แชร์

บทที่ 3  ฉันรู้ทัน 50%

บทที่ 3  ฉันรู้ทัน

คงเพราะคนร่างสูงที่เอาแต่ยืนกอดอกถอนหายใจกระมังจึงทำให้ดลญารู้สึกเหมือนอยู่ผิดที่ผิดทางทั้ง ๆ ที่เนื้อตัวมีแต่รอยฟกช้ำ เพราะถูกคนเมาเข้าใกล้หวังทำมิดีมิร้ายขณะเดินมาเข้าห้องน้ำ

“ยืนไหวไหม?” น้ำเสียงราบเรียบถามขึ้น ไม่ได้แสดงถึงความเป็นห่วงใยหรือหงุดหงิด 

             “วะ…ไหวค่ะ” เดือนสิบปล่อยให้ดลญายืนด้วยตนเอง แต่เพียงเสี้ยววินาทีหล่อนก็ทำท่าจะล้มหงายหลัง ผลสุดท้ายคนที่บอกตนเองว่าไม่อยากสนใจก็ต้องคอยดูแลหล่อน 

             “ไปโรงพยาบาลไหม?” ดูเหมือนข้อเท้าอีกฝ่ายจะแพลง

             “พี่เท็นจะไปส่งเหรอคะ?” ยื่นคำถามหยั่งเชิง เห็นแววตาลังเลของเดือนสิบจึงลอบยิ้ม

             “หรือจะเรียกแท็กซี่ให้เดียร์ก็ได้ค่ะ แต่ว่า…” ใบหน้าสวยหวานเจื่อนลง คิ้วเรียวขมวด ทั้งน้ำเสียงยังฟังดูคล้ายหล่อนมีความกังวลระคนกลัว

             “เพิ่งมีข่าวแท็กซี่ข่มขืนและฆ่านักศึกษาไปเมื่อวันก่อน” ข่าวนั้นเดือนสิบเองก็ได้ยิน เนื่องจากเป็นข่าวดังที่คนร้ายยังลอยนวลอยู่ และมีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก สาววิศวะฯ นิ่งไปชั่วขณะ ชำเลืองมองคนที่ยังนั่งคลึงขาตนเอง ลอบถอนหายใจก่อนเอ่ย

“เดี๋ยวพาไป ลุกให้ได้ก็แล้วกัน” ได้ยินดังนั้นดลญายิ้มกว้าง ส่งสายตาทอประกาย ทว่าเดือนสิบกลับทำหน้านิ่งใส่คนที่พยายามลุกขึ้นยืนด้วยตนเอง ร่างสูงคอยประคองหล่อนไปจนถึงรถของตนเอง สภาพกระบะกลางเก่ากลางใหม่ทำให้ดลญาลังเลใจไม่น้อยที่ต้องขึ้นไปนั่ง ลงท้ายก็ยอมเขย่งขาหย่อนก้นลงเบาะ โชคดีที่ภายในรถสะอาดสะอ้านและมีกลิ่นหอม 

“เซิร์ชดูแล้ว แถวนี้มีแต่คลินิกที่เปิดยี่สิบสี่ชั่วโมงอยู่” คนขับเริ่มพูดขณะออกรถ 

“คลินิกก็ได้ค่ะ ไปโรงพยาบาลอาจยุ่งยากเกินไป”

“อืม” 

ใช้เวลาประมาณสิบนาทีก็ถึงที่หมาย เดือนสิบนั่งรออยู่บริเวณเคาน์เตอร์ เจ้าหน้าที่พยายามซักประวัติเบื้องต้นของคนเจ็บ แต่สาววิศวะฯ ไม่รู้อะไรสักอย่าง ได้แต่บอกให้ถามเจ้าตัวเอง เธอแค่เป็นคนพามาหาหมอไม่ได้มีความสัมพันธ์อะไรต่อกัน ดลญาได้รับยามาหลายซอง หล่อนจ่ายเงินและขอบคุณเจ้าหน้าที่ก่อนเดินกระย่องกระแย่งมาที่รถกระบะโดยมีเดือนสิบเหล่มองนิ่งโดยไม่ได้เข้าไปประคองอย่างคราแรก ทว่ายังพอมีน้ำใจเปิดประตูรถให้ขึ้นไปนั่ง

“บ้านอยู่ที่ไหน?” และยังมีน้ำใจต่อด้วยการอาสาไปส่งที่บ้านแบบจำยอม ดูจากสภาพตอนนี้ขืนปล่อยให้นั่งแท็กซี่ลำพังคงดูแลตัวเองไม่ได้ และหากเกิดเจอคนขับใจโฉด เกิดเรื่องไม่ดีขึ้นมา เดือนสิบคงรู้สึกผิดจนวันตาย ฉะนั้นทางเลือกที่ดีที่สุดคือการไปส่งหล่อนถึงหน้าบ้าน

เดือนสิบกดจีพีเอสไปยังสถานที่อันเป็นที่ตั้งของบ้านดลญา หมู่บ้านใจกลางเมืองแหล่งที่ดินที่แพงที่สุดในกรุงเทพฯ อันที่จริงคอนโดมิเนียมของเดือนสิบก็อยู่ละแวกนั้นเช่นกัน น่าจะห่างกันด้วยระยะเดินทางไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ 

“ขอบคุณนะคะพี่เท็น” คนถูกไหว้ปั้นหน้ายาก รีบยกมือขึ้นห้ามหล่อน เดือนสิบพยักหน้าพลางมองไปทางประตูรั้วสีขาวด้านในมีสวนขนาดใหญ่และทางทอดยาวไปถึงอาคารขนาดใหญ่ห้าชั้นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่ 

“เอ๊ะ!” เสียงของคนข้าง ๆ ทำให้ต้องละสายตากลับมามองหล่อน

“มีอะไร?”

“มือถือเดียร์หายไปค่ะ สงสัยจะร่วงตอนที่ล้ม” ใบหน้าหวานม่อยลง ถอนหายใจหนัก ๆ แสดงถึงความไม่สบายใจและอาจจะก่นด่าตนเองในใจที่ไม่ตรวจทานให้ดีเสียก่อน แต่เดือนสิบนั้นเข้าใจดี จากสถานการณ์ฉุกเฉินเช่นนั้นเป็นใครก็ต้องเอาตัวรอดก่อนสนใจสิ่งของอยู่แล้ว

“เดียร์ต้องโทรให้คนมาเปิดประตูให้ค่ะ”

“เอาของฉันไปก่อนแล้วกัน” เดือนสิบหันไปคว้ามือถือของตนโดยไม่ทันเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ผุดขึ้นบนหน้าสวยหวาน ความจริงดลญาไม่ได้ทำมือถือร่วง มันนอนอยู่ในกระเป๋าแบรนด์เนมของหล่อน สิ่งที่หล่อนต้องการนั้นคือหมายเลขโทรศัพท์ของรุ่นพี่สาวต่างหาก จึงออกอุบายง่าย ๆ ทว่าไม่คิดว่าเหยื่อจะติดกับดัก

“ขอบคุณค่ะ” ดลญายิ้มรีบกดหมายเลขโทรศัพท์ออกไป ครั้นปลายสายรับหล่อนพูดไม่กี่ประโยคแสงสว่างหน้าประตูก็เกิดขึ้น เดือนสิบยกมือหมายจะคว้าเครื่องมือสื่อสารของตน ทว่าดลญากดปุ่มอะไรต่อ ตาคมหรี่ลงก่อนเบิกตากว้างเมื่อพบว่าเธอเสียรู้ยัยทรงโตเป็นรอบที่สองของวัน

“อ้าว! มือถืออยู่ในกระเป๋านี่นา…” ดลญาแสร้งอุทาน ส่งยิ้มหวานเชื่อมมาให้ สาววิศวะฯ ขบกราม คำรามลอดไรฟันแล้วแย่งมือถือของตนกลับมา 

“โทรออกล่าสุดคือเบอร์เดียร์เองนะคะ พี่เท็นใช้ไลน์เบอร์นี้ใช่ไหม  เดี๋ยวเดียร์แอดเฟรนด์ไปนะคะ”

‘ติ๊ง!’ เสียงแจ้งเตือนดังขึ้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคือใคร เดือนสิบหน้ายับ โมโหเลือดขึ้นหน้าจนอยากบีบคอคนเจ้าเล่ห์นัก 

“เดียร์ขอบคุณพี่เท็นอีกครั้งนะคะที่ช่วยเดียร์ พาไปคลินิกแล้วยังพามาส่งที่บ้านอีก” คราวนี้เดือนสิบไม่พูดตอบอะไร ดลญายกมุมปาก สะกิดไหล่กว้าง พอรุ่นพี่สาวหันมาหล่อนก็…

‘จุ๊บ!’ แก้มเสาววิศวะฯ เปื้อนรอยลิปสติกเสียแล้ว

“นี่เธอ!” ตาคมวาววับเต็มไปด้วยความรู้สึก ทั้งตกใจผสมโกรธ

“แล้วเดียร์จะเลี้ยงข้าวเป็นการตอบแทนนะคะ”

“ไม่ต้อง!” ดลญาแค่ไหวไหล่ หล่อนเดินลงจากรถ ตาคมยังมองตามร่างเพรียวไม่หยุด และเพิ่งรู้ตัวว่าโดนหล่อนต้มเสียเปื่อย ดลญาเดินได้ปกติแถมดีเสียด้วยบนส้นสูงหลายนิ้ว หล่อนไม่ได้ขาเจ็บอย่างที่คิด แล้วไอ้ที่ไปคลินิกนี่มันยังไงกัน หล่อนหลอกหมอให้จ่ายยาหรือไร ไม่เข้าใจที่อีกฝ่ายทำลงไป เดือนสิบสะบัดหน้าไม่อยากคิดหรือสนใจดลญาอีก เพราะคิดไปก็ปวดหัวแถมยังโมโหไม่เลิก จนต้องคว้าบุหรี่ขึ้นมาสูบ เปิดกระจกรถแล้วขับมันกลับไปยังคอนโดมิเนียม เดือนสิบตั้งมั่นจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวกับยัยดาวคณะตัวแสบนี่อีก 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status