Share

บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ 50%

บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ

             รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า

             “น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า 

             “ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้

             “เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน

             “จะออกไปดี ๆ หรือ…”

             “ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน

             “น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม

             “นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัวเราะพร้อม ๆ กับพนักงานดูแลความปลอดภัยโค้งขอโทษขอโพยเดือนสิบ ซึ่งหญิงสาวไม่ถือสาและไม่ใส่ใจ แขนล่ำคว้าคอเดือนสิบแล้วลากเจ้าตัวเข้าไปด้านใน เสียงอึกทึกครึกโครมดังจนต้องตะโกนคุยกัน เดือนสิบพยายามเบี่ยงตัวหนีปวิน เริ่มรำคาญเพราะชายหนุ่มเกาะไหล่ไม่เลิก มองไปด้านหน้าก็เห็นธนินยืนสูบบุหรี่และเต้นอยู่ที่โต๊ะ 

             “วันนี้ลงบิลกู” ปวินบอก เนื่องจากนานมากแล้วที่เดือนสิบไม่ได้มาที่ร้านของเขา ชายหนุ่มเป็นรุ่นพี่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ทว่าเรียนไม่จบ อาศัยฐานะทางบ้านจึงเปิดสถานบันเทิงแห่งนี้มาได้สามปีแล้ว รู้จักเดือนสิบตั้งแต่ปีหนึ่งเพราะเคยอยู่ชมรมบาสเกตบอลด้วยกันมาก่อน ปวินนั้นอยากสนิทกับเดือนสิบ แต่พอรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ใคร่ในผู้ชายจึงถอยห่างและวางตัวเป็นรุ่นพี่ที่จำเป็นต้องดีมาตลอด

             “ข้างบนมีห้องวีไอพีนะ มึงจะสอยใครก็บอกกู” ปวินตะโกนบอกหัวเราะเสียงดังแต่ถูกเสียงเพลงกลบเสียมิด เดือนสิบส่ายหน้าระอาพลางถอนหายใจ หญิงสาวแค่มาตามคำชวนของธนินเท่านั้น ไม่คิดจะสานสัมพันธ์กับใครหน้าไหนในคืนนี้ เดินไปหาธนินที่ดูเหมือนจะสนุกจนลืมเพื่อนฝูง 

             ทักทายกันแล้วเดือนสิบก็นั่งจิบเครื่องดื่มที่เพื่อนยื่นมาให้ด้วยใบหน้าเรียบเฉยอย่างเคย โดยที่มุมหนึ่งของผับมีกลุ่มของดลญานั่งอยู่ เดือนสิบเป็นจุดสนใจตั้งแต่ก้าวเข้ามาในผับ ด้วยร่างที่สูงและไหล่ที่กว้างกว่าผู้หญิงทั่วไป ท่าทางที่ดูไม่ยินดียินร้ายเรียกความสนใจจากดลญาเป็นอย่างดี หล่อนจับปลายผมสางเล่นขณะมองหญิงสาว คาดหวังให้อีกฝ่ายหันมามอง ทว่าเดือนสิบกลับเอาแต่นั่งเฉยไม่สนผู้ใด

             “เฮ้ย ไอ้เท็น น้องจิ๊บกับน้องเดียร์มองมึงตาเป็นมันเลยว่ะ” ธนินโน้มตัวเข้ามาพูดข้างหู เดือนสิบชักสีหน้าเอียงใบหน้าออกเพราะเหม็นเหล้าหึ่ง ทว่ากลับปรายตาไปยังที่ทั้งสองสาวนั่งอยู่ ซึ่งอยู่คนละมุมเสมือนคู่ชกฝั่งน้ำเงินและแดง เพียงแต่ไม่ได้ใช้หมัดในการต่อสู้ แต่ใช้สายตาในการห้ำหั่นกัน 

             “มึงเลือกใครวะ คนหนึ่งก็วัวเคยค้าม้าเคยขี่ ส่วนอีกคนก็ของใหม่ แต่ถ้าถามกูนะ กูเลือกน้องเดียร์ว่ะ เห็นว่าหยิ่งฉิบหาย แต่มองมึงตาไม่วางแบบนี้แม่งน่าจะจัดให้สักดอก” เดือนสิบถอนหายใจกระแทกไหล่ใส่ไอ้คนปากปีจอ ไม่สนใจสิ่งที่เพื่อนพูด

             “อีกครึ่งชั่วโมงกูกลับ”

             “เฮ้ย!” พอธนินร้องขึ้นเขาก็พูดไม่หยุดจนเดือนสิบได้แต่ส่ายหน้า พยายามไม่สนใจทั้งเพื่อนสนิทและสายตาของใครหลายคนที่กำลังมองมาที่ตนเองเป็นจุดเดียว เดือนสิบแทบไม่สังสรรค์กับใครเลย การได้เห็นหญิงสาวในค่ำคืนนี้เป็นสิ่งที่ถือว่ามหัศจรรย์สำหรับผู้พบเห็นเป็นอย่างมาก 

             ทางด้านกลุ่มของดลญา นั่งนับเวลารอคอยให้เดือนสิบหันมาทางพวกหล่อนสักที แต่จนแล้วจนรอดเดือนสิบก็ไม่แม้แต่จะชายตาแล จนดลญานึกโมโห หล่อนอุตส่าห์แต่งองค์ทรงเครื่องมาเป็นพิเศษเพื่อหวังให้รุ่นพี่สาวสนใจ 

             “พี่เท็นแม่งไม่สนใจใครจริง ๆ ด้วย แกดูดิ ยัยจิ๊บจ้องตาเป็นมันเลย” อีกฟากมีกลุ่มของเบญจานั่งอยู่ ซึ่งรายนั้นก็เอาแต่จ้องมองเดือนสิบตาไม่กะพริบ ก่อนที่หล่อนจะลุกเดินอาด ๆ เข้าไปหารุ่นพี่สาว

             “ยัยจิ๊บเดินเข้าไปทำคะแนนแล้วว่ะ หรือคืนนี้ถ่านไฟเก่าจะคุ” จิราวรรณยิ้มเยาะ เหล่มองเพื่อนที่ยังนั่งกอดอกเชิดคออยู่ แต่ดูเหมือนเบญจาจะทำได้แค่ทักทายเดือนสิบเท่านั้น เพราะหล่อนเดินกระฟัดกระเฟียดกลับไปยังโต๊ะของตนเองแล้ว ดลญาหรี่ตาลงจัดการชุดเกาะอกให้เลื่อนต่ำหวังเผยเนินเนื้อที่มารดาให้มาอย่างตั้งใจ 

             “พวกแกคอยดูฉันแล้วกัน” ดลญามั่นใจว่าคืนนี้คนที่ทำให้เดือนสิบสนใจต้องเป็นหล่อนเพียงผู้เดียว หญิงสาวลุกจากที่นั่งสาวเท้าไปยังเป้าหมาย แม้คนในผับจะมากมายทว่าเมื่อร่างเพรียวที่มีหน้าอกหน้าใจใหญ่โต ทั้งสะโพกผายโยกย้ายซ้ายขวานั้นสามารถดึงสายตาจากทุกคู่ให้มองมาที่หล่อนได้ไม่ยาก คงเว้นไว้เพียงคนเดียว นั่นคือคนที่เอาแต่นั่งหน้านิ่ง กอดอกทำหน้าเบื่อโลก

             “สวัสดีค่ะ” ดลญาเปล่งเสียงที่ดังกว่าปกติ ครั้งแรกไม่มีการตอบรับจากคนตรงหน้า ธนินที่นั่งอยู่ข้างเดือนสิบทำเพียงส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้ พอหันไปมองกลุ่มเพื่อนก็พบกับสายตาที่แสดงถึงการดูถูกและเหยียดหยามมาให้ คล้ายกับคาดเดาไว้แล้วว่าหล่อนจะต้องลงเอยไม่ต่างจากเบญจา ซึ่งดลญาไม่มีทางให้มันเป็นเช่นนั้นแน่

             “พี่เท็น!” ปลายนิ้วเรียวสะกิดไหล่กว้างพร้อมเปล่งเสียงดังขึ้นกว่าเดิม เดือนสิบรู้สึกตัวแล้วเงยหน้ามอง ดลญาปั้นยิ้ม ทว่ามันต้องหุบลงในเวลาเพียงเสี้ยววินาที เพราะอีกฝ่ายก้มหน้าลงสนใจมือถือมากกว่าหล่อน คนที่ไม่เคยถูกใครปฏิเสธและเป็นที่หนึ่งมาตลอดชักสีหน้า หล่อนถือวิสาสะนั่งลงข้างกายรุ่นพี่สาวโดยไม่สนใจสายตาของอีกฝ่ายที่กำลังเลิกคิ้วมอง และมันคงมากเกินไปจนทำให้เดือนสิบถึงกับแสดงอาการไม่พอใจ เมื่อแขนถูกฉกชิงเข้าไปกอดโดยไม่ได้รับอนุญาต 

            

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status