๒๕เจ็บแต่จบริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันแน่นจนห้อเลือด ในอกตีกันจนไม่อาจบรรยายความรู้สึกได้เมื่ออีกฝ่ายทำราวกับว่าต้องการเข้ามาในชีวิตหล่อนอีกครั้งทั้งที่เขาพึ่งผ่านงานมงคลสมรสมา มือเล็กกำเข้าหากันก่อนจะหมุนตัวเดินเข้าบ้านของตนเองแต่ช้ากว่ามือหนาที่คว้าแขนเรียวเอาไว้อย่างรวดเร็ว"จะไม่ตอบรับกันหน่อยหรือไง" น้ำเสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างเว้าวอนจนไม่อยากจะเชื่อว่าออกมาจากปากผู้ชายห่ามๆ"ถ้าจะให้ตอบรับฉันก็บอกได้แค่ว่าอย่าจองเวรจองกรรมกันอีกเลย แล้วจะทำบุญกรวดน้ำไปให้" สะบัดแขนออกอย่างนึกรังเกียจกับสัมผัสที่ชวนใจวาบหวิว ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ไม่สามารถต้านเสน่ห์ที่มีในตัวร่างสูงได้เลยใบหน้าคมยกยิ้มเล็กน้อยเมื่อมองเข้าไปในดวงตากลมโตซึ่งวาวโรจน์ราวลูกกวางตัวน้อยระวังภัย"ถ้าอย่างนั้นฉันจะรอบุญที่เธอทำมาให้นะ" พูดด้วยใบหน้าไม่สะทกสะท้านทำเอาคนตัวเล็กนึกคำที่จะนำมาด่าไม่ออกจึงทำได้เพียงเตะเข้าที่หน้าแข้งเขาอย่างแรงก่อนจะยกมือขึ้นตบใบหน้าคมจนหันไปอีกข้างด้วยแรงโมโห..ผู้ชายแบบนี้ไม่ควรเลยที่จะแบ่งสักเสี้ยวใจให้"ถ้าไม่อยากโดนหนักกว่านี้อย่ามายุ่งกับฉันอีก" บอกเสียงเข้มแล้วหันหลังเดินขึ้นไปบนบ้านทันที
๒๖เริ่มต้นใหม่หลังเลิกงานบุลลาก็กลับบ้านทันทีเจอสองแฝดลงมาวิ่งเล่นข้างล่างเพราะบานเย็นปิดร้านจึงมีเวลาดูแลหลานที่กลับมาจากโรงเรียนเวลาบ่ายสามภูตะวันวิ่งหยอกล้อกับน้องสาวมีเพียงเสียงหัวเราะจนกระทั่งร่างสูงใหญ่ของคุณลุงที่รู้จักปรากฏขึ้นจึงเรียกเสียงดัง"ป๋า!”ร่างบางที่กำลังเช็ดโต๊ะเก็บร้านช่วยมารดาหันไปมองเห็นเสี่ยกรรชัยย่อตัวลงอ้าแขนรับสองร่างเล็กเข้าสู่อ้อมกอดแล้วหอมแก้มกันเสียงดังจนคนมองต้องอมยิ้มรับรู้ถึงเมตตาที่ชายหนุ่มมีให้ตนเองตั้งแต่ครั้งยังตั้งท้องจนคลอดลูกออกมาก็ยังเผื่อแผ่มาถึงเด็กน้อยที่ขาดพ่อ"ป๋าหายไปไหนมา จันทร์คิดถึง” ออดอ้อนเป็นนิสัยพลางเบียดตัวเข้าไปหาสูดกลิ่นหอมที่คุ้นเคย เด็กหญิงที่ไม่เคยได้รับความอบอุ่นจากบิดารู้จักเพียงคุณลุงที่รักสองคนคือป๋าและลุงธี"ป๋าไปเร่งปั๊มน้องให้เรานั่นแหละ” หยอกทีเล่นทีจริงแต่ศศินาก็อมยิ้มยกมือขึ้นปรบด้วยความดีใจ"จริงเหรอ จันทร์จะมีน้องเหรอ” ความเข้าใจของเด็กสามขวบนึกว่าน้องจะหมายถึงตุ๊กตาที่สามารถจับแต่งตัว ป้อนข้าวป้อนน้ำโดยไม่ไหวติงได้จึงนึกดีใจต่างจากภูตะวันที่ขมวดคิ้วทันที..ถ้ามีน้องความรักที่ป๋ามีให้จะลดลงหรือเปล่า"จริงสิ
๒๗ขอโทษที่เคยทำให้เสียใจถึงจะรู้ข้อมูลของคู่แข่งแต่เขาก็ไม่ค่อยได้เห็นหน้าค่าตาอีกฝ่ายเท่าไหร่ซึ่งก็เป็นการดีไม่ขัดหูขัดตาทว่านอกจากจะไม่เห็นรวีแล้วยังแทบจะไม่พบหน้าแม่ของลูกอีกด้วยและสิ่งนี้สร้างความขุ่นข้องหมองใจให้ยิ่งนักวันนี้หลังเลิกงานจึงคิดว่าอย่างไรต้องมารอหน้าคลินิกของตนเพื่อดักเจอบุลลาให้ได้กลับจากไร่ตั้งแต่บ่ายสามซึ่งผิดปกติยิ่งนักทำเอาลูกน้องต่างแซวระงมว่าจะไปหาสาวที่ไหนแต่ร่างสูงก็ส่ายหน้าระอาขับรถยนต์ออกมาไม่ได้ปิดฐานะของตนอย่างใดและก็ดีที่ไม่มีคนมาถามให้มากความกลัวจะได้รับสายตาพิฆาตรถรับส่งนักเรียนมาจอดตรงเวลาก่อนที่ลูกน้อยจะลงมาอย่างร่าเริงทำเอาใบหน้าคมยกยิ้มกำลังจะเดินออกไปหาสองแฝดแต่เท้าก็หยุดชะงักเสียก่อนเพราะร่างบางซึ่งมีสถานะเป็นแม่ของลูกเดินมารับ คิ้วหนาเลิกขึ้นเข้าใจว่าหญิงสาวยังไม่เลิกงานเสียอีก"แม่ขา” เด็กหญิงโผกอดมารดาที่ย่อลงมารับขึ้นไปอุ้มซึ่งตอนนี้ดูท่าเริ่มจะอุ้มไม่ไหวเพราะพระจันทร์ดวงน้อยกลมโตเสียเหลือเกิน "จันทร์คิดถึงแม่” เมื่ออยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นก็ซุกใบหน้าลงซอกคอหอมที่ชอบดมขณะที่พี่ชายจับมือบุลลาเอาไว้พลางทำสีหน้าไม่ค่อยสู้ดีเท่าไหร่นักจนคน
๒๘ไม่ได้ใจเธอเสียทีทั้งวันเด็กน้อยทั้งสองสนุกกับการอยู่ในฟาร์มจนรบเร้าให้คุณลุงพากลับมาเล่นที่นี่อีกซึ่งร่างสูงก็ตอบตกลงอย่างรวดเร็วเพราะต้องการใกล้ชิดกับบุตรของตนเอง มองใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขของฝาแฝดก็อิ่มเอมใจสัมผัสกับคำว่าครอบครัวอย่างแท้จริงจนอยากกลับเข้าไปในชีวิตของบุลลาอีกครั้งถึงจะยากมากแค่ไหนเขาก็จะพยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หล่อนอภัยกับความผิดพลาดยิ่งใหญ่ของตนจงได้รถยนต์จอดหน้าคลินิกรักษาสัตว์ซึ่งอยู่ติดกับร้านขายอาหารตามสั่งก่อนหันมามองหลังรถที่ตอนนี้มีพระอาทิตย์กับพระจันทร์ดวงน้อยนอนหลับปุ๋ยใบหน้าคมยกยิ้มเอื้อมมือไปลูบศีรษะคนพี่ก่อนจะเผื่อแผ่ความอบอุ่นมายังคนน้องกระทั่งได้ยินเสียงเคาะกระจกรถยนต์เขาจึงหันมามองพบใบหน้าหวานของบุลลาที่จ้องทะลุกระจกดำเข้ามาทำเอาต้องรีบเปิดประตูลงไปอย่างรวดเร็วพลางฉีกยิ้มอย่างไม่เคยเป็นทำเอาร่างบางขมวดคิ้วด้วยความฉงน"ฉันมารับลูก” บอกเสียงเรียบพยายามมองข้ามดวงตาซึ่งเป็นประกายของร่างสูงก่อนจะเดินไปเปิดประตูรถด้านหลังทว่าถูกมือหนาคว้าแขนเรียวเอาไว้ก่อน"พี่อยากคุยด้วย”สรรพนามของเขาสร้างปฏิกิริยากับใจของหล่อนจนรู้สึกคันยุบยิบราวมีมดเดินอยู่ในนั
๒๙ความจริงเป็นสิ่งที่ต้องเผชิญหลายวันต่อมาพณณกรได้รับอนุญาตให้ไปส่งสองแฝดที่โรงเรียนยังความดีใจแก่เด็กชายภูตะวันและเด็กหญิงศศินาเป็นอย่างยิ่งโดยไม่รู้สถานะที่แท้จริงว่าบิดาซึ่งเคยถามถึงคือคุณลุงแสนใจดีในสายตาของเด็กน้อยนั่นเองดวงตาคมชะเง้อคอยอยู่หน้าร้านหวังเห็นลูกเดินลงมาพร้อมหญิงที่เฝ้าคิดถึงทว่าต้องผิดหวังเมื่อบานเย็นจูงหลานลงมาแทนใบหน้าคมยกยิ้มให้บุตรขณะที่เด็กหญิงรีบวิ่งมาจับมือคุณลุงพลางยิ้มแก้มปริไม่ต่างจากเด็กชายซึ่งคุ้นเคยกับร่างสูงรีบคว้ามืออีกข้างที่ว่างทันที"ป่ะ ไปโรงเรียนกัน” เขาค้อมศีรษะให้บานเย็นแล้วพาลูกเดินออกจากร้านไม่วายหันมามองหวังจะเห็นใบหน้าหวานก็ต้องผิดหวังพาลูกไปยังโรงเรียนเตรียมอนุบาลซึ่งอยู่ใกล้บ้านแทนบุลลาที่แอบอยู่บนชั้นสองก็ค่อยๆเปิดม่านแอบมองเขาอุ้มลูกขึ้นรถก่อนจะรีบปิดม่านลงเพราะใบหน้าคมเงยขึ้นมามองอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยก่อนจะถอนหายใจโล่งอกเมื่อคิดว่าเขาคงไม่เห็นตนหลายวันที่ผ่านมาถึงจะตกลงกับเขาแต่ดูเหมือนว่าชายหนุ่มจะไม่ยอมทำตามข้อตกลงเรื่องสถานะ เขาเริ่มใช้ความเป็นพ่อเป็นข้ออ้างมายังร้านของหล่อนตามใจชอบ ทั้งมาเสิร์ฟอาหารช่วยจนหลายวันก่อนมีลูกค้าผ
๓๐ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกลหนึ่งสัปดาห์ผ่านไปโดยที่แผนการยังไม่เดินหน้าแม้แต่น้อยเนื่องจากปัจจัยสำคัญที่ขัดขวางคือบิดามารดาของพณณกรที่ตอนนี้ได้ทำการซื้อบ้านจัดสรรใกล้อาคารพาณิชย์ที่เขาอาศัยโดยให้เหตุผลว่าต้องการใกล้ชิดกับหลานทำเอาร่างสูงต้องกุมขมับอีกครั้งเช้าวันเสาร์ที่แสนสดใสสำหรับเด็กน้อยกลับมืดมนในความคิดของสัตวแพทย์หนุ่ม เขาลางานในฟาร์มโดยจัดแจงหน้าที่ให้คนงานเป็นที่เรียบร้อยเพื่อปฏิบัติการโผล่หน้ามาให้ว่าที่เมียในอนาคตเห็น“รับอะไรดีครับ" พนักงานจำเป็นเดินถือสมุดขนาดเล็กไปถามเมนูจากลูกค้าหญิงสองคนซึ่งเพียงแค่สบดวงตาคมก็ทำเอาแก้มแดงอย่างไม่อาจห้ามได้ เขาว่ายิ่งอายุเยอะเสน่ห์ยิ่งแรงท่าจะจริงเพราะตอนนี้ร้านอาหารคลาคล่ำไปด้วยลูกค้าสาวจนแทบไม่มีโต๊ะให้นั่งบุลลาที่เพิ่งพาลูกลงมาเล่นข้างล่างชะงักขาพลันใบหน้าบึ้งตึงทันทียามเห็นรอยยิ้มกว้างมอบให้ผู้หญิงที่กำลังสั่งอาหาร เคยไล่เขาแล้วครั้งหนึ่งแต่ร่างสูงก็หน้าหนาเกินทนเพราะวันต่อมายังเอาใบหน้าหล่อเหลาพร้อมแววตาทรงชวนละลายมาให้เห็น“รอสักครู่นะครับ” รับรายการอาหารแล้วไปยื่นให้บานเย็นที่ขะมักเขม้นกับการเป็นแม่ครัวไม่นานคุณพสุธาก็เ
๓๑ไม่ได้ใจเธอสักทีร่างสูงที่อยู่ในชุดคนไข้ของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังประจำอำเภอคอยมองประตูรอหญิงสาวผู้เป็นที่รักมาเยี่ยมตามคำสัญญาที่ให้ไว้ทว่าเวลาเคลื่อนคล้อยไปบ่ายกว่าแล้วหล่อนกลับไม่ปรากฏกายราวกับไม่เคยมาหาจนคนใจร้อนทนไม่ไหวกระชากสายน้ำเกลือออกจนกองทัพซึ่งมองดูรีบเข้าไปห้าม"เฮ้ยไอ้เอิร์ธ มึงจะทำอะไร"รีบเข้ามาขวางเอาไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าสัตวแพทย์หนุ่มจะก้าวออกจากห้องแห่งนี้"กูจะไปหาบัว บางทีอาจเกิดอะไรขึ้นกับเมียกูก็ได้"สีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัดจนกองทัพต้องเอ่ยปรามพร้อมขันอาสาออกไปดูให้เอง"ไม่ต้อง มึงอยู่ที่นี่ห้ามไปไหน เดี๋ยวกูไปหาคุณบัวแล้วจะพามา"ใบหน้าซีดเซียวจากอาการไข้เพราะโหมงานหนักยังแสดงความกังวลความจริงพณณกรเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากเป็นไข้เพราะโหมงานหนักทั้งวันทั้งคืนแทบไม่ได้พักผ่อนจึงล้มหมอนนอนเสื่อเขาจะไม่ลงทุนขนาดนี้เลยถ้าทางโรงพยาบาลยอมให้ยืมห้องทว่าผู้บริหารคนใหม่ไม่อ่อนข้อให้กลุ่มนักธุรกิจหากไม่เจ็บป่วยก็ไม่สามารถนอนโรงพยาบาลได้แล้วคนอย่างเขาหรือจะยอม ชายหนุ่มจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้เข้ารับการรักษาแผนที่วางเอาไว้ให้ร่างบางใจอ่อนจึงได้เริ่มขึ้น"แต่
๓๒ทุกอย่างเป็นใจการพูดว่าจะเดินหน้าจีบของพณณกรทำให้บุลลาหนีหน้าเขาไปหลายวัน ทั้งงานที่ฟาร์มก็ยุ่งจนแทบปลีกตัวมาไม่ได้จึงไร้ความคืบหน้าระหว่างความสัมพันธ์ของสองหนุ่มสาวสองเดือนผ่านไปโดยที่ชายหนุ่มทำได้แค่เพียงเอาดอกไม้มาวางที่หน้าร้านพร้อมเขียนคำว่ารักและลงชื่อเอาไว้แต่เท่านั้นก็พอจะทำให้หล่อนเขินอายไปได้หลายวันแล้วสองแฝดเล่าให้แม่ฟังว่าตอนนี้ตนมีลุงเอิร์ธเป็นพ่อจะเอาไปเล่าให้เพื่อนฟังว่าพ่อดูดีและเท่มากแค่ไหน“พ่อเอิร์ธขี่ม้าเก่ง”ขณะนั่งกินข้าวอยู่ชั้นสองของบ้านโดยมีบุลลานั่งปอกส้มเพื่อให้สองแฝดกินหลังรับประทานอาหารเย็นเสร็จ“หล่อมากด้วย”ส่งรับกันอย่างดีราวถูกเตรียมมาโดยเฉพาะจนหล่อนต้องหรี่ตามองเพื่อจับผิด“แล้วมาบอกแม่ทำไม หือ” ลอกใยส้มออกเพื่อง่ายต่อการกินมองหน้าหนูจันทร์ที่เคี้ยวข้าวจนแก้มพองอย่างเอ็นดู“ก็พ่อเอิร์ธบอกให้ชมต่อหน้าแม่บัว” เจ้าเด็กน้อยไม่เก็บความลับที่คุณพ่อไหว้วานเลยสักนิดกลับบอกโต้งๆจนคนพี่ต้องรีบจับแขนแล้วเอานิ้วชี้ขึ้นจุ๊ปากเป็นการบอกให้เงียบ เด็กหญิงรีบวางช้อนยกมือขึ้นปิดปากตนเองทั้งเบิกตากลมโตให้กว้างขึ้นอย่างตกใจบุลลาหัวเราะร่วนขำกับท่าทีนั้นไม่มีอาการ