Home / โรแมนติก / ซ่อนเสน่หา / ๗ เอาตัวเข้าแลก

Share

๗ เอาตัวเข้าแลก

เอาตัวเข้าแลก

บนถนนลูกรังทางไปไร่รุ่งอรุณเหมือนจะมีสงครามอารมณ์ขนาดย่อมซึ่งเกิดจากคู่ข้าวใหม่ปลามัน ความร้อนระอุของแดดช่วงเย็นยังไม่อาจสู้ดวงตาที่มีประกายเพลิงส่งให้กัน ทำเอาบุคคลที่สามต้องจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้แล้วยืนมองด้วยความหวั่นใจ

เธอจะโดนลูกหลงไปด้วยหรือไม่ที่บังอาจพาเมียของสัตวแพทย์หน้านิ่งสมัครงานพาร์ทไทม์ แต่ก็ไม่ได้ชวนสักนิด เป็นหญิงสาวเสนอตัวเองทั้งนั้น เนื้อไม่ได้กินหนังไม่ได้รองนั่งยังเอากระดูกมาแขวนคอ แอบถอนหายใจเสียงเบามองทั้งคู่ยื้อยุดกันไปมา

“ฉันไม่ให้ไป กลับบ้าน!” ประกาศิตนั้นชัดเจน

ทว่าร่างบางไม่ได้กลัวสักนิดจ้องตาเขาแล้วตอบกลับเสียงแข็งไม่แพ้กัน

“ฉันจะไปแล้วนายก็ไม่มีสิทธิ์ห้ามด้วย” ขึ้นเสียงเพื่อความเท่าเทียม จะหันหลังเดินไปหานุ่มนิ่มแต่ก็ถูกคว้าแขนเอาไว้อีกครั้ง

“อย่าขัดคำสั่งของฉันนะบัว จะวิ่งเร่เข้าไปทำไม งานในไร่ก็มีให้ทำเยอะแยะ ชอบนักหรือไงไอ้พวกงานบริการ” ดึงคนตัวเล็กเข้าหาแล้วถามย้ำด้วยใบหน้าเหยียดหยันจนคนมองต้องข่มอารมณ์ที่โดนเขาดูถูกกลายๆ

“แล้วงานไร่มันได้เงินดีไหมล่ะ ทำหลังขดหลังแข็งก็ไม่พอกิน อีกอย่างงานที่ฉันจะไปทำก็เป็นงานสุจริตไม่ได้ไปขโมยใครเขามาเสียหน่อย” ตอกกลับ ไม่ปล่อยให้ร่างสูงได้ดูถูกไปมากกว่านี้ ทั้งที่หัวใจก็เจ็บไม่แพ้กับสายตาที่โดนมอง

เหมือนเขากำลังเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหล่อน

“แต่ฉันไม่ชอบ แค่บริการฉันคนเดียวมันจะตายหรือไง” สองคนต่อปากต่อคำจนลืมบุคคลที่สามซึ่งมองด้วยความกระอักกระอ่วนก่อนจะนิ่งเมื่อสายตาคมหันมามอง

“เธอก็ไปได้แล้ว จะอยู่ดูผัวเมียเขาทะเลาะกันอีกนานไหม”

เมื่อได้ยินอย่างนั้นก็รีบคว้ารถมอเตอร์ไซค์ขับออกไปอย่างรวดเร็วแทบไม่เห็นฝุ่น เหลือเพียงสองหนุ่มสาวที่ยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม

บุลลาน้ำตาคลอกับสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา

“กลับบ้านได้แล้ว” ลากหญิงสาวให้เดินไปที่รถของตนเอง ทว่าเธอกลับสะบัดมือออกทันทีราวรังเกียจการสัมผัสจากชายหนุ่ม

“ฉันไม่กลับ” ว่าเสียงเครือทั้งที่พยายามเข้มแข็งแล้วแท้ๆ บางทีอารมณ์ของเธอก็อ่อนไหวมากเกินไปเพียงแค่ได้ยินคำพูดร้ายกาจจากร่างสูง แต่ก่อนไม่เห็นรู้สึกเจ็บจนน้ำตาจะไหลขนาดนี้ ทว่าเมื่อทุกอย่างเปลี่ยนก็เหมือนหล่อนจะแคร์อีกฝ่ายมากขึ้น

..ไม่ชอบเลย ไม่อยากให้เป็นแบบนี้สักนิด

“เธอต้องกลับอย่าทำตัวมีปัญหาได้ไหม” จะคว้าข้อมือเล็กมาจับแต่เธอก็ถอยหนีพร้อมมองเขาด้วยสายตาวาวโรจน์เจือความเจ็บปวดจนอดรู้สึกผิดไม่ได้ และไม่ทันคาดคิดมือเล็กก็ยกขึ้นมาตบใบหน้าคมจนหันไปอีกทางอย่างไม่น่าเชื่อ

เพี๊ยะ

“ฉันเกลียดนาย ไอ้คนเฮงซวย” ไม่ใช่แค่ต้องการจะบอกกับเขาแต่บุลลาย้ำความรู้สึกนั้นให้ตนเองได้จดจำว่าอย่ารู้สึกไปมากกว่านี้

..เกลียด จำเอาไว้ว่าเธอแสนจะเกลียดผู้ชายตรงหน้า

“เกลียดฉันเหรอ” เขาหันกลับมามองดวงหน้าหวานก่อนจะจับเธอเข้าใกล้พร้อมมอบจุมพิตอันแสนร้ายกาจเพราะต้องการลงโทษกับสิ่งที่หล่อนทำ ไร้ความอ่อนโยน ไม่มีแม้ความปรานีเพราะพณณกรขบกัดริมฝีปากล่างของเธอจนห้อเลือด เจ็บจนต้องยกมือขึ้นมาทุบตีเขาหวังให้ปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผล

ผ่านไปหลายนาทีกว่าร่างสูงจะผลักภรรยาออกห่างแล้วคว้ามือเล็กลากมาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ทั้งที่หญิงสาวตะโกนลั่น ใช้แรงยื้อไม่ยอมไป แต่มีหรือที่คนซึ่งมีพละกำลังมากกว่าจะยี่หระ เขาจับหล่อนขึ้นนั่งบนรถมอเตอร์ไซค์ก่อนจะขึ้นคร่อมเพื่อป้องกันไม่ให้กระโดดลงรถได้

“ฉันไม่กลับได้ยินไหม ฉันไม่ไปไหนกับนายทั้งนั้นแหละไอ้บ้า” เหมือนเส้นเลือดในสมองจะแตกระหว่างทางกลับบ้านเพราะบุลลาเอาแต่ตะโกนด่าเขาก้อง จนคนงานแถวนั้นหันมามองด้วยความสนใจ เพิ่งแต่งงานกันหม้อข้าวยังไม่ทันดำหรือว่าจะเกิดรักร้าวขึ้นเสียแล้ว

การกระทำของสองหนุ่มสาวตกอยู่ในสายตาชลธีที่ออกมาตรวจงานหลังเสร็จธุระจากอำเภอ เขามองพลางอมยิ้มราวเป็นเรื่องสนุกเมื่อเห็นเพื่อนสนิทเริ่มเปิดใจให้กับร่างบาง ถึงเหตุการณ์ตรงหน้าจะดูเหมือนกำลังทะเลาะกันก็ตาม

พณณกรเคยเป็นคนไม่ค่อยแสดงออกต่อสาธารณะ ถึงจะรักมากอย่างไรก็ไม่โอบกอดให้เห็นจนวันนี้ที่อีกฝ่ายไม่อาจทนต่อสายตาคนทั้งไร่ ขับมอเตอร์ไซค์ทั้งที่คร่อมภรรยาเอาไว้จนเหล่าพนักงานหันไปซุบซิบกันและพรุ่งนี้ก็คงจะกลายเป็นประเด็นร้อนให้พูดถึงกันทั้งไร่

รถสองล้อจอดลงที่หน้าบ้านหลังเล็กอันเป็นเรือนหอของคู่รักข้าวใหม่ปลามัน และเมื่อแขนหนาที่กักกันปล่อยลงข้างลำตัว ร่างบางก็เป็นอิสระจึงรีบลงจากรถเดินไปไขกุญแจเปิดเข้าบ้านพร้อมปิดลงเสียงดังอย่างกระแทกกระทั้นด้วยความที่พื้นที่ไม่มากเดินไม่กี่ก้าวก็ถึงห้องนอน

“มาคุยกันก่อน” ยังไม่ทันจะได้เปิดประตูมือหนาก็คว้าเข้าที่ข้อมือเล็กเสียก่อนพร้อมน้ำเสียงขึงขัง

แต่คนตัวเล็กกลับไม่สนใจจะฟัง พยายามสะบัดมือออกทั้งที่ตาแดงก่ำ โกรธเขาจนตัวสั่นไปหมด

“งานเสิร์ฟมันหนัก แค่งานที่ไร่เธอก็เหนื่อยแล้วยังจะตะลอนเข้าเมืองระยะทางก็ไม่ใช่ใกล้ เสียสุขภาพแลกกับเงินไม่กี่บาทมันคุ้มเหรอ” ครั้งนี้ใช้เหตุผลเข้าช่วยทั้งที่จริงเหตุผลเดียวคือไม่อยากให้เธอยิ้มให้ใคร งานเสิร์ฟต้องเอาอกเอาใจลูกค้า

..เกิดมีหนุ่มมาต้องตาต้องใจเมียเขาจะทำอย่างไร

“ฉันจะทำ” ไม่ฟังอะไรทั้งนั้นนอกจากจ้องเขาตาแข็งทำเอาอารมณ์ที่ลดลงถูกกวนให้ขุ่น

“ฉันจ้างเธอให้อยู่บ้านเอง เอาเท่าไหร่ว่ามา”

บุลลามองเขาราวต้องการเยาะ

“นายจะมีเงินเยอะเท่าไหร่เชียว”

พณณกรกัดฟันมองหล่อนนิ่งรู้สึกว่ากำลังโดนดูถูกจากคนที่ขึ้นชื่อว่าภรรยา หากยื่นสมุดบัญชีธนาคารให้ดูกลัวว่าอีกฝ่ายจะตาค้างเป็นลมเสียก่อนเพราะมันมากถึงแปดหลักทีเดียว

“มากพอจะจ้างให้เธออยู่บ้านเฉยๆ แล้วกัน” โน้มหน้าลงมาพูดชัดๆ ข้างใบหูขาวและก่อนที่เธอจะได้คัดค้านร่างสูงก็ดันให้บุลลาชิดประตูห้องนอนที่ถูกปิดเอาไว้ เขาใช้มือเป็นกรงขังเพื่อกักกันไม่ให้อีกฝ่ายหนีไปได้ก่อนจะจัดการปิดริมฝีปากที่กำลังจะเอ่ยปฏิเสธ

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วจนคนไม่ทันตั้งตัวทำได้เพียงทุบหน้าอกเขาก่อนจะกลายเป็นกำแน่นเมื่ออารมณ์ถูกชักจูงด้วยคนช่ำชอง

หลังจากนั้นบ้านทั้งหลังก็มีเพียงเสียงครางดังก้อง ดีที่อยู่ห่างไกลผู้คนไม่เช่นนั้นคงกลายเป็นประเด็นอีกครั้งเนื่องด้วยมันดังนานหลายชั่วโมงติดต่อกัน กระทั่งพระอาทิตย์อัสดงลับขอบฟ้า..

ร่างบางตกอยู่ในอ้อมกอดของคนตัวใหญ่ทั้งที่ไร้อาภรณ์ปกปิดร่างกาย มีเพียงผ้าห่มที่คลุมร่างเพิ่มความอบอุ่น ผ้าม่านถูกปิดจนไม่อาจเห็นบรรยากาศภายนอก สองหนุ่มสาวยังคงอยู่ในห้วงนิทรา กระทั่งได้ยินเสียงฝนตกจึงปลุกให้ตื่นจากฝันอันรื่นรมย์ได้

พณณกรลุกขึ้นนั่งจ้องมองคนตัวเล็กซึ่งพลิกไปอีกฝั่งเมื่อถูกรบกวนการนอน ผ้าห่มถูกร่นจนเห็นแผ่นหลังเนียนที่มีร่องรอยสีหวานซึ่งเกิดจากการกระทำของร่างสูง จนต้องยกยิ้มมุมปากอย่างมีความสุขอดโน้มลงไปประทับริมฝีปากที่รอยนั้นไม่ได้ ผิวของหล่อนขาวจนอยากทำให้ช้ำ แต่ก็น่าทะนุถนอมในคราวเดียวกัน

ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้เขาเสียศูนย์ได้ จากที่คิดจะห่างทว่ากลับเข้าใกล้มากกว่าเดิม โชคชะตาช่างเล่นตลกกับเขาเหลือเกิน

“อือ” ครางเสียงเบาพร้อมเอนกายหนีจากเมื่อรู้สึกว่าถูกรบกวนการนอน

“ฉันหิว ตื่นได้แล้ว” กระซิบข้างหูแล้วก้มลงขบติ่งหูขาวไล่ไปยังลำคอยาวระหงด้วยความรู้สึกหลงใหล กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ของหล่อนทำเอาเขาแทบคลั่ง

“อย่ากวน” ไม่ฟังประโยคของอีกฝ่ายกลับพยายามหนีห่างจนคนขี้แกล้งต้องคว้าเอวเล็กใช้แรงเพียงนิดก็อุ้มร่างบางให้ลุกขึ้นมานั่งตักได้ทั้งที่ยังตื่นไม่เต็มที่ด้วยซ้ำ

“ว้าย ทำบ้าอะไรของนาย” ร่างกายเย็นวาบเพราะไร้ซึ่งอาภรณ์ปกปิดและตอนนี้ก็เปลือยต่อหน้าเขาทั้งยังแนบชิดจนไม่เหลือพื้นที่ว่างระหว่างกันด้วยซ้ำ ใบหน้าหวานแดงก่ำไม่รู้ว่าเพราะโกรธหรืออายกันแน่

แต่เขาเหมาว่าเธอเขินก็แล้วกัน ดวงตากลมคมมองต่ำลงไปยังเนินอกสล้างที่เต่งตึง

“หิว”

ตอบเพียงคำเดียวและสายตาแรงกล้าก็ทำให้หล่อนไม่แน่ใจว่าหิวของเขาหมายถึงอะไร หิวข้าวหรือหิว..เธอกันแน่

“รู้แล้ว เดี๋ยวไปทำให้ ปล่อยก่อน” ตอนนี้เธอนั่งอยู่บนตักของเขาทั้งยังหันหน้าเข้าหาอีกด้วยจะยกมือขึ้นปิดทรวงอกก็ไม่สามารถทำได้เพราะตอนนี้มันแนบชิดกับแผงอกเขาไปแล้วจนต้องอดกลั้นอารมณ์ของตนที่ถูกกวนขึ้นมาอีกครั้ งแม้เขาจะยังไม่ทำอะไรก็ตาม

“ให้เวลาแค่สิบนาที ถ้าฉันไม่ได้กินข้าวฉันจะกินเธอแทน” เขาปล่อยร่างบางให้เป็นอิสระและหล่อนก็รีบหันหลังเพื่อหยิบเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ของสามีขึ้นมาสวมพร้อมทั้งหยิบชั้นในชิ้นเล็กใส่กันอุจาดตา เมื่อลุกเต็มความสูงเสื้อของเขาก็ยาวคลุมขาพอดี

เขาอยากจะบ้าตาย..เมียโคตรเอ็กซ์จนอยากจับมาฟัดอีกรอบ น่าจะให้เวลาแค่สามนาที เสียดายชะมัด ได้แต่มองตามแผ่นหลังเล็กซึ่งมีผมยาวสลวยปลิวไปตามการเคลื่อนไหวของร่างกาย

อาหารเย็นถูกเสิร์ฟในเวลาสี่ทุ่ม จึงทำเพียงสุกี้ตามแต่มีวัตถุดิบในตู้เย็น ทั้งคู่นั่งรับประทานอาหารหน้าทีวีแทนการออกไปข้างนอกเพราะมืดแล้วและบุลลาก็กลัวจะเจอของดีด้วย เธอยังเชื่อว่าที่บ้านหลังนี้มีผีอยู่เพราะไม่ได้รับการแก้ไขความเข้าใจผิดจากร่างสูง

“เรื่องงานเสิร์ฟฉันไม่อนุญาตนะ เลิกคิดไปได้เลย” ระหว่างที่ดูสารคดีกับเขาซึ่งไม่ชอบสักนิด ร่างสูงก็เอ่ยทำลายความเงียบระหว่างกัน “ได้ยินไหมที่พูด”

พยายามนิ่งไม่ตอบรับก็โดนถามย้ำจึงหันไปมองคนข้างกายด้วยแววตารำคาญอย่างไม่ปิดบัง อันที่จริงมันเป็นสิทธิ์ของเธอด้วยซ้ำที่จะทำอะไรก็ได้แต่ดูเหมือนสัตวแพทย์หนุ่มจะไม่เข้าใจและเคารพการตัดสินใจของภรรยาสักนิด เขาเอาแต่ใจและชอบบังคับ

“ได้ยิน”

“ได้ยินว่ายังไง” หล่อนอยากจะลุกขึ้นเดินเข้าห้องเพื่อเป็นการตัดบทสนทนาแต่ก็รู้ดีว่าหนีอย่างไรก็ไม่พ้น

“นายไม่ให้ไปทำงานเสิร์ฟ” จำต้องกลั้นใจตอบคำถามด้วยใบหน้าบึ้งตึงแล้วตักอาหารเข้าปากอย่างกระแทกกระทั้นเหมือนเด็กโดนขัดใจ

ใบหน้าคมอมยิ้มอย่างนึกเอ็นดู ความโมโหเมื่อเย็นถูกขับไล่ไปทันทีเมื่อได้สัมผัสร่างกายที่หลงใหลและมองดวงหน้าคมแสดงความรู้สึกหลากหลาย

“ถามจริงเถอะ นายได้เงินเดือนเท่าไหร่” สงสัยจึงเอ่ยถามเพราะเมื่อเย็นเขาบอกจะจ้างให้อยู่บ้านและนั่นทำเอามือหนาชะงักทันที

“ทำไม”

“ก็นายบอกจะจ้างให้ฉันอยู่บ้าน หึ ทำเหมือนกับว่าเงินเดือนเป็นแสนอย่างนั่นแหละ” เอ่ยเยาะเขาแล้วหันไปดูภาพเสือเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วก่อนตะปบลูกกวางตัวน้อยใช้คมเขี้ยวกัดลงที่ลำคอจนเลือดกระจายและไม่นานสัตว์ตัวเล็กกว่าก็จากไปเหลือเพียงร่างกายที่ถูกกัดกินจนในที่สุดก็กลายเป็นซากกระดูก

“เธอรู้แล้วอาจจะตกใจ” ตอบแบบขอไปทีไม่อยากบอกจำนวนจริง

“แล้วมันเท่าไหร่ล่ะ” เร่งเร้าให้เขาตอบเพราะดูเหมือนอีกฝ่ายพยายามเลี่ยง

“หมื่นห้า”

..ผิดจากที่คิดเสียเมื่อไหร่ จนริมฝีปากจิ้มลิ้มยกยิ้มขึ้นราวเยาะเย้ยคนที่มีรายได้ตามมาตรฐานของเด็กจบใหม่ทั้งที่ดูจากหน้าตาแล้วคงอายุมากกว่าเธอด้วยซ้ำ

..ไม่ก้าวไปไหนเลยจริงๆ

“ตกใจจริงด้วย ถามเถอะเงินแค่นั้นพอหรือไง ไม่มีครอบครัวต้องรับผิดชอบหรือภาระอื่นเหรอ” ความอยากรู้ทำเอาบุลลาวางถ้วยสุกี้ไว้ที่โต๊ะตัวเล็กก่อนจะหันมามองเขาอย่างจริงจัง รอฟังคำตอบจากคนตัวโตด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอยากรู้

“ฉันอยู่ตัวคนเดียวเงินหมื่นห้าจะไม่พอได้ยังไง” ร่างสูงบอกเสียงเรียบขณะที่สายตาจดจ้องภาพในทีวี

มันจะไปพอได้อย่างไรเล่า! แค่ค่าเบียร์เดือนหนึ่งก็ตกห้าพันแล้ว บางทีเขาก็นึกครึ้มซื้อไวน์รสเลิศจากฝรั่งมาขวดละแสนหมุนแทบไม่ทัน

“แล้วนายไม่ส่งเงินให้ที่บ้านเหรอ” เจ้าหนูจำไมยังคงเอ่ยถามไม่ลดละ

“ไม่ เขาก็มีงานทำมีเงินใช้อยู่แล้ว” บางทีก็เหลือกินเหลือใช้ไม่รู้จะเอาไปไหนก็โอนใส่บัญชีลูกชายที่หายหน้าหายตา อีกอย่างเขาก็มีหุ้นของบริษัทวิจิตร จำกัด (มหาชน) ได้รับทุกเดือนถึงจะไม่ได้เข้าไปบริหารก็ตาม ไม่ใช่แค่ไม่เข้าบริหารแต่เขาแทบไม่เคยย่างก้าวไปเหยียบเลยด้วยซ้ำ

“ครอบครัวนายมีกี่คน” จากที่ต้องการรู้เพียงเงินเดือน บุลลาก็ถามถึงเรื่องส่วนตัวของชายหนุ่มด้วยความอยากรู้ อันที่จริงแทบไม่รู้จักเขาด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าจะแต่งงานกับผู้ชายซึ่งรู้แค่ชื่อและอาชีพ

..บ้าไปแล้วบัว!

“พ่อแม่ พี่สาวสามคนพี่ชายหนึ่งคน”

ยกมือขึ้นนับตามที่เขาบอกแล้วก็ทำตาโตอย่างตกใจ ไม่คิดว่าครอบครัวของอีกฝ่ายจะมีหลายคน นึกว่าเขามีแค่พ่อกับแม่เสียอีก ดูจากการปลีกวิเวกมาอยู่คนเดียวทั้งที่มีบ้านของคนงานให้ก็ตาม คงเป็นบุคคลที่ชอบความสันโดษ

“ถ้ารวมนายด้วยก็เป็นเจ็ดคนน่ะสิ โหย พ่อแม่นายต้องหาเงินเก่งมากเลย”

เท่าที่จำความได้บุพการีทั้งสองเป็นคนที่ทำงานเก่งมากจนเขาเอาเป็นแบบอย่าง บิดาซึ่งมีธุรกิจของที่บ้าน กลับไม่สนใจมันสักนิดท่านเปิดบริษัทของตนเอง ส่วนมารดาก็ทำงานบริษัทเป็นหัวหน้าแผนกจนตอนนี้เกษียณออกมาอยู่บ้านเพราะคำขอของบิดา

“นายเป็นคนที่ไหนเหรอ” ตอนนี้เริ่มเพลินจากการรู้เรื่องราวของอีกฝ่าย

“กรุงเทพฯ” ไม่น่าเชื่อที่คนเถื่อนถ่อยแบบนี้จะมาจากเมืองศิวิไลซ์

ร่างสูงหันมามองเจ้าหนูจำไมที่นิ่งงันพลางทำหน้าเหมือนไม่เชื่อจึงโน้มหน้าเข้าไปใกล้

“ทำไม ไม่เชื่อฉันหรือไง”

“เปล่าสักหน่อย” ปฏิเสธพลางหันหน้าหนีหยิบอาหารขึ้นมากินขณะที่หน้าร้อนวูบจากสายตาคม แค่เขามองก็เหมือนกำลังเปลื้องเสื้อผ้าเธอออกทีละชิ้นแล้ว

..ชักเป็นเอามากเหมือนกันนะเรา

“ที่จริงเธอน่าจะเรียกฉันว่าพี่นะ เพราะฉันอายุเยอะกว่าเธอ”

ได้ยินอย่างนั้นก็รีบหันมามองเขาทันที ให้คลานสี่ขาเหมือนหมายังง่ายกว่าเรียกอีกฝ่ายว่าพี่เลย แค่คิดก็ขนลุกแล้ว

“แหวะ เรียกไม่ลง” เธอลุกขึ้นจากโซฟาไม้ทันทีแล้วเดินเอาถ้วยไปล้างที่อ่างล้างจานเพราะคิดว่าหากนั่งอยู่ตรงนั้นนานกว่านี้อาจโดนเขารังแกก็เป็นได้ แต่หล่อนก็ไม่ได้คิดการที่อยู่ตรงนี้ก็ไม่ปลอดภัยเสมอไปเมื่อร่างสูงเดินมายืนซ้อนหลังพร้อมเอามือวางที่เอวเล็กลูบไปมา

“ลองเรียกดูสิ ไหนเรียกพี่เอิร์ธให้ฟังหน่อย” แค่เห็นร่างเล็กใส่เสื้อตนเองอารมณ์ก็ถูกกวนให้ขุ่น เมื่อสักครู่เขาอดกลั้นมองแค่สารคดีเพราะต้องการข่มความต้องการของตนเอง

..จะขึ้นอะไรนักหนาก็ไม่รู้ทั้งที่เพิ่งปลดปล่อยไปแท้ๆ เขาชักจะเสพติดร่างกายของอีกฝ่ายมากเกินไปแล้ว

“ไม่เอา”

ชายหนุ่มเข้าไปแนบชิดกับหล่อนมากขึ้นพร้อมทั้งยกมือลูบทรวงอกที่ไร้บราปกปิด เขาชอบเหลือเกินเพราะมันนุ่มขนาดพอเหมาะกับมือทั้งยังสู้จนยอดชูชันจากการถูกสัมผัสผ่านเสื้อยืดตัวโคร่ง

“ถ้าไม่เรียกจะโดนกิน”

คำขู่นั่นทำให้บุลลาเริ่มระแวงจนต้องชั่งใจว่าควรทำอย่างไรดี

..แค่เรียกเขาว่าพี่ไม่หนักหนาเท่าไหร่หรอกน่า ดีกว่าโดนกินอีกครั้งเพราะแค่นี้ก็ปวดเมื่อยไปหมดทั้งตัว

“พะ พี่เอิร์ธ” เรียกเสียงสั่นทั้งตัวอ่อนระทวยยืนแทบไม่อยู่ด้วยซ้ำ ดีที่มีร่างสูงใหญ่ซ้อนกายเอาไว้ ไม่รู้

ทำไมแค่ได้ยินเสียงหวานเอ่ยชื่อ ริมฝีปากก็ต้องยิ้มอย่างดีใจ ถ้าเธอครางเป็นชื่อเขาจะรู้สึกดีขนาดไหนนะ..

“ครับ น้องบัว” หลังจากนั้นเขาก็หมุนร่างบางให้หันมาเผชิญหน้าก่อนจุมพิตที่ปากจิ้มลิ้มทันที ความเชี่ยวชาญที่สั่งสมมานาน สามารถชักจูงหล่อนให้เดินไปตามทางที่เขาโปรยเอาไว้

กิจกรรมยามค่ำคืนเกิดขึ้นอีกครั้งโดยไร้ซึ่งการป้องกัน ไม่มีใครฉุกใจคิดถึงเรื่องนี้ ต่างมอบความสุขให้กันและกันจนเข้าสู่เช้าวันใหม่

อำเภอแห่งนี้ค่อนข้างเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวจนมีห้างสรรพสินค้าเกิดขึ้นเนื่องจากเป็นแหล่งเศรษฐกิจ ผ่านมากว่าสองสัปดาห์ที่บุลลากับพณณกรใช้ชีวิตในฐานะสามีภรรยา มีทะเลาะเบาะแว้งกันบ้างแต่ไม่นานเหตุการณ์ก็กลับมาเป็นปกติราวไม่เคยเกิดอะไรขึ้น

หญิงสาวพยายามเรียนรู้ที่จะอยู่กับคนใจร้อนอย่างคุณหมอของเหล่าสัตว์ทั้งหลาย บางครั้งหลังเลิกงานหล่อนก็เดินไปหาเขาที่ฟาร์ม เจออีกฝ่ายอยู่กับม้าก็กลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้นมาทันที ใบหน้าคมมีแววนุ่มนวล จนนึกอิจฉาเจ้าสัตว์สี่เท้าที่ได้เห็นมุมนี้ของคนตัวโต ส่วนเธอน่ะหรือเจอแต่มุมหื่นของเขา เอะอะจับกดเป็นว่าเล่น

'ยังอยากจะไปอีกหรือบัว'บทสนทนาของนุ่มนิ่มลอยเข้ามาในความคิดระหว่างที่มองพณณกรกำลังทำความสะอาดให้อดัมม้าตัวโปรด

'อยากสิ เธอบอกว่าได้เงินดีไม่ใช่เหรอ'อดอิจฉาไม่ได้เมื่อได้ยินว่าได้เงินเดือนละหนึ่งหมื่นสองพันบาทยังไม่รวมทิปอีกด้วย ทุกวันนี้เงินที่ไร่เธอได้วันละสามร้อยบาทไหนจะหยุดเสาร์อาทิตย์อีก

ไม่ถึงหมื่นด้วยซ้ำ จะซื้อเสื้อผ้าก็ต้องคิดแล้วคิดอีก จะขอสามีน่ะหรือเลิกคิดไปได้เลย เขาเองก็เงินเดือนน้อยไม่ต่างไปจากเธอนักหรอก

'แต่คุณหมอเขาจะไม่ว่าหรือไง'ถามด้วยความกังวล

แต่บุลลาก็ยิ้มให้เพื่อสร้างความมั่นใจแก่นุ่มนิ่ม

'เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ฉันคิดแผนออกแล้วขอแค่เธอช่วยพูดกับผู้จัดการให้รับฉันเข้าทำงานก็พอ'แผนนี้เธอคิดขึ้นมาได้เมื่อหลายวันก่อนและเชื่อว่าจะต้องเอาเขาอยู่หมัดแน่นอน คนอย่างพณณกรถ้าเจอลูกไม้นี้ร้อยทั้งร้อยจะต้องยอมอย่างราบคาบ

'แต่ว่า'

'เชื่อฉันเถอะน่า เธอไม่เดือดร้อนแน่ๆ'

ภาพที่โดนพณณกรตะคอกอยู่ฝังหัวนุ่มนิ่มแต่ก็ไม่อาจปฏิเสธบุลลาได้ จำต้องพยักหน้าทั้งที่ใจร้องไห้

..ทำไมชีวิตเธอต้องมาเจอสองผัวเมียเอาแต่ใจด้วยนะ

“มายืนยิ้มฝันหวานอะไรอยู่ตรงนี้” หันมาเห็นบุลลาที่ยืนบิดตัวไปมาก็ทักเสียงดังจนคนงานหันไปมอง เรียกสติจากคนที่มัวแต่อยู่ในภวังค์ให้ตื่น ก่อนฉีกยิ้มหวานให้คุณสามี

แต่เขากลับขมวดคิ้วรู้สึกระแวงกับท่าทีอ่อนหวานอันไม่น่าไว้ใจ

“พี่เอิร์ธขา วันนี้พาบัวไปบิ๊กซีได้ไหมคะ” คำเรียกที่ไม่ค่อยได้ยินยามปกติถูกเอ่ยออกมา

จนเจ้าของชื่อรู้สึกขนลุกที่ได้ยิน เขาชอบบังคับให้เธอเรียกยามร่วมกิจกรรมใต้ร่มผ้า พอมาฟังตอนนี้ก็ให้อารมณ์เหมือนกินยาขม ไหนจะท่าทีออดอ้อนเดินมากอดแขนนั่นอีก

..ไม่ปกติสักนิด

“ผีเข้าเหรอ”

บุลลาแทบจะแยกเขี้ยวเมื่อเห็นสีหน้าหวาดระแวงปนหน่ายใจของสามี เกือบยกมือขึ้นทุบแล้วถ้าไม่ได้สติเสียก่อนว่าจะทำให้งานใหญ่เสีย

“แหมผีไม่เข้าคนสวยหรอกค่ะ เราไปบิ๊กซีกันนะคะ เดี๋ยวบัวจะไปซื้อของมาทำอาหารเย็นให้พี่กิน อืม เอาเป็นมัสมั่นไก่ดีไหมคะ แล้วก็ปลาราดพริก เอ๋ พี่เอิร์ธอยากกินอะไรอีกนะ”

คนงานเริ่มพากันอมยิ้มแต่ก็ก้มหน้าก้มตาทำงาน ไม่เคยเห็นมุมอ่อนหวานของคู่สามีภรรยาเท่าไหร่

“เดี๋ยวพาไป แต่ตอนนี้เลิกทำตัวปัญญาอ่อนก่อน”

หากเป็นเวลาปกติคงได้วางมวยกันไปแล้วที่ชายหนุ่มหาว่าเธอปัญญาอ่อน แต่ตอนนี้ต้องอดใจเอาไว้

..เย็นก่อนนะบัวงานใหญ่รอเราอยู่ เพื่อเงินเดือน เพื่อความสุข คิดถึงกลิ่นเงินเข้าไว้

เงิน เงิน เงิน

“ได้ค่ะ เดี๋ยวบัวนั่งรอตรงนี้นะ” ไม่วายเขย่งปลายเท้าขึ้นไปจุมพิตแก้มหนาแล้วยิ้มให้อย่างอ่อนหวาน

ทำเอาใจคนตัวสูงอ่อนยวบมองแผ่นหลังบางที่หันหลังเดินไปนั่งรอใต้ร่มไม้ด้วยสายตาหวานโดยไม่รู้ตัวสักนิด

“โอ๊ยๆๆ” โอ้ร้องขึ้นพร้อมเกาที่แขน

“เป็นอะไรวะมึง”

“มดกัดๆ มดแถวนี้มันเยอะ สงสัยมีคนทำรถน้ำตาลคว่ำ”

ทุกคนพร้อมใจกันส่งเสียงหัวเราะจนร่างสูงต้องชี้หน้าอย่างคาดโทษ พึ่งเคยโดนล้อแล้วเขินก็ครั้งนี้แหละ ใบหน้าคมรู้สึกร้อนผ่าว ยิ่งหันไปมองคนตัวเล็กซึ่งกำลังนั่งรอพร้อมยิ้มหวานโบกมือมาให้ก็ต้องรีบเสไปมองทางอื่น

หัวใจมันคันยุบยิบแปลกๆ ร่างกายก็ร้อนเห่อ หรือว่าเขากำลังจะเป็นไข้กันนะ..

เวลาสิบเจ็ดนาฬิกาพณณกรก็พาบุลลามาถึงห้างสรรพสินค้าชื่อดังของอำเภอพร้อมทั้งเข็นรถตามร่างเล็กอย่างไม่รู้สึกเบื่อหน่าย เขาชอบมองเธอเลือกของสดพร้อมทั้งฉีกยิ้มหากเจอของลดราคา หากเป็นแบบนี้เขาบอกได้เลยว่าพร้อมเปย์ถึงจะเสียเป็นแสนก็ยอมขอแค่ได้เห็นรอยยิ้มหวาน

“ของสดครบแล้ว พี่เอิร์ธพาบัวไปซื้อชั้นในได้ไหมคะ” คิ้วหนาเลิกขึ้นแต่ก็เข็นรถตามคุณภรรยา เขาเริ่มแปลกใจตั้งแต่ที่ร่างบางเรียกว่าพี่แล้ว

..เธอจะต้องมีแผนอะไรแน่แต่เขายังไม่แน่ใจว่าเรื่องอะไรคงต้องเล่นไปตามเกมก่อน

เดินมายังโซนชุดชั้นในของผู้หญิงคนหน้าหนาก็เกิดหน้าบางขึ้นมาเพราะมีแต่ผู้หญิงยืนเลือกกันเต็มไปหมด เขาก้มหน้าลงเล็กน้อยและอาการทั้งหมดตกอยู่ในสายตาบุลลา ที่จริงหล่อนก็อายแต่ต้องระงับความรู้สึกนั้นเอาไว้ก่อน ถึงเวลาแก้แค้นชายหนุ่มแล้ว

“ตัวไหนดีคะ พี่เอิร์ธช่วยบัวเลือกหน่อยสิ” หยิบบราไร้โครงของยี่ห้อดังขึ้นมาสองตัว อันหนึ่งสีขาวอีกตัวคือสีดำ

“เอาตัวไหนก็ได้” กัดฟันตอบเสียงเบารู้สึกเหมือนกำลังถูกล้อเล่นกับความรู้สึกโดยที่เขาทำได้เพียงสะกดกลั้นอารมณ์เท่านั้น

คนตัวเล็กหน้าชื่นตาบานเหลือเกินที่ได้เห็นใบหน้าแดงก่ำของคุณสามี

“ก็บัวเลือกไม่ถูกนี่คะ พี่เอิร์ธช่วยหน่อยไม่ได้เหรอ” แสร้งแสดงสีหน้าเศร้า

จนร่างสูงจำต้องคว้าชั้นในทั้งสองตัวแล้วโยนลงรถเข็นด้วยความเร็ว จับข้อมือเล็กแล้วลากออกจากโซนนี้โดยมีสายตาหลายคู่มองตาม

..ผู้ชายก็หล่อผู้หญิงก็สวยช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน

“โอ๊ย เบาหน่อยสิคะ บัวเจ็บนะ”

เขาต้องเม้มปากแน่นเพื่อกลั้นอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นเมื่อเกิดภาพในจินตนาการเขาเห็นเรืองร่างขาวผ่องอยู่ในชุดชั้นในสีขาวมีปีกนางฟ้าอยู่ข้างหลังส่งสายตาไร้เดียงสามาให้ ก่อนเปลี่ยนเป็นบราสีดำแววตาร้อนแรงดั่งเปลวเพลิงก็ถูกส่งมา และตอนนี้น้องชายที่เคยสงบก็กำลังประท้วงเขากัดฟันแน่นรีบไปต่อแถวเพื่อจ่ายเงิน

“พี่เอิร์ธเป็นอะไรคะ ดูสิเหงื่อออกเยอะเชียว” มือเล็กยกขึ้นมาเช็ดตามไรผมให้ ทำเอาคนไม่ทันตั้งตัวสะดุ้งโหยงถอยห่างเล็กน้อยโดยไม่พูดอะไร เขาพยายามระงับอารมณ์เอาไว้

ทำไมมึงหื่นอย่างนี้วะไอ้เอิร์ธ..

ถึงคิวจ่ายเงินเขาก็ใช้สายตาเร่งพนักงาน จนอีกฝ่ายตัวสั่นงันงกกลัวไม่ทันใจคุณลูกค้าหน้าคม และเมื่อทุกอย่างเรียบร้อยจึงกึ่งลากกึ่งจูงคนต้นเหตุไปที่รถมอเตอร์ไซค์

“จะรีบไปไหนคะพี่เอิร์ธ” ถามเสียงอ่อนราวต้องการอ่อยเขาซึ่งพณณกรไม่มีอารมณ์จะตอบเขาต้องการกลับถึงบ้านให้เร็วที่สุดแล้วสำเร็จโทษคนตัวดีจนลุกไม่ขึ้นไปสามวัน!

ระหว่างทางกลับไร่ร่างบางก็ลอบยิ้มอย่างย่ามใจ ลำแขนเรียวกอดเอวหนาเอาไว้ก่อนค่อยๆ ลูบเข้าไปภายใต้เสื้อยืดสีเข้มจนคนขับรถเซไปชั่วครู่ ดีที่ถนนข้างหน้ายังคงโล่งจึงไม่เป็นอันตรายอย่างที่นึกกลัว

“เล่นอะไรของเธอ!” ตะโกนถามเสียงดังแข่งกับเสียงลมที่ตีเข้าหน้า

“ทีพี่เอิร์ธยังทำบ่อยเลย บัวขอทำบ้างไม่ได้เหรอคะ” ยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูเขาแล้วขบเบาๆ จนร่างสูงอารมณ์พุ่งแทบอยากจะจอดข้างทางแล้วสำเร็จโทษคนกล้าลองดีให้สาสมกับสิ่งที่เธอทำ

..บุลลาเวอร์ชั่นนี้เขาไม่เคยเจอมาก่อนและดูท่าจะรับมือยากเสียด้วย

บรรยากาศยามเย็นให้ความรู้สึกสบายยามได้สัมผัสลมธรรมชาติก็ทำเอาใบหน้าหวานยิ้มอย่างมีความสุข บางทีรถมอเตอร์ไซค์ก็ไม่ได้เลวร้ายเสมอไป เธอได้สัมผัสกับลมบริสุทธิ์ที่สร้างความสดชื่นจนต้องสูดเข้าปอด หากอยู่เมืองกรุงคงไม่ได้เจออย่างนี้

ใช้เวลาเพียงไม่นานก็จอดที่หน้าบ้านหลังเล็กหรือเรือนหอของทั้งคู่ พณณกรแทบไม่สนใจของที่ซื้อมาจากห้างสรรพสินค้า เขารีบอุ้มคนตัวเล็กเข้าบ้านโดยคนถูกอุ้มรีบเอาขาเกี่ยวเอวสามีไว้เพราะกลัวตก ริมฝีปากหนาปิดกั้นเสียงที่กำลังจะเอ่ยแล้วส่งลิ้นไปควานหาความหวานของปากนุ่ม

ไม่รู้ว่าไขกุญแจเข้ามาภายในได้อย่างไรและแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่บนเตียงกว้าง บุลลาตอบโต้เขาจนหลงลืมแผนการที่วางเอาไว้ไปชั่วขณะ และเมื่อร่างกายได้สัมผัสความเย็นเพราะเสื้อผ้าถูกถอดออกเหลือเพียงชั้นในชิ้นน้อยปกปิดร่างกายก็นึกได้ว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ

“ดะ เดี๋ยวก่อนสิคะ” จากที่นอนบนเตียงหญิงสาวกลับพลิกกายขึ้นมานั่งบนตักเขาแทนด้วยความกล้าหาญทั้งที่หัวใจสั่นระรัวเพราะเขินอาย

“วันนี้บัวขอนำเกมนะ”

ร่างหนาถูกผลักให้นอนราบบนเตียง มองหญิงสาวที่ค่อยๆ ปล่อยผมซึ่งถูกรวบตึงให้สยายทั่วแผ่นหลัง ภาพตรงหน้างดงามจนดวงตาคมถูกตรึงเอาไว้ มือเท้าเริ่มเย็นเพราะความตื่นเต้น เป็นครั้งแรกที่เธออยู่บนตัวและพร้อมจะรุกเขา

ใบหน้าหวานยกยิ้มให้ก่อนจะโน้มตัวลงมาจุมพิตที่ลำคอหนาไม่นึกรังเกียจสักนิดก่อนไล่ลงมาที่หนาอกแกร่งไม่ลืมใช้ลิ้นดุนดันยอดสีเข้มอย่างหลงใหล เสียงครางดังออกมาจากริมฝีปากเรียวก่อนเขาจะเอื้อมมือไปปลดตะขอชั้นในเธอออกด้วยความชำนาญที่มีมากกว่า

“อะ อย่าสิคะ” เขาเอื้อมมาบีบคลึงบัวตูมอย่างมันมือ แต่แล้วก็ถูกเธอจับมือเอาไว้ก่อนดันขึ้นไปอยู่เหนือหัวก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นมาจูบเขาอย่างอาจหาญ จากคนที่ไม่คุ้นชินกับเรื่องนี้กลายเป็นหญิงร้อนแรงที่พร้อมจะแผดเผาเขาโดยชายหนุ่มไม่ทันระวังสักนิด

ทุกอย่างดำเนินไปอย่างธรรมชาติ เขาปล่อยให้บุลลาเดินนำโดยที่ตนเองทำเพียงมองทุกอย่างด้วยแววตาเยิ้ม และเมื่อมือเล็กเอื้อมไปคว้าเข้าที่จุดแข็งขืน ชายหนุ่มก็ครางไม่เป็นศัพท์ เธอลูบมันเบาๆ ผ่านกางเกงยีนส์ตัวหนาก่อนจะค่อยๆ รูดซิปออกแล้วถอดมันด้วยความรวดเร็วตามแรงอารมณ์ที่เกิดขึ้น ไม่มีใครสนใจความมืดที่ปกคลุมเพราะกิจกรรมตรงหน้ากำลังเข้าที่ ยิ่งร่างกายหนามีเพียงชั้นในยี่ห้อดังปกปิดก่อนมือเล็กจะเกี่ยวมันออก จนกระทั่งส่วนนั้นเปิดเผยต่อสายตา

ไม่เคยคุ้นชินกับความใหญ่ของเขาสักที และเพิ่งได้มองมันเต็มตาเป็นครั้งแรกเพราะส่วนมากเธอมักจะหลับตาหรือไม่ก็ติดอยู่ในวังวนวาบหวามซึ่งร่างสูงเป็นคนสร้าง แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วในเมื่อเธอเป็นคนนำเกมและเขาเป็นเพียงผู้ตามเท่านั้น

“เข้ามาสักที” เมื่อเห็นเธออ้อยอิ่งเอาแต่เล่นกับลูกชายของตนก็เอ่ยเสียงแหบพร่าเพราะจะไม่ไหวแล้ว

บุลลาได้ยินก็ยิ้มกริ่มลุกขึ้นนั่งบนหน้าท้องของเขาแล้วบดเบียดร่างกายไปมา มือเล็กก็เลื่อนไปเคล้าคลึงยอดไตบนหน้าอกหนา การเป็นผู้ล่ามันรู้สึกภูมิใจอย่างนี้เอง

“รีบไปไหนคะ เรามีเวลาด้วยกันทั้งคืน” ขณะที่พยายามพาเขาไปสู่ห้วงอารมณ์ เธอก็ค่อยๆ เลื่อนมือเข้าไปใต้หมอนหยิบเหล็กสีเงินวาวขึ้นมาโดยไม่ให้ชายหนุ่มรู้ตัว ดีที่หัวเตียงเป็นลวดเหล็กจึงง่ายต่อแผนนี้

“จะไม่ไหวแล้ว” เธอเลื่อนตัวไปใกล้จุดอ่อนไหวของชายหนุ่มมากขึ้นก่อนใช้บั้นท้ายถูไถอย่างนึกสนุก มือหนาเอื้อมมือบีบหน้าอกขาวจนเป็นรอยมือก่อนบุลลาจะจับเขาเอาไว้ก่อน

“อย่าดื้อสิคะ” บอกเสียงหวาน

“บัวมีอะไรสนุกให้พี่เอิร์ธเล่นด้วยนะ” ก้มลงมากระซิบที่หูของเขาพร้อมทั้งใช้ยามที่อีกฝ่ายเผลอใส่กุญแจมือหนาเข้ากับกรงเหล็กหัวเตียงอย่างรวดเร็ว

คลิก

เสียงโลหะกระทบกันปลุกอารมณ์เขาจนต้องเงยหน้าขึ้นมองเห็นว่ามือถูกพันธนาการด้วยกุญแจมือซึ่งไม่อาจรู้ว่าเธอเอามาจากไหนและใส่มันตอนไหน

“ทำบ้าอะไรของเธอ”

ใบหน้าหวานยกยิ้มมุมปากอย่างเป็นต่อจนเขาเริ่มเห็นเค้าลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้นเสียแล้ว เมื่ออารมณ์ถูกครอบงำร่างสูงลืมไปเสียสิ้นว่ามันคือแผนการของภรรยาหน้าจิ้มลิ้ม

..แต่มันเกิดขึ้นเพื่ออะไรเล่า เธอต้องการอะไรจากเขากันแน่

“อย่าทำหน้าบึ้งสิคะ” ตอนนี้หญิงสาวค่อยๆ ก้าวออกจากร่างหนาช้าๆ และหยิบชั้นในขึ้นมาสวมใส่อย่างรวดเร็วทำเอาใบหน้าคมมองตามด้วยอาวรณ์

..เธอจะปล่อยให้เขาค้างแบบนี้ไม่ได้นะ

“บัวแค่อยากให้พี่เอิร์ธอนุญาตให้ไปทำงานเท่านั้นเอง” เมื่อสวมชั้นในครบสองชิ้นก็หยิบเสื้อยืดของสามีมาใส่ก่อนจะลงไปนั่งบนเตียงลูบแผงอกหนาที่ไร้ขนไปมาเพื่อปลุกอารมณ์ “ได้ไหมคะ” ก่อนจะก้มลงเลียที่หน้าท้องที่เป็นลอนสวยงามอย่างเชื่องช้าราวต้องการแกล้งเขาให้สิ้นเสียตรงนี้

ร่างสูงกัดฟันแน่นข่มความปรารถนาที่มีต่อแม่เสือสาวผิวขาวอมชมพู

..เธอทำเขาเจ็บแสบมาก

“ไม่มีทาง” ถึงจะโดนเล้าโลมโดยที่ตนเองไม่สามารถโต้ตอบได้และส่วนนั้นก็แข็งขืนพร้อมสู้เต็มที่ชายหนุ่มก็ยังปฏิเสธเสียงเข้ม เขาไม่มีทางยอมให้หล่อนไปทำงานที่ร้านอาหารแน่

“ถ้าพี่เอิร์ธยอม บัวจะทำต่อให้ถึงใจเลย ว่ายังไงคะ ยอมไหม” ขึ้นคร่อมบนร่างกายของอีกฝ่ายพร้อมทั้งบดเบียดบั้นท้ายใกล้ส่วนอ่อนไหวของชายหนุ่มไปมา เธอเองก็พยายามข่มอารมณ์ด้านมืดสุดฤทธิ์เพราะความต้องการพุ่งสูงไม่แพ้กัน

สองหนุ่มสาวเหมือนแม่เหล็กคนละขั้วมักจะดึงดูดเข้าหากันเสมอ

“มะ ไม่” เสียงแหบพร่าสั่นไหวมองคนตัวเล็กโยกตัวไปมาบนกายตน

เธอค่อยๆเลิกเสื้อของตนเองขึ้นเผยให้เห็นหน้าท้องแบนราบไร้ไขมันส่วนเกิน

“คิดให้ดีนะคะ แค่พูดว่ายอมแล้วบัวจะทำให้อย่างที่ต้องการ” เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้าเสียงเข็มนาฬิกาดังในหัวของชายหนุ่ม ตอนนี้ปวดหนึบไปทั่วตัวความต้องการมีแต่เพิ่มขึ้นมันไม่ลดลงเลยสักนิด ยิ่งเห็นคนตัวเล็กขยับบนร่างกาย ใส่เสื้อของตนที่หลวมโคร่งก้มทีเห็นไปถึงสะดือก็ไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้

จนในที่สุดก็จำยอมต่อเหตุการณ์ครั้งนี้

“ก็ได้ ฉันยอมให้เธอทำ”

รอยยิ้มแต้มบนใบหน้าหวานทันที เธอค่อยๆ ถอดเสื้อออกจากร่างกายให้เหลือเพียงชั้นในสองชิ้น เวลาที่รอคอยมาถึงแล้ว

พณณกรเตรียมพร้อมจะรับศึกหนักโดนมีหญิงสาวเป็นคนคุมเกม มือข้างที่ถูกล็อกไม่สามารถขยับไปได้แต่อีกข้างที่ว่างก็ตั้งใจจะจับทรวงอกนุ่มหยุ่น

“เฮ้อ แค่นี้ก็จบแล้ว หวังว่าจะนอนหลับสบายนะคะ พี่เอิร์ธ..” ความหวังพังทลายเมื่อร่างบางลงจากร่างกายเขา ก่อนยืนข้างเตียงหยิบชุดของตนที่ถูกถอดออกใส่อย่างเชื่องช้าราวต้องการยั่ว

“นี่เธอ!”

“เสียใจด้วยนะ คืนนี้คงต้องนอนไปทั้งแบบนี้ แต่ฉันเหลือมืออีกข้างไว้ให้คงช่วยตัวเองได้ บ้ายบาย” โบกมือลาคนตัวสูงเดินไปหยิบชุดนอนกับผ้าเช็ดตัวเพื่อชำระกาย ไม่ลืมเอาผ้าห่มกับหมอนสำหรับนอนโซฟาข้างนอกไปด้วย คืนนี้คงต้องปล่อยให้ร่างสูงนอนหนาวเพียงลำพังทั้งที่ร่างกายเปลือยเปล่า “แล้วก็ถ้านายคิดตุกติก...ฉันจะตัดไอ้นั่นมาสับเป็นชิ้นๆ” ชี้หน้าคาดโทษก่อนฮัมเพลงเดินไปข้างนอก เสียงปิดประตูดังขึ้นพร้อมหัวใจที่ปลิดปลิวของสัตวแพทย์แห่งฟาร์มสายรุ้ง น้องชายที่ยังยืนตรงตามอารมณ์ที่ถูกปลุกปั้น เขากัดฟันกรอดแค้นใจที่ถูกหลอกจนต้องคว้าหมอนโยนไปที่ประตู

“โธ่เว้ย ฝากไว้ก่อนเถอะยายตัวแสบ!”

เสียงคำรามดังก้องทั่วห้องนอนและเวลาต่อมาเสียงครางก็ดังขึ้น เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่ต้องใช้มือช่วยให้น้องชายสงบลงได้.. น่าสมเพชชะมัดเลยไอ้เอิร์ธ

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status