คงเพราะคนร่างสูงที่เอาแต่ยืนกอดอกถอนหายใจกระมังจึงทำให้ดลญารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางทั้ง ๆ ที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เพราะถูกคนเมาเข้าใกล้หวังทำมิดีมิร้ายขณะเดินมาเข้าห้องน้ำ
“ยืนไหวไหม?” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น ไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงใยหรือหงุดหงิด
“วะ…ไหวค่ะ” เดือนสิบปล่อยให้ดลญายืนด้วยตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ทำท่าจะล้มหงายหลัง ผลสุดท้ายคนที่บอกตนเองว่าไม่อยากสนใจก็ต้องคอยดูแลหล่อน
“ไปโรงพยาบาลไหม?” ดูเหมือนข้อเท้าอีกฝ่ายจะแพลง
“พี่เท็นจะไปส่งเหรอคะ?” ยื่นคำถามหยั่งเชิง เห็นแววตาลังเลของเดือนสิบจึงลอบยิ้ม
“หรือจะเรียกแท็กซี่ให้เดียร์ก็ได้ค่ะ แต่ว่า…” ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลง คิ้วเรียวขมวด ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูคล้ายหล่อนมีความกังวลระคนกลัว
“เพิ่งมีข่าวแท็กซี่ข่มขืนและฆ่านักศึกษาไปเมื่อวันก่อน” ข่าวนั้นเดือนสิบเองก็ได้ยิน เนื่องจากเป็นข่าวดังที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ และมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สาววิศวะฯ นิ่งไปชั่วขณะ ชำเลืองมองคนที่ยังนั่งคลึงขาตนเอง ลอบถอนหายใจก่อนเอ่ย
“เดี๋ยวพาไป ลุกให้ได้ก็แล้วกัน” ได้ยินดังนั้นดลญายิ้มกว้าง ส่งสายตาทอประกาย ทว่าเดือนสิบกลับทำหน้านิ่งใส่คนที่พยายามลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง ร่างสูงคอยประคองหล่อนไปจนถึงรถของตนเอง สภาพกระบะกลางเก่ากลางใหม่ทำให้ดลญาลังเลใจไม่น้อยที่ต้องขึ้นไปนั่ง ลงท้ายก็ยอมเขย่งขาหย่อนก้นลงเบาะ โชคดีที่ภายในรถสะอาดสะอ้านและมีกลิ่นหอม
“เซิร์ชดูแล้ว แถวนี้มีแต่คลินิกที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่” คนขับเริ่มพูดขณะออกรถ
“คลินิกก็ได้ค่ะ ไปโรงพยาบาลอาจยุ่งยากเกินไป”
“อืม”
ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็ถึงที่หมาย เดือนสิบนั่งรออยู่บริเวณเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่พยายามซักประวัติเบื้องต้นของคนเจ็บ แต่สาววิศวะฯ ไม่รู้อะไรสักอย่าง ได้แต่บอกให้ถามเจ้าตัวเอง เธอแค่เป็นคนพามาหาหมอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ดลญาได้รับยามาหลายซอง หล่อนจ่ายเงินและขอบคุณเจ้าหน้าที่ก่อนเดินกระย่องกระแย่งมาที่รถกระบะโดยมีเดือนสิบเหล่มองนิ่งโดยไม่ได้เข้าไปประคองอย่างคราแรก ทว่ายังพอมีน้ำใจเปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่ง
“บ้านอยู่ที่ไหน?” และยังมีน้ำใจต่อด้วยการอาสาไปส่งที่บ้านแบบจำยอม ดูจากสภาพตอนนี้ขืนปล่อยให้นั่งแท็กซี่ลำพังคงดูแลตัวเองไม่ได้ และหากเกิดเจอคนขับใจโฉด เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา เดือนสิบคงรู้สึกผิดจนวันตาย ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการไปส่งหล่อนถึงหน้าบ้าน
เดือนสิบกดจีพีเอสไปยังสถานที่อันเป็นที่ตั้งของบ้านดลญา หมู่บ้านใจกลางเมืองแหล่งที่ดินที่แพงที่สุดในกรุงเทพฯ อันที่จริงคอนโดมิเนียมของเดือนสิบก็อยู่ละแวกนั้นเช่นกัน น่าจะห่างกันด้วยระยะเดินทางไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ
“ขอบคุณนะคะพี่เท็น” คนถูกไหว้ปั้นหน้ายาก รีบยกมือขึ้นห้ามหล่อน เดือนสิบพยักหน้าพลางมองไปทางประตูรั้วสีขาวด้านในมีสวนขนาดใหญ่และทางทอดยาวไปถึงอาคารขนาดใหญ่ห้าชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่
“เอ๊ะ!” เสียงของคนข้าง ๆ ทำให้ต้องละสายตากลับมามองหล่อน
“มีอะไร?”
“มือถือเดียร์หายไปค่ะ สงสัยจะร่วงตอนที่ล้ม” ใบหน้าหวานม่อยลง ถอนหายใจหนัก ๆ แสดงถึงความไม่สบายใจและอาจจะก่นด่าตนเองในใจที่ไม่ตรวจทานให้ดีเสียก่อน แต่เดือนสิบนั้นเข้าใจดี จากสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนั้นเป็นใครก็ต้องเอาตัวรอดก่อนสนใจสิ่งของอยู่แล้ว
“เดียร์ต้องโทรให้คนมาเปิดประตูให้ค่ะ”
“เอาของฉันไปก่อนแล้วกัน” เดือนสิบหันไปคว้ามือถือของตนโดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นบนหน้าสวยหวาน ความจริงดลญาไม่ได้ทำมือถือร่วง มันนอนอยู่ในกระเป๋าแบรนด์เนมของหล่อน สิ่งที่หล่อนต้องการนั้นคือหมายเลขโทรศัพท์ของรุ่นพี่สาวต่างหาก จึงออกอุบายง่าย ๆ ทว่าไม่คิดว่าเหยื่อจะติดกับดัก
“ขอบคุณค่ะ” ดลญายิ้มรีบกดหมายเลขโทรศัพท์ออกไป ครั้นปลายสายรับหล่อนพูดไม่กี่ประโยคแสงสว่างหน้าประตูก็เกิดขึ้น เดือนสิบยกมือหมายจะคว้าเครื่องมือสื่อสารของตน ทว่าดลญากดปุ่มอะไรต่อ ตาคมหรี่ลงก่อนเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเธอเสียรู้ยัยทรงโตเป็นรอบที่สองของวัน
“อ้าว! มือถืออยู่ในกระเป๋านี่นา…” ดลญาแสร้งอุทาน ส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้ สาววิศวะฯ ขบกราม คำรามลอดไรฟันแล้วแย่งมือถือของตนกลับมา
“โทรออกล่าสุดคือเบอร์เดียร์เองนะคะ พี่เท็นใช้ไลน์เบอร์นี้ใช่ไหม เดี๋ยวเดียร์แอดเฟรนด์ไปนะคะ”
‘ติ๊ง!’ เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือใคร เดือนสิบหน้ายับ โมโหเลือดขึ้นหน้าจนอยากบีบคอคนเจ้าเล่ห์นัก
“เดียร์ขอบคุณพี่เท็นอีกครั้งนะคะที่ช่วยเดียร์ พาไปคลินิกแล้วยังพามาส่งที่บ้านอีก” คราวนี้เดือนสิบไม่พูดตอบอะไร ดลญายกมุมปาก สะกิดไหล่กว้าง พอรุ่นพี่สาวหันมาหล่อนก็…
‘จุ๊บ!’ แก้มเสาววิศวะฯ เปื้อนรอยลิปสติกเสียแล้ว
“นี่เธอ!” ตาคมวาววับเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งตกใจผสมโกรธ
“แล้วเดียร์จะเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนนะคะ”
“ไม่ต้อง!” ดลญาแค่ไหวไหล่ หล่อนเดินลงจากรถ ตาคมยังมองตามร่างเพรียวไม่หยุด และเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหล่อนต้มเสียเปื่อย ดลญาเดินได้ปกติแถมดีเสียด้วยบนส้นสูงหลายนิ้ว หล่อนไม่ได้ขาเจ็บอย่างที่คิด แล้วไอ้ที่ไปคลินิกนี่มันยังไงกัน หล่อนหลอกหมอให้จ่ายยาหรือไร ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายทำลงไป เดือนสิบสะบัดหน้าไม่อยากคิดหรือสนใจดลญาอีก เพราะคิดไปก็ปวดหัวแถมยังโมโหไม่เลิก จนต้องคว้าบุหรี่ขึ้นมาสูบ เปิดกระจกรถแล้วขับมันกลับไปยังคอนโดมิเนียม เดือนสิบตั้งมั่นจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยัยดาวคณะตัวแสบนี่อีก
หลังจากได้เบอร์โทรและไลน์ของเดือนสิบดลญาจึงรีบส่งไปอวดเพื่อน ๆ ในกลุ่ม ทั้งยังแนบรูปยามรุ่นพี่สาวขับรถและรอหล่อนขณะพบแพทย์อีกด้วย เรียกเสียงฮือฮาในกลุ่มได้เป็นอย่างมาก DEAR : ฉันบอกพวกแกแล้วว่าอย่าเอาฉันไปเทียบกับนังจิ๊บ คนละชั้นกันย่ะ!” JEEJEE : ย่ะ แม่คนเก่ง ฉันจะรอดูว่าแกจะได้เกียร์พี่เท็นตอนไหน อีกสักปีหรือสองปีน้า? หรือจะไม่ได้เลย คริคริ นั่นถือเป็นประโยคสบประมาทสำหรับดลญาผู้ไม่ชอบเป็นฝ่ายแพ้ หล่อนเชิดหน้ากดแป้นพิมพ์รัวDEAR : อย่ามาดูถูกกันนะ เอาอย่างนี้ไหมล่ะ ถ้าภายในสามเดือนฉันไม่ได้เกียร์พี่เท็นมาคล้องคอ ฉันจะให้เงินสดโอนเข้าบัญชีพวกแกคนละห้าหมื่นไปเลย สิ้นประโยคนั้นในแชตกลุ่มก็เงียบลงก่อนที่จะมีสติกเกอร์หลากหลายรูปแบบแสดงขึ้นที่หน้าจอ ดูเหมือนเพื่อนในกลุ่มจะชอบข้อเสนอที่ดลญายื่นให้ DEAR : แต่ถ้าฉันได้เกียร์พี่เท็นมาภายในสามเดือน พวกแกต้องรวมเงินให้ฉันหนึ่งแสน ตกลงไหม?ALL : DEAL! ดลญาทิ้งกายลงยังเตียงนุ่มทันทีหลังจากทำข้อตกลงกับเพื่อนในกลุ่มเสร็จสรรพ ตากลมสวยมองภาพของเดือนสิบที่แอบถ่ายไว้ หญิงสาวแสดงสีหน้าร้ายกาจอย่างไม่ปิดบัง ดาวคณะคนสวยมีแผนการในหัวอยู่แล้ว จริง ๆ เด
บทที่ 4 เดียร์จะจีบพี่เท็นคงไม่ใช่แค่เจ้าของชื่อที่ยืนอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน แม้แต่ธนินและนักศึกษาที่เดินอยู่รอบ ๆ ก็มีอาการไม่ต่างกัน ก่อนพวกนั้นจะยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปแล้วเดินซุบซิบหนีไปทันที ธนินยืนมองตาปริบ ๆ หันมองเดือนสิบทีดลญาที ไม่คาดคิดว่าตนเองจะต้องมาเป็นสักขีพยานแห่งรักของเพื่อนสนิท“พูดบ้าอะไรของเธอ?” ร่างสูงโปร่งปรี่เข้าใส่ดลญา ดีที่ธนินขวางไว้ได้ทัน ไม่อย่างนั้นหล่อนคงถูกเดือนสิบบีบคอเป็นแน่“เป็นแฟนกับเดียร์นะคะพี่เท็น”“นี่เธอ! หยุดเลยนะ” ไอ้ท่าทางกระมิดกระเมี้ยนเจียมตัว ทำหน้าทำตาให้เธอสงสาร นั่นมันคือการแสดงทั้งนั้น จะว่าเดือนสิบดูออกก็ไม่เชิง เพียงแต่เธอแค่รู้ทันพวกคุณหนูบ้านรวยแสนเอาแต่ใจ ในอดีตเดือนสิบเคยเป็นน้องปีหนึ่งที่ไม่คิดจะสุงสิงยุ่งเกี่ยวกับใคร ทว่ากลับมีรุ่นพี่คนสวยมาหยอดมาอ้อนและมาใกล้ชิดสนิทสนมจนเธอตกหลุมพรางและเริ่มก่อความสัมพันธ์ แต่ในเวลาไม่นานเดือนสิบก็ได้รู้ว่าแท้จริงแล้ว รุ่นพี่คนนั้นไม่ได้คิดจริงจังและจริงใจอะไรต่อเธอเลย หล่อนก็แค่พนันกับเพื่อนว่าหากได้คนที่เงียบที่สุดในรุ่นมาเป็นแฟนจะได้มือถือรุ่นใหม่ล่าสุด เรื่องราวในครั้งนั้นมีเพียงธนินเพื่อนสน
“เออน่า…มึงก็น่าจะให้โอกาสน้องเขาหน่อย ตอนน้องจิ๊บกูก็นึกว่าจะคบกันยาว ๆ ที่ไหนได้ ตดยังไม่ทันจะหายเหม็นก็เลิกกันซะละ มึงเลิกปิดตัวปิดใจได้แล้ว หรือว่ามึงยังคิดถึงเรื่องพี่กัญอยู่วะ?” ชื่อนั้นเดือนสิบไม่ได้ยินมานานหลายปี พอได้ยินอีกครั้งข้างในอกเริ่มบีบรัด สีหน้าเปลี่ยนไปจนธนินที่เพิ่งรู้ตัวว่าพูดไม่คิดก็ได้แต่ก่นด่าตนเองในใจ เขาน่าจะรู้ดีว่ารุ่นพี่คนนั้นสร้างบาดแผลร้ายแรงไว้ในใจเพื่อนสนิทแค่ไหน“กู…ขอโทษว่ะ” คนที่มีอดีตทำเพียงไหวไหล่ หยิบบุหรี่แล้วคล้องไหล่ธนินเดินไปพื้นที่สูบบุหรี่ควันเทา ๆ กับใจหม่น ๆ คงเข้ากันดีหากมีฝนตกลงมา ทว่ายามนี้แดดเปรี้ยงจนต้องหยีตามองฟ้า เดือนสิบทอดถอนใจ พ่นควันออกปากเฉกเช่นเดียวกับธนิน“ผู้หญิงคนนั้นก็คงไม่ต่างจากคนอื่น” ถึงหัวใจไม่ได้มีกำแพงหนาหลายชั้นจนยากจะเข้าไป ทว่ามันก็ไม่ได้เปิดรับทุกคนที่ผ่านเข้ามา เนื่องจากความชอกช้
บทที่ 5 แรงกระเพื่อมที่แผ่วเบาและคงเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานมีหลายคนเห็นเหตุการณ์พอดิบพอดี เช้านี้หัวข้อสนทนาในตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์และนิเทศศาสตร์จึงเป็นเรื่องของเดือนสิบและดลญา มีข่าวลือออกไปหลากหลายประเด็นตามแต่คนจะจินตนาการ ไม่ว่าจะเป็นดาวคณะสวยเด่นอย่างดลญากู่ก้องร้องตะโกนว่ามีใจให้รุ่นพี่วิศวะฯ สาว หรือจะเป็นเดือนสิบปฏิเสธรักไม่แยแสดลญาแม้แต่น้อย และก็มีหลายคนที่ตั้งข้อสงสัยว่าทั้งคู่อาจเป็นแฟนกันแล้ว เพียงแต่ง้องอนกันตามประสาคนรัก ข่าวต่าง ๆ ดังให้ได้ยินแค่เพียงช่วงเช้าก่อนจะซาลงไปเพราะมีเรื่องอื่นน่าสนใจกว่า แต่คงไม่ใช่กับเบญจา หล่อนยืนหน้าเครียดกอดอกมองดลญาไม่วางตา“นังนั่นมีอะไรดีกว่าฉัน?” เบญจาเปรยขึ้นขณะเดินเข้ามายังโรงอาหารของคณะ เพื่อนในกลุ่มไม่ได้ตอบเพียงยักไหล่เล็กน้อยด้วยเข้าใจว่าเบญจาไม่ได้ถามแต่พูดกับตนเอง ถึงเบญจาจะเป็นน้องปีหนึ่งสดใหม่ แต่ความสวยยังห่างชั้นกับดลญาอยู่มาก รายนั้
“นะคะพี่เท็น…” อีกครั้งที่สาวนิเทศใช้ทักษะการแสดงที่ร่ำเรียนมา“เฮ้อ…” เดือนสิบพ่นลมหายใจหนัก ๆ“อืม ก็ได้” ลงท้ายก็ยอม คงเพราะน้ำเสียงและท่าทางอ้อน ๆ นั้นกระมังถึงพาเอาใจสั่นไหว“จริงนะคะ” ดวงตากลมโตทอประกาย ซ่อนความดีใจไม่มิด“แต่บอกไว้เลยนะว่า คนอย่างฉันไม่มีทางเชื่อผู้หญิงรวย ๆ อย่างเธอหรอก” ดูเหมือนเดือนสิบต้องเตือนตัวเองว่าอย่าหลงกลสายตาและท่าทางราวลูกแมวน้อยของอีกฝ่ายด้วยการทำเสียงห้วน ๆ ซึ่งมันอาจใช้ไม่ได้ผลสักเท่าไร“แหม…แล้วนักศึกษาที่มหา’ลัยนี้ใครไม่รวยบ้างคะ พี่เท็นก็รวย” ถึงจะเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนแต่คณะวิศวกรรมศาสตร์ของเดือนสิบนั้นต้องสอบเข้าถึงจะได้ศึกษา มีเงินแล้วได้เรียนคงใช้ไม่ได้สำหรับที่นี่ ส่วนดลญา
บทที่ 1 ดลญาเดือนสิบภาพสะท้อนในกระจกเงาแสดงให้เห็นถึงผู้หญิงร่างผอมเพรียวทว่ามีหน้าอกหน้าใจใหญ่คัพซี เอวคอดและสะโพกผาย หล่อนกำลังหยิบลิปสติกสีใหม่ขึ้นมาปาดริมฝีปาก ปลายนิ้วไล้เกลี่ยไปตามขอบปากให้ฟุ้งตามสมัยนิยม “สีสวยว่ะแก” ใครสักคนที่ยืนอยู่ด้วยกันเอ่ยชม หล่อนคนนั้นยักคิ้ว ยื่นมันไปให้“ลองไหม?”“ไม่ละ ฉันทาสีแดงไม่เคยรอดสักที” เจ้าของลิปสติกยักไหล่แล้วเก็บมันลงกระเป๋าแบรนด์Cคอลเลกชันใหม่ หญิงสาวสำรวจใบหน้าและทรงผมของตนเองอีกครั้ง ก่อนเดินออกจากห้องน้ำ ตลอดทางมีสายตานับสิบคอยมองตลอด ด้วยความที่หล่อนเป็นผู้หญิงสวยและยังเป็นถึงดาวคณะอีกด้วย ใคร ๆ ก็ต่างรู้จักและต้องการตีสนิทด้วย แต่ความหยิ่งยโสของคนสวยก็เลื่องชื่อไม่น้อย ‘ดลญา หรือ เดียร์’ หลานสาวอดีตผู้นำการเมืองฝ่ายรัฐบาล ฐานะทางสังคมและการเงินเข้าขั้นเศรษฐี แบรนด์เนมทั้งตัว ขับซูเปอร์คาร์คันละสี่สิบล้านมาเรียนทุกวัน และคบค้าสมาคมเฉพาะเพื่อนระดับเดียวกันเท่านั้น ดลญาเดินพูดคุยหยอกล้อกับเพื่อนในกลุ่มไปจนถึงหน้าอาคารเรียน “ขอโทษครับ” เสียงทุ้มเรียกความสนใจ หล่อนปรายตามองเล็กน้อย“เอ่อ…พี่ชื่อแม๊กนะ อยู่บริหาร” “ค่ะ” ใบหน้าของหญิงส
เสียงลูกบาสเกตบอลกระทบพื้นดังไปทั่วพื้นที่ มีผู้หญิงร่างสูงกำลังเลี้ยงลูกบอลไปยังฝั่งตรงข้ามโดยมีผู้เล่นอีกฝ่ายคอยสกัดกั้นไม่ให้ร่างสูงส่งบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม ทว่าคนที่ชำนาญกลับหลบเลี่ยงและสามารถชูตบอลลงแป้นคว้าสองคะแนนให้เพื่อนร่วมทีมได้อย่างง่ายดาย เรียกเสียงโห่ร้องดีใจจากผู้ชมบนอัฒจันทร์ได้มากมาย ผู้หญิงร่างสูงยังคงทำคะแนนให้กับทีมได้อีกหลายแต้มติดกันจนจบเกมการแข่งขัน ทีมที่ชนะก็คือทีมของหญิงสาวนั่นเอง ร่างสูงโปร่งเดินมาทิ้งกายลงข้างสนาม คว้าขวดน้ำขึ้นมาดื่มจนหมด การแข่งขันไม่ได้จริงจังอะไรและเป็นการเล่นแบบผสมชายหญิงด้วยซ้ำ แต่ผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกลับไม่ออมแรงให้ชายชาตรีสักนิด กระทบไหล่ กระแทกตัวใส่จนล้มหน้าคว่ำไปหมด “เฮ้ย! ไอ้เท็น” เพื่อนร่วมทีมตบไหล่ “กูจะชวนมึงไปอเล็กซ์หน่อย” อเล็กซ์คือชื่อสถานบันเทิงอันเลื่องชื่อและเป็นที่รู้จักของนักศึกษาเกือบทุกคน “ห้ามปฏิเสธ คราวที่แล้วมึงก็ไม่ไปทีละนะ” “อยากอ่านหนังสือ” เจ้าตัวบอกง่าย ๆ พลางปรายตามองกลุ่มหญิงสาวที่กำลังโบกมือให้ตนเองอยู่บนอัฒจันทร์ ‘เท็น หรือ เดือนสิบ’
บทที่ 2 ยาก ๆ สิเร้าใจ รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่เลี้ยวเข้ามาจอดหน้าสถานบันเทิง พนักงานดูแลความปลอดภัยต่างกรูเข้ามาใกล้ด้วยเหตุจากสภาพรถยนต์และคนขับดูไม่ใช่ลูกค้ามีระดับอย่างที่เคยเข้าใช้บริการ ร่างสูงในชุดเสื้อยืดขาวสวมทับด้วยเชิ้ตสีดำแขนยาว กางเกงยีนและรองเท้ากีฬาสภาพเขรอะไปด้วยฝุ่นกำลังเลิกคิ้วมองเหล่าชายฉกรรจ์สองสามคนตรงหน้า “น้องมาผิดที่หรือเปล่า?” หนึ่งในนั้นถามขึ้น มองอีกฝ่ายศีรษะจดปลายเท้า “ทำไม?” น้ำเสียงติดห้วนทำให้คนถามขมวดคิ้ว เจ้าของรถกระบะสะบัดปลายเสื้อเชิ้ตไหวไหล่เล็กน้อย ก่อนเบี่ยงตัวเดินเลี่ยงไปยังทางเข้า แต่กลับถูกพนักงานกลุ่มนั้นตามมารั้งแขนไว้ “เฮ้ย!” นั่นคือเสียงของเดือนสิบ หญิงสาวมองมือคล้ำของอีกฝ่าย สีหน้าแสดงความไม่พอใจชัดเจน “จะออกไปดี ๆ หรือ…” “ทำอะไรวะ?” ใครสักคนร้องทักเสียงดัง กลุ่มชายฉกรรจ์ถอยห่างเพราะนั่นคือปวินเจ้าของร้าน “น้องผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่ลูกค้าของเราครับคุณวิน” หัวคิ้วปวินขมวดปม “นี่น้องกูเอง บ้านมันรวยกว่ากูอีก แต่ชอบทำตัวยาจก” ปวินหัว