เหล่าองค์ชายทั้งหลายจึงได้คิดแผนการณ์ช่วยเหลือท่านอ๋องรุ่ยหยางขึ้น เพราะองค์ชายสามรู้มาว่า ขุนนางในบังคับบัญชาของท่านเสนาบดีเฟยมีขุนนางกังฉินอยู่จำนวนหนึ่ง ได้รับงานสร้างเขื่อนขนาดกลางขึ้นที่หัวเมืองและได้ทุจริตงบประมาณที่ส่วนกลางส่งไปเพื่อให้ทำการก่อสร้างเขื่อนนั้น แต่พวกเขาเฉือนงบที่ใช้ในการก่อสร้างเข้าพกเข้าห่อของตนเอง ทำให้เขื่อนนั้นไม่ได้มาตราฐานตามที่ส่วนกลางต้องการ แต่ท่านเสนาบดีไม่รู้เรื่องนี้ พวกเขาจึงจะใช้เรื่องนี้บีบบังคับท่านเสนาบดีและคุณหนูเฟยฮวาให้ยอมตบแต่งกับท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหานี้ให้ผ่านพ้นไปด้วยดี ท่านเสนาบดีจะได้ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะเรื่องนี้ เมื่อวางแผนการณ์ทั้งหลายจนรัดกุมคิดว่าคงจะได้ไม่มีช่องโหว่ให้ท่านเสนาบดีแก้ไขได้ทัน ท่านอ๋องรุ่ยหยางและองค์ชายสามจึงได้เดินทางไปที่จวนเสนาบดีเฟยในอีกสามวันต่อมา เมื่อมาถึงได้พากันเข้าไปสนทนากับท่านเสนาบดีเฟยและพูดคุยกันถึงเรื่องนี้ ท่านเสนาบดีเฟยวิตกกังวลเป็นอย่างยิ่ง เขาเสนอจะใช้สมบัติของตนเองทดแทนเงินส่วนกลางที่หายไป แล้วจะไปจัดการไต่สวนเรื่องนี้ในภายหลัง แต่องค์ชายสามค้านว่าเรื่องมันได้เกิดขึ้นแล้วและมี
ยามซื่อ (เก้าโมงเช้า ) วันต่อมา รถม้าของตำหนักอ๋องรุ่ยหยางก็มารอรับคุณหนูเฟยฮวาที่หน้าประตูจวนเสนาบดี เผยอันและสาวใช้สองสามคนช่วยกันขนข้าวของๆเฟยฮวาที่เก็บเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อวานมาใส่รถม้าที่จอดรออยู่นั้น เฟยฮวานางกอดบิดาร่ำไห้เล็กน้อย แต่ก็อดกลั้นไว้เพราะไม่อยากให้บิดาเป็นห่วงนาง นางบอกว่านางจะอดทนไว้ กำหนดเพียงหนึ่งปีมินานเลย เราก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง แต่ระหว่างนี้หากนางสามารถมาเยี่ยมท่านพ่อได้นางจะมาให้บ่อยที่สุดเท่าที่นางจะมาได้ จากนั้นนางก็กอดลาบิดาอีกครั้งแล้วก็ขึ้นรถม้าจากไป พร้อมกับเผยอัน บิดาของนางและพ่อบ้านยืนมองรถม้านั้นจนลับตา เฝ้าภาวนาให้นางอยู่ในตำหนักแห่งนั้นได้อย่างราบรื่น เมื่อรถม้ามาจอดที่หน้าตำหนักท่านอ๋องรุ่ยหยาง เฟยฮวากับเผยอันก็ก้าวลงจากรถม้าช้าๆ พ่อบ้านซื่อถังยืนรอรับอยู่ที่หน้าตำหนัก เขาทักทายเฟยฮวาอย่างอัธยาศัยดี เฟยฮวายิ้มตอบเขา แล้วพ่อบ้านซื่อถังก็เรียกสาวใช้สามคนมาช่วยกันขนข้าวของๆคุณหนูเฟยฮวาเข้าไปในตำหนักแล้วตรงไปที่เรือนเล็กในสุดด้านซ้ายของตำหนักที่ต้องเดินผ่านตำหนักใหญ่ของท่านอ๋องไปทางด้านซ้ายมือเดินลัดเลาะผ่านสวนสวยงามไปเรื่อยๆจนพบเรือนเล็ก
ค่ำคืนนั้นเมื่อรับประทานอาหารเย็นกันแล้ว เฟยฮวาก็เข้าไปอาบน้ำชำระกาย และมานั่งบำรุงผิวพรรณตนเองทั้งผิวหน้าและผิวกาย เครื่องประทินผิวที่นางได้มาใหม่นั้นมีกลิ่นหอมยิ่งนัก เมื่อทาแล้วสบายผิวดีกว่าที่นางเคยใช้มา และก็ยกหวีขึ้นมานั่งสางผมที่นุ่มสลวยยาวถึงกลางหลังจากนั้นก็บอกให้เผยอันไปอาบน้ำและเข้านอนได้เลยมิต้องคอยอยู่รับใช้นางแล้ว นางจะนั่งเล่นอยู่เพียงครู่ก็จะเข้านอนแล้ว จากนั้นนางก็เดินไปที่เตียงนอนใหญ่นั้น มันเป็นเตียงที่ใหญ่กว่าที่นางใช้ที่จวนเสนาบดีด้วยซ้ำ และนางชอบที่มันมีเสาสูงทั้งสี่เสาและมีผ้าม่านสีขาวโปร่งผูกไว้ทั้งสี่ด้าน กลางคืนหากปล่อยม่านลงมาแล้วมีลมพัดเข้ามามันพริ้วไหวไปมาทำให้บรรยากาศในห้องนอนนั้นดีมาก เฟยฮวานั่งลงที่บนฟูกใหญ่นั้น มันใหญ่และหนามานุ่มสบายยิ่งนักเวลานอน เฟยฮวาเอนกายลงนอนบนฟูกหนานั้น มีลมพัดเข้ามาเป็นระลอกเย็นสบายยิ่งนัก เพียงไม่นานนางก็เคลิ้มหลับไป กลางดึกคืนนั้น ร่างหนาของท่านอ๋องรุ่ยหยางก็เข้ามาทางหน้าต่างบานยาวที่เปิดกว้างไว้รับลมนั้น เขาเดินอ้อมระเบียงมา เพราะทั้งสองสาวได้ปิดประตูหน้าเรือนไว้ทำให้เขาเข้ามาในเรือนไม่ได้ เขาเพิ่งกลับมาจากหัวเมืองเพราะไป
หลังเที่ยงวันนั้นทั้งสองลืมตาตื่นขึ้นมาพร้อมๆกัน เฟยฮวากระพริบตาทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมาเมื่อคืน เมื่อนึกขึ้นได้หน้าของนางแดงก่ำขึ้นทันที หันไปมองด้้านหลังก็สบเข้ากับตาคมของอ๋องหนุ่ม ทั้งสองมองกันและกันอย่างเก้อเขินกันเล็กน้อย เฟยฮวามิเอ่ยอะไรได้แต่พยายามลุกขึ้นนั่ง “ โอ้ย !! ” นางร้องขึ้นมาอย่างตกใจเมื่อขยับกายจะลงจากเตียงนั้น ตรงกลางกายก็เจ็บแปลบขึ้นมาทันที อ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น “ เจ้าเจ็บมากหรือไม่ ไม่ต้องลุก เปิ่นหวางจะอุ้มเจ้าไปแช่น้ำอุ่นก่อนนะ สักพักมันน่าจะบรรเทาความเจ็บลงได้ ”จากนั้นเขาก็ผุดลุกขึ้น กายแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามอย่างผู้ฝึกร่างกายเป็นประจำนั้น ยืนตรงหน้าของเฟยฮวา นางเงยหน้าขึ้นมองร่างแกร่งนั้นแล้ว ใบหน้ายิ่งแดงยิ่งขึ้น อ๋องหนุ่มก้มลงช้อนตัวนางขึ้นแนบอก แล้วพาเดินเข้าไปหลังฉากกั้น เขาวางนางลงในถังไม้ขนาดใหญ่นั้น ในนั้นมีไอลอยกรุ่นขึ้นมา แสดงว่าเผยอันเพิ่งเตรียมน้ำอุ่นไว้ได้ไม่นานนี้เอง นางช่างรู้ใจจริงๆ เฟยฮวานั่งลงในถังไม้นั้นได้สักพัก นางรู้สึกสบายตัวขึ้นมา ร่างกายที่ปวดระบมนั้นเรื่องดีขึ้น ตัวของนางที่ปวดเมื่อยไปหมดก็บรรเทาลง จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้าวลงมาแช่ตัวในถ
ยามสายๆของวันต่อมา คุณหนูเจียฟางหรง คุณหนูของคหบดีใหญ่ของเมืองหลวงได้มาขอพบท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางนำของฝากจากเรือสินค้าที่เข้าใหม่มาฝากท่านอ๋องและนำขนมที่นางทำเองมาให้ท่านอ๋องชิมด้วย แต่แท้ที่จริงนางพึงใจท่านอ๋องรุ่ยหยางและต้องการสานต่อไมตรีกับเขา แม้เขาก็มิได้แสดงความสนใจนาง แต่ก็นางก็จะพยายามไปมาหาสู่เขาเพื่อต้องการใกล้ชิดเขาอยู่ดี ตอนนี้เขาก็ยังมิมีชายาและอนุในจวนเลย นางจึงยังพอมีความหวังอยู่บ้างพ่อบ้านซื่อถังให้นางนั่งรอที่ศาลาริมสระบัวในสวนที่งดงามนั้น แล้วเขาจะไปเรียนท่านอ๋องก่อน เพราะคุณหนูเจียฟาง หรงมิได้นัดไว้ จึงไม่แน่ใจว่าท่านอ๋องกำลังยุ่งกับราชกิจหรือไม่ เมื่อท่านอ๋องรู้ว่าเจียฟางหรงมาขอพบ เขาก็แปลกใจเล็กน้อยที่นางมาหาเขาที่ตำหนักนี้ แต่ด้วยความเกรงใจบิดาของนางเพราะได้มีหุ้นในกิจการค้าบางอย่างด้วยกัน และพึ่งพากันและกันบางอย่างจึงได้ยอมออกมาพบนางที่ศาลานั้น เมื่อท่านอ๋องหนุ่มเดินเข้าไปในศาลาริมบึงบัวนั้น เจียฟางหรงลุกขึ้นย่อตัวคารวะท่านอ๋องอย่างงดงาม “ ฟางหรงคารวะท่านอ๋องเพคะ หม่อมฉัันได้รับหน้าที่จากท่านพ่อให้นำกล้องส่องสัตว์เพคะ หรือจะใช้เป็นกล้องส่องดูม้าเวลาแข่งขันก็
เมื่อทั้งหมดพากันเดินหาจนพบร้านบะหมี่ชื่อดังนั้น หน้าร้านมีคนรอคิวกันคึกคักแสดงว่าร้านนี้บะหมี่ต้องอร่อยเลิศสมคำร่ำลือแน่ๆ จึงได้พากันเดินเข้าไปในร้านนั้น เมื่อมองหาโต๊ะว่าง พอดีมีคนลุกออกไปพอดี โต๊ะนั้นมันอยู่ริมสุดไม่ค่อยแออัดนัก ทั้งหมดจึงพากันเดินไปนั่งลงที่โต๊ะนั้น นั่งไปได้สักพักลูกจ้างของร้านบะหมี่ก็มารับรายการอาหาร เฟยฮวาสั่งบะหมี่น้ำหมูแดงที่นางชอบ ส่วนเผยอันก็สั่งเหมือนกัน ส่วนแม่ทัพฉีสั่งเป็นเกี๊ยวน้ำชามพิเศษเพราะเขาบอกว่าเขาชอบเกี๊ยวน้ำมาก จากนั้นก็นั่งรออาหาร“ คุณหนูเฟยฮวา ข้าขอเรียกท่านว่าฮวาเอ๋อได้หรือไม่ ” แม่ทัพฉีเอ่ยขึ้น เฟยฮวาพยักหน้ารับ เขายิ้มให้นาง จากนั้นก็นั่งคุยกับเรื่องสัพเพเหระกันอย่างออกรส เมื่อเขาถามถึงว่าขณะนี้นางกำลังทำอะไรอยู่และเขาขอไปเยี่ยมนางที่จวนเสนาบดีได้หรือไม่ เฟยฮวาจึงเอ่ยบอกเขาไปตามตรง “ ท่านแม่ทัพฉี ตอนนี้ข้ามิได้อยู่ที่จวนเสนาบดีแล้ว เพราะตอนนี้ข้ามีเรื่องที่ต้องทำบางอย่าง ข้าพักอยู่ที่ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยาง ท่านคงจะพอคาดเดาได้กระมังว่าข้าไปทำอะไรอยู่ที่ตำหนักอ๋องรุ่ยหยาง หากท่านมิรังเกียจที่จะคบค้ากับข้า ก็สามารถไปเยี่ยมข้าได้ที่ตำหนักท
เมื่อเฟยฮวาเดินเข้าไปในตำหนักนางก็เดินไปตามทางเดินเล็กๆในสวนนั้นขณะที่ผ่านเรือนใหญ่ของท่านอ๋องรุ่ยหยางก็พบใบหน้าหล่อเหลาของท่านอ๋องที่บึ้งตึงอย่างมาก หันมามองนางเขม็ง “ เจ้าไปที่ใดกัน เปิ่นหวางเรียกหาเจ้าตั้งนานแล้วก็มิมีผู้ใดรู้ว่าเจ้าไปอยู่ที่ใดกันแน่ คราวหลังจะออกไปจากตำหนักต้องบอกพ่อบ้านซื่อถังไว้ หรือต้องขออนุญาติเปิ่นหวางก่อนจะได้รู้ว่าเจ้าจะไปที่ใด หากเจ้าหายไปจะได้ไปตามได้ถูก” เขาพูดอย่างกับว่าจะมีคนมาลักพาตัวนางกระนั้น แต่เฟยฮวาก็มิได้คัดค้านอะไร นางเอ่ยว่า “ ก็หม่อมฉันเห็นท่านมีเพื่อนสนทนาอยู่แล้ว จึงมิได้เข้าไปรบกวน และเพียงจะไปซื้อหาข้าวของใช้ส่วนตัวที่ตลาดเท่านั้นเองก็เลยมิได้บอกผู้ใดไว้ ” ท่านอ๋องหนุ่มขมวดคิ้วมุ่น นางบอกว่าเขามีเพื่อนสนทนาอยู่แล้วนางหมายผู้ใดกัน หรือว่าที่นางเดินออกไปเมื่อตอนสายๆ นั้นก็คงจะเป็นเจียฟางหรงที่มาพบเขาเพื่อนำกล้องส่องทางไกลกับขนมมาให้เขานั่นเอง “ เปิ่นหวางมีแขกมาพบเท่านั้น แต่มิได้เป็นอะไรกับนาง และมิได้คิดอะไรกับนางเลย ” ท่านอ๋องหนุ่มรีบเอ่ยขึ้นกลัวว่านางจะคิดว่าเขามีหญิงอื่น “ ท่านอ๋องมิต้องบอกอันใดกับหม่อมฉัน เพราะตัวหม่อมฉันนั้นมิได้คิ
จากจูบที่รุนแรงด้วยความหึงหวงเมื่อนึกถึงภาพนางใกล้ชิดบุรุษอื่นนั้น กลับเป็นดูดดื่มเร่าร้อน เฟยฮวาเคลิบเคลิ้มกับกับจูบที่อ่อนหวานนั้น ท้องน้อยของนางเหมือนมีผีเสื้อกระพือปีกบินว่อนในท้อง มือบางนั้นยกขึ้นโอบต้นคอหนานั้นให้โน้มลงมาจูบกันได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น ปากหนายอมปล่อยริมฝีปากนุ่มของนาง แล้วไล้เลียไปทั่วใบหน้าหวานนั้นเขาเลียไล้ใบหูเล็กของนางจนคนใต้ร่างครางเบาๆ มือหนาก็ปลดผ้ารัดเอวของนางออก ดึงมันขึ้นมาแล้วนำมันไปผูกข้อมือบางของนางติดไว้กับหัวเตียงนั้น เฟยฮวาเคลิบเคลิ้มกับจูบที่ล่อลวงนางนั้นจนมิรู้ว่าเขายกมือแขนเรียวงามของนางทั้งสองไปมัดข้อมือติดไว้กับหัวเตียงนั้นแล้ว จากนั้นมือหนาก็แหวกสาปชุดยาวผ้าเบาบางพริ้วไหวของนางออกจนมันเลื่อนหลุดลงไปกองใต้เตียงหนานั้น จนทั้งร่างเหลือเพียงเอี๊ยมตัวบางและกางเกงตัวข้างในของนาง มือหนาเค้นคลึงอกอวบใหญ่เต็มมือของเขานั้นอย่างเมามัน นิ้วแกร่งบีบบี้ผลอิงเถานั้นจนร่างอวบแอ่นร่างขึ้นหามือหนาของเขาแล้วกรีดร้องครวญครางอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป ใบหน้าคมคายก้มลงไล้เลียผลอิงเถาที่มันดุนดันออกมาจากเอี๊ยมตัวบางของนางนั้น เขาดูดดึงมันอย่างเมามัน ดูดจนแก้มตอบ ดูดแล้วปล
ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก
แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้
หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห
เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ
งานแต่งของท่านอ๋องรุ่ยหยางและเฟยฮวามิได้เอิกเกริกนัก เพราะเฟยฮวามิอยากให้งานใหญ่นัก เพียงจัดให้ถูกต้องตามประเพณีก็เพียงพอแล้ว ทางวังหลวงส่งคนมาจัดการเรื่องงานให้ทั้งหมด คนจากในวังมาจัดการงานต่างๆตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น ราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงคหบดีทั้งหลายก็มาร่วมงานนี้ ต่างพากันนำของขวัญมาอวยพรท่านอ๋องและพระชายากันอย่างคับคั่งแม้มิได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่จำนวนแขกก็ยังมากมายอยู่ดีในงานมีอาหารและสุราชั้นดีเลี้ยงอย่างไม่อั้น มีคนนำหมูหัน และเป็ดย่างจำนวนมากมายมาให้เพื่อเลี้ยงแขกในงาน รสชาติของมันดังเช่นอาหารเหลาชั้นดี ในงานนั้นมีแต่เสียงอวยพรกันไม่ขาดสาย แขกเหรื่อต่างยกจอกขึ้นดื่มอวยพรท่านอ๋องรุ่ยหยางจนเขาต้องยกจอกขึ้นรับการดื่มอวยพรนั้นจนกระทั่งเมามายไม่น้อย ในโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่เป็นโต๊ะของคหบดีเจีย มีร่างของเจียฟางหรงนางนั่งดื่มสุราแล้วแอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะแต่งงานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มิทันรู้ตัวท่านอ๋องก็จััดงานแต่งงานและมีพระชายาเรียบร้อยแล้ว นางคาดหวังไว้มากว่านางคงจะมีโอกาสได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องในสักวันหนึ่ง เมื่อก่อนนางก็เคยรู้้มาว่าเฟยฮวาบ
องค์ชายทั้งสองเห็นด้วยกับจึงแม่นมฟางเอ่ยขึ้นว่า “ เรื่องเพียงเท่านั้นมิต้องกังวล ข้ากับเจ้าห้าจะซื้อจวนเล็กๆให้นางอยู่เป็นส่วนตัวและจะให้ทรัพย์สินกับนางพอประมาณให้นางไว้เลี้ยงตนในอนาคต และให้นางอยู่ในฐานะหญิงอุ่นเตียงของพวกข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นห่วงของนางในตอนนี้และอนาคต หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป พวกข้าจะจัดการมอบทรัพย์สินไว้ให้นางเอาไว้เลี้ยงตนมิให้ต้องลำบาก เพราะได้ชื่อว่าเคยเป็นเมียของพวกข้ามาก่อน ย่อมมิต้องลำบากอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นและองค์ชายห้าพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่นมฟางโบกมือให้ทุกๆคนออกไปจากห้องนั้น แล้วนางก็ตามออกไปแล้วหันมาปิดประตูตามหลังไว้เพราะเกรงว่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาจะมองเข้าไปเห็นคนด้านใน แม่นมฟางเดินกลับเรือนตนเองไป ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาว แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาดังๆ เฮ้อ !! ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าวสารกลายไปเป็นข้าวสุกเสียแล้ว อย่างน้อยถ้าจะยัดเยียดหลานสาวของตนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางก็คงยากที่จะสำเร็จ เพราะท่านอ๋องมิเคยมองหลานสาวของนางเลยด้วยซ้ำแถมเมื่อคืนหญิงผู้นั้นไม่อยู่แค่เพียงคืนเดียวก็วิ่งโร
หัวเตียงกระแทกผนังดังสนั่นจนทำให้หัวขององค์ชายสามกระทบกับเตียงนั้นจนเขาตกใจตื่นขึ้นมา เขาหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน ก็เห็นองค์ชายห้าโยกขย่มหญิงร่างอวบขาวผ่องมองเห็นได้ในแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามานั้น มันเย้ายวนอารมณ์ที่มึนเมาของเขาอย่างยิ่ง เขาจึงผุดลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออก แล้วเข้าร่วมบรรเลงเพลงรักกับทั้งสองในทันที เขาอ้าปากดูดดึงยอดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัดนั้น เขาดูดมันอย่างรุนแรงเร่าร้อน ดูดจนอี้หลานครางเสียงดังลั่น นางหวีดร้องอย่างสุขสมยิ่งนัก มือบางเสยเข้าในผมหนาของคนบนอกอวบของนาง ส่วนสะโพกอวบก็ร่อนเข้าหาคนที่ขย่มนางอย่างรุนแรงนั้น องค์ชายสามเมื่อเห็นพี่ชายเข้าร่วมบรรเลงเพลงรักก็ฮึกเหมขึ้นมายิ่งขย่มร่างอวบอย่างรุนแรง กระแทกนางอย่างเร่าร้อนจนกระทั่งทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที จากนั้นเขาก็ยกร่างอวบของนางคว่ำลงแล้วเขาสอดตัวเข้าไปด้านล่าง จากนั้นพยักหน้าให้พี่ชายไปอยู่ด้านท้าย ขณะนั้นองค์ชายสามก็พรักพร้อมเต็มที่แล้ว เมื่อเห็นบทรักของน้องชายกับหญิงอวบขาวผู้นี้ เขาสอดลำกายแกร่งเข้าไปในร่องจีบด้านหลังของนางที่มันคับแน่นยิ่งนักเขาค่อยๆดันมันเข้าไป อี้หลันที่อยู่ที่
แม่นมฟางเดินตามฟางอี้เหนียงเข้ามาก็เห็นบรรยากาศตรงหน้าด้วยเหมือนกัน “ วันนี้ท่านอ๋องอารมณ์ดียิ่งนัก แม่นมไม่เคยเห็นมานานแล้ว มีเรื่องดีๆอะไรเช่นนั้นหรือเพคะ ” จากนั้นแม่นมฟางก็เดินเข้าไปในห้องอาหารนั้น อ๋องหนุ่มหันมามองแม่นมของตนแล้วยิ้มให้นางน้อยๆ “แม่นมมาพอดี ท่านกินข้าวแล้วหรือยัง เปิ่นหวางเพิ่งตื่นก็เลยเพิ่งจะได้กินข้าวกัน แม่นมจะมานั่งกินด้วยกันอีกไหม วันนี้อาหารอร่อยมากจริงไหมจ๊ะ ฮวาเอ๋อ ”ท่านอ๋องหนุ่มหันไปถามเมียรัก ฮวาเอ๋อยิ้มน้อยแล้วตอบว่า “เพคะ วันนี้อาหารอร่อยมาก ” ทั้งสองมองกันหวานฉ่ำแล้วก็กินอาหารกันต่อเหมือนโลกนี้มีพวกเขาเพียงแค่สองคน “ ท่านอ๋องเพคะ คุณหนูเฟยฮวามาอยู่ที่นี่ในฐานะหญิงอุ่่นเตียงแต่ทำไมท่านอ๋องให้นางเข้ามาอยู่ในตำหนักใหญ่นี้เล่าเพคะ มิใช่จะมีแต่พระชายาเช่นนั้นหรือที่จะเข้ามาอยู่ร่วมกับท่านอ๋องได้ มันเป็นกฏเกณฑ์มานานแล้วมิใช่หรือเพคะ "แม่นมฟางเอ่ยขึ้น ท่านอ๋องรุ่ยหยางหันไปมองแม่นมของตนแล้วเอ่ยขึ้น “ ฮวาเอ๋อเป็นเมียของเปิ่นหวางนานแล้ว ที่จริงแล้วเปิ่นหวางจะตบแต่งนางเข้ามาเป็นพระชายาแต่นางยังไม่อยากแต่ง แต่ความจริงแล้วเราอยู่กินด้วยกันมาก่อนแล้ว เพียงแต่ยัง
ท่านอ๋องหนุ่มและเฟยฮวาต่างโรมรันกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนกระทั่งรุ่งสางของอีกวันเสียงร้องครวญครางของทั้งสองจึงเงียบสงบไป จากนั้นทั้งสองก็หมดแรง ล้มตัวลงนอนกอดกันหลับไหลไปทันทีฝ่ายแม่นมฟางกับอี้เหนียงนั่งปรึกษากันอยู่ที่ในเรือนของแม่นมฟาง อี้เหนียงเดินไปมา นางเริ่มร้อนรนที่เห็นท่านอ๋องเอาใจใส่เฟยฮวามากอย่างที่นางและแม่นมก็คาดไม่่ถึง ทั้งสองกำลังครุ่นคิดว่าจะทำเช่นไรดีอยู่นั้น แม่นมฟางก็คิดแผนการณ์ออกแล้วเอ่ยขึ้นว่า“ ในเมื่อบุตรีเสนาบดีผู้นั้น ยอมใช้ตัวเข้าแลกจนท่านอ๋องหลงไหลนางอย่างยิ่ง ทำไมเจ้าไม่เอาตัวเข้าแลกดูบ้างเล่า ที่ข้าเอ่ยเช่นนี้เพราะมันดูแล้วมิมีทางอื่น ข้าพยายามเอ่ยเรื่องเจ้ากับท่านอ๋องมานานหลายปีแล้ว ช่วยชมเชยเจ้าหรือหว่านล้อมท่านอ๋องให้หันมามองเจ้าก็แล้ว ตัวเจ้าเองก็งดงามมิใช่น้อย ถึงแม้จะสู้หญิงผู้นั้นมิได้แต่ก็มิได้ขี้ริ้วจนชายใดจะไม่มองเลย ถ้าเช่นนั้นเราคงต้องหาโอกาสลงมือเรื่องนี้เสียแล้ว เจ้าจะได้สมหวัง อย่างน้อยได้เป็นอนุก็ยังดีความหวังเรื่องพระชายานั้น ข้าบอกตามตรงข้าเองก็อยากให้เจ้าได้เป็นนะ แต่ว่ามันเป็นไปได้ยากยิ่งเพราะเจ้าชาติตระกูลสู้หญิงอื่นที่มาหมายปองท่านอ