แชร์

๘ แยกกันบ้าง

แยกกันบ้าง

ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาพณณกรก็ระมัดระวังตัวมากขึ้นและเมื่อเขาหลุดจากกุญแจมือเหล็กก็จัดการทบต้นทบดอกภรรยาตัวแสบทำเอาวันต่อมาลุกขึ้นแทบไม่ไหว แต่ก็คุ้มเพราะชายหนุ่มอนุญาตให้ไปสมัครงานที่ตัวอำเภอพร้อมนุ่มนิ่ม เพียงแค่ไปสมัครก็ผ่านการสัมภาษณ์อย่างง่ายดายจนยิ้มแก้มปรินำมาบอกกล่าวสามีด้วยน้ำเสียงภาคภูมิใจเหลือเกิน

การดำเนินชีวิตของคู่แต่งงานผ่านไปอย่างทุลักทุเล หลายเรื่องต้องปรับเข้าหากันนิสัยส่วนตัวที่ไม่พึงประสงค์ก็ต้องเปลี่ยนโดยเฉพาะการถอดเสื้อผ้าซึ่งร่างบางบ่นแทบทุกวัน

“มันยากนักหรือไงกับแค่เอาเสื้อไปลงตะกร้าเนี่ย” เดินไปหยิบเสื้อลายสก็อตแล้วโยนลงตะกร้าก่อนจะหันไปมองเขาตาเขียวเพราะอีกฝ่ายไม่มีท่าทีทุกข์ร้อนเลย

“ก็เธอเก็บให้แล้วไง” เอนกายลงบนเตียงทั้งที่ยังไม่ได้อาบน้ำ

จนหล่อนต้องรีบก้าวไปฉุดแขนหนาไว้เสียก่อนพร้อมใบหน้าบูดบึ้ง แต่งงานกันมาเดือนกว่าแล้วชีวิตไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่

“ฉันไม่ใช่คนใช้ของนายนะ แล้วฉันก็บอกหลายรอบว่าถ้ายังไม่อาบน้ำห้ามนอนบนเตียงเดี๋ยวกลิ่นมันจะติดที่นอน ถามจริงเป็นเด็กสามขวบหรือไงต้องให้ย้ำตลอดเวลา” ทนไม่ไหวต้องร่ายยาวจนใบหน้าแดงก่ำ หายใจแทบไม่ทันนึกว่าตัวเองเป็นแร็ปเปอร์ที่ใช้ทักษะพูดเร็วมาบ่นสามีจอมขี้เกียจ

“บ่นมากจริง ถ้าอย่างนั้นมานอนด้วยกันดีกว่า” ใช้ข้อได้เปรียบในเรื่องพละกำลังดึงเธอจนมานั่งบนตักกว้างพร้อมวาดแขนกอดเอวเล็กเอาไว้ด้วยท่าทีสนิทสนม สูดดมความหอมที่แก้มนุ่มเสียงดัง

จนคนถูกล่วงเกินต้องตีเข้าที่แผงอกหนาพร้อมทำหน้างอใส่

“ไอ้บ้า หน้านายสกปรกมาหอมได้ไงเดี๋ยวฉันก็เป็นสิวหรอก”

พณณกรหัวเราะเล็กน้อยในความเรื่องมากของร่างเล็ก จุกจิกเสียเหลือเกินแต่แปลกที่เขากลับไม่นึกเบื่อสักนิดยามได้ฟังเสียงเล็กเจื้อยแจ้ว

จากที่เคยคิดว่าจะกลับบ้านดึก ตัดขาดจากผู้หญิงหน้าเงินทว่าพอได้สัมผัสกับความน่ารักที่แฝงอยู่สิ่งที่เคยนึกไว้ก็มลายหายไป เขากลับบ้านเร็วบางวันก็ไปรับบุลลาที่ไร่เพื่อรับประทานอาหารเที่ยงร่วมกัน ชอบที่จะกอดหรือร่วมรักกับเธอทุกค่ำคืนไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ปฏิเสธการไปดื่มสุรายาดองกับกลุ่มคนงานจนบ่นระงมว่าเขาติดเมีย

ใครสนกันเล่า เมียเขาน่าเสน่หาขนาดนี้จะให้ไปดื่มเหล้าหรือ..เมินเสียเถอะ

“เดือนหน้าฉันต้องไปกรุงเทพฯ” ว่าแล้วก็กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

..ไม่อยากไปเลยสักนิดถ้าเบี้ยวอีกคราจะเป็นอะไรไหมนะ

“ไปนานไหม” จากที่คิดจะดิ้นออกก็หยุดนิ่งแล้วเอี้ยวตัวไปมองใบหน้าคมซึ่งส่งยิ้มเพียงเล็กน้อยมาให้ แค่ได้ยินว่าเขาจะห่างกายก็รู้สึกวูบโหวงในหัวใจแปลกๆ

“สามสี่วัน”

ถอนหายใจด้วยความโล่งอก

..ก็ไม่นานเท่าไหร่

“อื้อ” แล้วทั้งห้องก็ต้องอยู่ในความเงียบ ไม่มีใครพูดอะไรอีกราวตกอยู่ในภวังค์ความคิดของตนเอง หล่อนรู้สึกใจหายเพราะตั้งแต่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันมาก็แทบไม่เคยห่างกันเลย เตียงที่มองดูว่ากว้างกลับแคบลงยามเห็นร่างหนานอนอยู่ด้วย ความอบอุ่นจากอ้อมกอดแข็งแกร่งทำให้รู้สึกปลอดภัยจนต้องสอดกายเพื่อโอบกอดเขาทุกค่ำคืน

ถ้าหากพณณกรไม่อยู่..ก็รู้สึกแปลก

"ปล่อยได้แล้ว ฉันจะไปอาบน้ำ” การเคลื่อนไหวของมือหนาปลุกบุลลาให้ตื่นจากความคิด เขาลูบไล้เรียวขาสวยที่เปลี่ยนจากชุดทำงานมาเป็นเสื้อยืดพอดีตัวกับกางเกงขาสั้นที่อวดเรียวขาขาวน่าหลงใหล

“อาบด้วยกันสิ ฉันก็อยากอาบพอดี”

หากอาบกับเขาก็คงไม่สิ้นสุดแค่การอาบน้ำหรอกคงลากยาวเป็นกิจกรรมโลดโผนมากกว่าจึงต้องส่ายหน้าอย่างรวดเร็ว

“ไม่เอาหรอก นายมันเจ้าเล่ห์อาบกับนายเปลืองตัวตลอดเลย”

คุณหมอสุดหล่อยกยิ้มมุมปากแล้วกระซิบข้างหูเธอ

“แต่ดูเหมือนเธอเองก็ชอบนะ ไม่อย่างนั้นคงไม่เรียกร้องตั้งหลายรอบหรอก”

ใบหน้าหวานแดงก่ำจากประโยคล้อเลียนของอีกฝ่ายจนต้องรีบดิ้นให้หลุดจากตักแกร่งจากนั้นก็ลุกขึ้นยืนก่อนหันมามองร่างหนาที่เอาแต่ส่งยิ้มร้ายกาจมาให้

“ฉันไม่ได้ทำอย่างนั้นสักหน่อย ขี้ตู่” ว่าจบก็รีบวิ่งออกจากห้องนอนไปข้างนอกด้วยหัวใจสั่นระรัว ได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มดังมาจากในห้องก็ยกมือขึ้นปิดแก้มพลางส่ายหน้าไปมาไม่อยากยอมรับว่าตนเองเสพติดการสัมผัสทางร่างกายจากคุณสามีที่ขยันเสิร์ฟความหวานให้เหลือเกิน

จากที่ไม่เคยเรียกร้องบางครั้งเธอก็เอากายไปแนบชิดเขากระตุ้นอารมณ์ดิบให้เกิดก่อนทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ พณณกรมีเสน่ห์ล้นเหลือแค่มองตาก็อ่อนระทวยแล้ว และตอนนี้เขาทำให้เธอเสียคนเพราะเพียงแค่มองร่างกายหนาก็จินตนาการไปถึงค่ำคืนแสนหวานระหว่างกันเสียแล้ว

โฮ่ง

ดวงตากลมโตมองตามเสียงก็พบเจ้าตูบนั่งลิ้นห้อยอยู่หน้าบ้านจึงส่งยิ้มแล้วเดินออกไปหา เธอพึ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ว่าคืนเข้าหอที่ได้ยินเสียงสุนัขก็มาจากเจ้าสี่ขาแสนรู้ซึ่งต้องการปลุกเจ้าของบ้านมาให้อาหาร และมันทำให้เธอเสียสาวครั้งแรกเพราะความกลัวโดยไม่มองหน้ามองหลังแท้ๆ

“ว่าไง อยากกินข้าวเหรอ” เธอลูบหัวเจ้าสุนัขหลังอานอย่างนึกเอ็นดู

“แฮ่ๆ” เจ้าสุนัขส่ายหางไปมา

ร่างบางจึงหัวเราะเล็กน้อยก่อนเข้าบ้านไปยังโซนครัว ล้างไม้ล้างมือเพื่อเตรียมอาหารสำหรับสุนัขหลังอาน พณณกรเดินออกจากห้องนอนเพื่อจะอาบน้ำเห็นภรรยาเตรียมวัตถุดิบก็ปล่อยให้หล่อนได้ทำโดยไม่รบกวน

แต่ละคนต่างทำธุระส่วนตัวกระทั่งชายหนุ่มได้กลิ่นหอมของอาหารจึงเดินมาดูพบว่าเป็นข้าวต้มใส่อกไก่สับของโปรดจึงยกยิ้มกอดเอวเล็กพลางสูดดมความหอมที่ผมยาวสวย

“รู้ได้ไงว่าฉันอยากกินข้าวต้มตอนเย็น” หล่อนหันมาเลิกคิ้วให้เขา

“อะไร ฉันไม่ได้ทำให้นาย อันนี้ของเจ้าตูบมัน”

คนฟังหุบยิ้มทันทีแล้วหันไปมองที่หน้าบ้านเห็นสุนัขพันธ์หลังอานนั่งกระดิกหางรอด้วยความหวังก็เกิดไม่สบอารมณ์

มันเป็นเพศผู้ซะด้วย

“ฉันไม่ให้มันกิน ถ้าจะกินก็ให้มันทำเองสิ”

ไม่นึกว่าร่างสูงจะพูดเอาแต่ใจขนาดนี้จนบุลลาต้องหันมามองเขาพลางถอนหายใจนึกระอากับอารมณ์แปรปรวนไม่สามารถคาดเดาได้

“มันเป็นหมานะนายจะให้ทำกินเองได้ยังไง นายนั่นแหละต้องทำเองมือก็มี สมองก็ไม่ได้ฝ่อ ลองเปิดกูเกิ้ลทำอาหารเองแล้วกัน” หล่อนว่าก่อนกลับไปจัดการยกหม้อข้าวต้มออกจากครัวเพื่อไปเทใส่ชามสำหรับสุนัขเพศผู้ มันส่ายหางดีใจยกใหญ่แต่เมื่อเห็นควันลอยคลุ้งจึงนั่งแลบลิ้นรอให้เย็นเสียก่อน

สัตวแพทย์หนุ่มเม้มปากแน่นด้วยความไม่สบอารมณ์เขามองแผ่นหลังเล็กลูบหัวเจ้าตูบอย่างเอ็นดูก็เกิดความน้อยใจซึ่งไม่เคยเป็นมาก่อน จะว่าไปช่วงนี้เขาก็รู้สึกว่าตนเองค่อนข้างอ่อนไหวพอสมควร อะไรกระทบจิตใจหน่อยก็บ่อน้ำตาตื้นหวิดจะร้องไห้หลายครั้ง อีกทั้งมีความต้องการที่สูงกว่าปกติ ชอบกลิ่นกายของบุลลาจนอยากจะเอาเธอติดตัวไปด้วยทุกที่

เขาชักจะเป็นเอามากแล้ว..

“โอ๊ย” ด้วยความคิดอะไรเพลินไม่ทันระวังมือหนาก็ไปสัมผัสกับเตาแก๊สที่พึ่งถูกใช้งานจนต้องรีบเอามือออกห่าง

ภรรยาได้ยินเสียงคนตัวสูงก็รีบเข้ามาดูเห็นเขากุมมือก็นึกเป็นห่วง

“เป็นอะไรน่ะคุณ” จับมือหนาขึ้นมาดูพบว่ามันเริ่มพองและแดงจึงรีบพาเขาไปล้างน้ำสะอาด

“ไม่ต้อง ฉันดูแลตัวเองได้” จะเบี่ยงตัวหนีเพราะนึกน้อยใจ

แต่หล่อนก็ไม่ปล่อยให้เขาทำได้ตามต้องการยังคงจับมืออีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะพาไปนั่งโซฟา คนตัวสูงก็ยื้อโดยใช้แรงเพียงน้อยนิดเพราะที่จริงใจก็อยากให้เธอดูแลเช่นเดียวกัน ยามใบหน้าหวานมองด้วยความตั้งใจทำให้หน้าอกข้างซ้ายทำงานแปลกๆ

มันเต้นเร็วขึ้นทั้งยังรู้สึกคันจนต้องยกมืออีกข้างขึ้นมาเกา ไม่ใช่ไม่รู้ว่าหมายความว่าอย่างไรแต่เขาไม่อยากยอมรับ..

ว่าตอนนี้ตนเองตกหลุมรักผู้หญิงหน้าเงินเข้าเสียแล้ว

“ทีหลังก็หัดระวังบ้าง ดูสิมือแดงไปหมดแล้ว”

มองริมฝีปากจิ้มลิ้มบ่นให้อย่างไม่ละสายตา ปากเล็กเผยอขึ้นเล็กน้อยยามที่พูดก่อนเสียงที่เอ่ยวาจาจะถูกปิดด้วยฝีมือของคนบาดเจ็บ

ร่างสูงช่วงชิงลมหายใจจากหล่อนแล้วเรียกร้องอย่างเอาแต่ใจ เอียงองศาหน้าเพื่อให้ตอบรับสัมผัสได้อย่างถนัดโดยมีน้ำเชื่อมใสยืดออกยามผละห่างกัน จนกระทั่งทั้งคู่ละริมฝีปากออกจากการแต่หน้าผากยังแนบชิดอยู่ ชายหนุ่มยกยิ้มอย่างมีความสุข ไม่คิดว่าชีวิตแต่งงานจะดีขนาดนี้

“ลองเรียกพี่เอิร์ธหน่อยสิ เหมือนที่เรียกวันนั้น” แค่เอ่ยถึงใบหน้าหวานก็แดงซ่านเพราะความเขินอาย จะเรียกเขาว่าพี่ยามที่ร่วมรักกันหรือไม่ก็ครั้งที่เคยแกล้งชายหนุ่มจนต้องยอมให้ไปทำงานพนักงานเสิร์ฟที่ร้านอาหาร ทว่าเมื่ออยู่ในอารมณ์ปกติแทบไม่เรียกพณณกรว่าพี่เลย

“ไม่เอา” ปฏิเสธทั้งยังพยายามหันหน้าหนี

จนถูกชายหนุ่มจับใบหน้าเอาไว้ให้สบตากัน

“เรียกให้ฟังหน่อยนะ นะครับน้องบัว” เสียงทุ้มเอ่ยขอร้องพร้อมประโยคพิฆาตด้วยชื่อของหล่อน แม้จะอายแสนอายก็ต้องข่มความรู้สึกนั้นช้อนตาขึ้นมองเขาช้าๆ แล้วเอ่ยเรียกเสียงหวาน

“..พี่เอิร์ธ”

เพียงเท่านั้นร่างสูงก็ไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาอุ้มร่างบางขึ้นแล้วมุ่งตรงไปยังห้องนอนหลังจากนั้นก็จัดการมอบรางวัลให้แก่เด็กดีที่ยอมเรียกชื่อของสามีพร้อมน้ำเสียงออดอ้อนในความรู้สึกของเขา อาหารเย็นถูกปัดไปเพราะตอนนี้เจ้าของบ้านขอชิมของหวานก่อน

แล้วดูท่าว่าจะชิมทั้งคืนเสียด้วย..

หลังจากเลิกงานในไร่บุลลาก็เข้าไปในตัวอำเภอกับนุ่มนิ่มเพื่อทำงานในร้านอาหาร จากประสบการณ์ที่เคยผ่านงานในบริการช่วยให้ร่างบางค่อนข้างควบคุมอารมณ์ได้ยามถูกแขกหนุ่มลวนลามทางสายตาและวาจา เธอยังไม่อยากมีประวัติเสียหรือถูกไล่ออกเพราะต้องการเงินเพื่อหมุนในแต่ละเดือน

พณณกรมักจะมารับทุกวันหลังงานเสร็จสิ้น ใบหน้าคมนิ่งขรึมจนพนักงานหนุ่มที่คิดจะเกี้ยวเพื่อนร่วมงานจำต้องล่าถอยไม่อยากมีเรื่องกับสัตวแพทย์หนุ่มผู้มือหนักเป็นที่เลื่องลือ เขาเคยลงแข่งชกมวยการกุศลและชนะน็อกมาแล้วชื่อเสียงกระจายไปไกลจนไม่มีใครกล้าหาเรื่อง เว้นเสียแต่ว่า..

“นั่น ไอ้พณณกรหรือเปล่า” ร่างสูงในชุดสูทหรูหยุดเดินแล้วหันไปมองชายหนุ่มที่คุ้นหน้าค่าตาเป็นอย่างดีซึ่งยืนพิงรถยนต์อยู่ข้างนอกร้านอาหาร

เสี่ยกรรชัย เจริญประมุข ผู้มีอิทธิพลประจำอำเภอ กิจการกว่าเจ็ดสิบเปอร์เซ็นต์ทั้งโรงแรมร้านอาหาร ห้างสรรพสินค้าล้วนแต่เป็นของเขาทั้งสิ้น ไม่ใช่เพียงแค่ในตัวอำเภอแต่หมายรวมถึงทั้งจังหวัดชื่อของเสี่ยใหญ่ก็เลื่องลือไปไกล และอีกเรื่องที่ผู้คนต่างกล่าวขานเป็นเสียงเดียวกันคือความเจ้าชู้ แม้จะอายุขึ้นเลขสี่ทว่าไม่เคยมีหญิงเคียงกายเป็นตัวเป็นตน มีเล็กมีน้อยไปเรื่อยไม่ลงหลักปักฐานเสียที

“อ๋อ ครับ ภรรยาของเขาทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟที่นี่”

ร้านอาหารแห่งนี้ก็เป็นหนึ่งในกิจการของเขาเช่นกันแต่ให้อยู่ในชื่อของน้าสาวส่วนตนขอเป็นเพียงหุ้นส่วนก็พอ แค่โรงแรมก็บริหารไม่ไหวแล้ว

“อย่างนั้นเหรอ เอาประวัติของผู้หญิงคนนั้นมาให้ฉันด้วย” บอกผู้ติดตามของตนก่อนจะกอดอกมองผ่านผนังใสของร้านเห็นร่างบางเดินออกไปหาสามีก่อนรถจะเคลื่อนออกไปอย่างรวดเร็ว

..มันแต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาไม่เคยรู้เลย สงสัยจะทำงานหนักเกินไปจนลืมศัตรูคู่อาฆาต มันบังอาจมาแตะต้องผู้หญิงของเขาคราวนี้จะเล่นให้รู้สึกบ้างว่าการถูกแย่งของรักของหวงมันเป็นอย่างไร แล้วเราจะได้เห็นดีกันแน่..ไอ้พณณกร!

บนรถยนต์ที่ชายหนุ่มไปยืมมาจากเพื่อนสนิทเพราะไม่อยากให้ร่างบางนั่งรถมอเตอร์ไซค์ยามมืดค่ำ ใจก็อดสงสารหล่อนไม่ได้ต้องทำงานหาเงินตัวเป็นเกลียวหัวเป็นน็อต หรือบางทีเขาควรจะบอกความจริงไปให้สิ้นเรื่อง ไม่ดีกว่าลองใจไปแบบนี้ก็ดีเหมือนกันจะได้รู้ว่านิสัยแท้จริงของกันและกันเป็นอย่างไร

แต่ที่แน่ๆ หล่อนไม่ได้เข้าหาเขาเพราะเงินอย่างแน่นอน

“นายกินอะไรหรือยัง” หันไปมองใบหน้าคมที่ซีดเซียวก็เอ่ยถามอย่างนึกเป็นห่วง เมื่อเช้าเขาตัวรุมๆ จนต้องยกมือขึ้นมาแตะหน้าผากเพื่อวัดอุณหภูมิร่างกายแล้วก็ต้องตกใจเพราะตัวเขาร้อนราวกับไฟ

“นี่นายกินยาหรือยัง ทำไมตัวร้อนกว่าเมื่อเช้า” ถามเสียงตื่นซึ่งร่างสูงก็ทำเพียงส่ายหัวแทนการบอกกล่าว “ฉันอุตส่าห์วางไว้ให้ที่โต๊ะกินข้าวตาไม่มีหรือไง เฮ้อ จอดร้านขายยาแถวนี้ก่อนเดี๋ยวไปซื้อแผ่นเจลลดไข้แล้วก็ยาแก้ปวดหัว ที่บ้านหมดแล้ว”

มองหาร้านขายยาก่อนเขาจะจอดตามที่ร่างบางต้องการ เมื่อรถหยุดหล่อนก็รีบลงไปเพื่อเลือกซื้อยาสามัญประจำบ้านเกิดฉุกเฉินจะได้มีใช้

เพียงไม่นานก็กลับมาขึ้นรถมองเห็นแววตาคมเหนื่อยล้าก็นึกสงสาร เขาต้องทำงานหนักไหนจะขับรถมารับในตัวอำเภอแทบทุกวัน ใจดวงน้อยอ่อนยวบเมื่อรับรู้ถึงความเอาใจใส่ที่ชายหนุ่มมีให้ ก่อนแต่งงานเขาดูปากเสียชอบหาเรื่องทั้งยังฐานะยากจนแต่เมื่อได้รู้จักกันก็เห็นถึงอีกด้านของพณณกร

ความอ่อนโยนที่มีให้เธอ บางครั้งก็อ้อนราวเด็กน้อยหรือบางทีกลับมีความเป็นผู้นำจนรู้สึกปลอดภัย เพียงแค่อยู่ด้วยกันสองเดือนหัวใจที่เคยตั้งกำแพงสูงก็ค่อยถูกเซาะจนแทบจะพังลงมา

..ดูท่าเธอจะตกหลุมเสน่หาของเขาเข้าเสียแล้ว

และเมื่อรถยนต์จอดลงที่หน้าบ้านหลังเล็กร่างสูงก็ถูกภรรยาประคองเข้ามาในบ้านพาเขาไปนอนบนเตียงโดยตนเองก็ออกไปหากะละมังใบเล็กพร้อมผ้าขนหนูเพื่อเช็ดตัวให้คนไข้

“ก่อนไปนายอาบน้ำเหรอ” เห็นพื้นห้องน้ำยังเปียกจึงเอ่ยถามพลางบิดผ้าชุบน้ำให้หมาด

“อือ” ตอบขณะที่ยังหลับตาแน่น เขารู้สึกปวดหัวเหมือนมีคีมมาบีบขมับทั้งสองข้าง

“เป็นอะไร ปวดหัวมากเลยเหรอ” ขณะที่เอาผ้าเช็ดใบหน้าคมก็เห็นอีกฝ่ายมีเหงื่อผุดขึ้นตามไรผมทั้งยังหลับตาแน่นราวกำลังต่อสู้กับอาการที่จู่โจมตนเอง

“อือ” เขาแทบไม่อยากตอบอะไรเพราะกลัวว่าจะเผลออารมณ์เสียใส่คนตรงหน้า

และดูเหมือนว่าหล่อนจะรับรู้ถึงความรู้สึกของเขาจึงไม่ถามอะไรอีกนอกจากเช็ดตัวให้อย่างเงียบเชียบ ถอดเสื้อยืดออกอย่างง่ายดายพยายามถอดกางเกงผ้าลินินเนื้อนุ่มออกโดยคนหลับตาก็ให้ความร่วมมือยกสะโพกขึ้น หลังจากนั้นก็ห่มผ้านวมผืนใหญ่คลุมกายสูงค่อยออกไปข้างนอก ไม่ลืมเปิดประตูบานเลื่อนเพื่อรับลมธรรมชาติก่อนจะดึงประตูที่เป็นมุ้งลวดกันยุงเข้าปิดไว้อีกชั้น

กลิ่นอาหารลอยมากระทบจมูกจนคนนอนหลับต้องลืมตาตื่น

“กินข้าวก่อนสักคำสองคำนะ จะได้กินยา” หล่อนทำข้าวต้มปลามาให้เขาแม้เวลาจะเคลื่อนเข้าสู่วันใหม่แล้วก็ตาม

สัตวแพทย์ไม่ปฏิเสธลุกขึ้นมารับประทานอาหารโดยมีบุลลาป้อนจนจัดการไปได้ครึ่งหนึ่งก็ต้องยกมือยอมแพ้ เขาขมคอไปหมดไม่สามารถยัดเข้าไปมากกว่านี้

“นี่น้ำ แล้วก็ยาลดไข้ แก้ปวดหัวกินเข้าไปเลยนะ” ดูท่าทางแล้วเขาคงเป็นจำพวกกินยายากจึงต้องจ้องมองทุกการกระทำ

ใบหน้าคมแสดงสีหน้าเหม็นเบื่อพยายามกลั้นหายใจยัดยาลงไปอย่างรวดเร็ว

“อย่าพึ่งนอน ใส่เสื้อผ้าก่อน” บังคับเขาพร้อมยื่นเสื้อยืดตัวใหญ่และกางเกงบอลให้ซึ่งนายพณณกรก็กลายร่างเป็นเด็กชายตัวน้อยเชื่อฟังคำสั่งภรรยาทุกอย่างก่อนจะปิดท้ายด้วยการติดเจลลดไข้ที่หน้าผากขณะที่มือหนาพยายามจะแกะออกเพราะรู้สึกรำคาญ

“ห้ามแกะออก ไม่อยากหายหรือไง” ขู่เสียงแข็ง

คนตัวใหญ่ถอนหายใจเอามือแนบลำตัวก่อนหลับตาเพื่อพักผ่อน

..ร้อยวันพันปีไม่เคยเป็นไข้เพียงโหมงานหนักนิดเดียวดันมาตัวร้อนไม่สบายเสียอย่างนั้น ร่างกายเขาคงแปรสภาพตามอายุที่มากขึ้นเสียแล้วละมั้ง

หลังดูแลเขาเรียบร้อยก็กลับมาเก็บกวาดครัวไม่ลืมปิดประตูหน้าบ้านตรวจตราทุกอย่างค่อยเข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ใบหน้าหวานก้มมองหน้าท้องที่ยื่นออกมาเล็กน้อย ช่วงนี้รู้สึกว่าตัวเองเจ้าเนื้อมากขึ้นจนมารดาทักอาจเพราะกินเยอะเนื่องจากสามีบังคับไม่อยากตามหาภรรยาหากพัดปลิวไปตามแรงลม

ผลที่ได้ก็คือเธออ้วนขึ้นจนอยากเฉ่งคนต้นเหตุ แต่เขาไม่สบายเนี่ยสิ รอให้หายก่อนเถอะจะบ่นให้หูชาเลย

หลังจากที่หายอาการไข้วันเสาร์สองหนุ่มสาวก็ช่วยกันปลูกพืชผักสวนครัวที่หลังบ้านตามคำสั่งของหญิงผู้ใหญ่สุดของบ้านหลังนี้ซึ่งก็คือบุลลา หล่อนปลุกเขาแต่เช้าให้มาขุดดินหลังบ้านติดกับลำธารเล็กส่วนตนเองก็ซักผ้า กวาดบ้าน วันพักผ่อนแทนที่จะได้นอนต้องมาใช้แรงงานตั้งแต่ตะวันเพิ่งจะโผล่พ้นขอบฟ้า

“หิวข้าว อยากกินข้าวโว้ย” โวยวายเสียงดังจนคนที่กำลังตากผ้าหันมามอง"ได้ยินไหมว่าหิวข้าว” ถามทั้งที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเหงื่อจากการใช้แรงขุดดินทำเป็นแปลงผัก ไม่รู้แม่คุณเกิดคึกอะไรอยากทำการเกษตรทั้งที่แทบไม่มีเวลาดูแล

“รู้แล้วค่า เดี๋ยวไปทำให้นะคะคุณสามี”

เมื่อจัดการผ้าเรียบร้อยจึงเดินเข้าบ้านเตรียมอาหารเช้าหลายอย่างเป็นการตอบแทนร่างสูงที่ต้องลุกมาทำงานแต่เช้า ดวงตากลมโตมองปฏิทินแล้วก็ถอนหายใจ สัปดาห์หน้าเขาต้องไปกรุงเทพฯ แล้วรู้สึกใจหายแปลกๆ เห็นหน้าทุกวันตัวแทบติดกันตลอดเวลาจะให้แยกห่างก็โหวงในอก

อย่าคิดมากน่าบัว แค่แปบเดียวเท่านั้นเอง

เรียกสติตนเองก่อนเริ่มนำวัตถุดิบออกมาและทำอาหารเช้าสำหรับสองที่แต่ดูแล้วราวกำลังจะจัดงานเลี้ยงคนทั้งหมู่บ้าน ร่างหนากินจุหากทำหนึ่งหรือสองอย่างคงไม่อยู่ท้องเขาแน่เผลอๆ จะกินเธอเข้าไปด้วยนี่สิจึงต้องทำอาหารกว่าสี่อย่างสำหรับสองที่เท่านั้น

ตืด ตืด ตืด

เสียงโทรศัพท์ของพณณกรดังขึ้นโดยเขาวางไว้โต๊ะหน้าทีวี ใบหน้าหวานหันมามองก่อนตะโกนเรียกสามี

“โทรศัพท์นายดังมารับหน่อยสิ” แล้วหันไปสนใจอาหารตรงหน้าแทนแต่รอสักพักเจ้าของเครื่องก็ไม่มาจนต้องตัดสินใจปิดเตาแก๊สเดินไปล้างมือพร้อมเช็ดจนแห้งมาที่เครื่องมือสื่อสารยี่ห้อดัง

เคยถามเขาว่าเอาเงินอะไรไปซื้อก็ได้รับคำตอบเพียงว่าของตกทอดจากชลธีจึงไม่ได้ติดใจเอาความอะไร

“ไปรยาเหรอ” ชื่อที่โชว์บนหน้าจอสร้างความสงสัยให้แก่คนเป็นภรรยาจนต้องยกขึ้นมากดรับสาย

'กว่าจะรับนะคะ หนึ่งเกือบได้ขับรถไปหาที่ไร่แล้ว'

เสียงที่ตอบโต้หวานจนจินตนาการเห็นใบหน้าของปลายสายว่าต้องสวยอย่างแน่นอน หัวใจดวงน้อยสั่นไหวรุนแรงและก่อนตอบโต้ออกไปก็มีมือมาคว้าโทรศัพท์เอาไปก่อน

ร่างสูงมีสีหน้าเคร่งขรึมจนบุลลาไม่กล้าเอ่ยอะไรออกไป เขาเดินเลี่ยงไปหลังบ้านจึงทำให้ไม่ได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่

หล่อนรู้สึกไร้เรี่ยวแรงจนต้องนั่งลงบนโซฟา มือสั่นจนต้องกุมเอาไว้บนหน้าตัก ความกลัวแล่นเข้ามาหอบกุมใจทั้งที่พยายามไม่คิดอะไรมาก

อาจเป็นแค่เพื่อนของเขาเท่านั้น แค่เพื่อนน่าบัวอย่าคิดมากเลย..

'ฮัลโหลเอิร์ธได้ยินไหมคะ ฮัลโหล'

หันไปมองประตูหลังบ้านก็ไม่เห็นร่างบางเดินตามออกมาจึงโล่งใจยกโทรศัพท์ขึ้นแนบหู

“ครับ ได้ยิน”

'แล้วก็ไม่ตอบ หนึ่งจะโทรมาย้ำว่าสัปดาห์หน้าเรามีนัดกันนะคะ ห้ามเบี้ยวด้วย'อันที่จริงเขามีนัดกับทางมหาวิทยาลัยต่างหากไม่ใช่หญิงสาวปลายสาย

“ไม่เบี้ยวหรอก” ทั้งที่ใจพร้อมจะปฏิเสธตลอดเวลาก็ตาม ไม่อยากกลับไปยิ่งตอนนี้มีบุลลาอยู่ด้วยเขาก็อยากตัวติดกับหญิงสาวทั้งวัน

หรือจะพาไปด้วยดี..

ไม่ได้หรอก ยังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใครหากทุกคนรู้เข้าเรื่องก็จะยุ่งไปกันใหญ่อีกทั้งเขาไม่พร้อมจะเปิดเผยฐานะที่แท้จริงของตนให้หล่อนรู้ ขอเวลาอีกสักหน่อยแล้วกันให้เขาแน่ใจเสียก่อนว่าบุลลาไม่ได้หวังเงินและรักเขาอย่างจริงใจ และวันนั้นชายหนุ่มจะบอกเธอเองว่าสถานะที่แท้จริงใคร

'หนึ่งบอกแม่คุณเรื่องที่จะกลับมาแล้ว ท่านเลยฝากบอกให้เอิร์ธไปงานเลี้ยงครบรอบวันเกิดของคุณอาดลด้วย'

ชายหนุ่มถอนหายใจด้วยความรู้สึกกลัดกลุ้ม เขาไม่อยากไปเลยสักนิดไม่อยากเห็นหน้าเพื่อนทรยศแม้บรรดาพี่ๆ จะเพียรโทรหาพร้อมทั้งหว่านล้อมให้ยกโทษแก่กองทัพก็ไร้การตอบรับจากน้องชาย

เวลาอาจผ่านไปหลายปีแต่เหตุการณ์ยังเหมือนพึ่งเกิด เขาจดจำถึงความเลวระยำนั้นได้แม่นยำ

'เอิร์ธได้ยินไหมคะ'

“ครับ”

หลังจากนั้นเธอพูดอะไรเขาก็ไม่อาจทราบจนกระทั่งวางสายไป ร่างสูงทิ้งมือข้างลำตัวก่อนก้าวไปภายในบ้านเห็นบุลลากำลังลำเลียงอาหารออกไปวางที่โต๊ะข้างนอกก็เดินเข้าไปช่วยโดยไร้การพูดคุย ไม่มีแม้คำถามจากริมฝีปากเล็กทั้งที่ดวงตาฉายแววใคร่รู้

บนโต๊ะอาหารมีเพียงความเงียบที่แสนอึดอัด เธอไม่ถามเขาก็ไม่พูดนั่งกินข้าวกันโดยมีเพียงเสียงลมพัดผ่าน เจ้าตูบวิ่งมานั่งที่ของมันเห็นอาหารวางอยู่ในชามก็ก้มกินอย่างเอร็ดอร่อย

พณณกรรู้สึกเหมือนหายใจไม่ออกและมีหมอกสีดำปกคลุมไปทั่วบริเวณจนต้องเอ่ยทำลายบรรยากาศนั้น

“ผู้หญิงคนนั้นเป็นเพื่อนของฉัน เขาต้องไปงานที่มหาวิทยาลัยเหมือนกันเลยโทรบอก” ทั้งที่ยังไม่ได้ถามเขาก็บอกเป็นฉากราวรับรู้ความในใจของหล่อน

“"ก็ไม่ได้ว่าอะไร” ถึงจะได้ยินอย่างนั้นแต่ความรู้สึกกลับไม่ได้คล้อยตามเท่าที่ควรราวกับว่ามีบางอย่างบอกเธอไม่ให้ไว้ใจผู้หญิงคนนั้น

..ใครจะเอ่ยทักเพื่อนเสียงหวานแบบนั้นกัน

“แต่หน้าบูดเป็นตูดเชียว” เอื้อมไปหยิกแก้มนุ่ม

จนเธอต้องปัดออกแล้วมองเขาตาเขียว

“ฮึ่ยบอกว่าอย่าเอามือมาจับหน้าเดี๋ยวเป็นสิว” ดุเสียงไม่จริงจังนัก

แล้วบรรยากาศที่เคยอึมครึมก็พลันเปลี่ยน ท้องฟ้าเริ่มสว่างมีเสียงนกร้องประสานลมพัด ได้กลิ่นอายดินและใบหน้าคมก็ยิ้มออกมาหลังเห็นคนตัวเล็กมีท่าทีผ่อนคลายกว่าเมื่อสักครู่

“ครับ เข้าใจแล้วครับคุณผู้หญิง”

อาหารมื้อเช้าผ่านพ้นด้วยดีแล้วไปช่วยกันปลูกผักโดยนำเมล็ดพันธ์จากไร่มาหว่าน บุลลาเขียนป้ายชัดเจนว่าแปลงนี้คือผัดชนิดไหนกลัวจำสับสน พณณกรช่วยไม่ห่างนำความรู้ที่เคยลงเรียนวิชาเลือกที่คณะเกษตรมาใช้และจากประสบการณ์ทำไร่ของตน

บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุขและเสียงหัวเราะโดยที่ทั้งสองก็ได้แต่คาดหวังว่าความรู้สึกแบบนี้จะอยู่กับพวกเขาไปอีกแสนนานไม่ได้คิดเอะใจหรือระแวงสักนิดว่าบางทีมันอาจจะใกล้เวลาสิ้นสุดทั้งที่เพิ่งเริ่มต้น

ก่อนวันที่ร่างสูงจะไปกรุงเทพฯ หญิงสาวก็ตัดสินใจลางานละทิ้งรายได้เพื่อกลับมาเก็บกระเป๋าและใช้เวลากับร่างสูงให้มากที่สุดโดยไม่ยอมรับกับอีกฝ่ายว่าไม่อยากให้เขาไปเลย ไม่ต่างจากร่างสูงที่อยากยกเลิกนัดครั้งนี้เพียงแค่เห็นใบหน้าหวานหงอยเหงาจนต้องเดินไปกอดจากทางด้านหลังระหว่างที่หล่อนนั่งพับผ้าใส่กระเป๋าให้อยู่บนเตียง

“แค่สามวันเอง” กระซิบที่ข้างหูเสียงเบาพร้อมทั้งก้มลงหอมซอกคอขาว

“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย ไปกี่วันก็เรื่องของนายสิ” แสร้งทำเสียงขึงขังทั้งที่ใจอ่อนยวบ อยากรั้งเอาไว้แต่ปากก็แข็งเกินกว่าจะเอ่ยออกไป

“ไม่คิดถึงกันหน่อยเหรอ”

แล้วทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบก่อนที่หญิงสาวจะละมือจากงานที่ทำแล้วหันหน้ามาหาเขาลุกขึ้นไปนั่งบนตักโอบรอบคอแกร่ง

“รีบกลับมานะ” เธอประทับริมฝีปากลงบนแก้มเขาก่อนจะส่งยิ้มแสนอ่อนหวานให้

ทำเอาหัวใจแข็งแกร่งละลายเป็นน้ำจับใบหน้าหวานมอบรางวัลเป็นจูบแสนพิเศษให้ก่อนจะดันตัวเธอให้นอนลงกับเตียงปัดกระเป๋าและสิ่งของที่เกะกะสายตาจนตกพื้น เริ่มกิจกรรมแสนหวานส่งท้ายเพราะต้องไปหลายวันคงคิดถึงเป็นแน่และคนตัวเล็กก็ยินยอมพร้อมใจไม่ปฏิเสธสักนิด

คืนนั้นพณณกรแทบสำลักความสุขตายเสียแล้ว

เขาขับรถยนต์ที่อ้างว่าเป็นของชลธีทั้งที่จริงคือของตนเองมุ่งตรงสู่นครหลวง หวนนึกถึงเมื่อเช้าที่บุลลาเตรียมของให้และเรื่องราวที่เอ่ยถามกัน

“ฉันต้องไปงานเลี้ยงของอาที่รู้จัก ฉันไม่อยากไป” คิดว่าอย่างไรมารดาก็คงบังคับแน่ หากเขาหนีท่านคงตัดออกจากกองมรดกซึ่งเรื่องนั้นไม่กลัวสักนิดเพราะหาเลี้ยงตนได้อยู่แล้วแต่ไม่อยากเห็นร่องรอยความเสียใจจากดวงตาของบุพการีจำต้องไปอย่างไม่สามารถเลี่ยงได้

“ทำไมล่ะ” หันมาถามด้วยความสงสัย

“ฉันเคยมีแฟนคนหนึ่ง คบกันตั้งแต่มอห้าจนถึงปีสามแล้ววันหนึ่งตอนที่ฉันกลับจากค่ายอาสาแล้วแวะไปหาแฟนก็เห็นว่าเธออยู่กับผู้ชายคนหนึ่ง ตอนที่ฉันเห็นหน้ามันตัวชาไปหมดเลยเพราะมันเป็นเพื่อนสนิทแล้วก็เป็นญาติที่รู้จักตั้งแต่เด็ก” ไม่รู้ทำไมเขาถึงได้บอกเรื่องนี้แก่หล่อน ดวงตาคมเหม่อลอยไปถึงเหตุการณ์ในอดีต

จนร่างบางต้องเข้ามาจับมือเอาไว้ด้วยความเข้าใจ

..ไม่นึกว่าคนหน้าตาดีแบบนี้จะผิดหวังเรื่องความรักเหมือนกัน

“โกรธเขาไหม”

“มากเลยละ ฉันอยากต่อยมัน กระทืบมัน ยิงมันทิ้งด้วยซ้ำ..แต่ก็ทำไม่ลง มันเป็นเพื่อน เพื่อนคนเดียวที่โคตรสนิท”

..รู้จักกันมานานเห็นไส้เห็นพุงทุกเรื่องใครจะคิดว่าจะหักหลังกันได้ลงคอ

"แล้วตอนนี้ยังโกรธอยู่ไหม”

คำถามนั้นทำให้เขาเงียบไปพักใหญ่แล้วเอ่ยเสียงเบา

“โกรธ”

บุลลาเข้าไปใกล้เขาแล้วจ้องเข้าไปในดวงตาคมที่พยายามหลบสายตา

“เอาความจริงสิ ยังโกรธเขาไหม” ด้วยเวลาที่ล่วงเลยมาแต่ก็เหมือนเหตุการณ์พึ่งเกิดขึ้น เขายังรู้สึกโกรธอยู่แต่นอกเหนือจากนั้นก็ต้องยอมรับว่าความรู้สึกอยากปลดปล่อยก็มีมากไม่แพ้กัน แค่เรื่องงานก็เครียดแล้วเขาจะเอาเรื่องนั้นมารบกวนจิตใจทำไมอีก

“ถ้าปล่อยแล้วทำให้เบาขึ้นก็ลองทำดู เรื่องมันเกิดขึ้นมานานแล้วไม่ใช่เหรอ ป่านนี้แผลก็ตกสะเก็ดแล้วแหละ ถ้าเขาเป็นเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวก็แสดงว่าเขามีค่ากับนายมาก แล้วนายก็คงมีค่ากับเขามากเหมือนกัน”

..ไม่คิดว่าคนที่รู้เล่นไปวันๆ จะพูดจามีสาระได้ด้วย

พณณกรมองภรรยานิ่งราวไม่เคยรู้จักคนตรงหน้ามาก่อน

“ชั่งใจแล้วกันว่าจะเอาเรื่องอดีตมารั้งชีวิตของนายหรือเปล่า” บอกเขาทั้งที่ตนเองก็เจอเรื่องหนักหนาไม่แพ้กัน เธอโดนแฟนหนุ่มหักหลังไปคบกับพริตตี้รุ่นพี่ทั้งยังหลอกให้กู้เงินจนต้องเป็นหนี้ธนาคารอีก

..หึ น่าสมเพชสิ้นดีเพราะความหน้ามืดตามัวหลงผู้ชายและใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายโดยแท้

“เมียใครทำไมแสนรู้จังเลย” คว้าร่างบางมากอดเอาไว้ก่อนสูดความหอม ที่แก้มเนียนโดยที่เธอไม่ขัดสักนิด

“แสนรู้มันใช้กับหมาไม่ใช่เหรอ”

เสียงหัวเราะดังก้องก่อนร่างบางจะพยายามทุบตีคนตัวหนา

ใบหน้าคมหลุดยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงหล่อน

..หากพามาด้วยก็ดีน่ะสิแต่เอาไว้ก่อนแล้วกันให้เขามั่นใจในตัวอีกฝ่ายก่อนแล้วจะพาเข้าบ้านไปแนะนำในฐานะคุณผู้หญิงคนเล็กของตระกูลวิจิตรประภาก็แล้วกัน

รถยนต์เคลื่อนตัวสู่เมืองหลวงของประเทศไทยในยามบ่ายคล้อย เขาเลือกจะแวะห้างสรรพสินค้าเพื่อซื้อของขวัญให้คุณอาผู้เป็นที่รัก

ไม่ได้มาเสียนานดูเหมือนตึกรามจะเยอะขึ้นจนแทบหลง ชายหนุ่มจอดรถยังช่องวีไอพีสำหรับตระกูลวิจิตรประภาเหมาจ่ายรายปีก่อนยื่นบัตรประชาชนให้ผู้รักษาความปลอดภัยแล้วเดินตัวปลิวเข้าไปในอาคารสูง มองไปทางไหนก็ไม่คุ้นตา ปกติจะเห็นทุ่งหญ้า ท้องฟ้าและเหล่าสัตว์แต่วันนี้มีเสื้อผ้า เครื่องประดับราคาแพงโชว์หราจนนึกถึงคนตัวเล็กที่ชอบใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนมอยู่แต่เมื่อออกไปทำงานต้องหยิบยืมเสื้อสก็อตเขาทุกทีเพราะกลัวว่าชุดตนเองจะเปื้อน

“เอิร์ธใช่ไหม เอิร์ธจริงด้วย!”

เสียงเรียกทำให้เขาหันไปมองผู้มาใหม่ก็ต้องตกใจเพราะเธอคือผู้ที่อยู่ในความทรงจำอันเลวร้ายของตน

“ไม่เจอกันนานเลย เป็นอย่างไรบ้าง” คำถามที่เอ่ยพร้อมใบหน้าหวานยิ้มแย้มราวไม่เคยทำเรื่องขุ่นข้องหมองใจให้กัน

สร้างความโกรธแก่ร่างสูงจนต้องกำมือแน่น เขาจะเดินผละออกเพราะรังเกียจแม้แต่จะมองใบหน้าใสซื่อที่คอยแทงข้างหลังอยู่ตลอดเวลา

“เดี๋ยวก่อนสิ คุยกับเราก่อนไม่ได้เหรอ” มือเล็กคว้าแขนหนาเอาไว้

จนเขาต้องรีบสลัดออกราวเจอของร้อน

“แค่หน้าเธอฉันยังไม่อยากจะมองใช้สมองอันน้อยนิดคิดหน่อยสิว่าฉันจะอยากคุยกับคนอย่างเธอเหรอ” เหยียดยิ้มให้ร่างบางนึกรังเกียจคนตรงหน้าเหลือเกิน

“ยังไม่หายโกรธเราอีกเหรอ” ถามเสียงอ่อนก่อนน้ำตาจะคลอเต็มเบ้า

..ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เปลี่ยนไปเลย

“ฉันนับถือเธอจริงๆ นะ ผ่านไปหลายปีก็ไม่เปลี่ยน ดูสิตอแหลยังไงก็ตอแหลอย่างนั้น อยากปรบมือให้เลย” แล้วชายหนุ่มก็ยกมือขึ้นปรบเสียงดังจนคนที่เดินผ่านหันมองอย่างสนใจ

ปลายฟ้านึกอายจนต้องรีบเช็ดน้ำตาที่พยายามบีบเค้นมองใบหน้าคมที่เปลี่ยนไปหน้ามืดเป็นหลังมือ หนุ่มที่อ่อนโยนกับเธอได้หายไปมีเพียงคนแข็งกร้าวพร้อมปะทะทุกเมื่อ

“เอิร์ธ” กดเสียงต่ำเรียกชื่อเขาในใจก็เริ่มเดือดเมื่อเห็นแววตาสมเพช

“ส่วนเรื่องของเราฉันอโหสิกรรมให้แล้วกัน เกิดชาติหน้าจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก” ร่างสูงปล่อยให้คนตัวเล็กยืนอึ้งส่วนตนก็เดินออกมาจากที่ตรงนั้นไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาอีก แค่ลงมากรุงเทพฯ ไม่ถึงวันก็พบผู้หญิงที่ไม่เคยเจอมาหลายปี

เฝ้าถามตนเองมาตลอดว่ายังรักอีกฝ่ายหรือไม่จนกระทั่งวันนี้เขาได้คำตอบแล้ว..ไม่เลยสักนิด แม้แต่ความสงสารก็ไม่มีให้

..หมดเวรหมดกรรมกันไปซะก็ดี เจอกันแค่ชาตินี้ก็เกินพอแล้ว

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status