5 ปีผ่านไป
เมื่อ 5 ปีก่อน หลังจากม่านหรูมีน้องชาย 2 คนพร้อมกัน นางช่วยแม่ดูแลน้องมาตลอดก่อนแม่จะปล่อยให้นางเลี้ยงน้องเองตอนที่น้องอายุ 1 ขวบครึ่ง ท่านแม่นางปล่อยให้นางอยู่บ้านกับน้องทุกวัน อาหารท่านแม่จะเตรียมเอาไว้ให้นางกับน้องกินเวลาท่านแม่กับท่านพ่อไปรับจ้างทำไร่ ทำสวน ม่านหรูอยู่กับน้องจึงรักและผูกพันธ์กับน้องชายทั้งสองคนมาก นางเลี้ยงน้องที่บ้านจนน้อง ๆ เริ่มวิ่งได้ในวัย 2 ขวบครึ่ง ม่านหรูที่อายุเกือบ 5 ขวบจึงเริ่มพาน้อง ๆ ไปช่วยพ่อกับแม่เก็บหญ้าที่ไร่บ้างเป็นบางวัน กระทั่งนางอายุเกือบ 6 ขวบ นางเริ่มขึ้นเขาพร้อมชาวบ้านไปหาของป่ามาไว้กินที่บ้าน ส่วนน้อง ๆ นางปล่อยให้เขาเล่นอยู่ที่บ้านและบางวันพวกเขาก็จะเดินไปหาพ่อกับแม่ที่ไร่บ้าง แต่ด้วยน้องชายยังเด็กอยู่มากและครอบครัวนางยากจน น้อง ๆ จึงใส่เสื้อผ้าเก่าขาดของนางที่ท่านแม่เย็บให้พวกเขาใส่ไปพลาง ๆ ก่อนที่พวกเขาจะโตไปมากกว่านี้ ทำให้เด็กในหมู่บ้านต่างล้อเลียนว่าน้องชายของนางเป็นขอทานและยังทำร้ายน้อง ๆ ของนางจนได้แผลกลับบ้านแทบทุกวัน
ม่านหรูที่กลับลงจากภูเขาแล้วเห็นน้อง ๆ นั่งน้ำตาคลออยู่หน้าบ้าน นางที่ไม่อยากให้ท่านพ่อท่านแม่กังวล จึงบอกน้อง ๆ ให้อดทนอย่าร้องไห้ให้ท่านพ่อท่านแม่เห็น ส่วนเรื่องเด็กในหมู่บ้านนางจะไปสั่งสอนพวกเขาให้เอง จึงกลายเป็นว่าทุกครั้งที่น้อง ๆ ถูกทำร้าย วันต่อมาม่านหรูจะไปตามหาเด็กเกเรพวกนั้นแล้วต่อยตีกับพวกเขาจนเคยชิน ด้วยความที่นางตัวเล็กและขึ้นเขาบ่อยจึงทำให้นางร่างกายแข็งแรงกว่าเด็กทั่วไปที่เอาแต่วิ่งเล่นอยู่ในหมู่บ้าน เหล่าเด็กเกเรเวลาเจ็บแค้นจึงได้แต่ทำร้ายน้องชายของนางเวลานางไม่อยู่ในหมู่บ้านเท่านั้น เรื่องนี้วนเวียนอยู่นานจนนางอายุ 7 ขวบ และน้อง ๆ เริ่มอายุได้ 5 ขวบ ม่านหรูจึงสอนวิธีเตะต่อยให้น้องชายทั้งสองจนพวกเขาพอจะดูแลตัวเองได้บ้าง ถึงจะแพ้บ้างชนะบ้างแต่พวกเขาก็เอาตัวรอดได้
วันก่อนน้อง ๆ ของนางถูกทำร้ายจนเลือดกลบปาก ฟันน้ำนมแทบหลุดออกมา ม่านหรูลงมาจากเขาเห็นเข้าก็โกรธกลุ่มเด็กพวกนั้นที่ลงมือหนักเกินไป นางบอกน้องให้อยู่ในบ้าน ส่วนนางออกไปตามหากลุ่มเด็กเกเรที่เล่นกันอยู่ลานกลางหมู่บ้าน
“พวกเจ้าทำร้ายน้องชายข้ามากเกินไปแล้วนะ ข้าถามพวกเจ้าหน่อยเถอะว่าน้องข้าเคยไปทำอะไรให้พวกเจ้ากัน ทำไมถึงได้เอาแต่รังแกพวกเขา”
หัวโจกเด็กเกเรอย่างเหอเจียงเก๋อเดินอาด ๆ ออกมาวางท่าต่อหน้าม่านหรูทั้งยังเท้าสะเอวก่อนเอ่ยปากตอบนางอย่างกวนอวัยวะเบื้องล่างว่า
“ใครใช้ให้น้องชายเจ้าแต่งตัวเหมือนขอทานกันเล่า ท่านแม่ข้าเคยบอกว่าในอำเภอมีขอทานมากมายต้องให้ทางการช่วยกำจัดออกไป ข้าในฐานะลูกพี่ของเด็กในหมู่บ้านก็ต้องสั่งสอนน้องชายขอทานของเจ้าแทนคนของทางการน่ะสิ”
“เหอเจียงเก๋อ มันจะมากเกินไปแล้วนะ น้อง ๆ ข้าไม่ใช่ขอทาน พวกเจ้าก็รู้จักบ้านข้าดีว่าอยู่ที่ไหนและที่น้อง ๆ ข้าใส่ชุดเก่าของข้ามันผิดตรงไหน ในเมื่อพวกเจ้าอยากมีเรื่องมากนัก วันนี้ข้าจะทำให้พวกเจ้าต้องคลานกลับบ้านแทนการเดินเลย”
ม่านหรูเดินไปหยิบท่อนไม้ที่วางอยู่ไม่ไกลมาถือไว้ ก่อนจะวิ่งไล่ตีเหล่าเด็กเกเรไปทั่วลานกลางหมู่บ้านจนพวกเขาร้องเสียงหลงวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง แต่มีหรือที่ม่านหรูจะวิ่งไม่ทันพวกเขาที่อ้วนท้วนกว่านางเยอะ ทำให้เด็ก ๆ ในลานที่เล่นอยู่กลางหมู่บ้านวันนี้ต่างร้องไห้กระจองอแง เพราะถูกม่านหรูตีเสียจนเลือดตกยางออกแถมฟันน้ำนมยังร่วงหล่นกันเป็นแถว ๆ
บรรดาผู้ใหญ่ที่เป็นพ่อแม่ของเด็กเกเรกำลังจะมาตามพวกเขากลับบ้านไปกินข้าวเย็นต่างร้องวี้ดว้ายอย่างตกใจที่เห็นลูกๆ เลือดไหลกลบปากกันเป็นแถวๆ แม่ของเหอเจียงเก๋อเห็นลูกชายนั่งร้องไห้เลือดกลบปากก็รีบวิ่งเข้าไปดูพร้อมกับพ่อแม่ของเด็กคนอื่น ๆ ที่รีบเข้าไปดูลูกของตัวเองเช่นเดียวกัน หลังจากดูอาการลูก ๆ แล้วเห็นว่าพวกเขาไม่มีที่ใดแตกหักในร่างกาย นางเหอก็ลุกขึ้นเท้าสะเอวหันมาด่าม่านหรู
“นังเด็กพ่อแม่ไม่สั่งสอน ใครให้เจ้าเอาไม้มาตีลูกของข้าจนเลือดตกยางออกแบบนี้”
“นั่นสิ เจ้าเป็นลูกสาวของเสี่ยวชิงไม่ใช่หรือยังไง เหตุใดจึงมีนิสัยก้าวร้าวนัก”
“ข้าจะฟ้องผู้ใหญ่บ้านว่าลูกสาวตระกูลติงทำร้ายลูกข้า คอยดูว่าข้าจะเรียกค่าเสียหายจนพ่อแม่พวกเจ้าต้องกลายเป็นขอทานกันจริง ๆ”
“เพ้ย! พวกท่านต่างหากเล่าที่เป็นขอทาน บ้านข้าถึงจะยากจนแต่ก็ไม่เคยขอใครกิน พวกท่านระวังปากเอาไว้บ้าง ระวังข้าจะเอาไม้ตีปากเหมือนลูกพวกท่านเล่า”
“นังเด็กเหลือขอ เจ้าคิดว่าพวกข้าไม่กล้าตีเจ้าเพราะเจ้าเป็นหญิงหรืออย่างไร”
“พวกท่านกล้าก็เข้ามาสิ เป็นลูกของพวกท่านต่างหากที่ไม่ได้รับการสั่งสอน พวกเขารุมตีน้องชายข้าทั้งสองคนจนเลือดตกยางออกก่อน ข้าจึงมาแก้แค้นอย่างไรเล่า”
“เจ้าอย่ามาโกหก ลูก ๆ พวกข้าต่างเป็นเด็กดี มีหรือจะรังแกคนจน ๆ อย่างน้องเจ้า”
“ใช่ ๆ เจ้าเป็นผู้หญิงยังเที่ยวต่อยตีไปทั่ว แบบนี้ใครจะกล้ารับเจ้าเป็นสะใภ้กัน”
“นั่นสินะ ยิ่งบ้านเจ้ายากจนแทบไม่มีจะกินด้วย ไม่มีคนในหมู่บ้านอยากแต่งกับคนบ้านเจ้าหรอกนังหนู”
“ชิ ไม่อยากแต่งกับข้าแล้วยังไง คิดว่าข้าอยากเข้าร่วมกับตระกูลพวกท่านนักหรือ คนที่ชอบดูถูกคนอย่างพวกท่าน ข้าไม่คิดจะอยากอยู่ด้วยสักนิด ยิ่งพวกท่านสั่งสอนลูกให้มารังแกน้องชายข้าด้วยแล้ว ท่านยังคิดว่าตัวเองดีอีกหรืออย่างไร”
ผู้ใหญ่บ้านที่ถูกพ่อของหนึ่งในกลุ่มเด็กเกเรวิ่งไปตามมาถึงทันได้ยินม่านหรูพูดประโยคสุดท้ายพอดี เขามองเห็นติงกวนกำลังวิ่งมาทางนี้ในระยะสายตา จึงได้แต่ขึงตามองลูกสาวของติงกวนอย่างเอาเรื่อง
“นี่เจ้าก่อเรื่องอีกแล้วหรือม่านหรู คราวก่อนเจ้าก็ตีเด็กพวกนี้ไปหลายทีแล้ว เหตุใดจึงได้มีเรื่องกันอีกเล่า”
“ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้าน ข้าไม่ได้ก่อเรื่องนะเจ้าคะ เป็นพวกเขาที่รุมทำร้ายน้องชายข้าก่อนจนเลือดกลบปาก เนื้อตัวเขียวช้ำไปหมด แถมเสื้อผ้ายังขาดวิ่นอีก ท่านไปดูน้องชายของข้าที่บ้านได้เลยว่าข้าพูดจริงหรือไม่ ในเมื่อพวกเขากล้าตีน้องชายข้า ข้าที่เป็นพี่สาวมีหรือจะไม่แก้แค้นแทนน้องชายที่ข้าเลี้ยงมาตั้งแต่เด็ก ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกข้าด้วยนะเจ้าคะ”
“ม่านหรู รีบขอโทษทุกคนซะ เจ้าเป็นเด็กผู้หญิงจะมาต่อยตีกับเด็กผู้ชายได้ยังไง”
“ท่านพ่อข้าไม่ขอโทษเจ้าค่ะ พวกเขาต่างหากที่ต้องขอโทษน้องข้าและต้องสัญญาว่าจะไม่ทำร้ายน้องของข้าอีก ไม่อย่างนั้นข้าก็จะมาตีพวกเขาคืนเหมือนครั้งนี้”
“เฮ้อ เจ้าอย่าดื้อได้หรือไม่ ขอโทษพวกเขาก่อนเถอะเรื่องจะได้จบ ๆ”
“เหตุใดข้าต้องขอโทษพวกเขาด้วยเจ้าคะ ในเมื่อพวกเขาสั่งสอนลูกให้เกเรและเรียกข้ากับน้องว่าขอทานด้วยนะเจ้าคะท่านพ่อ เราไม่เคยขอทานใครกินสักหน่อย ท่านพ่อจะให้ข้าทนได้อย่างไร”
“หืม จริงหรือลูก?”
“ข้าจะโกหกท่านพ่อทำไมกันเจ้าคะ ท่านปู่ผู้ใหญ่บ้านน่าจะเคยได้ยินพวกเขาเรียกข้ากับน้องบ้างนะเจ้าคะ ต่อหน้าคนในหมู่บ้าน หากใครโกหกขอให้ฟ้าลงโทษ”
“เอาล่ะ ๆ ในเมื่อเจ้าไม่ขอโทษก็ไม่เป็นไร สรุปว่าเป็นพวกเจ้าสินะที่ไปทำร้ายติงอ้ายกับติงเอ้อก่อน พวกเจ้าต้องมอบค่ารักษาให้ครอบครัวติงคนละ 300 อีแปะ เพราะลูกของพวกเจ้าก่อเรื่องก่อน”
“เพ้ย! ผู้ใหญ่จะให้เราจ่ายเงินให้พวกขอทานได้ยังไงกันเจ้าคะ ข้าไม่ยอมเสียเงินฟรี ๆหรอกนะ พวกมันต่างหากที่ต้องจ่ายค่ารักษาให้ลูกพวกข้าน่ะ”
“ใช่ ๆ พวกเราไม่จ่ายนะผู้ใหญ่”
“ข้าก็ไม่อยากจ่ายเช่นกัน”
“พวกเจ้าเงียบ!!! ถ้าไม่มีใครจ่าย ข้าจะไปแจ้งทางการว่าพวกเจ้าไม่สั่งสอนลูกหลานจนทำให้ลูกชายของติงกวนบาดเจ็บหนัก ลองดูว่าทางการจะทำอะไรกับพวกเจ้า”
“มันจะไม่มากเกินไปหรือผู้ใหญ่ แค่เรื่องเด็กตีกันเท่านั้นนะ”
“เจ้ายังไม่เงียบอีกหรือนางเหอ ต่อหน้าต่อตาข้าเจ้ายังกล้าเรียกพวกเขาว่าขอทาน ทั้งที่มีหลายบ้านจ้างสองผัวเมียไปทำไร่ทำสวนให้น่ะ พวกเขาทำงานแลกเงิน แต่พวกเจ้ากลับกล้าเรียกพวกเขาว่าขอทาน อีกอย่างนังหนูม่านหรูก็ขึ้นเขาตั้งแต่อายุยังน้อยนานหลายปีแล้ว นางไม่เคยทำร้ายใครก่อนนอกจากเด็กพวกนี้จะทำร้ายน้องชายนาง พวกเจ้าเลือกเอาว่าจะจ่ายดี ๆ หรือให้เรื่องถึงทางการ และหลังจ่ายเงินค่าเสียหายแล้ว พวกเจ้าห้ามให้ลูก ๆ มาทำร้ายติงอ้ายกับติงเอ้ออีกเป็นอันขาด หากครั้งนี้พวกเจ้ายังดื้อรั้นเหมือนเมื่อก่อน ข้าจะแจ้งทางการอย่างเดียว ข้าเบื่อกับเรื่องพวกนี้เต็มทนแล้ว”
ชาวบ้านที่เป็นพ่อแม่เด็กเห็นว่าคราวนี้ผู้ใหญ่บ้านเอาจริง พวกเขาจึงล้วงเงินมาจ่ายให้ผู้ใหญ่บ้านคนละ 300 อีแปะและสัญญาว่าจะไม่ให้ลูก ๆ ทำร้ายลูกชายของติงกวนอีก พวกเขารู้ดีว่าเรื่องพวกนี้เกิดขึ้นมาหลายปีแล้ว แต่ห็นว่าเป็นแค่เรื่องเด็ก ๆ เท่านั้น พวกเขาจึงไม่คิดจะสั่งสอนลูกหลานจนกระทั่งเกิดเรื่องจนถึงขั้นนี้ติงกวนที่อยู่ ๆ ก็ได้รับเงินจำนวนหลายตำลึงยืนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนม่านหรูต้องสะกิดพ่อให้รีบรับเงินทั้งหมดจากผู้ใหญ่บ้านมาเสีย ติงกวนได้สติจึงรีบรับเงินทั้งหมดมาแล้วขอบคุณผู้ใหญ่บ้านที่ให้ความเป็นธรรมกับครอบครัวเขา อันที่จริงเขารู้มานานแล้วว่าพวกชาวบ้านเรียกครอบครัวเขาว่าอะไร เพียงแต่พวกเขาเป็นเด็กที่กำพร้ามาก่อนจึงไม่กล้าเอาเรื่อง ยิ่งพอลูก ๆ ถูกรังแกด้วยแล้ว พวกเขาก็ได้แต่เก็บงำความไม่พอใจเอาไว้ด้วยกลัวว่าจะถูกไล่ออกจากหมู่บ้านแล้วไม่มีที่จะอยู่ ตอนนี้พวกเขายังเก็บเงินได้ไม่มากพอที่จะพาลูก ๆ ออกจากหมู่บ้านนี้ เขาจึงได้แต่อดทนมานาน จนกระทั่งวันนี้ที่ลูกสาวทนไม่ไหวจนลงไม้ลงมืออย่างหนัก หากไม่ได้ผู้ใหญ่บ้านมาไกล่เกลี่ย พวกเขาสองคนพ่อลูกคงถูกพวกชาวบ้านรังแกอีกแน่สัปดาห์ต่อมา ม่านหรูขึ้
ม่านหรูเห็นว่าชายชราหลับตาลงอีกครั้งอย่างเหนื่อยอ่อน นางจึงรีบวิ่งไปยังตอไม้อีกด้านจนสะดุดล้มเสียงดัง ม่านหรูได้แต่ร้องอูยออกมาอย่างอดไม่ได้ นางมองไปยังเท้าเล็ก ๆ ก็เห็นว่ามีรากไม้โผล่ขึ้นมาจนนางสะดุดล้ม เห็ดสีขาวที่นางเก็บหล่นออกมาจากตะกร้าสะพายหลังไม่น้อย ม่านหรูได้แต่หันไปบอกชายชราอย่างจนใจ“ท่านปู่รอข้าเก็บเห็ดของข้าใส่คืนตะกร้าก่อนนะเจ้าคะ ข้าขอโทษที่สะเพร่าไม่ดูทางจนเสียเวลาเก็บเห็ดให้ท่าน”ชางจ้าวหลงส่ายหัวว่าไม่เป็นไร เขาหมดแรงที่จะตอบโต้กับเด็กน้อยแล้ว ถึงนางจะนำเห็ดมาให้เขาช้าหน่อยก็ไม่เป็นอะไร อย่างไรหลังจากได้กินเห็ดแล้วเขาจะสามารถใช้พลังลมปราณได้อีกครั้ง และการรักษาตัวหลังจากนี้จะง่ายดั่งปาฏิหาริย์ม่านหรูเห็นท่าทางชายชราแล้วก็รีบก้มหน้าเก็บเห็ดที่ร่วงหล่นใส่ในตะกร้าสะพายหลังที่นางนำออกมาตั้งเอาไว้ข้างตัว นางกลัวว่าจะเผลอสะดุดอะไรอีกจนล้มจึงไม่อยากสะพายตะกร้าเอาไว้เหมือนก่อนหน้านี้ กว่าสองเค่อที่ม่านหรูเก็บเห็ดที่หกออกมาได้ทั้งหมด นางเลือกที่จะวางตะกร้าเห็ดเอาไว้ก่อน แล้วเดินเข้าไปดูว่านางจะเก็บเห็ดสีแดงไปให้ชายชราได้อย่างไรโดยที่เห็ดไม่เสียหายม่านหรูเห็นว่าเห็ดเกาะติดอย
ชางจ้าวหลงไม่ได้ทานอะไรมาหลายวันกินไม่นานข้าวต้มในถ้วยก็หมดเสียแล้ว เขาพรูลมหายใจออกอย่างปลดปลง แต่ไม่ได้โทษว่าเด็กหญิงตรงหน้า เพราะเขาได้ยินนางบอกตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่าบ้านนางยากจน ชางจ้าวหลงหยิบกระบอกไม้ไผ่ขึ้นมาดื่มน้ำเข้าไปอึกใหญ่ ก่อนจะเอ่ยปากถามเด็กน้อยว่านางอยากให้เขาช่วยอะไร“ข้าอยากให้ท่านปู่พาข้าเข้าอำเภอไปขายเห็ดหนึ่งดอกเจ้าค่ะ กับขอให้ท่านพาข้าไปซื้อกล่องสมุนไพรสำหรับใส่เห็ดที่เหลือด้วยเจ้าค่ะ ท่านปู่เดินไหวหรือไม่เจ้าคะ”“ข้าเดินไหว เจ้าต้องการให้ข้าช่วยแค่นี้หรือ เหตุใดเจ้าไม่ให้พ่อกับแม่เจ้าพาไปเล่า”“ไม่เอาหรอกเจ้าค่ะ ข้ากลัวว่าชาวบ้านจะรู้ว่าบ้านข้ามีเงิน พวกเขายิ่งสอดรู้สอดเห็นกันเป็นอาชีพอยู่เจ้าค่ะ ท่านปู่พาข้าไปหน่อยนะเจ้าคะ นะ นะ”ม่านหรูลืมตัวเข้าไปเกาะแขนชายชราแล้วออดอ้อนเหมือนที่ทำกับพ่อแม่ที่บ้าน ชางจ้าวหลงที่ไม่เคยถูกเด็กหญิงออดอ้อนมาก่อนถึงกับยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน เขาเห็นความน่ารักของเด็กหญิงร่างผอมบางตรงหน้าก็นึกเวทนา“ตกลง ๆ ปู่จะพาเจ้าไปอำเภอและพาเจ้าไปซื้อของจำเป็นด้วย ตกลงหรือไม่”“เย้! ท่านปู่ใจดีที่สุด ขอบคุณมากนะเจ้าคะ อืม… ท่านปู่คิดว่าข้า
“ม่านหรู เจ้าจะเก็บตั๋วแลกเงินเอาไว้เลยหรือไม่ ปู่จะได้ส่งให้เจ้า”“อืม… ข้าขอให้ท่านปู่เก็บไว้ก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ ข้ากลัวท่านพ่อท่านแม่จะตกใจ”“เจ้าไม่กลัวว่าปู่จะหนีไปพร้อมตั๋วเงินนี่หรือ หืม…”“เหตุใดข้าจึงต้องกลัวเล่าเจ้าคะ ในเมื่อท่านปู่สัญญาแล้วว่าจะสอนวิชาข้ากับน้อง”ม่านหรูเอียงหัวตอบคำถามเขาอย่างน่ารัก ทำเอาชางจ้าวหลงที่อยากกลับไปสำนักเพื่อแก้แค้นได้แต่หัวเราะเบา ๆ ตอนนี้เขามั่นใจแล้วว่าจะสอนนางกับน้องให้มีฝีมือดีกว่าศิษย์ทรยศที่เขาเคยสอนมา ในเมื่อฟ้าส่งเขามาพบกับนางเช่นนี้ก็นับว่าเป็นวาสนาของพวกนางพี่น้องก็แล้วกัน ไม่นานนักชางจ้าวหลงก็มาถึงร้านขายเสื้อผ้าในเมืองซึ่งทหารบอกเอาไว้ เขาเข้าไปเห็นพนักงานมองมาอย่างตกใจก็เข้าใจดีว่าตัวเองในตอนนี้นั้นมีสภาพเป็นอย่างไร“เจ้าไปเลือกเสื้อผ้าเนื้อดีสีดำมาให้ข้าสักสองชุด ส่วนของหลานสาวข้าเจ้าเลือกมาอีกสักสองตัวก็แล้วกัน ม่านหรู น้องชายเจ้าตัวโตแค่ไหนแล้ว ปู่จะได้บอกนางให้เอาชุดมาให้เจ้าเลือก”ม่านหรูคิดอยู่สักพักก็เอ่ยเสียงเล็ก ๆ ออกมาถึงขนาดตัวน้องชายทั้งสองและยังมีชุดของพ่อกับแม่นางด้วยที่นางขอให้ชายชราช่วยบอกคนขายให้นำมาให้นางดู ไม่น
กลุ่มของติงกวนเดินทางเกือบหนึ่งเค่อกว่าจะถึงบ้านหลังไม่ใหญ่นักซึ่งอยู่ที่ท้ายหมู่บ้านติดกับตีนเขา เป็นเพราะมีเด็ก ๆ อยู่จึงทำให้ผู้ใหญ่อย่างพวกเขาเดินได้ช้ากว่าปกติ ติงกวนเชิญชางจ้าวหลงเข้าบ้านก่อนจะปิดประตูรั้วและในบ้านเพื่อป้องกันไม่ให้ชาวบ้านมาแอบฟังเหมือนทุกครั้งเสี่ยวชิงเห็นสามีเชิญผู้อาวุโสเข้าไปนั่งที่โต๊ะกินข้าวแล้ว นางจึงบอกให้ลูก ๆ เข้าไปรอในห้องก่อน ส่วนนางเดินเข้าไปนำน้ำต้มสุกมาวางเอาไว้ ก่อนจะนั่งลงข้างๆ สามีของนาง เพื่อรอฟังเรื่องราวจากปากชายชราว่าลูกสาวนางช่วยอะไรเขาเอาไว้ชางจ้าวหลงเห็นทั้งสองพร้อมที่จะฟังแล้ว เขาจึงเล่าเรื่องทั้งหมดที่ม่านหรูทำเมื่อวานนี้ให้พวกเขาฟัง โดยเขาไม่ได้บอกว่าเขาเป็นใครมาจากไหน เพียงแต่เงินขายเห็ดหลินจือแดงที่เหลือหนึ่งร้อยกว่าตำลึง เขาต้องมอบให้พวกเขาเก็บไว้ ส่วนตั๋วเงินที่ม่านหรูฝากเอาไว้ เขาไม่ได้บอกกล่าวออกมา หลังเล่าจบ เขาก็ส่งตะกร้าสิ่งของให้ที่ด้านข้างโต๊ะ เพื่อให้พวกเขาตรวจดูว่ามีสิ่งของจำเป็นครบหรือไม่ ก่อนที่จะส่งเงินในกระเป๋าผ้าที่เหลือให้พวกเขาติงกวนกับเสี่ยวชิงช่วยกันดูสิ่งของมากมายในตะกร้าใบใหญ่ ก่อนจะดูของในตะกร้าใบเล็กต่อ พอ
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ชางจ้าวหลงพาหลานสาวเดินกลับทางเดิมที่เขาเห็นร้านขายเครื่องประดับอยู่ร้านหนึ่งก่อนหน้านี้ ม่านหรูไม่ได้คุยอะไรกับท่านปู่ระหว่างทาง กระทั่งทั้งสองมาถึงหน้าร้านเครื่องประดับร้านใหญ่ ชางจ้าวหลงก็เดินนำหลานสาวเข้าไป“พวกท่านต้องการดูเครื่องประดับแบบไหนขอรับ” พ่อค้าหนุ่มคนหนึ่งในร้านเดินมารับหน้าชางจ้าวหลงและม่านหรูซึ่งดูท่าทางไม่เหมือนชาวบ้านธรรมดา“ร้านเจ้ามีหยกพกที่เหมือนกันสัก 6 ชิ้นและรับแกะสลักแซ่หรือไม่”“มีขอรับท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบท่านอยากได้หยกเนื้อดีหรือหยกธรรมขอรับ”“ข้าต้องการหยกเนื้อดี ขอหยกที่ไม่เหมือนใครและมีแค่ 6 ชิ้นเท่านั้นนะ ข้าไม่อยากให้ซ้ำกับใครในแคว้นนี้”“เช่นนั้นเชิญพวกท่านไปรอที่ห้องรับรองก่อนขอรับ ข้าจะไปนำหยกมาให้ท่านเลือกดูสักหลายแบบ เชิญทางนี้ขอรับ”ชางจ้าวหลงกับม่านหรูพยักหน้ารับคำพ่อค้าหนุ่มและตามหลังเขาไปยังห้องที่อยู่ด้านในร้าน หลังจากนั่งรอในห้องไม่นานนัก พ่อค้
แม่ค้ามองกลุ่มคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างไม่มั่นใจว่าพวกเขาจะมีเงินพอซื้อเสื้อผ้าหรือไม่“พวกเจ้าแน่ใจหรือว่าจะมีเงินพอจ่ายค่าเสื้อผ้าร้านข้า เสื้อผ้าดี ๆ สำหรับร่วมงานเลี้ยงในวังราคาแพงมากนะ”“เพ้ย! เหตุใดข้าจะไม่มีเงิน นี่อย่างไรตั๋วแลกเงินหนึ่งพันตำลึง พอหรือไม่สำหรับชุดสามชุดน่ะ” ชางจ้าวหลงกล่าวตอบอย่างโมโหจนหนวดกระดิก“อ่า ขออภัยท่านผู้เฒ่าเจ้าค่ะ ข้าเพียงแต่ถามตามหน้าที่ เช่นนั้นพวกท่านรอสักครู่ ข้าจะไปนำเสื้อผ้ามาให้พวกท่านเลือกเจ้าค่ะ” แม่ค้าได้แต่ละล่ำละลักขอโทษ นางไม่คิดว่าคนที่แต่งตัวธรรมดา ๆ อย่างพวกเขาจะมีเงินมากถึงพันตำลึงม่านหรูได้แต่ส่ายหัวกับแม่ค้าในเมืองหลวง พวกเขาคงมองคนเพียงภายนอกเท่านั้นกระมังถึงได้เสียมารยาทเช่นนี้ พวกเขารอไม่นานนักแม่ค้าก็นำชุดผ้าเนื้อดีมาส่งให้ท่านปู่ ท่านพ่อและท่านแม่ดูคนละหลายชุด ทั้งสามคนเลือกชุดที่ดูดีที่สุดคนละชุดแล้วถามราคาเพื่อจะได้รีบจ่ายรีบกลับค่ายกัน“ค่าชุดทั้งสาม
ซื่อหวนหลงพอรู้ว่าม่านหรูกลับมาแล้ว เขารีบออกไปดูว่าครอบครัวนางเป็นอย่างไร ซื่อหวนหลงแอบมองอยู่ไกล ๆ เพื่อไม่ให้น้องชายนางแสดงอาการพิรุธจนพี่ใหญ่พวกเขาเห็น ซื่อหวนหลงมองเห็นชายชราท่าทางภูมิฐานคนหนึ่ง หญิงและชายวัยกลางคนที่น่าจะเป็นพ่อกับแม่ของนาง เขาอยากเข้าไปทักทาย เพียงแต่คิดว่าไม่น่าจะเหมาะสมนักที่แม่ทัพใหญ่อย่างเขาจะเข้าไปทำความรู้จักครอบครัวรองแม่ทัพซื่อหวนหลงเห็นม่านหรูเข้าไปออดอ้อนชายชราอย่างน่ารัก หัวใจเขายิ่งเต้นกระหน่ำขึ้นมา เขาอยากให้นางมาอ้อนเขาแบบนี้บ้าง ซื่อหวนหลงเห็นชายชรามองมาทางเขาด้วยสายตาคมกริบ เขารีบค้อมคำนับก่อนจะเดินกลับไปที่กระโจม ตอนนี้เขารู้แล้วว่าชายชราน่าจะเป็นคนสอนวรยุทธสามพี่น้อง เพราะเพียงแค่สายตาที่มองมานั้น เขาก็รู้ว่าชายชรามีพลังลมปราณมากมายมหาศาลกว่าเขาและอาจารย์แน่สี่วันต่อมา กองทัพเก็บข้าวของกันตั้งแต่เย็นวาน รุ่งสางของวันพวกเขาเพียงแต่ร่วมทานอาหารกับทหารที่ประจำค่ายชายแดนก่อนออกเดินทางเท่านั้น หลังจากที่จัดขบวนทัพเรียบร้อยแล้ว ซื่อหวนหลงก็สั่งการเดินทัพใ
ทหารชั้นผู้น้อยทุกนายได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ถึงสองวัน ก่อนที่จะได้รับคำสั่งให้เดินทัพกลับค่ายชายแดนต่อไปในวันพรุ่งนี้ ระหว่างการพักผ่อน ม่านหรูกับน้องยังคงฝึกฝนร่างกายตามที่ท่านปู่สอนทุกเช้าไม่ได้ขาด หลังได้คำสั่งกลับค่ายชายแดนพวกเขาก็เก็บข้าวของและไปรวมแถวก่อนจะกลับค่ายชายแดนพร้อมกองทัพใหญ่ช่วงเย็นหลังทานอาหาร ซื่อหวนหลงสั่งรวมพลที่ลานกลางค่ายเพื่อแจ้งข่าวดีให้กับทหารที่ออกรบในครั้งนี้ เมื่อเห็นว่าทหารทั้งหมดตั้งแถวอย่างพร้อมเพรียงแล้ว ซื่อหวนหลงเรียกทหารใหม่ 10 นายที่แม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองอาวุโสเห็นด้วยในการเลื่อนขั้นให้พวกเขา หนึ่งในนั้นคือติงม่านหรูได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพรวมถึงน้องชายทั้งสองได้เป็นผู้ช่วยของติงม่านหรู อีกเจ็ดคนได้ตำแหน่งนายกองแทนที่ติงม่านหรูกับน้องชายและแทนที่ตำแหน่งทหารที่ถึงวัยออกจากราชการ“ทหารที่ได้รับตำแหน่งรองแม่ทัพและผู้ช่วยจะต้องเดินทางกลับเมืองหลวงพร้อมข้ากับกองทัพใหญ่เพื่อไปรับพระราชโองการแต่งตั้ง ข้าจะถวายฎีกาแด่ฮ่องเต้เมื่อไปถึง ส่วนทหารระดับรองลงไป ให้ประจำการที่ชา
ซื่อหวนหลงเรียกประชุมในวันต่อมา ม่านหรูที่เป็นเพียงนายกองเล็ก ๆ ไม่ต้องเข้าร่วม นางจึงไปตรวจสอบทหารในกองว่าใครบาดเจ็บมากน้อยแค่ไหน โชคดีที่เมื่อวานคนของแม่ทัพใหญ่ตามมาช่วยเปิดทางได้ทัน กองทัพเล็ก ๆ ของนางจึงไม่มีใครล้มตายกว่าการประชุมจะจบลง พระอาทิตย์ก็ตกดินแล้ว ซื่อหวนหลงออกคำสั่งให้กองทัพพักผ่อน 2 สัปดาห์ จากนั้นเขาจะให้ทหารม้าเป็นทัพหน้าแต่จัดขบวนเหมือนที่ม่านหรูทำในครั้งนี้ เพื่อจะได้ตีฝ่าค่ายทัพของแคว้นเจิ้งไปให้สิ้นซากเสีย หลังจากที่คราวนี้พวกเขาทำไม่สำเร็จเช้าวันต่อมา เหล่าแม่ทัพ รองแม่ทัพและนายกองที่มีประสบการณ์นำเรื่องในที่ประชุมเมื่อวานไปแจ้งเหล่าทหารให้กระจายข่าวกันออกไป เพื่อเตรียมตัวสู้ศึกครั้งต่อไปในอีก 2 สัปดาห์ที่จะถึงนี้ ม่านหรูเมื่อทราบข่าว นางก็นำทหารในกองฝึกฝนให้หนักยิ่งกว่าเก่า เพราะการต่อสู้ที่ผ่านมานางเห็นข้อบกพร่องในกองทหารของนาง10 วันผ่านไป ซื่อหวนหลงเทียวออกมาดูการฝึกทหารของม่านหรูวันเว้นวัน ตั้งแต่ที่เขาออกคำสั่งให้พักผ่อนและเ
รองแม่ทัพทั้งสามที่นำทัพหน้ามารีบสั่งถอยทัพทันทีที่เห็นกองทหารศัตรูพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วราวลูกธนูที่หลุดออกจากแหล่ง พวกเขาไม่คิดว่าทัพหน้าแคว้นจ้าวจะมีวรยุทธสูงส่งมากขนาดนี้ขณะที่ทัพหน้าแคว้นเจิ้งกำลังเร่งถอยทัพไปตามแผน ม่านหรูกับกองทหารของนางก็ไม่ล่าช้า พวกเขาเร่งมือฝ่าทัพศัตรูที่ตั้งรับไปด้วยถอยหลังไปด้วยอย่างเต็มกำลัง จนใจที่ทัพม้าของศัตรูเข้ามาขวางเอาไว้เพื่อให้ทัพหน้าถอยทัพไปเสียก่อน กองกำลังของนางจึงต้องหยุดเพื่อต้านทานทัพม้าจำนวนนับพันที่โอบล้อมพวกนางไว้ซื่อหวนหลงเห็นกองทัพของม่านหรูกำลังตกที่นั่งลำบากและศัตรูส่วนใหญ่หนีลึกเข้าไปในเขตแดนแคว้นเจิ้งแล้ว เขาร้องสั่งรองแม่ทัพให้ส่งคนไปช่วยกลุ่มของม่านหรูก่อนที่จะถูกกลุ้มรุมสังหารจากทัพม้าของศัตรู ตัวเขาเองยังไสม้าฝ่าเข้าไปช่วยด้วยอีกคนม่านหรูที่กำลังรับมือทหารม้า 5 คนพร้อมกันเห็นว่ากลุ่มของนางเริ่มกระจายตัวออกก็ยิ่งเป็นห่วง นางรีบสั่งน้องชายทั้งสองให้เรียกรวมกลุ่มเอาไว้และให้พวกเขาไปช่วยรับมือกับทหารม้าด้านที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มก่อน“พวกข้ารู้แล้ว พี่ใหญ่ระวังตัวด้วยขอรับ”“อืม… ข้าจะระวังตัว พวกเจ้ารีบไป ข้าจะจัดการทหารพวกนี้ก
ม่านหรูกับน้องทั้งสามได้ยินเสียงเกือกม้าด้านหลังก็รู้ว่าพวกเขาต้องเร่งมือให้ทัพม้าเข้าตีต่อ นางจึงใช้พลังลมปราณเพิ่มขึ้นเพื่อลดเวลาการต่อสู้ลงให้มากที่สุด ติงอ้ายกับติงเอ้อคอยป้องกันศัตรูให้พี่ใหญ่ ทำให้พื้นที่ที่ทั้งสามอยู่นั้นถูกแหวกออกเป็นวงกว้างไม่น้อย ทหารในหมู่เดียวกันอีก 7 คนคอยใช้โอกาสที่ศัตรูเพลี่ยงพล้ำตวัดดาบซ้ำไปจนศัตรูตายไปไม่น้อยเช่นกันซื่อหวนหลงเห็นว่าหัวหน้าหมู่ร่างเล็กบางฝีมือไม่เลวและชายหนุ่มอีกสองที่คอยต่อสู้เคียงข้างหัวหน้าหมู่ร่างเล็กคนนั้นก็น่าสนใจ เขาจึงสั่งการให้พวกเขาเร่งฝ่าทัพศัตรูเร็วขึ้น ม่านหรูได้แต่กลอกตามองบนอย่างหมั่นไส้และคิดในใจว่านี่ข้ายังรีบไม่พออีกหรือ หากเจ้ารีบนักทำไมไม่ขี่ม้าขึ้นหน้าไปก่อนเล่าซื่อหวนหลงไม่เห็นว่าม่านหรูหน้าตาบูดบึ้งมากแค่ไหนหลังได้รับคำสั่ง เขาที่อยู่บนหลังม้าใช้ง้าวฆ่าฟันศัตรูเพื่อช่วยเปิดทางด้วยอีกแรงหนึ่ง ม่านหรูเข้าไปใกล้แม่ทัพใหญ่แคว้นเจิ้งอีกเพียงไม่ถึง 10 ก้าว นางร้องบอกน้อง ๆ ให้แหวกทางต่อเพื่อให้แม่ทัพใหญ่ของนางเข้าไปจัดการตามหน้าที่ของเขาเสียติงอ้ายกับติงเอ้อต่างร้องรับคำพี่ใหญ่เสียงดัง ซื่อหวนหลงได้ยินจึงเพิ่งรู้ว่า
ม่านหรูถึงแม้จะอยู่แถวหลังกลุ่มทหารที่มาจากเมืองหลวง แต่นางก็เห็นหน้าของแม่ทัพใหญ่ซึ่งหล่อเหลาและตัวสูงใหญ่มากกว่าทหารคนอื่นที่ยืนอยู่บนเวทีด้วยกันเกือบหนึ่งช่วงศรีษะ ยิ่งได้ยินเสียงจากพลังลมปราณที่กล้าแกร่งของเขา นางก็ยิ่งคิดว่าตนเองยังเป็นกบในกะลา ทั้งที่ตัวนางเองฝึกฝนมานานยังมีลมปราณไม่มากเท่าชายผู้เป็นแม่ทัพใหญ่ที่อายุน่าจะห่างจากนางไม่มากทหารใหม่ทั้งหมดเกือบร้อยคนมายืนเรียงแถวกันที่หน้าเวที พวกเขาเป็นแค่ชาวบ้านที่ถูกเกณฑ์มาเท่านั้น อีกทั้งกลุ่มคนพวกนี้เป็นลูกพ่อค้าจึงทำตัวเกเรแต่แรกทหารคนอื่นคิดว่าพวกเขาน่าจะถูกแม่ทัพใหญ่ลงโทษไม่น้อย“พวกเจ้าฝึกฝนมานานเท่าไหร่แล้ว เหตุใดแค่จัดแถวจึงทำไม่ได้”หม่าต้าเฟยหัวหน้ากลุ่มลูกพ่อค้าถือตัวว่าที่บ้านร่ำรวยจึงคิดว่าเงินซื้อได้ทุกอย่าง เขาพยายามยัดเงินให้หัวหน้าหมู่กับนายกองเพื่อความสบาย แต่พวกเขาไม่ยอมรับเงิน จึงทำให้หม่าต้าเฟยรวมตัวลูกพ่อค้าเที่ยวก่อกวนไปทั่วมาตั้งแต่แรก“พวกข้าฝึกเพียงแค่สองเดือนเท่านั้น เจ้าจะให้พวกเราชาวบ้านตาดำ ๆ ทำอย่างพวกเจ้าที่เป็นทหารมานานได้อย่างไร”“เจ้าชื่ออะไร เหตุใดก่อนรายงานไม่ขานชื่อตนเองก่อน นายกอง นำตัวไปลง
หนึ่งเดือนต่อมา ทหารมาที่หมู่บ้านเพื่อคัดเลือกเด็กหนุ่มเข้าไปเป็นทหารให้ทางการ เพราะตอนนี้แคว้นเจิ้งรุกรานแคว้นจ้าวจนชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว ชาวบ้านที่มีลูกชายจำเป็นต้องส่งลูกให้เหล่าทหารทั้งน้ำตา พวกเขาเป็นเพียงชาวบ้านแล้วจะไปสู้รบปรบมือกับใครเขาได้ แต่ทหารที่มากลับบอกว่าพวกเขาจะฝึกฝนคนเหล่านี้ก่อนเข้าสู่สนามรบในอีก 3 เดือนข้างหน้า เนื่องจากต้องรอทัพใหญ่จากเมืองหลวงซึ่งกำลังเดินทางมาถึงชายแดนเสียก่อนจึงจะร่วมทัพกันม่านหรูพอรู้ว่าน้อง ๆ ต้องไปเป็นทหารก็นึกเป็นห่วง นางแอบตามน้องไปเข้าขบวนกับเหล่าทหารด้วย ก่อนไปนางบอกท่านปู่เอาไว้แล้วว่าจะพาน้องกลับมาได้อย่างแน่นอน ชางจ้าวหลงที่สอนสั่งม่านหรูมาตลอด 10 ปีรู้ดีว่าหลานสาวเก่งกาจกว่าน้องชายทั้งสองมากนัก ไม่ว่าจะเรื่องความคิดรอบคอบหรือความหัวไวของนางก็ไม่เป็นสองรองใคร เขาจึงได้แต่จำใจส่งหลานสาวไปพร้อมมีดบินที่เขาสั่งทำเอาไว้เมื่อหลายปีก่อนให้นางติดตัวไปด้วยกว่าที่เสี่ยวชิงกับติงกวนจะรู้ว่าลูกสาวแอบตามน้องไปก็สายเกินไปเสียแล้ว หากพวกเขาไปนำตัวม่านหรูกลับมา นางอาจจะถูกลงโทษฐานเข้าร่วมโดยพละการ พวกเขาจึงไม่กล้าวู่วามและได้แต่รอคอยตามที่ท่านพ่อ