๒๓ได้เวลาเดินหน้ารถยนต์ของชลธีจอดหน้าอาคารพาณิชย์สามชั้นแล้วลงไปทักทายบานเย็นซึ่งกำลังทำอาหารอย่างขยันขันแข็งเนื่องจากช่วงเที่ยงลูกค้ามักจะเยอะจนแน่นร้าน เขาขออนุญาตพาสองแฝดที่ว่างจากการเรียนเตรียมอนุบาลไปเที่ยวยังห้างสรรพสินค้าแห่งใหม่เพิ่งเปิดตัวเมื่อสี่เดือนที่แล้ว"บอกบัวแล้วเหรอ น้ากลัวเขาจะโวยวายถ้ากลับมาไม่เจอลูก" ถามกลับด้วยใบหน้ากังวลซึ่งเจ้าของไร่สุดหล่อก็ยิ้มจนตาปิดตอบกลับเสียงอ่อนโยน"เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงครับ ผมโทรบอกบัวแล้ว"เมื่อรู้อย่างนั้นจึงพอจะเบาใจ แล้วให้ชลธีขึ้นไปเอาตัวสองแฝดจากด้านบนได้เลย และเมื่อภูตะวันกับศศินาเห็นคุณลุงผู้ใจดีต่างเข้ามาสวมกอดด้วยความคิดถึงแล้วจับจูงกันลงมาข้างล่างเดินไปที่รถยนต์ที่คุ้นเคย"แต่วันนี้เราไม่ได้ไปแค่สามคน ลุงพาเพื่อนมาด้วย" ระหว่างจะข้ามถนนก็ไม่ลืมบอกเด็กน้อย กลัวว่าทั้งสองจะตกใจภูตะวันขมวดคิ้วด้วยเข้ากับคนอื่นยาก ต่างจากศศินาที่ฉีกยิ้มกว้างพยักหน้าเหมือนตุ๊กตาเด้งดึ๋งพอมาถึงรถ ประตูด้านหลังก็เปิดออกให้สองแฝดขึ้นไปนั่งบนคาร์ซีทที่ซื้อมาโดยเฉพาะเพื่อหลานเท่านั้น เด็กหญิงนั่งเรียบร้อยก็มองไปที่เบาะข้างคนขับซึ่งถูกจับจองโดย
๒๔มือที่สามหลังจากที่เจอกันครั้งนั้นบุลลาก็ไม่เห็นหน้าชายหนุ่มอีกเลยเกือบสัปดาห์ซึ่งก็เป็นการดีต่อหัวใจตนเองจะได้ไม่ต้องทำงานหนัก แค่ตอนนี้มันก็เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆกลัวว่าอีกฝ่ายจะโผล่หน้ามาให้เห็นเหมือนวันนั้นคลินิกที่เพิ่งเปิดกำลังปิดปรับปรุงอีกครั้ง เห็นคนงานเข้าออกทั้งวัน จนชักอยากเห็นหน้าเจ้าของเสียแล้วว่าเป็นใคร ทั่วอำเภอหล่อนไม่เคยเห็นคลินิกสำหรับรักษาสัตว์มาก่อน เพิ่งจะมีที่แรกจึงอดลุ้นไม่ได้ว่าจะตกแต่งออกมาเป็นอย่างไร เรียบหรูมีสไตล์สำหรับคนฐานะดี อย่างที่เคยเห็นในเมืองหลวงหรือธรรมดาทั่วไปที่ชาวบ้านสามารถนำสัตว์เลี้ยงไปรักษาได้"แม่จ๋า หนูหิวข้าว"ตื่นเช้าวันเสาร์สองแฝดก็หอบผ้าเน่าที่ชอบนอนกอดลงมาด้วย เป็นผ้าประจำกายที่ไม่ว่าใครก็ห้ามยุ่งเด็ดขาด หากไม่ได้กอดจะร้องไห้ทั้งวัน เล่นเอาหล่อนแทบไม่ได้ทำอะไรต้องปลอบบุตรสาวและหาผ้าเน่าอันหมายถึงผ้าเช็ดตัวผืนบางที่ใช้สำหรับเช็ดหน้าครั้งลูกทั้งสองยังแบเบาะ"อยากกินอะไร เดี๋ยวแม่ทำให้"วันนี้บานเย็นปิดร้านเพราะกลับหมู่บ้านเพื่อไปดูแลทำความสะอาดบ้านที่ไม่ได้แวะไปเป็นเวลานาน อันที่จริงก็ทำการตกลงกันเรียบร้อยว่าภายในหนึ่งเดือนจะกลับบ้านสักคร
๒๕เจ็บแต่จบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนห้อเลือด ในอกตีกันจนไม่อาจบรรยายความรู้สึกได้เมื่ออีกฝ่ายทำราวกับว่าต้องการเข้ามาในชีวิตหล่อนอีกครั้งทั้งที่เขาพึ่งผ่านงานมงคลสมรสมา มือเล็กกำเข้าหากันก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านของตนเองแต่ช้ากว่ามือหนาที่คว้าแขนเรียวเอาไว้อย่างรวดเร็ว"จะไม่ตอบรับกันหน่อยหรือไง" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเว้าวอนจนไม่อยากจะเชื่อว่าออกมาจากปากผู้ชายห่ามๆ"ถ้าจะให้ตอบรับฉันก็บอกได้แค่ว่าอย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลย แล้วจะทำบุญกรวดน้ำไปให้" สะบัดแขนออกอย่างนึกรังเกียจกับสัมผัสที่ชวนใจวาบหวิว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่สามารถต้านเสน่ห์ที่มีในตัวร่างสูงได้เลยใบหน้าคมยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองเข้าไปในดวงตากลมโตซึ่งวาวโรจน์ราวลูกกวางตัวน้อยระวังภัย"ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอบุญที่เธอทำมาให้นะ" พูดด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้านทำเอาคนตัวเล็กนึกคำที่จะนำมาด่าไม่ออกจึงทำได้เพียงเตะเข้าที่หน้าแข้งเขาอย่างแรงก่อนจะยกมือขึ้นตบใบหน้าคมจนหันไปอีกข้างด้วยแรงโมโห..ผู้ชายแบบนี้ไม่ควรเลยที่จะแบ่งสักเสี้ยวใจให้"ถ้าไม่อยากโดนหนักกว่านี้อย่ามายุ่งกับฉันอีก" บอกเสียงเข้มแล้วหันหลังเดินขึ้นไปบนบ้านทันที
๒๖เริ่มต้นใหม่หลังเลิกงานบุลลาก็กลับบ้านทันทีเจอสองแฝดลงมาวิ่งเล่นข้างล่างเพราะบานเย็นปิดร้านจึงมีเวลาดูแลหลานที่กลับมาจากโรงเรียนเวลาบ่ายสามภูตะวันวิ่งหยอกล้อกับน้องสาวมีเพียงเสียงหัวเราะจนกระทั่งร่างสูงใหญ่ของคุณลุงที่รู้จักปรากฏขึ้นจึงเรียกเสียงดัง"ป๋า!”ร่างบางที่กำลังเช็ดโต๊ะเก็บร้านช่วยมารดาหันไปมองเห็นเสี่ยกรรชัยย่อตัวลงอ้าแขนรับสองร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดแล้วหอมแก้มกันเสียงดังจนคนมองต้องอมยิ้มรับรู้ถึงเมตตาที่ชายหนุ่มมีให้ตนเองตั้งแต่ครั้งยังตั้งท้องจนคลอดลูกออกมาก็ยังเผื่อแผ่มาถึงเด็กน้อยที่ขาดพ่อ"ป๋าหายไปไหนมา จันทร์คิดถึง” ออดอ้อนเป็นนิสัยพลางเบียดตัวเข้าไปหาสูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคย เด็กหญิงที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดารู้จักเพียงคุณลุงที่รักสองคนคือป๋าและลุงธี"ป๋าไปเร่งปั๊มน้องให้เรานั่นแหละ” หยอกทีเล่นทีจริงแต่ศศินาก็อมยิ้มยกมือขึ้นปรบด้วยความดีใจ"จริงเหรอ จันทร์จะมีน้องเหรอ” ความเข้าใจของเด็กสามขวบนึกว่าน้องจะหมายถึงตุ๊กตาที่สามารถจับแต่งตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำโดยไม่ไหวติงได้จึงนึกดีใจต่างจากภูตะวันที่ขมวดคิ้วทันที..ถ้ามีน้องความรักที่ป๋ามีให้จะลดลงหรือเปล่า"จริงสิ
๒๗ขอโทษที่เคยทำให้เสียใจถึงจะรู้ข้อมูลของคู่แข่งแต่เขาก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายเท่าไหร่ซึ่งก็เป็นการดีไม่ขัดหูขัดตาทว่านอกจากจะไม่เห็นรวีแล้วยังแทบจะไม่พบหน้าแม่ของลูกอีกด้วยและสิ่งนี้สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ยิ่งนักวันนี้หลังเลิกงานจึงคิดว่าอย่างไรต้องมารอหน้าคลินิกของตนเพื่อดักเจอบุลลาให้ได้กลับจากไร่ตั้งแต่บ่ายสามซึ่งผิดปกติยิ่งนักทำเอาลูกน้องต่างแซวระงมว่าจะไปหาสาวที่ไหนแต่ร่างสูงก็ส่ายหน้าระอาขับรถยนต์ออกมาไม่ได้ปิดฐานะของตนอย่างใดและก็ดีที่ไม่มีคนมาถามให้มากความกลัวจะได้รับสายตาพิฆาตรถรับส่งนักเรียนมาจอดตรงเวลาก่อนที่ลูกน้อยจะลงมาอย่างร่าเริงทำเอาใบหน้าคมยกยิ้มกำลังจะเดินออกไปหาสองแฝดแต่เท้าก็หยุดชะงักเสียก่อนเพราะร่างบางซึ่งมีสถานะเป็นแม่ของลูกเดินมารับ คิ้วหนาเลิกขึ้นเข้าใจว่าหญิงสาวยังไม่เลิกงานเสียอีก"แม่ขา” เด็กหญิงโผกอดมารดาที่ย่อลงมารับขึ้นไปอุ้มซึ่งตอนนี้ดูท่าเริ่มจะอุ้มไม่ไหวเพราะพระจันทร์ดวงน้อยกลมโตเสียเหลือเกิน "จันทร์คิดถึงแม่” เมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นก็ซุกใบหน้าลงซอกคอหอมที่ชอบดมขณะที่พี่ชายจับมือบุลลาเอาไว้พลางทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักจนคน
๒๘ไม่ได้ใจเธอเสียทีทั้งวันเด็กน้อยทั้งสองสนุกกับการอยู่ในฟาร์มจนรบเร้าให้คุณลุงพากลับมาเล่นที่นี่อีกซึ่งร่างสูงก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพราะต้องการใกล้ชิดกับบุตรของตนเอง มองใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของฝาแฝดก็อิ่มเอมใจสัมผัสกับคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริงจนอยากกลับเข้าไปในชีวิตของบุลลาอีกครั้งถึงจะยากมากแค่ไหนเขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หล่อนอภัยกับความผิดพลาดยิ่งใหญ่ของตนจงได้รถยนต์จอดหน้าคลินิกรักษาสัตว์ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายอาหารตามสั่งก่อนหันมามองหลังรถที่ตอนนี้มีพระอาทิตย์กับพระจันทร์ดวงน้อยนอนหลับปุ๋ยใบหน้าคมยกยิ้มเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนพี่ก่อนจะเผื่อแผ่ความอบอุ่นมายังคนน้องกระทั่งได้ยินเสียงเคาะกระจกรถยนต์เขาจึงหันมามองพบใบหน้าหวานของบุลลาที่จ้องทะลุกระจกดำเข้ามาทำเอาต้องรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็วพลางฉีกยิ้มอย่างไม่เคยเป็นทำเอาร่างบางขมวดคิ้วด้วยความฉงน"ฉันมารับลูก” บอกเสียงเรียบพยายามมองข้ามดวงตาซึ่งเป็นประกายของร่างสูงก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังทว่าถูกมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน"พี่อยากคุยด้วย”สรรพนามของเขาสร้างปฏิกิริยากับใจของหล่อนจนรู้สึกคันยุบยิบราวมีมดเดินอยู่ในนั
๒๙ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญหลายวันต่อมาพณณกรได้รับอนุญาตให้ไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนยังความดีใจแก่เด็กชายภูตะวันและเด็กหญิงศศินาเป็นอย่างยิ่งโดยไม่รู้สถานะที่แท้จริงว่าบิดาซึ่งเคยถามถึงคือคุณลุงแสนใจดีในสายตาของเด็กน้อยนั่นเองดวงตาคมชะเง้อคอยอยู่หน้าร้านหวังเห็นลูกเดินลงมาพร้อมหญิงที่เฝ้าคิดถึงทว่าต้องผิดหวังเมื่อบานเย็นจูงหลานลงมาแทนใบหน้าคมยกยิ้มให้บุตรขณะที่เด็กหญิงรีบวิ่งมาจับมือคุณลุงพลางยิ้มแก้มปริไม่ต่างจากเด็กชายซึ่งคุ้นเคยกับร่างสูงรีบคว้ามืออีกข้างที่ว่างทันที"ป่ะ ไปโรงเรียนกัน” เขาค้อมศีรษะให้บานเย็นแล้วพาลูกเดินออกจากร้านไม่วายหันมามองหวังจะเห็นใบหน้าหวานก็ต้องผิดหวังพาลูกไปยังโรงเรียนเตรียมอนุบาลซึ่งอยู่ใกล้บ้านแทนบุลลาที่แอบอยู่บนชั้นสองก็ค่อยๆเปิดม่านแอบมองเขาอุ้มลูกขึ้นรถก่อนจะรีบปิดม่านลงเพราะใบหน้าคมเงยขึ้นมามองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อคิดว่าเขาคงไม่เห็นตนหลายวันที่ผ่านมาถึงจะตกลงกับเขาแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมทำตามข้อตกลงเรื่องสถานะ เขาเริ่มใช้ความเป็นพ่อเป็นข้ออ้างมายังร้านของหล่อนตามใจชอบ ทั้งมาเสิร์ฟอาหารช่วยจนหลายวันก่อนมีลูกค้าผ
๓๐ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยที่แผนการยังไม่เดินหน้าแม้แต่น้อยเนื่องจากปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางคือบิดามารดาของพณณกรที่ตอนนี้ได้ทำการซื้อบ้านจัดสรรใกล้อาคารพาณิชย์ที่เขาอาศัยโดยให้เหตุผลว่าต้องการใกล้ชิดกับหลานทำเอาร่างสูงต้องกุมขมับอีกครั้งเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสสำหรับเด็กน้อยกลับมืดมนในความคิดของสัตวแพทย์หนุ่ม เขาลางานในฟาร์มโดยจัดแจงหน้าที่ให้คนงานเป็นที่เรียบร้อยเพื่อปฏิบัติการโผล่หน้ามาให้ว่าที่เมียในอนาคตเห็น“รับอะไรดีครับ" พนักงานจำเป็นเดินถือสมุดขนาดเล็กไปถามเมนูจากลูกค้าหญิงสองคนซึ่งเพียงแค่สบดวงตาคมก็ทำเอาแก้มแดงอย่างไม่อาจห้ามได้ เขาว่ายิ่งอายุเยอะเสน่ห์ยิ่งแรงท่าจะจริงเพราะตอนนี้ร้านอาหารคลาคล่ำไปด้วยลูกค้าสาวจนแทบไม่มีโต๊ะให้นั่งบุลลาที่เพิ่งพาลูกลงมาเล่นข้างล่างชะงักขาพลันใบหน้าบึ้งตึงทันทียามเห็นรอยยิ้มกว้างมอบให้ผู้หญิงที่กำลังสั่งอาหาร เคยไล่เขาแล้วครั้งหนึ่งแต่ร่างสูงก็หน้าหนาเกินทนเพราะวันต่อมายังเอาใบหน้าหล่อเหลาพร้อมแววตาทรงชวนละลายมาให้เห็น“รอสักครู่นะครับ” รับรายการอาหารแล้วไปยื่นให้บานเย็นที่ขะมักเขม้นกับการเป็นแม่ครัวไม่นานคุณพสุธาก็เ