วันนี้เสนาบดีเฟยกลับมาถึงจวนแล้ว ก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ของตนเอง เขานั่งลงจิบชาที่ห้องโถงกลางของเขาเพื่อพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ขณะที่นั่งจิบชาอยู่นั้น เฟยฮวาก็เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น ท่านเสนาบดียกยิ้มน้อยๆให้นาง
หมู่นี้เขาสังเกตุเห็นว่าบุตรสาวงดงามขึ้นมากมาย นางตัวเล็กลงมาก รูปร่างอวบอิ่มกำลังดี ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย ใบหน้าก็งดงามยิ่งนัก การแต่งกายก็งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหอทั่วไป มองดูเป็นหญิงงามผู้หนึ่งเลยทีเดียวเขาคิดว่าอีกไม่นาน หากพานางออกงานไม่กี่ครั้งรับรองว่าจวนของเขาจะมีแม่สื่อเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสายเป็นแน่ เขาคิดแล้วก็ยกยิ้มกับตนเอง
“ ท่านพ่อยิ้มอารมณ์ดีจริงนะเจ้าคะ วันนี้ไปราชการมาเหนื่อยหรือไม่ เจ้าคะ ลูกต้มขนมหยวนเซียวใส่น้ำขิง (ขนมบัวลอยใส่น้ำขิง) ให้ท่านพ่อเจ้าคะ กินแล้วเลือดลมจะได้เดินดีๆ เผยอันยกมันมาให้ท่านพ่อเลย ” นางหันไปมองเผยอันที่ยกถาดใส่ถ้วยขนมหยวนเซียวเดินตามนางมา
ขณะที่บิดานั่งกินขนมหยวนเซียวที่นางทำมาให้เขา แล้วก็ชมเชยไม่ขาดปากว่ามันเหนียวหนึบอร่อยยิ่งนัก เฟยฮวายิ้มน้อยๆที่บิดาชอบขนมที่นางทำ นางอยากจะทำอะไรก็ได้ให้บิดามีความสุข สองพ่อลูกนั่งคุยกันด้วยเรื่องเล็กๆน้อย แล้วท่านเสนาบดีเฟยก็เอ่ยขึ้นว่า “ อีกสามวันจะมีงานเลี้ยงในวังหลวง เป็นงานฉลองพระราชสมภพของฮองเฮาเจ้าจะไปร่วมงานเลี้ยงนี้หรือไม่ เจ้ามิได้ออกงานใดมาหลายเดือนแล้ว ไปเปิดหูเปิดตาดูผู้คนและชมการแสดงแปลกๆตาดีหรือไม่ เพราะงานนี้การแสดงต้องงดงามแปลกใหม่อย่างแน่นอน เพราะเป็นงานใหญ่ ” เฟยฮวาหยักหน้า
“ ก็ดีเหมือนกันนะเจ้าคะ ลูกก็อยากไปเปิดหูเปิดตาบ้าง เพราะก็ไม่ได้ออกงานมาหลายเดือนแล้ว มีเวลาอีกสามวันลูกจะได้เตรียมหาอาภรณ์ที่เหมาะสมกับงานใหญ่เช่นนี้ ” จากนั้นก็พูดคุยเรื่องสัพเพเหระในจวนต่างๆ แล้วก็ลงมือกินอหารเย็นกันไปเลยทีเดียวเพราะใกล้ถึงเวลาอาหารเย็นแล้ว เมื่อกินอาหารเย็นแล้วเฟยฮวาก็ขอตัวออกมาเดินเล่นเพื่อย่อยอาหาร ปล่อยให้บิดานั่งจิบชาหลังมื้ออาหารและนั่งพักผ่อนตามปกติของท่าน
ยามซื่อของวันรุ่งขึ้นเฟยฮวาก็ชวนเผยอันไปเดินตลาดและนางจะแวะไปหาซื้อเครื่องแต่งกายเพราะคงจะสั่งตัดไม่ทันงานพระราชสมภพของฮองเฮา นางจะไปเลือกดูว่ามีอาภรณ์ที่เหมาะสมจะไปใส่ไปในงานนี้หรือไม่ เมื่อเดินไปถึงร้้านจำหน่ายเครื่องแต่งกายสตรีชั้นสูงที่มีราคาแพงลิบนั่นแล้ว นางก็ตรงเข้าไปในร้าน เมื่อเถ้าแก่เจ้าของร้านเห็นคุณหนูเฟยฮวาท่ีพักหลังมานี้มาที่ร้านบ่อยครั้งเพื่อเลือกซื้อหาเครื่องแต่งกายใหม่ๆ และจ่ายเงินซื้อหามิค่อยเกี่ยงราคามากมายนัก เขารีบเดินเข้าไปต้อนรับนางทันที
“ คุณหนูเฟยฮวา วันนี้ต้องการเครื่องแต่งกายแบบไหนดีขอรับ ที่ร้านมีแบบใหม่มาหลายแบบเลย ยังมิมีผู้ใดได้เลือกเลยขอรับ ” เขารีบเสนอเครื่องแต่งกายแบบใหม่ที่เพิ่งตัดเย็บเสร็จเพราะได้ข่าวว่าจะมีงานเลี้ยงพระราชสมภพของฮองเฮาเพราะฉะนั้นสตรีสูงศักดิ์ทั้งหลายมักจะมาสั่งตัดหรือซื้อหาเครื่องแต่งกายกันมากมาย “ งั้นก็พาข้าไปเลือกดู หากถูกใจข้อจะได้ลองดูว่าเหมาะกับข้าหรือไม่ ” จากนั้นนางก็เดินตามเถ้าแก่ไปด้านในร้านพร้อมกับเผยอันที่เดินตามนางไปทันที
เมื่อนางเดินเข้าไปที่ราวแขวนชุดแบบใหม่ที่มีชุดเรียงรายหลายแบบและหลากหลายสีสันนั้น นางมองไปมาและถูกใจชุดสีเขียวตองอ่อนนั้นมาก ด้วยแบบมันก็น่ารักดี และเป็นผ้าบางพริ้วเวลาเดินคงจะทิ้งตัวดูงดงาม นางจึงได้เลือกชุดนี้มาเพื่อนำเข้าไปในห้องลองชุดของร้าน เมื่อนางลองใส่ชุดใหม่นี้นี้ดูแล้ว
เผยอันมองดูแล้วชมเปาะว่างดงามเหมาะกับเรือนร่างของคุณหนูอย่างมาก ผ้ามันทิ้งตัวมีน้ำหนักพริ้วไหว เวลาเดินดูกรีดกรายงดงาม เฟยฮวาจึงเลือกซื้อชุดนี้และให้เถ้าแก่ห่อมันให้นางเลย จะนำกลับไปที่จวนเอง เพราะนางจะซื้อเพียงแค่ชุดเดียว และหันไปเลือกรองเท้าที่เข้าชุดกันอีกด้วย ส่งมันให้เถ้าแก่เพื่อให้คิดเงินพร้อมกันเลย แล้วจะนำมันกลับไปด้วยกันเลย ไม่ต้องให้ทางร้านไปส่งที่จวนอีก
จากนั้นนางก็ส่งห่อของให้เผยอันถือไว้ แล้วเดินไปร้านเครื่องประดับเพื่อเลือกเครื่องประดับพลอยสีที่เข้ากับชุดเขียวตองอ่อนของนางนี้ จนได้สร้อยที่มีพลอยเล็กๆสีเขียวคล้ายกับชุดของนาง ปิ่นรูปดอกไม้ห้อยระย้าสีคล้ายๆกัน รวมถึงตุ้มหูที่เข้าชุดกันอีกด้วย หันไปมองเห็นกำไลหยกที่สีคล้ายกันจึงหยิบมันมาด้วยอีกชิ้น แล้วให้เผยอันเลือกเครื่องประดับของตนเองจะเป็นปิ่นก็ได้หรือกำไลก็ให้นางลงมือเลือกเอง เมื่อได้ของมาครบตามที่ต้องการแล้วก็พากันกลับจวนเสนาบดี
ขณะที่ทั้งสองพากันเดินผ่านภัตตาคารกลางตลาดนั้น มีองค์ชายสองสามคนนั่งสนทนากันที่โต๊ะริมระเบียงบนชั้นสองของภัตตาคารนั้น หนึ่งในนั้นมีท่านอ๋องรุ่ยหยางนั่งอยู่ด้วย เขายกสุราขึ้นจิบและตาคมดุจเหยี่ยวของเขาก็มองลงไปเห็นหญิงงดงามผู้หนึ่งรูปร่างอวบอิ่มขาวผ่อง น่ารักน่าใคร่ นางเดินมาในชุดสีชมพูอ่อนพริ้วไหว นางดูงดงามยิ่งนัก เขาตะลึงมองนางแล้วพยายามนึกว่าเคยพบนางที่ไหน เพราะมันรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างยิ่ง มองไปมาก็เห็นสาวใช้ที่เดินตามนางนั้น เขาพลันนึกออกทันที สาวใช้นั่นคือสาวใช้ประจำตัวของหญิงขี้เหร่ประจำเมืองที่เหล่าคุณหนูและคุณชายรวมถึงพวกเขาเหล่าองค์ชายทั้งหลายที่ขนานนามให้นาง
อีกนัยหนึ่งนั้นคือหญิงที่เขาเคยเสพสุขกับนางมาแล้วและมิเคยบอกใครว่านางยอดเยี่ยมเพียงใด ยิ่งกว่าหญิงงามหลายๆคนที่เขาเคยผ่านมาแล้ว และแม้แต่คณิกาชั้นสูงที่เขาเคยผ่านมาด้วยซ้ำไป เขายอมรับว่าติดใจนางเหลือเกิน แต่มิอยากยอมรับกับตนเอง และยอมรับกับเหล่าองค์ชายพี่น้องของเขาว่าเขาฝันถึงนางอยู่บ่อยๆครั้ง ฝันว่าได้ร่วมบรรเลงเพลงรักกับนาง ในฝันเขามีความสุขมากมาย เขาพยายามมองหานางมาหลายเดือนแล้ว ถึงกับลองเลียบเคียงถามบิดาของนางดูด้วยซ้ำไป เขามิเห็นท่าทางที่ผิดปกติของท่านเสนาบดีเฟยเลยเมื่อเห็นเขาและเหล่าองค์ชายพี่น้องของเขา แสดงว่านางมิได้บอกเล่าเรื่องที่ผ่านมานั้นกับบิดาของนาง
เขามองตามนางตาละห้อย ยิ่งนางงดงามยิ่งกว่าเดิมมากมายเช่นนี้ เขาคิดว่านางจะต้องมีบุรุษมาติดพันนางมากมายขนาดเขานั่งมองนางผ่านๆ เพียงครู่ยังอดติดใจรูปลักษณ์ใหม่ของนางไม่ได้ ในใจของเขามันรู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาทันที เมื่อคิดว่ายิ่งนางงดงามขึ้นมากจนผิดหูผิดตาเช่นนี้ ยิ่งเขาเคยเห็นมาแล้วว่านางอวบอัดขาวผ่องเป็นยองใยเพียงใดเวลามิมีอาภรณ์ติดกาย ขนาดตอนนั้นร่างกายของนางใหญ่กว่านี้มาก ยังงดงามเหมือนผ้าขี้ริ้วห่อทอง
แล้วตอนนี้เขามิอยากคิดเลย เขามองตามนางไปจนลับตา อยากจะวิ่งลงจากภัตตาคารตอนนี้เลยด้วยซ้ำ หัวใจมันวิ่งตามติดใจนางไปเสียแล้ว จะทำเช่นไรดี เขาก่อเรื่องใหญ่ไว้เช่นนั้น แถมมิเคยติดตามถามไถ่นางเลยว่าเป็นเช่นไรบ้างหลังจากคืนนั้นแล้ว มิเคยได้พบกันอีกเลย เพิ่งมาพบกันวันนี้ นางก็งดงามปานจะล่มเมืองเช่นนี้ เขาจะยังมีหวังอยู่ไหมที่จะหาทางเกี้ยวนาง
ฝ่ายเฟยฮวากับเผยอันเมื่อเดินตลาดหาซื้อของใช้ได้มากมายแล้ว นางแวะหาซื้อผิวก้วยสดๆใหม่กลับไปด้วย ซื้อซาลาเปาหมูสับหมูแดงไปฝากบิดา เพราะเขาชอบกินมัันกับน้ำชาร้อนๆ และซื้อเพิ่มไปฝากพ่อบ้านกับเหล่าบ่าวไพร่ในเรือนจนในที่สุดคิดไปคิดมาคงมิพอจึงเหมาหมดทั้งร้านแล้วให้ไปส่งที่จวนเสนาบดีเฟย จากนั้นนางก็แวะช่วยชาวบ้านที่วางขายผลไม้อยู่เลือกซื้อหามาอีกสองสามอย่าง เพราะนางชอบกินผลไม้ยิ่งนัก จะนำไปปอกกินยามบ่ายๆ เมื่อได้ข้าวของมากมายครบแล้วก็พากันกลับเดินไปขึ้นรถม้ากลับจวน
เสนาบดี
เมื่อไปถึงจวนเสนาบดีแล้ว ซาลาเปาก็มาส่งพอดีนางจึงบอกให้พ่อบ้านจัดแจงแบ่งให้บ่าวไพร่ และของท่านพ่อกับของพ่อบ้านให้แยกไว้แล้วนำใส่จานไปให้ท่านพ่อก่อน จากนั้นนางก็ให้เผยอันส่งข้าวของให้สาวใช้ที่เดินผ่านมาช่วยกันยกไปเก็บไว้ที่เรือนของนาง
เช้าวันงานเลี้ยงในวัง เฟยฮวาตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วจัดการทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เตรียมไว้แล้วนั้น จากนั้นก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของนางเพื่อแต่งเติมใบหน้าสวยหวานนั้นให้เข้มขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ลงมือวาดคิ้วโก่งนั้นให้ได้รูปยิ่งขึ้นแต่งเติมให้มันเข้มขึ้นเล็กน้อย แต้มใฝเม็ดเล็กๆที่ปลายคิ้วข้างหนึ่งเติมสีสันที่เปลือกตาให้ดูสว่างขึ้น เติมสีสันให้แก้มนวลทั้งสองข้างให้ขึ้นสีแดงกว่าเดิมเล็กน้อย เติมสีให้เรียวปากอิ่มนั้นให้แดงเข้มขึ้น นางมีปากที่อวบอิ่มได้รูปยิ่งเติมสีเข้าไปมันดูอวบอิ่มน่าจุมพิตอย่างมาก แล้วเรียกให้เผยอันมาช่วยทำผมและประดับปิ่นและติดกิ๊บรูปผีเสื้อและดอกไม้เล็กๆที่เป็นพลอยสีเขียวเข้ากับชุดของนาง จากนั้นก็ใส่ตุ้มหูที่เข้ากัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็เดินออกไปจากเรือนเล็กของนางเพื่อออกไปรอท่านพ่อที่หน้าเรือนใหญ่ เมื่อเดินไปถึงได้เพียงครู่ท่านเสนาบดีเฟยก็เดินออกมาในชุดขุนนางเต็มยศของท่าน แล้วก็พากันเดินออกไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่แล้วที่หน้าประตูจวน รถม้าวิ่งผ่่านตลาดที่่ยังวุ่นวายแม้เป็นเวลาที่สายมากแล้ว เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนต่่างก็ออกมาซื้อหาข้า
ขณะนั้นเฟยฮวากินอาหารอิ่มแล้ว นางจึงอยากจะไปเข้าห้องน้ำและเดินย่อยอาหารเสียหน่อย เพราะนั่งมานานมากแล้ว จึงเอ่ยบอกบิดา เขาพยักหน้าอนุญาติ นางจึงลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินออกไปจากห้องโถงนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางมิรอดพ้นสายตาคมดุจเหยี่ยวของท่านอ๋องรุ่ยหยางไปได้เขารีบลุกขึ้นตามนางทันที แล้วเร่งก้าวออกไปจากห้องโถงเพื่อจะหาทางคุยกับนางให้รู้เรื่อง เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงเขาเห็นนางเดินลัดเลาะไปตามทางเดินในสวนที่บริเวณด้านหน้าซึ่งเป็นสวนที่กว้างใหญ่งดงามเชื่อมต่อกันหลายๆสวน จนถึงสวนในตำหนักหลัง แต่มีอาณาเขตกั้นเป็นกำแพงเพื่อมิให้ผู้อื่นล่วงล้ำเข้าไปในตำหนักหลังง่ายๆ แต่แค่เพียงสวนด้านหน้าสถานที่จัดงานนี้ก็กว้างใหญ่มาจนเดินแทบจะไม่ทั่วด้วยซ้ำ ท่านอ๋องหนุ่มเร่งฝีเท้าตามนางไปจนทันที่บริเวณใกล้ศาลาเล็กๆที่อยู่กลางสวนนั่น “ ฮวาเอ๋อ เจ้ารอเปิ่นหวางก่อน เปิ่นหวางมีเรื่องจะพูดกันเจ้า ” เขาเดินไปแล้วพยายามคว้าแขนเรียวของนางไว้ เฟยฮวาหันมามองเห็นท่านอ๋องผู้นั้นที่นางพยายามหลีกเลี่ยงเขาเดินตามนางมาจนทัน “ ฟังเปิ่นหวางก่อนได้ไหม วันนั้นเจ้าออกมาจากโรงเตี้ยมมิได้ปลุกเปิ่นหวางจึงมิได้พูดกันให้รู้เรื่อง แล้ว
เหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงได้คิดแผนการณ์ช่วยเหลือท่านอ๋องรุ่ยหยางขึ้น เพราะองค์ชายสามรู้มาว่า ขุนนางในบังคับบัญชาของท่านเสนาบดีเฟยมีขุนนางกังฉินอยู่จำนวนหนึ่ง ได้รับงานสร้างเขื่อนขนาดกลางขึ้นที่หัวเมืองและได้ทุจริตงบประมาณที่ส่วนกลางส่งไปเพื่อให้ทำการก่อสร้างเขื่อนนั้น แต่พวกเขาเฉือนงบที่ใช้ในการก่อสร้างเข้าพกเข้าห่อของตนเอง ทำให้เขื่อนนั้นไม่ได้มาตราฐานตามที่ส่วนกลางต้องการ แต่ท่านเสนาบดีไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงจะใช้เรื่องนี้บีบบังคับท่านเสนาบดีและคุณหนูเฟยฮวาให้ยอมตบแต่งกับท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ท่านเสนาบดีจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ เมื่อวางแผนการณ์ทั้งหลายจนรัดกุมคิดว่าคงจะได้ไม่มีช่องโหว่ให้ท่านเสนาบดีแก้ไขได้ทัน ท่านอ๋องรุ่ยหยางและองค์ชายสามจึงได้เดินทางไปที่จวนเสนาบดีเฟยในอีกสามวันต่อมา เมื่อมาถึงได้พากันเข้าไปสนทนากับท่านเสนาบดีเฟยและพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ท่านเสนาบดีเฟยวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เขาเสนอจะใช้สมบัติของตนเองทดแทนเงินส่วนกลางที่หายไป แล้วจะไปจัดการไต่สวนเรื่องนี้ในภายหลัง แต่องค์ชายสามค้านว่าเรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้วและมี
ยามซื่อ (เก้าโมงเช้า ) วันต่อมา รถม้าของตำหนักอ๋องรุ่ยหยางก็มารอรับคุณหนูเฟยฮวาที่หน้าประตูจวนเสนาบดี เผยอันและสาวใช้สองสามคนช่วยกันขนข้าวของๆเฟยฮวาที่เก็บเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานมาใส่รถม้าที่จอดรออยู่นั้น เฟยฮวานางกอดบิดาร่ำไห้เล็กน้อย แต่ก็อดกลั้นไว้เพราะไม่อยากให้บิดาเป็นห่วงนาง นางบอกว่านางจะอดทนไว้ กำหนดเพียงหนึ่งปีมินานเลย เราก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ระหว่างนี้หากนางสามารถมาเยี่ยมท่านพ่อได้นางจะมาให้บ่อยที่สุดเท่าที่นางจะมาได้ จากนั้นนางก็กอดลาบิดาอีกครั้งแล้วก็ขึ้นรถม้าจากไป พร้อมกับเผยอัน บิดาของนางและพ่อบ้านยืนมองรถม้านั้นจนลับตา เฝ้าภาวนาให้นางอยู่ในตำหนักแห่งนั้นได้อย่างราบรื่น เมื่อรถม้ามาจอดที่หน้าตำหนักท่านอ๋องรุ่ยหยาง เฟยฮวากับเผยอันก็ก้าวลงจากรถม้าช้าๆ พ่อบ้านซื่อถังยืนรอรับอยู่ที่หน้าตำหนัก เขาทักทายเฟยฮวาอย่างอัธยาศัยดี เฟยฮวายิ้มตอบเขา แล้วพ่อบ้านซื่อถังก็เรียกสาวใช้สามคนมาช่วยกันขนข้าวของๆคุณหนูเฟยฮวาเข้าไปในตำหนักแล้วตรงไปที่เรือนเล็กในสุดด้านซ้ายของตำหนักที่ต้องเดินผ่านตำหนักใหญ่ของท่านอ๋องไปทางด้านซ้ายมือเดินลัดเลาะผ่านสวนสวยงามไปเรื่อยๆจนพบเรือนเล็ก
ค่ำคืนนั้นเมื่อรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว เฟยฮวาก็เข้าไปอาบน้ำชำระกาย และมานั่งบำรุงผิวพรรณตนเองทั้งผิวหน้าและผิวกาย เครื่องประทินผิวที่นางได้มาใหม่นั้นมีกลิ่นหอมยิ่งนัก เมื่อทาแล้วสบายผิวดีกว่าที่นางเคยใช้มา และก็ยกหวีขึ้นมานั่งสางผมที่นุ่มสลวยยาวถึงกลางหลังจากนั้นก็บอกให้เผยอันไปอาบน้ำและเข้านอนได้เลยมิต้องคอยอยู่รับใช้นางแล้ว นางจะนั่งเล่นอยู่เพียงครู่ก็จะเข้านอนแล้ว จากนั้นนางก็เดินไปที่เตียงนอนใหญ่นั้น มันเป็นเตียงที่ใหญ่กว่าที่นางใช้ที่จวนเสนาบดีด้วยซ้ำ และนางชอบที่มันมีเสาสูงทั้งสี่เสาและมีผ้าม่านสีขาวโปร่งผูกไว้ทั้งสี่ด้าน กลางคืนหากปล่อยม่านลงมาแล้วมีลมพัดเข้ามามันพริ้วไหวไปมาทำให้บรรยากาศในห้องนอนนั้นดีมาก เฟยฮวานั่งลงที่บนฟูกใหญ่นั้น มันใหญ่และหนามานุ่มสบายยิ่งนักเวลานอน เฟยฮวาเอนกายลงนอนบนฟูกหนานั้น มีลมพัดเข้ามาเป็นระลอกเย็นสบายยิ่งนัก เพียงไม่นานนางก็เคลิ้มหลับไป กลางดึกคืนนั้น ร่างหนาของท่านอ๋องรุ่ยหยางก็เข้ามาทางหน้าต่างบานยาวที่เปิดกว้างไว้รับลมนั้น เขาเดินอ้อมระเบียงมา เพราะทั้งสองสาวได้ปิดประตูหน้าเรือนไว้ทำให้เขาเข้ามาในเรือนไม่ได้ เขาเพิ่งกลับมาจากหัวเมืองเพราะไป
หลังเที่ยงวันนั้นทั้งสองลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมๆกัน เฟยฮวากระพริบตาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืน เมื่อนึกขึ้นได้หน้าของนางแดงก่ำขึ้นทันที หันไปมองด้้านหลังก็สบเข้ากับตาคมของอ๋องหนุ่ม ทั้งสองมองกันและกันอย่างเก้อเขินกันเล็กน้อย เฟยฮวามิเอ่ยอะไรได้แต่พยายามลุกขึ้นนั่ง “ โอ้ย !! ” นางร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อขยับกายจะลงจากเตียงนั้น ตรงกลางกายก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที อ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น “ เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ไม่ต้องลุก เปิ่นหวางจะอุ้มเจ้าไปแช่น้ำอุ่นก่อนนะ สักพักมันน่าจะบรรเทาความเจ็บลงได้ ”จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้น กายแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างผู้ฝึกร่างกายเป็นประจำนั้น ยืนตรงหน้าของเฟยฮวา นางเงยหน้าขึ้นมองร่างแกร่งนั้นแล้ว ใบหน้ายิ่งแดงยิ่งขึ้น อ๋องหนุ่มก้มลงช้อนตัวนางขึ้นแนบอก แล้วพาเดินเข้าไปหลังฉากกั้น เขาวางนางลงในถังไม้ขนาดใหญ่นั้น ในนั้นมีไอลอยกรุ่นขึ้นมา แสดงว่าเผยอันเพิ่งเตรียมน้ำอุ่นไว้ได้ไม่นานนี้เอง นางช่างรู้ใจจริงๆ เฟยฮวานั่งลงในถังไม้นั้นได้สักพัก นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมา ร่างกายที่ปวดระบมนั้นเรื่องดีขึ้น ตัวของนางที่ปวดเมื่อยไปหมดก็บรรเทาลง จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้าวลงมาแช่ตัวในถ
วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งขุนนางใหม่ เหล่าขุนนางทั้งหลายรวมถึงขุนนางใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรวมถึงครอบครัวของเขาเหล่านั้น ต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงกันคับคั่ง งานนี้มีองค์รัชทายาทมาเป็นประธานในพิธีแทนองค์ฮ่องเต้ และเมื่อเสร็จพิธีที่เป็นทางการและฟังโอวาทจากองค์รัชทายาทแล้ว แขกเหรื่อก็ต่างพากันชมการแสดงต่างๆและรับประทานอาหารและดื่มสุรากันตามอัธยาศัย เหล่าองค์ชายและท่านอ๋องก็นั่งอยู่ใกล้ๆกันในตำแหน่งที่นั่งของตนเอง ขณะนั้นองค์ชายห้ามองตรงไปเห็นคุณหนูเฟยฮวานั่งอยู่ข้างๆบิดาของนางที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของนางคล้ายกับจ้องมองมาที่อ๋องรุ่ยหยางเขม็งเช่นเคย เขาจึงเกิดความคิดสนุกๆขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งมองไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันไปกระซิบเรื่องราวที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้นั้นให้แก่องค์ชายสามที่นั่งข้างๆกันจากนั้นทั้งสองก็หันไปสะกิดองค์ชายหกและท่านอ๋องรุ่ยหยางรวมถึงองค์ชายสองที่อยู่ถัดไป หลังจากถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว ท่านอ๋องรุ่ยหยางส่ายหัวทันควัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไม่ยอมหรอก จะให้เขาไปพิชิตคุณหนูอวบอ้วนนั่น แถมแต่งตัวยังกับฮูหยินของบิดาตนเองทำให้
เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว นางก็แต่งเติมใบหน้าเล็กน้อย อย่างพิถีพิถันแต่มันก็ดูเหมือนใช้สีมาป้ายใบหน้าแบบคนที่มิเคยแต่งเติมใบหน้าตนเองมาก่อน แม้ผิวพรรณเดิมของนางจะดีมาก ผุดผาดไม่แพ้ผู้ใดแต่มันก็ถูกกลบด้วยหุ่นที่อวบอวนใหญ่กว่าคุณหนูอื่นๆ และการแต่งกายที่แก่เกินวัยไปมาก แต่งเติมใบหน้าก็มิเป็นจึงทำให้ดูงดงามน้อยไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่นางก็เคยชินกับตัวเองที่เป็นเช่นนี้มานานแล้วจึงมิได้มองเห็นข้อบกพร่องนี้ จากนั้นเมื่อแต่งกายตนเองจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรอเวลาเพียงครู่ จิบชาและกินขนมรองท้องไปเพียงเล็กน้อยเพราะนางตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปพบกับบุรุษที่นางพึงใจหนักหนา เมื่อใกล้เวลานัดหมายเฟยฮวาก็เดินออกไปที่ขึ้นรถม้าที่หน้าจวนเสนาบดี กับเผยอันสาวใช้ของนาง จากนั้นนางขึ้นไปบนรถม้าอย่างอารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เมื่อรถม้าเดินทางไปถึงหน้าโรงเตี้ยมชั้นดีที่เป็นโรงเตี้ยมสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้นเพราะมันเป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงชาวบ้านทั่วไปมิอาจเข้าไปใช้บริการได้เพราะว่าราคาห้องพักแพงหูฉี่ และอาหารเลิศรสที่มีให้บริการก็แพงมากกว่าโรงเตี้ยมเท่าไปหลายเท่า แม้มันจะอร่อยล้ำเ
หลังเที่ยงวันนั้นทั้งสองลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมๆกัน เฟยฮวากระพริบตาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืน เมื่อนึกขึ้นได้หน้าของนางแดงก่ำขึ้นทันที หันไปมองด้้านหลังก็สบเข้ากับตาคมของอ๋องหนุ่ม ทั้งสองมองกันและกันอย่างเก้อเขินกันเล็กน้อย เฟยฮวามิเอ่ยอะไรได้แต่พยายามลุกขึ้นนั่ง “ โอ้ย !! ” นางร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อขยับกายจะลงจากเตียงนั้น ตรงกลางกายก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที อ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น “ เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ไม่ต้องลุก เปิ่นหวางจะอุ้มเจ้าไปแช่น้ำอุ่นก่อนนะ สักพักมันน่าจะบรรเทาความเจ็บลงได้ ”จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้น กายแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างผู้ฝึกร่างกายเป็นประจำนั้น ยืนตรงหน้าของเฟยฮวา นางเงยหน้าขึ้นมองร่างแกร่งนั้นแล้ว ใบหน้ายิ่งแดงยิ่งขึ้น อ๋องหนุ่มก้มลงช้อนตัวนางขึ้นแนบอก แล้วพาเดินเข้าไปหลังฉากกั้น เขาวางนางลงในถังไม้ขนาดใหญ่นั้น ในนั้นมีไอลอยกรุ่นขึ้นมา แสดงว่าเผยอันเพิ่งเตรียมน้ำอุ่นไว้ได้ไม่นานนี้เอง นางช่างรู้ใจจริงๆ เฟยฮวานั่งลงในถังไม้นั้นได้สักพัก นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมา ร่างกายที่ปวดระบมนั้นเรื่องดีขึ้น ตัวของนางที่ปวดเมื่อยไปหมดก็บรรเทาลง จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้าวลงมาแช่ตัวในถ
ค่ำคืนนั้นเมื่อรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว เฟยฮวาก็เข้าไปอาบน้ำชำระกาย และมานั่งบำรุงผิวพรรณตนเองทั้งผิวหน้าและผิวกาย เครื่องประทินผิวที่นางได้มาใหม่นั้นมีกลิ่นหอมยิ่งนัก เมื่อทาแล้วสบายผิวดีกว่าที่นางเคยใช้มา และก็ยกหวีขึ้นมานั่งสางผมที่นุ่มสลวยยาวถึงกลางหลังจากนั้นก็บอกให้เผยอันไปอาบน้ำและเข้านอนได้เลยมิต้องคอยอยู่รับใช้นางแล้ว นางจะนั่งเล่นอยู่เพียงครู่ก็จะเข้านอนแล้ว จากนั้นนางก็เดินไปที่เตียงนอนใหญ่นั้น มันเป็นเตียงที่ใหญ่กว่าที่นางใช้ที่จวนเสนาบดีด้วยซ้ำ และนางชอบที่มันมีเสาสูงทั้งสี่เสาและมีผ้าม่านสีขาวโปร่งผูกไว้ทั้งสี่ด้าน กลางคืนหากปล่อยม่านลงมาแล้วมีลมพัดเข้ามามันพริ้วไหวไปมาทำให้บรรยากาศในห้องนอนนั้นดีมาก เฟยฮวานั่งลงที่บนฟูกใหญ่นั้น มันใหญ่และหนามานุ่มสบายยิ่งนักเวลานอน เฟยฮวาเอนกายลงนอนบนฟูกหนานั้น มีลมพัดเข้ามาเป็นระลอกเย็นสบายยิ่งนัก เพียงไม่นานนางก็เคลิ้มหลับไป กลางดึกคืนนั้น ร่างหนาของท่านอ๋องรุ่ยหยางก็เข้ามาทางหน้าต่างบานยาวที่เปิดกว้างไว้รับลมนั้น เขาเดินอ้อมระเบียงมา เพราะทั้งสองสาวได้ปิดประตูหน้าเรือนไว้ทำให้เขาเข้ามาในเรือนไม่ได้ เขาเพิ่งกลับมาจากหัวเมืองเพราะไป
ยามซื่อ (เก้าโมงเช้า ) วันต่อมา รถม้าของตำหนักอ๋องรุ่ยหยางก็มารอรับคุณหนูเฟยฮวาที่หน้าประตูจวนเสนาบดี เผยอันและสาวใช้สองสามคนช่วยกันขนข้าวของๆเฟยฮวาที่เก็บเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานมาใส่รถม้าที่จอดรออยู่นั้น เฟยฮวานางกอดบิดาร่ำไห้เล็กน้อย แต่ก็อดกลั้นไว้เพราะไม่อยากให้บิดาเป็นห่วงนาง นางบอกว่านางจะอดทนไว้ กำหนดเพียงหนึ่งปีมินานเลย เราก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ระหว่างนี้หากนางสามารถมาเยี่ยมท่านพ่อได้นางจะมาให้บ่อยที่สุดเท่าที่นางจะมาได้ จากนั้นนางก็กอดลาบิดาอีกครั้งแล้วก็ขึ้นรถม้าจากไป พร้อมกับเผยอัน บิดาของนางและพ่อบ้านยืนมองรถม้านั้นจนลับตา เฝ้าภาวนาให้นางอยู่ในตำหนักแห่งนั้นได้อย่างราบรื่น เมื่อรถม้ามาจอดที่หน้าตำหนักท่านอ๋องรุ่ยหยาง เฟยฮวากับเผยอันก็ก้าวลงจากรถม้าช้าๆ พ่อบ้านซื่อถังยืนรอรับอยู่ที่หน้าตำหนัก เขาทักทายเฟยฮวาอย่างอัธยาศัยดี เฟยฮวายิ้มตอบเขา แล้วพ่อบ้านซื่อถังก็เรียกสาวใช้สามคนมาช่วยกันขนข้าวของๆคุณหนูเฟยฮวาเข้าไปในตำหนักแล้วตรงไปที่เรือนเล็กในสุดด้านซ้ายของตำหนักที่ต้องเดินผ่านตำหนักใหญ่ของท่านอ๋องไปทางด้านซ้ายมือเดินลัดเลาะผ่านสวนสวยงามไปเรื่อยๆจนพบเรือนเล็ก
เหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงได้คิดแผนการณ์ช่วยเหลือท่านอ๋องรุ่ยหยางขึ้น เพราะองค์ชายสามรู้มาว่า ขุนนางในบังคับบัญชาของท่านเสนาบดีเฟยมีขุนนางกังฉินอยู่จำนวนหนึ่ง ได้รับงานสร้างเขื่อนขนาดกลางขึ้นที่หัวเมืองและได้ทุจริตงบประมาณที่ส่วนกลางส่งไปเพื่อให้ทำการก่อสร้างเขื่อนนั้น แต่พวกเขาเฉือนงบที่ใช้ในการก่อสร้างเข้าพกเข้าห่อของตนเอง ทำให้เขื่อนนั้นไม่ได้มาตราฐานตามที่ส่วนกลางต้องการ แต่ท่านเสนาบดีไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงจะใช้เรื่องนี้บีบบังคับท่านเสนาบดีและคุณหนูเฟยฮวาให้ยอมตบแต่งกับท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ท่านเสนาบดีจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ เมื่อวางแผนการณ์ทั้งหลายจนรัดกุมคิดว่าคงจะได้ไม่มีช่องโหว่ให้ท่านเสนาบดีแก้ไขได้ทัน ท่านอ๋องรุ่ยหยางและองค์ชายสามจึงได้เดินทางไปที่จวนเสนาบดีเฟยในอีกสามวันต่อมา เมื่อมาถึงได้พากันเข้าไปสนทนากับท่านเสนาบดีเฟยและพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ท่านเสนาบดีเฟยวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เขาเสนอจะใช้สมบัติของตนเองทดแทนเงินส่วนกลางที่หายไป แล้วจะไปจัดการไต่สวนเรื่องนี้ในภายหลัง แต่องค์ชายสามค้านว่าเรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้วและมี
ขณะนั้นเฟยฮวากินอาหารอิ่มแล้ว นางจึงอยากจะไปเข้าห้องน้ำและเดินย่อยอาหารเสียหน่อย เพราะนั่งมานานมากแล้ว จึงเอ่ยบอกบิดา เขาพยักหน้าอนุญาติ นางจึงลุกขึ้นแล้วค่อยๆเดินออกไปจากห้องโถงนั้น ทุกการเคลื่อนไหวของนางมิรอดพ้นสายตาคมดุจเหยี่ยวของท่านอ๋องรุ่ยหยางไปได้เขารีบลุกขึ้นตามนางทันที แล้วเร่งก้าวออกไปจากห้องโถงเพื่อจะหาทางคุยกับนางให้รู้เรื่อง เมื่อเดินออกมาจากห้องโถงเขาเห็นนางเดินลัดเลาะไปตามทางเดินในสวนที่บริเวณด้านหน้าซึ่งเป็นสวนที่กว้างใหญ่งดงามเชื่อมต่อกันหลายๆสวน จนถึงสวนในตำหนักหลัง แต่มีอาณาเขตกั้นเป็นกำแพงเพื่อมิให้ผู้อื่นล่วงล้ำเข้าไปในตำหนักหลังง่ายๆ แต่แค่เพียงสวนด้านหน้าสถานที่จัดงานนี้ก็กว้างใหญ่มาจนเดินแทบจะไม่ทั่วด้วยซ้ำ ท่านอ๋องหนุ่มเร่งฝีเท้าตามนางไปจนทันที่บริเวณใกล้ศาลาเล็กๆที่อยู่กลางสวนนั่น “ ฮวาเอ๋อ เจ้ารอเปิ่นหวางก่อน เปิ่นหวางมีเรื่องจะพูดกันเจ้า ” เขาเดินไปแล้วพยายามคว้าแขนเรียวของนางไว้ เฟยฮวาหันมามองเห็นท่านอ๋องผู้นั้นที่นางพยายามหลีกเลี่ยงเขาเดินตามนางมาจนทัน “ ฟังเปิ่นหวางก่อนได้ไหม วันนั้นเจ้าออกมาจากโรงเตี้ยมมิได้ปลุกเปิ่นหวางจึงมิได้พูดกันให้รู้เรื่อง แล้ว
เช้าวันงานเลี้ยงในวัง เฟยฮวาตื่นขึ้นแต่เช้าแล้วจัดการทำธุระส่วนตัวจนเรียบร้อยแล้ว แล้วก็เปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เตรียมไว้แล้วนั้น จากนั้นก็มานั่งหน้าโต๊ะเครื่องแป้งของนางเพื่อแต่งเติมใบหน้าสวยหวานนั้นให้เข้มขึ้นกว่าปกติเล็กน้อย ลงมือวาดคิ้วโก่งนั้นให้ได้รูปยิ่งขึ้นแต่งเติมให้มันเข้มขึ้นเล็กน้อย แต้มใฝเม็ดเล็กๆที่ปลายคิ้วข้างหนึ่งเติมสีสันที่เปลือกตาให้ดูสว่างขึ้น เติมสีสันให้แก้มนวลทั้งสองข้างให้ขึ้นสีแดงกว่าเดิมเล็กน้อย เติมสีให้เรียวปากอิ่มนั้นให้แดงเข้มขึ้น นางมีปากที่อวบอิ่มได้รูปยิ่งเติมสีเข้าไปมันดูอวบอิ่มน่าจุมพิตอย่างมาก แล้วเรียกให้เผยอันมาช่วยทำผมและประดับปิ่นและติดกิ๊บรูปผีเสื้อและดอกไม้เล็กๆที่เป็นพลอยสีเขียวเข้ากับชุดของนาง จากนั้นก็ใส่ตุ้มหูที่เข้ากัน เมื่อเสร็จเรียบร้อยนางก็เดินออกไปจากเรือนเล็กของนางเพื่อออกไปรอท่านพ่อที่หน้าเรือนใหญ่ เมื่อเดินไปถึงได้เพียงครู่ท่านเสนาบดีเฟยก็เดินออกมาในชุดขุนนางเต็มยศของท่าน แล้วก็พากันเดินออกไปขึ้นรถม้าที่จอดรออยู่แล้วที่หน้าประตูจวน รถม้าวิ่งผ่่านตลาดที่่ยังวุ่นวายแม้เป็นเวลาที่สายมากแล้ว เพราะเป็นเวลาที่ผู้คนต่่างก็ออกมาซื้อหาข้า
วันนี้เสนาบดีเฟยกลับมาถึงจวนแล้ว ก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ของตนเอง เขานั่งลงจิบชาที่ห้องโถงกลางของเขาเพื่อพักผ่อนจากความเหนื่อยล้า ขณะที่นั่งจิบชาอยู่นั้น เฟยฮวาก็เดินเข้ามาในห้องโถงนั้น ท่านเสนาบดียกยิ้มน้อยๆให้นางหมู่นี้เขาสังเกตุเห็นว่าบุตรสาวงดงามขึ้นมากมาย นางตัวเล็กลงมาก รูปร่างอวบอิ่มกำลังดี ผิวพรรณผุดผ่องเป็นยองใย ใบหน้าก็งดงามยิ่งนัก การแต่งกายก็งดงามดังเช่นคุณหนูในห้องหอทั่วไป มองดูเป็นหญิงงามผู้หนึ่งเลยทีเดียวเขาคิดว่าอีกไม่นาน หากพานางออกงานไม่กี่ครั้งรับรองว่าจวนของเขาจะมีแม่สื่อเดินเข้าออกอย่างไม่ขาดสายเป็นแน่ เขาคิดแล้วก็ยกยิ้มกับตนเอง“ ท่านพ่อยิ้มอารมณ์ดีจริงนะเจ้าคะ วันนี้ไปราชการมาเหนื่อยหรือไม่ เจ้าคะ ลูกต้มขนมหยวนเซียวใส่น้ำขิง (ขนมบัวลอยใส่น้ำขิง) ให้ท่านพ่อเจ้าคะ กินแล้วเลือดลมจะได้เดินดีๆ เผยอันยกมันมาให้ท่านพ่อเลย ” นางหันไปมองเผยอันที่ยกถาดใส่ถ้วยขนมหยวนเซียวเดินตามนางมา ขณะที่บิดานั่งกินขนมหยวนเซียวที่นางทำมาให้เขา แล้วก็ชมเชยไม่ขาดปากว่ามันเหนียวหนึบอร่อยยิ่งนัก เฟยฮวายิ้มน้อยๆที่บิดาชอบขนมที่นางทำ นางอยากจะทำอะไรก็ได้ให้บิดามีความสุข สองพ่อลูกนั่งคุยกันด้วยเรื
เมื่อท่านอ๋องหนุ่มตกใจตื่นขั้นมาในยามซื่อ(ก่อนสิบโมงเช้า ) เขาผุดลุกขึ้นทันทีเมื่อในอ้อมกอดของเขามันว่างเปล่า เขาเหลียวมองไปรอบๆห้องนั้น มิมีวี่แววของนาง เหลียวมองบนพื้นห้องก็เห็นเพียงอาภรณ์ของเขาที่มันหล่นกราดเกลื่อนอยู่ทั่วไป แต่มิมีของนางเลยสักชิ้นเดียวนางกลับไปแล้วเช่นนั้นหรือ มิได้ปลุกเขาขึ้นมาเรียกร้องความรับผิดชอบที่เขาได้ย่ำยีนางไปแล้ว นางไปง่ายๆเช่นนี้เลยหรือ เขารีบลุกขึ้นคว้าเครื่องแต่งกายที่่มันหล่่นอยู่ไปตามพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างเร่งรีบ เมื่อเสร็จเรียบร้อยแล้วก็รีบก้าวออกไปจากห้องนั้น เปิดประตูออกไปพบองครักษ์ของเขายืนอยู่ที่นั่งรออยู่ที่หน้าห้องนั้น “ นางล่ะ นางไปแล้วเช่นนั้นหรือ ” เขาเอ่ยถามทันทีอย่างร้อนรน “ องครักษ์ผู้หนึ่งเอ่ยขึ้นว่า “ นางไปแล้วพะยะคะ ไปตั้งแต่ชั่วยามก่อนแล้ว ” เขาเอ่ยถามอีกว่า ” นางมิได้สั่งอะไรไว้เลยหรือ นางมีท่าทางเช่นใดบ้าง “ องครักษ์เอ่ยขึ้นว่า ” นางมิได้พูดอะไรเลยพะยะคะ นางเดินไปเรียกสาวใช้ของนางแล้วก็เดินออกไปด้วยกัน มิได้โวยวายหรือร้องไห้แต่อย่างใดพะยะคะ " ท่านอ๋องหนุ่มอึ้งงันไป นางมิได้โวยวายร้องไห้อยากจะให้เขารับผิดชอบนางเลยเช่นนั้นหรือ นา
เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง เขาก็ตกใจจนหน้าซีด เฟยฮวายืนตะลึงอยู่หน้าประตู น้ำตาของนางไหลรินลงมาช้าๆ นางห่อกายด้วยผ้าผวยผืนที่เขาเอาคลุมกายนางนั่นเอง เพราะนางไม่มีเวลาสวมอาภรณ์เพราะเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยหน้าห้องเป็นเสียงของชายหลายๆคนนางจึงเอาหูไปแนบประตูห้องนั้น ฟังตั้งแต่ต้นจนจบจึงเข้าใจเรื่องราวโดยละเอียดว่าสาเหตุที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางมาพูดคุยตีสนิทกับนาง หลอกนางว่าจะคบหากับนาง และนัดนางมาเพื่อกินอาหารกันนั้น มันเป็นแผนการณ์ที่จะเผด็จศึกนางเพื่อของเดิมพันเป็นม้าชั้นดี จำนวนห้าตัว ที่เหล่าองค์ชายจะให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางเมื่อทำภารกิจสำเร็จ นางอึ้งงันไปพักใหญ่เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด น้ำตาของนางไหลพรากลงมาทันที นางสะอื้นไห้เสียงดัง เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางกลับเข้าห้องมาแล้ว นางก็ตรงเข้าทุบตีเขาไม่ยั้งด้วยความเจ็บใจเหลือแสนที่เขาเห็นความรู้สึกนางเป็นเพียงการพนันขันต่ออย่างสนุกสนานกับเหล่าพี่น้องของเขาเท่านั้น ท่านอ๋องเจ็บกายไปหมดเพราะนางทุบตีเต็มแรงของนาง เขาตกใจจึงสะบัดนางจนล้มลงกับพื้นห้อง “ เจ้าบ้า กล้าที่จะหลอกลวงข้าขนาดนี้ เห็นความรักของข้าเป็นเรื่องตลกในหมู่พี่น