รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า
“น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า
“ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้
“เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน
“จะออกไปดี ๆ หรือ…”
“ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน
“น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม
“นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัวเราะพร้อม ๆ กับพนักงานดูแลความปลอดภัยโค้งขอโทษขอโพยเดือนสิบ ซึ่งหญิงสาวไม่ถือสาและไม่ใส่ใจ แขนล่ำคว้าคอเดือนสิบแล้วลากเจ้าตัวเข้าไปด้านใน เสียงอึกทึกครึกโครมดังจนต้องตะโกนคุยกัน เดือนสิบพยายามเบี่ยงตัวหนีปวิน เริ่มรำคาญเพราะชายหนุ่มเกาะไหล่ไม่เลิก มองไปด้านหน้าก็เห็นธนินยืนสูบบุหรี่และเต้นอยู่ที่โต๊ะ
“วันนี้ลงบิลกู” ปวินบอก เนื่องจากนานมากแล้วที่เดือนสิบไม่ได้มาที่ร้านของเขา ชายหนุ่มเป็นรุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ทว่าเรียนไม่จบ อาศัยฐานะทางบ้านจึงเปิดสถานบันเทิงแห่งนี้มาได้สามปีแล้ว รู้จักเดือนสิบตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะเคยอยู่ชมรมบาสเกตบอลด้วยกันมาก่อน ปวินนั้นอยากสนิทกับเดือนสิบ แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใคร่ในผู้ชายจึงถอยห่างและวางตัวเป็นรุ่นพี่ที่จำเป็นต้องดีมาตลอด
“ข้างบนมีห้องวีไอพีนะ มึงจะสอยใครก็บอกกู” ปวินตะโกนบอกหัวเราะเสียงดังแต่ถูกเสียงเพลงกลบเสียมิด เดือนสิบส่ายหน้าระอาพลางถอนหายใจ หญิงสาวแค่มาตามคำชวนของธนินเท่านั้น ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครหน้าไหนในคืนนี้ เดินไปหาธนินที่ดูเหมือนจะสนุกจนลืมเพื่อนฝูง
ทักทายกันแล้วเดือนสิบก็นั่งจิบเครื่องดื่มที่เพื่อนยื่นมาให้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างเคย โดยที่มุมหนึ่งของผับมีกลุ่มของดลญานั่งอยู่ เดือนสิบเป็นจุดสนใจตั้งแต่ก้าวเข้ามาในผับ ด้วยร่างที่สูงและไหล่ที่กว้างกว่าผู้หญิงทั่วไป ท่าทางที่ดูไม่ยินดียินร้ายเรียกความสนใจจากดลญาเป็นอย่างดี หล่อนจับปลายผมสางเล่นขณะมองหญิงสาว คาดหวังให้อีกฝ่ายหันมามอง ทว่าเดือนสิบกลับเอาแต่นั่งเฉยไม่สนผู้ใด
“เฮ้ย ไอ้เท็น น้องจิ๊บกับน้องเดียร์มองมึงตาเป็นมันเลยว่ะ” ธนินโน้มตัวเข้ามาพูดข้างหู เดือนสิบชักสีหน้าเอียงใบหน้าออกเพราะเหม็นเหล้าหึ่ง ทว่ากลับปรายตาไปยังที่ทั้งสองสาวนั่งอยู่ ซึ่งอยู่คนละมุมเสมือนคู่ชกฝั่งน้ำเงินและแดง เพียงแต่ไม่ได้ใช้หมัดในการต่อสู้ แต่ใช้สายตาในการห้ำหั่นกัน
“มึงเลือกใครวะ คนหนึ่งก็วัวเคยค้าม้าเคยขี่ ส่วนอีกคนก็ของใหม่ แต่ถ้าถามกูนะ กูเลือกน้องเดียร์ว่ะ เห็นว่าหยิ่งฉิบหาย แต่มองมึงตาไม่วางแบบนี้แม่งน่าจะจัดให้สักดอก” เดือนสิบถอนหายใจกระแทกไหล่ใส่ไอ้คนปากปีจอ ไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนพูด
“อีกครึ่งชั่วโมงกูกลับ”
“เฮ้ย!” พอธนินร้องขึ้นเขาก็พูดไม่หยุดจนเดือนสิบได้แต่ส่ายหน้า พยายามไม่สนใจทั้งเพื่อนสนิทและสายตาของใครหลายคนที่กำลังมองมาที่ตนเองเป็นจุดเดียว เดือนสิบแทบไม่สังสรรค์กับใครเลย การได้เห็นหญิงสาวในค่ำคืนนี้เป็นสิ่งที่ถือว่ามหัศจรรย์สำหรับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก
ทางด้านกลุ่มของดลญา นั่งนับเวลารอคอยให้เดือนสิบหันมาทางพวกหล่อนสักที แต่จนแล้วจนรอดเดือนสิบก็ไม่แม้แต่จะชายตาแล จนดลญานึกโมโห หล่อนอุตส่าห์แต่งองค์ทรงเครื่องมาเป็นพิเศษเพื่อหวังให้รุ่นพี่สาวสนใจ
“พี่เท็นแม่งไม่สนใจใครจริง ๆ ด้วย แกดูดิ ยัยจิ๊บจ้องตาเป็นมันเลย” อีกฟากมีกลุ่มของเบญจานั่งอยู่ ซึ่งรายนั้นก็เอาแต่จ้องมองเดือนสิบตาไม่กะพริบ ก่อนที่หล่อนจะลุกเดินอาด ๆ เข้าไปหารุ่นพี่สาว
“ยัยจิ๊บเดินเข้าไปทำคะแนนแล้วว่ะ หรือคืนนี้ถ่านไฟเก่าจะคุ” จิราวรรณยิ้มเยาะ เหล่มองเพื่อนที่ยังนั่งกอดอกเชิดคออยู่ แต่ดูเหมือนเบญจาจะทำได้แค่ทักทายเดือนสิบเท่านั้น เพราะหล่อนเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังโต๊ะของตนเองแล้ว ดลญาหรี่ตาลงจัดการชุดเกาะอกให้เลื่อนต่ำหวังเผยเนินเนื้อที่มารดาให้มาอย่างตั้งใจ
“พวกแกคอยดูฉันแล้วกัน” ดลญามั่นใจว่าคืนนี้คนที่ทำให้เดือนสิบสนใจต้องเป็นหล่อนเพียงผู้เดียว หญิงสาวลุกจากที่นั่งสาวเท้าไปยังเป้าหมาย แม้คนในผับจะมากมายทว่าเมื่อร่างเพรียวที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่โต ทั้งสะโพกผายโยกย้ายซ้ายขวานั้นสามารถดึงสายตาจากทุกคู่ให้มองมาที่หล่อนได้ไม่ยาก คงเว้นไว้เพียงคนเดียว นั่นคือคนที่เอาแต่นั่งหน้านิ่ง กอดอกทำหน้าเบื่อโลก
“สวัสดีค่ะ” ดลญาเปล่งเสียงที่ดังกว่าปกติ ครั้งแรกไม่มีการตอบรับจากคนตรงหน้า ธนินที่นั่งอยู่ข้างเดือนสิบทำเพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้ พอหันไปมองกลุ่มเพื่อนก็พบกับสายตาที่แสดงถึงการดูถูกและเหยียดหยามมาให้ คล้ายกับคาดเดาไว้แล้วว่าหล่อนจะต้องลงเอยไม่ต่างจากเบญจา ซึ่งดลญาไม่มีทางให้มันเป็นเช่นนั้นแน่
“พี่เท็น!” ปลายนิ้วเรียวสะกิดไหล่กว้างพร้อมเปล่งเสียงดังขึ้นกว่าเดิม เดือนสิบรู้สึกตัวแล้วเงยหน้ามอง ดลญาปั้นยิ้ม ทว่ามันต้องหุบลงในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เพราะอีกฝ่ายก้มหน้าลงสนใจมือถือมากกว่าหล่อน คนที่ไม่เคยถูกใครปฏิเสธและเป็นที่หนึ่งมาตลอดชักสีหน้า หล่อนถือวิสาสะนั่งลงข้างกายรุ่นพี่สาวโดยไม่สนใจสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังเลิกคิ้วมอง และมันคงมากเกินไปจนทำให้เดือนสิบถึงกับแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อแขนถูกฉกชิงเข้าไปกอดโดยไม่ได้รับอนุญาต
“ทำอะไรของเธอ” เสียงเข้มกดต่ำ หรี่ตามองผู้หญิงตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง ทว่าดลญากลับฉีกยิ้มหวาน ส่งสายตาทอประกาย หล่อนไม่มีทางยอมเสียหน้าเพื่อนในกลุ่มและตกเป็นรองเบญจาเด็ดขาด “พี่เท็นเลี้ยงค็อกเทลเดียร์สักแก้วสิคะ” “เป็นขอทานเหรอ?” เดือนสิบตอบเสียงเรียบ พยายามแกะมือปลาหมึกของหล่อนออก “ว่าอะไรนะคะ?” เมื่อครู่หล่อนฟังไม่ผิดแน่ หล่อนถูกรุ่นพี่สาวด่า!“นอกจากเป็นขอทานแล้วยังหูไม่ดีอีกนะ เหอะ!” “เอ๊ะ!” คราวนี้คุณหนูคนสวยไม่อาจทนยิ้มหวานได้อีกแล้ว หล่อนเป็นผู้ปล่อยแขนเอง ตากลมโตจ้องเขม็งแสดงถึงความโกรธเกรี้ยวอย่างที่สุด แต่เดือนสิบผู้ที่ไม่สนใจโลกทำเพียงไหวไหล่ไม่ยี่หระต่อสิ่งที่พูดธนินที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ยกมุมปาก มองทั้งสองยิ้ม ๆ เพราะไม่คาดคิดว่าดาวคณะนิเทศศาสตร์จะเป็นฝ่ายเข้าหาเพื่อนสนิทของตนก่อน ทั้งยังโดนตอกหน้าแทบหงายอีก น่าเสียดายที่ยามนี้ไฟทั้งผับถูกดับให้มืดลงกว่าเดิม คนอื่นจึงไม่มีทางรู้เลยว่าเพื่อนสนิทของเขาและแม่สาวทรงโตกำลังทำอะไรกันอยู่ แม้ภาพจะดูเกาะก่ายกัน ทว่าความจริงไม่ใช่อย่างนั้นสักนิด ชายหนุ่มยักไหล่คว้าแก้วเครื่องดื่มของตนแล้วปลีกไปอีกทาง ไม่ใช่
บทที่ 3 ฉันรู้ทันคงเพราะคนร่างสูงที่เอาแต่ยืนกอดอกถอนหายใจกระมังจึงทำให้ดลญารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางทั้ง ๆ ที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เพราะถูกคนเมาเข้าใกล้หวังทำมิดีมิร้ายขณะเดินมาเข้าห้องน้ำ“ยืนไหวไหม?” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น ไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงใยหรือหงุดหงิด “วะ…ไหวค่ะ” เดือนสิบปล่อยให้ดลญายืนด้วยตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ทำท่าจะล้มหงายหลัง ผลสุดท้ายคนที่บอกตนเองว่าไม่อยากสนใจก็ต้องคอยดูแลหล่อน “ไปโรงพยาบาลไหม?” ดูเหมือนข้อเท้าอีกฝ่ายจะแพลง “พี่เท็นจะไปส่งเหรอคะ?” ยื่นคำถามหยั่งเชิง เห็นแววตาลังเลของเดือนสิบจึงลอบยิ้ม “หรือจะเรียกแท็กซี่ให้เดียร์ก็ได้ค่ะ แต่ว่า…” ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลง คิ้วเรียวขมวด ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูคล้ายหล่อนมีความกังวลระคนกลัว “เพิ่งมีข่าวแท็กซี่ข่มขืนและฆ่านักศึกษาไปเมื่อวันก่อน” ข่าวนั้นเดือนสิบเองก็ได้ยิน เนื่องจากเป็นข่าวดังที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ และมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สาววิศวะฯ นิ่งไปชั่วขณะ ชำเลืองมองคนที่ยังนั่งคลึงขาตนเอง ลอบถอนหายใจก่อนเอ่ย“เดี๋ยวพาไป ลุก
หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!” JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัวDEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้ DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?ALL : DEAL! ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เด
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน
“เออน่า…มึงก็น่าจะให้โอกาสน้องเขาหน่อย ตอนน้องจิ๊บกูก็นึกว่าจะคบกันยาว ๆ ที่ไหนได้ ตดยังไม่ทันจะหายเหม็นก็เลิกกันซะละ มึงเลิกปิดตัวปิดใจได้แล้ว หรือว่ามึงยังคิดถึงเรื่องพี่กัญอยู่วะ?” ชื่อนั้นเดือนสิบไม่ได้ยินมานานหลายปี พอได้ยินอีกครั้งข้างในอกเริ่มบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปจนธนินที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดไม่คิดก็ได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เขาน่าจะรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนั้นสร้างบาดแผลร้ายแรงไว้ในใจเพื่อนสนิทแค่ไหน“กู…ขอโทษว่ะ” คนที่มีอดีตทำเพียงไหวไหล่ หยิบบุหรี่แล้วคล้องไหล่ธนินเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่ควันเทา ๆ กับใจหม่น ๆ คงเข้ากันดีหากมีฝนตกลงมา ทว่ายามนี้แดดเปรี้ยงจนต้องหยีตามองฟ้า เดือนสิบทอดถอนใจ พ่นควันออกปากเฉกเช่นเดียวกับธนิน“ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ต่างจากคนอื่น” ถึงหัวใจไม่ได้มีกำแพงหนาหลายชั้นจนยากจะเข้าไป ทว่ามันก็ไม่ได้เปิดรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เนื่องจากความชอกช้
บทที่ 5 แรงกระเพื่อมที่แผ่วเบาและคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
บทที่ 1 ดลญาเดือนสิบภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม “สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้“ลองไหม?”“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย ‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร” “ค่ะ” ใบหน้าของหญิงส