๒๒บุกงานแต่งหลังผ่านวันงานอันแสนขมขื่นทั้งที่ควรจะมีข่าวหน้าหนังสือพิมพ์หรือในนิตยสารซุบซิบไฮโซกลับหายเงียบ เรื่องนั้นถูกปกปิดไว้จนไม่กล้ามีใครเอ่ยถึง อาจเพราะตำแหน่งใหญ่ของคุณมนตรีที่สามารถใช้อำนาจสั่งการสื่อได้อย่างมิดชิดจนแม้แต่พณณกรเองยังอดทึ่งไม่ได้ หากเป็นที่ไร่ป่านนี้ข่าวคงกระจายไปทั่วอำเภอภายในวันเดียวถึงจะใช้อำนาจของเงินก็ไม่สามารถปิดปากใครได้ร่างสูงจิบกาแฟขณะเหม่อมองสระน้ำภายในบ้านของตน เพนท์เฮ้าส์ที่คิดจะใช้เป็นเรือนหอถูกเปลี่ยนเป็นสตูดิโอของบิดา เขาไม่ได้ให้ฟรีแต่ขายขาดให้จนคุณพสุธาบ่นเช้าบ่นเย็นไม่คิดว่าลูกจะหน้าเลือดขนาดนี้น้ำสีฟ้าเคลื่อนไหวตามแรงลมแต่ก็ไม่มากพอจะให้เกิดคลื่นใหญ่เพราะมันคืออ่างน้ำจำลองไม่ใช่ทะเลที่พร้อมจะมีพายุเสมอถึงคลื่นลมจะสงบก็ตาม"มึงไม่คิดจะทำงานทำการเลยหรือไง นั่งหายใจทิ้งเป็นอาทิตย์แล้วนะ" แขกประจำของบ้านคือกองทัพที่หมั่นแวะเวียนมาหาบ่อยครั้งพ่วงด้วยภรรยาที่ท้องโตใกล้คลอด ส่งสายตาเอือมระไปให้แล้วก้าวมานั่งยังโต๊ะกลมที่มีเก้าอี้เพียงสองตัวเท่านั้น"วันนี้เมียมึงไม่มาด้วยเหรอ" เอ่ยถามเสียงเรียบไม่ได้คิดอะไรมากกว่านั้นแต่คนฟังกลับทำสีหน้าไม่ชอบ
๒๓ได้เวลาเดินหน้ารถยนต์ของชลธีจอดหน้าอาคารพาณิชย์สามชั้นแล้วลงไปทักทายบานเย็นซึ่งกำลังทำอาหารอย่างขยันขันแข็งเนื่องจากช่วงเที่ยงลูกค้ามักจะเยอะจนแน่นร้าน เขาขออนุญาตพาสองแฝดที่ว่างจากการเรียนเตรียมอนุบาลไปเที่ยวยังห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสี่เดือนที่แล้ว"บอกบัวแล้วเหรอ น้ากลัวเขาจะโวยวายถ้ากลับมาไม่เจอลูก" ถามกลับด้วยใบหน้ากังวลซึ่งเจ้าของไร่สุดหล่อก็ยิ้มจนตาปิดตอบกลับเสียงอ่อนโยน"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมโทรบอกบัวแล้ว"เมื่อรู้อย่างนั้นจึงพอจะเบาใจ แล้วให้ชลธีขึ้นไปเอาตัวสองแฝดจากด้านบนได้เลย และเมื่อภูตะวันกับศศินาเห็นคุณลุงผู้ใจดีต่างเข้ามาสวมกอดด้วยความคิดถึงแล้วจับจูงกันลงมาข้างล่างเดินไปที่รถยนต์ที่คุ้นเคย"แต่วันนี้เราไม่ได้ไปแค่สามคน ลุงพาเพื่อนมาด้วย" ระหว่างจะข้ามถนนก็ไม่ลืมบอกเด็กน้อย กลัวว่าทั้งสองจะตกใจภูตะวันขมวดคิ้วด้วยเข้ากับคนอื่นยาก ต่างจากศศินาที่ฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าเหมือนตุ๊กตาเด้งดึ๋งพอมาถึงรถ ประตูด้านหลังก็เปิดออกให้สองแฝดขึ้นไปนั่งบนคาร์ซีทที่ซื้อมาโดยเฉพาะเพื่อหลานเท่านั้น เด็กหญิงนั่งเรียบร้อยก็มองไปที่เบาะข้างคนขับซึ่งถูกจับจองโดย
๒๔มือที่สามหลังจากที่เจอกันครั้งนั้นบุลลาก็ไม่เห็นหน้าชายหนุ่มอีกเลยเกือบสัปดาห์ซึ่งก็เป็นการดีต่อหัวใจตนเองจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แค่ตอนนี้มันก็เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆกลัวว่าอีกฝ่ายจะโผล่หน้ามาให้เห็นเหมือนวันนั้นคลินิกที่เพิ่งเปิดกำลังปิดปรับปรุงอีกครั้ง เห็นคนงานเข้าออกทั้งวัน จนชักอยากเห็นหน้าเจ้าของเสียแล้วว่าเป็นใคร ทั่วอำเภอหล่อนไม่เคยเห็นคลินิกสำหรับรักษาสัตว์มาก่อน เพิ่งจะมีที่แรกจึงอดลุ้นไม่ได้ว่าจะตกแต่งออกมาเป็นอย่างไร เรียบหรูมีสไตล์สำหรับคนฐานะดี อย่างที่เคยเห็นในเมืองหลวงหรือธรรมดาทั่วไปที่ชาวบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงไปรักษาได้"แม่จ๋า หนูหิวข้าว"ตื่นเช้าวันเสาร์สองแฝดก็หอบผ้าเน่าที่ชอบนอนกอดลงมาด้วย เป็นผ้าประจำกายที่ไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด หากไม่ได้กอดจะร้องไห้ทั้งวัน เล่นเอาหล่อนแทบไม่ได้ทำอะไรต้องปลอบบุตรสาวและหาผ้าเน่าอันหมายถึงผ้าเช็ดตัวผืนบางที่ใช้สำหรับเช็ดหน้าครั้งลูกทั้งสองยังแบเบาะ"อยากกินอะไร เดี๋ยวแม่ทำให้"วันนี้บานเย็นปิดร้านเพราะกลับหมู่บ้านเพื่อไปดูแลทำความสะอาดบ้านที่ไม่ได้แวะไปเป็นเวลานาน อันที่จริงก็ทำการตกลงกันเรียบร้อยว่าภายในหนึ่งเดือนจะกลับบ้านสักคร
๒๕เจ็บแต่จบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนห้อเลือด ในอกตีกันจนไม่อาจบรรยายความรู้สึกได้เมื่ออีกฝ่ายทำราวกับว่าต้องการเข้ามาในชีวิตหล่อนอีกครั้งทั้งที่เขาพึ่งผ่านงานมงคลสมรสมา มือเล็กกำเข้าหากันก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านของตนเองแต่ช้ากว่ามือหนาที่คว้าแขนเรียวเอาไว้อย่างรวดเร็ว"จะไม่ตอบรับกันหน่อยหรือไง" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเว้าวอนจนไม่อยากจะเชื่อว่าออกมาจากปากผู้ชายห่ามๆ"ถ้าจะให้ตอบรับฉันก็บอกได้แค่ว่าอย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลย แล้วจะทำบุญกรวดน้ำไปให้" สะบัดแขนออกอย่างนึกรังเกียจกับสัมผัสที่ชวนใจวาบหวิว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่สามารถต้านเสน่ห์ที่มีในตัวร่างสูงได้เลยใบหน้าคมยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองเข้าไปในดวงตากลมโตซึ่งวาวโรจน์ราวลูกกวางตัวน้อยระวังภัย"ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอบุญที่เธอทำมาให้นะ" พูดด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้านทำเอาคนตัวเล็กนึกคำที่จะนำมาด่าไม่ออกจึงทำได้เพียงเตะเข้าที่หน้าแข้งเขาอย่างแรงก่อนจะยกมือขึ้นตบใบหน้าคมจนหันไปอีกข้างด้วยแรงโมโห..ผู้ชายแบบนี้ไม่ควรเลยที่จะแบ่งสักเสี้ยวใจให้"ถ้าไม่อยากโดนหนักกว่านี้อย่ามายุ่งกับฉันอีก" บอกเสียงเข้มแล้วหันหลังเดินขึ้นไปบนบ้านทันที
๒๖เริ่มต้นใหม่หลังเลิกงานบุลลาก็กลับบ้านทันทีเจอสองแฝดลงมาวิ่งเล่นข้างล่างเพราะบานเย็นปิดร้านจึงมีเวลาดูแลหลานที่กลับมาจากโรงเรียนเวลาบ่ายสามภูตะวันวิ่งหยอกล้อกับน้องสาวมีเพียงเสียงหัวเราะจนกระทั่งร่างสูงใหญ่ของคุณลุงที่รู้จักปรากฏขึ้นจึงเรียกเสียงดัง"ป๋า!”ร่างบางที่กำลังเช็ดโต๊ะเก็บร้านช่วยมารดาหันไปมองเห็นเสี่ยกรรชัยย่อตัวลงอ้าแขนรับสองร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดแล้วหอมแก้มกันเสียงดังจนคนมองต้องอมยิ้มรับรู้ถึงเมตตาที่ชายหนุ่มมีให้ตนเองตั้งแต่ครั้งยังตั้งท้องจนคลอดลูกออกมาก็ยังเผื่อแผ่มาถึงเด็กน้อยที่ขาดพ่อ"ป๋าหายไปไหนมา จันทร์คิดถึง” ออดอ้อนเป็นนิสัยพลางเบียดตัวเข้าไปหาสูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคย เด็กหญิงที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดารู้จักเพียงคุณลุงที่รักสองคนคือป๋าและลุงธี"ป๋าไปเร่งปั๊มน้องให้เรานั่นแหละ” หยอกทีเล่นทีจริงแต่ศศินาก็อมยิ้มยกมือขึ้นปรบด้วยความดีใจ"จริงเหรอ จันทร์จะมีน้องเหรอ” ความเข้าใจของเด็กสามขวบนึกว่าน้องจะหมายถึงตุ๊กตาที่สามารถจับแต่งตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำโดยไม่ไหวติงได้จึงนึกดีใจต่างจากภูตะวันที่ขมวดคิ้วทันที..ถ้ามีน้องความรักที่ป๋ามีให้จะลดลงหรือเปล่า"จริงสิ
๒๗ขอโทษที่เคยทำให้เสียใจถึงจะรู้ข้อมูลของคู่แข่งแต่เขาก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายเท่าไหร่ซึ่งก็เป็นการดีไม่ขัดหูขัดตาทว่านอกจากจะไม่เห็นรวีแล้วยังแทบจะไม่พบหน้าแม่ของลูกอีกด้วยและสิ่งนี้สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ยิ่งนักวันนี้หลังเลิกงานจึงคิดว่าอย่างไรต้องมารอหน้าคลินิกของตนเพื่อดักเจอบุลลาให้ได้กลับจากไร่ตั้งแต่บ่ายสามซึ่งผิดปกติยิ่งนักทำเอาลูกน้องต่างแซวระงมว่าจะไปหาสาวที่ไหนแต่ร่างสูงก็ส่ายหน้าระอาขับรถยนต์ออกมาไม่ได้ปิดฐานะของตนอย่างใดและก็ดีที่ไม่มีคนมาถามให้มากความกลัวจะได้รับสายตาพิฆาตรถรับส่งนักเรียนมาจอดตรงเวลาก่อนที่ลูกน้อยจะลงมาอย่างร่าเริงทำเอาใบหน้าคมยกยิ้มกำลังจะเดินออกไปหาสองแฝดแต่เท้าก็หยุดชะงักเสียก่อนเพราะร่างบางซึ่งมีสถานะเป็นแม่ของลูกเดินมารับ คิ้วหนาเลิกขึ้นเข้าใจว่าหญิงสาวยังไม่เลิกงานเสียอีก"แม่ขา” เด็กหญิงโผกอดมารดาที่ย่อลงมารับขึ้นไปอุ้มซึ่งตอนนี้ดูท่าเริ่มจะอุ้มไม่ไหวเพราะพระจันทร์ดวงน้อยกลมโตเสียเหลือเกิน "จันทร์คิดถึงแม่” เมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นก็ซุกใบหน้าลงซอกคอหอมที่ชอบดมขณะที่พี่ชายจับมือบุลลาเอาไว้พลางทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักจนคน
๒๘ไม่ได้ใจเธอเสียทีทั้งวันเด็กน้อยทั้งสองสนุกกับการอยู่ในฟาร์มจนรบเร้าให้คุณลุงพากลับมาเล่นที่นี่อีกซึ่งร่างสูงก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพราะต้องการใกล้ชิดกับบุตรของตนเอง มองใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของฝาแฝดก็อิ่มเอมใจสัมผัสกับคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริงจนอยากกลับเข้าไปในชีวิตของบุลลาอีกครั้งถึงจะยากมากแค่ไหนเขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หล่อนอภัยกับความผิดพลาดยิ่งใหญ่ของตนจงได้รถยนต์จอดหน้าคลินิกรักษาสัตว์ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายอาหารตามสั่งก่อนหันมามองหลังรถที่ตอนนี้มีพระอาทิตย์กับพระจันทร์ดวงน้อยนอนหลับปุ๋ยใบหน้าคมยกยิ้มเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนพี่ก่อนจะเผื่อแผ่ความอบอุ่นมายังคนน้องกระทั่งได้ยินเสียงเคาะกระจกรถยนต์เขาจึงหันมามองพบใบหน้าหวานของบุลลาที่จ้องทะลุกระจกดำเข้ามาทำเอาต้องรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็วพลางฉีกยิ้มอย่างไม่เคยเป็นทำเอาร่างบางขมวดคิ้วด้วยความฉงน"ฉันมารับลูก” บอกเสียงเรียบพยายามมองข้ามดวงตาซึ่งเป็นประกายของร่างสูงก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังทว่าถูกมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน"พี่อยากคุยด้วย”สรรพนามของเขาสร้างปฏิกิริยากับใจของหล่อนจนรู้สึกคันยุบยิบราวมีมดเดินอยู่ในนั
๒๙ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญหลายวันต่อมาพณณกรได้รับอนุญาตให้ไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนยังความดีใจแก่เด็กชายภูตะวันและเด็กหญิงศศินาเป็นอย่างยิ่งโดยไม่รู้สถานะที่แท้จริงว่าบิดาซึ่งเคยถามถึงคือคุณลุงแสนใจดีในสายตาของเด็กน้อยนั่นเองดวงตาคมชะเง้อคอยอยู่หน้าร้านหวังเห็นลูกเดินลงมาพร้อมหญิงที่เฝ้าคิดถึงทว่าต้องผิดหวังเมื่อบานเย็นจูงหลานลงมาแทนใบหน้าคมยกยิ้มให้บุตรขณะที่เด็กหญิงรีบวิ่งมาจับมือคุณลุงพลางยิ้มแก้มปริไม่ต่างจากเด็กชายซึ่งคุ้นเคยกับร่างสูงรีบคว้ามืออีกข้างที่ว่างทันที"ป่ะ ไปโรงเรียนกัน” เขาค้อมศีรษะให้บานเย็นแล้วพาลูกเดินออกจากร้านไม่วายหันมามองหวังจะเห็นใบหน้าหวานก็ต้องผิดหวังพาลูกไปยังโรงเรียนเตรียมอนุบาลซึ่งอยู่ใกล้บ้านแทนบุลลาที่แอบอยู่บนชั้นสองก็ค่อยๆเปิดม่านแอบมองเขาอุ้มลูกขึ้นรถก่อนจะรีบปิดม่านลงเพราะใบหน้าคมเงยขึ้นมามองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อคิดว่าเขาคงไม่เห็นตนหลายวันที่ผ่านมาถึงจะตกลงกับเขาแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมทำตามข้อตกลงเรื่องสถานะ เขาเริ่มใช้ความเป็นพ่อเป็นข้ออ้างมายังร้านของหล่อนตามใจชอบ ทั้งมาเสิร์ฟอาหารช่วยจนหลายวันก่อนมีลูกค้าผ
ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย กำหนดการงานแต่งของลูกสาวเจ้าของไร่มีขึ้นสองเดือนข้างหน้า หล่อนตื่นเต้นยกใหญ่เตรียมงานแต่เนิ่นโดยมีมารดาคอยให้คำแนะนำ ต่างจากบิดาที่มักพูดว่าถ้ามันยากมากก็ไม่ต้องแต่งหรอกลูก พ่อไม่ได้อับอายสักนิดถ้าจะยกเลิก ทำเอาทั้งลูกทั้งแม่ต้องเล่นงานคนเป็นพ่อจนแทบไม่สามารถเข้าบ้านได้ ภูตะวันออกมาทำงานแต่เช้า เห็นว่าวันนี้มีกองละครมาถ่ายทำที่ไร่ ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงได้จองทั้งไร่รุ่งอรุณและรีสอร์ทของไร่ที่สร้างมาสิบกว่าปี เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ได้ประมาณสี่ถึงห้าคน ยาวเรียงกันกว่าสิบหลังทำให้เพียงพอต่อความต้องการ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงขาดเข่า หมวกสานปีกกว้างป้องกันใบหน้าคมจากแดดทำเอาคนมองแทบไม่รู้ว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ที่จะมารับกิจการต่อจากบิดา การต้อนรับคนจากข้างนอกไม่ใช่งานของตนเองอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจคนที่มาจากกองละครมากนัก ช่วงนี้ส้มกำลังออกผลเต็มต้นต้องเร่งตัดส่ง ส่วนมากจะวางขายในห้างสรรพสินค้าและส่งออกต่างประเทศ มีขายหน้าไร่บ้างและก็นำไปแปรรูป จะไม่มีผลไม้ตกค้างในสวนให้เน่าทิ้งหรือเสียเปล่า
ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์ เอกสารขออนุญาตถ่ายละครที่ไร่รุ่งอรุณถูกยื่นให้ร่างสูงซึ่งก้าวเข้ามาในสำนักงาน มือหนาคว้าไปอ่านอย่างละเอียดค่อยจรดปลายปากกาลงไปแล้วส่งกลับพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาสาวเจ้าเขินม้วนไม่ชินกับความอบอุ่นที่ลูกชายเจ้าของไร่มอบให้สักที ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน ช่างแตกต่างจากคนเป็นพ่อเหลือเกิน ราวกับว่าได้ลุงธีมาเต็มๆ เสียแต่ว่าการแต่งตัวที่ออกจะมอซอไปสักเล็กน้อย หากเป็นคนนอกก็คงคิดว่าชายหนุ่มคือคนงานทั่วไป ไม่ใช่ทายาทเจ้าของไร่แสนใหญ่โตแห่งนี้ เดินไปหยิบเอกสารสำหรับจัดงานฉลองประจำปีของไร่ เขาต้องไปพูดคุยกับนายอำเภอ ทั้งไปหาเกษตรอำเภอสอบถามเกี่ยวกับการปลูกผลไม้เมืองหนาวทั้งที่อากาศจังหวัดนี้ร้อนแทบทั้งปี “พี่ตะวัน!” สะดุ้งเมื่อมีมือมาจับที่ไหล่พร้อมตะโกนเสียงดังข้างหู พอหันไปก็พบน้องชายตัวแสบที่ยิ้มหน้าแป้นแล้น ภูตะวัน วิจิตรประภา ชายหนุ่มรูปงามแห่งไร่รุ่งอรุณ ใบหน้าคมคายได้พ่อมาเต็มๆ ส่วนนิสัยนั้นอ่อนโยนจนคนงานผู้หญิงพากันทอดสะพานให้เต็มที่ หวังเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ โดนขายขนมจีบไม่เว้นวันก
พิเศษ...ไปรยา ชนาธิปความรักสำหรับคนอื่นคือใครเขาไม่รู้ แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยมีใครมองจนได้เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงมองเห็นตัวเองบ้าง และวันที่เข้ากิจกรรมของคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ครั้งแรกหัวใจที่เคยสงบนิ่งกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านวินาทีนั้นเหมือนมีแสงสว่างส่องไปทั่วร่างของเธอจนสายตาเขาพร่าไปหมด ออร่าที่แสบตาจนไม่อาจมองได้ต้องหันหน้าไปทางอื่น พลันหล่อนกลับเดินมานั่งข้างเขาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง“สวัสดี อืม ชื่อฟลุ๊คเหรอ เราหนึ่งนะ” ใบหน้าหวานก้มมองป้ายชื่อของเขาแล้วส่งยิ้มทักทาย“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากนั้นเธอก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นปล่อยเขาแอบมองอยู่ฝ่ายเดียว และสังเกตเห็นว่าดวงตากลมโตมักจะชอบวนเวียนอยู่ที่ผู้ชายมาใหม่คนหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอและเป็นชายซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ เป็นที่หมายปองของหญิงสาวคนอื่นพณณกร วิจิตรประภาทายาทตระกูลดัง นอกจากจะหน้าตาดียังฐานะร่ำรวยอีกต่างหาก เขาได้แต่เก็บความอิจฉาไว้ภายในใจเฝ้ามองไปรยาที่แอบรักข้างเดียวด้วยความเสียใจ อยากจะเข้าไปปลอบยามหญิงสาวร้องไห้ก็ไม่กล้าจนกระทั่งฟ้าเป็นใจงานเลี้ยงสายรหัส
๗หลังจากที่ผ่านค่ำคืนแสนหวานคู่สามีภรรยาก็นอนกอดกันอยู่ภายในมุ้ง แขนแกร่งกระชับเอวบางจนแผ่นหลังเธอชิดอกเขา ดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวยก่อนที่บุลลาจะพลิกตัวมาเพื่อซบใบหน้าที่แผงอกหนาพร้อมพรมจูบไปทั่วและนั่นทำให้สัญชาตญาณเสือร้ายผุดออกมาทันที เขาขึ้นคร่อมเธอเอาไว้จับกดพร้อมกับพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นผืนน้ำ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่ชายหญิงคู่นี้กลับผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่ยอมแพ้กันและกันไม่บ่อยนักที่จะได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ปลดปล่อยอารมณ์โดยไม่ต้องกลัวลูกได้ยินหรือตื่นตอนดึก พวกเขาทำตามใจปรารถนาไม่สนว่าใครจะได้ยินหรือไม่ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้เก็บเสียง ยิ่งเมื่อคืนที่พณณกรโยกตัวจนเตียงเกือบหัก บ้านแทบพังทำเอาบุลลาต้องตีเขาไปหลายรอบในความบ้าระห่ำ จนชายหนุ่มถามกลับว่าใครเล่าที่เรียกร้องหล่อนจึงปิดปากเงียบก็เธอเป็นคนร้องขอให้เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกแท้ๆ จะว่าได้อย่างไรเล่า“อือ พอแล้วค่ะ” ลุกขึ้นมาทำอาหารยามสายไว้รับประทานกันสองคนโดยมีร่างสูงคลอเคลียอยู่ด้านหลังไม่ห่าง เสื้อยืดตัวเล็กและกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาถูกสวมบนร่างกายทว่าไม่มีชั้นในปกปิดเลยสักชิ้นและตอนนี้มือหนาก็กำลังเลื้อยเข้าไปภายใต
๖การไปพักผ่อนครั้งนี้แม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบท่าเรือก่อนคุณลุงคนขับรถจะลงไปยกกระเป๋าด้านหลังออกมา ดวงตากลมโตมองเรือที่เทียบท่าก็ตาลุกวาวเพราะเคยเห็นจากในละครเท่านั้นไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ด้วยตาของตนเอง แถมที่หัวเรือยังเขียนชื่อของบริษัทใหญ่ ตระกูลดังเอาไว้อีกด้วย พณณกรถือกระเป๋าเดินมาคว้ามือภรรยาเอาไว้แล้วบังคับให้เดินตามมาไม่บอกกล่าวอะไรสักนิด“มีแต่เรือหรูๆ ทั้งนั้นเลย” พึมพำเสียงเบาขณะที่คิดได้ว่าสามีของตัวเองก็เป็นคนในตระกูลดังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเรือของบ้านเขาจอดไว้น่ะสิคิดพลางยิ้มกริ่มเมื่อวาดภาพว่าตัวเองจะต้องได้นั่งจิบไวน์อยู่บนเรือหรู มองท้องฟ้าสีคราม ผืนน้ำสีน้ำเงินด้วยความสุขแน่นอุรา ยอมเดินตามแรงดึงจนกระทั่งผ่านพ้นเรือหรูมาลำแล้วลำเล่าก็เหมือนจะไม่ถึงสักที ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์“จะเดินไปถึงมาเลเซียเลยไหมคะ” อดประชดไม่ได้จนคนนำหน้าหันมายิ้มที่ภรรยาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตั้งเมื่อคืนหล่อนเอาแต่กอดเขาแน่นทั้งยังตอนเช้าที่มองตามตาละห้อย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างไม่
๕บุลลากำลังเล่นกับฝาแฝดทั้งสองโดยมีเหล่าแม่บ้านคอยช่วยเหลือเนื่องจากหลงเสน่ห์ของเด็กน้อย อันที่จริงคุณดาริกาก็ชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกรุงแต่เพราะงานรัดตัวที่ไร่ ทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่เริ่มแก่ตัวลงทุกวันจำต้องปฏิเสธไป ตอนนี้เธอติดไร่มากกว่าแสงสีในเมืองหลวงเสียแล้วแต่ถ้าพณณกรจะกลับมาอยู่ที่นี่หล่อนก็คงตามมาด้วยเพราะไม่สามารถแยกจากสามีได้อีกแล้ว ในขณะที่กำลังมองดูบุตรสาวสิ่งไล่กับพี่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์แปลกที่โชว์หราทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที หลังจากที่ลาออกจากงานก็ไม่ค่อยมีใครโทรมาทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่าปลายสายคือใครร่างบางแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ"'ว่าไงบัว ไม่เจอกันนานสบายดีไหม' เสียงเข้มที่เอ่ยทักทายทำเอาหล่อนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเพราะจำน้ำเสียงไม่ได้"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ" ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือจะเป็นลูกน้องเก่าที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณรวี ทว่าฝ่ายนั้นแทบไม่ได้ติดต่อมาเลยตอนนี้เห็นว่าโดนทางบ้านจับแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย'อะไรกัน จำเสียงแฟนเก่าไม่ได้หรือไง' เอ่ยเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ชัดวาบ
๔ท้องฟ้าทาทับด้วยสีดำสองร่างที่นอนกอดก่ายกันจึงตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงโทรศัพท์แผดดังลั่นห้อง มือหนาควานหาเสียงเจ้าปัญหาพบว่ามารดาเป็นคนโทรมา หากเป็นคนอื่นคงโดนสัตวแพทย์หนุ่มด่าเปิงแล้วแต่เพราะเป็นมารดาที่เคารพจึงค่อยยันกายลุกขึ้นนั่งปล่อยให้ร่างเล็กนอนหลับ"ครับแม่" เขาลุกขึ้นสวมกางเกงชั้นในก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างแล้วค่อยรับสายพลางเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ'วันนี้กลับบ้านไหม' ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว"คงไม่กลับครับ ยังไงฝากเด็กแฝดด้วยนะแม่" เขากะจะพาภรรยาไปเดินเล่มริมหาดแล้วใช้เวลาด้วยกันสองคนสักหน่อย'เดี๋ยวแม่ดูให้' ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงเล็กแทรกขึ้นมาก่อนจนเผลอยกยิ้มอย่างเอ็นดู ท่าทางศศินาจะป่วนบ้านเสียแล้ว'พ่อขา ไหนบอกจะพาไปเคเค' โวยวายทันทีหากอยู่ตรงหน้าคาดว่าบุตรสาวคงกำลังยกมือขึ้นกอดอกแล้วยู่ปากทำท่าทางขัดใจเป็นแน่"พ่อขอโทษนะลูก เดี๋ยวกลับไปจะไถ่โทษนะ" พยายามทำให้ปลายสายอารมณ์ดีซึ่งจันทร์เจ้าก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกทันที'ค่ะ กลับมาต้องพาไปเคเคนะ' "ครับ" คุยกันอีกสักพักจึงวางสาย ร่างสูงเดินไป
๓แสงจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่เคยมืดทึบให้สว่างจนคนที่กำลังหลับใหลต้องลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วมองที่ข้างกายซึ่งว่างเปล่าและเย็นชืดทำให้รู้ว่าหล่อนคงลุกจากเตียงนอนไปนานแล้ว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีพลางมองหาโทรศัพท์ที่บุลลามักจะเอาไว้บนห้องเสมอก็ไม่พบไหนจะกระเป๋าหรือของสำคัญบางอย่างกลับสูญหาย"ไปไหนวะ" เกาศีรษะด้วยความเครียดแล้วรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้เวลาเร็วที่สุดในชีวิต เมื่อคืนพวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเลยและร่างบางยังนอนหันหลังให้ไม่สนใจสักนิดว่าสามีต้องนอนตาแข็งทั้งคืนเพราะได้แต่มองทว่าจับต้องไม่ได้เลย"พ่อจ๋า" ร่างสูงของสัตวแพทย์หนุ่มเดินลงมาข้างล่างลูกสาวก็โผเข้ากอดขาทันทีจนต้องย่อตัวลงไปอุ้มขึ้นมา แก้มกลมมีซอสเลอะจนต้องเอามือเช็ดออกให้พลางอมยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่เคยคิดว่าจะรักเด็กกระทั่งวันที่มีลูกเขาเลยรู้ว่าอีกครึ่งชีวิตที่เหลือนอกจากให้บุลลาแล้วก็มอบให้ลูกสาวและลูกชายจนหมดอานุภาพของคำว่าพ่อช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน"ว่าไงคะ" เอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน หากเป็นแต่ก่อนไม่มีเสียหรอกที่คนอย่างนายพณณกรจะมาพูดจาคะขากับผู้หญิง แต่ตอนนี้เห็นจะมียกเว้นก็คือบุตรสาวคนเดียวเนี่ยแหละ ต่อให้จะ
๒และแล้ววันงานเลี้ยงรุ่นก็มาถึง สองแฝดอยู่ในความดูแลของคุณปู่คุณย่าทำให้เบาใจไปได้เปราะหนึ่งทว่าคนเป็นแม่ก็อดจะห่วงลูกไม่ได้ กว่าจะออกจากบ้านก็ใช้เวลาพอสมควรในขณะที่ใบหน้าคมก็จ้องภรรยาไม่วางตาเนื่องด้วยความสวยที่ยิ่งอายุเยอะกลับผุดผ่องยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีกคิดแล้วก็หวงหนักกว่าเดิมไม่อยากให้ใครได้มองหรือเชยชม บางทีเขาอาจจะต้องคิดเรื่องให้บุลลาอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเสียแล้ว ระหว่างติดอยู่บนถนนหล่อนก็เอ่ยถามเรื่องสมัยเรียนของเขาบ้างจึงได้รู้ว่าพณณกรเข้าศึกษาที่โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังของประเทศ“พี่ฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ” มองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักจนเขาต้องเพิ่มความมั่นใจด้วยคำบอกเล่า“เกรดเฉลี่ยพี่ไม่เคยต่ำกว่าสามจุดห้านะครับ สอบเข้ามหาวิทยาลัยคะแนนก็ติดท็อปสามนะ” อวดจนหล่อนต้องส่ายหน้ามองเขาอย่างตกตะลึง“อะไร ไม่เชื่อเหรอ”“มันเหลือเชื่อยิ่งกว่านาซ่าส่งคนไปดาวอังคารอีก” ร่างสูงโคลงศีรษะแล้วยกมือขึ้นโยกหัวอีกฝ่ายเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ผมเสียทรง“ดูถูกกันเกินไปแล้ว” การกระทำเล็กน้อยแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นทำเอาบุลลาแอบใจเต้นแรงทั้งที่เป็นสามีภรรยาอันที่จริงพวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันเพียงแค่สามเดือน