ยามนี้ทั้งโต๊ะไม่มีใครเอื้อนเอ่ยคำใดออกมา นอกจากลอบมองกันเองด้วยสายตาเลิ่กลั่กนับตั้งแต่ร่างเพรียวของดลญาเดินเข้ามาภายในร้านและนั่งลงข้างกายรุ่นน้องร่างสูง เดือนสิบยังทำหน้านิ่งยกแก้วจิบเบียร์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่เมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วเธอเพิ่งโดนแจงจู่โจมขโมยจูบ
“สวัสดีค่ะ” แล้วก็เป็นดลญาที่ต้องเอ่ยเป็นคนแรก เนื่องจากเดือนสิบไม่คิดจะแนะนำหล่อนให้ใครได้รู้จัก หญิงสาวกระพุ่มมือไหว้นอบน้อม พนักงานรุ่นพี่รับไหว้เงอะงะ
“แฟนเท็นเหรอ?” พี่นัดคันปากยุบยิบ อดรนทนไม่ไหวเอ่ยปากถาม
“สวยเชียว” คำชมนั้นเรียกให้ดลญายิ้มปากแทบฉีก ถึงแม้คนที่ถูกถามจะยังเงียบปากอยู่ก็เถอะ หล่อนส่งยิ้มหวานเกี่ยวแขนเดือนสิบมากอดไว้ หน้าอกหน้าใจถูไถไปตามแขนยาว ความสนิทชิดเชื้อนั้นทำเอาแจงชักสีหน้า ทุกคนยังคงมองดล
“กลับไปได้แล้ว” ออกปากไล่อีกครั้ง“ยังพูดไม่รู้เรื่องเลย เดียร์จีบพี่เท็นอยู่นะคะ ห้ามไปจูบกับใครทั้งนั้น”“แล้วจะให้ฉันจูบเธอหรือไง”“ใช่ค่ะ” สิ้นเสียงเล็กแหลม คนตัวสูงหันกลับรวดเร็ว คว้าเอวกิ่วเข้ามากอด ก่อนกดจูบริมฝีปากลงตามที่หล่อนเอ่ย ดลญาตั้งตัวไม่ทัน นิ่งงันชั่ววินาที ก่อนหลับตาพริ้มเกาะไหล่กว้างไว้แน่นรับสัมผัสดุดันเร่าร้อนนั้น คงเพราะฤทธิ์เดชของน้ำเมาที่ผสมอยู่ในเลือดถึงทำให้เดือนสิบขาดสติคว้าดลญามาบดจูบ ร่างเพรียวลอยขึ้นขณะที่ปากทั้งสองยังไม่ละห่าง แผ่นหลังเล็กทาบลงยังเตียงนุ่ม เดือนสิบยังคงมัวเมากับรสสัมผัสหวานหอมในโพรงปากหวาน คล้ายว่าริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเคลือบไปด้วยรสเชอร์รี“แม่งเอ๊ย! นมโคตรใหญ่เลย” เดือนสิบสบถมือคลำคลึงทรวงเต้าที่ใหญ่เกินฝ่ามือตนเอง
บทที่ 7 รับของหวานไหมคะวันนี้คือวันหยุด เดือนสิบอัดบุหรี่เข้าปอดไปหลายมวน ตาคมปรายไปยังคนที่ยังนอนสลบไสลอยู่บนเตียง ผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่บ่งบอกถึงเพลิงสวาทที่สาดใส่กันไม่ยั้งเมื่อคืนนี้ อาจเพราะเดือนสิบร้างราสังเวียนรักมาสักพักเธอถึงได้อดอยากปากแห้งกระทำต่อดลญาจนหมดแรงข้าวต้ม หรืออาจเพราะในกระแสเลือดมีแอลกอฮอล์เจือจางอยู่ถึงได้เกิดอารมณ์ฟัดหล่อนไม่ยั้ง หรืออาจเป็นข้อสุดท้าย ร่างเพรียวที่มีทรวดทรงองค์เอวชวนเสน่หานั้นพาเธอดำดิ่งยากจะต้านทาน แต่อะไรก็ช่าง สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนไม่ใช่เรื่องที่เดือนสิบคาดคิดไว้ด้วยซ้ำ หญิงสาวถอนหายใจหนัก ๆ แม้จะบอกอีกฝ่ายว่าหล่อนได้เพียงตัวของเธอเท่านั้น แต่บางอย่างกลางอกซ้ายกลับบอกว่ามันจะไม่จบแค่เรื่องเมื่อคืนสักพักดลญาตื่นขึ้น หล่อนคว้าเสื้อผ้ามาสวม ไม่ได้อิดออดหรือร้องไห้โวยวาย กลับนิ่งสงบราวมหาสมุทรที่กำลังก่อคลื่นทะเลลูกใหญ่ เดือนสิบเองก็ไม่ได้ปริปากถึงเรื่องเมื่อคืน ทำเพียงนั่งไขว่ห้างจิบกาแฟสูบบุหรี่ไปพลาง
“นั่นไง ๆ กูว่าแล้ว โซ้ยกันมันชัวร์” คนไม่ค่อยพูดไม่ปริปาก ได้แต่ปล่อยให้เพื่อนเดาทางไปเรื่อย“เลียจนแตกแล้วบอกพี่น้อง ไอ้หน้าส้นตีนเอ๊ย!” ธนินผรุสวาทกลอกตาบน ทั้งยังถีบขาเดือนสิบเบา ๆ หากเป็นเวลาปกติสาววิศวะฯ คงตอกกลับไปบ้าง หากพอมันเป็นความจริงเธอจึงเลือกจะเงียบผินหน้าไปด้านอื่นแทน เวลาผ่านไปอีกหลายชั่วโมง เบียร์กระป๋องแล้วกระป๋องเล่าลอยเคว้งลงถังขยะข้างกาย น้ำเสียงธนินเปลี่ยนไปมากจนเดือนสิบต้องตัดสินใจเรียกบริการรถจากแอปพลิเคชันให้ไปส่งชายหนุ่ม ก่อนตนเองจะเรียกแท็กซี่กลับมายังคอนโดฯ คิ้วเข้มขมวดมุ่นมองคนตรงหน้าที่ส่งยิ้มมาให้
บทที่ 8 เริ่มหวั่นไหวถึงเดือนสิบไม่ได้แสดงท่าทีมากไปกว่าเก่า แต่ดลญานั้นรับรู้ได้ว่าหล่อนสามารถทำให้รุ่นพี่วิศวะฯ แสนเย็นชาสนใจตนเองมากขึ้น หญิงสาวยืนยิ้มกว้างขณะมองร่างสูงอันโดดเด่นกว่าใครเพื่อนแม้จะรั้งอยู่ปลายแถว ยามนี้เป็นเวลาพักพวกรุ่นพี่และเดือนสิบกำลังออกไปหาอะไรกินเหมือนอย่างเคย ทว่าวันนี้อาจพิเศษหน่อยก็ตรงที่เดือนสิบไม่ต้องเดินตากแดดตากลมฝ่าไอร้อนแล้ว“เฮ้ย! มีคนมาหาน่ะเท็น” พี่นัดสะกิด เดือนสิบแหงนหน้าขึ้น“วันนี้ไม่ได้ไปกินข้าวกับพวกพี่สินะ อยากได้อะไรก็ไลน์บอกแล้วกัน” พี่นัดตบไหล่ส่งสายตาล้อเลียนก่อนทั้งกลุ่มจะปลีกไปอีกทาง ดลญาโค้งให้รุ่นพี่ที่เคยพบหน้าค่าตากันเมื่อไม่กี่วันก่อน“มาทำอะไร?” เสียงเรียบไม่ได้บอกว่าคนพูดรู้สึกเช่นไร เหมือนแค่ถามออกไปตามที่สงสัย
“ซื้อทำไมเหรอคะ?” ดลญามองถุงพลาสติกในมือคนร่างสูงพลางสาวเท้าเข้ามาในลิฟต์“กิน” ตอบแค่นั้น สั้น ๆ แบบกำปั้นทุบดิน ดลญายิ้มกว้างเกี่ยวแขนเดือนสิบใช้แก้มถูไถไปมา“แหม…จะเอาไว้กินตอนดูหนังกับเดียร์ล่ะสิไม่ว่า ใช่ไหมล่ะ?” เช่นเคย เดือนสิบไม่ตอบและเป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก เมื่อเข้ามายังห้องพักดลญานั้นจัดการเทขนมรวมกันใส่ถ้วยใบใหญ่ รินน้ำอัดลมใส่น้ำแข็งให้ตนเองและหยิบเบียร์หนึ่งกระป๋องยื่นให้คนที่กำลังจุดบุหรี่นั่งไขว่ห้างอยู่หน้าทีวี“ดูเรื่องอะไรดีน้า?” โทรทัศน์สมัยนี้รีโมตมีปุ่มเข้าแอปพลิเคชันชมภาพยนตร์โดยไม่ต้องกดปุ่มค้นหายุ่งยาก แม่สาวทรงโตทิ้งกายนั่งเลื่อนปุ่มหาภาพยนตร์ที่ต้องการดู“หนังผีดีไหมคะ? พี่เท็นกลัวผีไหมคะ?”“ไร้สาระ”
บทที่ 9 ใครรู้สึกก่อนแพ้ เพื่อนของดลญาเดินพ้นประตูห้องพักไปกันหมดแล้ว เดือนสิบยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่กลางห้อง เกาท้ายทอยเก้อเขินทำตัวไม่ถูก ดลญาลอบยิ้มมองการกระทำนั้นด้วยใจเต้นระรัว แผนการของหล่อนดูเหมือนจะเป็นไปด้วยดี “เอ่อ…” เงียบเกินไปจนคนร่างสูงต้องเอ่ยอะไรออกมาบ้าง แต่กลับไม่รู้จะพูดอะไรดี ได้แต่ยืนอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ อยู่นานสองนาน “ทำไมผมพี่เท็นเป็นแบบนั้นคะ?” คำถามของคนบ
“จิ๊บ…” “มาทำอะไรที่ตึกนิเทศคะ?” เบญจารู้อยู่กับอกแต่ยังถามออกไป คนร่างสูงไม่ได้ตอบทั้งสายตายังไม่ได้จับจ้องอยู่ที่ตัวหล่อน เดือนสิบมองเลยไหล่หล่อนไป เมื่อหันกลับไปมองก็พบคำตอบ “พี่ขอตัวก่อนนะ” ร่างสูงปลีกไปทันที เดินตรงไปหารุ่นพี่ดาวคณะที่ยังคงความนิยมไม่ตก เบญจาได้แต่กำมือแน่นอิจฉาอยู่ในใจ
บทที่ 10 ชัยชนะหรือความรัก ยามนี้แดดร่มลมตก ดลญานั่งเล่นอยู่ตรงม้านั่งในสวนหน้าอาคารคณะ หญิงสาวฮัมเพลงพลางบิดข้อเท้าที่ยังมีผ้ายืดพันไว้ ทว่าต้องหยุดลงเมื่อมีเงาของใครสักคนทาบทับลงมา สาวนิเทศฯ แหงนหน้าขึ้น ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า “มารยา” เบญจาเอ่ยขณะกวาดสายตาทั่วร่างรุ่นพี่สาว “อะไรนะ?!” ดลญาเกลียดทั้งน้ำเสียงและท่าทางของอีกฝ่าย ตวัดมองตาขวาง
บทจบ ได้ทั้งเกียร์ได้ทั้งเธอดลญายิ้มแห้งเมื่อรู้ว่าแท้จริงแล้วคุณนุ่นคือลูกพี่ลูกน้องของธนิน หญิงสาวตีไหล่คนรักเนื่องจากถูกปล่อยให้คิดไปเองอยู่พักใหญ่ ถ้าไม่เกิดเรื่องงอนตุ๊บป่องเมื่อสัปดาห์ก่อนหล่อนก็ยังไม่รู้ว่านุ่นคือใคร แล้วที่เคยสังสรรค์จนกลับบ้านดึกดื่นนั่นก็เพราะธนินขอร้องให้อยู่ต่อ “พี่เท็นก็ไม่บอกเดียร์” “ถ้าบอกก็ไม่รู้สิว่าแฟนหึง” คนพี่ยิ้มกริ่ม เดี๋ยวนี้เดือนสิบชักร้าย เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม เจ้าเล่ห์ขึ้น พูดเก่งขึ้น และทำรักมากขึ้น ความต้องการมีไม่สิ้นสุด หล่อนระทดร
“ยังไง บอกฉันมาสิ” หากคนที่บอกจะชดใช้กลับส่ายศีรษะไปมา หล่อนเองก็ไม่รู้เช่นกัน“ระ…หรือพี่เท็น” ก้อนบางอย่างจุกอยู่กลางอกไปจนถึงลำคอ ดลญาพูดต่อไม่ออก แต่พยายามเอื้อนเอ่ยทั้งที่เจ็บไปทั้งใจกับข้อเสนอที่ตนเองได้เอ่ยออกไป“อยากให้เดียร์ไปให้พ้น ๆ” ประโยคนั้นเบาเสียจนต้องเงี่ยหูฟัง ร่างสูงมองมือเล็ก เมื่อมีอาการประหม่าดลญามักจะจิกเล็บลงบนอุ้งมือ“แล้วเธออยากไปให้พ้น ๆ ฉันไหมล่ะ?” คำตอบคือการส่ายหน้ารัว ๆ“งั้นก็อยู่”“คะ?!” ใจดลญาเต้นแรง แหงนหน้ามองคนพี่ที่ส่งสายตาทอประกายมาให้“ฉันเพิ่งรู้ว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา ไม่เคยลืมยัยตัวแสบเจ้าแผนการจอมหลอกลวงได้เลย” คราวนี้เป็นดวงตากลมโ
บทที่ 19 ในใจมีเพียงเธอไหล่กว้างไหวสั่นแรงขึ้นขณะปิดหน้าร้องไห้หน้าห้องฉุกเฉิน เป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้วที่ร่างไร้สติของดลญาอยู่หลังประตูบานนั้น เดือนสิบโทรหาบิดาและธนินด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พูดไม่ได้ศัพท์จนบิดาต้องบอกให้ใจเย็นจะรีบไปหาส่วนธนินติดธุระอยู่ต่างจังหวัดแต่จะรีบมาทันทีที่เสร็จงาน ดวงตาคมแดงก่ำน้ำตาไหลพรากมองสิ่งที่อยู่ในมือ ‘สร้อยเกียร์วิศวะ’ ดลญายอมทิ้งชีวิตเพื่อเจ้าสิ่งนี้ทั้ง ๆ ที่มันแสนไร้ค่า เดือนสิบลูบหน้าแรง ๆ เสยผมขึ้น ส่ายศีรษะไปมา ในหัวมันขาวโพลนตอนที่ลากร่างไร้สติขึ้นมาบนฝั่ง ตะโกนเรียกหล่อน ไม่มีเสียงตอบกลับยิ่งทำให้ลนลาน แทบคลั่งเมื่อเห็นว่าในมือหล่อนกำอะไรอยู่ มือเล็กกำมันแน่นไม่ปล่อยจนเธอต้องใช้แรงง้างนิ้วทั้งห้าให้ปล่อยไม่นานคุณดนัยก็ถึงโรงพยาบาล เดือนสิบโผเข้ากอดท่านทันที ร่ำไห้สะอึกสะอื้นเหมือนเมื่อครั้งที่รู้ความจริงเกี่ยวกับดลญา ช่วงนั้นบุตรสาวท่านเป็นบ้าไปเลย ไม่กินและไม่นอนเอาแต่ร้องไห้ กว่าจะกลับมาเป็นปกติ
เรื่องซุบซิบความสัมพันธ์ของคนในโรงงานมีมากมายนับไม่ถ้วน คบคนนี้ เลิกคนนั้น เป็นชู้ ลักลอบได้เสียกัน ดลญาอยู่นานจนเริ่มชินชากับเรื่องพวกนี้ หล่อนปรับตัวเข้ากับสังคมได้แล้วแม้จะไม่ได้มีเพื่อนสนิทเลยสักคนก็เถอะ การอยู่ลำพังนั้นไม่ได้แย่อย่างที่คิด เพียงแต่ไม่มีคนไว้คอยพูดคุยปรึกษาก็เท่านั้น ดลญาไม่ใคร่สนใจผู้ใด หล่อนทำงานของตนเองให้เสร็จลุล่วงไปวัน ๆ ทว่าก็ต้องมีเรื่องราวให้ปวดเศียรเวียนเกล้าอีกครั้ง คู่อริเก่าอย่างนวลตาเริ่มเข้ามาหาเรื่องอีกครั้ง เนื่องมาจากแฟนเก่านวลตามาจีบดลญา หล่อนบอกปฏิเสธฝ่ายนั้นไปแล้วแต่ชายหนุ่มยังดื้อด้านตามรังควานไม่เลิก“แรด!” ดลญากลอกตา ก้นหย่อนลงเก้าอี้ทำงานไม่ถึงสามวินาทีก็ถูกด่ากระทบกระเทียบ หล่อนทำเฉยเหมือนไม่ได้ยิน หากอีกฝ่ายกลับเดินมาชนไหล่จนเกือบตกเก้าอี้ ดลญาถอนหายใจแรง ๆ ถึงชินกับเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ อิจฉาริษยา แต่หล่อนก็เบื่อ ไม่ได้ทำอะไร ไม่ได้ไปยุ่งกับใครกลับโดนเกลียดเสียอย่างนั้น&n
บทที่ 18 สถานะที่ไม่ชัดเจนคุณดนัยและเดือนสิบเลือกใช้สวนหย่อมแทนการพูดคุยในห้อง ผู้มากอายุกว่ากระชับกรอบแว่นมองบุตรสาวนิ่ง ๆ เดือนสิบเองเหมือนเด็กที่ถูกจับได้ว่าทำผิดจึงเอาแต่ก้มหน้าประสานมืออยู่กลางลำตัว“กลับมาคบกันเหรอ?” คำถามของผู้เป็นพ่อยิงตรงเข้าประเด็น ไม่อ้อมค้อม“เปล่าค่ะ” คำตอบของบุตรสาวทำให้คิ้วเข้มต้นฉบับขมวด“ไม่คบแล้วหนูคนนั้นมาอยู่ในห้องแกได้ไง?”“เอ่อ…” เดือนสิบเล่าเหตุการณ์คร่าว ๆ ถึงสาเหตุที่ดลญาต้องมาอยู่กับเธอ ท่านนั่งเงียบฟังไม่ปริปากเอ่ยขัดจังหวะจนจบ“เรื่องบนเตียงไม่เกี่ยวกับว่าคบกันหรือไม่คบสินะ”“ไม่
วันหยุดสุดสัปดาห์เดือนสิบมีนัดกับธนินเนื่องจากไม่ได้เจอกันนานแล้วด้วยภาระหน้าที่ที่ต้องทำ“มึงว่าอะไรนะ?! ตอนนี้น้องเดียร์อยู่คอนโดฯ มึงเหรอ?” สีหน้าและท่าทาของธนินดูตกใจกับสารใหม่ที่เพิ่งได้รู้ ชายหนุ่มหรี่ตามองเพื่อนที่ยังคงหน้านิ่งจิบเบียร์และหยิบถั่วเข้าปาก“น้องเดียร์ก็แปลก เป็นคุณหนูดี ๆ ไม่ชอบ อยากตกระกำลำบากมาเป็นสาวโรงงาน กูล่ะงงจริง” ธนินเกาหัวแกรก ๆ เมื่อฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากเพื่อนสนิท 
บทที่ 17 ไม่ชอบแต่ได้ชิดใกล้ ตาคมเลื่อนไปมองมุมล่างของแล็ปท็อปอยู่เสมอ สั่นขารอว่าเมื่อไรจะถึงเวลาเลิกงาน อาการนั้นทำให้เพื่อน ๆ ต่างมองเดือนสิบยิ้ม ๆ ด้วยรู้ถึงความสัมพันธ์ของเพื่อนกับหญิงสาวในไลน์ผลิต พอได้เวลาเลิกงานเดือนสิบก็ลุกพรวดปิดเครื่อง คว้ากระเป๋าพาดไหล่ บอกลาเพื่อนร่วมงานทันที หลังสแกนออกงานเรียบร้อย เดือนสิบแทบวิ่งไปยังลานจอดรถ สตาร์ตรถออกไปรอใครบางคนหน้าโรงงานทันที ร่างสูงชะเง้อจนคอยาว พอเห็นดลญาเดินถือกระเป๋าใกล้เข้ามาจึงขับรถตามหล่อน ‘ปี๊น!’ บีบแตรเรียกหล่อนเบา ๆ ดลญาสะดุ้งหันไปมอง
เดือนสิบอุ้มดลญามาจนถึงห้องพยาบาล ระยะไม่ไกลมากจึงไม่เหนื่อย หล่อนได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นเรียบร้อย ตรวจดูอาการข้อเท้ายังพอเดินได้แต่อาจจะต้องใช้ไม้เท้าช่วยพยุง เดือนสิบถอนหายใจหลายสิบครั้ง ยังอารมณ์เสียไม่หาย ไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ดลญาถูกรุมทำร้าย“เสร็จแล้วค่ะ ทำเรื่องขอลาหัวหน้าได้เลยนะคะ” เสียงของพยาบาลประจำโรงงานเอ่ยกับดลญา“ไม่เป็นไรค่ะ เดียร์จะไปทำงานต่อค่ะ”“จะไม่เป็นไรได้ไง ดูสภาพตัวเองหน่อย” เป็นเดือนสิบที่เดือดร้อนจนทนไม่ไหว พยาบาลมองทั้งสองเลิ่กลั่กก่อนปลีกตัวให้ทั้งคู่ได้คุยกัน“เดียร์ไม่อยากถูกไล่ออก” โทษสถานหนักของพนักงานที่ทะเลาะวิวาทคือไล่ออก“เธอมีเรื่องอะไรกับพวกนั้น” ดลญาเองก็ไม่รู้ หล่อนส่ายศีรษะช้
บทที่ 16 ห่วงแบบแอบ ๆ ดลญาลาป่วยครบกำหนดตามใบรับรองแพทย์แล้ว อาการเท้าแพลงยังมีอยู่บ้างแต่เดินคล่องขึ้นกว่าวันแรก หล่อนกำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องโดยเดือนสิบยืนสูบบุหรี่จิบกาแฟตรงระเบียง ร่างสูงสูดอากาศยามเช้าเข้าปอด รู้สึกสดชื่นจนเผลอผิวปากอย่างอารมณ์ดี สองวันที่ผ่านมาได้หลับเต็มตาไม่ตื่นขึ้นกลางดึกอย่างเคย เสียงประตูเปิดออกพร้อมกับใบหน้าสวยหวานที่ไร้ซึ่งเครื่องสำอาง บุหรี่หมดมวนพอดี เดือนสิบทิ้งมันลงถังขยะ ขมวดคิ้วมองร่างเพรียวเล็กน้อย สาเหตุที่หลับสบายคงไม่ใช่เพราะหล่อนหรอกกระมัง “แต่งหน้าบ้างเถอะ ซีดอย่างกับศพ” วาจาร้าย ๆ รับอรุณ ดลญาทำปากยื่นบ่นอุบอิบ หยิบลิปสติกขึ้นมาเติม เ