หน้าหลัก / โรแมนติก / ซ่อนเสน่หา / ๑๒ นิรันดรไม่มีอยู่จริง

แชร์

๑๒ นิรันดรไม่มีอยู่จริง

๑๒

นิรันดรไม่มีอยู่จริง

เมื่อคิดได้ดังนั้นร่างสูงจึงตัดสินใจจะคุยกับบุลลาให้เป็นเรื่องเป็นราวเพื่อจะได้ไม่เกิดการผิดใจกันอีกครั้ง ผละออกจากร่างเล็กแล้วมองใบหน้าหวานที่มีคราบน้ำตาก็ยกมือขึ้นเช็ดให้อย่างแผ่วเบา ดวงหน้าคมคลายความกังวลเมื่อปัญหาที่เกิดขึ้นได้รับการแก้ไขลงไปบ้างแล้ว

"นายห้ามทำแบบนั้นอีกนะ ถึงจะโกรธกันแค่ไหนแต่อย่าใช้กำลังบังคับนะ"ภาพเหตุการณ์วันนั้นยังตามมาหลอกหลอน หากพณณกรใช้กำลังกับเธอจริงไม่รู้ว่าตอนนี้จะยังให้อภัยเขาหรือเปล่า การร่วมรักควรเกิดจากความยินยอมของทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ใช้กำลังบังคับ

"ไม่ทำอีกแล้ว"ลูบศีรษะเล็กก่อนจะยิ้มให้เพียงเล็กน้อย

แต่กลับส่งผลให้อุ่นไปทั่วหัวใจ

"ส่วนเธอก็ไปลาออกจากที่ทำงานซะ"

สิ่งที่กลัวได้เกิดขึ้นจริงเมื่อร่างสูงพูดกึ่งบังคับให้ออกจากงานที่กำลังไปได้สวยและรายได้ดี ใบหน้าหวานนิ่งไปอย่างใช้ความคิด หากเธอตัดสินใจทำตามที่ชายหนุ่มบอกแต่ละเดือนก็แทบไม่มีเงินใช้หนี้ด้วยซ้ำ ทว่าถ้าไม่ทำก็จะมีแต่ปัญหาระหว่างกันตามมาไม่จบสิ้น

ควรเลือกทางไหนดี

"ฉันมีหนี้ต้องใช้อีกเป็นแสนเลยนะ ถ้าไม่ทำงานจะเอาเงินที่ไหนไปให้เขา"ยอมเอ่ยเรื่องที่ปกปิดเอาไว้เพราะอับอายแต่ในเมื่อได้เปิดใจคุยกันก็คงต้องพูดจนหมดเปลือกว่าเหตุผลที่ทำให้ต้องตรากตรำทำงานทั้งที่เหนื่อยสายตัวแทบขาดคืออะไร

"กี่แสนว่ามาเลย ฉันจะใช้ให้เองขอแค่เธอไปลาออกจากที่นั่นก็พอ" เขาจริงจัง

จนร่างบางสัมผัสได้จ้องใบหน้าคมนิ่งแล้วมองเข้าไปในดวงตาเรียว

"ฉันไม่ได้จะดูถูกนะ แต่นายมีเงินเหรอไม่ใช่น้อย" สัตวแพทย์หนุ่มไม่ถามถึงสาเหตุการติดหนี้แต่เขากำลังจะใช้เงินที่เก็บหอมรอมริบเพื่อปลดพันธนาการให้ผู้หญิงซึ่งตนเองยังไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่ารักหรือเปล่า

ขอเพียงแค่ให้เธอออกห่างจากกรรชัยเป็นพอแล้ว

"ถึงหน้าฉันจะจนแต่ในบัญชีธนาคารก็พอมีประมาณหกหลัก" ไม่ได้บอกความจริงไปทั้งหมดว่าเงินเก็บที่มีและรายได้แต่ละเดือนมากพอจะซื้อที่ดินกว่าพันไร่เพื่อเป็นของขวัญให้ร่างบางได้ด้วยซ้ำ

"นายพูดจริงเหรอ" ถามอย่างไม่แน่ใจ

จนมือหนายกมาโยกศีรษะเล็กด้วยความมันเขี้ยว

"พรุ่งนี้ฉันจะพาไปจ่ายเงิน เดี๋ยวเราลงไปกรุงเทพฯ กัน"

ทุกอย่างรวดเร็วจนหล่อนตั้งตัวไม่ทัน ก่อนเขาจะจับจูงมือเข้าไปภายในบ้าน จึงรู้ว่าตั้งแต่ทะเลาะกันบุลลากลับไปนอนที่บ้าน ส่วนตนก็ดื่มเหล้าเมาแต่หัววัน ปล่อยเรือนหอหลังเล็กให้ร้างมีฝุ่นเกาะ จึงช่วยกันทำความสะอาดจนเย็นย่ำ

ความสุขกลับมาสู่สามีภรรยาอีกครั้ง ภายในห้องครัวมีแต่เสียงหัวเราะ ทั้งร่างสูงโดนเอ็ดอย่างไม่จริงจังจากหญิงสาวที่เขาเอาแต่กวนเธอจนแทบไม่ได้ทำอาหารเย็น คงต้องยอมรับเสียแล้วว่าการที่มีพณณกรอยู่ด้วยมันทำให้เธอมีความสุขกว่าการอยู่คนเดียว

..หวังว่าต่อไปนี้จะมีเพียงเรื่องราวดีๆ เกิดขึ้น

วันต่อมาทั้งคู่มุ่งหน้าสู่เมืองหลวงของประเทศโดยยืมรถจากชลธี ระหว่างทางก็แวะซื้อของกินเพื่อสนองความต้องการของคุณภรรยามาตลอด ทั้งขนมไทยอย่างทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทองหรือจะเป็นของคาวอย่างปิ้งหมูกว่าหกไม้ที่หล่อนจัดการคนเดียวจนหมด

"นี่คนหรือหมู่กันแน่ กินอะไรเข้าไปเยอะแยะ"

คนโดนบ่นหันมองตาขวางทั้งที่ปากยังเคี้ยวของหวาน

"ดูสิ ท้องเริ่มออกแล้วเนี่ย" ยื่นมือมาจับหน้าท้องที่เคยแบนราบกลับนูนขึ้นเล็กน้อยแต่ไม่ได้ดูน่าเกลียด

จนร่างบางเริ่มเสียความมั่นใจหยุดการกินไปทันที

"ไอ้บ้า คนกินใครให้พูดเรื่องอ้วน ไร้มารยาทจริงๆ เลย ไม่กงไม่กินมันแล้ว" เก็บอาหารทันที

จนใบหน้าคมอมยิ้มในความขี้งอนของร่างบาง เขาหยิกแก้มหล่อนอย่างมันเขี้ยว ขณะที่ฝ่ายโดนกระทำพยายามปัดมือเขาออก กอดอกหันหน้าออกนอกหน้าต่างทันที

"งอนเหรอ" ถามเสียงกลั้วหัวเราะ

"เปล่าสักหน่อย!" กระแทกเสียงทั้งที่ปากปฏิเสธ ต่อให้เด็กมาดูก็รู้ว่าโกรธแน่นอน

คนขี้แกล้งก็จับศีรษะเล็กโยกไปมา ทว่าหล่อนก็ปัดมือเขาออกทันที

"เอ๊ะ ขับรถก็ขับไปสิ อย่ามาจับได้ไหม" ว่าเสียงสะบัดจนคนเริ่มก่อนต้องใช้คำพูดที่ผ่อนคลายบรรยากาศ

"แค่ล้อเล่นนิดเดียวเอง ไม่อ้วนหรอก"

ถึงจะว่าอย่างนั้นแต่ผู้หญิงได้เสียความมั่นใจไปแล้วก็ไม่หายโกรธง่ายๆ ยังคงเม้มปากเงียบไม่โต้ตอบอะไร

"ถ้าเธออ้วนฉันก็จะอ้วนเป็นเพื่อนไง ดีไหม อ้วนไปด้วยกัน"

ประโยคราวกับจะบอกถึงความนัยว่าต่อจากนี้เขาจะอยู่กับเธอตลอดไป ก็ทำให้ผินมามองใบหน้าคมที่จดจ้องถนนเบื้องหน้าทั้งที่มืออีกข้างเอื้อมมาจับหัวเธอแล้วลูบแผ่วเบา ความอบอุ่นโอบล้อมจนคลายความโกรธอย่างง่ายดาย

ชีวิตนี้จะโกรธเขาได้นานสักแค่ไหน เพียงได้ยินประโยคที่แสดงถึงความจริงใจหล่อนก็อ่อนยวบลงง่ายดายจนเผลอหลุดยิ้มให้ได้เห็น ที่จริงก็ไม่ได้โกรธจริงจังหรอกแค่อยากได้ยินถ้อยคำอ่อนหวานจากผู้ชายแข็งกระด้างเท่านั้นเอง

เมื่อคืนกว่าจะพูดคุยเรื่องหนี้สินจบก็ปาไปค่อนคืน ทำให้ร่างบางหลับและร่างสูงก็ขับด้วยความเร็วที่ช้ากว่าปกติเพราะกลัวรบกวนภรรยาที่อยู่ในห้วงนิทราจากชายหนุ่มผู้ไม่ค่อยใส่ใจใคร วันนี้กลับลดระดับความเร็วของรถล งทั้งที่ตนเองเป็นคนชอบความเร็ว

บางทีเรื่องเล็กน้อยที่ทำให้กันก็สามารถทลายหัวใจของเธอได้จนตอนนี้แทบไม่อยากห่างจากร่างสูงไปไหน

ทั้งสองเลือกจะไปกลับโดยไม่พักที่เมืองหลวงตรงไปที่ธนาคารจัดการเรื่องต่างๆ จนภูเขาที่บุลลาเคยแบกไว้บนบ่าถูกปลดออกจนโล่ง ใบหน้าหวานฉีกยิ้มกว้างเมื่อเห็นว่าตนเองเป็นคนไร้หนี้อย่างสมบูรณ์แบบเมื่อมองเอกสารของทางธนาคารที่ให้เป็นเครื่องยืนยัน

"ขอบคุณมากเลยนะ" เปิดประตูจากสำนักงานใหญ่ของธนาคารชื่อดังก็หันมาเอ่ยกับร่างสูงด้วยแววตาซาบซึ้ง

"เรียกพี่เอิร์ธให้ชื่นใจหน่อย"

ไม่บ่อยนักที่บุลลาจะเรียกชายหนุ่มว่าพี่แต่ ณ เวลานี้เขาขออะไรก็ต้องยอมทุกอย่างจึงกอดแขนแกร่งพลางแนบหน้าซบลงอย่างออดอ้อน

"ขอบคุณมานะคะพี่เอิร์ธ"

ได้ยินเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ยิ้มจนปากแทบฉีกถึงหู บ่งบอกว่าคนฟังมีความสุขนักหนา ทั้งที่มันเป็นแค่คำพูดเท่านั้น อย่างที่บอกว่าอาวุธที่ร้ายสุดคือวาจา หาใช่มีดหรือปืน บางคราก็ทำให้สุขจนเหมือนลอยจากพื้นแต่บางครั้งก็สร้างความเศร้าจนเหมือนไร้เรี่ยวแรง

"แต่ฉันสงสัยจริงๆ ว่านายเอาเงินมาจากไหนเยอะแยะ" ระหว่างเดินไปขึ้นรถก็อดถามเป็นรอบที่สิบไม่ได้

แต่คำตอบก็เหมือนเดิมทุกครั้ง

"เงินเก็บนั่นแหละ ให้เธอฉันก็หมดตัวแล้วจากนี้ก็ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับคุณภรรยา" กดรีโมทเปิดรถแล้วผละจากร่างบางทันที อันที่จริงเขาคิดว่าความลับเรื่องฐานะทางบ้านจะแตกตั้งแต่วันที่ไปจดทะเบียนแล้วเพราะนามสกุลที่โชว์หราอยู่บนใบทะเบียนสมรส ทว่าบุลลากลับไม่สนใจสักนิด ไม่แม้กระทั่งเปลี่ยนนามสกุลด้วยซ้ำและจนถึงวันนี้หล่อนก็ยังคงคิดว่าพณณกรเป็นเพียงสัตวแพทย์หนุ่มที่มีเงินเดือนเพียงหนึ่งหมื่นห้าพันบาท

"ต่อจากนี้ไปฉันจะเลี้ยงดูนายเอง ไม่ต้องเป็นห่วงนะ" ขึ้นมาบนรถก็ตบบ่าร่างสูงเป็นการปลอบใจ

จนเขาส่ายศีรษะนึกขำท่าทางองอาจที่จงใจปั้นแต่ง

"ขอบคุณที่เมตตานะครับคุณผู้หญิง"

รถยนต์เคลื่อนตัวออกจากลานจอด มุ่งกลับไปยังจังหวัดที่ตนเองอาศัยแต่แล้วปลายทางก็เปลี่ยนไปเมื่อร่างบางนึกขึ้นได้ว่าตนอยากไปซื้อดอกไม้เพื่อปลูกให้ความสวยงามบริเวณรอบบ้าน

"พาไปจตุจักรก่อนได้ไหม ฉันอยากได้ดอกไม้" ถามเสียงหวานพร้อมดวงตาที่จ้องไม่กะพริบราวต้องการให้เขาตอบตกลง

ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ทำให้คนรักผิดหวัง เปลี่ยนเส้นทางที่จะกลับบ้านหลังเล็กเป็นสวนจตุจักรซึ่งตนเองไม่ค่อยได้ไปเดินทันที สร้างรอยยิ้มบนใบหน้าสวย

"ทำไมเดี๋ยวนี้พูดง่ายจังเลย" เอื้อมมือไปบีบบ่าหนาอย่างเอาอกเอาใจ

"กลัวเมียไปมีผัวใหม่เลยต้องเอาใจหน่อย" คำตอบตรงไปตรงมาพร้อมรอยยิ้มมุมปาก

ทำให้มือที่บีบนวดเปลี่ยนเป็นตีลงเสียงดังทำเอาคนขับรถสุดหล่อสะดุ้งโหยง

"อีกแล้วนะ! บอกว่าไม่มีก็ไม่มีสิ"

"ครับๆ ขอโทษครับผม" เสียงหยอกล้อบนรถดังตลอดเส้นทางที่ตรงไปยังตลาดจตุจักรในยามสาย

เมื่อมาถึงลานจอดรถก็มีที่ว่างให้เข้าจับจองทันที ไม่ต้องวนรถให้เสียเวลา มือหนาเอื้อมไปคว้ามือเล็กมากอบกุมเอาไว้ขณะที่เดินดูดอกไม้ซึ่งมีไม่กี่ร้านเพราะยังไม่ถึงเวลาเปิด

"อยากได้ดอกอะไร" เอ่ยถามจนใบหน้าหวานต้องนิ่งคิด

"ดอกมะลิ ดอกแก้ว ดอกซ่อนกลิ่น" บุลลาชอบดอกไม้สีขาวช่อเล็กที่ส่งกลิ่นหอมไปทั่วบ้าน

ต่างจากพณณกรที่ค่อยพิสมัยกลิ่นของมันสักเท่าไหร่เพราะรู้สึกว่าหอมแสบจมูกเกินไป แต่ถ้าอยู่บนตัวของร่างบางเขาก็จะสูดดมทั้งวันจนกว่ากลิ่นของมันจะสลาย

"เอ๊ะ" ระหว่างที่เดินชมสวนอย่างมีความสุข ดวงตาคมก็หันไปเห็นร่างสูงที่คุ้นเคย

กองทัพ..ไม่ผิดแน่ เพื่อนที่พึ่งกลับมาคืนดีกันและมันก็เพียรโทรหาเขาหลายครั้งแต่เพราะงานยุ่งทั้งยังไม่อยากคุยจึงไม่รับสาย

"มีอะไรเหรอ" ร่างบางหยุดชะงักก่อนจะมองตามเขา ก็พบว่าพณณกรจ้องผู้หญิงรูปร่างสะโอดสะองทั้งยังมีใบหน้าหวานซึ้ง ผิวขาวเนียนสวยอย่างธรรมชาติจนน่าอิจฉา ริมฝีปากบางเม้มทันทีก่อนจะตีเข้าที่แผงอกหนา

"นายมองผู้หญิงคนนั้นใช่ไหม"

คนโดนตีไม่รู้เรื่องเพราะหญิงสาวคนนั้นแทบไม่อยู่ในสายตาเลยจนกระทั่งเพ่งมองดีๆ จึงรู้ว่าคนที่ยืนข้างกองทัพคือน้องสาวซึ่งรู้จักกันตั้งแต่เด็กอย่างณชา

ทำไมมาด้วยกัน..

"เปล่า ฉันมองผู้ชายที่ยืนข้างกันต่างหาก"

คนหึงหน้ามืดก็หันไปดูอีกครั้งเพิ่งรู้ว่ามีผู้ชายหน้าตาดีผิวพรรณสะอาดตาอยู่ด้วย แถมแต่งตัวคล้ายกันอีก ฟันธงได้อย่างไม่ต้องพึ่งหมอดูคนไหนว่าอย่างไรสองคนนี้ก็เป็นแฟนกันแน่นอน เมื่อคิดดังนั้นคิ้วที่ขมวดเป็นปมก็คลายลง

"แล้วมองทำไม" เสียงที่เคยแข็งอ่อนเล็กน้อย

"หมอนั่นมันเป็นเพื่อนฉัน เคยยืมเงินไปเกือบแสนแล้วก็เชิดเงินไปเลย" โกหกคำโตเพราะไม่อยากอธิบายให้ยุ่งยาก กลัวว่าให้พูดเรื่องนี้จะต้องบอกเรื่องอื่นอีกจนความลับที่ปิดบังเอาไว้แตกออกมา

"ว่าไงนะ! นายบ้าไปแล้วเหรอ เขายืมเงินไปเป็นแสนไม่ทวง เดี๋ยวฉันจัดการเอง" หล่อนโมโหเลือดขึ้นหน้าก่อนทำท่าทางขึงขังมุ่งตรงไปยังสองหนุ่มสาวที่ยืนเลือกต้นไม้

จนสัตวแพทย์ผิวเข้มคว้าไว้ไม่ทัน

..ทำยังไงดีวะไอ้เอิร์ธ แบบนี้แผนจะแตกหรือเปล่า

คิดอย่างกลัดกลุ้มโดยตาไม่คลาดเคลื่อนจากบุคคลที่ขึ้นชื่อว่าภรรยา เขาไม่อาจได้ยินว่าสามคนนั้นพูดอะไร แต่ใบหน้าของกองทัพที่มึนงงก็บอกทุกอย่าง จนอดยิ้มมุมปากไม่ได้ คงเจอฤทธิ์แม่เจ้าประคุณเข้าไปจนทำอะไรไม่ถูก ซึ่งณชาก็มีอาการไม่แตกต่างกันมากนัก

มีเพียงบุลลาที่พูดไม่หยุดก่อนใบหน้าหวานของอดีตพริตตี้สะบัดหนีพร้อมเดินกลับมาหาสามีที่ยืนรอท่า

เขารีบคว้าแขนเธอแล้วเดินหนีไม่ให้กองทัพเดินตามเพื่อเค้นความจริง

"เมื่อกี้เธอพูดอะไร" ถามด้วยความอยากรู้

"ก็ด่านิดหน่อย ไม่แรงมากหรอก หน้าตาก็ดีไม่น่าหนีหนี้เลย"

ว่าอย่างเสียดายจนคนข้างกายหน้าตึงจนต้องโอบไหล่ภรรยามาใกล้ตัว

"เธอกำลังชมคนอื่นว่าหล่อต่อหน้าฉันนะ" ย้ำเสียงเข้ม

จนบุลลาต้องหันมายิ้มหวานใส่

"ก็แค่หล่อแหละน่า ถ้าให้เทียบกัน นายหล่อกว่าหมอนั่นตั้งเยอะ" ชมอย่างเอาใจ

จนใบหน้าบึ้งต้องอมยิ้มอย่างอารมณ์ดีอยากจะจับจูบเป็นการให้รางวัลเสียเหลือเกิน

"แน่สิ ตอนเรียนฉันป็อปจะตาย มีแต่คนมาจีบ" อวดอย่างภาคภูมิใจ ยิ่งวันวาเลนไทน์ของบนโต๊ะล้นจนต้องแจกจ่ายให้เพื่อนในห้อง หรือตอนแข่งกีฬาก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อตนเองดังก้องสนามจนเพื่อนเอ่ยแซว ความฮอตของนายพณณกรมีมาตั้งแต่ประถมลากยาวถึงมหาวิทยาลัย

"จ้า พ่อคนหล่อ" ว่าแล้วก็หัวเราะทันที ลืมเลือนเรื่องเมื่อครู่ไปสิ้น ไม่ถามแม้กระทั่งว่าเขามีเงินหลายแสนได้อย่างไรเพราะความสนใจถูกดึงไปยังเหล่าดอกไม้กลิ่นหอมจนหน้ามืดตามัว เลือกซื้อจนถือแทบไม่ไหว แล้วคนซื้อก็ไม่ได้ถือเองเพราะหน้าที่นั้นเป็นของคุณสามีที่ต้นไม้แทบจะบังหน้ามองไม่เห็นทาง

"พอแล้วแหละ เงินหมดแล้ว" มองดูอย่างแสนเสียดายก่อนจะหันมาบอกร่างสูงซึ่งยืนหน้าบึ้งเพราะหนัก

"ก็ควรจะพออยู่หรอก เธอซื้อเยอะขนาดนี้จะปลูกป่าหรือไง"

หล่อนหัวเราะเสียงใสแล้วช่วยเขาถือไปไว้ที่รถ บ่ายคล้อยก็ได้ฤกษ์เคลื่อนตัวกลับรังรักของตนโดยเปิดเสียงเพลงคลอตลอดทาง ถึงแม้ว่าคนที่ต้องการฟังจะนอนหลับไม่รู้เรื่อง ปล่อยให้ชายหนุ่มขับรถพลางฮัมเพลงอย่างมีความสุข

แอบมองใบหน้าหวานที่เอนไปซบหน้าต่างก็อมยิ้มนึกเอ็นดูขึ้นมา ใครจะคิดว่าผู้หญิงเจ้าสำอางดูเหมือนคนเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อจะมีความเป็นแม่บ้านแม่เรือนขนาดนี้ ทำอาหาร ทำความสะอาดบ้าน ซักผ้า ปลูกต้นไม้ หล่อนมีทุกอย่างครบจนร่างสูงรู้สึกว่าตนเองเหมือนถูกล็อตเตอรี่รางวัลที่หนึ่ง

แต่เสียอย่างเดียว..เห็นแก่เงินไปหน่อย

ไม่เป็นไร เรื่องนี้แก้ไขกันได้ขอแค่เพียงเธอไม่หักหลังเขาไปมีใครเท่านั้น นายพณณกรคนนี้ก็พร้อมจะมอบทุกอย่างให้ และจะแต่งตั้งบุลลาเป็นนายหญิงของฟาร์มสายรุ้ง

"วันนี้ฉันจะพาไปลาออกกับไอ้เสี่ยกรรชัยนะ" เช้าวันต่อมาร่างสูงก็เอ่ยขึ้นขณะกำลังรับประทานอาหารร่วมกัน ใบหน้าหวานนิ่งไปสักครู่แล้วพยักหน้าพร้อมร้อยยิ้มเจื่อน อดเสียดายเงินเดือนหมื่นห้าทั้งยังค่าบริการที่ทางลูกค้าจ่ายให้ไม่ได้

"อือ" ดวงตากลมโตมองจานข้าวพยายามต่อสู้กับจิตใจด้านมืดของตนเอง เขายอมเสียเงินเป็นแสนเพื่อให้หลุดพ้นจากหนี้

..จะตอบแทนเขาด้วยการลาออกไม่ได้หรือไงบุลลา ทำแค่ที่ไร่ก็ได้ไม่เห็นเป็นอะไรเลย

ปลอบตนเองแต่เมื่อคิดถึงรายได้เพียงเก้าพันบาทต่อเดือนก็แทบร้องไห้ มันไม่พอใช้หรอกถึงจะรวมกับของร่างสูงก็ตาม เธออยากมีเงินเก็บไหนจะค่าใช้จ่ายจิปาถะตามความต้องการของผู้หญิงอีก

"เสียดายหรือคิดถึงไอ้เสี่ยนั่น"

ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะถูกหยิบยกขึ้นมาทุกครั้งที่พูดถึงเรื่องงานจนคร้านจะเถียงด้วยจึงบอกปัด

"ไม่ได้เสียดาย ไปก็ไป" ในเมื่อตกลงกันไว้แล้วก็ต้องทำตามสัญญาจึงตัดใจปิดประตูความคิดด้านมืดของตนเองเสีย พยายามยิ้มแย้มร่าเริง

จนกระทั่งถึงตอนเย็นตามที่ตกลงร่างสูงก็ขับรถคันใหญ่ของชลธีมารับตั้งแต่ไม่เลิกงาน ทำเอาคนในไร่หันมามองเป็นตาเดียว

เรื่องที่ทะเลาะกันเป็นที่กล่าวขานไปทั่วและวันนี้ทุกคนก็ได้รับรู้ว่าทั้งสองยังคงรักหวานชื่น สัตวแพทย์หนุ่มมารับถึงไร่พร้อมโอบเอวภรรยาโชว์หวานออกสื่อจนหลายคนส่งเสียงแซว

ไม่เว้นกระทั่งบานเย็นที่คอยลุ้นความรักลุ่มๆ ดอนๆ ของคู่นี้ตลอดเวลา

"ลูกเอ็งวาสนาดีนะนังเย็น ท่าทางคุณเอิร์ธเขารักเขาหลงมันเหลือเกิน" พี่ที่ทำงานเอ่ยขณะเก็บของเตรียมกลับบ้าน

"ฉันก็หวังให้เป็นอย่างนี้ไปตลอดรอดฝั่งเหมือนกันพี่ ไม่อยากให้มันผิดหวังอีกแล้ว" ถอนหายใจอย่างกลัดกลุ้มแล้วสลัดความคิดนั้นทิ้งเดินไปขึ้นรถรับส่งของทางไร่กลับบ้าน

ระหว่างทางบุลลาก็เงียบไม่ได้ชวนคุย มีเพียงเสียงเพลงที่ขับกล่อมให้บรรยากาศไม่อึดอัดจนเกินไป นอนคิดทั้งคืนว่าจะลาออกจริงหรือ เงินที่จะได้ไม่เสียดายหรือแต่เมื่อสำนึกได้ว่าสามีจ่ายหนี้ให้ทั้งที่เขาไม่ได้ก่อความคิดอันแสนเห็นแก่ตัวก็ค่อยสลายไป

"ทำไมนายถึงมีเงินมากมายขนาดนั้นล่ะ ไหนว่าเงินเดือนแค่หมื่นห้า" หันมาถามด้วยความอยากรู้และครั้งนี้ดูเหมือนว่าเขาจะไม่สามารถตอบแบบขอไปทีได้แล้ว

"ก็ทำงานตั้งแต่เรียน เก็บมาเรื่อยๆ "

"แล้วนายไม่เสียดายเหรอที่มาจ่ายหนี้ให้ฉัน เงินเกือบล้านเลยนะ "ยิ่งพูดก็รู้สึกผิดที่ตนเองเอาเงินของเขามาใช้จนคนตัวสูงต้องเอื้อมมือไปโยกศีรษะเล็ก

"คิดมากน่า เงินแค่นั้นเดี๋ยวฉันหาใหม่ก็ได้" สัตวแพทย์หนุ่มเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้คิดอะไร

แต่บุลลากลับรู้สึกผิดเพราะนึกว่าเขาพยายามพูดให้ตนเองสบายใจ

"ฉันจะพยายามหาเงินมาคืนให้นะ" บอกเสียงอ่อย

จนใบหน้าคมต้องหันมามองแล้วเอื้อมมือมากุมอย่างอ่อนโยน

"ไม่ต้องหรอก ฉันเต็มใจให้" เงินแค่นั้นแลกกับการที่ทำให้บุลลาออกห่างจากเสี่ยกรรชัยก็ถือว่าคุ้ม เขาจะไม่ยอมเสี่ยงให้สองคนนั้นอยู่ใกล้กันอย่างแน่นอน น้ำมันกับไฟควรเอาออกให้ห่างที่สุดไม่ควรลองใจอะไรทั้งสิ้น หล่อนจะต้องเป็นของเขาแต่เพียงคนเดียว

รถยนต์จอดหน้าโรงแรมชื่อดังประจำอำเภอ ก่อนพากันเดินไปติดต่อประชาสัมพันธ์ว่าต้องการขอพบเสี่ยกรรชัยแต่เพราะไม่ได้นัดไว้จึงต้องนั่งรอที่    ล็อบบี้

ไม่นานร่างสูงของคนสูงวัยกว่าก็เดินมาในชุดสูทราคาแพงสั่งตัดพิเศษจากอิตาลีด้วยราคากว่าครึ่งแสน

"ว่ายังไงครับคุณเอิร์ธ มีธุระอะไรกับผมเหรอ" เขาไม่ได้เชิญให้ทั้งสองขึ้นไปบนห้องเพราะคิดว่าคงใช้เวลาไม่มากจึงนั่งลงตรงโซฟาตัวหนาของล็อบบี้ แม้จะมีผู้คนเดินผ่านไปมาแต่จุดที่นั่งก็เป็นส่วนตัวพอสมควร

"กู.. ผมพาบัวมาลาออกจากที่นี่" จากที่ใช้สรรพนามสมัยพ่อขุนรามคำแหงก็โดนภรรยาบิดสีข้างจนต้องเปลี่ยนมาใช้วาจาสุภาพทั้งที่ใจอยากลุกขึ้นไปตะบันหน้าที่อีกฝ่ายยังคงยิ้มกะลิ้มกะเลี่ยให้ร่างบาง

"ทำไมล่ะครับ บัวพึ่งมาทำงานที่นี่เอ งลาออกเร็วขนาดนี้ ผมเสียดายนะ" แววตาคมอ้อยอิ่งอยู่ที่ใบหน้าหวาน

จนคนขี้หึงทำท่าจะลุกขึ้นไปกระชากคอเสื้อของผู้บริหารทรงเสน่ห์ แต่โดนร่างบางดึงแขนเอาไว้เสียก่อนจึงต้องกัดฟันข่มความรู้สึกเอาไว้ข้างในแทน

"เหตุผลส่วนตัวน่ะค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ" ค้อมศีรษะลงเล็กน้อยเป็นการขอโทษ

"ลองคิดดูใหม่ได้ไหมครับ บัวทำงานดีจะลาออกไปแบบนี้ไม่เสียดายเงินเหรอ" คำถามจี้ใจดำ

ทำเอาร่างบางนิ่งเงียบจนสัตวแพทย์หนุ่มต้องออกโรงช่วย

"ไม่เสียดาย เก็บเงินมึงไว้ยัดใส่ปากตัวเองตอนนอนในโรงเถอะ กลับ" กระชากแขนคนข้างกายให้ลุกขึ้น ไม่สนว่าการกระทำนั้นจะเสียมารยาทมากแค่ไหน หากอยู่ต่ออีกวินาทีเดียวเขาคงได้ลุกขึ้นตะบันหน้าผู้บริหารมาดเข้มเป็นแน่ แค่นั่งมองมันจ้องเมียตนเองก็นับหนึ่งสิบในใจเป็นพันครั้งแล้ว

..บุลลาเป็นของเขาคนเดียวผู้ชายคนไหนห้ามมอง!

"เจ็บนะ เบาๆ ก็ได้" บอกพลางพยายามปลดข้อมือจากพันธนาการของร่างสูง

กระทั่งถึงรถเขาปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระแล้วเปิดประตูจับยัดเข้าไปนั่งในรถส่วนตนก็อ้อมไปประจำที่คนขับแล้วเร่งเครื่องยนต์ออกจากโรงแรมแห่งนี้อย่างรวดเร็ว

"อาลัยอาวรณ์มันหรือไง" ความเงียบที่เกิดขึ้นทำให้คนตัวโตเอ่ยปากกระแหนะกระแหนเสียงเข้ม

"เปล่าสักหน่อย ฉันแค่หิวเท่านั้นเอง เราแวะกินข้าวแถวนี้ก่อนกลับดีไหม" รู้ดีว่าถ้ายิ่งตอบโต้เหตุการณ์ก็จะบานปลายจึงต้องเปลี่ยนเรื่องเพื่อให้อารมณ์คนข้างๆ เย็นลงมา ซึ่งก็ได้ผลเพราะพณณกรกำลังมองหาร้านอาหารสำหรับรับประทานข้าวเย็นกับภรรยา

"อยากกินอะไรล่ะ"

แล้ววันนั้นก็ผ่านไปด้วยการที่คู่รักนั่งทานอาหารท่ามกลางรอยยิ้มแสนสุข ร่างสูงมั่นใจไปได้เปราะหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ตัดเสี่ยกรรชัยออกจากชีวิตของบุลลาได้แล้ว ต่อจากนี้ทั้งสองก็ไม่ต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก หล่อนจะอยู่ในความดูแลของเขาตลอดไป

ในขณะที่เสี่ยกรรชัยยกยิ้มมุมปาก วันพระไม่ได้มีหนเดีย วดูจากแววตาก็รู้ว่าเธอไม่อยากลาออก รอแค่โอกาสเท่านั้นแล้วจะทำให้เกมนี้มันจบลงโดยการที่ไอ้พณณกรต้องเสียเมียให้เขา

สองหนุ่มคิดแต่จะแก้แค้นกันไปมาไม่สนใจผู้หญิงที่ต้องตกเป็นเครื่องมือทั้งสองคนซึ่งเสียใจเพราะพวกเขาเลย

"อือ วันนี้ฉันจะเข้าไปซื้อของที่บิ๊กซีนะ นายอยากได้อะไรไหม" ระหว่างกินข้าวเช้าด้วยกันร่างบางก็บอกคู่ชีวิตให้รับรู้

"เธอจะไปตอนเย็นเหรอ ให้ฉันไปด้วยไหม"

"นายต้องไปตรวจสัตว์ที่หมู่บ้านอื่นไม่ใช่เหรอ" สัตวแพทย์หนุ่มลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย ปศุสัตว์มาขอให้เขาช่วยเพราะสัตวแพทย์คนใหม่ยังไม่ได้รับการบรรจุ จึงต้องทำหน้าที่แทนไปก่อน และวันนี้ก็ครบสามเดือนที่ต้องไปตรวจโรคสัตว์ในแต่ละตำบลของอำเภอแห่งนี้

..อาจจะกลับดึกด้วยซ้ำ

คนขี้เกียจอยากล้มตัวลงนอนแล้วบอกว่าไม่สบายเป็นการหาข้ออ้างหนีงานซึ่งไม่แนบเนียนที่สุด

"แล้วเธอจะไปยังไง"

"รถมอเตอร์ไซค์ไง ไปไม่นานหรอก แค่ซื้อพวกของใช้กับอาหารสด" เขาพยักหน้าไม่ได้ขัดข้องแต่อย่างใด

หลังจากนั้นก็แยกย้ายไปทำงานท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนระอุ จนต้องพึ่งน้ำเย็นและร่มไม้หวังให้ลมพัดผ่านบ้าง

บุลลาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมัวแต่คิดถึงเรื่องงานที่ตนเองเพิ่งลาออก

เมื่อเลิกงานจึงมุ่งไปยังห้างสรรพสินค้าของอำเภอเลือกซื้อของใช้ภายในบ้านและตรงไปยังโซนอาหารทะเล เลือกวัตถุดิบในการทำอาหารเย็นนี้โดยปราศจากร่างสูงที่มักจะเดินข้างกายตลอดเวลา ก่อนจะเดินเลยไปซื้อผักก็หยุดชะงักเมื่อเห็นหอยแครงจนรู้สึกน้ำลายสอจึงเลือกไปซื้อ ทั้งที่ปกติแทบไม่เคยชายตาแลเลยด้วยซ้ำ หมู่นี้ไม่รู้เป็นอะไรอยากกินของเปรี้ยวตลอดแต่บางวันก็รู้สึกเหม็นเบื่อไม่แม้แต่จะชายตามอง อารมณ์แปรปรวนทำเอาพณณกรเอ่ยทักหลายรอบ

เมื่อซื้อของเสร็จสิ้นจึงเดินไปยังลานสำหรับจอดรถมอเตอร์ไซค์ ทว่ายังไม่ทันจะก้าวออกจากห้างสรรพสินค้าก็ถูกขวางเอาไว้ก่อนและทันทีที่สบตาก็ตกใจจนต้องถอยหลังเล็กน้อย

ในขณะที่ร่างสูงส่งยิ้มการค้าให้เต็มที่พร้อมเอ่ยทักตามประสาคนคุ้นเคย

"ไม่คิดว่าจะเจอบัวที่นี่ มาคนเดียวเหรอ" ถามไถ่ปกติไม่มีอาการหงุดหงิดใจที่หล่อนลาออกจากงานกะทันหันทั้งที่ทำได้เพียงหนึ่งสัปดาห์

"ค่ะ เสี่ยมาทำอะไรเหรอคะ" ไม่อยากเชื่อว่าคนระดับนี้จะมาเดินห้างที่มีแต่ของใช้ ไร้ร้านเสื้อผ้าหรือร้านอาหารราคาแพง

"ฉันมาเดินเล่น" ต่อหน้าบุลลาก็ไม่ต้องสุภาพเหมือนที่กระทำเมื่อพณณกรอยู่ด้วย เขาก็แค่ต้องการแกล้งให้หมอนั้นหัวหมุน คาดเดาความสัมพันธ์ระหว่างภรรยากับตนไปต่างๆ นานา และดูท่ามันจะได้ผลดีเสียด้วย

"ที่นี่เหรอคะ" ตอบกลับเสียงสูง

จนอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเล็กน้อย

"ใช่ แต่ตอนนี้ฉันเริ่มหิวแล้วละ เธอพอจะมีเวลาสักสามสิบนาทีไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันได้ไหม"

ร่างบางลังเลใจแต่เสี่ยใหญ่ไม่ปล่อยให้บุลลาตัดสินใจเอื้อมไปคว้าถุงสีเขียวมาถือไว้เป็นตัวประกันทำเอาใบหน้าหวานเหวอไม่คิดว่าเขาจะบังคับทางอ้อมอย่างนี้

"ไปกันเถอะ กินที่ฟู้ดคอร์ทก็ได้ หิวจนกินช้างได้ทั้งตัว ทำงานทั้งวันเหนื่อยมากเลย" ระหว่างทางร่างสูงก็พูดคุยอย่างเป็นกันเอง

จนทำให้บุลลาคลายความกังวลใจลงไปบ้าง เริ่มทำตัวตามสบายไม่ได้อึดอัดเหมือนคราแรกที่เห็นเขาจึงส่งผลให้ใบหน้าไร้ซึ่งความหวาดระแวง จนเสี่ยกรรชัยแอบยิ้มอย่างพึงพอใจ

"เธอจะกินอะไรมื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง"

อาหารส่วนกลางของห้างสรรพสินค้ามีไม่กี่ร้านหล่อนจึงเลือกราดหน้าทั้งที่ปกติแทบไม่แตะเนื่องจากกลัวอ้วน

"รอที่โต๊ะเลยเดี๋ยวฉันไปสั่งให้" สั่งพร้อมแววตาจริงจัง

ทำเอาร่างบางจำต้องนั่งอยู่กับที่มองแผ่นหลังกว้างเดินไปสั่งอาหารอย่างคล่องแคล่วเผลอมองพลางวิเคราะห์อีกฝ่ายไม่ได้

ถึงอายุขึ้นเลขสี่แต่เสี่ยกรรชัยยังดูหนุ่มกว่าอายุมา กทั้งใบหน้าคมเข้มอาจไม่หล่อเหมือนพณณกรแต่มีเสน่ห์จนสาวหลายคนต้องหันไปมองด้วยความสนใจ ไหนจะชุดสูทซึ่งไม่ค่อยพบเห็นในห้างแห่งนี้ เขาจึงโดดเด่นท่ามกลางผู้คน

กระทั่งร่างสูงเดินถืออาหารมาวางตรงหน้าจึงยกยิ้มให้

"ขอบคุณนะคะ"

"ฉันต้องขอบคุณเธอสิที่มากินข้าวเป็นเพื่อน ฉันยังไม่ได้ปรุงให้นะไม่รู้ว่ากินรสชาติแบบไหน" ชายหนุ่มเริ่มคนก๋วยเตี๋ยวให้เข้ากัน

ส่วนจานอาหารของบุลลายังมีสีเรียบไม่ปรุงแต่ง

"ไม่เป็นไรค่ะ บัวไม่ชอบปรุง" ระหว่างที่รับประทานอาหารไร้ซึ่งบทสนทนาและดูเหมือนว่าร่างสูงจะหิวจริงเห็นคีบเส้นเล็กเข้าปากพร้อมซดน้ำอย่างเอร็ดอร่อยก็ลอบยิ้ม ตักราดหน้ากินบ้าง

โดยไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นถูกบันทึกเป็นวิดีโอเคลื่อนไหวจากสาวคู่อริของหล่อนตลอดกาล..ฟ้ามุ่ย

"คราวนี้แหละนังบัว แกหนีไม่รอดแน่" ยิ้มอย่างมาดร้ายแววตาพึงพอใจ เมื่อร่างสูงเอื้อมมือไปเช็ดปากเล็กราวเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน

..สาแก่ใจอีฟ้ามุ่ยเหลือเกิน หวานกันอีก หวานมากกว่านี้ คุณเอิร์ธจะได้โกรธพังบ้าน ตัดขาดจากนังวันทองสองใจเสียทีแล้วเธอก็จะเข้าไปเสียบแทน

"โอ๊ย อิ่มจนท้องจะแตก" ชามที่เคยมีอาหารอยู่เต็มเกลี้ยงจนแทบไม่ต้องล้างด้วยซ้ำ ร่างเล็กมองเขาตาโตไม่อยากเชื่อว่าจะกินหมดไม่เหลือกระทั่งน้ำซุป

"แต่เธอกินเหมือนแมวดมเลยนะ"

ก้มดูจานตนเองก็ยิ้มแหย ตอนนี้สิ่งที่อยากกินคือหอยแครงลวกจิ้มน้ำพริกรสจัดจ้านมากกว่าราดหน้ารสอ่อน

"ไม่ค่อยหิวค่ะ" ปฏิเสธเสียงอ่อน

"ฉันขอโทษที่บังคับเธอมากินเป็นเพื่อนนะ แย่จริงเลย"

เห็นเขากล่าวโทษตนเองก็ส่ายหน้าเป็นพัลวัน

"ไม่เป็นไรค่ะ บัวยินดีมากินข้าวเป็นเพื่อน" ยิ้มให้เขาเพื่อเป็นการยืนยันว่าตนเองไม่ได้ฝืนใจแต่อย่างใด ก่อนใบหน้าคมจะกลับมาเป็นปกติไม่มีท่าทีรู้สึกผิดเหมือนเมื่อครู่

"ที่จริงฉันก็มีเรื่องจะคุยกับเธอด้วย" เข้าเรื่องสำคัญเสียทีหลังจากที่หาข้ออ้างเพื่อให้ได้อยู่ใกล้ชิดบุลลา

จนร่างบางตั้งตัวไม่ทันเพราะเขาอยู่ในท่าทางจริงจังขึงขังของมาดผู้บริหาร บรรยากาศโดยรอบเริ่มกดดันถึงแม้จะไม่มีผู้คนมารายล้อมก็ตามแต่ เพียงดวงตาคมที่จ้องมาก็ทำให้อึดอัดแล้ว

"กลับมาทำงานกับฉันได้ไหมบัว"

ไม่คาดคิดว่าเขาจะเอ่ยขึ้นจึงมีสีหน้าตกใจและตอนนี้ก็กำลังเค้นเสียงที่หายไปให้ตอบกลับ

"เอ่อ" ความคิดที่พยายามกลบลงไปถูกปลุกให้ตื่นและตอนนี้ก็แยกออก เป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน

ด้านดี..ปฏิเสธไปเสียเถอะบัว สามีเธอเสียเงินเป็นแสนปลดหนี้ให้แล้วยังจะกลับไปทำงานนี้อีกทำไมแค่ที่ไร่ก็มีอยู่มีกินแล้วบอกปัดเขาไปดีกว่า

ด้านร้าย..ตอบตกลงเลยบัว งานง่ายเงินดีขนาดนี้ถ้าปฏิเสธก็โง่เต็มทน อีกอย่างเธอจะได้จ่ายหนี้ให้นายพณณกรด้วยไง ไม่รู้สึกผิดเหรอที่ทำเอาเงินคนอื่นมาใช้ ตอบเสี่ยไปเลยว่าจะไปทำงานกับเขา

"ถึงเธอจะมาทำงานไม่นานแต่เธอก็ทำงานดีมากนะ คนในครัวก็คิดถึง มีลูกค้าบางรายยังถามถึงเธอด้วยนะ" หว่านล้อมจนร่างบางไม่สามารถเอ่ยอะไรออกมาได้

"แต่ว่า"

"ถ้าเธอกังวลเรื่องไอ้ เอ่อ สามีฉันรับรองว่าจะไม่ให้เขารู้ เธอมาทำงานวันเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ฉันจะเปลี่ยนให้อยู่กะเช้าจะได้สะดวกต่อเธอ ส่วนรายได้ฉันให้วันละหนึ่งพันบาท"

จากที่คิดจะปฏิเสธก็ตาโตอย่างไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะลงทุนกับตนมากถึงขนาดนี้ หนึ่งพันบาทต่อวันกับการเป็นพนักงานเสิร์ฟมันมากเกินไป

"เสี่ยต้องการอะไรจากบัวกันแน่คะ" ถึงอยากทำงานแต่ก็ไม่โง่ขนาดไม่รู้ว่านักธุรกิจอย่างเขาจะลงทุนโดยไม่หวังผล

"ฉันก็แค่อยากให้บัวกลับไปทำงานด้วยกัน" ร่างสูงยกมือขึ้นกอดอกราวต้องการปกปิดความต้องการส่วนลึก

"บัวไม่รู้หรอกนะคะว่าเรื่องของเสี่ยกับนายเอิร์ธเคยเกิดอะไรขึ้นแต่อย่าเอาบัวเข้าไปอยู่ในสนามรบของพวกคุณเลย"

ใบหน้าคมที่เคยยิ้มแย้มกลับเรียบสนิทเมื่อรู้ว่าบุลลาไม่สามารถชักจูงได้โดยง่ายแต่ก็ไม่ง่ายเกินความสามารถของเสี่ยกรรชัยคนนี้หรอก

"ฉันไม่ได้มีปัญหากับสามีของเธอ แล้วเรื่องระหว่างเราก็ไม่เกี่ยวกับเขาด้วย เธอทำงานดี สร้างกำไรให้กับห้องอาหาร ฉันก็แค่อยากให้กลับไปทำงานด้วยเท่านั้น ไม่คิดไปถึงผู้ชายคนนั้นเสียหน่อย" ปรับสีหน้าอย่างรวดเร็วก่อนจะปฏิเสธข้อกล่าวหาจากร่างบาง

ทั้งที่ความจริงแล้วก็ไม่ต่างจากที่หล่อนคิดเอาไว้เท่าไหร่ การจะทำให้คนแตกคอกันมันก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป หลังจากที่เห็นแววตาเสียดายของร่างบาง เขาก็รู้ทันทีว่าการลาออกไม่ได้มาจากความสมัครใจแต่มันคือการบังคับและนั่นก็อาจเป็นสาเหตุที่จะเกิดรอยร้าวขึ้น

"ฉันจริงใจกับเธอนะบัว"

มองเข้าไปในดวงตาเรียวก็ไม่พบความเสแสร้งทำให้หล่อนเริ่มลังเลใจ

"เอากลับไปคิดดูแล้วกัน งานแบบนี้ไม่ได้หาได้ง่ายๆ" วันนี้พอก่อนแล้วกัน เขาเชื่อว่าพรุ่งนี้จะต้องเห็นบุลลาไปหาตนเองที่โรงแรมอย่างแน่นอน เอาของหวานมาวางไว้ตรงหน้าแบบนี้มีหรือที่หล่อนจะไม่คว้า

"เดี๋ยวค่ะ ถ้าฉันยอมไปทำงานคุณจะไม่บอกสามีฉันใช่ไหม" ยังไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำเธอก็ถามกลับเสียแล้วทั้งน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่ไม่เป็นไรหรอกเขาจะสร้างมันให้เธอเอง

"ฉันรับปากว่าจะไม่บอกเขา เธอเชื่อใจฉันได้ คนอย่างเสี่ยกรรชัยพูดคำไหนคำนั้น"

ใช่..เขาจะไม่บอกแต่ถ้ามันมาเห็นเองก็ช่วยไม่ได้

"ถ้าอย่างนั้นฉันตกลงจะทำงานกับคุณค่ะ"

ในที่สุดความคิดฝ่ายเลวก็เอาชนะความคิดฝ่ายดีจนได้ บุลลาตัดสินใจอย่างรวดเร็ว สร้างรอยยิ้มให้แก่ผู้บริหารโรงแรมจนเข้าต้องคว้ามือหล่อนเอามากุมไว้ด้วยความดีใจที่ไม่สามารถปิดบังได้

"ดีแล้วบัว เธอคิดถูกแล้วขอบคุณที่กลับมานะ"

หลังจากที่พูดคำนั้นไปร่างบางก็ทำเพียงแค่ยิ้มจืดเจื่อนเริ่มกังวลกับผลที่จะตามมา

ทำถูกแล้วใช่ไหมบัว..ที่เธอกำลังทำอยู่ตอนนี้มันถูกต้องแน่ใช่ไหม

ดวงตากลมโตมีหยาดน้ำตาคลอขณะมองไปที่สองหนุ่มสาวซึ่งนั่งกุมมือกันอยู่ที่โซนอาหารของทางห้างสรรพสินค้า ความรักที่เธอส่งไปให้ไม่ถึงหัวใจของเขาสักนิด ยิ่งมองก็เหมือนมีมีดแหลมแทงเข้ากลางใจจนต้องปล่อยความเจ็บนั้นออกมาเป็นน้ำตาที่ไหลลงเป็นทางยาวอย่างน่าสงสาร..

..พอได้แล้วลูกแก้ว อย่าคาดหวังอะไรจากคนใจร้ายอีกเลย

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status