หน้าหลัก / โรแมนติก / ซ่อนเสน่หา / ๓ โรงเก็บหญ้ากับคนเมา

แชร์

๓ โรงเก็บหญ้ากับคนเมา

โรงเก็บหญ้ากับคนเมา

พณณกรจอดรถมอเตอร์ไซค์ไว้ริมถนนแล้วเดินมายังลานกลางสนามหญ้าด้วยใบหน้านิ่งขรึมและดวงตาวาวโรจน์ราวมีเปลวเพลิงอยู่ในนั้น

ผู้หญิงที่ยังสาวและไร้คู่ต่างเมียงมองมาที่หนุ่มสัตวแพทย์อย่างเอียงอาย ไม่กล้าเข้าไปทักกลัวเจอฤทธิ์พ่อเจ้าประคุณเข้าให้

“อ้าวนาย ทำไมคราวนี้มาเร็วครับผม” ลูกน้องคนสนิทอย่าง‘โอ้’ เอ่ยถามด้วยแววตากรุ่มกริ่มในขณะที่เพื่อนสนิทอีกคนก็เสริมทัพทันที

“ปกติถ้าตะวันไม่ตกดินมีเหรอที่นายจะปรากฏตัว หรือว่า..มาหาใครครับ” กล่าวพลางมองไปโดยรอบหวังให้คนเป็นเจ้านายโดยตรงออกอาการเขินบ้างแต่ดูเหมือนว่า ‘อาร์ต’ จะต้องผิดหวังเพราะนอกจากจะไม่อายแล้วกลับมีความคุกรุ่นอยู่ในแววตานั้นแทน

“มาเอาตีนประเคนหน้าพวกมึงนี่ไง”

สองหนุ่มดูโอ้หลบแทบไม่ทันเมื่อเท้าของนายพุ่งเข้าหาพร้อมใบหน้าบูดบึ้งมองปราดเดียวก็รู้ว่าอารมณ์เสีย

ร่างสูงหายใจฮึดฮัดมองทุกสิ่งขวางหูขวางตาไปเสียหมด ไม่รู้ทำไมถึงได้ติดใจกับผู้หญิงคนนั้นนักหนาทั้งที่จริงหากเขาต้องการใครสักคนก็แค่ชายตามองคนเหล่านั้นก็แทบจะวิ่งเข้ามาหาโดยไม่ต้องเอ่ยปากด้วยซ้ำ แล้วทำไมบุลลาถึงเอาแต่วิ่งหนี

หึ..ถ้ารู้ตัวจริงว่าเขาก็มีเงินไม่ต่างจากชลธีคงวิ่งเข้าใส่ไม่คิดชีวิต แต่ฝันไปเถอะว่าคนอย่างไอ้เอิร์ธจะเอาเธอมาเป็นแม่ของลูก ไม่มีทาง ไม่มีวัน!

บุลลาเดินเข้าบ้านด้วยใบหน้ายิ้มอย่างมีความสุขเพราะได้ไปเดินเที่ยวกับชายที่หมายปองเอาไว้ ยิ่งอยู่ใกล้ยิ่งสัมผัสได้ถึงความน่ารักของชลธีไม่ว่าจะเป็นการพูดจา การให้เกียรติผู้หญิงอีกทั้งยังมีน้ำใจซื้อเสื้อผ้าสำหรับใส่ไปงานเลี้ยงคืนนี้ให้อีกด้วย

..แสนดีขนาดนี้จะไม่ให้หลงอย่างไรไหวเล่า

ช่างเทียบกันไม่ได้กับผู้ชายอีกคนที่ทั้งเถื่อน ถ่อย ห่าม คิดถึงก็พาลทำเอาอารมณ์เสียทุกที

บ้านเดี่ยวชั้นเดียวเงียบสงัดแม้จะเป็นเวลาบ่ายสี่จนคนมาใหม่ขมวดคิ้วด้วยความสงสัยว่ามารดาและหลานสาวหายไปไหน กระทั่งหางตาเหลือบไปเห็นโน๊ตวางอยู่บนโต๊ะญี่ปุ่นกลางบ้านจึงเดินไปหยิบมาอ่านก็ได้ความว่า ทั้งสองคนไปที่งานเลี้ยงเพื่อช่วยทำอาหารสำหรับคนงานกว่าเจ็ดสิบชีวิต

หล่อนวางกระดาษลงที่เดิม ฮัมเพลงอย่างมีความสุข เข้าห้องนอนของตนแล้วนำชุดที่ซื้อมาใหม่คลี่ออกดู จนอดคิดถึงคนที่ซื้อให้ไม่ได้

ระหว่างที่เดินเลือกซื้อของขวัญจับสลากให้คนงาน บุลลาเหลือบเห็นชุดเดรสเปิดไหล่สีขาวยาวเพียงเข่าลายลูกไม้จึงยืนมองจนคนที่มาด้วยเอ่ยทัก

“คุณบัวชอบหรือครับ”

“ค่ะ สวยดี”

ละสายตาจากชุดที่สนใจอย่างเสียดาย เห็นราคาที่แขวนไว้บนชุดก็ไม่อาจสู้ ราคาเป็นพันขนาดนั้นถ้าเป็นเมื่อก่อนคงเดินไปหยิบแล้วยื่นบัตรโดยไม่ระคายขนหน้าแข้งสักนิด ทว่าตอนนี้ไม่เป็นอย่างนั้นเพราะฐานะทางการเงินที่นอกจากจะไร้เงินเก็บแล้วยังมีหนี้อีกด้วย

“ซื้อสิครับ” เขาบอกเสียงทุ้มทั้งใบหน้ายิ้มแย้มอย่างคนใจดี

“ไม่เอาหรอกค่ะ มันแพง”

ส่ายศีรษะไปมาจนชลธีอมยิ้มรู้สึกว่าคนตัวเล็กเหมือนตุ๊กตาสปริงประดับหน้ารถ

“มาครับ เดี๋ยวผมพาเข้าไปดู” ร่างสูงจับมือเล็กแล้วพาเข้ามายังร้านชื่อดังภายในห้างสรรพสินค้าในตัวจังหวัด

ใช่แล้ว..เขาพาเธอขับรถมาถึงตัวจังหวัดทั้งที่ห่างจากอำเภอที่อยู่เกือบห้าสิบกิโลเมตรราวต้องการยืดระยะเวลาให้ใกล้กันมากขึ้น

“คุณธีคะไม่เอาค่ะ” ขืนตัวพองามทั้งที่หัวใจพองโตแอบมองมือหนาที่จับมือของหล่อนไว้แล้วยิ้มมุมปาก

“ผมซื้อชุดนี้ครับ” เขาปล่อยมือออกจากเธอแล้วชี้ชุดที่ต้องการให้พนักงานภายในร้านรู้

บุลลาตาโตมองใบหน้าคมที่หันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน

“ผมซื้อให้ครับถือว่าเป็นการต้อนรับสู่ไร่รุ่งอรุณ”

แค่รอยยิ้มครั้งเดียวกระแทกเข้าไปในใจจนแทบล้มทั้งยืน แค่เธอชายตามองเขายังซื้อให้ขนาดนี้ถ้าอ้อนสักหน่อยคงซื้อห้างให้เป็นแน่ แค่คิดหัวใจก็พองโตกลัวว่าจะลอยออกนอกโลกแล้ว

พ่อบุญทุ่มแบบนี้สิที่หล่อนชอบ..

“เกรงใจค่ะ มันแพงนะคะคุณธี แล้วบัวก็แค่คนงานเท่านั้น..” แสร้งหลุบตามองพื้นอย่างเจียมตัวทั้งที่ความคิดช่างแตกต่างจากสิ่งที่แสดงออก รู้อย่างนี้คงมองตัวที่แพงกว่านี้

“แค่นี้เอง คุณบัวไม่ต้องเกรงใจ ผมบอกแล้วไงว่าเป็นการต้อนรับพนักงานใหม่”

..แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่ชลธีจะซื้อให้..

บุลลาคิดแล้วก็อมยิ้มอย่างมีความสุขที่ตนเองเหนือกว่าคนอื่น เข้าอีหรอบนี้เจ้าของไร่หนุ่มหล่อคงหลงรักเธอแล้ว

เฮ้อ เกิดเป็นคนสวยก็เหนื่อยเหมือนกันนะเนี่ย มีแต่คนมารุมรัก

“บัวขอบคุณนะคะ” พนมมือไหว้ลงที่หน้าอกหนาก่อนจะยิ้มหวานการค้าให้ หวังอ่อยเขาเต็มที่

แต่ชลธีก็ทำเพียงพยักหน้าพร้อมรอยยิ้มเหมือนทุกคราจนใจหล่อนเริ่มแกว่ง

..ปกติหากใกล้ชิดขนาดนี้ต้องดึงเข้าไปกอดไม่ใช่หรือ

ไม่เป็นไรหรอก คนเยอะคุณธีอาจจะอาย เดี๋ยวรอคืนนี้ก่อน..จะได้รู้กันว่าหนุ่มเจ้าของไร่จะร้อนแรงแค่ไหนหากอยู่ในที่ลับตาคน

ร่างบางถอนหายใจแล้วนั่งลงบนเตียง คิดหนักหากเกิดว่าชลธีจะทำอะไรเธอขึ้นมาจริง ถึงแม้ว่าจะมีแฟนแต่ก็มุ่งทำงานจนไม่เคยได้ทำกิจกรรมที่คนรักพึงจะกระทำทั้งการไปเที่ยว กินข้าวหรือแม้แต่เซ็กซ์ แน่นอนว่าไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้ล่วงล้ำเข้ามาภายในกายสาวเลยสักครั้ง

..เธอยังเวอร์จิ้น

“มันจะเจ็บไหม” พึมพำแล้วนึกกลัวเพราะจำได้ว่าเพื่อนที่ทำงานเป็น พริตตี้เล่าให้ฟังครั้งแรกจะเจ็บจนลุกไม่ขึ้น

บุลลาจำได้ฝังใจนึกกลัวจนไม่กล้าให้ใครล่วงเกินมากกว่ากอดจูบ ภายนอกอาจจะดูเป็นคนกล้าแสดงออกนั่นก็เพราะงานที่ทำจึงต้องสลัดความอายทิ้ง

สังคมที่อยู่มีการแข่งขันค่อนข้างสูงและนินทาลับหลังแทบหามิตรแท้ไม่เจอ เพราะฉะนั้นหล่อนจึงเลือกจะคบเพียงผิวเผิน ส่วนมากก็อยู่คนเดียว บางครั้งก็ไปหาแฟนหนุ่มที่ไม่ค่อยได้เจอกันหรือหากนัดพบก็ชอบยืมเงินอยู่เรื่อย ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมีเงินใช้มือเติบจึงให้ยืมโดยไม่เคยทวงสักครั้ง

วาดฝันอนาคตร่วมกันจนฝ่ายชายพาไปกู้เงินหวังสร้างร้านอาหาร..แล้วมันก็เชิดเงินหนีไปอยู่กับผู้หญิงคนอื่น!

หล่อนกำผ้าปูที่นอนแน่นเมื่อคิดถึงเรื่องที่สร้างรอยแผลใหญ่จนต้องซมซานกลับบ้านเหมือนนกปีกหัก มันคือบทเรียนราคาแพงที่คอยย้ำเตือนไม่ให้พลาดอีกครั้ง ผู้ชายรวยเท่านั้นที่คู่ควร จะไม่ชายตามองพวกที่ดีแต่หล่อทว่ากรอบราวใบไม้แห้งเด็ดขาด!

“พี่มะลิ พี่มะลิอยู่ไหม!”

เสียงเรียกหน้าบ้านทำให้ร่างบางจำต้องออกจากห้องนอนเดินออกไปเปิดรั้วเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กยืนส่งยิ้มกว้างจนเห็นฟันหลอ

“มะลิไปงานเลี้ยงแล้ว” เธอจำเด็กชายคนนี้ได้ว่าเป็นลูกของป้านง คนงานในไร่ที่อยู่เพียงประถมศึกษาปีที่สี่

“ว้า อุตส่าห์จะไปด้วย ไปกับแม่ก็ได้” เกาศีรษะแล้วถอนหายใจแสนเสียดายที่พี่สาวคนสนิทไปที่งานก่อนตนโดยไม่ชวนสักคำ

แต่เมื่อเด็กน้อยจะเดินจากไป มือบางก็คว้าไหล่เอาไว้เสียก่อน

“เดี๋ยวสิโป้ง พี่มีเรื่องอยากให้ช่วยหน่อย” หล่อนย่อตัวลงมาให้อยู่ในระดับเดียวกับโป้งหรือเด็กชายปวีร์ ถิ่นฐานไกล แล้วยิ้มอย่างมีเลศนัย

ทำเอาคนมองเริ่มรับรู้ถึงลางบางอย่าง ขืนตัวออกก็ไม่อาจพ้นเพราะแรงจับที่มากกว่าจะต้านได้

บุลลามองไปโดยรอบเพื่อสังเกตคนที่เดินผ่านก่อนจะกระซิบแผ่วเบาข้างหูของคนตัวเล็กกว่า ทั้งยังปกปิดชื่อของฝ่ายชายกลัวมีคนได้ยินแล้วพูดกันอย่างสนุกปาก ใช้คำย่อก็พอจะรู้แหละ

“เย็นนี้ช่วยไปบอกนายหน่อยได้ไหมว่าให้ไปหาพี่ที่โรงเก็บหญ้าตอนสามทุ่ม” ความกลัวถูกสลัดออกไปพยายามคิดถึงแบงค์สีเทาเป็นปึกและกลิ่นเงินที่ลอยวนเวียนจนทิ้งความอายไว้ด้านหลังเดินหน้าลุยให้ได้มาซึ่งผู้ชายที่เป็นดั่งบ่อเงินบ่อทอง

ปวีร์เอียงหน้าพลางคิดถึงนายที่พี่สาวคนสวยบอก นายที่เขารู้จักอย่างดีก็คือหมอเอิร์ธเพราะชอบไปคลุกคลีอยู่กับม้าเป็นประจำจนได้ตำแหน่งผู้ช่วยอาบน้ำม้า

..แต่ว่าจะใช่นายคนนี้หรือเปล่านะ

คิดแล้วก็เกาศีรษะสับสนกับตนเอง

“นายที่หล่อๆ เหรอ” บุลลายิ้มกว้างพยักหน้าขึ้นลง

“ใช่ ที่หล่อนั่นแหละ แต่ว่าโป้งห้ามบอกใครนะ เรื่องนี้ถือเป็นความลับของเราสองคน ถ้าโป้งพานายมาแล้วก็รีบล็อกประตูข้างนอกเข้าใจไหม”

เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าทำไมถึงต้องทำแบบนั้น

..ถ้าล็อกจากข้างนอกก็ออกมาไม่ได้สิ

“นี่เป็นรางวัลก่อนเริ่มงาน ถ้าทำสำเร็จพี่จะให้อีกใบ” แบงค์สีแดงถูกยื่นมาตรงหน้า

ทำเอาพ่อหนุ่มตัวน้อยตาวาวรีบคว้าเอาไว้ พยักหน้าอย่างรวดเร็ว ลืมความคิดเมื่อสักครู่ทันที หากมีเงินเขาก็สามารถซื้อตุ๊กตาอุลตร้าแมนที่ชอบเอาไปเล่นกับเพื่อนได้

งานแค่นี้เองสบายมาก..

“ตกลงครับ เดี๋ยวโป้งจะบอกนายให้นะ สามทุ่มครึ่งที่โรงเก็บหญ้า”

หล่อนยิ้มแล้วพยักหน้า ปล่อยให้เด็กน้อยวิ่งกลับบ้านก่อนยืนขึ้นเต็มความสูง ยกยิ้มมุมปาก วาดหวังว่าคืนนี้จะต้องเป็นค่ำคืนแห่งความสุขระหว่างกันและกัน

ต่อให้ครั้งแรกมันจะเจ็บเจียนตายแต่หากทำให้หล่อนได้เป็นคุณนายของไร่ก็ยอมทน!

บุลลาปรากฏตัวในงานเลี้ยงด้วยชุดที่ชลธีซื้อให้ หล่อนดัดผมเป็นลอนก่อนจะรวมมาไว้ข้างเดียวประดับด้วยมุกเม็ดเล็กสองถึงสามชิ้น ใบหน้าหวานถูกแต่งแต้มพองามไม่ให้หนาเกินไป ทำเอาชายหนุ่มทั้งหลายตกตะลึงราวเห็นนางฟ้า บางคนก็เดินเข้ามาต้อนรับให้ไปนั่งโต๊ะหน้าเวที แต่ดวงตากลมโตจ้องไปยังเจ้าของไร่

พณณกรหยิบแก้วน้ำสีอำพันขึ้นดื่มพลางมองหน้าเพื่อนที่มีความสุขก็นึกขัดใจก่อนสายตาคมจะหันไปพบร่างบางที่อยู่ในชุดสีขาวเปลือยไหล่ หัวใจของเขาหยุดเต้นชั่วขณะ ยิ่งเห็นว่าหล่อนเดินตรงมาทางนี้ก็ทำตัวไม่ถูก

“คุณธีคะ”

ก่อนจะเหยียดริมฝีปากเป็นเส้นตรงเพราะเธอไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย

“คุณบัว เชิญนั่งสิครับ” เก้าอี้ข้างซ้ายยังว่างชลธีจึงลุกผายมือเชิญให้นั่ง

โดยมีคนนั่งข้างขวามองด้วยสายตาวาวโรจน์แล้วเบือนหนีไปทางอื่น ไม่อยากมองให้ระคายสายตา

บุลลายิ้มหวานให้คนที่หมายปอง ก่อนชะงักเมื่อเห็นคนที่ไม่เจอนานนับสัปดาห์ เพียงแค่เห็นเสี้ยวหน้า หัวใจดวงน้อยก็ออกมาเริงระบำ พลันรู้สึกร้อนทั่วใบหน้า คิดถึงความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นระหว่างที่ร่างสูงขี่ม้าไปส่งที่ไร่

หูอื้ออึงไปชั่วขณะเมื่อคุณหมอผิวเข้มหันมาสบตาก่อนทุกอย่างจะเงียบเหมือนโลกนี้มีเพียงเขาและเธอสองคน แล้วความรู้สึกนั้นก็ถูกตัดเพราะชลธีนั่งคั่นกลาง ทั้งยังหันมายิ้มให้คนงานสาวสวยซึ่งเป็นขวัญใจของหนุ่มทั้งไร่

“คุณบัวสวยมากเลยครับ” คำชมไม่เกินจริงจากที่เป็น

ทว่าก็ทำให้พณณกรเค้นยิ้มเมื่อเห็นท่าทางเขินอายเกินจริงของฝ่ายหญิง

“ต้องขอบคุณคุณธีนะคะที่ซื้อชุดนี้ให้บัว” ทั้งโต๊ะที่มีเก้าอี้กว่าสิบตัวกลับไม่มีใครกล้ามานั่งร่วมกับคนเป็นนายแต่บุลลาคือผู้กล้าที่ทำเอาคนงานหญิงในไร่มองอย่างเขม่น

สัตวแพทย์หนุ่มเหลือบมองอีกรอบ กำแก้วที่ถือไว้แน่นเพราะเห็นสายตาหวานที่สองคนส่งให้กัน

..แค่ไปในเมืองไม่กี่ชั่วโมง มันทำให้ความสัมพันธ์พัฒนาขนาดนี้เลยหรือ เป็นผู้หญิงแบบไหนกันถึงเข้าหาผู้ชายอย่างไม่อาย หรืออำนาจเงินมันเข้าตาหลงลืมความเหมาะสม

“ผมว่าเข้ากับคุณบัวมากเลย หนุ่มทั้งงานคงชอบ จริงไหมไอ้เอิร์ธ” หันมาถามความเห็นของคนนั่งข้าง จนคนถูกถามทำหน้าไม่ถูก ชำเลืองมองใบหน้าหวานก่อนจะเลื่อนสายตาลงต่ำกว่านั้น

ทำเอาร่างบางรู้สึกร้อนวูบวาบกับสายตาคมกล้า

..ทำไมแค่เขามองก็ทำให้รู้สึกราวโดนเผาไหม้ได้ขนาดนี้ ไม่เอาน่าบัวถึงจะหล่อแต่ก็จนอยากไปกินข้าวคลุกกับน้ำปลาหรือไง

เตือนตนเองแล้วซ่อนความเขินอายเอาไว้ ทว่าแก้มนวลก็ไม่อาจปิดบังได้เพราะขึ้นสีแดงระเรื่อ ดีที่มีแสงไฟจากงานช่วยเอาไว้ สองหนุ่มจึงมองไม่เห็นอาการนั้น

“ก็งั้นๆ แหละ ไม่เห็นจะสวยตรงไหนเลย” ยกเบียร์ขึ้นดื่มพลางหันไปมองหน้าเวทีซึ่งมีคนงานขึ้นไปร้องเพลงอย่างสนุกสนาน จนไม่เห็นใบหน้าหวานที่งอง้ำก่อนจะฉีกยิ้มเมื่อชลธีหันมามองแล้วเอ่ยขึ้นราวต้องการปลอบ

“อย่าไปเชื่อไอ้เอิร์ธเลยครับ หมอนี่สายตาไม่ค่อยดี ผมว่าคุณบัวสวยมาก สวยที่สุดในงานเลย”

ได้รับคำชมแบบนั้นก็ทำเอาหัวใจพองโตเหมือนกันแต่ก็ไม่มากเท่าสายตาคมของหมอเถื่อนจ้องมอง

การสังสรรค์เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการโดยมีชลธีขึ้นไปกล่าวเปิดงานและเมื่อดูเวลาร่างบางก็แอบออกจากงานมองหาเด็กน้อยที่ได้รับคำสั่ง จึงเดินเข้าไปหา

ซึ่งมีสายตาคมของสัตวแพทย์หนุ่มมองไม่ห่างก่อนละสายตา นึกเตือนตนเองว่าไม่ควรสนใจผู้หญิงแบบนั้น

“อย่าลืมที่บอกนะ เดี๋ยวพี่จะไปรอที่โรงเก็บหญ้า” กระซิบพอให้ได้ยินกันสองคน “แล้วเรื่องนี้ห้ามบอกใคร ถ้ามีคนรู้พี่จะไม่ให้เงินเข้าใจใช่ไหม”

ปวีร์กลัวไม่ได้เงินจึงพยักหน้าอย่างแข็งขันก็พลอยเบาใจ มองซ้ายขวาเห็นคนงานสนุกกับการสังสรรค์จึงเดินเลี่ยงไปยังรถมอเตอร์ไซค์พยายามไม่ให้เป็นจุดสนใจ แล้วขับเพื่อไปโรงเก็บหญ้า

..เอาละบัว สลัดความกลัวทิ้งซะถ้าอยากเป็นคุณนายของไร่นี้ เธอจะต้องจับคุณธีให้อยู่หมัดโดยใช้เรื่องนี้เป็นตัวช่วยเร่งปฏิกิริยาของหนุ่มผู้อ่อนโยน

ขี่รถไปสักพักก็ต้องห่อไหล่เพราะบรรยากาศที่หนาวเย็นอีกทั้งความมืดปกคลุมไปทั่วถนน ไม่มีหลอดไฟสักดวง อาศัยไฟจากรถมอเตอร์ไซค์ ปากก็สวดมนต์ไม่ให้มีผีสาง เร่งความเร็วขึ้นแม้จะต้องกัดฟันทนความหนาวก็ตาม

จะต้องไปถึงให้เร็วที่สุด!

จนกระทั่งบุลลาจอดรถข้างโรงเก็บหญ้าเอาไม้ที่ขัดประตูออกก่อนจะเปิดเข้าไปภายใน เธอมาสำรวจสถานที่แห่งนี้แล้วจึงรู้ว่าสวิตซ์ไฟอยู่ทางด้านซ้ายของประตู มือเล็กจึงเอื้อมไปเปิดจนสว่างทั้งห้อง เห็นหญ้าฟางอัดก้อนที่เรียงเป็นชั้นสูงเหนือหัว โดยรอบก็มีเศษฟางแห้งกระจายเต็มพื้น มองขึ้นไปบนเพดานก็มีแต่หยากไย่เต็มไปหมด

..ครั้งแรกของเธอทำไมต้องเป็นห้องโกโรโกโสแบบนี้ด้วย

คิดแล้วก็เจ็บใจจนต้องกระทืบเท้าระบายอารมณ์ ไม่เป็นไรหรอก ขอแค่ได้คุณธีมาเป็นสามีก็พอแล้ว ต่อจากนี้เธออยากไปเที่ยวไหนหรือต้องการนอนห้องที่แพงเท่าไหร่ก็ย่อมได้

..ท่องไว้บุลลา ทนไว้ก่อนปลายทางย่อมต้องดีกว่านี้เสมอ

เมื่อจินตนาการถึงห้องพักสุดหรูก็พอจะทำให้ยิ้มออก หญิงสาวจึงจัดการชุดที่ใส่ด้วยการดึงไหล่ให้เปิดมากขึ้น ตอนทำงานเป็นพริตตี้เพื่อนต่างชมว่าหล่อนมีผิวที่ขาวผ่องและไหล่กลมกลึงน่าลูบไล้ น่าสัมผัสตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจึงเลือกใส่เสื้อเปิดไหล่เผยให้เห็นความงามของช่วงบน ผู้ชายเห็นก็หลงใหลทั้งนั้น

ระหว่างที่จัดการตนเองเสียงประตูก็เปิดออกร่างบางจึงรีบวิ่งไปปิดไฟแกะผมที่มัดอย่างสวยงามออกยีให้ฟูกระเซอะกระเซิงพลางกรีดร้องเสียงดังลั่น

จนคนที่เข้ามาใหม่ชะงักฝีเท้า

“กรี๊ด ช่วยด้วยค่ะคุณธี ไม่รู้ใครจับบัวมาไว้ในโรงเก็บหญ้า” หล่อนตรงเข้ากอดร่างสูงพลางซุกใบหน้าบนแผงอกหนาแสร้งบีบน้ำตา หวังให้เขาสงสารทั้งยังน้ำเสียงสั่นเหมือนจะสะอื้นที่ปรุงแต่งขึ้นภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ

หากเป็นนักแสดงคงได้รางวัลตุ๊กตาทองหรือไม่ก็สุพรรณหงส์เป็นแน่

“ฉันว่าเธอเอาตัวเองมาขังไว้มากกว่ามั้ง”

เสียงและคำพูดราวดูถูกนั่น..ไม่ใช่คุณชลธี!

ในจังหวะที่หล่อนจะผละออกแต่ดูเหมือนร่างสูงจะไม่ให้ความร่วมมือเพราะเขายังคงรัดไว้แน่นราวงูเหลือมกำลังจะเขมือบเหยื่อ กลิ่นเหล้าที่ติดตามร่างกายซึ่งเผลอสูดดมเข้าไปก็ทำให้เริ่มรู้สึกถึงภัยที่คืบคลานเข้ามา

“ปล่อยนะ!” จำได้ว่าเจ้าของไร่ไม่ได้แตะแอลกอฮอล์ จึงพยายามดิ้นออกจากอ้อมกอดร้อนที่พร้อมจะแผดเผาเธอให้ร้อนตามไปด้วย

“เมื่อกี้เธอเป็นคนเข้ามากอดฉันเองนะ” ไฟสว่างขึ้นเพราะมือหนาเอื้อมไปเปิดพร้อมกับผลักร่างบางออกห่างกายราวรังเกียจ

สองสายตาสบกันและเป็นหล่อนที่อ้าปากค้าง ไม่คาดมาก่อนว่าผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นคนเดียวกับที่นึกเกลียดตั้งแต่วันแรกที่เห็น

ไอ้หมอปากมอม!

เป็นไปได้อย่างไรในเมื่อเธอบอกเด็กชายเอาไว้ว่าให้ตามนายมาที่นี่ เดี๋ยวก่อน..ถ้าคนตัวโตเข้ามาภายในโรงเก็บหญ้าเพราะฉะนั้นประตูก็จะ

กึก!

ดวงตากลมโตมองผ่านร่างหนาไปยังประตูที่ถูกล็อกพร้อมร่างเล็กซึ่งวิ่งออกจากที่ตรงนั้นอย่างไม่คิดชีวิต

บุลลาถลันตัวไปทุบประตูสังกะสีที่แม้จะดูเก่าแต่ยังคงใช้งานได้และแข็งแรงกว่าที่เห็นเสียอีกเพราะไม่ว่าจะทุบแรงเท่าไหร่มันก็ไม่มีทีท่าจะพังเลย

กระทั่งมือหนามาจับมือเล็กเอาไว้เสียก่อน

“ถ้ามันพังจะทำยังไง” ดูเหมือนพณณกรจะไม่เดือดร้อนกับการถูกขังไว้ในนี้สักนิดเพราะนอกจากจะหยุดการทุบประตูที่ทำให้มือเล็กแดงเถือกแล้วยังคว้าเอวบางกระชากมาใกล้ตัวจนห่างกันไม่มาก

“พังก็ช่าง! ฉันไม่มีทางถูกขังไว้กับนายแน่” ยืนยันเจตนารมณ์พร้อมใบหน้ามุ่งมั่นหวังจะหันไปทุบประตูอีกครั้ง

แต่ดูเหมือนคนที่กอดจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่เพราะเขาช้อนร่างบางอุ้มท่าเจ้าหญิงก่อนจะวางเธอลงอย่างแรงบนฟางหญ้าอัดซึ่งถูกตั้งไว้ห่างจากกองอื่น

“อ๋อ อยากถูกขังไว้กับไอ้ธีมากกว่าฉันใช่ไหม” ถามกลับเสียงเข้ม

แต่หล่อนไม่ได้สังเกตน้ำเสียงนั่นจึงตอบกลับทันที

“ใช่ ฉันอยากถูกขังไว้กับเขามากกว่าไอ้คนนิสัยไม่ดีชอบฉวยโอกาสแบบนาย” ทั้งที่อุตส่าห์คิดแผนการไว้อย่างดีแท้ๆ หากชลธีตามมาเธอก็จะโผเข้ากอดเขาบอกว่าถูกจับตัวมาที่นี่ หากเจ้าของไร่ถามถึงประโยคที่ปวีร์บอกก็จะทำหน้าเหลอหลาพลางบีบเสียงเล็กเสียงน้อยโกหกเขาไปว่าเธอไม่ได้บอก คงเป็นพวกที่จับตัวมามันอาจใช้เด็กเป็นเครื่องมือ

แค่นี้แผนก็สมบูรณ์แบบ บรรยากาศในโรงเก็บหญ้า ความหนาวจากฤดูกาล เธอจะเข้าไปใกล้เขา โอบกอดเขาเอาไว้แล้วหลังจากนั้นทุกอย่างจะเป็นไปตามธรรมชาติ บัวดอกงามที่ไม่เคยมีใครได้เชยชมก็พร้อมจะพลีกายให้คุณธีเพียงผู้เดียว

แต่ทุกอย่างก็พังไม่เป็นท่า เพราะผู้ชายหนวดครึ้มหน้าเหี้ยมคนนี้!

“เสียใจด้วยนะที่คืนนี้เธอต้องอยู่กับฉัน..ทั้งคืน!” พณณกรกัดกรามแน่นเดินมาดักหน้าหล่อนเอาไว้พร้อมย้ำให้รู้ว่าอย่างไรก็ไปไหนไม่รอด “อีกอย่าง ฉันยังไม่ได้ฉวยโอกาสเธอเลย”

บุลลาแทบเต้นเมื่อได้ฟังการปฏิเสธตาใส หล่อนกระทืบเท้าลงพื้นแล้วชี้หน้าเขาด้วยความโกรธที่บอกไม่เคยล่วงเกิน

“นายกัดปากฉัน แถมยังแอบกอดฉันด้วย” ไม่เกินจริงจากที่เข้าใจ

ทว่าสำหรับชายหนุ่มผู้ช่ำชองและมีชั่วโมงบินสูงถือว่าการกระทำนั่นไม่ใช่การล่วงเกินเพราะไม่เห็นว่าร่างบางจะขัดขืนตรงไหน มีเพียงแค่นิ่งเป็นหินแถมยังแก้มแดงราวมะเขือเทศ

“สกปรกสิ้นดี แหวะ ผู้ชายแบบนายฉันไม่อยากจะชายตาแลด้วยซ้ำ” แค่คิดก็ขนลุกชัน ทว่าไม่ใช่เพราะรังเกียจดังปากว่าหากแต่หัวใจกลับเต้นไม่เป็นจังหวะ ร่างกายร้อนราวอยู่บนกองเพลิง มันร้อนราวจะเผาให้ร่างแหลกเป็นจุณ

“ใช่สิ ผู้ชายอย่างฉันมันคงจนเกินไป ไม่เหมือนไอ้ธีที่รวยจนมีเงินเหลือใช้” ย่างสุขุมเข้าไปหาด้วยใบหน้าถมึงทึงอย่างน่ากลัว

บุลลาสัมผัสได้ถึงบรรยากาศอันน่าอึดอัดจึงก้าวถอยหลัง แต่ก็โดนลำแขนแกร่งโอบเอวไว้เพื่อไม่ให้เดินหนี

“ที่นัดมันมาก็เพราะอยากได้เจ้าของไร่เป็นผัว อยากเป็นคุณนายจนตัวสั่น หึ ผู้หญิงอย่างเธอมันน่าสมเพชสิ้นดี”

ใบหน้าคมหันตามแรงตบโดยไม่ทันตั้งตัว หล่อนเม้มปากแน่นทั้งที่ดวงตากลมโตวาวโรจน์มีแต่ความโกรธอยู่ในแววตาคู่นั้นพร้อมทั้งพยายามดิ้นเพื่อให้ตนออกจากอ้อมแขนแกร่ง แต่ดูเหมือนว่าจะไม่สามารถหลุดพ้น

ร่างหนาหันมาทันทีพลางใช้ลิ้นดุนกระพุ้งแก้ม ยกยิ้มมุมปากพยายามระงับอารมณ์โมโหที่โดนตบอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย ครั้งล่าสุดที่โดนผู้หญิงตบหน้าคือสมัยเรียนมหาวิทยาลัยเมื่อรถไฟชนกันและคนที่คุยด้วยก็ผนึกกำลังกันทำร้ายผู้ชายแทนการทะเลาะกันเอง จำได้ว่าหน้าระบมจนแทบดูไม่ได้

“เมื่อกี้เธอตบหน้าฉันเหรอ”

“ให้ฉันย้ำอีกไหม ไอ้หมอปากสกปรก ผู้ชายอย่างนายดีแต่รังแกผู้หญิง ไอ้หน้าตัวเมีย”

สาบานได้เลยว่าหากไม่ได้สั่งสอนให้ผู้หญิงคนนี้รู้สำนึกอย่ามาเรียกเขาว่าพณณกร ใบหน้าคมก้มลงไปปิดริมฝีปากบางที่พ่นคำด่าได้อย่างเจ็บแสบด้วยความรวดเร็วและรุนแรงราวงูเห่าพุ่งฉกเหยื่อที่น่าสงสาร

..ทำตัวเองโดยแท้

หล่อนไม่ทันได้ตั้งตัวจึงไม่อาจช่วยเหลือตนเองได้นอกจากทุบหน้าอกหนาทั้งดันให้ห่างจากกายทว่าไม่เป็นผลสักนิด

เขาดึงร่างบางแนบชิดมากยิ่งขึ้น เลื่อนมือขึ้นไปบังคับใบหน้าหวานให้ได้องศาเหมาะการกับลงโทษก่อนจะขบริมฝีปากล่างจนได้กลิ่นคาวเลือด ไร้ซึ่งความอ่อนหวานที่เคยพานพบ มีเพียงบทลงโทษแสนโหดที่มอบให้

“อื้อ” เจ็บริมฝีปากจนต้องร้องประท้วงอีกทั้งเริ่มขาดอากาศหายใจ

และร่างสูงก็รู้ดีจึงผละจากริมฝีปากเลื่อนลงมาตามลำคอระหงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์

“โอ้ยไอ้บ้า! กัดทำไม” ขืนตัวออกสุดพลังเมื่อรับรู้ได้ถึงความเจ็บที่คอของตนเองคาดว่าเขาต้องฝากร่องรอยเอาไว้เป็นแน่ ถึงเธอจะไม่เคยโดนล่วงล้ำเข้ามาในกายแต่เรื่องการฝากรอยแสดงความเป็นเจ้าของบริเวณลำคอหรือลาดไหล่ก็เคยได้ยินผ่านมาบ้าง

“อยากได้ผัวรวยใช่ไหม ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าถ้าได้ผัวจนแล้วยังปากหมาแบบฉันจะเป็นยังไง ลองหน่อยไหมล่ะ” นั่นไม่ใช่คำถามแต่มันคือคำขู่ที่เขากำลังจะทำจริง ดวงตาคมมุ่งมั่น

จนคนที่มองอดหวั่นไม่ได้จึงรีบกระทืบลงที่เท้าของอีกฝ่ายก่อนจะวิ่งไปที่ประตูซึ่งก็ไม่อาจออกไปได้อยู่ดี จนถูกคว้าเอวไว้ได้อีกครั้ง

ดีที่เธอไม่กระแทกเข่าไปที่จุดยุทธศาสตร์ ไม่เช่นนั้นคงนั่งปวดนานกว่านี้ เหยียบแค่เท้าไม่กี่วินาทีก็หายแล้ว อีกทั้งห้องนี้ก็ถูกปิดตายเพราะฉะนั้นเขาและเธอยังได้สนุกกันอีกนาน..

“จะหนีไปไหน” ร่างหนากอดเอวเล็กจากข้างหลังรัดแน่นก่อนจะเหวี่ยงหล่อนไปบนพื้นที่ปูด้วยฟางหญ้า ค่อยๆ ย่างสามขุมเข้าไปหาด้วยใบหน้าเรียบเฉย “เธอทำร้ายฉันสองรอบแล้วนะ”

“อย่าเข้ามานะ ถ้านายเข้ามาฉันจะร้องให้คนช่วยจริงๆ ด้วย”

คุณหมอหัวเราะเสียงขึ้นจมูกอย่างสมเพช มองร่างบางที่เขยิบถอยหนี จนกระทั่งแผ่นหลังบางไปชิดกับผนัง ไร้ซึ่งหนทางจะรอดพ้นจากวิกฤต

“ตอนนี้คนในไร่เขากำลังสนุกอยู่ที่งานเลี้ยง ใครจะมาได้ยินเสียงของเธอ” ร่างสูงย่อตัวลงตรงหน้าบุลลา ในขณะที่เธอมีสีหน้าหวาดกลัวอย่างเห็นได้ชัดพร้อมระคายตัวจากการถูกหญ้าเสียดสี

“ฉันร้องจริงนะ อย่าเข้ามา ช่วยด้วยค่ะ ช่วย..อื้อ” เสียงที่เปล่งออกมาถูกปิดด้วยริมฝีปากได้รูปของคุณหมอแห่งฟาร์มสายรุ้ง และคราวนี้เขาไม่ทำเพียงแค่กั้นเสียงเล็กทว่ายังสอดแทรกลิ้นเข้าไปเกี่ยวกระหวัดอย่างช่ำชอง จนคนไม่ประสาได้แต่ปล่อยให้เขากระทำด้วยหัวใจที่เต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ

มือเล็กยังคงผลักเขาให้ออกห่าง ทว่าเรี่ยวแรงที่เคยมีกลับลดหายไปอย่างรวดเร็ว แทนที่มาด้วยอาการเสียววาบในช่องท้อง เธอหนีบขาเข้าหากันทันทีเมื่อรับรู้ว่ามันคืออารมณ์ที่พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วเพราะเกิดจากการปลุกปั่นของคนที่ควบคุมเกมอย่างพณณกร

ชายหนุ่มเลื่อนมือขึ้นไปประคองไหล่เล็ก ลูบแผ่วเบาด้วยความถูกใจเพราะมันเนียนลื่นมือก่อนจะค่อยๆ ดึงชุดเปิดไหล่ลงมาจนเผยให้เห็นบราปีกนกสีเนื้อที่กอบกุมทรวงอกเอาไว้ ก็นึกสมเพชในใจ

..คงใส่เพื่อมายั่วไอ้ธีเต็มที่เลยสิ แต่เสียใจด้วยที่คนจะได้สัมผัสคือฉัน..คนที่เธอเกลียดอย่างไรเล่า

บราถูกดึงออกแล้วโยนทิ้งอย่างไม่ไยดีก่อนมือหนาจะกอบกุมดอกบัวคู่งามเอาไว้ทั้งสองข้าง บีบคั้นอย่างเมามัน ขณะที่ยังประกบริมฝีปากจิ้มลิ้มไม่ห่าง จนเหมือนว่าคนใต้ร่างจะเริ่มหายใจไม่ออกจึงยอมปล่อยให้เป็นอิสระทว่าใบหน้าคมยังเลื่อนไปฝากรอยไว้ที่ลำคอขาวผ่องอย่างห้ามใจไม่อยู่

ไฟในโรงเก็บหญ้าเป็นสีส้มนวลไม่ได้สว่างจ้าจนแสบตายิ่งสร้างบรรยากาศแห่งอารมณ์รัญจวนให้ทั้งสอง บุลลาจากที่ปฏิเสธและเอาแต่ทุบตี มือเล็กกุมชายเสื้อลายสก็อตของร่างสูงเอาไว้แล้วเอนกายเข้าไปใกล้เขามากขึ้นโดยไม่รู้ตัวสักนิด

หญ้าที่ปูไว้ไม่ได้ทำให้เกิดความระคายเคืองแต่อย่างใดอาจเพราะพุ่งความสนใจไปยังรสชาติที่แปลกใหม่ของอารมณ์รัญจวน

“อะ”

ลิ้นหนาลากผ่านคอระหงก่อนครอบครองทรวงอกคู่งามที่ใหญ่เกินขนาดตัวจนนึกสงสัยว่าเธอไปศัลยกรรมหน้าอกมาหรือเปล่า พอได้สัมผัสจึงรู้ว่าของแท้แม่ให้มาแน่นอน

กลิ่นหอมละมุนอดใจไม่ไหวต้องตวัดลิ้นเลียยอดสีหวานจนแข็งเป็นไต ส่วนบัวงามข้างที่ว่างก็ใช้มือบีบคั้นจนได้ยินเสียงครางจากริมฝีปากเล็ก เขายิ้มอย่างพึงพอใจคิดว่าฝีมือตนยังไม่ตก แม้ไม่ได้ร่วมหลับนอนกับใครมาหลายเดือน ทว่าสิ่งที่ทำให้แปลกใจคือท่าทีราวไม่ประสาของผู้หญิงคนนี้ต่างหาก ปกติหากเขาทำขนาดนี้ฝ่ายหญิงต้องเอามือมาลูบไล้แผ่นหลังหรือไม่ก็ถอดเสื้อให้แล้วซึ่งบุลลาไม่มีปฏิกิริยาแบบนั้นเลย

เธอทำเพียงนั่งกำชายเสื้อเขาแน่นแล้วยังหลับตาเหมือนไม่อยากรับรู้เรื่องราวจนเขาใช้แรงบีบหน้าอกนุ่มจนทำให้ร่างบางสะดุ้ง

“โอ๊ย มันเจ็บนะ”

“ลืมตาแล้วมองฉัน” ดวงตากลมโตเคลือบไปด้วยน้ำใสจนคนมองรู้สึกอยากรังแกให้มากกว่านี้ เขาผละจากบัวตูมข้างที่ได้ลองชิมก็เปลี่ยนเป็นข้างที่ยังไม่ได้ดอมดม

บุลลารู้สึกราวอวัยวะภายในกำลังหลอมรวมเป็นหนึ่ง ร่างกายร้อนเหมือนมีไฟโอบล้อมโดยเฉพาะจุดที่ริมฝีปากได้รูปของชายหนุ่มลากผ่าน

อากาศที่หนาวจากภายนอกไม่สามารถทำอะไรชายหญิงที่กำลังจมดิ่งไปกับเสน่หาได้เลย

มือเล็กเปลี่ยนจากกำชายเสื้อมาเป็นโอบรอบคอเขาแล้วปล่อยให้พณณกรเคลื่อนไหวไปอย่างช้าๆ ริมฝีปากบางพยายามกลั้นเสียงที่จะเปล่งออกเพราะรู้สึกอาย

“ร้องออกมาอย่าเก็บเอาไว้” บอกเสียงแหบพร่าหลังรู้ว่าเธอไม่ยอมทำตามอารมณ์ปรารถนาที่พุ่งขึ้นสูงไม่ต่างจากเขาตอนนี้ที่น้องชายดุนดันอยู่ภายใต้กางเกงตัวหนา

“ไม่ อื้อ” ปฏิเสธแต่ก็ร้องออกมาแล้วแอ่นหน้าอกรับการสัมผัสจากลิ้นหนา

แม้ปากจะบอกไม่ ทว่าก็ยังร้องให้พณณกรพึงพอใจจนตบรางวัลชุดใหญ่ด้วยการฝากรอยเอาไว้ยังเนินอกนำมาซึ่งอาการเจ็บแปลบเพียงชั่วครู่ก่อนจะแทรกด้วยความวาบหวามที่อีกฝ่ายเป็นผู้เดินเกม

เขาผละจากหน้าอกกลมกลึงลากลิ้นผ่านไปที่หน้าท้องแบนราบทั้งยังขาวเนียนจนอดสร้างร่องรอยของตนเอาไว้ไม่ได้ ร่างกายของบุลลาช่างสวยงามจนอดใจไม่ไหวต้องชื่นชมด้วยตาและสัมผัสถึงความหวานนุ่มด้วย..ลิ้น

วนที่แอ่งสะดืออย่างหลงใหลจนได้ยินเสียงครางไม่เป็นศัพท์

“อือ พะ พอก่อน”

มือข้างขวาเคล้นที่ดอกบัวคู่งาม ส่วนข้างซ้ายก็ลูบไล้เรียวขาไปมาก่อนเลิกกระโปรงขึ้นไปกองอยู่ที่หน้าตักเผยให้เห็นจีสตริงสีชมพูซึ่งร่างบางตั้งใจเลือกเพื่อมายั่วเจ้าของไร่โดยเฉพาะ ไม่คิดว่าคนที่เชยชมจะเป็นอีกคน

ผู้ชายที่หล่อนเกลียดขี้หน้า ทว่าไม่รู้ทำไมถึงชอบมองหาเขาแทบทุกเวลา

และตอนนี้เขาก็กำลังจะครอบครองร่างกายของเธอ ทั้งที่ควรปฏิเสธ ควรหยุดเอาไว้เพียงเท่านี้ก่อนทุกอย่างจะเลยเถิด

แต่บุลลาก็ไม่ทำ ปล่อยให้ร่างหนากระทำการย่ำยีกับตนโดยยินยอมพร้อมใจ

“ชอบมันมากเลยเหรอไอ้ธีน่ะ” เห็นจีสตริง อารมณ์โมโหก็ตีตื้นขึ้นมาจุกกลางอก

หากคนที่กำลังได้สัมผัสร่างกายของเธอเป็นชลธีไม่ใช่เขา จะรู้สึกอย่างไร..

แค่คิด กายก็ร้อนรุ่มดังมีเพลิงแผดเผารอบกาย

..ไม่มีวันนั้นหรอก!

“อ่า ชอบ ฉันชอบคุณธี!” ตอบกลับเสียงดังเพราะมือหนาได้กระชากชั้นในชิ้นน้อยซึ่งแทบไม่ปกปิดของสงวนออกจากหล่อน เผยให้เห็นความสวยงามของหญิงสาวซึ่งไม่มีขนให้เห็นสักเส้นอาจเพราะนวัตกรรมความงามสามารถเลเซอร์ออกอย่างง่ายดาย และเพราะหน้าที่การงานต้องใส่ชุดน้อยชิ้นจึงตัดสินใจกำจัดขนบริเวณจุดซ่อนเร้นจนเรียบเนียน

“ถ้าอย่างนั้นต่อจากนี้ก็จำเอาไว้นะว่าคนที่จะเป็นผัวเธอคือฉัน ไม่ใช่ไอ้ธี” พณณกรไม่ปล่อยให้หล่อนได้เอ่ยอะไรออกมา จัดการปิดปากเล็กด้วยการจุมพิตอย่างลงทัณฑ์ นิ้วมือทั้งสามสอดเข้าไปภายในกลีบดอกไม้สีอ่อนจนคนไม่ทันตั้งรับสั่นไปทั้งกาย

อารมณ์แปลกใหม่ที่ได้รับเมื่อเขาขยับนิ้วตามจังหวะพร้อมทั้งความรู้สึกที่เหมือนผีเสื้อภายในท้องกำลังบินว่อนเหมือนจะพุ่งออกมาจากกายเพราะมือหนาเปิดทางให้ ทำเอาร่างบิดไปมาจนต้องขยุ้มเสื้อเขาแน่นหวังบรรเทาอาการนั้น

แต่ไม่เป็นผลเพราะอาการมันรุนแรงจนต้องอ้าปากพยายามเปล่งเสียง ลืมไปเสียสนิทว่ามีริมฝีปากหนาทาบทับเอาไว้และนั่นเป็นการเปิดโอกาสให้เข้ามาชิมความหวานภายในโพรงปากราวเป็นเจ้าของ

“อื้อ อืม” ความเงียบภายในโรงเก็บหญ้าทำให้เสียงที่เปล่งออกมาดังก้องหูจนหล่อนรู้สึกอายที่ได้ยินเสียงของตนเองซึ่งมีความสุขมากกว่าจะเป็นผู้ถูกกระทำ

พณณกรรับรู้ได้ว่าคนตัวเล็กพร้อมสำหรับการปลดปล่อยแล้วจึงเร่งจังหวะให้เร็วขึ้นทั้งที่ตนเองก็รู้สึกปวดไปทั่วร่างไม่ต่างกันมากนัก

ไม่ได้..เขาไม่ยอมเอาตัวเองเข้าไปในกายของหล่อนเป็นอันขาด ไม่รู้ผ่านใครมาบ้างคงจะกร้านโลกน่าดู คิดอย่างเหยียดหยามแล้วปล่อยริมฝีปากจิ้มลิ้มให้เป็นอิสระมองใบหน้าหวานที่ดวงตากลมโตมีประกายความต้องการสูงล้น

“อ่า!” ผีเสื้อนับร้อยบินออกมาพร้อมอารมณ์ที่พุ่งขึ้นแตะเพดานอย่างไม่น่าเชื่อ ความรู้สึกที่คล้ายลอยได้ก่อนจะโดนเขากระชากลงมาบนพื้นอย่างไม่ปรานี เมื่อร่างสูงผละออกมาจากหล่อนพร้อมใบหน้าคมที่แสยะยิ้มราวต้องการเย้ยหยัน

ความสุขที่ได้รับกลับฉาบด้วยอาการอับอายเมื่อสบสายตาคม ร่างเล็กรีบจัดแจงชุดเข้าที่ก่อนคว้าบราและจีสตริงมากำเอาไว้แน่นไม่อยากให้ร่างเรือนกายของตนอีก

..เพียงเท่านี้ก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว

“หึ คงชอบไอ้ธีมากสินะถึงขนาดยอมให้ผู้ชายคนอื่นจับต้องได้ขนาดนี้ ฉันล่ะบูชาไอ้สิ่งที่เธอเรียกว่าความรักจริงๆ” กระแทกเสียงใส่แล้วเดินเลยไปนั่งบนก้อนหญ้าอัด ไม่สนใจจะชายตาแลผู้หญิงที่เนื้อตัวสั่นเลยสักนิด

“ฮึก ไอ้บ้า” น้ำใสไหลลงมาด้วยความเจ็บแค้น อยากลุกขึ้นไปตบตีผู้ชายไร้หัวใจคนนั้น ทว่าก็ต้องนั่งพับเพียบปกปิดร่างกายเอาไว้

มือเล็กกำชั้นในสีหวานแน่นไม่กล้าหันไปมองพณณกรที่นั่งไม่ไกลมากนักเพราะโรงเก็บหญ้าแห่งนี้ไม่ได้กว้างขวางทั้งยังมีไฟส่องสว่างจนไร้ความเป็นส่วนตัวจึงไม่อาจหลบซ่อนเพื่อไปจัดการตนเองให้เรียบร้อยได้ ต้องนั่งเป็นเป้าสายตาให้คนลามกมองพลางผิวปากด้วยความอารมณ์ดีทั้งที่จริงลูกชายยังไม่สงบดีด้วยซ้ำ

อดทนไว้ให้เอิร์ธ อย่าตบะแตกเด็ดขาด!

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status