรถ ปล่อยให้หล่อนนั่งกัดฟันกำมือห้ามอารมณ์ไม่ให้ไปเตะปากที่เต็มไปด้วยสุนัขของผู้ชายคนนั้น

ปวดไปทั้งตัวยังพามาตะลอนอีก ไม่สำนึกเลยว่าตัวเองเป็นต้นเหตุให้เธอต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้ ร่างบางเดินกระแทกเท้าลงพื้นตามหลังคนตัวสูง ทว่าก็ต้องเดินปกติเพราะอาการปวดตัวซ้ำต้องระวังทุกย่างก้าวอีกด้วย

พณณกรนำมายังห้องของปลัดอาวุโสท่านหนึ่งที่รู้จักกัน เขานั่งลงตรงหน้าท่านพร้อมกับบุลลาที่ยกมือไหว้อย่างนอบน้อม หล่อนหันมามองสามีไม่แน่ใจว่ากำลังจะทำอะไร

“เอกสารพร้อมแล้วใช่ไหมครับ”

ชายหนุ่มพยักหน้ายื่นซองสีน้ำตาลให้ทันทีพอเปิดออกมาก็เป็นเอกสารซึ่งทางราชการกำหนดไว้ ท่านปลัดพยักหน้ายิ้มก่อนจะเปิดลิ้นชักดึงกระดาษสองใบยื่นต่อหน้าสามีภรรยา

“ใบทะเบียนสมรส” อ่านแล้วเบิกตากว้างไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะพามาจดทะเบียนโดยไม่บอกกล่าวสักนิด รีบหันไปมองหน้าเขาที่กำลังหยิบปากกาจะเซ็นชื่อลงไป

“เดี๋ยวก่อน!” หล่อนรีบคว้ามือเขาเอาไว้ทันที ความไม่แน่ใจเอ่อล้นขึ้นมา เธอไม่คิดว่าเขาจะจริงจังถึงขั้นมาจดทะเบียนสมรสแบบนี้

“นายแน่ใจเหรอ” ระหว่างเขาและเธอไม่มีความรักอยู่เลย และการจดทะเบียนก็ถือเป็นเรื่องสำคัญของผู้หญิง เธอจะกลายจากนางสาวเป็นนางอย่างสมบูรณ์แบบ จนเกิดความลังเลว่าพร้อมจะรับสถานะนั้นแน่หรือ ใบหน้าหวานมีแวววิตก

จนคนตัวโตต้องจับมือเอาไว้

“ฉันแน่ใจแล้ว เชื่อฉันนะ” เพียงแค่คำพูดประโยคเดียวและสายตาเด็ดเดี่ยวทำเอาใจที่แกว่งไหวสงบนิ่งอย่างไม่น่าเชื่อ เธอค่อยๆ ปล่อยมือออกจากเขาแล้วพยักหน้าเบาๆ

“แต่บัวขอไม่เปลี่ยนนามสกุลได้ไหมคะ” เอ่ยขอร้องกับปลัดอาวุโส ซึ่งพยักหน้าให้ แค่เปลี่ยนเป็นนางก็ลำบากใจอยู่แล้วถ้าให้ไปใช้นามสกุลเขา เธอได้เป็นลมพอดี แม้จะไม่มองก็รู้ว่าคนอย่างพณณกรคงมีนามสกุลไม่เลิศหรูหรอก

ชายหนุ่มหันมามองเธอแล้วส่ายศีรษะช้าๆ เขายื่นปากกาไปให้ภรรยาเซ็นซึ่งกว่าจะทำใจจรดชื่อลงไปก็ใช้เวลาพอสมควร วินาทีที่หมึกถูกเขียนลงบนกระดาษเป็นชื่อของตนหัวใจดวงนี้ก็เหมือนปลิดปลิวไป

เธอ..ไม่ใช่บุลลาที่ไร้พันธะแล้ว แต่ตอนนี้กลับมีครอบครัวเป็นของตนเอง

“ยินดีด้วยนะครับ คุณสองคนเป็นสามีภรรยากันอย่างถูกต้องตามกฎหมายแล้ว”

พณณกรไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเร็วขนาดนี้ ทั้งชีวิตเขามีแฟนเพียงแค่คนเดียวและเลิกรากันมานานทว่าตอนนี้กลับมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอีกทั้งยังไม่ได้รู้สึกรักสักนิด..แค่ต้องการครอบครอง

ใช่ เขาอยากให้เธอเป็นของเขาเพียงผู้เดียวและวิธีนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน..

บุลลาเดินออกมาจากห้องของปลัดอย่างเหม่อลอย จนร่างสูงต้องจับข้อมือเอาไว้กลัวว่าหล่อนจะตกบันไดเสียก่อน

ทั้งสองขับรถกลับไร่โดยมีเอกสารสำคัญวางอยู่บนตักของเธอ

ไม่เข้าใจสักนิดว่าทำไมเขาถึงได้พามาจดทะเบียนทั้งที่ไม่จำเป็นเลย การแต่งงานที่เกิดจากความไม่ตั้งใจอีกไม่นานก็คงต้องลาจาก ..

แค่คิดหัวใจดวงนี้ก็วูบโหวงแล้ว

..ไม่นะบัว เธอห้ามตกหลุมรักเขาเด็ดขาด ผู้ชายคนนี้ร้ายและเจ้าเล่ห์จะตาย ไหนจะฐานะจนอีก ห้ามอ่อนไหวไปกับเขา!

ย้ำเตือนตนเองทั้งได้เปิดประตูหัวใจให้แก่พณณกรเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เขามาส่งเธอที่บ้าน ส่วนตนเองก็ขับรถไปทำงาน ความคิดในหัวสับสนจนต้องหากิจกรรมทำเพื่อคลายเครียดซึ่งคือการกวาดบ้าน ทำความสะอาดห้องน้ำ ซักผ้า ตากผ้า พับผ้า

และบุลลาก็ใช้เวลาทั้งวันทำงานเหล่านั้น กระทั่งได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์ประจำตัวของสามีจึงละจากสิ่งที่ทำ

แสดงว่ารถยนต์คันนั้นต้องไปยืมมาอย่างแน่นอน แล้วก็มาทำให้คิดว่าเป็นของเขา

..บ้าที่สุดเลยผู้ชายคนนี้

“มองอะไรครับคุณเมีย” เดินเข้าบ้านเห็นคนตัวเล็กจ้องก็เอ่ยถามเสียงกวนประสาท จนเธอหันหน้าหนีหยิบเสื้อผ้าไปเก็บที่ตู้ ปล่อยให้คนทำงานดื่มน้ำ ทิ้งกายลงบนโซฟาแล้วเปิดทีวีดูสารคดีสัตว์โลก

“อยากกินอะไร” เมื่อทำงานเสร็จก็เดินมาถามคนตัวสูง เห็นว่าทำงานทั้งวันหรอกนะเลยเวทนา ยอมถามก่อนเพื่อเอาใจบ้างเล็กน้อย

“อยากกินเมีย ได้ไหม”

..ไม่น่าหวังดีเลย แบบนี้ต้องตีให้ตาย

หล่อนจึงหยิบหมอนมาฟาดเขาทีหนึ่งถึงไม่เจ็บแต่ก็สะใจ ร่างสูงหัวเราะเล็กน้อยไม่ได้โต้ตอบอะไร

“ให้หากินเองดีไหมเนี่ย” บ่นขณะเดินไปโซนครัว จัดการเอาของสดออกจากตู้เริ่มคิดเมนูเย็นนี้ คงต้องทำผัดเปรี้ยวหวาน ทอดหมูกระเทียมปิดท้ายด้วยต้มยำไก่ น่าจะพอสำหรับสองคน ไม่อยากยอมรับหรอกนะว่าเธอค่อนข้างมีฝีมือในการทำอาหารเพราะช่วยแม่ตั้งแต่เด็ก ได้รับการถ่ายทอดวิชามาอย่างดี

ชายหนุ่มเอี้ยวตัวไปมองบุลลาที่ยุ่งกับการหุงข้าวก่อนจะหยิบผักมาล้างอย่างคล่องแคล่ว พณณกรมองเพลินจนลืมไปว่าตนเองไม่เคยวางสายตาไว้ที่ใครได้นานขนาดนี้ แม้กระทั่งแฟนคนแรกอย่างปลายฟ้าที่ชอบทำอาหารก็ตาม เขาจะแค่เล่นเกมรอ ไม่ได้จ้องมองพร้อมความชื่นชมแบบนี้ ใครจะไปคิดว่าภายนอกที่ดูไม่เอาไหนจะซ่อนความเป็นแม่บ้านแม่เรือนเอาไว้เต็มเปี่ยม

“ถ้าว่างมากก็ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าไป มองอยู่ได้” รับรู้ได้ถึงสายตาที่จ้องตามการเคลื่อนไหวจึงหันมามองเสียงแข็งกลบความเขินอาย

“ครับคุณภรรยา” ทำตามอย่างว่าง่าย โดยลุกขึ้นไปหยิบผ้าขนหนูแล้วเข้าห้องน้ำชำระร่างกาย

บ้านหลังนี้มีขนาดเล็กจึงแทบไม่มีความเป็นส่วนตัวด้วยซ้ำ พณณกรสร้างไว้สำหรับอยู่คนเดียวใครจะคิดว่าบ้านหลังนี้แปรสภาพเป็นเรือนหอได้เล่า ทว่าถึงจะกะทัดรัดแต่ก็เต็มไปด้วยอบอุ่น

เมื่ออาหารเสร็จเรียบร้อยจึงยกไปวางไว้ที่โต๊ะหน้าบ้าน วันนี้ร่างสูงอาบน้ำนานกว่าปกติ แล้วออกมาด้วยสภาพพันท่อนล่าง เปลือยท่อนบน จนหญิงสาวต้องเสหลบ พยายามไม่ให้เป็นพิรุธว่ากำลังหน้าแดงกับซิกซ์แพ็กของเขา แผ่นหลังของสัตวแพทย์มีรอยเล็บขูดจนขึ้นสีแดง

“เอ๊ะ” และเธอก็นึกขึ้นมาได้ว่าตนเองเป็นผู้ฝากรอยเอาไว้

สมน้ำหน้า เจ็บซะบ้างก็ดีทำเธอไว้แสบนัก บอกว่ารอบเดียวที่ไหนได้จัดไปสามรอบจนแทบสลบเหมือดคาอกเขา

อาหารเย็นเตรียมพร้อมสำหรับสองที่ ไม่นานพณณกรก็เดินมานั่งยังอีกฝั่งก่อนจะเริ่มลงมือรับประทานอาหารเย็นภายใต้แสงไฟที่ส่องสว่าง ความมืดมิดปกคลุมรอบบริเวณแต่ไม่ได้น่ากลัวเหมือนเมื่อวานเพราะเปิดไฟรอบบ้านจนสว่างไสว

สุนัขตัวนั้นก็อันตรธานหายไป..ดีแล้วเธอจะได้รู้ว่าผีที่นึกกลัวแท้จริงคือเจ้าตูบหน้าตาซื่อบื้อ

“พรุ่งนี้ฉันจะกลับไปทำงานนะ” บอกให้ฟังขณะกินข้าว

“ตามใจสิ” เขาไม่ได้ห้ามในเมื่อมันเป็นสิทธิ์ของเธออยู่แล้วก่อนจะฉุกคิดขึ้นมาได้ “แต่เธอห้ามไปอ่อยคนงานที่ไหนนะ ถ้าฉันรู้จะจับขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันเลย” คำขู่ของเขาไม่ได้ทำให้กลัวสักนิด

..เธอเคยชายตามองพนักงานระดับล่างเสียที่ไหนล่ะ ที่หมายปองก็มีแค่ชลธีแต่ตอนนี้กลับได้สัตวแพทย์มาแทน

ช่างน่าอดสูยิ่งนัก

“รู้แล้วน่า”

“ห้ามไปอยู่ใกล้หรือมองหน้าไอ้ธีเกินสิบเมตร” เห็นเขาห้ามนู่นห้ามนี่ก็เริ่มรำคาญ

“รู้แล้วๆๆ นายก็เหมือนกัน ห้ามมองผู้หญิงคนอื่นหรือเข้าใกล้เกินห้าเมตร ไม่อย่างนั้นฉันจะสับไอ้นั่นของนายแล้วโยนให้ปลามันกิน” ในเมื่อเขาขู่ได้ เธอก็ทำได้เหมือนกัน แววตาเอาเรื่องสร้างความหวาดระแวงให้พ่อหนุ่มนักรักจนต้องก้มหน้าตักข้าวใส่ปากตอบรับแบบแกนๆ

“อือ”

ความเงียบไม่ได้สร้างความอึดอัดอย่างที่ควรจะเป็นและการกระทำอันแสนธรรมชาติของสองหนุ่มสาวตกอยู่ใต้สายตาเจ้าของไร่ที่นึกเป็นห่วงเพื่อนและคนงานจึงแอบมาดู เห็นแบบนี้ก็พอเบาใจได้บ้าง หวังว่าหนทางข้างหน้าจะราบรื่นไปตลอดแล้วกัน

หลังมื้ออาหารชายหนุ่มเป็นคนล้างจานด้วยการสั่งของภรรยา ทั้งที่ใจอยากไปนอนดูสารคดีมากกว่า แต่ทว่าตอนนี้ได้โดนร่างบางยึดครองพื้นที่ไปเสียแล้วพร้อมจ้องละครหลังข่าวแววตาวาวโรจน์เนื่องจากโกรธที่พระเอกโง่เชื่อตัวร้ายไปเสียทุกอย่าง

“โอ๊ย จะด่าว่าควายยังสงสารควายมันเลย ทำไมเขาเขียนบทให้พระเอกโง่ขนาดนี้” ระบายความโมโหลงกับหมอนนุ่มแล้วหยิบส้มขึ้นมาปอก ละครน้ำเน่าที่ขายได้กับทุกเพศทุกวัย ถึงผู้บริโภคจะด่าขนาดไหนแต่ก็เปิดดูและติดตามทุกตอนจนเรตติ้งพุ่งกระฉูด

คุณหมอเดินมานั่งข้างหล่อนหลังทำความสะอาดและเก็บของทุกอย่างเสร็จ

“ถ้าอย่างนั้นเปลี่ยนช่องไหม ไม่ต้องดูมันหรอก” หยิบรีโมตพร้อมเปลี่ยนช่อง แต่ก็เจอสายตาพิฆาตเข้าให้จนต้องชะงัก

เดี๋ยวไอ้เอิร์ธ อย่าบอกนะว่ามึงกลัวเมีย..

“ฉันจะดู”

เพียงสามคำร่างสูงก็ยอมปล่อยรีโมตแล้วเปลี่ยนเป็นนั่งดูข้างเธอแทน เขาหยิบส้มที่บุลลาปอกมากินอย่างไร้มารยาท

“นี่ ปอกเองสิ”

“ก็ฉันอยากกินที่เธอปอก” ตอบกลับเสียงใสจนคร้านจะเถียงด้วย

เธอหันไปสนใจละครเรื่องดังขณะที่มือก็ปอกส้มไปด้วยแล้วยัดผลมันเข้าปากคนข้างกาย

ช่างเป็นความธรรมดาที่เต็มไปด้วยบรรยากาศแสนพิเศษ ใครเล่าจะคิดว่าคนที่ชังหน้ากันจะได้แต่งงาน อยู่บ้านหลังเดียวกันและใช้ชีวิตร่วมกันแบบนี้ การกระทำทุกอย่างเป็นธรรมชาติไม่มีความเก้อเขินแต่อย่างใด ร่างสูงดูละครน้ำเน่าที่เคยนึกไม่ชอบพร้อมกับกินส้มไปด้วยความผ่อนคลาย

..บางทีชีวิตคู่ก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป

วันต่อมาบุลลาไปทำงานโดยมีสามีส่งถึงไร่ ทำเอาคนงานส่งเสียงแซวดังระงม บานเย็นเห็นอย่างนั้นก็นึกโล่งใจที่ทุกอย่างดำเนินไปด้วยดี หวังว่าทางที่เลือกให้บุตรสาวจะเต็มไปด้วยกลีบกุหลาบ พณณกรเป็นคนขยันขันแข็งไม่มีทางที่บุตรสาวของนางจะอดตาย

“หน้าตาแช่มชื่นนะเอ็ง” ป้าร่วมงานเอ่ยทักพร้อมแววตาล้อเลียนจนคนรุ่นหลานถึงกับไปไม่เป็น

“ฮ่าๆ ป้ามีอะไรให้ฉันช่วยไหม” หัวเราะกลบเกลื่อนแล้วเริ่มทำงานที่ได้รับมอบหมายซึ่งก็คือการคัดเมล็ดพันธุ์ของพืชแต่ละชนิดเท่านั้นไม่ได้ยากอะไร หล่อนทำไปพร้อมนั่งฟังบรรดาป้าทั้งหลายพูดเรื่องชาวบ้านเป็นการอัปเดตข่าวสารประจำวัน เหล่าคนงานจากนินทาเรื่องของบุลลาก็เปลี่ยนเป็นคนอื่นแล้วแต่ความน่าสนใจ

“แม่ๆ วันนี้ฉันขอยืมรถมอ'ไซค์หน่อยนะ” นุ่มนิ่มลูกสาวของป้ายุภาพร วิ่งหน้าตั้งมาบอกมารดา

“เออๆ เดี๋ยวข้ากลับรถคนงานไร่ แล้วเอ็งจะไปไหน”

บุลลาหันไปมองสองแม่ลูกที่พูดคุยกันก่อนละมาสนใจงานข้างหน้า

“ฉันจะไปสมัครเป็นพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารในตัวอำเภอ เขาว่าได้เงินดี ได้ทิปดีนะแม่” จากที่นั่งไม่สนใจใคร หูก็ผึ่งทันทีเมื่อได้ยินคำว่าเงินดี ความสนใจพุ่งตรงไปยังนุ่มนิ่มซึ่งยิ้มหวานให้มารดา

“จริงเหรอ ถ้างั้นเอ็งก็ไปเลย เลิกงานแล้วรีบเลยนะเดี๋ยวคนเขาสมัครก่อนแล้วจะไม่ทัน” หล่อนสนับสนุนลูกเต็มที่เรื่องเงินทองไม่เข้าใครออกใครอยู่แล้ว

“ฉันขอไปด้วยได้ไหมนิ่ม” จากที่แค่ยิ้มทักทาย บุลลาก็เอ่ยขึ้นราวสนิทสนม

จนบานเย็นหันมองลูกสาวไม่ใคร่สบายใจเท่าไหร่นัก คนถูกทักหันมามองแล้วทำหน้ากระอักกระอ่วน

“นะนิ่ม ขอไปด้วยหน่อยนะ ฉันอยากหางานเสริมเหมือนกัน” บานเย็นดึงแขนบุตรสาวทันที “แกแต่งงานมีผัวแล้วนะบัว จะไปตะลอนสมัครงานแบบนี้ได้ยังไง” เตือนด้วยความหวังดี

ทว่ามีหรือที่บุลลาจะฟัง วินาทีนี้ขอเอาเงินเป็นที่ตั้งก่อนแล้วกัน ถ้าไม่มีมันชีวิตเธอได้อดตายแน่

“ช่างสิแม่ ยังไงเขาก็ให้หนูทำอยู่แล้ว เลิกงานอย่าลืมมาหาฉันนะนิ่ม” เป็นการมัดมือชกจนนุ่มนิ่มจำต้องพยักหน้าทำตามก่อนจะเดินไปทางสวนส้มอันเป็นสถานที่ทำงานของตนเอง

วันนั้นทั้งวันบุลลาก็ยิ้มแย้มอารมณ์ดี คำนวณรายได้ที่จะเกิดขึ้นภายในใจ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะได้งานหรือไม่แต่ใจก็เทไปกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้วว่าเขาต้องรับเธออย่างแน่นอน

ถึงเวลาเลิกงานนุ่มนิ่มก็มารับบุลลาพร้อมขี่มอเตอร์ไซค์ออกจากไร่โดยมีเสียงถามไถ่จากคนซ้อนทุกเวลาซึ่งเธอก็เต็มใจตอบ ไม่ได้นึกชังอะไรถึงจะไม่ค่อยสนิทกันก็ตาม งานที่จะไปสมัครคือพนักงานเสิร์ฟร้านอาหารของตัวอำเภอซึ่งมีลูกค้าเป็นจำนวนมาก ทั้งขาประจำและขาจรเนื่องด้วยรสชาติที่อร่อย บรรยากาศดีและการต้อนรับที่แสนอบอุ่นจนกลายเป็นร้านอาหารชื่อดังของอำเภอ

ใบหน้าจิ้มลิ้มฝันหวานถึงเงินเดือนก่อนจะร้องด้วยความตกใจเมื่อมีมอเตอร์ไซค์ขับปาดหน้าพร้อมคนขับที่จ้องตาเธอนิ่งก่อนเขาจะเอาขาตั้งรถลงก่อนเดินมาหาผู้ที่ขึ้นชื่อว่าภรรยา

“เธอจะไปไหน” พณณกรถามเสียงเข้มพร้อมคว้าข้อมือของบุลลามาจับไว้

น้ำเสียงและท่าทางคุกคามทำให้นุ่มนิ่มรู้สึกกลัว ปกติก็ไม่สุงสิงกับสัตวแพทย์หนุ่มอยู่แล้วเพราะใบหน้าอันน่าเกรงขาม พอมาเจอสถานการณ์แบบนี้ก็อยากขับรถหนีไปเสียเหลือเกิน

“ปล่อยฉันนะ มันเจ็บ!” เขาใช้แรงที่มีมากกว่าอุ้มร่างบางลงมาจากรถมอเตอร์ไซค์ให้ประจันหน้ากันถึงความสูงจะต่างมากแค่ไหนก็ตาม

“ฉันถามว่าเธอจะไปไหน” ถึงรู้จากคนงานแล้วว่าปลายทางของบุลลาคือร้านอาหารชื่อดังซึ่งตั้งอยู่ในตัวอำเภอก็อยากได้ยินจากปากเธอมากกว่า เขาเค้นถามพร้อมกำที่ข้อมือเล็กแน่นขึ้น

คนกลางอย่างนุ่มนิ่มอยากช่วยเพื่อนแต่ก็ไม่กล้ากลัวโดนลูกหลงไปอีกคน

“โอ๊ย มันเจ็บนะไอ้บ้า ปล่อยก่อนสิ!” ใช้เสียงเข้าข่ม ซึ่งไม่เป็นผลเลยสักนิด

นอกจากชายหนุ่มจะไม่ปล่อยแล้วยังเพิ่มแรงมากขึ้นจนใบหน้าหวานเหยเก

“บอกมาว่าจะไปที่ไหน” ถามย้ำเน้นทีละคำจนบุลลาจำยอมตอบ

“ไปสมัครงานเสิร์ฟร้านอาหารในเมือง พอใจหรือยัง!”

เพียงเท่านั้นดวงตาเรียวก็เหมือนมีประกายเพลิงพร้อมจะแผดเผาทุกอย่างที่ขวางหน้า

นุ่มนิ่มลอบกลืนน้ำลายแล้วคิดในใจว่าทำไมเธอต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ด้วย

บุลลาทนอยู่กับผู้ชายที่พร้อมจะพังทุกอย่างบนโลกได้อย่างไร เธอนับถือหญิงสาวคนนี้จริงๆ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status