เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ
หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห
แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้
ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก
วันนี้เป็นงานเลี้ยงฉลองตำแหน่งขุนนางใหม่ เหล่าขุนนางทั้งหลายรวมถึงขุนนางใหม่ที่เพิ่งได้รับตำแหน่งรวมถึงครอบครัวของเขาเหล่านั้น ต่างก็มาร่วมงานเลี้ยงในวังหลวงกันคับคั่ง งานนี้มีองค์รัชทายาทมาเป็นประธานในพิธีแทนองค์ฮ่องเต้ และเมื่อเสร็จพิธีที่เป็นทางการและฟังโอวาทจากองค์รัชทายาทแล้ว แขกเหรื่อก็ต่างพากันชมการแสดงต่างๆและรับประทานอาหารและดื่มสุรากันตามอัธยาศัย เหล่าองค์ชายและท่านอ๋องก็นั่งอยู่ใกล้ๆกันในตำแหน่งที่นั่งของตนเอง ขณะนั้นองค์ชายห้ามองตรงไปเห็นคุณหนูเฟยฮวานั่งอยู่ข้างๆบิดาของนางที่ฝั่งตรงข้าม ดวงตาของนางคล้ายกับจ้องมองมาที่อ๋องรุ่ยหยางเขม็งเช่นเคย เขาจึงเกิดความคิดสนุกๆขึ้นทันทีหลังจากที่นั่งมองไปมาด้วยความเบื่อหน่าย เขาหันไปกระซิบเรื่องราวที่เขาเพิ่งคิดขึ้นมาได้นั้นให้แก่องค์ชายสามที่นั่งข้างๆกันจากนั้นทั้งสองก็หันไปสะกิดองค์ชายหกและท่านอ๋องรุ่ยหยางรวมถึงองค์ชายสองที่อยู่ถัดไป หลังจากถ่ายทอดเรื่องราวทั้งหมดให้เหล่าพี่น้องทั้งหลายฟังแล้ว ท่านอ๋องรุ่ยหยางส่ายหัวทันควัน นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันเขาไม่ยอมหรอก จะให้เขาไปพิชิตคุณหนูอวบอ้วนนั่น แถมแต่งตัวยังกับฮูหยินของบิดาตนเองทำให้
เมื่อแต่งกายเรียบร้อยแล้ว นางก็แต่งเติมใบหน้าเล็กน้อย อย่างพิถีพิถันแต่มันก็ดูเหมือนใช้สีมาป้ายใบหน้าแบบคนที่มิเคยแต่งเติมใบหน้าตนเองมาก่อน แม้ผิวพรรณเดิมของนางจะดีมาก ผุดผาดไม่แพ้ผู้ใดแต่มันก็ถูกกลบด้วยหุ่นที่อวบอวนใหญ่กว่าคุณหนูอื่นๆ และการแต่งกายที่แก่เกินวัยไปมาก แต่งเติมใบหน้าก็มิเป็นจึงทำให้ดูงดงามน้อยไปกว่าที่ควรจะเป็นมาก แต่นางก็เคยชินกับตัวเองที่เป็นเช่นนี้มานานแล้วจึงมิได้มองเห็นข้อบกพร่องนี้ จากนั้นเมื่อแต่งกายตนเองจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็นั่งรอเวลาเพียงครู่ จิบชาและกินขนมรองท้องไปเพียงเล็กน้อยเพราะนางตื่นเต้นมากที่จะได้ออกไปพบกับบุรุษที่นางพึงใจหนักหนา เมื่อใกล้เวลานัดหมายเฟยฮวาก็เดินออกไปที่ขึ้นรถม้าที่หน้าจวนเสนาบดี กับเผยอันสาวใช้ของนาง จากนั้นนางขึ้นไปบนรถม้าอย่างอารมณ์เบิกบาน ยิ้มแย้มแจ่มใสมีความสุข เมื่อรถม้าเดินทางไปถึงหน้าโรงเตี้ยมชั้นดีที่เป็นโรงเตี้ยมสำหรับผู้มีอันจะกินเท่านั้นเพราะมันเป็นโรงเตี้ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวงชาวบ้านทั่วไปมิอาจเข้าไปใช้บริการได้เพราะว่าราคาห้องพักแพงหูฉี่ และอาหารเลิศรสที่มีให้บริการก็แพงมากกว่าโรงเตี้ยมเท่าไปหลายเท่า แม้มันจะอร่อยล้ำเ
ปากหนาก็ดูดผลอิงเถาอย่างเมามัน ส่วนมือหนาก็คลำหาจนพบเนินอวบใหญ่เต็มมือของนาง เขาขยำมันอย่างเมามัน แล้วก็ค่อยสอดนิ้วแกร่งเข้าไปแล้วเขี่ยเมล็ดดอกไม้งามนั้นไปมา เฟยฮวาครางกระเส่าทันทีอย่างเสียวซ่าน สะโพกอวบของนางโยกน้อยๆเข้าหามือหนาของเขาทันทีจากนั้นอ๋องหนุ่มสอดนิ้วแกร่งเข้าไปค่อยๆจนมันมิดด้าม เฟยฮวา กรีดร้องด้วยความเจ็บขึ้นทันที ใบหน้าคมคายจึงประกบจูบนางอย่างเร่าร้อนอีกครั้ง จากนั้นเมื่อนางเคลิบเคลิ้มเขาก็ค่อยขยับนิ้วแกร่งเข้าสุดออกสุดช้าๆ เพื่อให้นางปรับตัวก่อน เขารู้ว่านางมิเคยชายมาก่อน เขาไม่อยากให้นางเจ็บตัวมากเกินไป เขามิรู้มาก่อนว่าเขาอยากจะถนอมนางมากเพียงนี้ จากนั้นนิ้วแกร่งก็ค่อยๆเร่งความเร็วขึ้นจนกระแทกเข้าออกอย่างรุนแรง จนสะโพกอวบกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที มือหนาเปื้อนน้ำรักของนางจนเต็มมือ นางหอบหายใจเร็วๆ อย่างเหน็ดเหนื่อย จากนั้นอ๋องหนุ่มก็ก้มลงไล้เลียร่องอวบนั้นไปมาอย่างเมามัน เขาดูดดึงเมล็ดดอกไม้เล็กๆนั้น ดูดจนมันบวมเป่ง เฟยฮวาร่อนสะโพกเข้าหาใบหน้าหล่อเหลานั้นอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไป จากนั้นอ๋องหนุ่มผุดลุกขึ้น ถอดเครื่องแต่งกายของตนที่เหลือจนหมดแล้ว ปลดปล่อยลำกายแกร่งออ
เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางเปิดประตูเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้ง เขาก็ตกใจจนหน้าซีด เฟยฮวายืนตะลึงอยู่หน้าประตู น้ำตาของนางไหลรินลงมาช้าๆ นางห่อกายด้วยผ้าผวยผืนที่เขาเอาคลุมกายนางนั่นเอง เพราะนางไม่มีเวลาสวมอาภรณ์เพราะเมื่อได้ยินเสียงพูดคุยหน้าห้องเป็นเสียงของชายหลายๆคนนางจึงเอาหูไปแนบประตูห้องนั้น ฟังตั้งแต่ต้นจนจบจึงเข้าใจเรื่องราวโดยละเอียดว่าสาเหตุที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางมาพูดคุยตีสนิทกับนาง หลอกนางว่าจะคบหากับนาง และนัดนางมาเพื่อกินอาหารกันนั้น มันเป็นแผนการณ์ที่จะเผด็จศึกนางเพื่อของเดิมพันเป็นม้าชั้นดี จำนวนห้าตัว ที่เหล่าองค์ชายจะให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางเมื่อทำภารกิจสำเร็จ นางอึ้งงันไปพักใหญ่เมื่อรู้ความจริงทั้งหมด น้ำตาของนางไหลพรากลงมาทันที นางสะอื้นไห้เสียงดัง เมื่อท่านอ๋องรุ่ยหยางกลับเข้าห้องมาแล้ว นางก็ตรงเข้าทุบตีเขาไม่ยั้งด้วยความเจ็บใจเหลือแสนที่เขาเห็นความรู้สึกนางเป็นเพียงการพนันขันต่ออย่างสนุกสนานกับเหล่าพี่น้องของเขาเท่านั้น ท่านอ๋องเจ็บกายไปหมดเพราะนางทุบตีเต็มแรงของนาง เขาตกใจจึงสะบัดนางจนล้มลงกับพื้นห้อง “ เจ้าบ้า กล้าที่จะหลอกลวงข้าขนาดนี้ เห็นความรักของข้าเป็นเรื่องตลกในหมู่พี่น
ตำหนักของท่านอ๋องรุ่ยหยางผ่านไปสามปี คึกคักยิ่งกว่าเดิมมาก พระชายาเฟยฮวาคลอดบุตรีออกมาอีกหนี่งคน คราวนี้สมใจบิดาของนางยิ่งนักที่ในที่สุดจะได้ท่านหญิงน้อยๆเสียที เพราะเขาชมชอบบุตรสาวตัวอ้วนๆ ที่จะมาวิ่งไล่ตามเขาต้อยๆ แล้วเรียกเขาว่าท่านพ่อเจ้าคะ มานานแล้ว แม่นมฟางตอนนี้ก็วุ่นวายเรื่องท่านหญิงตัวน้อย แต่ก็ได้พี่เลี้ยงที่คล่องงานแล้วสองนางมาช่วยกันดูแล นางแค่เฝ้ามองดูเท่านั้น ส่วนท่านชายน้อยก็วิ่งเล่นไปมาในตำหนักอย่างซุกซนยิ่งนัก ต้องมีพี่เลี้ยงคอยดูแลถึงสองคน เพราะท่านชายน้อยๆคนนี้ชอบปีนป่ายต้นไม้อย่างยิ่งพระชายาเฟยฮวาเมื่อท้องแก่ต้องคอแหบคอแห้งร้องเรียกท่านชายน้อยให้ลงมาจากต้นไม้เมื่อยามที่ทุกคนเผลอเขาก็จะตะกายขึ้นไปบนต้นไม้จนได้ ตอนนี้พระชายาพักฟื้นจากการคลอดจึงเป็นเผยอันที่ต้องคอยมาประกบท่านชายกับพี่เลี้ยงอีกสองคน เขาวิ่งเล่นอย่างรวดเร็วมากยิ่งมีพี่เลี้ยงคอยวิ่งไล่ตาม เขาก็จะสนุกสนานที่จะวิ่งหนี แต่อีกอย่างเขาชอบฝึกวิทยายุทธเป็นอย่างยิ่ง เขามักจะขอให้องครักษ์ของบิดาสอนเขา เขาจึงค่อนข้างจะเก่งกาจกว่าเด็กเล็กในวัยเดียวกันบางครั้งวิ่งซนและเหาะไต่ขึ้นไปบนที่ต่างๆตำหนัก ทำให้ข้าวของแตก
แม้แต่ริมหน้าต่างก็มิเว้นที่จะพากันไปสำรวจ จนมาจบลงที่พื้นห้อง ฟางหรงโยกขย่มร่างหนาอย่างร่านรัก แม่ทัพฉีก็อ้าปากดูดดึงยอดอกสีแดงระเรื่อที่ส่ายไปมาเหมือนยั่วยวนเขานั้นอย่างเมามัน เสียงเขาครางกระหึ่มในลำคอหนานั้น เขารู้สึกสุขสมเกินจะบรรยาย ดวงตาคมมองใบหน้ายั่วยวนของนางอย่างหลงไหล มือหนาบีบเค้นไปตามร่างกายอวบอิ่มของนางอย่างมันเขี้ยว เขาบีบสะโพกอวบอัดนั้นจนมันขึ้นสี และกระแทกนางอย่างเมามัน ทั้งสองลืมวันเวลาต่างผลัดกันโยกขย่มกันเช่นนั้นเมื่อเหนื่อยก็ผล็อยหลับไป แล้วตื่นมาโยกขย่มกันในอ่างอาบน้ำใบใหญ่นั้นอีก อย่างเร่าร้อน ทั้งสองจูบกันอย่างดูดดื่ม “ ท่านพี่เจ้าขา ยังคิดว่าข้าด้อยกว่าเฟยฮวาอีกหรือไม่ ถ้าท่านคิดเช่นนั้นข้าจะไปหาบุรุษอื่นเพื่อพิสูจน์ดูว่าข้านั้นเด็ดกว่าหญิงเช่นเฟยฮวา ” นางเอ่ยขึ้นเหลียวมองใบหน้าคร้ามคมที่จ้องนางอยู่นั้น ขณะนั้นร่างหนากำลังขย่มนางอยู่ทางด้านหลัง เขาบีบสะโพกนางอย่างมันมือ “ ไม่แล้ว เมียรัก เจ้าเด็ดดวงที่สุด ข้าทั้งหลงทั้งรักเจ้าแต่เพียงผู้เดียว แต่ห้ามขาดที่เจ้าจะไปพิสูจน์กับบุรษอื่นอีก เพราะเจ้าเป็นเมียของข้าแล้ว ข้าจะรีบตบแต่งเจ้าให้เร็วที่สุด ” ร่างหนาเอ่ยขึ้
หลังยามซื่อ (สิบโมงเช้า ) คนของจวนคหบดีเจีย ก็พาคหบดีเจียมาที่โรงเตี้ยมที่เมื่อวานบุุตรีของเขามาลงรถม้าที่หน้าโรงเตี้ยมตามที่บ่าวที่ขับรถม้าบอกเขาในเช้าวันนี้ เพราะเมื่อวานเขาก็เมามายมากเพราะดื่มมาจากงานเลี้ยงฉลองแต่งงานของท่านอ๋องรุ่ยหยาง เมื่อกลับถึงจวนเขาจึงเข้านอนทันที มิได้ถามไถ่ถามบุตรสาวว่ากลับมาถึงจวนแล้วหรือยัง แต่เมื่อตอนเช้านี้ สาวใช้ของนางเดินเข้ามาบอกเขาว่าคุณหนูมิได้กลับมาที่จวนเลยทั้งคืน เขาจึงได้เรียกคนขับรถม้ามาสอบถาม พบว่าเมื่อวานนางให้ไปส่งที่หน้าโรงเตี้ยมกวงไถ่ แล้วนางก็เดินเข้าไปในโรงเตี้ยมแห่งนั้น สายๆวันนี้เขาจึงได้มาตามหานางด้วยตนเองเพราะเป็นห่วงนางเหลือเกินว่านางไปอยู่เสียที่ไหน เขาพอจะรู้ว่านางหลงรักท่านอ๋องรุ่ยหยาง คิดว่านางคงจะเสียใจยิ่งที่ท่านอ๋องรุ่ยหยางแต่งงานไปแล้วกับหญิงอื่น เขาคิดไปว่านางคงจะไปดื่มเหล้าจนเมามายแล้วกลับจวนมิได้จึงได้นอนค้างที่โรงเตี้ยมแห่งนั้น เพราะเขารู้ว่าโรงเตี้ยมแห่งนั้นมีห้องพักให้เช่าราคาแพงพอสมควรเพราะเป็นโรงเตี้ยมชั้นดี คนที่มาใช้บริการย่อมมีแต่พวกขุนนางและคหบดีหรือเป็นพวกราชวงศ์เท่านั้นที่จะมีเงินพอที่จะจ่ายค่าที่พักและค่าอาห
เมื่อแม่ทัพฉีเจียอีและคุณหนูฟางหรงนั่งลงบนเก้าอี้หน้าโต๊ะตัวกลมใหญ่หน้าห้องนั้น เสี่ยวเอ้อได้นำสุราที่เหลืออยู่ของทั้งสองและกับแกล้มของพวกเขาขึ้นมาวางบนโต๊ะให้ด้วย ทั้งสองยกไหสุราซดกันต่อและตบไหล่ปลอบใจกันไปมาอย่างมิใครร่จะรู้เรื่องนัก จากนั้น เมื่อเมาได้ที่แม่ทัพฉีก็ลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออกแล้วบ่่นออกมาว่าร้อนเหลือเกินฝ่ายเจียฟางหรงเห็นแม่ทัพฉีเจียอีถอดเครื่องแต่งกายออก นางก็ลงมือถอดของตนเองออกบ้างจนกระทั่งทั้งสองท้ากันว่าใครจะถอดอาภรณ์ได้เร็วกว่ากัน จนกระทั่งทั้งสองกายเปลือยเปล่าทั้งคู่ แม่ทัพฉีจ้องมองกายอวบขาวผ่องตรงหน้าเขาตะลึงงัน และมองใบหน้านางซ้อนไปมากับเฟยฮวา เขาหลงลืมตนไปชั่วครู่ จึงได้ดึงใบหน้าของเจียฟางหรงเข้ามาแล้วประกบจูบนางอย่างดูดดื่มทันทีฝ่ายเจียฟางหรงนางมองใบหน้าหล่อเหลานั้นแล้วนึกไปถึงท่านอ๋องรุ่ยหยาง แล้วก็คิดไปว่าบุรุษที่จูบนางอย่างดูดดื่มนี้คือท่านอ๋องรุ่ยหยาง นางจึงยกแขนเรียวนั้นขึ้นโอบรอบคอหนานั้นอย่างเต็มใจ คืนนี้นางจะแสดงฝีมือให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางดูว่านางก็งดงามและเร่าร้อนไม่แพ้กับเฟยฮวาเช่นกัน จากจูบดูดดื่มนั้นกลายเป็นเร่าร้อน แม่ทัพจูบนางจนพอใจ
งานแต่งของท่านอ๋องรุ่ยหยางและเฟยฮวามิได้เอิกเกริกนัก เพราะเฟยฮวามิอยากให้งานใหญ่นัก เพียงจัดให้ถูกต้องตามประเพณีก็เพียงพอแล้ว ทางวังหลวงส่งคนมาจัดการเรื่องงานให้ทั้งหมด คนจากในวังมาจัดการงานต่างๆตั้งแต่เริ่มจนกระทั่งเสร็จสิ้น ราชวงศ์และขุนนางน้อยใหญ่ รวมถึงคหบดีทั้งหลายก็มาร่วมงานนี้ ต่างพากันนำของขวัญมาอวยพรท่านอ๋องและพระชายากันอย่างคับคั่งแม้มิได้เชิญแขกเหรื่อมากมาย แต่จำนวนแขกก็ยังมากมายอยู่ดีในงานมีอาหารและสุราชั้นดีเลี้ยงอย่างไม่อั้น มีคนนำหมูหัน และเป็ดย่างจำนวนมากมายมาให้เพื่อเลี้ยงแขกในงาน รสชาติของมันดังเช่นอาหารเหลาชั้นดี ในงานนั้นมีแต่เสียงอวยพรกันไม่ขาดสาย แขกเหรื่อต่างยกจอกขึ้นดื่มอวยพรท่านอ๋องรุ่ยหยางจนเขาต้องยกจอกขึ้นรับการดื่มอวยพรนั้นจนกระทั่งเมามายไม่น้อย ในโต๊ะกลมตัวใหญ่ที่เป็นโต๊ะของคหบดีเจีย มีร่างของเจียฟางหรงนางนั่งดื่มสุราแล้วแอบเช็ดน้ำตาป้อยๆ นางไม่คิดเลยว่าท่านอ๋องจะแต่งงานอย่างรวดเร็วเช่นนี้ มิทันรู้ตัวท่านอ๋องก็จััดงานแต่งงานและมีพระชายาเรียบร้อยแล้ว นางคาดหวังไว้มากว่านางคงจะมีโอกาสได้เป็นพระชายาของท่านอ๋องในสักวันหนึ่ง เมื่อก่อนนางก็เคยรู้้มาว่าเฟยฮวาบ
องค์ชายทั้งสองเห็นด้วยกับจึงแม่นมฟางเอ่ยขึ้นว่า “ เรื่องเพียงเท่านั้นมิต้องกังวล ข้ากับเจ้าห้าจะซื้อจวนเล็กๆให้นางอยู่เป็นส่วนตัวและจะให้ทรัพย์สินกับนางพอประมาณให้นางไว้เลี้ยงตนในอนาคต และให้นางอยู่ในฐานะหญิงอุ่นเตียงของพวกข้า ไม่ต้องห่วงเรื่องความเป็นห่วงของนางในตอนนี้และอนาคต หากมีสิ่งใดเปลี่ยนแปลงไป พวกข้าจะจัดการมอบทรัพย์สินไว้ให้นางเอาไว้เลี้ยงตนมิให้ต้องลำบาก เพราะได้ชื่อว่าเคยเป็นเมียของพวกข้ามาก่อน ย่อมมิต้องลำบากอย่างแน่นอน ” องค์ชายสามเอ่ยขึ้นและองค์ชายห้าพยักหน้าสนับสนุนความคิดเห็นของเขา เมื่อตกลงกันได้แล้ว แม่นมฟางโบกมือให้ทุกๆคนออกไปจากห้องนั้น แล้วนางก็ตามออกไปแล้วหันมาปิดประตูตามหลังไว้เพราะเกรงว่าสาวใช้คนอื่นๆ ที่ผ่านไปมาจะมองเข้าไปเห็นคนด้านใน แม่นมฟางเดินกลับเรือนตนเองไป ในใจก็ครุ่นคิดเรื่องที่เกิดขึ้นกับหลานสาว แล้วนางก็ถอนหายใจออกมาดังๆ เฮ้อ !! ช่างมันเถอะ ในเมื่อข้าวสารกลายไปเป็นข้าวสุกเสียแล้ว อย่างน้อยถ้าจะยัดเยียดหลานสาวของตนให้ท่านอ๋องรุ่ยหยางก็คงยากที่จะสำเร็จ เพราะท่านอ๋องมิเคยมองหลานสาวของนางเลยด้วยซ้ำแถมเมื่อคืนหญิงผู้นั้นไม่อยู่แค่เพียงคืนเดียวก็วิ่งโร
หัวเตียงกระแทกผนังดังสนั่นจนทำให้หัวขององค์ชายสามกระทบกับเตียงนั้นจนเขาตกใจตื่นขึ้นมา เขาหันไปมองตามเสียงที่ได้ยิน ก็เห็นองค์ชายห้าโยกขย่มหญิงร่างอวบขาวผ่องมองเห็นได้ในแสงจันทร์ที่ส่องเข้ามานั้น มันเย้ายวนอารมณ์ที่มึนเมาของเขาอย่างยิ่ง เขาจึงผุดลุกขึ้นถอดเครื่องแต่งกายของตนเองออก แล้วเข้าร่วมบรรเลงเพลงรักกับทั้งสองในทันที เขาอ้าปากดูดดึงยอดอกอวบใหญ่ที่สั่นไหวอย่างเห็นได้ชัดนั้น เขาดูดมันอย่างรุนแรงเร่าร้อน ดูดจนอี้หลานครางเสียงดังลั่น นางหวีดร้องอย่างสุขสมยิ่งนัก มือบางเสยเข้าในผมหนาของคนบนอกอวบของนาง ส่วนสะโพกอวบก็ร่อนเข้าหาคนที่ขย่มนางอย่างรุนแรงนั้น องค์ชายสามเมื่อเห็นพี่ชายเข้าร่วมบรรเลงเพลงรักก็ฮึกเหมขึ้นมายิ่งขย่มร่างอวบอย่างรุนแรง กระแทกนางอย่างเร่าร้อนจนกระทั่งทั้งสองกระตุกเกร็งเสร็จสมไปทันที จากนั้นเขาก็ยกร่างอวบของนางคว่ำลงแล้วเขาสอดตัวเข้าไปด้านล่าง จากนั้นพยักหน้าให้พี่ชายไปอยู่ด้านท้าย ขณะนั้นองค์ชายสามก็พรักพร้อมเต็มที่แล้ว เมื่อเห็นบทรักของน้องชายกับหญิงอวบขาวผู้นี้ เขาสอดลำกายแกร่งเข้าไปในร่องจีบด้านหลังของนางที่มันคับแน่นยิ่งนักเขาค่อยๆดันมันเข้าไป อี้หลันที่อยู่ที่
แม่นมฟางเดินตามฟางอี้เหนียงเข้ามาก็เห็นบรรยากาศตรงหน้าด้วยเหมือนกัน “ วันนี้ท่านอ๋องอารมณ์ดียิ่งนัก แม่นมไม่เคยเห็นมานานแล้ว มีเรื่องดีๆอะไรเช่นนั้นหรือเพคะ ” จากนั้นแม่นมฟางก็เดินเข้าไปในห้องอาหารนั้น อ๋องหนุ่มหันมามองแม่นมของตนแล้วยิ้มให้นางน้อยๆ “แม่นมมาพอดี ท่านกินข้าวแล้วหรือยัง เปิ่นหวางเพิ่งตื่นก็เลยเพิ่งจะได้กินข้าวกัน แม่นมจะมานั่งกินด้วยกันอีกไหม วันนี้อาหารอร่อยมากจริงไหมจ๊ะ ฮวาเอ๋อ ”ท่านอ๋องหนุ่มหันไปถามเมียรัก ฮวาเอ๋อยิ้มน้อยแล้วตอบว่า “เพคะ วันนี้อาหารอร่อยมาก ” ทั้งสองมองกันหวานฉ่ำแล้วก็กินอาหารกันต่อเหมือนโลกนี้มีพวกเขาเพียงแค่สองคน “ ท่านอ๋องเพคะ คุณหนูเฟยฮวามาอยู่ที่นี่ในฐานะหญิงอุ่่นเตียงแต่ทำไมท่านอ๋องให้นางเข้ามาอยู่ในตำหนักใหญ่นี้เล่าเพคะ มิใช่จะมีแต่พระชายาเช่นนั้นหรือที่จะเข้ามาอยู่ร่วมกับท่านอ๋องได้ มันเป็นกฏเกณฑ์มานานแล้วมิใช่หรือเพคะ "แม่นมฟางเอ่ยขึ้น ท่านอ๋องรุ่ยหยางหันไปมองแม่นมของตนแล้วเอ่ยขึ้น “ ฮวาเอ๋อเป็นเมียของเปิ่นหวางนานแล้ว ที่จริงแล้วเปิ่นหวางจะตบแต่งนางเข้ามาเป็นพระชายาแต่นางยังไม่อยากแต่ง แต่ความจริงแล้วเราอยู่กินด้วยกันมาก่อนแล้ว เพียงแต่ยัง
ท่านอ๋องหนุ่มและเฟยฮวาต่างโรมรันกันอย่างไม่มีใครยอมใครจนกระทั่งรุ่งสางของอีกวันเสียงร้องครวญครางของทั้งสองจึงเงียบสงบไป จากนั้นทั้งสองก็หมดแรง ล้มตัวลงนอนกอดกันหลับไหลไปทันทีฝ่ายแม่นมฟางกับอี้เหนียงนั่งปรึกษากันอยู่ที่ในเรือนของแม่นมฟาง อี้เหนียงเดินไปมา นางเริ่มร้อนรนที่เห็นท่านอ๋องเอาใจใส่เฟยฮวามากอย่างที่นางและแม่นมก็คาดไม่่ถึง ทั้งสองกำลังครุ่นคิดว่าจะทำเช่นไรดีอยู่นั้น แม่นมฟางก็คิดแผนการณ์ออกแล้วเอ่ยขึ้นว่า“ ในเมื่อบุตรีเสนาบดีผู้นั้น ยอมใช้ตัวเข้าแลกจนท่านอ๋องหลงไหลนางอย่างยิ่ง ทำไมเจ้าไม่เอาตัวเข้าแลกดูบ้างเล่า ที่ข้าเอ่ยเช่นนี้เพราะมันดูแล้วมิมีทางอื่น ข้าพยายามเอ่ยเรื่องเจ้ากับท่านอ๋องมานานหลายปีแล้ว ช่วยชมเชยเจ้าหรือหว่านล้อมท่านอ๋องให้หันมามองเจ้าก็แล้ว ตัวเจ้าเองก็งดงามมิใช่น้อย ถึงแม้จะสู้หญิงผู้นั้นมิได้แต่ก็มิได้ขี้ริ้วจนชายใดจะไม่มองเลย ถ้าเช่นนั้นเราคงต้องหาโอกาสลงมือเรื่องนี้เสียแล้ว เจ้าจะได้สมหวัง อย่างน้อยได้เป็นอนุก็ยังดีความหวังเรื่องพระชายานั้น ข้าบอกตามตรงข้าเองก็อยากให้เจ้าได้เป็นนะ แต่ว่ามันเป็นไปได้ยากยิ่งเพราะเจ้าชาติตระกูลสู้หญิงอื่นที่มาหมายปองท่านอ