๒๘ไม่ได้ใจเธอเสียทีทั้งวันเด็กน้อยทั้งสองสนุกกับการอยู่ในฟาร์มจนรบเร้าให้คุณลุงพากลับมาเล่นที่นี่อีกซึ่งร่างสูงก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพราะต้องการใกล้ชิดกับบุตรของตนเอง มองใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของฝาแฝดก็อิ่มเอมใจสัมผัสกับคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริงจนอยากกลับเข้าไปในชีวิตของบุลลาอีกครั้งถึงจะยากมากแค่ไหนเขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หล่อนอภัยกับความผิดพลาดยิ่งใหญ่ของตนจงได้รถยนต์จอดหน้าคลินิกรักษาสัตว์ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายอาหารตามสั่งก่อนหันมามองหลังรถที่ตอนนี้มีพระอาทิตย์กับพระจันทร์ดวงน้อยนอนหลับปุ๋ยใบหน้าคมยกยิ้มเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนพี่ก่อนจะเผื่อแผ่ความอบอุ่นมายังคนน้องกระทั่งได้ยินเสียงเคาะกระจกรถยนต์เขาจึงหันมามองพบใบหน้าหวานของบุลลาที่จ้องทะลุกระจกดำเข้ามาทำเอาต้องรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็วพลางฉีกยิ้มอย่างไม่เคยเป็นทำเอาร่างบางขมวดคิ้วด้วยความฉงน"ฉันมารับลูก” บอกเสียงเรียบพยายามมองข้ามดวงตาซึ่งเป็นประกายของร่างสูงก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังทว่าถูกมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน"พี่อยากคุยด้วย”สรรพนามของเขาสร้างปฏิกิริยากับใจของหล่อนจนรู้สึกคันยุบยิบราวมีมดเดินอยู่ในนั
๒๙ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญหลายวันต่อมาพณณกรได้รับอนุญาตให้ไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนยังความดีใจแก่เด็กชายภูตะวันและเด็กหญิงศศินาเป็นอย่างยิ่งโดยไม่รู้สถานะที่แท้จริงว่าบิดาซึ่งเคยถามถึงคือคุณลุงแสนใจดีในสายตาของเด็กน้อยนั่นเองดวงตาคมชะเง้อคอยอยู่หน้าร้านหวังเห็นลูกเดินลงมาพร้อมหญิงที่เฝ้าคิดถึงทว่าต้องผิดหวังเมื่อบานเย็นจูงหลานลงมาแทนใบหน้าคมยกยิ้มให้บุตรขณะที่เด็กหญิงรีบวิ่งมาจับมือคุณลุงพลางยิ้มแก้มปริไม่ต่างจากเด็กชายซึ่งคุ้นเคยกับร่างสูงรีบคว้ามืออีกข้างที่ว่างทันที"ป่ะ ไปโรงเรียนกัน” เขาค้อมศีรษะให้บานเย็นแล้วพาลูกเดินออกจากร้านไม่วายหันมามองหวังจะเห็นใบหน้าหวานก็ต้องผิดหวังพาลูกไปยังโรงเรียนเตรียมอนุบาลซึ่งอยู่ใกล้บ้านแทนบุลลาที่แอบอยู่บนชั้นสองก็ค่อยๆเปิดม่านแอบมองเขาอุ้มลูกขึ้นรถก่อนจะรีบปิดม่านลงเพราะใบหน้าคมเงยขึ้นมามองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อคิดว่าเขาคงไม่เห็นตนหลายวันที่ผ่านมาถึงจะตกลงกับเขาแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมทำตามข้อตกลงเรื่องสถานะ เขาเริ่มใช้ความเป็นพ่อเป็นข้ออ้างมายังร้านของหล่อนตามใจชอบ ทั้งมาเสิร์ฟอาหารช่วยจนหลายวันก่อนมีลูกค้าผ
๓๐ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยที่แผนการยังไม่เดินหน้าแม้แต่น้อยเนื่องจากปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางคือบิดามารดาของพณณกรที่ตอนนี้ได้ทำการซื้อบ้านจัดสรรใกล้อาคารพาณิชย์ที่เขาอาศัยโดยให้เหตุผลว่าต้องการใกล้ชิดกับหลานทำเอาร่างสูงต้องกุมขมับอีกครั้งเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสสำหรับเด็กน้อยกลับมืดมนในความคิดของสัตวแพทย์หนุ่ม เขาลางานในฟาร์มโดยจัดแจงหน้าที่ให้คนงานเป็นที่เรียบร้อยเพื่อปฏิบัติการโผล่หน้ามาให้ว่าที่เมียในอนาคตเห็น“รับอะไรดีครับ" พนักงานจำเป็นเดินถือสมุดขนาดเล็กไปถามเมนูจากลูกค้าหญิงสองคนซึ่งเพียงแค่สบดวงตาคมก็ทำเอาแก้มแดงอย่างไม่อาจห้ามได้ เขาว่ายิ่งอายุเยอะเสน่ห์ยิ่งแรงท่าจะจริงเพราะตอนนี้ร้านอาหารคลาคล่ำไปด้วยลูกค้าสาวจนแทบไม่มีโต๊ะให้นั่งบุลลาที่เพิ่งพาลูกลงมาเล่นข้างล่างชะงักขาพลันใบหน้าบึ้งตึงทันทียามเห็นรอยยิ้มกว้างมอบให้ผู้หญิงที่กำลังสั่งอาหาร เคยไล่เขาแล้วครั้งหนึ่งแต่ร่างสูงก็หน้าหนาเกินทนเพราะวันต่อมายังเอาใบหน้าหล่อเหลาพร้อมแววตาทรงชวนละลายมาให้เห็น“รอสักครู่นะครับ” รับรายการอาหารแล้วไปยื่นให้บานเย็นที่ขะมักเขม้นกับการเป็นแม่ครัวไม่นานคุณพสุธาก็เ
๓๑ไม่ได้ใจเธอสักทีร่างสูงที่อยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังประจำอำเภอคอยมองประตูรอหญิงสาวผู้เป็นที่รักมาเยี่ยมตามคำสัญญาที่ให้ไว้ทว่าเวลาเคลื่อนคล้อยไปบ่ายกว่าแล้วหล่อนกลับไม่ปรากฏกายราวกับไม่เคยมาหาจนคนใจร้อนทนไม่ไหวกระชากสายน้ำเกลือออกจนกองทัพซึ่งมองดูรีบเข้าไปห้าม"เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงจะทำอะไร"รีบเข้ามาขวางเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าสัตวแพทย์หนุ่มจะก้าวออกจากห้องแห่งนี้"กูจะไปหาบัว บางทีอาจเกิดอะไรขึ้นกับเมียกูก็ได้"สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดจนกองทัพต้องเอ่ยปรามพร้อมขันอาสาออกไปดูให้เอง"ไม่ต้อง มึงอยู่ที่นี่ห้ามไปไหน เดี๋ยวกูไปหาคุณบัวแล้วจะพามา"ใบหน้าซีดเซียวจากอาการไข้เพราะโหมงานหนักยังแสดงความกังวลความจริงพณณกรเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากเป็นไข้เพราะโหมงานหนักทั้งวันทั้งคืนแทบไม่ได้พักผ่อนจึงล้มหมอนนอนเสื่อเขาจะไม่ลงทุนขนาดนี้เลยถ้าทางโรงพยาบาลยอมให้ยืมห้องทว่าผู้บริหารคนใหม่ไม่อ่อนข้อให้กลุ่มนักธุรกิจหากไม่เจ็บป่วยก็ไม่สามารถนอนโรงพยาบาลได้แล้วคนอย่างเขาหรือจะยอม ชายหนุ่มจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้ารับการรักษาแผนที่วางเอาไว้ให้ร่างบางใจอ่อนจึงได้เริ่มขึ้น"แต่
๓๒ทุกอย่างเป็นใจการพูดว่าจะเดินหน้าจีบของพณณกรทำให้บุลลาหนีหน้าเขาไปหลายวัน ทั้งงานที่ฟาร์มก็ยุ่งจนแทบปลีกตัวมาไม่ได้จึงไร้ความคืบหน้าระหว่างความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวสองเดือนผ่านไปโดยที่ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงเอาดอกไม้มาวางที่หน้าร้านพร้อมเขียนคำว่ารักและลงชื่อเอาไว้แต่เท่านั้นก็พอจะทำให้หล่อนเขินอายไปได้หลายวันแล้วสองแฝดเล่าให้แม่ฟังว่าตอนนี้ตนมีลุงเอิร์ธเป็นพ่อจะเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังว่าพ่อดูดีและเท่มากแค่ไหน“พ่อเอิร์ธขี่ม้าเก่ง”ขณะนั่งกินข้าวอยู่ชั้นสองของบ้านโดยมีบุลลานั่งปอกส้มเพื่อให้สองแฝดกินหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ“หล่อมากด้วย”ส่งรับกันอย่างดีราวถูกเตรียมมาโดยเฉพาะจนหล่อนต้องหรี่ตามองเพื่อจับผิด“แล้วมาบอกแม่ทำไม หือ” ลอกใยส้มออกเพื่อง่ายต่อการกินมองหน้าหนูจันทร์ที่เคี้ยวข้าวจนแก้มพองอย่างเอ็นดู“ก็พ่อเอิร์ธบอกให้ชมต่อหน้าแม่บัว” เจ้าเด็กน้อยไม่เก็บความลับที่คุณพ่อไหว้วานเลยสักนิดกลับบอกโต้งๆจนคนพี่ต้องรีบจับแขนแล้วเอานิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากเป็นการบอกให้เงียบ เด็กหญิงรีบวางช้อนยกมือขึ้นปิดปากตนเองทั้งเบิกตากลมโตให้กว้างขึ้นอย่างตกใจบุลลาหัวเราะร่วนขำกับท่าทีนั้นไม่มีอาการ
ตอนพิเศษ..ทวงคืนพี่เอิร์ธให้พี่ทัพสวัสดีชาวแฟนเพจบ้านเอิร์ธทัพค่ะ หลังจากที่เรารับรู้มาสักพักว่าพี่เอิร์ธได้มีเจ้าของเป็นตัวเป็นตนแต่ไม่ขอเอ่ยนามน้องนีคนนั้นแล้วกัน เราพยายามเงียบมาโดยตลอดแต่สิ่งที่ทำให้เราต้องออกมาพูดเพราะเห็นใบหน้าอันเศร้าสร้อยของพี่ทัพซึ่งเรายอมไม่ได้! พวกเราจะต้องทวงคืนพี่เอิร์ธกลับมาให้พี่ทัพค่ะ ใครมีภาพหรือโมเม้นท์อะไรสาดมาเลยค่ะ เดี๋ยวจะทำการรวบรวมแล้วนำไปให้พี่ทัพเอง “ดูไรน่ะ” หนุ่มหล่อของห้องเดินถือขนมมาชะโงกดูโทรศัพท์ของผู้หญิงร่วมห้องเพราะเห็นแวบๆ ว่าเป็นรูปของตนเองกับเพื่อนสนิทอย่างกองทัพที่มัวแต่สนใจเกมในโทรศัพท์จนไม่เป็นอันทำอะไร “เปล่าสักหน่อย” เธอกำลังจะปิดหน้าจอแต่ร่างสูงก็ไว้กว่ารีบคว้าเอาไว้ยกขึ้นมาอ่านอย่างถี่ถ้วนทำเอาเพื่อนผู้หญิงทำหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก อยู่ห้องเดียวกันมาเข้าปีที่สองแล้วเธอยังใจเต้นให้กับความหล่อของเพื่อนร่วมห้องคนนี้อยู่ตลอดเวลา ไม่อยากยอมรับหรอกว่าแอบหลงรักผู้ชายที่ไม่มีวันมองตนเองเกินสถานะเพื่อนร่วมห้อง “โอ้โห จริงจังกันขนาดนี้เลยเหรอ” ดวงตาเรียวไล่อ่านคอมเม้นอย่า
ตอนพิเศษ...ผู้หญิงเลี้ยวซ้าย ผู้ชายเลี้ยวขวาภายในรถยนต์คันหรูซึ่งแล่นไปตามถนนในเมืองหลวงที่แม้จะเปิดเพลงรักคลอเสียงเบาก็ยังไม่สามารถทำลายบรรยากาศอึมครึมที่คู่รักมีให้กันได้ หนุ่มนักศึกษาคณะสัตวแพทย์มีใบหน้าเรียบเฉยในขณะที่ผู้หญิงข้างกายก็ไม่ต่างกันนักมือหนาหมุนพวงมาลัยเลี้ยวเข้าเติมน้ำมันเมื่อเห็นว่ามันใกล้หมดโดยไม่ได้เอ่ยอะไรกับผู้หญิงที่ขึ้นชื่อว่าคนรัก“เต็มถัง” ลดกระจกบอกพนักงานโดยไม่แม้แต่จะหันหน้าไปมองด้วยซ้ำทำเอาหญิงสาวที่มาใหม่โค้งศีรษะรับคำก่อนจะเดินไปทำหน้าที่ของตนเองด้วยท่าทีเงอะงะจนคนที่มองอยู่ต้องเดินมาแย่งงานด้วยความรู้สึกไม่ชอบใจ“จะไปทำอะไรก็ไป ตรงนี้ฉันทำเอง” ร่างบางตอบรับแล้วเดินเลี่ยงไปอีกทางทันทีในขณะที่ชายหนุ่มบนรถหันไปมองหน้าแฟนสาว“เลิกงี่เง่าสักทีได้ไหมปลาย ก็บอกแล้วไงว่ามันไม่มีอะไร” ในที่สุดคนทนไม่ไหวก็เป็นเขาซึ่งไม่ถนัดในการเล่นสงครามเย็นแบบนี้เลยสักนิดมันพาลจะให้หงุดหงิด“ใครกันแน่ที่งี่เง่า ปลายแค่ขอให้เอิร์ธเลิกไปงานอาสาบ้าบออะไรนั่น เอิร์ธทำให้ปลายไม่ได้เลยเหรอ” หันไปจ้องตาเขาด้วยอารมณ์โกรธไม่ต่างกันก่อนจะยื่นบัตรเครดิตให้พนักงาน“บอกไปหลายครั้งแล้วว
ตอนพิเศษ...น้องใหม่ครับผมวันแรกของการรับน้องที่คณะสัตวแพทย์ศาสตร์เหล่านิสิตนั่งอยู่หน้าอาคารเรียนกันแต่เช้าเพราะรุ่นพี่นัดซึ่งแต่ละคนก็ใส่เสื้อยืดสีประจำมหาวิทยาลัยห้อยป้ายชื่อเล่นไล่ตามสีที่โดนพี่ปีอื่นกำหนดให้เพื่อแบ่งเป็นกลุ่มตามกิจกรรมที่ได้เล่น“มาครบรึยังคะ” พี่ปีสามเดินมาด้านหน้าแล้วตะโกนถามน้องซึ่งแต่ละคนก็มองหน้ากันเลิ่กลั่กเนื่องจากไม่รู้ว่ามาครบหรือเปล่า“ยังค่ะ” ปีสองที่ดูแลน้องปีหนึ่งโดยเฉพาะเอ่ยตอบจนรุ่นพี่ต้องดูนาฬิกา“นี่มันเจ็ดโมงครึ่งแล้วนะคะ คุณนัดน้องกี่โมง” เมื่อเล่นงานน้องไม่ได้จึงเอ่ยถามพี่แทน“นัดเจ็ดโมงค่ะ” เอ่ยตอบเสียงเบาจนพี่แต่ละคนถอนหายใจเนื่องจากเวลาที่กำหนดใกล้มามากแล้วกลัวกำหนดการจะคลาดเคลื่อน“น้องมีทั้งหมดกี่คน”“น้องปีหนึ่งมีทั้งหมด 73 คนค่ะ ผู้หญิง 44 คน ผู้ชาย 29 คนค่ะ” ตอบรายละเอียดจนคนฟังพยักหน้าแล้วเริ่มให้น้องเริ่มนับเลขว่าตอนนี้มีกี่คนแล้ว“71”“72” แต่ละคนนับตัวเลขจนกระทั้งหยุดที่คนสุดท้ายคือ 72 นั่นแสดงว่าเหลือน้องอีกเพียงหนึ่งคนเท่านั้นที่ยังไม่มา“ขออนุญาตครับ!”ร่างสูงซึ่งวิ่งเข้ามาใหม่เรียกความสนใจจากคนทั้งคณะให้หันไปมอง ผู้หญิงหลาย
ตอนพิเศษ...พี่ตะวันกับน้องกระต่าย กำหนดการงานแต่งของลูกสาวเจ้าของไร่มีขึ้นสองเดือนข้างหน้า หล่อนตื่นเต้นยกใหญ่เตรียมงานแต่เนิ่นโดยมีมารดาคอยให้คำแนะนำ ต่างจากบิดาที่มักพูดว่าถ้ามันยากมากก็ไม่ต้องแต่งหรอกลูก พ่อไม่ได้อับอายสักนิดถ้าจะยกเลิก ทำเอาทั้งลูกทั้งแม่ต้องเล่นงานคนเป็นพ่อจนแทบไม่สามารถเข้าบ้านได้ ภูตะวันออกมาทำงานแต่เช้า เห็นว่าวันนี้มีกองละครมาถ่ายทำที่ไร่ ระยะเวลาประมาณหนึ่งสัปดาห์ จึงได้จองทั้งไร่รุ่งอรุณและรีสอร์ทของไร่ที่สร้างมาสิบกว่าปี เป็นบ้านหลังเล็กอยู่ได้ประมาณสี่ถึงห้าคน ยาวเรียงกันกว่าสิบหลังทำให้เพียงพอต่อความต้องการ ร่างสูงอยู่ในชุดเสื้อม่อฮ่อมและกางเกงขาดเข่า หมวกสานปีกกว้างป้องกันใบหน้าคมจากแดดทำเอาคนมองแทบไม่รู้ว่าเป็นลูกชายเจ้าของไร่ที่จะมารับกิจการต่อจากบิดา การต้อนรับคนจากข้างนอกไม่ใช่งานของตนเองอยู่แล้วจึงไม่ได้ใส่ใจคนที่มาจากกองละครมากนัก ช่วงนี้ส้มกำลังออกผลเต็มต้นต้องเร่งตัดส่ง ส่วนมากจะวางขายในห้างสรรพสินค้าและส่งออกต่างประเทศ มีขายหน้าไร่บ้างและก็นำไปแปรรูป จะไม่มีผลไม้ตกค้างในสวนให้เน่าทิ้งหรือเสียเปล่า
ตอนพิเศษ...ตะวันและหนูจันทร์เสริมทัพด้วยคีรินทร์ เอกสารขออนุญาตถ่ายละครที่ไร่รุ่งอรุณถูกยื่นให้ร่างสูงซึ่งก้าวเข้ามาในสำนักงาน มือหนาคว้าไปอ่านอย่างละเอียดค่อยจรดปลายปากกาลงไปแล้วส่งกลับพร้อมรอยยิ้ม ทำเอาสาวเจ้าเขินม้วนไม่ชินกับความอบอุ่นที่ลูกชายเจ้าของไร่มอบให้สักที ซึ่งเขาก็ทำแบบนี้กับทุกคน ช่างแตกต่างจากคนเป็นพ่อเหลือเกิน ราวกับว่าได้ลุงธีมาเต็มๆ เสียแต่ว่าการแต่งตัวที่ออกจะมอซอไปสักเล็กน้อย หากเป็นคนนอกก็คงคิดว่าชายหนุ่มคือคนงานทั่วไป ไม่ใช่ทายาทเจ้าของไร่แสนใหญ่โตแห่งนี้ เดินไปหยิบเอกสารสำหรับจัดงานฉลองประจำปีของไร่ เขาต้องไปพูดคุยกับนายอำเภอ ทั้งไปหาเกษตรอำเภอสอบถามเกี่ยวกับการปลูกผลไม้เมืองหนาวทั้งที่อากาศจังหวัดนี้ร้อนแทบทั้งปี “พี่ตะวัน!” สะดุ้งเมื่อมีมือมาจับที่ไหล่พร้อมตะโกนเสียงดังข้างหู พอหันไปก็พบน้องชายตัวแสบที่ยิ้มหน้าแป้นแล้น ภูตะวัน วิจิตรประภา ชายหนุ่มรูปงามแห่งไร่รุ่งอรุณ ใบหน้าคมคายได้พ่อมาเต็มๆ ส่วนนิสัยนั้นอ่อนโยนจนคนงานผู้หญิงพากันทอดสะพานให้เต็มที่ หวังเป็นนายหญิงของไร่แห่งนี้ โดนขายขนมจีบไม่เว้นวันก
พิเศษ...ไปรยา ชนาธิปความรักสำหรับคนอื่นคือใครเขาไม่รู้ แต่สำหรับผู้ชายที่ไม่เคยมีใครมองจนได้เพียงแค่หวังว่าวันหนึ่งจะมีผู้หญิงมองเห็นตัวเองบ้าง และวันที่เข้ากิจกรรมของคณะสัตวแพทย์ศาสตร์ครั้งแรกหัวใจที่เคยสงบนิ่งกลับเต้นไม่เป็นจังหวะเมื่อเห็นร่างบางเดินผ่านวินาทีนั้นเหมือนมีแสงสว่างส่องไปทั่วร่างของเธอจนสายตาเขาพร่าไปหมด ออร่าที่แสบตาจนไม่อาจมองได้ต้องหันหน้าไปทางอื่น พลันหล่อนกลับเดินมานั่งข้างเขาแล้วยิ้มให้อย่างเป็นกันเอง“สวัสดี อืม ชื่อฟลุ๊คเหรอ เราหนึ่งนะ” ใบหน้าหวานก้มมองป้ายชื่อของเขาแล้วส่งยิ้มทักทาย“ยินดีที่ได้รู้จักครับ” หลังจากนั้นเธอก็หันไปคุยกับเพื่อนคนอื่นปล่อยเขาแอบมองอยู่ฝ่ายเดียว และสังเกตเห็นว่าดวงตากลมโตมักจะชอบวนเวียนอยู่ที่ผู้ชายมาใหม่คนหนึ่งคนที่นั่งอยู่ข้างหลังเธอและเป็นชายซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาอย่างร้ายกาจ เป็นที่หมายปองของหญิงสาวคนอื่นพณณกร วิจิตรประภาทายาทตระกูลดัง นอกจากจะหน้าตาดียังฐานะร่ำรวยอีกต่างหาก เขาได้แต่เก็บความอิจฉาไว้ภายในใจเฝ้ามองไปรยาที่แอบรักข้างเดียวด้วยความเสียใจ อยากจะเข้าไปปลอบยามหญิงสาวร้องไห้ก็ไม่กล้าจนกระทั่งฟ้าเป็นใจงานเลี้ยงสายรหัส
๗หลังจากที่ผ่านค่ำคืนแสนหวานคู่สามีภรรยาก็นอนกอดกันอยู่ภายในมุ้ง แขนแกร่งกระชับเอวบางจนแผ่นหลังเธอชิดอกเขา ดมความหอมจากกลุ่มผมนุ่มสลวยก่อนที่บุลลาจะพลิกตัวมาเพื่อซบใบหน้าที่แผงอกหนาพร้อมพรมจูบไปทั่วและนั่นทำให้สัญชาตญาณเสือร้ายผุดออกมาทันที เขาขึ้นคร่อมเธอเอาไว้จับกดพร้อมกับพระอาทิตย์ที่โผล่พ้นผืนน้ำ ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าไหร่แต่ชายหญิงคู่นี้กลับผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่ยอมแพ้กันและกันไม่บ่อยนักที่จะได้ทำอะไรตามใจตัวเอง ปลดปล่อยอารมณ์โดยไม่ต้องกลัวลูกได้ยินหรือตื่นตอนดึก พวกเขาทำตามใจปรารถนาไม่สนว่าใครจะได้ยินหรือไม่ทั้งที่บ้านก็ไม่ได้เก็บเสียง ยิ่งเมื่อคืนที่พณณกรโยกตัวจนเตียงเกือบหัก บ้านแทบพังทำเอาบุลลาต้องตีเขาไปหลายรอบในความบ้าระห่ำ จนชายหนุ่มถามกลับว่าใครเล่าที่เรียกร้องหล่อนจึงปิดปากเงียบก็เธอเป็นคนร้องขอให้เขาเพิ่มแรงขึ้นอีกแท้ๆ จะว่าได้อย่างไรเล่า“อือ พอแล้วค่ะ” ลุกขึ้นมาทำอาหารยามสายไว้รับประทานกันสองคนโดยมีร่างสูงคลอเคลียอยู่ด้านหลังไม่ห่าง เสื้อยืดตัวเล็กและกางเกงขาสั้นที่เตรียมมาถูกสวมบนร่างกายทว่าไม่มีชั้นในปกปิดเลยสักชิ้นและตอนนี้มือหนาก็กำลังเลื้อยเข้าไปภายใต
๖การไปพักผ่อนครั้งนี้แม้แต่ตัวหญิงสาวเองก็ยังไม่รู้จนกระทั่งรถยนต์จอดเทียบท่าเรือก่อนคุณลุงคนขับรถจะลงไปยกกระเป๋าด้านหลังออกมา ดวงตากลมโตมองเรือที่เทียบท่าก็ตาลุกวาวเพราะเคยเห็นจากในละครเท่านั้นไม่เคยนึกเลยว่าชีวิตนี้จะได้เห็นเรือเฟอร์รี่ลำใหญ่ด้วยตาของตนเอง แถมที่หัวเรือยังเขียนชื่อของบริษัทใหญ่ ตระกูลดังเอาไว้อีกด้วย พณณกรถือกระเป๋าเดินมาคว้ามือภรรยาเอาไว้แล้วบังคับให้เดินตามมาไม่บอกกล่าวอะไรสักนิด“มีแต่เรือหรูๆ ทั้งนั้นเลย” พึมพำเสียงเบาขณะที่คิดได้ว่าสามีของตัวเองก็เป็นคนในตระกูลดังเหมือนกัน ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีเรือของบ้านเขาจอดไว้น่ะสิคิดพลางยิ้มกริ่มเมื่อวาดภาพว่าตัวเองจะต้องได้นั่งจิบไวน์อยู่บนเรือหรู มองท้องฟ้าสีคราม ผืนน้ำสีน้ำเงินด้วยความสุขแน่นอุรา ยอมเดินตามแรงดึงจนกระทั่งผ่านพ้นเรือหรูมาลำแล้วลำเล่าก็เหมือนจะไม่ถึงสักที ใบหน้าหวานเริ่มบูดบึ้งตามอารมณ์“จะเดินไปถึงมาเลเซียเลยไหมคะ” อดประชดไม่ได้จนคนนำหน้าหันมายิ้มที่ภรรยาเริ่มกลับมาเป็นเหมือนเดิม เพราะตั้งเมื่อคืนหล่อนเอาแต่กอดเขาแน่นทั้งยังตอนเช้าที่มองตามตาละห้อย ต้องอยู่ในสายตาตลอดเวลากลายเป็นคนว่านอนสอนง่ายอย่างไม่
๕บุลลากำลังเล่นกับฝาแฝดทั้งสองโดยมีเหล่าแม่บ้านคอยช่วยเหลือเนื่องจากหลงเสน่ห์ของเด็กน้อย อันที่จริงคุณดาริกาก็ชวนให้ย้ายมาอยู่ด้วยกันที่เมืองกรุงแต่เพราะงานรัดตัวที่ไร่ ทั้งยังเป็นห่วงมารดาที่เริ่มแก่ตัวลงทุกวันจำต้องปฏิเสธไป ตอนนี้เธอติดไร่มากกว่าแสงสีในเมืองหลวงเสียแล้วแต่ถ้าพณณกรจะกลับมาอยู่ที่นี่หล่อนก็คงตามมาด้วยเพราะไม่สามารถแยกจากสามีได้อีกแล้ว ในขณะที่กำลังมองดูบุตรสาวสิ่งไล่กับพี่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นเสียก่อน เบอร์แปลกที่โชว์หราทำให้คิ้วสวยขมวดเข้าหากันทันที หลังจากที่ลาออกจากงานก็ไม่ค่อยมีใครโทรมาทำให้เกิดความสงสัยขึ้นว่าปลายสายคือใครร่างบางแยกตัวออกไปรับโทรศัพท์ "สวัสดีค่ะ"'ว่าไงบัว ไม่เจอกันนานสบายดีไหม' เสียงเข้มที่เอ่ยทักทายทำเอาหล่อนยิ่งสงสัยมากกว่าเดิมเพราะจำน้ำเสียงไม่ได้"เอ่อ ไม่ทราบว่าคุณเป็นใครคะ" ไม่ว่าจะนึกเท่าไหร่ก็จำไม่ได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร หรือจะเป็นลูกน้องเก่าที่โรงแรม ไม่อย่างนั้นก็น่าจะเป็นคุณรวี ทว่าฝ่ายนั้นแทบไม่ได้ติดต่อมาเลยตอนนี้เห็นว่าโดนทางบ้านจับแต่งงานเป็นที่เรียบร้อยแล้วด้วย'อะไรกัน จำเสียงแฟนเก่าไม่ได้หรือไง' เอ่ยเพียงเท่านั้นใบหน้าคมก็ชัดวาบ
๔ท้องฟ้าทาทับด้วยสีดำสองร่างที่นอนกอดก่ายกันจึงตื่นขึ้นมาพร้อมเสียงโทรศัพท์แผดดังลั่นห้อง มือหนาควานหาเสียงเจ้าปัญหาพบว่ามารดาเป็นคนโทรมา หากเป็นคนอื่นคงโดนสัตวแพทย์หนุ่มด่าเปิงแล้วแต่เพราะเป็นมารดาที่เคารพจึงค่อยยันกายลุกขึ้นนั่งปล่อยให้ร่างเล็กนอนหลับ"ครับแม่" เขาลุกขึ้นสวมกางเกงชั้นในก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาพันท่อนล่างแล้วค่อยรับสายพลางเอ่ยทักทายด้วยน้ำเสียงสะลึมสะลือ'วันนี้กลับบ้านไหม' ดวงตาคมเหลือบมองนาฬิกาแขวนผนังก็พบว่าตอนนี้หกโมงเย็นแล้ว"คงไม่กลับครับ ยังไงฝากเด็กแฝดด้วยนะแม่" เขากะจะพาภรรยาไปเดินเล่มริมหาดแล้วใช้เวลาด้วยกันสองคนสักหน่อย'เดี๋ยวแม่ดูให้' ยังไม่ทันพูดจบก็มีเสียงเล็กแทรกขึ้นมาก่อนจนเผลอยกยิ้มอย่างเอ็นดู ท่าทางศศินาจะป่วนบ้านเสียแล้ว'พ่อขา ไหนบอกจะพาไปเคเค' โวยวายทันทีหากอยู่ตรงหน้าคาดว่าบุตรสาวคงกำลังยกมือขึ้นกอดอกแล้วยู่ปากทำท่าทางขัดใจเป็นแน่"พ่อขอโทษนะลูก เดี๋ยวกลับไปจะไถ่โทษนะ" พยายามทำให้ปลายสายอารมณ์ดีซึ่งจันทร์เจ้าก็ไม่ใช่คนเจ้าคิดเจ้าแค้นเมื่อได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มออกทันที'ค่ะ กลับมาต้องพาไปเคเคนะ' "ครับ" คุยกันอีกสักพักจึงวางสาย ร่างสูงเดินไป
๓แสงจากข้างนอกสาดส่องเข้ามาภายในห้องที่เคยมืดทึบให้สว่างจนคนที่กำลังหลับใหลต้องลุกขึ้นบิดขี้เกียจแล้วมองที่ข้างกายซึ่งว่างเปล่าและเย็นชืดทำให้รู้ว่าหล่อนคงลุกจากเตียงนอนไปนานแล้ว คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันทีพลางมองหาโทรศัพท์ที่บุลลามักจะเอาไว้บนห้องเสมอก็ไม่พบไหนจะกระเป๋าหรือของสำคัญบางอย่างกลับสูญหาย"ไปไหนวะ" เกาศีรษะด้วยความเครียดแล้วรีบลุกไปอาบน้ำแต่งตัวโดยใช้เวลาเร็วที่สุดในชีวิต เมื่อคืนพวกเขาไม่ได้พูดคุยกันเลยและร่างบางยังนอนหันหลังให้ไม่สนใจสักนิดว่าสามีต้องนอนตาแข็งทั้งคืนเพราะได้แต่มองทว่าจับต้องไม่ได้เลย"พ่อจ๋า" ร่างสูงของสัตวแพทย์หนุ่มเดินลงมาข้างล่างลูกสาวก็โผเข้ากอดขาทันทีจนต้องย่อตัวลงไปอุ้มขึ้นมา แก้มกลมมีซอสเลอะจนต้องเอามือเช็ดออกให้พลางอมยิ้มอย่างเอ็นดู ไม่เคยคิดว่าจะรักเด็กกระทั่งวันที่มีลูกเขาเลยรู้ว่าอีกครึ่งชีวิตที่เหลือนอกจากให้บุลลาแล้วก็มอบให้ลูกสาวและลูกชายจนหมดอานุภาพของคำว่าพ่อช่างยิ่งใหญ่เหลือเกิน"ว่าไงคะ" เอ่ยถามเสียงอ่อนหวาน หากเป็นแต่ก่อนไม่มีเสียหรอกที่คนอย่างนายพณณกรจะมาพูดจาคะขากับผู้หญิง แต่ตอนนี้เห็นจะมียกเว้นก็คือบุตรสาวคนเดียวเนี่ยแหละ ต่อให้จะ
๒และแล้ววันงานเลี้ยงรุ่นก็มาถึง สองแฝดอยู่ในความดูแลของคุณปู่คุณย่าทำให้เบาใจไปได้เปราะหนึ่งทว่าคนเป็นแม่ก็อดจะห่วงลูกไม่ได้ กว่าจะออกจากบ้านก็ใช้เวลาพอสมควรในขณะที่ใบหน้าคมก็จ้องภรรยาไม่วางตาเนื่องด้วยความสวยที่ยิ่งอายุเยอะกลับผุดผ่องยิ่งกว่าเมื่อก่อนเสียอีกคิดแล้วก็หวงหนักกว่าเดิมไม่อยากให้ใครได้มองหรือเชยชม บางทีเขาอาจจะต้องคิดเรื่องให้บุลลาอยู่แต่บ้านอย่างเดียวเสียแล้ว ระหว่างติดอยู่บนถนนหล่อนก็เอ่ยถามเรื่องสมัยเรียนของเขาบ้างจึงได้รู้ว่าพณณกรเข้าศึกษาที่โรงเรียนรัฐบาลชื่อดังของประเทศ“พี่ฉลาดขนาดนั้นเลยเหรอ” มองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อนักจนเขาต้องเพิ่มความมั่นใจด้วยคำบอกเล่า“เกรดเฉลี่ยพี่ไม่เคยต่ำกว่าสามจุดห้านะครับ สอบเข้ามหาวิทยาลัยคะแนนก็ติดท็อปสามนะ” อวดจนหล่อนต้องส่ายหน้ามองเขาอย่างตกตะลึง“อะไร ไม่เชื่อเหรอ”“มันเหลือเชื่อยิ่งกว่านาซ่าส่งคนไปดาวอังคารอีก” ร่างสูงโคลงศีรษะแล้วยกมือขึ้นโยกหัวอีกฝ่ายเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ผมเสียทรง“ดูถูกกันเกินไปแล้ว” การกระทำเล็กน้อยแต่แฝงไปด้วยความอบอุ่นทำเอาบุลลาแอบใจเต้นแรงทั้งที่เป็นสามีภรรยาอันที่จริงพวกเขาใช้ชีวิตด้วยกันเพียงแค่สามเดือน