ชาวบ้านที่เป็นพ่อแม่เด็กเห็นว่าคราวนี้ผู้ใหญ่บ้านเอาจริง พวกเขาจึงล้วงเงินมาจ่ายให้ผู้ใหญ่บ้านคนละ 300 อีแปะและสัญญาว่าจะไม่ให้ลูก ๆ ทำร้ายลูกชายของติงกวนอีก พวกเขารู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ห็นว่าเป็นแค่เรื่องเด็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาจึงไม่คิดจะสั่งสอนลูกหลานจนกระทั่งเกิดเรื่องจนถึงขั้นนี้
ติงกวนที่อยู่ ๆ ก็ได้รับเงินจำนวนหลายตำลึงยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนม่านหรูต้องสะกิดพ่อให้รีบรับเงินทั้งหมดจากผู้ใหญ่บ้านมาเสีย ติงกวนได้สติจึงรีบรับเงินทั้งหมดมาแล้วขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเขา อันที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าพวกชาวบ้านเรียกครอบครัวเขาว่าอะไร เพียงแต่พวกเขาเป็นเด็กที่กำพร้ามาก่อนจึงไม่กล้าเอาเรื่อง ยิ่งพอลูก ๆ ถูกรังแกด้วยแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านแล้วไม่มีที่จะอยู่ ตอนนี้พวกเขายังเก็บเงินได้ไม่มากพอที่จะพาลูก ๆ ออกจากหมู่บ้านนี้ เขาจึงได้แต่อดทนมานาน จนกระทั่งวันนี้ที่ลูกสาวทนไม่ไหวจนลงไม้ลงมืออย่างหนัก หากไม่ได้ผู้ใหญ่บ้านมาไกล่เกลี่ย พวกเขาสองคนพ่อลูกคงถูกพวกชาวบ้านรังแกอีกแน่
สัปดาห์ต่อมา ม่านหรูขึ้นเขาไปเก็บของป่าโดยบอกให้น้อง ๆ ไปช่วยพ่อแม่ทำงานที่ไร่ วันนี้นางอยากเข้าไปในป่าลึกสักหน่อย เพราะด้านนอกชาวบ้านต่างเก็บของป่าไปจนแทบไม่เหลือแล้ว นางไม่อยากให้ท่านแม่ต้องเสียเงินซื้อผักป่า ถึงแม้ว่าบ้านนางจะได้รับเงินค่าเสียหายมาหลายตำลึงก็ตาม
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา พวกเด็กเกเรไม่กล้ามายุ่งกับน้องชายของนางอีกเพราะพ่อแม่พวกเขาไม่อยากเสียเงินให้บ้านนางเหมือนครั้งที่ผ่านมา เรื่องนี้ทำให้นางสบายขึ้นมากและไม่ต้องเป็นห่วงน้อง ๆ เหมือนทุกครั้ง วันนี้นางจึงตั้งใจที่จะขึ้นเขาลึกกว่าปกติจากที่เคยขึ้นไปเก็บของป่าเหมือนทุกที ม่านหรูสะพายตะกร้าที่หลังเร่งเดินเร็วๆ จนผ่านป่าตีนเขาที่ชาวบ้านมักจะเก็บของป่ากัน
กว่าที่ขาเล็ก ๆ ของม่านหรูจะเดินเข้าไปลึกถึงป่าดิบชื้นบนภูเขาได้ นางต้องเสียเวลาเกือบ 2 ชั่วยาม ม่านหรูหอบเล็กน้อยหลังจากมาถึงป่าด้านใน นางมองตรงไปที่ป่าด้านหน้าซึ่งแปลกตาสำหรับนางไม่น้อย ที่พื้นของป่ามีเห็ดสีขาวขึ้นเต็มไปหมด ม่านหรูยิ้มบางให้กับเห็ดตรงหน้า นางคิดในใจว่าวันนี้นางเสี่ยงเข้ามาในป่าลึกนับว่าไม่เสียหลายแล้ว
ม่านหรูไม่อยากเสียเวลาอีกต่อไป นางก้มลงไล่เก็บเห็ดจากป่าด้านนอกที่ยืนอยู่เข้าไปยังภายในอย่างเร็วที่สุดเท่าที่เด็กอย่างนางจะสามารถทำได้ ใต้ต้นไม้ในป่าด้านใน ชางจ้าวหลงหรี่ตามองเด็กผู้หญิงที่กำลังก้มหน้าก้มตาเก็บเห็ดโดยไม่คิดมองป่าโดยรอบเสียด้วยซ้ำ เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยล้าเพราะบาดแผลทั้งภายในและภายนอก เขาอยากลุกขึ้นไปเก็บเห็ดหลินจือแดงที่อยู่บนตอไม้ไม่ไกลจากที่เข้านั่งอยู่นัก เสียดายที่ตัวเขาตอนนี้ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว
ชางจ้าวหลงหลับตาลงพักอีกครั้ง แต่ยังใช้หูฟังอยู่ว่าเด็กผู้หญิงแปลกหน้าจะเข้ามาใกล้เขาเมื่อไหร่ เขาจะได้ไหว้วานนางเก็บเห็ดหลินจือแดงมาให้เขากินสักดอกเพื่อสลายพิษที่ถูกศิษย์รักวางยาจนเขาไม่สามารถใช้ลมปราณได้ ชางจ้าวหลงนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาก็ได้แต่เสียใจที่มองคนผิดไปจนแทบจะเอาชีวิตไม่รอด ดีที่เขามีทางลับส่วนตัวที่ไม่เคยบอกใครแม้กระทั่งศิษย์รัก เขาจึงสามารถหนีออกมาจากสำนักได้โดยไม่มีใครเห็นร่องรอย เขาเดินทางระหกระเหินผ่านป่าเขามาจนถึงที่นี่จึงหมดแรงก่อนที่จะได้กินเห็ดล้างพิษ เขาจึงนอนพักเอาแรงมาได้สักพักใหญ่ก่อนจะได้ยินเสียงฝีเท้าของเด็กหญิงที่กำลังเก็บเห็ดจึงได้ลืมตาขึ้นมานิดหน่อยเพื่อดูว่าเป็นศัตรูหรือไม่
ม่านหรูตัวน้อยไม่รู้เลยว่าที่ป่าด้านในยังมีคนที่รอให้นางช่วยเหลืออยู่ นางยังคงก้มหน้าก้มตาเก็บเห็ดสีขาวดอกใหญ่จำนวนมากอย่างตั้งใจ หากนางเก็บเห็ดตรงนี้ได้ทั้งหมด ครอบครัวนางก็จะมีเห็ดตากแห้งเอาไว้กินไปได้อีกหลายวัน ถึงแม้นางจะหาผักป่าไม่ได้ก็ตาม
ม่านหรูเก็บเห็ดไปได้เกือบครึ่งตะกร้าในเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม นางทำเวลาได้ไม่เลวทีเดียวสำหรับเด็กตัวเล็ก ๆ อย่างนาง ม่านหรูเงยหน้าขึ้นปาดเหงื่อที่ซึมออกมาจากอากาศร้อนชื้นที่มีอยู่ในป่า นางพรูลมหายใจออกอย่างแรงคลายความเมื่อยล้าที่ต้องนั่งยอง ๆ เก็บเห็ดมาเป็นเวลานาน ม่านหรูนั่งพักที่พื้นหลังจากเก็บเห็ดมาถึงครึ่งป่าดิบชื้นแห่งนี้
ชางจ้าวหลงยังคอยฟังเสียงว่าเมื่อไหร่เด็กหญิงคนนั้นจะเข้ามาใกล้เขาเสียที ชางจ้าวหลงลืมตาขึ้นมานิดหน่อยเพื่อมองว่าตอนนี้นางเก็บเห็ดถึงตรงไหนแล้ว เขาที่กำลังมองเด็กน้อยได้แต่ต้องถอนหายใจอีกครั้ง เพราะตอนนี้เด็กน้อยนั่งพักเสียแล้ว เขาได้แต่ต้องรอคอยต่อไปอย่างมีความหวัง ครั้นจะให้เขาร้องเรียกเด็กน้อย เขาก็กลัวว่าเสียงที่อ่อนล้าของเขาจะส่งไปไม่ถึงนางที่อยู่ไกลพอสมควร
ม่านหรูนั่งพักได้หนึ่งเค่อ พอหายเหนื่อยแล้วนางก็ก้มหน้าเก็บเห็ดต่ออย่างไม่ย่อท้อ นางกลัวว่าจะมีชาวบ้านเข้ามาป่าด้านในเหมือนนางแล้วแย่งเก็บเห็ดพวกนี้ไปหมดเสียก่อน ม่านหรูจึงอยากเก็บให้ได้มากที่สุดเท่าที่นางจะทำได้
หนึ่งชั่วยามต่อมา เห็ดสีขาวที่อยู่ในป่าถูกม่านหรูเก็บจนเกลี้ยง นางยิ้มสมใจที่ตนเองสามารถเก็บเห็ดทั้งหมดได้ก่อนพระอาทิตย์จะตกดิน แต่ขณะที่นางกำลังจะลุกขึ้นเดินกลับบ้าน ก็มีเสียงดังมาจนนางสะดุ้งโหยง
แค่ก ๆ!!!
ม่านหรูยกมือขึ้นมาตบอกเบา ๆ เพื่อคลายความตกใจของนาง ก่อนจะหันไปทางที่นางได้ยินเสียงไอแปลก ๆ ดังมาก่อนหน้านี้ สิ่งที่ม่านหรูเห็นคือชายชราเสื้อผ้าเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือด นางเบิกตาโตอย่างตกใจอีกครั้ง หลังจากมองดูดี ๆ แล้วพอเห็นว่าชายชราไม่น่าจะตายง่าย ๆ ม่านหรูก็พรูลมหายใจก่อนจะถามเขาเสียงดัง
“ท่านปู่ ท่านเป็นอะไรมากหรือไม่ ให้ข้าไปเรียกผู้ใหญ่ที่หมู่บ้านมาช่วยไหมเจ้าคะ”
“แค่ก ๆ ไม่จำเป็น เจ้าช่วยข้าเด็ดเห็ดสีแดงตรงนั้นสักดอกได้หรือไม่”
ม่านหรูหันไปตามใบหน้าที่ชายชรามองไป นางเห็นตอไม้แห้งที่มีเห็ดสีแดงดอกใหญ่หลายดอกอยู่บนนั้น ม่านหรูไม่รู้จักเห็ดที่ชายชราต้องการ นางยืนคิดสักครู่ก่อนจะหันไปถามชายชราอีกครั้ง
“ท่านปู่จะกินมันจริง ๆ หรือเจ้าคะ ข้าดูแล้วเหมือนเห็ดพิษมากกว่า ถ้าท่านเป็นอะไรไปขึ้นมาจะทำอย่างไร”
“เพ้ย! เห็ดนั่นเป็นเห็ดหลินจือแดงที่หายากเชียวนะนังหนู เจ้าอย่ามองว่าสีมันไม่น่ากินเชียวนะ สรรพคุณของเห็ดนั่นช่วยขับพิษได้นับร้อยชนิดเลย”
“อั้ยย่ะ! เห็ดนั่นดีขนาดนั้นเลยหรือเจ้าคะ ถ้าข้านำเห็ดมาให้ท่านหนึ่งดอก ข้าจะได้สิ่งใดจากท่านเป็นการตอบแทนเล่า ข้าไม่ทำงานฟรีหรอกนะเจ้าคะ”
“เฮ้อ เจ้าต้องการอะไรเล่านังหนู ตัวข้าไม่มีเงินทองหรอกนะ แค่เอาชีวิตรอดมาได้ถึงนี่ ข้าก็ถือว่ายังมีบุญวาสนาอยู่บ้าง”
“ท่านอย่าพูดให้ข้าสงสารเลยท่านปู่ บ้านข้ายากจนมาก ถ้าท่านไม่มีเงินทอง เช่นนั้นท่านมีความสามารถอะไรบ้างเล่า”
“เจ้านี่มันขี้งกตั้งแต่เด็กเสียจริง ข้าที่เคยเป็นถึงเจ้าสำนักมีดบิน สามารถสอนวรยุทธเจ้าได้ก็แล้วกันนังหนู เจ้าอยากเรียนหรือไม่เล่า”
“อืม… ท่านแน่ใจนะว่าข้าจะไม่ขาดทุน เอาอย่างนี้ท่านปู่ ข้ายังมีน้องชายอีก 2 คน ข้าจะช่วยท่าน แต่ท่านต้องสอนพวกข้า 3 คนพี่น้อง ท่านว่าอย่างไร”
“ตกลง เจ้ารีบไปเก็บเห็ดมาให้ข้าก่อนสักดอก ส่วนดอกที่เหลือเจ้าสามารถนำไปขายที่ร้านหมอได้ ราคาแต่ละดอกน่าจะอยู่ประมาณ 700-1200 ตำลึงเชียวนะ”
“อู้หู! จริงหรือเจ้าคะท่านปู่ แต่ว่าข้าไม่อยากให้คนในหมู่บ้านรู้ว่าบ้านข้ามีเงินนี่สิ ข้าจะทำอย่างไรดีเล่าเจ้าคะ”
“เฮ้อ เจ้านี่มันเรื่องมากเสียจริง รอข้าหายดีก่อน ข้าจะพาเจ้าเอาเห็ดไปขายสักดอก ที่เหลือเจ้าก็ซื้อกล่องเก็บสมุนไพรมาเก็บเอาไว้ แล้วค่อยทยอยขายทีหลัง”
“ความคิดท่านปู่ไม่เลวเลยจริง ๆ ท่านรอข้าประเดี๋ยวนะเจ้าคะ ข้าจะไปเก็บเห็ดมาให้ท่านกินก่อน”
ชางจ้าวหลงพยักหน้าอย่างเหนื่อยล้า เขาพูดมากเกินไปจนกระทบกระเทือนบาดแผลภายในอีกครั้ง ชางจ้าวหลงได้แต่ต้องปิดตารวบรวมจิตใจให้กลับมาเข้มแข็งอีกครั้งก่อนที่จะได้กินเห็ดหลินจือแดงเพื่อกำจัดพิษ
ม่านหรูเห็นว่าชายชราหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน นางจึงรีบวิ่งไปยังตอไม้อีกด้านจนสะดุดล้มเสียงดัง ม่านหรูได้แต่ร้องอูยออกมาอย่างอดไม่ได้ นางมองไปยังเท้าเล็ก ๆ ก็เห็นว่ามีรากไม้โผล่ขึ้นมาจนนางสะดุดล้ม เห็ดสีขาวที่นางเก็บหล่นออกมาจากตะกร้าสะพายหลังไม่น้อย ม่านหรูได้แต่หันไปบอกชายชราอย่างจนใจ“ท่านปู่รอข้าเก็บเห็ดของข้าใส่คืนตะกร้าก่อนนะเจ้าคะ ข้าขอโทษที่สะเพร่าไม่ดูทางจนเสียเวลาเก็บเห็ดให้ท่าน”ชางจ้าวหลงส่ายหัวว่าไม่เป็นไร เขาหมดแรงที่จะตอบโต้กับเด็กน้อยแล้ว ถึงนางจะนำเห็ดมาให้เขาช้าหน่อยก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรหลังจากได้กินเห็ดแล้วเขาจะสามารถใช้พลังลมปราณได้อีกครั้ง และการรักษาตัวหลังจากนี้จะง่ายดั่งปาฏิหาริย์ม่านหรูเห็นท่าทางชายชราแล้วก็รีบก้มหน้าเก็บเห็ดที่ร่วงหล่นใส่ในตะกร้าสะพายหลังที่นางนำออกมาตั้งเอาไว้ข้างตัว นางกลัวว่าจะเผลอสะดุดอะไรอีกจนล้มจึงไม่อยากสะพายตะกร้าเอาไว้เหมือนก่อนหน้านี้ กว่าสองเค่อที่ม่านหรูเก็บเห็ดที่หกออกมาได้ทั้งหมด นางเลือกที่จะวางตะกร้าเห็ดเอาไว้ก่อน แล้วเดินเข้าไปดูว่านางจะเก็บเห็ดสีแดงไปให้ชายชราได้อย่างไรโดยที่เห็ดไม่เสียหายม่านหรูเห็นว่าเห็ดเกาะติดอย
ชางจ้าวหลงไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันกินไม่นานข้าวต้มในถ้วยก็หมดเสียแล้ว เขาพรูลมหายใจออกอย่างปลดปลง แต่ไม่ได้โทษว่าเด็กหญิงตรงหน้า เพราะเขาได้ยินนางบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าบ้านนางยากจน ชางจ้าวหลงหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กน้อยว่านางอยากให้เขาช่วยอะไร“ข้าอยากให้ท่านปู่พาข้าเข้าอำเภอไปขายเห็ดหนึ่งดอกเจ้าค่ะ กับขอให้ท่านพาข้าไปซื้อกล่องสมุนไพรสำหรับใส่เห็ดที่เหลือด้วยเจ้าค่ะ ท่านปู่เดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”“ข้าเดินไหว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยแค่นี้หรือ เหตุใดเจ้าไม่ให้พ่อกับแม่เจ้าพาไปเล่า”“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าชาวบ้านจะรู้ว่าบ้านข้ามีเงิน พวกเขายิ่งสอดรู้สอดเห็นกันเป็นอาชีพอยู่เจ้าค่ะ ท่านปู่พาข้าไปหน่อยนะเจ้าคะ นะ นะ”ม่านหรูลืมตัวเข้าไปเกาะแขนชายชราแล้วออดอ้อนเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ที่บ้าน ชางจ้าวหลงที่ไม่เคยถูกเด็กหญิงออดอ้อนมาก่อนถึงกับยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน เขาเห็นความน่ารักของเด็กหญิงร่างผอมบางตรงหน้าก็นึกเวทนา“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปอำเภอและพาเจ้าไปซื้อของจำเป็นด้วย ตกลงหรือไม่”“เย้! ท่านปู่ใจดีที่สุด ขอบคุณมากนะเจ้าคะ อืม… ท่านปู่คิดว่าข้า
“ม่านหรู เจ้าจะเก็บตั๋วแลกเงินเอาไว้เลยหรือไม่ ปู่จะได้ส่งให้เจ้า”“อืม… ข้าขอให้ท่านปู่เก็บไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวท่านพ่อท่านแม่จะตกใจ”“เจ้าไม่กลัวว่าปู่จะหนีไปพร้อมตั๋วเงินนี่หรือ หืม…”“เหตุใดข้าจึงต้องกลัวเล่าเจ้าคะ ในเมื่อท่านปู่สัญญาแล้วว่าจะสอนวิชาข้ากับน้อง”ม่านหรูเอียงหัวตอบคำถามเขาอย่างน่ารัก ทำเอาชางจ้าวหลงที่อยากกลับไปสำนักเพื่อแก้แค้นได้แต่หัวเราะเบา ๆ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะสอนนางกับน้องให้มีฝีมือดีกว่าศิษย์ทรยศที่เขาเคยสอนมา ในเมื่อฟ้าส่งเขามาพบกับนางเช่นนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกนางพี่น้องก็แล้วกัน ไม่นานนักชางจ้าวหลงก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าในเมืองซึ่งทหารบอกเอาไว้ เขาเข้าไปเห็นพนักงานมองมาอย่างตกใจก็เข้าใจดีว่าตัวเองในตอนนี้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร“เจ้าไปเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำมาให้ข้าสักสองชุด ส่วนของหลานสาวข้าเจ้าเลือกมาอีกสักสองตัวก็แล้วกัน ม่านหรู น้องชายเจ้าตัวโตแค่ไหนแล้ว ปู่จะได้บอกนางให้เอาชุดมาให้เจ้าเลือก”ม่านหรูคิดอยู่สักพักก็เอ่ยเสียงเล็ก ๆ ออกมาถึงขนาดตัวน้องชายทั้งสองและยังมีชุดของพ่อกับแม่นางด้วยที่นางขอให้ชายชราช่วยบอกคนขายให้นำมาให้นางดู ไม่น
กลุ่มของติงกวนเดินทางเกือบหนึ่งเค่อกว่าจะถึงบ้านหลังไม่ใหญ่นักซึ่งอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านติดกับตีนเขา เป็นเพราะมีเด็ก ๆ อยู่จึงทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเดินได้ช้ากว่าปกติ ติงกวนเชิญชางจ้าวหลงเข้าบ้านก่อนจะปิดประตูรั้วและในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านมาแอบฟังเหมือนทุกครั้งเสี่ยวชิงเห็นสามีเชิญผู้อาวุโสเข้าไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ เข้าไปรอในห้องก่อน ส่วนนางเดินเข้าไปนำน้ำต้มสุกมาวางเอาไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ สามีของนาง เพื่อรอฟังเรื่องราวจากปากชายชราว่าลูกสาวนางช่วยอะไรเขาเอาไว้ชางจ้าวหลงเห็นทั้งสองพร้อมที่จะฟังแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ม่านหรูทำเมื่อวานนี้ให้พวกเขาฟัง โดยเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เพียงแต่เงินขายเห็ดหลินจือแดงที่เหลือหนึ่งร้อยกว่าตำลึง เขาต้องมอบให้พวกเขาเก็บไว้ ส่วนตั๋วเงินที่ม่านหรูฝากเอาไว้ เขาไม่ได้บอกกล่าวออกมา หลังเล่าจบ เขาก็ส่งตะกร้าสิ่งของให้ที่ด้านข้างโต๊ะ เพื่อให้พวกเขาตรวจดูว่ามีสิ่งของจำเป็นครบหรือไม่ ก่อนที่จะส่งเงินในกระเป๋าผ้าที่เหลือให้พวกเขาติงกวนกับเสี่ยวชิงช่วยกันดูสิ่งของมากมายในตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะดูของในตะกร้าใบเล็กต่อ พอ
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ