ปากหนาก็ดูดผลอิงเถาอย่างเมามัน ส่วนมือหนาก็คลำหาจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของนาง เขาขยำมันอย่างเมามัน แล้วก็ค่อยสอดนิ้วแกร่งเข้าไปแล้วเขี่ยเมล็ดดอกไม้งามนั้นไปมา เฟยฮวาครางกระเส่าทันทีอย่างเสียวซ่าน สะโพกอวบของนางโยกน้อยๆเข้าหามือหนาของเขาทันที
จากนั้นอ๋องหนุ่มสอดนิ้วแกร่งเข้าไปค่อยๆจนมันมิดด้าม เฟยฮวา กรีดร้องด้วยความเจ็บขึ้นทันที ใบหน้าคมคายจึงประกบจูบนางอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง จากนั้นเมื่อนางเคลิบเคลิ้มเขาก็ค่อยขยับนิ้วแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ เพื่อให้นางปรับตัวก่อน เขารู้ว่านางมิเคยชายมาก่อน เขาไม่อยากให้นางเจ็บตัวมากเกินไป
เขามิรู้มาก่อนว่าเขาอยากจะถนอมนางมากเพียงนี้ จากนั้นนิ้วแกร่งก็ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง จนสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที มือหนาเปื้อนน้ำรักของนางจนเต็มมือ นางหอบหายใจเร็วๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้มลงไล้เลียร่องอวบนั้นไปมาอย่างเมามัน เขาดูดดึงเมล็ดดอกไม้เล็กๆนั้น ดูดจนมันบวมเป่ง เฟยฮวาร่อนสะโพกเข้าหาใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป
จากนั้นอ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น ถอดเครื่องแต่งกายของตนที่เหลือจนหมดแล้ว ปลดปล่อยลำกายแกร่งออกมา แล้วก็ชักรูดกายแกร่งนั้นจนมันพรักพร้อมแล้วค่อยๆสอดลำกายนั้นเข้าไปในร่องอวบของนางช้าๆ เฟยฮวากรีดร้องด้วยความเจ็บ “ ท่านอ๋อง ข้าเจ็บเจ้าคะ ข้าเจ็บ อย่านะ อย่า อ๊าย อ๊ายย ”
ใบหน้าหล่อเหลาก้มลงจูบนางอีกครั้ง เพื่อจะหลอกล่อให้นางลืมความเจ็บปวดนี้ เขาเฝ้าจูบจนนางเคลิบเคลิ้มไปกับจูบที่ดูดดื่มนั้น เขาจึงค่อยๆผลักลำกายเข้าไปในร่องอวบนั้นจนสุดทาง จากนั้นค่อยๆขยับช้าๆ เพื่อให้นางปรับตัวก่อน ระหว่างนี้เขาก้มลงดูดดื่มผลอิงเถาของนางอีกครั้ง เขาติดใจมันเข้าแล้ว พร้อมกันคิดว่า เขาจะปล่อยนางไปได้หรือไม่ จากนั้นเขาค่อยๆขยับลำกายเข้าออกสุดออกสุดช้าๆ แล้วเร่งความเร็วขึ้นเรื่อยๆ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องในห้องใหญ่นั้น อ๋องหนุ่มกระแทกกายแกร่งแรงขึ้นเรื่อยๆ จนเตียงใหญ่นั้นสั่นไหว หัวเตียงกระแทกผนักดัง กึก กึก ก้องไปทั่วห้องนั้น “ อ๊าย อ๊าย อ๊ะ อ๊ะ อ๊ายย ” เฟยฮวาร้องครวญครางอย่างอดกลั้นไม่ได้อีกต่อไป นางโยกสะโพกอวบนั้นเข้าหากายแกร่งอย่างเร่าร้อนจนเป็นจังหวะเดียวกัน
ร่างหนาก็กดกระแทกนางอย่างรุนแรง ทั้งสองครวญครางผสานกันอย่างสุขสมเหลือเกิน ทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมไปพร้อมๆกัน ร่างหนาปลดปล่อยสายธารรักเข้าไปจนเต็มร่องอวบ จากนั้นก็พลิกร่างอวบของนางลงนอนคว่ำแล้วเขาก็ดึงสะโพกอวบขึ้นมาแล้วสอดลำกายใหญ่นั้นเข้าไปอีกครั้งจนมิดลำกาย แล้วโยกขย่มนางอย่างรุนแรงอีกครั้ง
เขากระแทกสะโพกอวบนั้นอย่างเมามัน รุนแรงตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูงอย่างรวดเร็ว ฝ่ายเฟยฮวาก็โยกเข้าหาร่างหนานั้นอย่างเร่าร้อน ด้วยฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่เขาวางยานางและนางก็รักเขาเต็มหัวใจ จึงยอมมอบกายให้เขาอย่างเต็มใจ นางอยากปรนนิบัติเขาให้มีความสุขที่สุด จึงร่อนสะโพกเข้าหาเขาอย่างเร่่่าร้อน เร้าใจเขาที่สุด
อ๋องหนุ่มกดกระแทกนางจากทางด้านหลัง เขากดให้นางนอนลงแนบบนฟูกหนานั้น แล้วสอดลำกายเข้าไปอีกครั้ง กดกระแทกนางอย่างเร่าร้อนรุนแรงอีกครั้ง ทั้งสองผลักกันรุกผลัดกันรับอย่างเร่าร้อน อ๋องหนุ่มสุขสมเกินจะบรรยาย เขาไม่เคยสุขสมกับสตรีผู้ใดเช่นนี้มาก่อน นางเป็นหญิงคนแรกที่เข้าถึงเขาได้ขนาดนี้ เสียงหัวเตียงกระทบผนังดังก้องผสานกับเสียงครวญครางของทั้งสองที่ดังออกไปนอกห้องนั้น องครักษ์สองคนที่ยืนเฝ้าหน้าห้องนั้น หันมามองหน้ากันด้วยหน้าที่แดงระเรื่อน้อยๆ แล้วยิ้มให้กัน
ทั้งสองบรรเลงเพลงรักกันจนกระทั่งเย็นย่ำ จนหมดแรงกันทั้งคู่ล้มตัวลงนอนแล้วหลับไป กลางดึกคืนนั้น เหล่าองค์ชายที่มาตามนัดหมายเพราะรู้ว่าอ๋องรุ่ยหยางจะเผด็จศึกสตรีขี้เหร่ผู้นั้นในวันนี้แล้ว จึงพากันมารอหน้าห้องพักแรมแห่งนั้น เมื่อองครักษ์เข้าไปปลุกท่านอ๋องเบาๆ ท่านอ๋องหนุ่มหันไปมองร่างอวบที่นอนหมดแรงข้างๆเขา เขารีบยกผ้าผวยขึ้นคลุมตัวนางอย่างมิดชิดเกรงจะมีผู้อื่นเข้ามาเห็นนาง
จากนั้นเขาจึงย่องออกไปจากห้องนั้น แล้วออกไปพบเหล่าองค์ชายที่หน้าห้อง “ พวกเจ้าจะรีบมากันทำไมป่านนี้ คนจะหลับจะนอน ข้าเหนื่อยเหลือเกินอยากจะนอนพัก ” เขาหงุดหงิดใส่เหล่าพี่น้องของเขาที่พากันมาดึกดื่น ไม่หลับไม่นอน มากวนเขาที่พึงนอนไม่ได้เพียงครู่เดียวอีก เหล่าองค์ชายต่างทำหน้างงงันกัน ที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางหงุดหงิดใส่พวกเขา
“ พวกข้าก็มาดูผลงานของเจ้าอย่างไรเล่า เป็นอย่างไรบ้างกล้ำกลืนหญิงขี้เหร่เข้าไป เจ้าก็หลับหูหลับตาทำได้ดีนี่ ไม่น่าเชื่อเลย ว่าเจ้าจะใช้เวลาเผด็จศึกนางนานขนาดนี้ เจ้ารู้ไหม พวกข้ามารอเจ้านานแล้ว ตั้งแต่บ่ายคล้อย ได้ยินเสียงเจ้ากับนางดังลั่นไปทั้งชั้นนี้ด้วยซ้ำไป พวกข้ายังคิดว่าเจ้านี่ เล่นละครได้สมจริงเกินไปหรือเปล่า
เจ้าบรรเลงเพลงรักกับนางอย่างกับที่เจ้ามีอะไรกับนางโลมอันดับหนึ่งอย่างนั้นแหละ มันยาวนานจนพวกข้าเกือบจะถอดใจลากลับไปก่อนแล้ว ถ้าไม่คิดว่าไหนๆเจ้าก็ทำภารกิจสำเร็จแล้ว คงต้องรอดูผลงานของเจ้าก่อน ไหนๆก็จะเสียม้าดีๆ ของพวกข้าไปตั้งห้าตัว ต้องพิสูจน์กันก่อนว่าเจ้าทำสำเร็จจริงๆ มิใช่ตบตาพวกข้าโดยการพานางโลมอันดับหนึ่งมาเข้าห้องแทนหญิงขี้เหร่ผู้นั้น ” องค์ชายห้าผู้ที่จะเสียม้าดีๆของตนไปเอ่ยด้วยความไม่ค่อยเช่ือว่าท่านอ๋องรุ่ยหยางจะมีอะไรกับหญิงขี้เหร่นั่นจริงๆ กลัวว่าเขาจะวางแผนตบตาด้วยการพาหญิงอื่นมาเข้าห้องแทน
“ถ้าเช่นนั้นพวกข้าขอเข้าไปดูหน่อยว่านางใช่หญิงขี้เหร่ผู้นั้นจริงหรือไม่ ข้าเกรงว่าเจ้าจะหลอกพวกเราโดยการพานางโลมอันดับหนึ่งมาเข้าห้องแทนหญิงผู้นั้น เพราะว่าจากเวลาที่เจ้าเผด็จศึกนางนั้นมันนานเกินไปหรือเปล่า ข้าแทบไม่น่าเชื่อว่าหญิงที่เจ้าเสพสุขด้วยจะเป็นนางจริงๆ “ ท่านอ๋องหนุ่มมีสีหน้าตกใจเป็นอย่างมาก
" ข้าให้พวกเจ้าเข้าไปดูไม่ได้หรอก นางกำลังนอนอยู่ ไม่อยากให้นางตกใจที่เห็นชายตั้งหลายคนเข้าไปในห้องของนาง ” องค์ชายทั้งหลายหันมองหน้ากัน “ แล้วเจ้าจะพิสูจน์เช่นไรเล่า ถึงได้รู้ว่าเจ้าเสพสุขกับนางจริงๆหรือไม่ ”
ท่านอ๋องรุ่ยหยางทำหน้าลำบากใจยิ่งนัก “ ถ้าเช่นนั้น ข้าไม่รับเดิมพันแล้วก็ได้ แต่ข้าไม่ยอมให้พวกเจ้าเข้าไปดูนางเด็ดขาด ข้ายอมแพ้พนันพวกเจ้าและไม่รับของเดิมพัน เป็นอันว่าจบกันนะ กลับไปได้แล้ว ” ท่านอ๋องหนุ่มตัดสินใจเด็ดขาดรีบไล่พวกพี่น้องของเขากลับไปทันที เหล่าองค์ชายมีสีหน้าสงสัยเป็นอย่างยิ่ง เจ้าหมอนี่มันแปลกๆนะ เหมือนหวงแหนหญิงในห้องนี้อย่างไรก็ไม่รู้ ถึงกับยอมไม่รับของเดิมพัน ทั้งที่เป็นสิ่งที่เขาอยากได้เป็นที่สุด ถึงได้ยอมรับการเดิมพันครั้งนี้ แต่นี่กลับยกเลิกง่ายๆ ทั้งที่ลงทุนมาขนาดนี้ น่าสงสัยจริง ๆ
“ เจ้าทำตัวน่าสงสัย ข้าชักอยากจะเห็นหญิงในห้องนั้นจริงๆ ว่าเป็นบุตรสาวขี้เหร่ของท่านเสนาบดีเฟยจริงหรือไม่ ” ท่านอ๋องหนุ่มชักสีหน้าสีบรรดาพี่น้องของเขา “ ข้าไม่ให้ดู ข้าจะเก็บไว้ดูผู้เดียว พวกเจ้ากลับไปได้แล้ว อย่ามายุ่งกับของๆข้า ” จากนั้นเขาก็หันหลังกลับเข้าไปในห้องอย่างไม่ใยดีพี่น้องของเขาอีก
เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง เขาก็ตกใจจนหน้าซีด เฟยฮวายืนตะลึงอยู่หน้าประตู น้ำตาของนางไหลรินลงมาช้าๆ นางห่อกายด้วยผ้าผวยผืนที่เขาเอาคลุมกายนางนั่นเอง เพราะนางไม่มีเวลาสวมอาภรณ์เพราะเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยหน้าห้องเป็นเสียงของชายหลายๆคนนางจึงเอาหูไปแนบประตูห้องนั้น ฟังตั้งแต่ต้นจนจบจึงเข้าใจเรื่องราวโดยละเอียดว่าสาเหตุที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางมาพูดคุยตีสนิทกับนาง หลอกนางว่าจะคบหากับนาง และนัดนางมาเพื่อกินอาหารกันนั้น มันเป็นแผนการณ์ที่จะเผด็จศึกนางเพื่อของเดิมพันเป็นม้าชั้นดี จำนวนห้าตัว ที่เหล่าองค์ชายจะให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางเมื่อทำภารกิจสำเร็จ นางอึ้งงันไปพักใหญ่เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด น้ำตาของนางไหลพรากลงมาทันที นางสะอื้นไห้เสียงดัง เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางกลับเข้าห้องมาแล้ว นางก็ตรงเข้าทุบตีเขาไม่ยั้งด้วยความเจ็บใจเหลือแสนที่เขาเห็นความรู้สึกนางเป็นเพียงการพนันขันต่ออย่างสนุกสนานกับเหล่าพี่น้องของเขาเท่านั้น ท่านอ๋องเจ็บกายไปหมดเพราะนางทุบตีเต็มแรงของนาง เขาตกใจจึงสะบัดนางจนล้มลงกับพื้นห้อง “ เจ้าบ้า กล้าที่จะหลอกลวงข้าขนาดนี้ เห็นความรักของข้าเป็นเรื่องตลกในหมู่พี่น
เมื่อท่านอ๋องหนุ่มตกใจตื่นขั้นมาในยามซื่อ(ก่อนสิบโมงเช้า ) เขาผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อในอ้อมกอดของเขามันว่างเปล่า เขาเหลียวมองไปรอบๆห้องนั้น มิมีวี่แววของนาง เหลียวมองบนพื้นห้องก็เห็นเพียงอาภรณ์ของเขาที่มันหล่นกราดเกลื่อนอยู่ทั่วไป แต่มิมีของนางเลยสักชิ้นเดียวนางกลับไปแล้วเช่นนั้นหรือ มิได้ปลุกเขาขึ้นมาเรียกร้องความรับผิดชอบที่เขาได้ย่ำยีนางไปแล้ว นางไปง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ เขารีบลุกขึ้นคว้าเครื่องแต่งกายที่่มันหล่่นอยู่ไปตามพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบก้าวออกไปจากห้องนั้น เปิดประตูออกไปพบองครักษ์ของเขายืนอยู่ที่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องนั้น “ นางล่ะ นางไปแล้วเช่นนั้นหรือ ” เขาเอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรน “ องครักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ นางไปแล้วพะยะคะ ไปตั้งแต่ชั่วยามก่อนแล้ว ” เขาเอ่ยถามอีกว่า ” นางมิได้สั่งอะไรไว้เลยหรือ นางมีท่าทางเช่นใดบ้าง “ องครักษ์เอ่ยขึ้นว่า ” นางมิได้พูดอะไรเลยพะยะคะ นางเดินไปเรียกสาวใช้ของนางแล้วก็เดินออกไปด้วยกัน มิได้โวยวายหรือร้องไห้แต่อย่างใดพะยะคะ " ท่านอ๋องหนุ่มอึ้งงันไป นางมิได้โวยวายร้องไห้อยากจะให้เขารับผิดชอบนางเลยเช่นนั้นหรือ นา
วันนี้เสนาบดีเฟยกลับมาถึงจวนแล้ว ก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ของตนเอง เขานั่งลงจิบชาที่ห้องโถงกลางของเขาเพื่อพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ขณะที่นั่งจิบชาอยู่นั้น เฟยฮวาก็เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น ท่านเสนาบดียกยิ้มน้อยๆให้นางหมู่นี้เขาสังเกตุเห็นว่าบุตรสาวงดงามขึ้นมากมาย นางตัวเล็กลงมาก รูปร่างอวบอิ่มกำลังดี ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย ใบหน้าก็งดงามยิ่งนัก การแต่งกายก็งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหอทั่วไป มองดูเป็นหญิงงามผู้หนึ่งเลยทีเดียวเขาคิดว่าอีกไม่นาน หากพานางออกงานไม่กี่ครั้งรับรองว่าจวนของเขาจะมีแม่สื่อเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสายเป็นแน่ เขาคิดแล้วก็ยกยิ้มกับตนเอง“ ท่านพ่อยิ้มอารมณ์ดีจริงนะเจ้าคะ วันนี้ไปราชการมาเหนื่อยหรือไม่ เจ้าคะ ลูกต้มขนมหยวนเซียวใส่น้ำขิง (ขนมบัวลอยใส่น้ำขิง) ให้ท่านพ่อเจ้าคะ กินแล้วเลือดลมจะได้เดินดีๆ เผยอันยกมันมาให้ท่านพ่อเลย ” นางหันไปมองเผยอันที่ยกถาดใส่ถ้วยขนมหยวนเซียวเดินตามนางมา ขณะที่บิดานั่งกินขนมหยวนเซียวที่นางทำมาให้เขา แล้วก็ชมเชยไม่ขาดปากว่ามันเหนียวหนึบอร่อยยิ่งนัก เฟยฮวายิ้มน้อยๆที่บิดาชอบขนมที่นางทำ นางอยากจะทำอะไรก็ได้ให้บิดามีความสุข สองพ่อลูกนั่งคุยกันด้วยเรื
เช้าวันงานเลี้ยงในวัง เฟยฮวาตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วจัดการทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เตรียมไว้แล้วนั้น จากนั้นก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของนางเพื่อแต่งเติมใบหน้าสวยหวานนั้นให้เข้มขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ลงมือวาดคิ้วโก่งนั้นให้ได้รูปยิ่งขึ้นแต่งเติมให้มันเข้มขึ้นเล็กน้อย แต้มใฝเม็ดเล็กๆที่ปลายคิ้วข้างหนึ่งเติมสีสันที่เปลือกตาให้ดูสว่างขึ้น เติมสีสันให้แก้มนวลทั้งสองข้างให้ขึ้นสีแดงกว่าเดิมเล็กน้อย เติมสีให้เรียวปากอิ่มนั้นให้แดงเข้มขึ้น นางมีปากที่อวบอิ่มได้รูปยิ่งเติมสีเข้าไปมันดูอวบอิ่มน่าจุมพิตอย่างมาก แล้วเรียกให้เผยอันมาช่วยทำผมและประดับปิ่นและติดกิ๊บรูปผีเสื้อและดอกไม้เล็กๆที่เป็นพลอยสีเขียวเข้ากับชุดของนาง จากนั้นก็ใส่ตุ้มหูที่เข้ากัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็เดินออกไปจากเรือนเล็กของนางเพื่อออกไปรอท่านพ่อที่หน้าเรือนใหญ่ เมื่อเดินไปถึงได้เพียงครู่ท่านเสนาบดีเฟยก็เดินออกมาในชุดขุนนางเต็มยศของท่าน แล้วก็พากันเดินออกไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่แล้วที่หน้าประตูจวน รถม้าวิ่งผ่่านตลาดที่่ยังวุ่นวายแม้เป็นเวลาที่สายมากแล้ว เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนต่่างก็ออกมาซื้อหาข้า
ขณะนั้นเฟยฮวากินอาหารอิ่มแล้ว นางจึงอยากจะไปเข้าห้องน้ำและเดินย่อยอาหารเสียหน่อย เพราะนั่งมานานมากแล้ว จึงเอ่ยบอกบิดา เขาพยักหน้าอนุญาติ นางจึงลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินออกไปจากห้องโถงนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางมิรอดพ้นสายตาคมดุจเหยี่ยวของท่านอ๋องรุ่ยหยางไปได้เขารีบลุกขึ้นตามนางทันที แล้วเร่งก้าวออกไปจากห้องโถงเพื่อจะหาทางคุยกับนางให้รู้เรื่อง เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงเขาเห็นนางเดินลัดเลาะไปตามทางเดินในสวนที่บริเวณด้านหน้าซึ่งเป็นสวนที่กว้างใหญ่งดงามเชื่อมต่อกันหลายๆสวน จนถึงสวนในตำหนักหลัง แต่มีอาณาเขตกั้นเป็นกำแพงเพื่อมิให้ผู้อื่นล่วงล้ำเข้าไปในตำหนักหลังง่ายๆ แต่แค่เพียงสวนด้านหน้าสถานที่จัดงานนี้ก็กว้างใหญ่มาจนเดินแทบจะไม่ทั่วด้วยซ้ำ ท่านอ๋องหนุ่มเร่งฝีเท้าตามนางไปจนทันที่บริเวณใกล้ศาลาเล็กๆที่อยู่กลางสวนนั่น “ ฮวาเอ๋อ เจ้ารอเปิ่นหวางก่อน เปิ่นหวางมีเรื่องจะพูดกันเจ้า ” เขาเดินไปแล้วพยายามคว้าแขนเรียวของนางไว้ เฟยฮวาหันมามองเห็นท่านอ๋องผู้นั้นที่นางพยายามหลีกเลี่ยงเขาเดินตามนางมาจนทัน “ ฟังเปิ่นหวางก่อนได้ไหม วันนั้นเจ้าออกมาจากโรงเตี้ยมมิได้ปลุกเปิ่นหวางจึงมิได้พูดกันให้รู้เรื่อง แล้ว
วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งขุนนางใหม่ เหล่าขุนนางทั้งหลายรวมถึงขุนนางใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรวมถึงครอบครัวของเขาเหล่านั้น ต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงกันคับคั่ง งานนี้มีองค์รัชทายาทมาเป็นประธานในพิธีแทนองค์ฮ่องเต้ และเมื่อเสร็จพิธีที่เป็นทางการและฟังโอวาทจากองค์รัชทายาทแล้ว แขกเหรื่อก็ต่างพากันชมการแสดงต่างๆและรับประทานอาหารและดื่มสุรากันตามอัธยาศัย เหล่าองค์ชายและท่านอ๋องก็นั่งอยู่ใกล้ๆกันในตำแหน่งที่นั่งของตนเอง ขณะนั้นองค์ชายห้ามองตรงไปเห็นคุณหนูเฟยฮวานั่งอยู่ข้างๆบิดาของนางที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของนางคล้ายกับจ้องมองมาที่อ๋องรุ่ยหยางเขม็งเช่นเคย เขาจึงเกิดความคิดสนุกๆขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งมองไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันไปกระซิบเรื่องราวที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้นั้นให้แก่องค์ชายสามที่นั่งข้างๆกันจากนั้นทั้งสองก็หันไปสะกิดองค์ชายหกและท่านอ๋องรุ่ยหยางรวมถึงองค์ชายสองที่อยู่ถัดไป หลังจากถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว ท่านอ๋องรุ่ยหยางส่ายหัวทันควัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไม่ยอมหรอก จะให้เขาไปพิชิตคุณหนูอวบอ้วนนั่น แถมแต่งตัวยังกับฮูหยินของบิดาตนเองทำให้
เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว นางก็แต่งเติมใบหน้าเล็กน้อย อย่างพิถีพิถันแต่มันก็ดูเหมือนใช้สีมาป้ายใบหน้าแบบคนที่มิเคยแต่งเติมใบหน้าตนเองมาก่อน แม้ผิวพรรณเดิมของนางจะดีมาก ผุดผาดไม่แพ้ผู้ใดแต่มันก็ถูกกลบด้วยหุ่นที่อวบอวนใหญ่กว่าคุณหนูอื่นๆ และการแต่งกายที่แก่เกินวัยไปมาก แต่งเติมใบหน้าก็มิเป็นจึงทำให้ดูงดงามน้อยไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่นางก็เคยชินกับตัวเองที่เป็นเช่นนี้มานานแล้วจึงมิได้มองเห็นข้อบกพร่องนี้ จากนั้นเมื่อแต่งกายตนเองจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรอเวลาเพียงครู่ จิบชาและกินขนมรองท้องไปเพียงเล็กน้อยเพราะนางตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปพบกับบุรุษที่นางพึงใจหนักหนา เมื่อใกล้เวลานัดหมายเฟยฮวาก็เดินออกไปที่ขึ้นรถม้าที่หน้าจวนเสนาบดี กับเผยอันสาวใช้ของนาง จากนั้นนางขึ้นไปบนรถม้าอย่างอารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เมื่อรถม้าเดินทางไปถึงหน้าโรงเตี้ยมชั้นดีที่เป็นโรงเตี้ยมสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้นเพราะมันเป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงชาวบ้านทั่วไปมิอาจเข้าไปใช้บริการได้เพราะว่าราคาห้องพักแพงหูฉี่ และอาหารเลิศรสที่มีให้บริการก็แพงมากกว่าโรงเตี้ยมเท่าไปหลายเท่า แม้มันจะอร่อยล้ำเ
ขณะนั้นเฟยฮวากินอาหารอิ่มแล้ว นางจึงอยากจะไปเข้าห้องน้ำและเดินย่อยอาหารเสียหน่อย เพราะนั่งมานานมากแล้ว จึงเอ่ยบอกบิดา เขาพยักหน้าอนุญาติ นางจึงลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินออกไปจากห้องโถงนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางมิรอดพ้นสายตาคมดุจเหยี่ยวของท่านอ๋องรุ่ยหยางไปได้เขารีบลุกขึ้นตามนางทันที แล้วเร่งก้าวออกไปจากห้องโถงเพื่อจะหาทางคุยกับนางให้รู้เรื่อง เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงเขาเห็นนางเดินลัดเลาะไปตามทางเดินในสวนที่บริเวณด้านหน้าซึ่งเป็นสวนที่กว้างใหญ่งดงามเชื่อมต่อกันหลายๆสวน จนถึงสวนในตำหนักหลัง แต่มีอาณาเขตกั้นเป็นกำแพงเพื่อมิให้ผู้อื่นล่วงล้ำเข้าไปในตำหนักหลังง่ายๆ แต่แค่เพียงสวนด้านหน้าสถานที่จัดงานนี้ก็กว้างใหญ่มาจนเดินแทบจะไม่ทั่วด้วยซ้ำ ท่านอ๋องหนุ่มเร่งฝีเท้าตามนางไปจนทันที่บริเวณใกล้ศาลาเล็กๆที่อยู่กลางสวนนั่น “ ฮวาเอ๋อ เจ้ารอเปิ่นหวางก่อน เปิ่นหวางมีเรื่องจะพูดกันเจ้า ” เขาเดินไปแล้วพยายามคว้าแขนเรียวของนางไว้ เฟยฮวาหันมามองเห็นท่านอ๋องผู้นั้นที่นางพยายามหลีกเลี่ยงเขาเดินตามนางมาจนทัน “ ฟังเปิ่นหวางก่อนได้ไหม วันนั้นเจ้าออกมาจากโรงเตี้ยมมิได้ปลุกเปิ่นหวางจึงมิได้พูดกันให้รู้เรื่อง แล้ว
เช้าวันงานเลี้ยงในวัง เฟยฮวาตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วจัดการทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เตรียมไว้แล้วนั้น จากนั้นก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของนางเพื่อแต่งเติมใบหน้าสวยหวานนั้นให้เข้มขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ลงมือวาดคิ้วโก่งนั้นให้ได้รูปยิ่งขึ้นแต่งเติมให้มันเข้มขึ้นเล็กน้อย แต้มใฝเม็ดเล็กๆที่ปลายคิ้วข้างหนึ่งเติมสีสันที่เปลือกตาให้ดูสว่างขึ้น เติมสีสันให้แก้มนวลทั้งสองข้างให้ขึ้นสีแดงกว่าเดิมเล็กน้อย เติมสีให้เรียวปากอิ่มนั้นให้แดงเข้มขึ้น นางมีปากที่อวบอิ่มได้รูปยิ่งเติมสีเข้าไปมันดูอวบอิ่มน่าจุมพิตอย่างมาก แล้วเรียกให้เผยอันมาช่วยทำผมและประดับปิ่นและติดกิ๊บรูปผีเสื้อและดอกไม้เล็กๆที่เป็นพลอยสีเขียวเข้ากับชุดของนาง จากนั้นก็ใส่ตุ้มหูที่เข้ากัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็เดินออกไปจากเรือนเล็กของนางเพื่อออกไปรอท่านพ่อที่หน้าเรือนใหญ่ เมื่อเดินไปถึงได้เพียงครู่ท่านเสนาบดีเฟยก็เดินออกมาในชุดขุนนางเต็มยศของท่าน แล้วก็พากันเดินออกไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่แล้วที่หน้าประตูจวน รถม้าวิ่งผ่่านตลาดที่่ยังวุ่นวายแม้เป็นเวลาที่สายมากแล้ว เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนต่่างก็ออกมาซื้อหาข้า
วันนี้เสนาบดีเฟยกลับมาถึงจวนแล้ว ก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ของตนเอง เขานั่งลงจิบชาที่ห้องโถงกลางของเขาเพื่อพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ขณะที่นั่งจิบชาอยู่นั้น เฟยฮวาก็เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น ท่านเสนาบดียกยิ้มน้อยๆให้นางหมู่นี้เขาสังเกตุเห็นว่าบุตรสาวงดงามขึ้นมากมาย นางตัวเล็กลงมาก รูปร่างอวบอิ่มกำลังดี ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย ใบหน้าก็งดงามยิ่งนัก การแต่งกายก็งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหอทั่วไป มองดูเป็นหญิงงามผู้หนึ่งเลยทีเดียวเขาคิดว่าอีกไม่นาน หากพานางออกงานไม่กี่ครั้งรับรองว่าจวนของเขาจะมีแม่สื่อเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสายเป็นแน่ เขาคิดแล้วก็ยกยิ้มกับตนเอง“ ท่านพ่อยิ้มอารมณ์ดีจริงนะเจ้าคะ วันนี้ไปราชการมาเหนื่อยหรือไม่ เจ้าคะ ลูกต้มขนมหยวนเซียวใส่น้ำขิง (ขนมบัวลอยใส่น้ำขิง) ให้ท่านพ่อเจ้าคะ กินแล้วเลือดลมจะได้เดินดีๆ เผยอันยกมันมาให้ท่านพ่อเลย ” นางหันไปมองเผยอันที่ยกถาดใส่ถ้วยขนมหยวนเซียวเดินตามนางมา ขณะที่บิดานั่งกินขนมหยวนเซียวที่นางทำมาให้เขา แล้วก็ชมเชยไม่ขาดปากว่ามันเหนียวหนึบอร่อยยิ่งนัก เฟยฮวายิ้มน้อยๆที่บิดาชอบขนมที่นางทำ นางอยากจะทำอะไรก็ได้ให้บิดามีความสุข สองพ่อลูกนั่งคุยกันด้วยเรื
เมื่อท่านอ๋องหนุ่มตกใจตื่นขั้นมาในยามซื่อ(ก่อนสิบโมงเช้า ) เขาผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อในอ้อมกอดของเขามันว่างเปล่า เขาเหลียวมองไปรอบๆห้องนั้น มิมีวี่แววของนาง เหลียวมองบนพื้นห้องก็เห็นเพียงอาภรณ์ของเขาที่มันหล่นกราดเกลื่อนอยู่ทั่วไป แต่มิมีของนางเลยสักชิ้นเดียวนางกลับไปแล้วเช่นนั้นหรือ มิได้ปลุกเขาขึ้นมาเรียกร้องความรับผิดชอบที่เขาได้ย่ำยีนางไปแล้ว นางไปง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ เขารีบลุกขึ้นคว้าเครื่องแต่งกายที่่มันหล่่นอยู่ไปตามพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบก้าวออกไปจากห้องนั้น เปิดประตูออกไปพบองครักษ์ของเขายืนอยู่ที่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องนั้น “ นางล่ะ นางไปแล้วเช่นนั้นหรือ ” เขาเอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรน “ องครักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ นางไปแล้วพะยะคะ ไปตั้งแต่ชั่วยามก่อนแล้ว ” เขาเอ่ยถามอีกว่า ” นางมิได้สั่งอะไรไว้เลยหรือ นางมีท่าทางเช่นใดบ้าง “ องครักษ์เอ่ยขึ้นว่า ” นางมิได้พูดอะไรเลยพะยะคะ นางเดินไปเรียกสาวใช้ของนางแล้วก็เดินออกไปด้วยกัน มิได้โวยวายหรือร้องไห้แต่อย่างใดพะยะคะ " ท่านอ๋องหนุ่มอึ้งงันไป นางมิได้โวยวายร้องไห้อยากจะให้เขารับผิดชอบนางเลยเช่นนั้นหรือ นา
เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง เขาก็ตกใจจนหน้าซีด เฟยฮวายืนตะลึงอยู่หน้าประตู น้ำตาของนางไหลรินลงมาช้าๆ นางห่อกายด้วยผ้าผวยผืนที่เขาเอาคลุมกายนางนั่นเอง เพราะนางไม่มีเวลาสวมอาภรณ์เพราะเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยหน้าห้องเป็นเสียงของชายหลายๆคนนางจึงเอาหูไปแนบประตูห้องนั้น ฟังตั้งแต่ต้นจนจบจึงเข้าใจเรื่องราวโดยละเอียดว่าสาเหตุที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางมาพูดคุยตีสนิทกับนาง หลอกนางว่าจะคบหากับนาง และนัดนางมาเพื่อกินอาหารกันนั้น มันเป็นแผนการณ์ที่จะเผด็จศึกนางเพื่อของเดิมพันเป็นม้าชั้นดี จำนวนห้าตัว ที่เหล่าองค์ชายจะให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางเมื่อทำภารกิจสำเร็จ นางอึ้งงันไปพักใหญ่เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด น้ำตาของนางไหลพรากลงมาทันที นางสะอื้นไห้เสียงดัง เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางกลับเข้าห้องมาแล้ว นางก็ตรงเข้าทุบตีเขาไม่ยั้งด้วยความเจ็บใจเหลือแสนที่เขาเห็นความรู้สึกนางเป็นเพียงการพนันขันต่ออย่างสนุกสนานกับเหล่าพี่น้องของเขาเท่านั้น ท่านอ๋องเจ็บกายไปหมดเพราะนางทุบตีเต็มแรงของนาง เขาตกใจจึงสะบัดนางจนล้มลงกับพื้นห้อง “ เจ้าบ้า กล้าที่จะหลอกลวงข้าขนาดนี้ เห็นความรักของข้าเป็นเรื่องตลกในหมู่พี่น
ปากหนาก็ดูดผลอิงเถาอย่างเมามัน ส่วนมือหนาก็คลำหาจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของนาง เขาขยำมันอย่างเมามัน แล้วก็ค่อยสอดนิ้วแกร่งเข้าไปแล้วเขี่ยเมล็ดดอกไม้งามนั้นไปมา เฟยฮวาครางกระเส่าทันทีอย่างเสียวซ่าน สะโพกอวบของนางโยกน้อยๆเข้าหามือหนาของเขาทันทีจากนั้นอ๋องหนุ่มสอดนิ้วแกร่งเข้าไปค่อยๆจนมันมิดด้าม เฟยฮวา กรีดร้องด้วยความเจ็บขึ้นทันที ใบหน้าคมคายจึงประกบจูบนางอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง จากนั้นเมื่อนางเคลิบเคลิ้มเขาก็ค่อยขยับนิ้วแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ เพื่อให้นางปรับตัวก่อน เขารู้ว่านางมิเคยชายมาก่อน เขาไม่อยากให้นางเจ็บตัวมากเกินไป เขามิรู้มาก่อนว่าเขาอยากจะถนอมนางมากเพียงนี้ จากนั้นนิ้วแกร่งก็ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง จนสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที มือหนาเปื้อนน้ำรักของนางจนเต็มมือ นางหอบหายใจเร็วๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้มลงไล้เลียร่องอวบนั้นไปมาอย่างเมามัน เขาดูดดึงเมล็ดดอกไม้เล็กๆนั้น ดูดจนมันบวมเป่ง เฟยฮวาร่อนสะโพกเข้าหาใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นอ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น ถอดเครื่องแต่งกายของตนที่เหลือจนหมดแล้ว ปลดปล่อยลำกายแกร่งออ
เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว นางก็แต่งเติมใบหน้าเล็กน้อย อย่างพิถีพิถันแต่มันก็ดูเหมือนใช้สีมาป้ายใบหน้าแบบคนที่มิเคยแต่งเติมใบหน้าตนเองมาก่อน แม้ผิวพรรณเดิมของนางจะดีมาก ผุดผาดไม่แพ้ผู้ใดแต่มันก็ถูกกลบด้วยหุ่นที่อวบอวนใหญ่กว่าคุณหนูอื่นๆ และการแต่งกายที่แก่เกินวัยไปมาก แต่งเติมใบหน้าก็มิเป็นจึงทำให้ดูงดงามน้อยไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่นางก็เคยชินกับตัวเองที่เป็นเช่นนี้มานานแล้วจึงมิได้มองเห็นข้อบกพร่องนี้ จากนั้นเมื่อแต่งกายตนเองจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรอเวลาเพียงครู่ จิบชาและกินขนมรองท้องไปเพียงเล็กน้อยเพราะนางตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปพบกับบุรุษที่นางพึงใจหนักหนา เมื่อใกล้เวลานัดหมายเฟยฮวาก็เดินออกไปที่ขึ้นรถม้าที่หน้าจวนเสนาบดี กับเผยอันสาวใช้ของนาง จากนั้นนางขึ้นไปบนรถม้าอย่างอารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เมื่อรถม้าเดินทางไปถึงหน้าโรงเตี้ยมชั้นดีที่เป็นโรงเตี้ยมสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้นเพราะมันเป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงชาวบ้านทั่วไปมิอาจเข้าไปใช้บริการได้เพราะว่าราคาห้องพักแพงหูฉี่ และอาหารเลิศรสที่มีให้บริการก็แพงมากกว่าโรงเตี้ยมเท่าไปหลายเท่า แม้มันจะอร่อยล้ำเ
วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งขุนนางใหม่ เหล่าขุนนางทั้งหลายรวมถึงขุนนางใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรวมถึงครอบครัวของเขาเหล่านั้น ต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงกันคับคั่ง งานนี้มีองค์รัชทายาทมาเป็นประธานในพิธีแทนองค์ฮ่องเต้ และเมื่อเสร็จพิธีที่เป็นทางการและฟังโอวาทจากองค์รัชทายาทแล้ว แขกเหรื่อก็ต่างพากันชมการแสดงต่างๆและรับประทานอาหารและดื่มสุรากันตามอัธยาศัย เหล่าองค์ชายและท่านอ๋องก็นั่งอยู่ใกล้ๆกันในตำแหน่งที่นั่งของตนเอง ขณะนั้นองค์ชายห้ามองตรงไปเห็นคุณหนูเฟยฮวานั่งอยู่ข้างๆบิดาของนางที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของนางคล้ายกับจ้องมองมาที่อ๋องรุ่ยหยางเขม็งเช่นเคย เขาจึงเกิดความคิดสนุกๆขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งมองไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันไปกระซิบเรื่องราวที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้นั้นให้แก่องค์ชายสามที่นั่งข้างๆกันจากนั้นทั้งสองก็หันไปสะกิดองค์ชายหกและท่านอ๋องรุ่ยหยางรวมถึงองค์ชายสองที่อยู่ถัดไป หลังจากถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว ท่านอ๋องรุ่ยหยางส่ายหัวทันควัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไม่ยอมหรอก จะให้เขาไปพิชิตคุณหนูอวบอ้วนนั่น แถมแต่งตัวยังกับฮูหยินของบิดาตนเองทำให้