๑๖สิ่งที่กำลังจะเกิดไม่รู้ว่าร้องไห้ไปนานเท่าไหร่จนกระทั่งได้ยินเสียงมอเตอร์ไซค์แล่นเข้ามาในบริเวณบ้านก่อนจะเงยหน้ามองผู้มาใหม่ ก็พบว่านุ่มนิ่มวิ่งหน้าตั้งเข้ามาโอบกอดเอาไว้และไออุ่นจากเพื่อนก็ทำให้น้ำตาที่เคยหยุดไหลออกมาอีกครั้ง แล้วกอดตอบพลางสะอื้นจนตัวโยนเป็นที่น่าเวทนาแก่คนพบเห็นยิ่งนัก"เกิดอะไรขึ้นบัว" เอ่ยถามหลังจากปล่อยให้อีกฝ่ายได้ร้องไห้จนพอใจ หล่อนโทรศัพท์มาหาก็ไม่มีการตอบรับ ด้วยความเป็นห่วงจึงขับมอเตอร์ไซค์ไปที่โรงแรมแต่กลับได้ความว่าบุลลาโดนพณณกรลากตัวกลับบ้านยิ่งมาเห็นสภาพก็รับรู้ได้ทันทีว่าคงทะเลาะกัน"เขาไม่เคยรักฉันเลยนิ่ม เขาทิ้งฉันไปแล้ว ฮึก ฉันจะทำยังไงดี"คนไม่เคยมีความรักก็จนปัญญาจะตอบ ทำได้เพียงลูบหลังปลอบปะโลมให้คลายจากอาการเศร้าลงบ้าง"เขาไม่เคยเชื่อฉันเลย หาว่าฉันเป็นปลิงดูดเงินเขา ฮือ ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยนะ ฉันไม่มีอะไรกับเสี่ยด้วย ทะ ทำไมเขาไม่เชื่อกันบ้าง" ระบายความอึดอัดที่อัดแน่นอยู่ภายในใจออกมาหมด ภายในหัวมีแต่ความไม่เข้าใจเกิดขึ้น ซ้ำจิตใจยังโดนย่ำยีจนแหลกสลายด้วยน้ำมือของผู้ชายเพียงคนเดียวความรักที่เคยคิดว่ามันคงเป็นครั้งสุดท้ายแต่กลับไม่เป็นอย
๑๗พร้อมจะไปบุลลารีบเก็บของทุกอย่างแล้วซ่อนไว้ภายในห้องนอนตนเอง พยายามทำตัวให้เป็นปกติ ตกเย็นก็ช่วยมารดาทำอาหาร ไม่กลับไปบ้านหลังนั้นอีกแล้ว จากที่จะอธิบายความจริงกับเขาก็ปิดตายความคิดนั้นทันที ในเมื่อเขาไม่เห็นค่า ทำไมจะต้องไปลดคุณค่าตนเองง้อก่อนด้วยส่วนเรื่องลูก..คงต้องดูก่อนว่าควรจะบอกดีหรือไม่ในเมื่อทางข้างหน้าเหมือนจะลงเหว เธอยังจะพาตนเองไปอยู่ที่ตรงนั้นอีกหรือ คิดสะระตะ กระทั่งเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นชื่อของนุ่มนิ่มโชว์จึงออกไปรับพูดคุยเพียงเล็กน้อยไม่ได้เจาะจงรายละเอียดมากนักหลังจากรับประทานอาหารเย็นเสร็จก็รีบเข้าห้องเพื่อวางแผนในการหาเงิน การมีลูกค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงลำพังเงินเดือนไม่กี่พันคงไม่พอใช้และถึงจะเอาเงินเดือนของพณณกรมารวมด้วยก็ไม่แน่ใจว่าสามารถใช้จ่ายเพียงพอในหนึ่งเดือน การลาออกจากพนักงานเสิร์ฟไม่ใช่ทางดีสักนิดในเมื่องานนั้นให้เงินดีไม่แน่ถ้าเธอขยันจนได้เลื่อนตำแหน่งอาจมีเงินเดือนหลายหมื่นแต่กว่าจะถึงตอนนั้นต้องใช้เวลานานแค่ไหนสุดแท้แต่จะคาดเดา คงต้องใช้ความพยายามเข้าช่วย กว่าคืนนั้นจะผ่านไปบุลลาก็ใช้เวลากว่าค่อนคืนเพื่อวาดแผนอนาคตของตนและเด็กน้อยที่กำลังจะเกิดยามเ
๑๘เส้นขนานมันไม่ง่ายสักนิดที่ต้องมองคนคนรักไปกับผู้หญิงคนอื่น หัวใจเหมือนโดนพรากไปพร้อมน้ำตาที่ไหลลงมาทันที อาบใบหน้าจนเปรอะเปื้อน ไม่เคยคิดว่าตนเองจะโดนทิ้งในวันที่เริ่มตั้งครรภ์ อยากเอ่ยปากบอกเขาทุกอย่าง แต่เพราะทิฐิทำให้จำเงียบเอาไว้ถึงจะรั้งไว้แค่ไหนถ้าเลือกจะไป เขาก็ทิ้งหล่อนอยู่ดีอย่าทำอะไรให้ตนเองต้องอับอายไปมากกว่านี้เลย แค่เกาะเขากินทั้งยังให้ใช้หนี้ที่ไม่ได้ก่อก็หน้าอายเกินทนแล้ว เขาดูถูกจนไม่เหลือศักดิ์ศรีให้ภาคภูมิใจ พอได้แล้วบัว..เขาไม่ใช่ผู้ชายเธออีกต่อไปแล้วเย็นวันนั้นบุลลาบอกแม่ว่าตนเองจะหย่าและบานเย็นก็ไม่ได้คัดค้านลูก ทำเพียงกอดปลอบบุตรสาวทั้งยังเอ่ยขอโทษที่ทำให้ชีวิตของบุลลายุ่งยาก หากนางไม่ขอให้รับผิดชอบ งานแต่งก็คงไม่เกิดบางทีบัวอาจได้ใช้ชีวิตปกติและข่าวลืออาจซาไปเอง ทุกอย่างเป็นเพราะนางทั้งหมด"แม่ขอโทษนะบัว แม่ผิดเอง"ใบหน้าหวานส่ายเป็นพัลวันแล้วกอดมารดาเอาไว้แน่น"แม่ไม่ผิด บัวมันไม่ดีเองที่หาเหาใส่หัว อยากได้ผัวรวยจนตัวสั่น สุดท้ายก็โดนเขาทิ้ง" สะอึกสะอื้นอยู่ในอ้อมอกของบานเย็นจนบุรณีที่มองอยู่ห่างๆ เริ่มเบะปาก ค่อยเขยิบมากอดพี่สาวจากทางด้านหลัง"พี่บัวมี
๑๙เส้นทางที่ต่างหลายเดือนผ่านไปร่างที่เคยบอบบางกลับมีหน้าท้องยื่นออกมาและดูเหมือนว่าขนาดจะใหญ่กว่าปกติจนหลายคนทักท้วงเสี่ยกรรชัยเองที่ช่วงนี้ไม่ค่อยอยู่โรงแรมเพราะกลับไปดูแลธุรกิจอยู่กรุงเทพฯ เนื่องจากสาวใช้ที่คิดว่าเป็นของตายกลับหนีไปไม่ว่าจะควานหาตัวจนแทบพลิกแผ่นดินแค่ไหนกลับไม่เจอเลย ราวกับว่าเธอเป็นเพียงวิญญาณที่มีเพียงยมทูตเท่านั้นจะพบเจอ"บัว..ทำไมเธอ" วันนี้เป็นครั้งแรกที่เขากลับมายังโรงแรมและเห็นพนักงานเสิร์ฟกลายเป็นคุณแม่จึงเอ่ยด้วยใบหน้าตกตะลึง"อ๋อ บัวท้องค่ะ" ตอบอย่างฉะฉานทั้งที่เมื่อก่อนเคยนึกอายแต่ละคนมองมาที่เธอทั้งสมเพช สงสารจนไม่กล้าสู้สายตาใครแต่เมื่อได้กำลังใจจากคนรอบข้างก็ตัดความคิดของผู้อื่นออก ตอนนี้เธอจะต้องมีความสุขเพื่อลูกในท้องจะได้สุขภาพจิตดีไปด้วย"ตอนไหน ตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมฉันไม่รู้เลย" ล็อบบีโรงแรมกลายเป็นสถานที่พูดคุยชั่วคราวและเสี่ยใหญ่ก็นั่งลงตรงข้ามพนักงานของตนเองรอฟังเรื่องราวจากปากเล็ก"บัวท้องได้ห้าเดือนแล้วค่ะ เสี่ยจะรู้ได้ยังไงคะก็ไม่ค่อยอยู่โรงแรม"นั่นสินะ..เขามัวแต่ไปทำงานและตระเวนตามหาผู้หญิงที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ใบหน้าคมสลดลงทันที"
๒๐ตอกย้ำความเจ็บปวดหนึ่งปีผ่านไปถึงเวลาจะเปลี่ยนแปลงแต่เมืองหลวงของประเทศไทยก็แทบไม่เปลี่ยนจากครั้งที่มาล่าสุด สัตวแพทย์หนุ่มที่ตอนนี้มีใบปริญญาทางด้านบริหารเพิ่มอีกหนึ่งใบพร้อมตำแหน่งใน บริษัทวิจิตร จำกัด (มหาชน) ซึ่งถึงแม้ไม่เข้าประชุมแต่ก็ส่งทนายเป็นตัวแทนไปทุกครั้ง เริ่มเล่นหุ้นครั้งแรกและมันสร้างเงินให้เขาพอจะซื้อเพนท์เฮ้าส์สุดหรูใจกลางกรุงสำหรับพักผ่อนแทนคอนโดเก่าร่างหนาที่เคยคล้ำแดดจากการตรากตรำทำงานกลางแจ้งเริ่มขาวขึ้นเนื่องจากนั่งอยู่ในห้องแอร์อ่านเอกสารทั้งวันจนปวดกระบอกตาไปหมด ไม่เข้าใจตนเองทำไมจึงต้องมานั่งทรมานทำในสิ่งที่ไม่ชอบสักนิด ถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะเดินดูห้องใหม่ที่พึ่งซื้อในราคาร้อยล้าน เขาแค่อยากผลาญเงินตนเองเล่นเผื่อมันจะเป็นข้ออ้างไม่ต้องแต่งงาน..ใช่..อีกไม่กี่วันเขาต้องหมั้นกับไปรยาหัวใจหนักอึ้งจนอยากให้มันหยุดเต้นเสียเดี๋ยวนั้นแต่สวรรค์คงไม่เห็นด้วยเพราะทุกวันนี้เขายังหายใจและกินอิ่มนอนหลับ สุขสบายเหลือเกินพร้อมทั้งคำรบเร้าจากผู้คนรอบข้างอยากให้กลับไปทำงานที่โรงพยาบาลสัตว์รักษาชัยสิทธิ์ทว่าก็ทำได้เพียงผัดวันประกันพรุ่งแค่นั้น ไม่กล้าปฏิเสธอย่า
๒๑งานแต่งของเขาบุลลากลับมาบ้านด้วยความเหนื่อยล้าจนมารดาสังเกตเห็น ทว่าไม่อาจพูดหรือทักท้วงอะไรเนื่องจากบุตรสาวรีบวิ่งขึ้นไปบนบ้านอย่างรวดเร็ว ส่วนเจ้าแฝดก็โดนเสี่ยกรรชัยมารับตัวไปตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วซึ่งคาดว่าผู้จัดการสาวคงทราบดี“พี่บัวเป็นอะไรเหรอน้า” บุรณีเดินมาถามบานเย็นด้วยใบหน้ากังวล ผ่านมาสี่ปีแล้วไม่คิดว่าพี่สาวตนจะยังคงเศร้ากับเรื่องนี้ ทั้งที่ความจริงมีชายหนุ่มแวะเวียนมาจีบไม่ขาดสาย หากตอบรับใครสักคนก็คงจะลืมผู้ชายคนนั้นอย่างง่ายดาย“ไม่รู้เหมือนกัน เฮ้อ” ส่ายหน้าอย่างกลุ้มใจนึกโทษตนเองมาถึงทุกวันนี้ที่นำพณณกรเข้ามาในชีวิตของลูก หากย้อนเวลากลับไปได้นางจะไม่ทำอย่างนั้น จะไม่ขอร้องผู้ชายใจร้ายให้รับผิดชอบอย่างเด็ดขาดร่างบางนอนลงบนเตียงพลางกำสร้อยที่ตนใส่ไว้แน่น ดีเหลือเกินที่เขาไม่เห็นว่าหล่อนยังเหลือเยื่อใย ถึงเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม ไม่เคยลืมวันที่ได้รับสร้อยว่าดีใจมากแค่ไหน แม้ภายหลังจะได้รู้ว่ามันคือของมือสองที่ไปรยาไม่ต้องการร่างสูงตอบแทนความรักของเธอด้วยการโกหก ทั้งฐานะที่แท้จริงของเขา ยิ่งนึกถึงก็สร้างความอับอายให้ยิ่งนัก คงคิดว่าหล่อนจะไปปอกลอกจึงเก็บงำเอาไว้ไม่ย
๒๒บุกงานแต่งหลังผ่านวันงานอันแสนขมขื่นทั้งที่ควรจะมีข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หรือในนิตยสารซุบซิบไฮโซกลับหายเงียบ เรื่องนั้นถูกปกปิดไว้จนไม่กล้ามีใครเอ่ยถึง อาจเพราะตำแหน่งใหญ่ของคุณมนตรีที่สามารถใช้อำนาจสั่งการสื่อได้อย่างมิดชิดจนแม้แต่พณณกรเองยังอดทึ่งไม่ได้ หากเป็นที่ไร่ป่านนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วอำเภอภายในวันเดียวถึงจะใช้อำนาจของเงินก็ไม่สามารถปิดปากใครได้ร่างสูงจิบกาแฟขณะเหม่อมองสระน้ำภายในบ้านของตน เพนท์เฮ้าส์ที่คิดจะใช้เป็นเรือนหอถูกเปลี่ยนเป็นสตูดิโอของบิดา เขาไม่ได้ให้ฟรีแต่ขายขาดให้จนคุณพสุธาบ่นเช้าบ่นเย็นไม่คิดว่าลูกจะหน้าเลือดขนาดนี้น้ำสีฟ้าเคลื่อนไหวตามแรงลมแต่ก็ไม่มากพอจะให้เกิดคลื่นใหญ่เพราะมันคืออ่างน้ำจำลองไม่ใช่ทะเลที่พร้อมจะมีพายุเสมอถึงคลื่นลมจะสงบก็ตาม"มึงไม่คิดจะทำงานทำการเลยหรือไง นั่งหายใจทิ้งเป็นอาทิตย์แล้วนะ" แขกประจำของบ้านคือกองทัพที่หมั่นแวะเวียนมาหาบ่อยครั้งพ่วงด้วยภรรยาที่ท้องโตใกล้คลอด ส่งสายตาเอือมระไปให้แล้วก้าวมานั่งยังโต๊ะกลมที่มีเก้าอี้เพียงสองตัวเท่านั้น"วันนี้เมียมึงไม่มาด้วยเหรอ" เอ่ยถามเสียงเรียบไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นแต่คนฟังกลับทำสีหน้าไม่ชอบ
๒๓ได้เวลาเดินหน้ารถยนต์ของชลธีจอดหน้าอาคารพาณิชย์สามชั้นแล้วลงไปทักทายบานเย็นซึ่งกำลังทำอาหารอย่างขยันขันแข็งเนื่องจากช่วงเที่ยงลูกค้ามักจะเยอะจนแน่นร้าน เขาขออนุญาตพาสองแฝดที่ว่างจากการเรียนเตรียมอนุบาลไปเที่ยวยังห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสี่เดือนที่แล้ว"บอกบัวแล้วเหรอ น้ากลัวเขาจะโวยวายถ้ากลับมาไม่เจอลูก" ถามกลับด้วยใบหน้ากังวลซึ่งเจ้าของไร่สุดหล่อก็ยิ้มจนตาปิดตอบกลับเสียงอ่อนโยน"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมโทรบอกบัวแล้ว"เมื่อรู้อย่างนั้นจึงพอจะเบาใจ แล้วให้ชลธีขึ้นไปเอาตัวสองแฝดจากด้านบนได้เลย และเมื่อภูตะวันกับศศินาเห็นคุณลุงผู้ใจดีต่างเข้ามาสวมกอดด้วยความคิดถึงแล้วจับจูงกันลงมาข้างล่างเดินไปที่รถยนต์ที่คุ้นเคย"แต่วันนี้เราไม่ได้ไปแค่สามคน ลุงพาเพื่อนมาด้วย" ระหว่างจะข้ามถนนก็ไม่ลืมบอกเด็กน้อย กลัวว่าทั้งสองจะตกใจภูตะวันขมวดคิ้วด้วยเข้ากับคนอื่นยาก ต่างจากศศินาที่ฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าเหมือนตุ๊กตาเด้งดึ๋งพอมาถึงรถ ประตูด้านหลังก็เปิดออกให้สองแฝดขึ้นไปนั่งบนคาร์ซีทที่ซื้อมาโดยเฉพาะเพื่อหลานเท่านั้น เด็กหญิงนั่งเรียบร้อยก็มองไปที่เบาะข้างคนขับซึ่งถูกจับจองโดย