แชร์

๑๐ เปิดหัวใจ

๑๐

เปิดหัวใจ

วันที่ไร้พณณกรมันช่างเหงาเหลือเกิน เตียงที่เคยเล็กกลับกว้างอย่างน่าใจหาย ยกแขนขึ้นมาโอบกอดหมอนข้างซึ่งไม่ได้ให้ความอบอุ่นเท่าอ้อมแขนของเขาแม้แต่น้อย

..ป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้างหนอ อีกตั้งหนึ่งวันกว่าชายหนุ่มจะกลับคิดแล้วก็รู้สึกห่อเหี่ยว หากโทรศัพท์ไม่หายป่านนี้คงพอคลายความคิดถึงลงได้บ้าง

ถ้าเขากลับมาเธอจะบอกเรื่องที่เกิดขึ้นดีไหม..

อยากให้ชายหนุ่มปลอบปะโลมโอบกอดเอาไว้ทว่าก็กลัวเจอคำสั่งเด็ดขาดไม่อนุญาตให้ไปทำงานที่นั่นอีก ถึงจะเปลี่ยนเป็นภัตตาคารก็ตาม จำต้องเงียบเอาไว้ ไม่ลืมกำชับนุ่มนิ่มและคนที่รู้เรื่องให้สงบปากอย่าได้แพร่งพรายจนสามีหล่อนจับได้เป็นอันขาด งานนี้สร้างเงินเป็นกอบเป็นกำจะทิ้งไปก็แสนเสียดาย

ร่างบางพลิกกายไปมาคิดเห็นเพียงใบหน้าคมจนต้องลุกขึ้นนั่งมองดูรูปคู่แต่งงานซึ่งมารดาอัดกรอบมาไว้ในห้องนอนของหล่อนตั้งแต่เมื่อเดือนที่แล้ว จะว่าไปก็เกือบสองเดือนที่อยู่ในสถานะสามีภรรยาไม่รู้สึกอึดอัดใจอย่างที่คิด ยังสามารถเป็นตัวของตัวเองทำอะไรตามใจได้บ้างในบางเรื่องแต่ก็ยังมีสิ่งที่เขาห้ามเด็ดขาดคือยิ้มให้ผู้ชายคนอื่น

พณณกรเป็นบุคคลที่ขี้หึงมาก แค่มีผู้ชายเขาใกล้หรือมองหน้าหล่อนเกินห้าวินาทีก็โดนเขม่นจนต้องหลีกกายหนีให้ไกลก่อนใบหน้าคมจะหันมาดุเธอที่อ่อยเรี่ยราด ซึ่งบางครั้งตนยังไม่ได้ทำอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นเหตุให้ทะเลาะกันหลายรอบมาก แต่สุดท้ายก็จบด้วยการที่บุลลาทำอาหารง้อจึงคลายบรรยากาศมาคุลงได้

ยามเช้ามีเสียงไก่ขันตั้งแต่ตีสี่ ทำเอาคนพึ่งนอนหลับต้องลุกมาหุงหาอาหารสำหรับครอบครัวเล็กของตน โดยมีมารดารดน้ำต้นไม้อยู่หน้าบ้านและเมื่อดวงตะวันโผล่พ้นขอบฟ้าส่องแสงสว่างปลุกผู้อยู่ในห้วงนิทราต้องตื่นเพื่อรับวันใหม่ หญิงต่างวัยทั้งสามออกไปหน้าบ้านเพื่อใส่บาตรรับพรก่อนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตนเอง

"วันนี้จะนอนไหนล่ะบัว" ก่อนไปทำงานบานเย็นก็หันมาถามบุตรสาวที่กำลังถูบ้านอย่างขะมักเขม้น

"คงกลับไปนอนบ้านเขาแหละแม่" ไม่มีใครดูแลเจ้าตูบก็อดเป็นห่วงมันไม่ได้ ถึงไม่ใช่สุนัขของตนเองก็เลี้ยงดูมาเป็นเดือนจากผอมโซเริ่มอ้วนพีเดินแทบไม่ไหว

"นอนคนเดียวได้เหรอให้แม่ไปนอนเป็นเพื่อนไหม" อดเป็นห่วงบุตรสาวเพียงคนเดียวไม่ได้ บ้านหลังนั้นก็ห่างไกลผู้คนหากเกิดอะไรขึ้นมาจะร้องให้ใครช่วยได้

"ไม่เป็นไรหรอกแม่ หนูนอนคนเดียวได้ไม่ต้องเป็นห่วง มีไอ้ตูบอยู่ด้วยทั้งตัว" ว่าพลางยิ้มแย้มเพื่อให้บานเย็นสบายใจ

แต่คนแก่วัยก็นึกเป็นห่วงอยู่ดี

"แต่แม่ว่ารอให้คุณเอิร์ธกลับมาก่อนไม่ดีกว่าเหรอ ยังไงบัวก็เป็นผู้หญิงตัวคนเดียวพึ่งผ่านเรื่องร้ายๆ มาด้วย นอนที่บ้านอีกสักวันเถอะนะลูก"

เห็นดวงตาของท่านเต็มไปด้วยความห่วงใยก็นึกซาบซึ้ง ก่อนจะพยักหน้ารับคำของผู้ให้กำเนิดจนฝ่ายคะยั้นคะยอรู้สึกสบายใจ

"ก็ได้จ้ะ"

"ถ้าอย่างนั้นแม่ไปทำงานก่อนแล้วกัน เอ้อ แม่ไม่ได้เอารถไปนะ บัวจะขับไปที่บ้านหลังนั้นทำความสะอาดรอคุณเอิร์ธก็ได้"

..นั่นสิไม่รู้ป่านนี้บ้านจะฝุ่นจับแค่ไหน

มองตามแผ่นหลังเล็กของบานเย็นก่อนถอนหายใจ เธอได้รับอภิสิทธิ์ให้หยุดงานอีกครั้งโดยประกาศิตจากคุณชลธีที่รับรู้เรื่องราวทั้งหมด

ภายใต้เรื่องเลวร้ายก็มีเรื่องที่ดีซ่อนอยู่ ทำให้เธอได้รับรู้ถึงความหวังดีและมิตรภาพจากผู้คนรอบข้าง

เมื่อทำความสะอาดบ้านของตนเองจนครบทุกห้อง ก็ขับรถมอเตอร์ไซค์ไปยังเรือนหอหลังเล็กซึ่งรายล้อมด้วยธรรมชาติอันสวยงามจนตอนนี้เธอตกหลุมรักมันเสียแล้ว เสียงน้ำไหลเอื่อยอยู่หลังบ้านทำให้ตัดสินใจเดินมาดูผักที่ปลูกเอาไว้ซึ่งเริ่มโตแล้วในบางแปลง บุลลานำถังเล็กไปตักน้ำลำธารมารดต้นไม้ก่อนได้ยินเสียงเห่าของเจ้าตูบ

มันวิ่งมาหาแล้วเลียขา กระดิกหางดีใจยกใหญ่

"พอแล้ว จะดีใจอะไรขนาดนั้น ไม่เจอกันแค่สองวันเอง" สัตว์แสนรู้จึงหมอบลงก่อนร่างบางจะเดินไปหน้าบ้าน เปิดประตูแล้วหาของกินสำหรับสุนัขตัวเล็ก

หลังจากให้อาหารแล้วจึงเริ่มทำงานบ้าน เริ่มจากนำผ้าปูที่นอนและผ้าห่มไปซัก ยกเสื้อผ้าเต็มตะกร้าลงเครื่องค่อยเข้ามากวาดพื้นแล้วถูจนสะอาด ใบหน้าหวานมีเหงื่อเกาะเต็มจึงเข้าห้องน้ำเพื่อล้างหน้าดีที่บ้านหลังนี้มีเครื่องทำน้ำอุ่นจึงค่อนข้างเป็นที่พอใจสำหรับผู้หญิงที่ไม่ชอบน้ำเย็นยิ่งนัก

หล่อนออกไปตากเสื้อผ้าก่อนเข้าห้องนอนหยิบผ้าปูอีกผืนออกมาคลุมเตียงแล้วนำผ้าห่มมาคลุมทับ ไม่ลืมเปลี่ยนปลอกหมอนจนเสร็จสิ้นทุกอย่าง จึงล้มตัวลงนอนเพราะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยลืมความหิวไปหมดสิ้นแม้จะล่วงเลยเข้าสู่เที่ยงวันแล้วก็ตาม ไม่ได้ยินเสียงท้องที่ร้องครวญครางและไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถยนต์ที่ขับมาจอดหน้าบ้าน

ร่างสูงเลิกคิ้วด้วยความสงสัยเมื่อเห็นรถมอเตอร์ไซค์ของบ้านบุลลาจอดหน้าบ้าน ก่อนมองไปที่เจ้าตูบซึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ ทั้งประตูหน้าบ้านยังเปิดเอาไว้จนกว้างอีก

"ไม่ไปทำงานเหรอ" พึมพำเสียงเบาแล้วเปิดท้ายรถ นำถุงเสื้อผ้าที่ซื้อให้บุลลามาถือ เดินเสียงเบาเข้าไปภายในบ้านก่อนจะค่อยเปิดประตูห้องนอน ริมฝีปากหนาได้รูปค่อยยกขึ้นอย่างมีความสุข เมื่อเห็นผู้ที่ขึ้นชื่อว่าภรรยานอนหลับใหลอยู่กลางเตียง เขาวางถุงทั้งหลายลงที่พื้นก่อนเดินย่องไปนอนลงข้างกายเล็ก โอบกอดหล่อนเอาไว้จากทางด้านหลัง

ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านไปทั่วแผ่นหลังทำให้บุลลาต้องพลิกกายแล้วหันหน้าโอบกอดไออุ่นนั้นเอาไว้เพราะคิดว่าเป็นหมอนข้าง ทว่าเมื่อวาดวงแขนไปมันกลับแข็งจนต้องขมวดคิ้ว

..ไม่ใช่หมอนข้างแต่เป็นคนต่างหาก!

ดวงตากลมโตลืมขึ้นพบแผงอกหนาที่ถูกทับด้วยเสื้อเชิ้ตเนื้อดี กลิ่นกายที่นึกโหยหาทุกค่ำคืนตอกย้ำให้รู้ว่าบัดนี้ชายที่คิดถึงได้กลับมาแล้ว หล่อนเงยหน้าขึ้นจนกระทั่งได้สบตากับเขา แล้วน้ำตาที่ไม่คิดว่าจะไหลก็ถูกปล่อยออกมาราวก๊อกแตก สร้างความตกใจให้ร่างสูงจนต้องเอ่ยถามเสียงสั่น

"เฮ้ย เป็นอะไร เธอร้องไห้ทำไม" มือหนายกขึ้นเช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าหวานทันที

"ไอ้บ้า นายมันคนเห็นแก่ตัวฉันโทรไปก็ไม่รับ ฮือ ไม่โทรกลับมาหาฉันเลย รู้ไหมว่าฉันคิดถึงมากแค่ไหน ไอ้ผู้ชายเฮงซวย ไอ้คนเลว คนชั่ว..อื้อ" ขณะที่กำลังจะพ่นคำด่ามาอีกระลอกใหญ่

เขาก็ทำการปิดปากเธอเอาไว้ด้วยจุมพิตแสนหวาน เพียงแค่ได้ยินคำว่าคิดถึงหัวใจของเขาก็พองโตคับอกจนแทบจะหลุดออกมาแล้ว

ผละจากริมฝีปากเล็กก็จูบซับน้ำตาให้อีกฝ่ายทันทีก่อนจะแช่ค้างไว้ที่เปลือกตาแล้วปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระ

"ฉันก็คิดถึงเธอ"

เพียงเท่านั้นบุลลาก็โผเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นอีกครั้ง ซบหน้าเข้าที่อกหนาจนได้ยินเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะของเขา

แค่นี้ก็รู้สึกถึงความปลอดภัยแล้ว

"อีกอย่างฉันก็โทรกลับหาเธอเหมือนกันแล้วทำไมไม่รับสาย เกือบจะปาโทรศัพท์ทิ้งแล้วขับรถมาหาเลยนะ" ลูบศีรษะมนนึกเอ็นดูพลางถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่ได้ต้องการหาเรื่องทว่าก็สัมผัสได้ถึงความคุกรุ่นในประโยคนั้น

จนหล่อนชะงักไปชั่วครู่

"ทำหายน่ะ ไม่รู้ไปตกอยู่ที่ไหน"

ได้ยินอย่างนั้นก็มะเหงกใส่คุณภรรยาจอมเซ่อไปหนึ่งทีไม่ได้ จนเธอร้องด้วยความเจ็บ

"โอ๊ย เจ็บนะ" เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าคมที่เกลี้ยงเกลาทั้งที่ก่อนใบหนวดเครายังครึ้มอยู่เลย

"ก็ลงโทษไง คนอะไรไม่รู้จักรักษาของเลยแล้วมาโทษว่าฉันไม่รับโทรศัพท์" ส่ายหน้านึกระอาปล่อยให้ความเงียบโอบล้อม กระทั่งชายหนุ่มนึกขึ้นได้ว่ามีของจะให้จึงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของตน

ร่างบางไม่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวของชายหนุ่มเธอยังคงกอดเขาเอาไว้แน่น คงต้องยอมรับกับตนเองว่าเธอติดสัมผัสของเขาไปแล้ว ทั้งอ้อมกอดแข็งแกร่ง กลิ่นกายเย็นสดชื่นอันเป็นเอกลักษณ์ เสื้อยืดตัวโคร่งที่ชอบเอาของอีกฝ่ายมาใส่นอนประจำ นึกไม่ออกเลยว่าถ้าต้องแยกกันอีกจะเป็นอย่างไร

"ลุกขึ้นหน่อยสิ ฉันมีของฝากจากกรุงเทพฯ ให้เธอ" ผละออกจากร่างบางจึงสั่งเสียงนิ่ง

ทำเอาคนตัวเล็กจำต้องลุกขึ้นตามแบบงงๆ ในใจก็รู้สึกตื่นเต้นกับของฝากแต่ก็พยายามรักษาใบหน้าเอาไว้ ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเป็นของราคาแพงเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาชายหนุ่มค่อนข้างประหยัดในเรื่องเสื้อผ้า แต่จะทุ่มไม่อั้นกับเหล้าเบียร์จนต้องปรามไปหลายครั้ง

"อะไรน่ะ" มองลูกบอลกลมขนาดเล็กที่อยู่ในตู้ของเล่นเด็กซึ่งมักจะเห็นบ่อยยามไปหน้าร้านมินิมาร์ท ของข้างในคงไม่พ้นแหวนปลอมไม่ก็ตุ๊กตาขนาดจิ๋ว ใบหน้าหวานไม่สามารถปิดบังความผิดหวังเอาไว้ได้

จนเขาต้องหลุดหัวเราะ

"เอาไปเปิดดูสิ"

จำต้องรับของฝากที่เขาให้มาแล้วหมุนมันออกช้าๆ เผยให้เห็นของข้างในทำเอาด้วงตากลมโตเบิกกว้างเพราะมันคือสร้อยคาเทียร์สีทองอย่างที่เคยนึกอยากได้

"นะ นี่นายไปเอาเงินมาจากไหน!" ถามเสียงสั่นพลางหยิบสร้อยออกมาดูอย่างสำรวจ ของแท้แน่นอนไม่ได้ลอกเลียนแบบ เธอเคยเมียงมองหลายครั้งเพราะอยากได้แต่จำต้องอดใจเอาไว้ ราคาหลักแสนของมันทำให้ไม่สามารถทำใจซื้อได้ เพราะซื้อสร้อยคอนี้เส้นเดียวสามารถดาวน์รถได้ด้วยซ้ำ

"ค่าจ้างเป็นวิทยากรไง” คำตอบที่ถูกเตรียมมาอย่างดียังไม่ทำให้คลายความสงสัยได้

"อย่ามาโกหกนะเส้นนี้ตั้งแสนกว่า ใครเขาจะจ้างนายเยอะขนาดนั้นกัน"

"แค่ห้าพันเอง เธอเอาจากไหนมาบอกว่าแสน" เขาลดราคาสร้อยคอลงมาจนแทบไม่เหลือเค้าความจริง

บุลลาส่ายหน้าปฏิเสธทันที

"ฉันไม่ได้โง่นะ เส้นนี้ของแท้แน่นอน"

"ไม่รู้สิ ฉันซื้อต่อเพื่อนในราคานี้ ว่าแต่..เธอชอบไหม" จากร้านดังสู่ของมือสอง แต่หล่อนก็ไม่ได้รู้สึกตะขิดตะขวงใจแต่อย่างใด ความสงสัยคลายไปได้บ้าง แม้จะคิดว่าใครเขาจะขายคาเทียร์ที่ซื้อมาแสนกว่าในราคาห้าพันกัน หรือว่าตาเธออาจจะเบลอมองของก๊อปปี้เป็นของแท้

..ช่างเถอะ แค่เขามีน้ำใจซื้อให้ก็ดีแล้ว

"ชอบสิ ชอบมากเลย"

ได้ยินอย่างนั้นคนที่ตั้งใจซื้อก็ยิ้มแก้มปริ หยิบสร้อยออกจากลูกบอลกลมมาสวมที่ลำคอขาวอย่างเชื่องช้าก่อนจะจุมพิตที่หลังคอเป็นการตอกย้ำว่าผู้หญิงคนนี้เขาได้จับจองเอาไว้แล้วด้วยสร้อยทองที่มีแหวนคล้องกัน

"ฉันจองเธอแล้วนะ ห้ามมีใคร ไม่อย่างนั้นฉันเอาตายทั้งเธอทั้งมัน" คนขี้หวงเอ่ยด้วยสายตาข่มขู่

จนหล่อนต้องขึ้นไปนั่งบนตักแล้วหอมแก้มเขาอย่างเอาใจ

"ไม่มีใครหรอกน่า นายก็ห้ามมีใครเหมือนกัน"

สองสามีภรรยาสบตากัน พลันใจของชายหนุ่มก็นึกรู้สึกผิดที่การลงไปเมืองหลวงครั้งนี้ทำให้เขามีสัมพันธ์ทางกายกับผู้หญิงคนอื่นที่ไม่ใช่หล่อน

"อือ ไม่มีหรอก"

บุลลายิ้มให้เขาแล้วก้มมองสร้อยคอสีทอง หยิบมันดูอย่างชื่นชม ชอบของฝากครั้งนี้ของเขาเหลือเกิน

ในขณะที่ร่างสูงก็มีสีหน้าไม่สู้ดีนัก เรื่องราวที่เหมือนจะดำเนินไปด้วยดีกลับต้องสะดุดลงเพราะความจริงที่เขาไม่ได้บอกหล่อน

เอาไว้ก่อนแล้วกัน ยังมีเวลาอีกมาก..ตอนนี้ขอพิสูจน์ความจริงใจของเธออีกหน่อยจะบอกความจริงทุกอย่างที่ปิดบังเอาไว้

วันต่อมาทั้งคู่ต่างแยกย้ายไปทำงานโดยเรื่องที่เกิดขึ้นกับบุลลาไม่ใครพูดถึงสักคน พณณกรจึงไม่รู้เรื่องของหญิงสาว กระทั่งตกเย็นกลับมาบ้านเห็นคนตัวเล็กทำอาหารรอก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

"วันนี้ไม่ไปทำงานเหรอ"

มือที่กำลังผัดผักก็ชะงักก่อนจะหันมายิ้มหวานกว่าปกติให้ร่างสูง พยายามไม่แสดงพิรุธออกไป

"พอดีร้านเขาปิดปรับปรุง อีกหนึ่งสัปดาห์ถึงจะเปิด"

ใบหน้าคมพยักหน้าพลันยกยิ้มอย่างดีใจ อันที่จริงปิดไปถาวรเลยก็ดี เมียเขาจะได้ไม่ต้องลำบากไปทำงานทุกเย็นให้เหนื่อยกายเปล่า เอาเวลามาออกกำลังกายในร่มผ้าร่วมกันท่าจะสนุกกว่า

 ขณะที่เขาตกอยู่ในความคิดของตนเองกลิ่นกะเทียมจากกระทะก็ลอยเข้าจมูก ทำเอาสัตวแพทย์หนุ่มรีบปิดจมูกแล้วพุ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว

"อ้วก อ้วก"

โก่งคออาเจียนลงชักโครก ทำให้ร่างบางเป็นห่วงต้องปิดแก๊สเดินมาลูบหลังให้เขาด้วยสีหน้ากังวล

"เป็นอะไรทำไมอยู่ดีๆ ก็อ้วก" เมื่อชายหนุ่มอาเจียนออกจนหมดพร้อมเดินไปล้างหน้าล้างปากที่อ่างล้างหน้าก็เอ่ยถามขึ้น ทั้งที่เข้ามาก็ปกติดีทุกอย่างแท้ๆ

"ก็กลิ่นกะเทียมของเธอนั่นแหละตีเข้าจมูกเลย มันเน่าหรือเปล่าทำไมเหม็นขนาดนี้" หันไปมองก็แทบจะพุ่งไปอาเจียนอีกรอบจนต้องหันหน้าหนี

"จะบ้าเหรอฉันเพิ่งซื้อมันจะเน่าได้ยังไง ปกติก็ไม่เห็นเป็นแบบนี้" ประคองคนที่ตัวใหญ่กว่านั่งลงโซฟาหน้าทีวี คว้าหนังสือที่อยู่ใกล้มาพัดพร้อมยื่นยาดมซึ่งวางไว้แถวนั้นให้เขาทันที

"ไม่รู้เหมือนกัน ฉันเพิ่งเป็นวันนี้วันแรก" เหนื่อยจนหอบหายใจถี่ ถึงจะอาเจียนจากการเมาค้างบ่อยแค่ไหนก็ไม่รู้สึกว่าหมดเรี่ยวแรงขนาดนี้มาก่อน

"เดี๋ยวฉันจะเปลี่ยนเมนูให้แล้วกัน เอาเป็นสลัดผักใส่อกไก่ฉีกกับสเต๊กปลาแซลมอนดีไหม" จากที่จะทำผัดกระเพรากับต้มข่าไก่ จำต้องเปลี่ยนเมนูกะทันหันเพราะเห็นอาการของสามีคงต้องบำรุงด้วยพืชผักเยอะหน่อย

"ตามใจเลย" ปล่อยให้ร่างบางจัดการเพราะเขาคิดไม่ออกว่าอยากกินอะไร คู่ของตนไม่เคยมีปัญหาเรื่องการถามว่าเย็นนี้กินอะไรสักทีเพราะหล่อนจัดการเองหมด เมนูทั้งไทยและเทศถูกปรุงแต่งราวแม่ครัวมือเอก จนนึกอยากพาบุลลาไปอวดเพื่อนสมัยเรียนเหลือเกิน

..งานบ้านไม่มีขาดงานบนเตียงไม่มีหย่อนแบบนี้เขาจะไปไหนได้

ถึงจะไม่ได้กลิ่นกระเทียมแต่อารมณ์เขาค่อนข้างแปรปรวนง่าย หากวันไหนดีลูกน้องก็สบายไปแต่วันไหนทะเลาะกับเมียมาหน้าหงิกจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ เขานำชุดที่ซื้อมาให้หล่อนซึ่งคืนนั้นคนตัวเล็กก็ขอบคุณโดยการขึ้นคร่อมร่างสูงมอบความสุขให้กว่าค่อนคืน

หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปอย่างรวดเร็วและบุลลาก็ต้องไปทำงานที่ภัตตาคารเป็นวันแรกแต่ยังไม่ได้บอกชายหนุ่มว่าเปลี่ยนสถานที่ทำงานหากเย็นนี้เขาไปรอที่เดิมจะทำอย่างไร ความลับที่ปิดเอาไว้ได้แตกกันพอดี นึกกังวลขณะที่นำอาหารออกไปตั้งไว้โต๊ะหน้าบ้าน

"วันนี้เธอไปทำงานที่ร้านใช่ไหม"

ยังไม่ทันจะได้เอ่ยอะไรชายหนุ่มก็ถามขึ้นเสียแล้ว รู้สึกเหมือนกำลังโดนครูปกครองสอบสวนอากาศเริ่มเย็นทั้งที่ไม่มีลมสักนิด

"อืม" ถ้าจะบอกว่าไม่ต้องไปรับเธอก็กังวลว่าจะเจอคนพวกนั้นอีกทั้งที่รู้ว่าเสี่ยกรรชัยเอาทุกคนเข้าคุกแล้วก็ตามแต่อีกไม่นานก็คงได้ออกมา หากมันมาแก้แค้นเธอจะทำอย่างไร แสดงออกถึงความกังวลจนร่างสูงจับสังเกตได้

"เป็นอะไร ไม่อยากไปทำงานเหรอ"

มองเขาแล้วส่ายศีรษะจนผมสะบัดไปตามแรง

"เปล่า แค่ไม่ค่อยชินน่ะ หยุดไปตั้งนาน"

สัตวแพทย์ตักข้าวต้มปลามากินพลางอมยิ้มอย่างมีความสุข อาหารที่หล่อนทำอร่อยทุกอย่างเลย

"เอ่อ คือฉัน" ขณะที่จับช้อนคนข้าวเพื่อให้ไอร้อนระเหยก็ตัดสินใจจะบอกเรื่องสถานที่ทำงานใหม่แก่เขา ทว่าก็กลัวอีกฝ่ายจะสงสัยถึงเหตุผลที่ต้องเปลี่ยนงาน ความคิดตีกันยุ่งไปหมดจนอยากพูดความจริงให้หมดทุกอย่างว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่พณณกรไม่อยู่

"มีอะไรจะบอกหรือเปล่า" เห็นอ้ำอึ้งจึงถามพลางมองตากลมโตนิ่ง

แค่นั้นใจของหล่อนก็แฟบลงราวจะหมดลม

"อ๋อ จะบอกว่าฉันเลิกงานห้าทุ่มครึ่ง แค่นั่นแหละพอดีต้องเก็บโต๊ะช่วยปิดร้านด้วยน่ะ เห็นว่าได้เงินเพิ่ม" เขาไม่ค่อยชอบใจเท่าไหร่นักแต่หากพูดอะไรมากก็จะมีแต่ทะเลาะกัน

"ถ้าเธอเหนื่อยก็เลิกทำเถอะ ฉันมีเงินเลี้ยงเมียคนเดียวเอง" หากบุลลารู้ว่าเขาคือพณณกร วิจิตรประภาคงไม่ต้องหาเงินให้วุ่นแบบนี้หรอกแต่เพราะหล่อนไม่รู้จึงทำเพียงหัวเราะราวจะเยาะคำพูดของอีกฝ่าย

"อย่างกับมีเงินเยอะ เก็บเงินของนายไว้เถอะฉันจะทำงานหาเอง"

บรรยากาศขมุกขมัวมาเยือนอีกครั้งหลังจากนั้นก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรทำเพียงรับประทานข้าวเช้าไปเงียบๆ เขาขับรถมอเตอร์ไซค์ไปส่งเธอที่ไร่ก่อนจะเลยไปยังฟาร์มของตน

ลูกน้องเห็นเจ้านายใบหน้าเคร่งขรึมก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปทัก ยกเว้นคู่หูที่เดินเข้าไปเหยียบรังแตนอย่างไม่นึกกลัว

"หน้าบึ้งมาทำงานเลยนะนาย เมียไม่ทำการบ้านให้เหรอครับ" โอ้เอ่ยขึ้น

"หรือนกเขาไม่ขันเมียเลยจะทิ้ง ฮิ้ว"

สองคนตอบรับกันเป็นอย่างดีก่อนจะล้มลงกับพื้นเพราะโดนสัตวแพทย์หนุ่มถีบเต็มแรง ร้องโอดโอยไปตามกัน

"โหนาย ไม่ผ่อนแรงบ้างเลย เจ็บนะครับ" อาร์ตหันมาโวยเสียงไม่จริงจัง

ถึงจะโดนทำร้ายร่างกายบ่อยแค่ไหน สองคนก็ไม่เคยโกรธเจ้านายเลยสักครั้ง อาจเพราะครั้งหนึ่งเมื่อพวกเขาติดยาเสพติด ชายหนุ่มผู้นี้ไปฉุดให้ขึ้นจากขุมนรกแล้วสอนงานในไร่ จึงทำให้โอ้กับอาร์ตนับถือพณณกรเสียยิ่งกว่าพ่อแม่อีก

"รำคาญ พวกมึงไปให้พ้นหน้ากูเลยนะ ไม่อย่างนั้นจะเจอยิ่งกว่าถีบ" ชี้หน้าแล้วดุเสียงเข้มก่อนหันไปเริ่มทำงานโดยการผสมอาหารให้ม้าพันธุ์ดีที่ไปแข่งวิ่งข้ามสิ่งกีดขวางจนได้รางวัลมาให้คนเป็นนายเชยชม เสร็จจากคอกม้าก็มุ่งสู่คอกวัวตักอาหารลงรางพร้อมทั้งอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายให้มัน

งานทางฟาร์มมีมากพอกับไร่รุ่งอรุณแต่จำนวนคนงานค่อนข้างน้อยเนื่องจากสัตวแพทย์หนุ่มคุมทุกอย่าง ใครที่เกียจคร้านหรือทำงานพอเอาหน้า เขาไล่ตะเพิดออกหมด เคยมีผู้หญิงมาลองดีก็เจอคำด่าไปเป็นกระบุง จนต้องร้องไห้เดินออกมาทั้งน้ำตา ไม่กล้าจะเหยียบย่างมาที่ฟาร์มสายรุ้งอีกเลย

ใครก็ว่านายหล่อแต่ปากหมา ผู้หญิงคนไหนได้ไปซวยทั้งชาติ..และบุลลาคือคนนั้น

"ไม่บอกนายแบบนี้จะดีเหรอบัว" ขณะที่มาถึงโรงแรมหรูของอำเภอ นุ่มนิ่มก็หันไปถามด้วยความกังวล กิตติศัพท์ความร้ายของพณณกรเป็นที่เลื่องลือจนอดกลัวไม่ได้ว่าเพื่อนจะโดนหนักแค่ไหน

"ดีสิ ขืนบอกไปฉันคงไม่ได้ทำงานหรอก" ไม่ใช่ว่าไม่กลัวเขาแต่เพราะอำนาจเงินมันหอมหวานกว่าบุลลาจึงตัดสินใจจะปิดบังแล้วมุ่งหาเงินใช้หนี้ธนาคาร บางเรื่องถ้าบอกแล้วทำให้ทะเลาะกันจนเสียการเสียงานก็ควรเก็บเงียบเอาไว้อาจดีต่อทั้งสองฝ่าย

"สวัสดีค่ะเสี่ยกรรชัย "ก่อนจะได้พูดอะไรกันมากกว่านี้ก็เห็นร่างสูงใหญ่ของเสี่ยกรรชัยผู้เป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้เดินมาเสียก่อน ร่างบางจึงรีบยกมือขึ้นไหว้มองผู้มีพระคุณด้วยความซาบซึ้ง

"มากันเร็วดีนะ เดี๋ยวฉันจะพาพวกเธอเข้าไปคุยรายละเอียดแล้วก็เริ่มงานวันนี้ ดีไหม"

สองสาวพยักหน้าพร้อมกันเดินตามเสี่ยใหญ่เข้าไปในโรงแรมโดยมีสายตาของฟ้ามุ่ยมองตามพลางนึกสงสัย

"จอดก่อนๆ" สาวร่างอวบที่ทำงานเป็นแม่บ้านอยู่สำนักงานไร่บอกวินมอเตอร์ไซค์ให้จอดหน้าโรงแรมชื่อดังของอำเภอ เห็นแผ่นหลังคุ้นเคยของบุลลา โดยสายตาไม่สังเกตนุ่มนิ่มที่อยู่ห่างออกไปเพียงเล็กน้อยสักนิด ข้างกันนั้นมีผู้ชายร่างสูงเดินแนบชิดราวจะติดเป็นเนื้อเดียวกัน

หรือว่าจะเป็นชู้..

แค่คิดริมฝีปากก็แต้มยิ้ม ถ้าพณณกรรู้เรื่องนี้จะเป็นอย่างไรบ้างนะ ขาเตียงคงได้หักก็คราวนี้แหละ

"เข้ามาก่อนสิ" ห้องทำงานที่อยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมถูกเปิดต้อนรับทั้งสองทำเอาต้องมองด้วยความตกตะลึง

ชายหนุ่มเนรมิตชั้นนี้ให้เป็นที่พักอาศัยของตนโดยมีทั้งห้องนอน ห้องทำงาน ห้องออกกำลังกายและห้องภาพยนตร์ ความหรูหราสมฐานะสร้างความตื่นเต้นแก่บุลลายิ่งนัก

ภายในห้องทำงานมีเอกสารวางบนชั้นอย่างเป็นระเบียบโดยเรียงตามตัวอักษร โต๊ะไม้สีดำเงางามตัวใหญ่ตั้งไว้กลางห้องโดยผนังเป็นกระจกทำให้มองเห็นวิวทิวทัศน์ของอำเภอที่มีภูเขาซ้อนกันบนยอดถูกเมฆปกคลุมเอาไว้สวยจับตา จนต้องเดินไปยืนมองก่อนรีบหันมาขอโทษเพราะรู้สึกว่าสิ่งที่ทำเป็นการเสียมารยาท

"ดูก่อนก็ได้ มันสวยใช่ไหมล่ะ" เหมือนนุ่มนิ่มกลายเป็นส่วนเกินสำหรับสองคนเพราะสายตาของเสี่ยใหญ่เอาแต่มองใบหน้าหวานของคนตัวเล็ก

"ค่ะ สวยมากเลย"

ห้องที่กว้างปูด้วยพื้นพรมด้านขวามีโซฟารูปตัวแอลวางตั้งเอาไว้ยังไม่สามารถลดทอนความใหญ่โตของห้องนี้ได้ เคยนึกฝันว่าจะมีเพนท์เฮาส์หรูหราเป็นของตนเองบ้างแต่มันก็เป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้นในเมื่อชีวิตของเธอไม่สามารถเอื้อมถึงได้

ฟ้าคงลิขิตไว้แล้วและคนอย่างบุลลาก็ไม่สามารถขัดบัญชาสวรรค์ได้เสียด้วย

"อะ ขอโทษค่ะ" ประตูห้องถูกเปิดออกก่อนสาวใช้จะพยายามปิด ทว่าช้ากว่าเจ้าของห้องที่เดินไปจับประตูไม้หนาเอาไว้แล้วดึงข้อมือเล็กให้เข้ามาภายในห้อง บุลลาและนุ่มนิ่มหันไปมองคนมาใหม่แล้วนึกชื่นชมในความสวยของอีกฝ่าย ถึงจะอยู่ในชุดแม่บ้านที่เป็นเดรสแขนตุ๊กตาสีดำกระโปรงฟูฟ่องยาวเท่าเข่าก็น่ารักจับใจไม่เหมือนแม่บ้านสักนิด

"ฉันว่าตรงนั้นยังไม่สะอาดนะ เข้าไปทำใหม่" แววตาที่เคยอ่อนโยนดุดันขึ้นจนแม่บ้านสาวตัวสั่นเดินไปยังโซฟาสีเบจแล้วเริ่มทำความสะอาดอีกครั้ง "ผมว่าเราเอาตามสัญญาเก่าของที่ร้านก็ได้ครับ ส่วนเวลาเลิกงานก็ห้าทุ่มไม่มีเลทไปกว่านี้ เรื่องเงินเดือนฉันให้หมื่นห้าไม่รวมทิป หยุดงานได้หนึ่งวันตกลงกันนะครับว่าจะหยุดวันไหนแล้วค่อยมาบอกฉัน" รวบรัดอย่างรวดเร็วทำเอาสองสาวมองหน้ากัน

..ถ้าเขาจะพูดปากเปล่า แล้วจะพาพวกเธอขึ้นมาชั้นบนเพื่ออะไร

ร่างสูงเดินไปหาบุลลาพร้อมแตะเข้าที่เอวบาง ดึงเข้ามาใกล้ตัวเล็กน้อย

"คุณหายตกใจหรือยังครับ"ถามเสียงเบาพร้อมโน้มเข้ามากระซิบที่ข้างหู

"เอ่อ ค่ะ ดีแล้วค่ะ" ขืนตัวออกเล็กน้อย นอกจากสามีแล้วหล่อนก็ไม่สนิทใจจะให้ใครใกล้ชิดจึงค่อนข้างกระอักกระอ่วนกับการกระทำของเสี่ยกรรชัย

นุ่มนิ่มมองทั้งสองอย่างเลิ่กลั่กอยากเข้าไปช่วยบุลลาก็ไม่กล้าเพราะอีกฝ่ายเป็นนายจ้างจนกระทั่งร่างสูงยอมปล่อยให้หล่อนเป็นอิสระเพราะได้ยินเสียงแจกันแตก

เพล้ง

"ขอโทษค่ะ ดิฉันจะรีบเก็บให้นะคะ" สาวใช้ก้มลงไปหวังเก็บเศษแก้วที่แตกจนโดนบาดเข้าที่มือเนื่องจากไม่ระมัดระวัง ดวงตากลมโตมีน้ำใสคลอต้องพยายามอดกลั้นไม่ให้มันไหล

"ซุ่มซ่ามจริงๆ ออกไปให้พ้นหน้าฉัน" ขึ้นเสียงเล็กน้อย

แต่นั่นก็ทำเอาผู้หญิงทั้งสามคนที่อยู่ในห้องสะดุ้งไปตามกัน

"ค่ะ" หล่อนก้มหน้ารับคำ กำมือตนเองแน่นไม่ให้เขาเห็นว่าเลือดไหลแล้วรีบเดินออกไปพร้อมหัวใจที่เจ็บปวด

เสี่ยกรรชัยมองตามเพียงครู่แล้วหันมาบอกให้พวกเธอลงไปทำงานได้เพราะใกล้เวลาเข้างานแล้วพร้อมจัดการเรื่องชุดใหม่โดยไม่ต้องเสียเงินซื้อเอง

เมื่อทุกคนออกไปทั้งห้องก็เหลือเพียงเสี่ยหนุ่มซึ่งเดินไปนั่งลงบนโซฟายาวยกยิ้มมุมปากอย่างร้ายกาจ แล้วหยิบโทรศัพท์ของบุลลาออกมาจากกระเป๋ากางเกง สายเรียกเข้านับสิบที่ขึ้นชื่อว่า 'หมอหมา' เขาเดาได้ไม่ยากว่าเป็นใคร

..แต่ถ้าเปิดเผยตัวตอนนี้ทุกอย่างก็ไม่สนุกน่ะสิ

รอเวลาอีกสักหน่อยแล้วกัน ให้สาสมกับที่มันแย่งผู้หญิงของเขาไป ถึงแม้ว่าเธอคนนั้นจะเป็นเพียงแค่คนขัดดอกที่ตนไม่ต้องการก็ตาม!

งานวันแรกดำเนินไปด้วยดีและเมื่อถึงห้าทุ่มบุลลาก็บอกให้เพื่อนไปส่งที่ร้านอาหารเดิมที่เคยทำงานต้องรอพณณกรไม่ให้อีกฝ่ายจับได้ ทว่ายังไม่ทันจะได้ออกไปไหนร่างสูงของเสี่ยกรรชัยก็เดินมาดักทางเอาไว้เสียก่อน สร้างความขัดใจแก่หล่อนยิ่งนักแต่ไม่กล้าแสดงออกทางสีหน้า

"เป็นอย่างไรบ้างงานวันแรก" ถึงแม้จะเป็นเวลาดึกทว่าเจ้าของโรงแรมกลับอยู่ในชุดสูทเต็มยศเหมือนเดิม

จนอดคิดไม่ได้ว่า

..เขาคงจะนอนทั้งอย่างนี้

"ดีค่ะ" ตอบน้อยคำทั้งที่จริงเธออยากจะบอกว่ามันดีกว่าร้านอาหารมากเหลือเกิน ลูกค้าก็มีมารยาทไม่ได้เล้าโลมเธอทางสายตา งานก็ไม่หนักมีเพียงเสิร์ฟอาหาร รับรายการ เก็บโต๊ะยกมือขอบคุณพร้อมรอยยิ้มหวานเท่านั้น งานง่ายแถมได้เงินเยอะอีก

"เห็นอย่างนี้ก็เบาใจ พวกเธอไม่ต้องกังวลเรื่องพนักงานชายนะส่วนมากคัดนิสัยด้วย ไม่มีเหมือนที่เดิมหรอก" บอกให้สบายใจก่อนหันไปมองนุ่มนิ่มที่ขยับตัวไปมา

"เป็นอะไรนิ่ม" บุลลาถามเพื่อน

"มันดึกแล้วฉันกลัวถึงบ้านค่ำ เรากลับกันเถอะ"

ลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเธอจึงต้องหันมาหาเสี่ยกรรชัย

"พวกเราต้องกลับแล้วค่ะ ถ้ามืดกว่านี้กลัวว่าจะเกิดเรื่องแบบวันนั้นอีก" เขาพยักหน้าเข้าใจไม่ได้รั้งปล่อยให้สองสาวเดินไปที่รถก่อนจะหยิบโทรศัพท์ของบุลลาออกมา

"ว้า ลืมเลยว่าต้องเอาคืน จะทำยังไงดีล่ะ.." พึมพำเสียงเบาทั้งที่ภายในหัวคิดถึงแผนร้าย ทว่ายังไม่ทันจะได้ก้าวไปไหนก็เห็นร่างเล็กในครรลองสายตาก่อนเขาจึงเดินตรงไปหาผู้หญิงที่ถูกตราว่าตัวขัดดอกทันทีคว้าข้อมือเล็กเอาไว้จนร่างนั้นปลิวมากระทบแผงอก "ค่ำมืดแล้วจะไปไหน เดินอ่อยผู้ชายไปทั่วถ้าท้องไม่มีพ่อจะทำยังไง"

วาจาแสนร้ายกาจออกมาจากปากของชายที่เคยนึกชื่นชม แววตาเศร้าเงยขึ้นสบตาเขาพยายามขืนตัวออกมาเพื่อให้มีช่องว่างระหว่างกันแม้เพียงน้อยนิดก็ยังดี

"แก้วแค่จะไปมินิมาร์ทค่ะ"

"หึ นัดใครเอาไว้อีกล่ะ หรือจะกลับไปคั่วกับไอ้เอิร์ธอีกแต่เสียใจด้วยนะ เธอคงไม่รู้ว่ามันมีเมียแล้ว ถ้าไปอยู่กับมันก็คงเป็นได้แค่เมียน้อย"

คนพูดไม่ได้คิดอะไรไปมากกว่าความสะใจและอยากเห็นผู้หญิงตรงหน้าเจ็บปวดอย่างที่เขาเคยรู้สึกบ้าง แต่เธอกลับนิ่งเฉยดุจน้ำแข็งทั้งที่หัวใจกำลังร่ำไห้ด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลที่มองไม่เห็น

"ไม่ได้นัดใครค่ะ และเรื่องคุณเอิร์ธแก้วก็รับรู้แล้วก็ยินดีกับเขาไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น คุณจะปล่อยได้หรือยังคะ" ตอบเสียงอ่อนพยายามใจเย็นไม่สติแตกเหมือนที่ผ่านมา การอยู่กับกรรชัยทำให้รู้ว่าหากร้อนเข้าใส่ ก็จะมีแต่ความย่อยยับเหมือนที่เคยพานพบ ลองเอาน้ำเย็นเข้าลูบทุกอย่างอาจจะดีขึ้น

เพื่อให้ผ่านพ้นไปแต่ละวันต้องใช้ความพยายามมากแค่ไหน..และอีกไม่นานจะได้หลุดพ้นจากเขาเสียที

"จะไปไหนก็ไป ฉันไม่ได้อยากเห็นหน้าเธอเท่าไหร่หรอก" จ้องดวงตากลมโตก็ผลักหล่อนออกห่างกายแล้วค่อยเดินออกไปจากโรงแรม

ปล่อยให้น้ำตาของหญิงสาวไหลช้าๆ

อดทนไว้ อีกไม่นานหรอกลูกแก้ว อีกไม่นาน..

บุลลากำลังรอสามีของตนอยู่ร้านเดิมทั้งที่คนภายในร้านยังอยู่เต็ม หล่อนเริ่มร้อนรนกลัวเขาจะรู้ความจริง คำแก้ตัวจึงผุดขึ้นมากระทั่งรถยนต์คุ้นตาแล่นมาจอดที่เดิมพร้อมทั้งร่างสูงซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดกับกางเกงขาสามส่วนเดินลงมามองเข้าไปภายในร้านก่อนขมวดคิ้ว

"ทำไมร้านยังเปิดอยู่ล่ะ"

ร่างบางยิ้มให้แล้วเดินไปกอดแขนหนา

"เขากำลังจะปิดแล้วล่ะ พอดีฉันได้เปลี่ยนกะหยุดเร็วกว่าเดิม เคยบอกไปแล้วนะนายจำไม่ได้เหรอ"หล่อนเปลี่ยนให้สถานการณ์กลายเป็นชายหนุ่มผิดก่อนปล่อยแขนออกแล้วเดินหน้านิ่งเข้าไปนั่งรอในรถใจเต้นตุ้มต่อมกลัวว่าอีกฝ่ายจะไม่เชื่อในคำโกหก

"ฉันยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แล้ว..หิวข้าวไหม แวะกินอะไรก่อนดีไหม"

ถึงจะไม่ได้น้ำเสียงหวานแต่ก็รับรู้ได้ว่าร่างสูงกำลังง้ออยู่สร้างรอยยิ้มให้แก่คนตัวเล็ก

"หิว แต่กลับไปกินที่บ้านดีกว่า"

สัตวแพทย์หนุ่มไม่ขัด ลืมเรื่องบาดหมางเมื่อเช้าไปจนหมดแค่ได้เห็นแววตาเหนื่อยล้าของหญิงสาวจนนึกสงสาร เขาจะใจแข็งไปได้อีกสักแค่ไหนเพราะเพียงเห็นภรรยาตรากตรำทำงานก็นึกอยากโอนเงินทั้งหมดเขาบัญชีเธอเสียแล้ว

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

ยังไม่ทันจะได้ออกรถ กระจกฝั่งเบาะข้างคนขับก็ถูกเคาะจนทั้งสองหันไปมอง ถึงภายในจะมืดแต่ข้างนอกที่เปิดไฟจนสว่างทำให้เห็นใบหน้าคมของผู้มาเยือน

สัตวแพทย์หนุ่มกัดฟันแน่นเปิดประตูรถลงไปเผชิญหน้ากับศัตรูที่ได้มาด้วยความไม่ตั้งใจ ขณะที่บุลลาก็หน้าซีดค่อยเปิดประตูอย่างเชื่องช้า

วินาทีนั้นเธอรับรู้ได้ถึงลางร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status